คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CH04 :: 04:00
04:00
“หน้าพี่มีอะไรติดหรือเปล่า?”
เสียงทุ้มใสเอ่ยถามหลังจากรู้สึกตัวว่าถูกมอง
อือ
ผมเองแหละที่เอาแต่มองอีกคนไม่วางตาด้วยความสงสัยที่ผุดขึ้นมาในหัว
ไม่รู้ว่าซันสนิทกับสายรุ้งในระดับไหน
ถึงแม้ว่าเท่าที่รู้จักกันมาซันมันไม่ใช่พวกปากสว่าง
แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าเรื่องของผมกับคนใจร้ายคนนั้นจะถูกเล่าต่อหรือไม่
เอาเถอะ
จะเล่าหรือไม่เล่ามันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
“เปล่าครับ”
“เหรอ
แล้ว... เรามองหน้าพี่แบบนั้นทำไม มีอะไรอยากพูดหรือเปล่า
หรือว่าพี่ทำอะไรผิดให้เราไม่พอใจ” คำถามแสนเถรตรงถูกยิงใส่รัวๆ
พร้อมตากลมใสที่มองตรงมา ไร้ซึ่งแววของความยียวน
“พี่พูดเหมือนรู้อะไรเกี่ยวกับผมอย่างนั้นแหละ”
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่แสดงความอ้อมค้อม
ผมก็ไม่จำเป็นต้องอ้อมเหมือนกัน ไม่ถนัดด้วย เอาจริง
“ดูเจ็บปวดนะ
แววตาเราเมื่อกี้... ตอนที่มองซัน”
“...”
นี่อย่าบอกนะ ว่าเจ้าตัวคิดว่าผมชอบไอ้ซันอะไรแบบนั้นน่ะ
“อะไร
ทำไมทำหน้าตาอย่างกับเห็นผีแบบนั้น คิดอะไรอยู่น่ะ”
คงเพราะเผลอแสดงออกทางสีหน้าเยอะไปอีกนั่นแหละ อีกคนถึงได้ทำหน้าตาตื่นตามไปด้วย
แต่ฟังสิ่งที่เขาพูดสิ
มันน่าคิดไปเรื่อยแบบนั้นไหมล่ะ
“ผมไม่ได้ชอบไอ้ซันนะ”
“ก็ไม่ได้หมายความว่าเราชอบซันมันสักหน่อย”
“...”
“...”
เดดแอร์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ผมได้แต่มองหน้าอีกคนอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่อีกคนก็เอาแต่ทำหน้าซื่อกะพริบตาปริบๆ
“คืองี้
ซันมันบอกพี่ว่าเราเพิ่งเลิกกับแฟน แล้วอยู่ดีๆ เราก็ทำหน้าแบบนั้นตอนมองซัน
พี่ก็เลยเดาเอาไง แบบเห็นอะไรที่มันเกี่ยวกับคนคนนั้นก็เลยพาลให้คิดถึง”
บอกเล่าแจกแจง
ถูกเผง...
เป็นการเดาที่ตรงจนน่ากลัว
“คงอย่างนั้นแหละมั้งครับ
มันจบไม่สวยอ่ะ อะไรๆ มันก็เลยแย่ไปหมด” ตอบกลับพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ผ่านมาแล้วก็ปล่อยมันเนอะ
ร่างเริงเข้าไว้นะ” อีกคนว่าพลางตบลงบนบ่าอีกครั้งบีบเบาๆ
ก่อนผละออกไปหาเพื่อนตัวเองที่กำลังเดินกลับมาหา
และหันมาโบกมาลากันนิดหน่อยแล้วเดินจากไป
ดึกดื่นค่อนคืนหลังจากพากันไปกินข้าวเย็นโดยมีพี่จูนกับพี่ซิงค์ผู้อาวุโสเป็นเจ้ามือเลี้ยงแค่ค่าน้ำ
(เพราะใกล้สิ้นเดือน) ต่างคนก็ต่างแยกย้าย
กลับมานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงพลางเปิดโทรศัพท์เล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อย
