ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สำรวจรวมเล่ม [EXO] △ Lost Forever | ChanBaek

    ลำดับตอนที่ #16 : Lost Forever ✿ เวลาที่ 14 [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.89K
      157
      8 ม.ค. 60


    © themy  butter



    LOST FOREVER

    เวลาที่ 14

    ความรู้สึกที่ถูกทำลายไป

    ยากจะนำกลับมาต่อใหม่ให้สมบูรณ์ดังเดิม



    แสงแดดรำไรในยามเช้าสาดส่องเข้ามาผ่านรอยแยกของผ้าม่านสีครีม แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ทำให้คนบนเตียงรู้สึกตัวตื่นได้ไม่ยาก เปลือกตาสีเนื้อค่อยๆ ปรือขึ้นรับความสดชื่นในเช้าวันใหม่ ทว่าชายหนุ่มกลับรู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวจนแทบลุกจากเตียงไม่ไหว


    อ่าทำไมปวดหัวขนาดนี้เนี่ย


    ชานยอลครางในลำคอกับอาการที่เล่นงานทันทีที่ลืมตา เขาคลึงขมับทั้งสองข้างบรรเทาอาการปวดหนึบบริเวณศีรษะคล้ายถูกมือปริศนาบีบเค้นด้วยแรงมหาศาล ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้งพลางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่ยังติดอยู่ในหัวเป็นฉากๆ


    เขาดื่มเหล้าจนเมาไม่ได้สติ


    หากแต่สิ่งที่ทำลงไปชานยอลกลับจำได้ขึ้นใจ


    เขาขืนใจภรรยาตัวเอง


    และสิ่งสุดท้ายที่ได้เห็นก่อนสติดับลงด้วยความอ่อนเพลีย


    คือแววตาตัดพ้อกับน้ำเสียงเจือสะอื้นที่พาลทำให้ใจวูบไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


    ประโยคที่ร่างน้อยเอ่ยออกมาช่างน่าหวาดหวั่นเสียจนอดรู้สึกแปลกๆ ในใจไม่ได้


    สาแก่ใจชานยอลหรือยัง ฮึก…’


    ไม่เคยมีเสี้ยวเดียวในความคิดที่เราอยากจะทำให้ชานยอลเสียใจ ละแล้ว อึกแล้วทำไมเราถึงได้เป็นคนที่ถูกชานยอลทำร้ายไม่เลิกรา


    เราเจ็บขนาดนี้ชานยอลยังไม่พอใจอีกเหรอ บอกเราทีได้ไหมว่าเราต้องทำยังไง ฮึก ต้องทำยังไงมันถึงจะสาแก่ใจชานยอลเสียที ฮือ…’


    หรือต้องให้เราตายก่อน ฮึกต้องให้เราตายก่อนใช่ไหม…’


    ชานยอลสะบัดศีรษะแรงๆ พลางหลับตาหลีกหนีความคิดที่วิ่งวุ่นในสมอง พลิกตัวหันไปอีกทางเพราะคิดว่าจะได้เจอกับพื้นที่ว่างข้างกาย เป็นปกติที่แบคฮยอนมักจะตื่นก่อนเขาเสมอ ร่างสูงจึงไม่ทันเตรียมใจว่าเช้าวันนี้จะได้เห็นใครอีกคนนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงข้างกัน


    ทั้งยังนอนหันหลังให้ขณะขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมผืนหนา ซบดวงหน้าเปื้อนร่องรอยบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วงลงบนหมอนใบใหญ่ แบคฮยอนร่างกายผอมบางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อถูกผ้าห่มคลุมกายจนมองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าเช่นนี้ยิ่งทำให้อีกคนดูตัวเล็กลงมากกว่าเดิม


    แพรขนตาสวยเต็มไปด้วยคราบน้ำตา แก้มขาวซีดจัดจนแทบมองไม่เห็นความสดใส ทั้งสีหน้าและท่าทีที่ได้เห็นในแต่ละครั้งมันดูหมองเศร้าไปเสียหมด ที่ชัดเจนมากกว่าครั้งไหนๆ คงเป็นเหตุการณ์เมื่อคืนที่เพิ่งผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อน


    แบคฮยอนช่างอ่อนแอและบอบบางจนแทบแหลกคามือของเขาจริงๆ


    ชานยอลควรจะสะใจไม่ใช่หรือที่ได้ทำให้ร่างน้อยเจ็บปวดเจียนตายดังใจต้องการ


    ใช่ มันควรจะสาสมใจ


    หากแต่เสียงข้างในกลับร่ำร้องแตกต่างไปจากทุกครั้ง


    ไม่รู้ชายหนุ่มไม่รู้


    ไม่รู้ว่าเขาปรารถนาจะให้แบคฮยอนทรมานจนทนอยู่ในชีวิตต่อไปไม่ไหวจริงๆ หรือไม่


    ยามได้มองผู้เป็นภรรยาในท่าทางสงบนิ่งเช่นนี้ ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างก็เข้ามาวิ่งวนอยู่ในอกซ้ำๆ อย่างหาหนทางออกไม่ได้


