ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FULL-TIME #สายรุ้งสีคราม

    ลำดับตอนที่ #11 : CH10 :: 10:00

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 65





    10:00

     

    “กาย”

    “สกาย”

    เสียงเรียกแสนคุ้นหูดังเท่ากระซิบ ก่อนหัวเราะคิกคักเบาๆ เรียกให้ค่อยลืมตาขึ้นมามอง

    ใบหน้าสวยลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า ประดับด้วยยิ้มสดใสที่ทำให้ต้องยิ้มตาม ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งด้วยความง่วงที่มากมาย

    “ตื่นได้แล้ว” เสียงหวานบอกพลางนั่งคร่อมบนตักก่อนสองมือจะถูกฉุดกระชากให้ลุกขึ้นนั่งอย่างแรง

    !!!

    ลืมตาโพลงอย่างตกใจกับเรี่ยวแรงมากมายผิดวิสัยของผู้หญิง...

    อ่า... ฝันเหรอ ฝันถึงคนเก่าทั้งๆ ที่อยู่กับคนใหม่เนี่ยนะกู ทุเรศไปนะบางที แต่ก่อนจะคิดอะไรมากไปกว่านั้นเจ้าของห้องและคนที่ปลุกกันตัวจริงก็โพล่งขึ้นเสียก่อน

    “พี่ขอโทษที่ต้องปลุกนะ แต่โทรศัพท์เราดังไม่หยุดเลยอ่ะ” สายรุ้งที่ขยับตัวลงไปจากตักที่คุกเข่าคร่อมอยู่ บอกพลางชี้ไปที่โทรศัพท์ของผมที่หน้าจอโชว์แจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับจำนวนมาก

    ครืด...

    โทรศัพท์สว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมโชว์ชื่อที่เมมเอาไว้ว่าใครที่เป็นซ้อมเป็นไก่โทรจิกกันขนาดนี้

    ‘BRO’

    เอี้ยวตัวไปหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารมารับสายด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้าง...

    สายรุ้งยังจับค้างเอาไว้ตั้งแต่ปลุกกันด้วยวิธีฮาร์ดคอร์

    คุยกับพี่ชายอย่างผืนฟ้าเพียงไม่ถึงนาทีด้วยใจความแค่ว่า วันนี้ผมต้องเอารถไปไว้ที่บ้านเพื่อวันพรุ่งนี้ฟ้าจะเอาไปเข้าศูนย์เพราะถึงคิวเรียกเอารถไปเคลมแล้ว

    สักทีนะ นี่ผมใช้รถทั้งที่มีรอยขูดเป็นทางยาวขนาดนั้นมาได้ตั้งเทอมกว่าๆ แต่ช่างเรื่องนั้นเถอะ แค่เอารถไปไว้ที่บ้านค่อยจัดการตอนเย็นๆ ก็ได้ กลับมาที่คนตรงหน้าก่อนดีกว่า

    “พี่รุ้งครับ”

    “หือ ว่าไง”

    “...” ยังไม่พูดอะไรต่อออกไปในทันทีที่อีกคนตอบรับ แต่เลือกที่จะหลุบสายตาลงมองมือข้างที่จับมือเรียวของเจ้าตัวเอาไว้ก่อนบีบเบาๆ แล้วนเคลื่อนสบนัยน์ตาสีนิลอีกครั้ง

    “ผมฝันถึงเขาแหละ”

    “...”