‘[Rainbow]: สกายยยยย’
แจ้งเตือนเด้งขึ้นมาบนหน้าจอพร้อมชื่อของสายรุ้งทำให้ต้องกดเข้าไปดูข้อความที่ถูกส่งมาไม่หยุดในทันที
ใจความสำคัญเป็นเพียงแค่อีกคนอยากจะเลี้ยงข้าวตอบแทนที่ผมช่วยเก็บตัวเองมาเมื่อคืน
ซึ่งอันที่จริงผมว่าไม่ต้องก็ได้ แต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันที่จะเลี้ยงข้าวผมให้ได้
แต่พอประเด็นที่คุยเป็นเรื่องของกินแล้วเกิดหิวขึ้นมาอีกซะงั้น
ตามสั่งยามเย็นไม่สามารถเยียวยาได้ถึงสามทุ่มกว่าจริงๆ
คนวัยกำลังโต
(?) อย่างผมเรื่องกินก็ต้องมาก่อน
เลยวางโทรศัพท์เอาไว้ทั้งที่ยังไม่ได้กดล็อกหน้าจอแล้วเดินออกจากห้องนอนไปต้มบะหมี่สำเร็จรูปแทน
แต่พอกลับเข้ามาพร้อมบะหมี่ถ้วยก็เจอคนงอแงเพราะคิดว่าตัวเองทำให้ผมโกรธจนไม่ยอมตอบแชทตัวเอง
คิดเองเออเองเก่งจังล่ะคนเรา
แต่ตอบข้อความได้อีกไม่กี่คำอีกคนก็เป็นฝ่ายหายไปซะเอง
หายไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
หายไปแบบงงๆ
และก็กลายเป็นผมเองที่ต้องมานั่งคิดว่าระหว่างที่แชทสัพเพเหระผมเผลอไปทำอะไรให้สายรุ้งโกรธจนเทแชทกันหรือเปล่า
ซึ่ง...
ย้อนอ่านดูบทสนทนาที่คุยกันประมาณ 3 รอบผมก็ยังหาสาเหตุไม่เจออยู่ดี
...อิหยังวะครับเนี่ย
แต่จนแล้วจนรอด
แวะไปคุยแล่นในแชทกลุ่ม จนอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน
อ่านการ์ตูนฆ่าเวลาจนเลยเที่ยงคืนเข้าวันใหม่ และเผลอหลับไปตอนตีไหนสักตี
จนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีตอนเช้านั่นแหละ
ถ้ามีแจ้งเตือนข้อความข้างอยู่บนหน้าจอที่บอกว่า
‘เผลอหลับ’
จนคนที่รอมาทั้งคืน แล้วดูเวลาที่ส่งมาสิ
ตี 3 …
อือ
เชื่อแล้วล่ะว่าเผลอหลับจริงๆ
แต่ตอนนี้ก็เช้าแล้วผมเลยพิมพ์ตอบกลับไปและนั่งรอด้วยแอบหวังว่าอีกคนจะตื่นแล้วเหมือนกัน
แต่เปล่าเลย
ทุกอย่างเงียบสนิท
ไร้การเคลื่อนไหว จนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่
เดี๋ยวก็คงมาตอบเองแหละมั้ง...
10 โมงกว่าหลังจากพักเบรกระหว่างคาบเรียนเช้า
แจ้งเตือนบนหน้าจอทำให้ผมตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ด้วยคำบอกเล่าที่บอกว่าเพราะอดหลับอดนอนติดต่อกันหลายวันก็เลยเผลอหลับทุกทีที่มีโอกาสจากคนที่ผมรอมาค่อนคืน
แต่กว่าผมจะละจากเลคเชอร์ติดสปีดของอาจารย์ไปจับโทรศัพท์ได้ก็ปาข้าไปเกือบจะเที่ยง
พิมพ์ข้อความตอบกลับไปพร้อมทำใจในระดับหนึ่งว่าอีกคนคงไม่ตอบมาในระยะเวลาสั้นๆ
นี้แน่ๆ แต่ผิดคาดตรงที่ว่ากดส่งปุ๊บขึ้นอ่านปั๊บ
ผมตอบกลับไปว่าไม่ได้โกรธอะไรที่อยู่ๆ
ถูกสายรุ้งหลับทิ้งกันกลางทาง