    ไม่มีใครพูดอะไรอีก จากที่ทำท่ากระตือรือร้นที่จะฟังในสิ่งที่ผมบอกอย่างตั้งใจกลับฉายแวววูบไหวเพียงชั่วครู่ก่อนจะนิ่งสงบอย่างคาดเดาไม่ได้

    “ขอโทษนะ ที่ทำให้พี่รู้สึกไม่ดี” บอกกล่าวออกไปเสียงอ่อนตามความรู้สึกสุดท้ายที่ตกตะกอน

    “เมื่อก่อนเราคงรักเขามากใช่ไหมล่ะ ไม่แปลกหรอกที่ยังฝันถึง ไม่ต้องขอโทษพี่ด้วย เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” สายรุ้งว่าทันทีที่ผมพูดจบ นัยน์ตาสีนิลที่มองกลับมาฉายแววจริงจังดั่งคำที่พูดออกมา

    “ไม่อยากจำได้เลยครับว่าเคยรู้สึกดีกับคนแบบนั้น” ความรู้สึกแย่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเพียงเหตุการณ์เดียวกลับทำให้เรื่องดีๆ ระหว่างผมกับเธอคนนั้นกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว ความขุ่นเคืองเริ่มผุดพรายขึ้นมาแทนความเสียใจที่เคยมี

    เราไม่ควรให้ค่ากับคนที่ไม่เห็นค่าเรา แต่ติดนิดเดียว ไปฝันถึงทำไม โกรธตัวเองก็ตรงนี้แหละ

    ...แย่มาก

    “ไม่อยากจำจริงๆ เหรอ อย่างน้อยก่อนหน้านั้นก็มีแต่เรื่องดีๆ ใช่ไหมล่ะ” บอกพลางเอื้อมมือมาลูบหัวกันก่อนจะเอ่ยต่อ “แค่ตอนที่มีความสุขก็ไม่อยากจำเอาไว้เหรอ”

    เสียงทุ้มใสว่าจบพร้อมเอียงคอมองในขณะที่มือที่เคยลูบหัวเคลื่อนลงมาประกบที่ข้างแก้มก่อนจะบีบเล่นเหมือนคนกำลังมันเขี้ยว

    “ลองปล่อยวางดู ลองหันไปสนใจอย่างอื่นแทน” สายรุ้งว่าพร้อมมองเข้ามาในตากันตรงๆ ก่อนที่แก้มขาวจะเริ่มขึ้นสีเลือดฝาดจางๆ

    หนทางหลุดพ้นมันก็คงจะมีแค่นั้น ถ้าวางเรื่องนั้นลงได้ ก็คงไม่รู้สึกอะไรเวลาที่เผลอนึกถึงอีก

    “ครับ”

    “ดีมากเจ้าลูกหมา” ว่าแล้วก็ยีผมจากที่ยุ่งอยู่แล้วให้ยุ่งหนักเข้าไปอีก

    แต่ว่านะ สายรุ้งก็เรียกผมเป็นหมาไปอีกคนแล้วนั่น ควรรู้สึกดีไหมที่มีแต่คนบอกว่าตัวเองเหมือนหมาเนี่ย

    “หิวไหม” อยู่ๆ สายรุ้งก็เปลี่ยนไปโหมดของกินเอาดื้อๆ หลังจากก้มมองนาฬิกาข้อมือ หลังสิ้นคำถามผมก็หันไปมองนาฬิกาบ้าง

    โครก...

    พอรู้ว่าตอนนี้ปาเข้าไปเที่ยงแล้วกระเพาะก็ทำงานทันที

    “ป่ะ ไปหาข้าวกินกันเถอะ”

     

    แต่กว่าจะได้กินข้าวก็เสียเวลาไปนานโข ไม่ใช่เพราะร้านทำนาน แต่เป็นเพราะเลือกไม่ได้จนต้องมานั่งนึกสิ่งที่ตัวเองกินได้มาทำเป็นสลากจับว่าจะกินอะไรกันดี ให้พูดจริงๆ มันก็ไม่ใช่สลากธรรมดาแต่เป็นตู้ชิงโชคแบบในอนิเมะญี่ปุ่นเลย

    ถ้าถามว่าในห้องสายรุ้งมีไอ้ตู้นี่ได้ยังไง เจ้าตัวก็บอกว่าไปเจอที่ร้านขายของชำ มันเป็น package ขนม