แต่เจ้าตัวก็งอแงงุ้งงิ้งอะไรอยู่คนเดียวก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องเลี้ยงข้าวที่คุยกันค้างไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
และจบลงตรงที่สายรุ้งจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงพิซซ่าสำหรับมื้อเย็นของผมวันนี้
“เย็นนี้มึงกลับเองนะ
กูมีธุระ” หันไปบอกแทนที่ยืนต่อแถวซื้อข้าวอยู่ด้านหน้า
“ไปไหน”
เพื่อนตัวเตี้ยถามทั้งที่ยังไม่ละความสนใจจากเกมในโทรศัพท์
“ธุระ”
จะบอกว่าไปไหนก็ไม่ได้
เดี๋ยวนี้แทนมันสถาปนาตัวเองเป็นแฟนคลับสายรุ้งแล้ว ทั้งๆ
ที่เขายังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของมันด้วย แล้วถ้าเกิดว่ามันรู้ว่าธุระของผมคืออะไรมันต้องดีดดิ้นแน่ๆ
ไม่บอกนั่นแหละดีแล้ว
“อ่ะ
ด่ากูเสือกเลยก็ได้”
“เสือก”
“สัด”
อ่ะ พอทำอย่างที่เพื่อนมันบอกก็โดนด่ากลับเฉย แต่ก็ช่างเถอะ
ผมชินกับอาการผีบ้าผีบอของมันแล้วล่ะ
เลิกเรียนหลังจากแยกกับแทนและคริสผมก็ขับรถตรงไปห้างฯ
แต่มาถึงก็เหมือนอยู่มหาวิทยาลัย เพราะมีแต่พวกนักศึกษามาเดินกันให้ควัก
แต่เท่าที่เดินเข้ามาก็ไม่มีร้านไหนมีโปรเซลล์ลดราคานะ
ทำไมคนมันเยอะกว่าปกติขนาดนี้วะ ม้านั่งเต็มไม่เหลือที่ให้ผมนั่งบ้างเลย โห่
เดินมาจนถึงหน้าร้านก่อนส่งข้อความหาเจ้ามือว่าตัวเองอยู่ตรงไหน
และไม่นานหลังจากจบบทสนาในห้องแชทเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
ร่างสูงโปร่งสะดุดตาก็โผล่ออกมาจากลิฟต์ที่อัดแน่นเป็นปลากระป๋อง
ผมเผ้าที่กระเซิงถูกมือบางจัดทรงอย่างลวกๆ
พร้อมกับก้าวฉับๆ ตรงเข้ามาหา
“โทษที
พี่มาช้า ออกจากมอช้านิดเดียวรถแม่งอย่างติดเลย” เอ่ยขอโทษขอโพยกันตั้งแต่ประโยคแรกพร้อมอาการหอบน้อยๆ
ที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะพยายามเก็บเอาไว้
“พี่ดูเหนื่อยนะ”
ร้องทักทำให้คนที่กำลังเก็บอาหารหอบแดกชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“บ้า
พี่ไม่ได้เหนื่อยอะไรสักหน่อย แค่เดินจากลานจอดรถฝั่งนู้นมาเอง ไม่เห็นจะเหนื่อยเลย”
บอกปัดเสียงสูง ปฏิเสธยาวยืด แต่ไอ้การหายใจแรงๆ
นั่นยังไง๊ยังไงผมก็ดูออกว่าเจ้าตัวกับหอบแฮ่ก แต่ก็ยังเพียรที่จะเก๊กท่าอยู่
เรื่องแค่นี้ไม่ต้องเก๊กก็ได้มั้ง
“โห
อยู่กันคนละโยชน์เลย เป็นผมนะหอบไปแล้ว” แสร้งพูดพลางทำหน้าตาเหลือเชื่อทั้งๆ
ที่มุมปากกำลังจะกระตุกยิ้ม
ปกติคนอื่นๆ
เวลาเก๊กมันต้องน่าหมั่นไส้ถูกไหม
แต่สายรุ้งน่ะเป็นคนที่เก๊กยังไงก็ดูไม่น่าหมั่นไส้เลยสักนิด
“โห่
ตัวก็ออกจะใหญ่ไม่น่าจะเหนื่อยง่ายนะเราน่ะ”
“ฮะๆ
ไม่รู้สิครับ”
“เราไปที่ร้านกันดีกว่า
คนจะเยอะรึเปล่าเนี่ย” สายรุ้งว่าพร้อมออกตัวเดินนำไปที่ร้านซึ่งผมก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายเดินตามหลัง
แต่เจ้าตัวก็หันมามองหน้ากันก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อผมให้ก้าวขึ้นไปอยู่ข้างๆ
แทน
“มาด้วยกันก็เดินด้วยกันดิ
จะไปเดินข้างหลังเหมือนแยกกันมาทำไม เรามากันแค่สองคนเองนะ”
“อ่า
ครับ”
เมื่อเดินไปถึงร้านก็ดันเจอแจ๊คพ็อตที่ว่าคนเยอะแถมยังคิวยาวมากพอสมควร
มองดูแล้วมีความเสี่ยงเหมือนจะต้องหิ้วท้องรอจนไส้กิ่วก่อนแน่ๆ
“โห
คนเยอะมากเลย รอไหวไหมน่ะเรา”
“ผมยังไงก็ได้ครับ
อันที่จริงผมกินอะไรก็ได้แหละ พี่อยากรอหรือเปล่า”
ถามกลับไปเพราะแอบเห็นว่าอีกคนแอบเบะปากกับจำนวนคนอยู่ไม่ใช่น้อย
“งั้นเราเปลี่ยนร้านกันเถอะ
หาร้านที่คนน้อยๆ ดีกว่าเนอะ” พูดจบก็หมุนตัวเดินนำออกไป
แต่ก้าวตามไปได้แค่ก้าวเดียวคนข้างหน้าก็หยุดเท้ากะทันหันจนเกือบจะเดินชน
“จะว่าไปร้านพิซซ่าชั้นบนก็มีนี่
ลองไปดูกันไหม คนน่าจะน้อยกว่าที่นี่”
กว่าจะเดินมาถึงที่ก็กินเวลาอยู่นิดหน่อย
เพราะระหว่างทางสายรุ้งมักจะเดินเฉียดเข้าไปใกล้ๆ ร้านรองเท้าบ้าง ร้านหนังสือบ้าง
หรือบางทีก็เดินเข้าไปวนๆ ในร้านขายอุปกรณ์กีฬาก่อนจะเดินออกมาเมื่อเจอพนักงานเข้าประชิดตัว
ดูกวนโอ๊ยไม่หยอก
พวกพนักงานคงมีแอบด่าในใจบ้างแหละ ว่าไม่ซื้อแล้วจะเดินวนดูของทำไมตั้งนาน นี่ถ้าเจ้าตัวไม่บอกผมก่อนเข้าร้านว่า
‘ขอดูแป๊บนึง’ นะ
ผมคงจะเป็นอีกคนที่แอบด่าใจในแน่ๆ
“ทำไมเราถึงเลือกเรียนเอกฟิล์มล่ะ
ชอบดูหนังเหรอ” เจ้าของเสียงใสเอ่ยถามทำลายความเงียบหลังจากที่พนักงานรับออร์เดอร์หมุนตัวเดินกลับไปในครัว
“ครับ
พอดูหนังมากๆ เข้ามันก็อยากทำหนังเองบ้าง”
ใช้เวลาสำหรับมื้อเย็นเหมือนจะแป๊บเดียวแต่หลังจากกินเสร็จแล้วก้มมองนาฬิกาก็ปาเข้าไปเกือบจะทุ่มกว่าๆ
แล้ว
“ไอศกรีมไหม”
อยู่ๆ คนที่เดินอยู่ข้างๆ
ก็โพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้นพร้อมมือที่คว้าหมับเข้าที่แขนข้างซ้าย
“เอ่อ...
คือเราเพิ่งจะกินพิซซ่ามาเองนะครับ พี่ยังกินได้อยู่เหรอ”
ถามพลางมองหน้าอีกคนตาปริบๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็ทำท่าทางเหมือนกำลังอ้อน (?)
ให้ผมยอมเออออไปกับตัวเอง
“กินคาวแล้วต้องกินหวานดิ
กินนะๆ พี่เลี้ยงๆ” พูดจบก็ปล่อยมือที่เขย่าแขนผมพลางตบเบาๆ
เป็นเชิงบอกให้ผมอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน ก่อนที่เจ้าตัวจะหมุนตัวเดินฉับๆ
ตรงดิ่งไปยังร้านไอศกรีมที่ลูกค้าคนสุดท้ายเพิ่งจะเดินออกจากหน้าร้านไปพอดี
“อ่ะ
ของเรา” เดินกลับมาในเวลาไม่กี่นาทีแถมด้วยยัดเยียดของหวานใส่มือผมเสร็จสรรพ
อือ...