    ใช่ Package ขนมอันเท่ากำปั้นน่ะ ไอ้สลากที่ไปบ้าจี้นั่งทำด้วยอันก็อันเท่าเล็บแมว

    เท่านี้พอสำหรับประสบการณ์สุ่มเมนูข้าว

    ข้าวร้านหน้าหอสกาย

    นี่คือสิ่งที่ได้ ซึ่งสายรุ้งเป็นคนเขียนลงไปโดยหารู้ไม่ว่าหน้าหอพักผมมีแค่ร้านก๋วยเตี๋ยวรถเข็นอยู่เจ้าเดียว

    “เรามากินร้านนี้บ่อยไหม แต่ดูจากโลเคชันก็น่าจะบ่อยล่ะสิ ใช่ไหม” สายรุ้งถามเองตอบเองพลางกวาดสายตามองนั่นนี่รอบตัวครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

    “ไม่บ่อยเท่าไหร่หรอกครับ”

    “อ้าว สกายนี่” เสียงหวานที่ค่อนข้างจะคุ้นดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมด้วยอีกคนที่คุ้นตาเดิมตามหลังมาติดๆ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่

    “ไงแซม ไงฌา” เอ่ยทักคนตรงหน้าและเผื่อแผ่ไปถึงคนที่ยังคงยืนหน้าบูดอยู่ใกล้ๆ

    “พี่คือพี่สายรุ้งใช่ไหมคะ พอเห็นใกล้ๆ แล้วน่ารักจังเลย” แซมหันไปถามสายรุ้งที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจนเจ้าตัวทำท่าตกใจที่จู่ๆ ก็มีคนไม่รู้จักไปเรียกชื่อตัวเองแถมยังชมว่าเจ้าตัวน่ารักเสียงดังแบบนั้น

    แต่ผมสงสัย แซมรู้จักชื่อสายรุ้งได้ยังไง ในเมื่อผมไม่เคยบอกว่าคนคุยของตัวเองชื่ออะไร

    “เอ่อ ครับ ขอบคุณที่ชมครับ” สายรุ้งหยักหน้ารับคำชมอย่างมึนๆ ก่อนจะหันมาส่งสายตาเป็นคำถามมาทางผม

    “แซมนะคะ ส่วนนี่โรฌา พวกเราเป็นเพื่อนเซคเดียวกับสกาย ถ้าไม่รังเกียจแซมขอนั่งด้วยได้ไหมคะ พอดีว่าโต๊ะเต็มหมดเลย” พูดรัวๆ ปิดท้ายด้วยการส่งสายตาน่าสงสารไปให้สายรุ้ง ส่วนคนที่ถูกรัวคำพูดใส่ก็ได้แต่ตอบว่า

    “ครับ”

    “เย่ ขอบคุณนะคะพี่รุ้ง” แล้วก็ฉีกยิ้มหวานใส่ก่อนนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างตรงหน้าซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของผม ส่วนโรฌาที่ไม่ได้พูดอะไรก็เอาแต่ถอนหายใจก่อนจะเดินมานั่งที่ว่างทางขวามือของผมที่เหลืออยู่

    ไม่นานอาหารที่สั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟ พร้อมกับข้อความจากฟ้าที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์

    ‘PheunFah: ถึงบ้านกี่โมง คุณนายถามหาแล้ว

    ‘skyyy: แป๊บ กินข้าวอยู่

    ตอบพี่ชายที่แปลงร่างเป็นไก่ไปแค่นั้นก่อนจัดการอาหารตรงหน้าให้เรียบร้อย แน่นอนว่าผู้ชายย่อมกินเสร็จเร็วกว่าผู้หญิงเป็นธรรมดา เมื่อเห็นว่าสายรุ้งกินเสร็จผมเลยออกปากขอตัวไปทำธุระกับเพื่อนทั้งสองทันที