เลี้ยงของกินเก่งเหลือเกินล่ะคนนี้
“ขอบคุณครับ”
แต่ก็นั่นแหละ เจ้าตัวเขาซื้อมาแล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ
จบมื้ออาหารและของหวานฟรี
ขับรถกลับมาถึงหอพร้อมกับแชทห้องเรียนที่เด้งแจ้งเตือนขึ้นมาเรื่องงานที่ต้องส่งอาจารย์พรุ่งนี้...
ไม่รู้ว่าตั้งแต่กลับมาผมั่งทำงานไปนานแค่ไหน
แต่เคยเป็นกันไหม ที่อยู่ดีๆ ความคิดในหัวที่กำลังไปได้ดีก็ดันสะดุดกึกแบบไม่มีสาเหตุ
หัวตื้อขึ้นมาดื้อๆ ซะอย่างนั้น ผลก็เลยออกมาในรูปแบบที่ว่าผมมานั่งตากยุงดึกๆ
ดื่นๆ ในสวนสาธารณะข้างหอ
ไม่สิ
ผมทายากันยุงก่อนลงมาแล้วนะ
นั่งเหม่อได้ไม่กี่นาทีเสียงแจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้นรัวๆ
จากที่ทำเป็นไม่สนใจก็ต้องกดเข้าไปดูเพราะชื่อของเจ้าของแจ้งเตือน
‘[Rainbow]: นึกว่าผี ทำไมมาอยู่คนเดียวมืดๆ แบบนี้ เห็นตอนแรกแทบจะกรี๊ด’
อ่านข้อความจบและถามกลับไปว่าเจ้าตัวออกมาทำอะไรดึกดื่นแบบนี้ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ
ก็เห็นว่าทางเดินหินที่ห่างออกไปไม่ใกล้ไม่ไกลมีร่างของคนในแชทยืนหันหลังให้ผมอยู่
และดูเหมือนเจ้าตัวก็กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความใส่โทรศัพท์ไม่หยุด
‘[Rainbow]: ก่อนถามพี่ถามตัวเองก่อนมะ แล้วนั่งตรงนั้นน่ะ ไฟก็ติดๆ ดับๆ
มันน่ากลัวนะเว้ย
‘[Rainbow]: คนผ่านไปผ่านมาเค้าหัวใจวายตายขึ้นมาทำไง’
จากจุดที่ผมออกมานั่งตากลมอยู่ตรงนี้
ใต้เสาไฟที่ติดๆ ดับๆ เหมือนในหนังผีสักเรื่องอย่างที่โดนว่าจริงนั่นแหละ
แต่ว่านะ...
‘skyyy: ผีอะไรหน้าตาดีเบอร์นี้’
แชทข้อความตอบโต้กันอีกนิดหน่อยได้ใจความที่ว่าสายรุ้งมาทำงานกลุ่มที่หอเพื่อนแถวนี้แต่ดันหิวเลยแอบเพื่อนลงมาซื้อขนมกินคนเดียวดึกดื่นค่อนคืนแบบนี้
ผมเลยดุอีกฝ่ายไปนิดหน่อย เพราะตัวก็แค่นั้นยังทำเป็นซ่าไปได้
เดี๋ยวนี้ต่อให้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงมันก็ไม่ควรไปไหนมาไหนตอนกลางคืนคนเดียวอยู่แล้ว
‘[Rainbow]: ขอยาดหมั่นไส้
หลงตัวเองฉิบหายนะเราอ่ะ’
‘skyyy: แล้วสรุปพี่ออกมาทำอะไรอ่ะ’
‘[Rainbow]: หิว’
‘skyyy: อ่อ ว่าแต่พี่หพี่อยู่แถวนี้เหรอ’
‘[Rainbow]: ไม่อ่ะ มาทำงานหอเพื่อน’
อือ
มาทำงานหอเพื่อนก็ยังแอบหนีเพื่อนลงมาเดินคนเดียวเพราะหิวกลางดึก
ชวนเพื่อนลงมาด้วยกันสักหน่อยก็ไม่ได้เนาะคนเรา
คุยกันต่ออีกนิดหน่อย
สายรุ้งถามผมกลับว่าทำไมถึงมานั่งตากยุงก่อนจะไล่กันไปนอนเพราะแค่ผมเด็กกว่าส่วนเจ้าตัวก็จะรีบไปซื้อขนม
ได้แต่มองหน้าจอดับไปทั้งอย่างนั้นพร้อมเสียงย่ำเท้าเร็วๆ
ห่างออกไปของคู่สนทนาเมื่อครู่
ผมว่า...
คนแก่ก็ไม่ควรนอนดึกนะ
ครืด...
ครืด... ครืด...
แรงสั่นสะเทือนจากแจ้งเตือนของโทรศัพท์เป็นสิ่งที่ปลุกให้จำใจตื่นตั้งแต่เช้าทั้งๆ
ที่วันนี้เป็นวันหยุด และผมควรจะได้ตื่นสายๆ หรือไม่ก็บ่ายเหมือนอย่างทุกที
กดเข้าไปดูแจ้งเตือนกลุ่มที่ไอ้แทนส่งอะไรมาก็ไม่รู้รัวๆ
พร้อมคาดโทษในใจว่าถ้าเรื่องที่มันรัวใส่ห้องแชทมันไร้สาระผมจะคิดเงินค่าเสียเวลากับแม่งซะให้รู้แล้วรู้รอด
ใจความสำคัญไม่ได้มีอะไรเลยนอกจากมันหวีดร้องใส่ห้องแชทว่าเจอสายรุ้งกับเจมิไนซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมใต้หอมัน
นั่นก็แปลว่าหอเพื่อนของสายรุ้งคือหอเดียวกับที่แทนมันอยู่ซึ่งอยู่ถัดจากหอของผมไปแค่สองตึก
แต่จะว่าไปไม่ยักรู้ว่าเจมิไนรู้จักสายรุ้งด้วย...
คิดแค่นั้นก็ปัดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อหาห้องแชทของเจมิไนที่คุยกันครั้งล่าสุดเมื่อ...
เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ลืม
พิมพ์คำถามไปให้อีกคนและแน่นอนว่ามันขึ้นอ่านแทบจะในทันที
แต่เจมิไนก็คือเจมิไน เมื่อตอนเด็กเคยบ้าบอไร้สาระยังไง ตอนนั้นก็เป็นอย่างนั้น
เพราะแม่งเอาแต่เวิ่นเว้อไปเรื่อยและมัวแต่ถามนั่นนี่จนไม่ยอมตอบคำถามผมสักที
ไม่ถามแล้วก็ได้วะ
ลีลาฉิบหายเลยพี่เวร
เวลาแห่งการพักผ่อนย่อมผ่านไปไว
นั่งๆ นอนๆ แป๊บเดียวก็จะหมดวันแล้ว
เจมิไนที่ดูเหมือนจะยังติดใจกับสิ่งที่ผมถามเจ้าตัวไปเมื่อตอนเช้าวนกลับมาอีกครั้งและเซ้าซี้ถามไม่หยุดว่าผมไปถามว่าถึงสายรุ้งกับมันทำไม
‘skyyy: กูอยากรู้’
‘skyyy: แค่นั้น’
มันมีแค่นั้นจริงๆ
นะ แบบอยากรู้ไว้ประดับหัวเฉยๆ อะไรแบบนี้ แต่ก็ยังถูกถามหาที่มาที่ไปที่มากกว่านั้นอีก
ก็เลยเล่าย้อนไปอีกนิดหน่อยว่าบังเอิญรู้จัก
การจะรู้จักคนใหม่ๆ
ถ้าไม่ใช่เราตั้งใจเข้าไปทักอีกฝ่ายแล้วมันก็มีแค่มีเรื่องบังเอิญหรืออะไรสักอย่างให้ต้องรู้จัก
มันก็แค่นั้นไหม แต่เจมิไนมันจะอยากรู้อยากเห็นอะไรเบอร์นี้วะครับ อย่างงง
แถมยังมีการส่งรูปของสายรุ้งมายืนยันด้วย
แล้วยังบอกว่าเรียนอยู่เซคเดียวกันอีกต่างหาก
แต่...