    “นี่เรามีธุระต้องไปทำต่อเหรอ ทำไมไม่บอกล่ะ พี่ทำเราเสียเวลาหรือเปล่าเนี่ย” สายรุ้งเปิดปากถามทันทีที่เข้ามานั่งประจำที่ข้างคนขับเรียบร้อย แถมเจ้าตัวยังเบะปากทำหน้างอง้ำเสียอย่างนั้น

    “อันที่จริงก็ไม่ใช่ธุระอะไรหรอกครับ แค่ฟ้าให้กายเอารถไปเปลี่ยนกับคันที่บ้านน่ะ” ได้ยินแบบนั้นก็เลิกทำหน้างอทันทีแต่ก็ยังคงเบะปากอยู่เหมือนเดิมจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแหย่เล่น

    “เหะ แล้ว... คือ... ไปตอนนี้เหรอ เราไปคนเดียวใช่ไหม” แต่คนชอบเบะปากก็โพล่งถามหน้าตาตื่นก่อนที่ปลายนิ้วจะแตะลงบนริมฝีปากบางนั่น

    “เหย พี่ก็ต้องไปด้วยอยู่แล้วสิ พี่มากับกายนะ จะให้ทิ้งพี่ไว้ที่นี่แล้วกลับเองเหรอ” ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็ยิ่งออกอาการเลิ่กลั่กเหมือนผมจะพาไปโรงเชือดก็ไม่ปาน

    “ทิ้งพี่ไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่กลับเอง เราไปเถอะ นะๆ” ส่ายหัวปฏิเสธพัลวันจนผมแทบกระเซิง ยิ่งทำให้อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา

    ดูท่าจะกลัวการไปบ้านผมมากเลยนะนั่น

    “ไปด้วยกันแหละครับ พ่อกับแม่กายไม่ดุหรอก ไม่ต้องกลัวนะ โอ๋ๆ” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปลูบหัวปลอบคนที่กำลังจะสติแตกอย่างอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ แค่ไปบ้านคนคุยมันต้องขนาดนี้เลยนะ

    “ไม่ดิสกาย แค่เป็นคนคุยก็พาไปที่บ้านแล้วเหรอ บางทีเราต้องใจร่มๆ ก่อนนะ ค่อยพูดค่อยจากันก๊อน”

    “ฮะๆ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วครับ เดี๋ยวกายไปส่งพี่ที่หอก่อน” ยกมือเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนที่คนตรงหน้าจะโอดครวญไปมากกว่านี้ พร้อมเฉลยว่าที่จะพาไปที่บ้านก็แค่แกล้งเล่น

    แต่นั่นแหละ พอรู้ว่าถูกแกล้งริมฝีปากบางนั่นก็กลับมาเบะอีกแล้ว

    “โห ไรอ่ะ ทำไมขี้แกล้งขนาดนี้เนี่ย” ว่ากันอย่างมีน้ำโหหน่อยๆ พร้อมฝ่ามือพิฆาตที่ตีแขนดังป๊าบไปทีนึง

    ดูเหมือนจะตีไม่แรง แต่ความจริงก็คือเจ็บหน่อยๆ เหมือนกันนะเนี่ย นี่สายรุ้งเป็นคนมือหนักถูกไหม ต่อจากนี้ถ้าผมแกล้งจนถูกตีอีกซ้ำๆ ตัวจะน่วมไหมให้ทาย

     

    วันต่อมาแทนที่จะได้ตรงจากบ้านไปมหาวิทยาลัยเลยก็มีเหตุต้องวนรถกลับมาที่หอเพราะดันลืมงานที่ต้องส่งอาจารย์บ่ายนี้

    พลั่ก!

    “โอ๊ย!

    มือที่กำลังปลดล็อกล็อกรถหลังจากที่กวาดของจำเป็นมาเรียบร้อยแล้วชะงัก พร้อมหันไปดูทางต้นเสียงที่มาจากทางด้านหลัง

    เอกสารกระจัดกระจายพร้อมกับเจ้าของเสียงที่นั่งจุมปุ๊กอยู่ที่พื้น

    จะให้ทำเป็นไม่สนใจก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย ก็เลยช่วยเก็บชีทที่กระจายบนพื้นไปให้ผู้หญิงที่กำลังพยายามลุกขึ้นอย่างทะลักทุเลเพราะกระโปรงทรงเอแคบๆ นั่น

    “ขอบคุณค่ะ อ้าว! สกายเหรอ” ก้มหัวขอบคุณปลกๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเพื่อพบว่าคนตรงหน้าก็คือแซมเจ้าเก่า ว่าแต่ไม่เคยเห็นแซมอยู่ที่นี่มาก่อนเลยแฮะ

    “เพิ่งรู้ว่าแซมก็อยู่หอนี้”

    “อ๋อ เราเพิ่งย้ายมาเมื่อวานน่ะ สกายก็อยู่ที่นี่เหรอ ดีจังเลยนึกว่าจะไม่มีเพื่อนซะแล้ว” รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้หลังพูดจบ และผมก็ได้แค่พยักหน้ารับรู้ไปเท่านั้น

    “แล้วนี่สกายกำลังจะไปเรียนใช่ไหม เราขอติดรถไปด้วยได้ไหม”

    อ่ะ ได้ก็ได้

     

    ครืด...

    เสียงสั่นจากแจ้งเตือนโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกความสนใจจากอาจารย์หน้าห้องที่กำลังร่ายคาถายานอนหลับได้เป็นอย่างดี ถ้าเป็นตอนปี 1 ก็จะเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนอยู่หรอก แต่ตอนนี้เรียนแล้วง่วงมาก ขอเล่นหน่อยเถอะ โทรศัพท์เนี่ย

    ‘[rainbow]: อยากกินผัก เย็นนี้เราว่างเปล่า ไปกินผักกัน

    ยังไงนะ ไปกินผัก? หมายถึงกินมังสวิรัติเหรอ?

    ‘skyyy: ผัก?

    ‘[rainbow]: โทษทีๆ ซิสเลอร์ๆ อยากกินสลัดบาร์

    อ๋อ ว่าแต่ทำไมไม่เรียกสเต๊กล่ะ ซิสเลอร์มันเป็นร้านสเต๊กนะ

    แอบอาจารย์คุยอีกแป๊บก็ได้ข้อสรุปว่าคนแก่กว่ายังคงหมกตัวเองทำงานอยู่ที่ห้อง และมื้อเช้ากับมื้อเที่ยงมีแค่บะหมี่คัพเท่านั้นที่ตกถึงท้อง ตอนเย็นผมก็จะแวะเข้าไปรับเจ้าตัวไปกินอาหารที่สมควรเรียกว่าอาหารจริงๆ

    เมื่อถึงเวลานัด ผมที่ไปถึงหอของสายรุ้งก่อนเวลาก็เลือกที่จะจอดรออยู่หน้าหอ และส่งข้อความไปบอกว่าถึงแล้ว

    ไม่นานสายรุ้งก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์กับกางเกงยีนขาดเข่าสีซีด ยืนจิ้มๆ โทรศัพท์ก่อนที่ข้อความแจ้งเตือนจะขึ้นโชว์บนหน้าจอถามหาว่าผมอยู่ไหน

    ‘skyyy: อยู่หน้าหอครับ

    ‘[rainbow]: ไม่เห็นมีเลย เราจอดรถไว้ตรงไหนอ่ะ

    คำตอบที่ได้ทำเอามึนตึ๊บ นี่ผมกลายเป็นผีเหรอ ทำไมสายรุ้งไม่เห็นก่อน แถมเจ้าตัวยังทำท่าจะเดินไปทางอื่นอีก แต่มานึกดูอีกทีผมไปเปลี่ยนรถมา สายรุ้งไม่รู้ว่ารถคันไหนก็ถูกแล้วนี่ เอ้อ