คนเราจำเป็นต้องมีรูปเพื่อนร่วมคลาสเก็บไว้ด้วยเหรอ
ไม่เคยเจอ และพอทำเป็นแกล้งถามแกล้งแซวกลับไปว่าชอบเขาเหรอถึงได้มีรูปเขาในโทรศัพท์
ก็พบคนมีพิรุธ 1 อัตรา
และเรื่องนี้ต้องถึงหูแฟนคลับอันดับ
1 ของสายรุ้งอย่างไอ้แทน หึๆ
ถึงมันจะดูเป็นนิยายเพ้อฝันหรือละครน้ำเน่าจนเกินไป
แต่มันก็มีความเป็นไปได้ที่ข้อสันนิษฐานของผมจะตรงกับของคนอื่นๆ ในห้องแชทกลุ่ม
อีกอย่างรูปที่เจมันมีน่ะ
ไม่น่าจะเอาไว้แบล็กเมล์หรือสามารถมารถเอาไปทำมีมล้อเลียนได้เลยสักนิด
...ร้อยเอาหนึ่ง
ผมว่าเจมันชอบสายรุ้งแหละ
“แต่เมื่อเช้าแทนมันบอกว่าเจอสายรุ้งกับเจทำท่าจะตีกันนี่หว่า
แปลว่าสายรุ้งไม่ชอบเจมันอยู่ฝ่ายเดียวเปล่าวะ”
นั่งตั้งคำถามกับตัวเอง
แต่ก็ยังไม่ทันได้หาคำตอบแชทจากมนุษย์ที่กำลังนิดทาก็เด้งขึ้นมาอีกแล้ว
และมันก็เป็นเรื่องเดิมๆ
ที่เจมันสงสัยใครรู้แบบยกระดับขึ้นไปอีกว่า ทำไมผมต้องไปถามมันว่ารู้จักสายรุ้งไหม
เอาตรงก็เริ่มรำคาญพี่ตัวเองแล้วแหละ
(จากที่รำคาญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) แต่การเห็นคนเสียอาการมันก็แอบสนุกอยู่ในที
ก็เลยแหย่มันไปอีกหนึ่งดอกจนเจมันโวยวายใหญ่โตปฏิเสธพัลวันว่าไม่ได้ชอบสายรุ้ง
ตอนนี้ผมว่า...
เจมันชอบสายรุ้งร้อยเปอร์เซ็นต์เลยแหละ
โทรศัพท์ไร้การแจ้งเตือนได้ไม่กี่นาที
อีกหนึ่งในหัวข้อสนทนาก็ส่งข้อความมาหาผมรัวๆ
จำนวนข้ความเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึงนาที
และเมื่อเปิดดูข้อความใดๆ
ทั้งหมดทั้งมวลที่รัวมาพรึ่บพรั่บก็คือเหมือนสายรุ้งจะคุยกับตัวเองแกมตัดพ้อไปเรื่อยเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผมมากกว่า
จนต้องเลิกสนใจเจมิไนมาเบรกคนที่รัวข้อความที่เริ่มจะเล่นใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
‘skyyy: ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย’
‘skyyy: ผมคอลได้’
‘skyyy: ไม่ติดอะไรเลย’
‘[Rainbow]: เย่ะ’
เอ๊ะ
เหมือนนี่เป็นอุบายเล่นใหญ่ใส่เพื่อให้ผมยอมทำอะไรสักอย่างเพื่อตามใจเจ้าตัว...
ไม่สิมันเป็นแบบนั้นแหละ!
CH04 :: 100%
นิยายรายครึ่งปีมาแล้วขอรับ ฮ่าๆๆๆ อัพช้ากว่าเดิมไปอีก
(ข้าน้อยผิดไปแล้ว ;-;)
แต่ยังไงก็จะไม่เรสนะขอรับ ข้อน้อยอยากให้เรื่องนี้จบ แต่จบตอนไหนอันนี้ไม่รู้
อุแหะ
แต่ตอนนี้ข้าน้อยขอฝากสกายกับสายรุ้งไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของคุณรีเดอร์ด้วยนะขอรับ
ข้าน้อยจะพยาแยมเข็นตอนต่อไปออกมาไวๆ (แม้จะยากมว๊ากกกกก)
ติดชมเข้ามาได้ได้นะขอรับ แล้วพับกบกันใหใหม่ในตอนต่อไปนะขอรับ
จะมีมาม่าไหมไม่รู้ แต่ข้าน้อยก็กินบ่อยอยู่นะขอรับ
(เพราะคิดเมนูไม่ออก) แหะ
#สายรุ้งสีคราม
ความคิดเห็น