    “พี่รุ้ง!” ก็ต้องโผล่หัวออกไปร้องเรียกก่อนที่เจ้าตัวจะเดินไปทางอื่นจริงๆ

    “เอ้า! ไอ้เราก็มองหาอยู่ตั้งนาน” ได้ยินแค่นั่นก่อนที่คนตัวบางจะวิ่งทั่กๆ มาขึ้นรถก่อนจะเปิดฉากบ่นกระปอดกระแปดเบะปากเป็นเด็กๆ เหมือนที่ชอบทำประจำ จนแอบรู้สึกอยากบีบเล่นสักทีสองที

    “ว่าแต่พี่รุ้งจองคิวที่ร้านไว้หรือยังครับ” โพล่งถามเปลี่ยนกระเด็นคนที่ยังคงงุบงิบไม่หยุดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าร้านที่กำลังจะไปมันก็เป็นหนึ่งในร้านสิ้นคิดเวลาไม่รู้จะกินอะไรเหมือนกัน ถึงจะเป็นแค่ร้านสเต๊กแต่คนก็เยอะจนต้องรอคิวนานเอาเรื่องเหมือนกัน

    “เออ ยังเลยเดี๋ยวจองก่อนๆ” ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดๆ อย่างที่ว่า

     

    หน้าบุญที่จองคิวเอาไว้ก่อน พอมาถึงหน้าร้านถึงไม่ต้องหิ้วท้องรอนาน และใช้เวลาสั่งเมนูกับพนักงานแค่ไม่กี่นาทีสายรุ้งก็ลุกไปเดินวนไปเวียนมาอยู่ที่โซนสลักบาร์อย่างที่เจ้าตัวบอกว่าอยากกิน

    รอบแรกสลัดกองพูนจานกับซุปครีมถูกยกมาวางที่โต๊ะเหมือนเป็นสัญญาณว่าถึงตาผมที่ต้องลุกไปหาอะไรรองท้องบ้าง แต่ทันทีที่มือบางวางจานและถ้วยซุปลง สายรุ้งก็หมุนตัวเดินกลับไปอีกรอบทันที

    ทิ้งผมไว้กับสลัดล้นจานกับซุปครีมปริ่มถ้วย...

    อันนี้สำหรับกินกี่คนกันนะ เผื่อผมเหรอ? ไม่มั้ง หรือว่าจะมีใครมาอีก ก็ไม่น่าใช่เพราะบอกพนักงานไปแล้วว่ามาแค่สองคน

    รอบที่สองสายรุ้งกลับมาพร้อมจานผลไม้ชนิดละชิ้นสภาพเหมือนกิน fine dining อะไรประมาณนั้นกับข้าวเกรียบ ก่อนจะทำท่าเหมือนกับจะนั่งแต่ก็ไม่นั่งเพราะสายรุ้งยังคงลุกพรวดเดินดุ่มๆ ไปที่โซนสลัดบาร์เป็นครั้งที่สาม

    เท่าที่เคยกินข้าวกับสายรุ้งมาเจ้าตัวไม่ได้เป็นคนกินเยอะแบบทำลายล้างแบบนี้นี่ คำถามเริ่มบังเกิดขึ้นในหัวว่ามันเป็นเพราะอะไรทำไมของกินบนโต๊ะมาถึงส่อแววจะล้นขนาดนี้ หรือที่ตักมาเยอะๆ นี่จะเผื่อผมด้วยเหรอ? ไอ้ผลไม้นี่พอจะเข้าใจ แต่ภูเขาสลัดนั่นไม่น่าใช่ไหม สภาพน่ากลัวเกินไปนะผมว่า

    “ลืมช้อนกับซ้อม” เสียงคนช่างเดินดังขึ้นพร้อมกับจานเปล่าใบเล็กและช้อนซ้อมยื่นมาให้ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งประจำที่สักที

    “ขอบคุณครับ นี่คือพี่หิวมากเลยเหรอ ตักซะน่ากลัวเชียว” ถามพลางกลั้วหัวเราะเพราะไม่สามารถละสายตาจากสลัดกองพะเนินนั้นได้เลย

    “แหะ ก็ค่อนข้างจะหิวแหละ” หัวเราะแห้งก่อนตักสลัดเข้าปาก พลางมืออีกข้างที่ว่างก็เลื่อนจานผลไม้มาให้ ซึ่งผมก็จิ้มสับปะรดขึ้นมากินหนึ่งชิ้นถ้วน

    ระหว่างมื้อ เรื่องสัพเพเหระทั้งหลายถูกหยิบยกขึ้นมาพูดบ้างประปราย เรื่องลมฟ้าอากาศแล้วก็เปลี่ยนไปเรื่องเรียนแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะวกไปหาเรื่องของหวานล้างปากในขณะที่ในปากคนพูดอย่างสายรุ้งยังเคี้ยวสเต๊กแก้มตุ่ย

    ครืด...

    โทรศัพท์ของสายรุ้งที่วางอยู่สว่างขึ้นเพราะป๊อปอัพแจ้งเตือน ก่อนจะสั่นรัวๆ ด้วยข้อความที่ถูกส่งเข้ามาไม่หยุดจนเจ้าตัวต้องขมวดคิ้วพลางหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะที่ริมฝีปากบางที่เพิ่งจะเคี้ยวอาหารกลืนลงคอเสร็จค่อยๆ เบะทีละน้อย

    “ในรูปนี้ใช่สกายไหม” เสียงทุ้มใสโพล่งขึ้นพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ดู

    รูปถ่ายเซลฟี่ของแซมที่ถ่ายบนรถ... แล้วทำไมถึงถามว่าใช่ผมหรือเปล่า?

    แต่พอกวาดตามองทุกซอกทุกมุมของรูปก็ถึงบางอ้อทันที เพราะรูปที่แซมถ่ายน่าจะเป็นตอนที่เจ้าตัวขอติดรถไปผมเรียนเมื่อตอนกลางวันแล้วก็ดันถ่ายติดผมผมไปด้วยเสี้ยวหนึ่ง แบบมองค่อนข้างยากเลยทีเดียวว่าเป็นใคร

    แล้วใครมันมองออกก่อน ขนาดตัวผมเองยังมองไม่แทบไม่ออกเลย

    “ลองดูรูปถัดไปสิ” ปัดหน้าจอเปลี่ยนรูปตามที่ว่าเป็นรูปคอมเมนต์ที่เรียงต่อกันยาวเป็นพรืด ด้วยคำถามซ้ำๆ ว่า เจ้าของผมสีแดงซีดที่อยู่ข้างๆ เป็นใคร ใช่หวานใจหรือเปล่ารวมถึงการคาดเดาต่างๆ นานา และที่หนักที่สุดก็คงเป็นคอมเมนต์หนึ่งที่ถามแบบเจาะจงตัวพร้อมแท็กแอคเคาท์ของผมเข้าไปด้วย

    ส่งโทรศัพท์คืนแก่เจ้าของ และไม่แปลกที่คนตรงหน้าจะเบะขนาดนั้น ความอร่อยของมื้ออาหารหายไปไม่มีเหลือ

    ยื่นมือออกไปหาคนที่ยังคงเบะปากไม่หาย พลางหงายฝ่ามือขึ้นพร้อมเอ่ยปาก

    “ขอมือหน่อยสิครับ”

    แม้คนถูกขอจะยังไม่เข้าใจและใบหูเริ่มที่จะแดงขึ้นมา แต่ก็ยอมวางมือลงมาแต่โดยดี ผมจับมือบางเอาไว้โดยไม่สนสายตาใครต่อใครรอบตัวที่อาจจะมาให้ความสนใจ

    “ขอโทษนะครับ ที่ทำให้ไม่สบายใจ” ตากลมเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอโทษ “เดี๋ยวผมจะเคลียร์ให้นะ”

    พูดจบพร้อมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปมือตัวเองที่ยังคงจับมือบางของอีกคนอยู่ ยิ่งทำให้เจ้าตัวทำท่าตกใจยิ่งขึ้นไปอีก

    “ถ่ายทำไม” ถามหน้าตาตื่นพร้อมสองแก้มที่เริ่มจะขึ้นสีเลือดฝาดชัดขึ้นเรื่อยๆ และผมเลือกที่จะยังไม่ตอบอะไรแล้วกดโพสต์รูปที่ถ่ายลงโซเชียลพร้อมแท็กแอคเคาท์ของสายรุ้งที่บังเอิญไปเจอเข้าเมื่อก่อนหน้านี้พอดี

    ครืด...

    เสียงสั่นแจ้งเตือนเรียกสายรุ้งต้องหันไปดูโทรศัพท์ตัวเอง ก่อนที่ริมฝีปากบางนั่นจะค่อยคลี่ยิ้มออกมาแล้วพยายามดึงมือข้างที่ถูกจับอยู่กลับแต่มีเหรอที่ผมจะยอมปล่อยมือนิ่มนี้ง่ายๆ กลายเป็นว่าโทรศัพท์ถูกวางลงอย่างไม่ไยดีและการปิดหน้าปิดตาด้วยความเขินตกเป็นหน้าที่มือข้างที่เป็นอิสระเพียงข้างเดียว

    ถึงตอนที่สายรุ้งทำปากเบะจะน่ารัก แต่ตอนที่เจ้าตัวยิ้มมันน่ารักกว่าตอนเบะมากกว่าเป็นไหนๆ

    “แคปชั่นอะไรเนี่ย” พูดเสียงอู้อี้กับฝ่ามือตัวเอง

    “ทำไมเหรอครับ” แสร้งถามตาใสพลางขยับนิ้วโป้งเกลี่ยหลังมือบางที่อยู่ในการกอบกุมเบาๆ

    “พอก่อนๆ ขอเวลานอก” สายรุ้งว่าพลางก้มหน้างุดพร้อมโบกมือไปมาเป็นเชิงยอมแพ้จนต้องยอมเลิกแกล้งแต่โดยดี ปล่อยให้คนขี้เขินก้มหน้ากุมแก้มตัวเองงุดๆ อยู่อย่างนั้น

    “ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...” เกริ่นขึ้นก่อนเว้นช่วงเงียบเสียงลงทำให้คนขี้เขินละใบหน้าที่ขึ้นสีเลือดฝาดแดงจัดนั่นขึ้นมาจากฝ่ามืออย่างงายดาย ตากลมสีรัตติกาลมองตรงมาอย่างรอฟัง

    “เราเป็นแฟนกันเลยไหมครับ”

    “เหะ?”

     

    CH10 :: 100%

     


    อ้ากกกกกกกก! มาแล้วขอรับ เข็นมาแล้ว มุแง ขออภัยที่มาช้าอีกแล้ว

    ยังมีคุณรีดเดอร์รออ่านอยู่ไหมนะ T_T

    ที่ไม่มาสักทีคือข้าน้อยติดสีรี่! เรื่องเดียวแต่ดูซ้ำจนท่องบทแข่งกับพระเอกแล้ว แหะ

    หน่องแซมจะดีหรือจะร้ายกันแน่นะ แล้วนั่นน้องสกายพูดอัลไลของเท๊อออ ข่นบ้า!

    พี่สายรุ้งงงเป็นไก่ตาแตกแล้ว ไหนเธอบอกอยากรู้จักกันก่อนไงล่ะ ทำไมเธอรีบล่ะน้องสกายยย

    ส่วนแคปชั่นว่าอะไรนั้น... ยังไม่บอกดีกว่า อุอิ

    ฝากสกายสายรุ้งไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของคุณรีดเดอร์ด้วยนะขอรับ //สไลด์กราบไม่แบมือ

    #สายรุ้งสีคราม

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×