    ภาพในอดีตที่เราทั้งสองคนเคยหัวเราะให้กัน เคยใช้เวลาร่วมกันจนผูกพันยากจะตัดความสัมพันธ์ให้ขาดสะบั้นลง


    พวกเขาเคยมีความสุข


    เคยมีความสุขมากกว่านี้


    ยามนั้นชานยอลสัญญากับแบคฮยอนเป็นอย่างดีว่าจะยืนเคียงข้าง คอยเป็นคนที่ปกป้องดูแลร่างน้อยไม่ให้ใครอื่นมารังแก และแบคฮยอนก็สัญญาว่าจะไม่ห่างไปไหน จะคอยทำหน้าที่เพื่อนที่ดีจนกว่าชานยอลจะพบคนที่รักเขาจากใจจริง


    ใช่เราเคยสนิท เราเคยผูกพัน เราเคยเป็นมากกว่าคำว่าครอบครัว


    ชานยอลเคยเข้าใจว่าพวกเขาคือเพื่อนแท้


    เพื่อนที่รักกันมากจนน่าอิจฉา


    เขาไม่ได้ขยับกายออกห่างด้วยความเกลียดชังหนักหนาเช่นทุกครา แต่กลับเคลื่อนกายเข้าใกล้ด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้แบคฮยอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะแรงขยับกายจากเขารบกวนเวลาพักผ่อนของอีกฝ่าย


    ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอทำให้ร่างสูงใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย เขาชะเง้อคอมองเสี้ยวหน้าขาวเนียนด้วยความลืมตัว กว่าจะรู้ว่าได้เผลอทำอะไรออกไป ชานยอลก็ไม่อาจฝืนข่มใจไม่ให้ทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับสมองได้แล้ว


    ฝ่ามือหยาบกระด้างสัมผัสลงบนพวงแก้มนุ่มไร้สีเลือดฝาด แต่ก็จำต้องชะงักก่อนลดมือลงข้างลำตัวเมื่อไอร้อนจัดจากกายน้อยแผ่ลามมาจนร่างสูงรู้สึกได้ เขาขมวดคิ้วมุ่นขณะเอื้อมมือไปข้างหน้าเพื่ออังหน้าผากวัดอุณหภูมิในร่างกายของคนหลับสนิท ไล่ลามหลังมือมาจนถึงซอกคอซึ่งแต่งแต้มไปด้วยร่องรอยความบอบช้ำที่เขามอบให้แบคฮยอนอย่างไม่คิดปรานี


    เพียงเท่านี้ก็รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายถูกพิษไข้เล่นงานเข้าให้แล้วแน่แท้


    คะ คุณพ่อคุณแม่…”


    เสียงละเมออื้ออึงในลำคอจนแทบจับใจความไม่ได้ทำให้ชานยอลผละออกห่างจากคนป่วยเพียงเล็กน้อย แขนเรียวบางทั้งสองข้างไขว่คว้าไปมากลางอากาศในขณะส่งเสียงครางฮือยามเอ่ยถึงผู้มีพระคุณทั้งสองท่านที่ได้ลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว


    “…”


    บะแบคคิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่นะครับริมฝีปากแห้งผากขยับเพื่อเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่พร่ำบอกคนบนฟ้าอยู่ทุกคืนวัน


    “…”


    ชานยอลไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่าลุกขึ้นนั่งมองภรรยาตัวน้อยละเมอโดยไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด และจู่ๆ น้ำเสียงแหบแห้งที่ได้ยินก็แปรเปลี่ยนเป็นสะอื้นหนัก เป็นจังหวะเดียวกับที่ธารน้ำตาของคนป่วยค่อยๆ ไหลรินลงจนเปียกชุ่มหมอนใบโต


    แบคคิดถึง ฮึกมารับแบคไปอยู่ด้วยได้ไหมครับ


    แบคฮยอนชานยอลไม่อยากยอมรับเลยว่าตนกำลังรู้สึกใจหายวาบกับคำพูดที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจเอ่ยออกมา แม้แบคฮยอนจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้พูดอะไรไม่เข้าท่า แต่มันไม่ได้ทำให้คนฟังรู้สึกดีขึ้นมาได้เลย


    หากเป็นก่อนหน้านี้


    ก่อนที่เขาจะรู้ว่าแบคฮยอนป่วยเป็นโรคร้ายบางอย่างที่อาจอันตรายถึงชีวิต


    ชานยอลคงไม่ลังเลที่จะกระชากกายน้อยขึ้นมาแล้วตวาดให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นด้วยความเสียขวัญ


    อาจจะเพราะตอนนี้กำลังมีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน


    คนใจร้ายคนเดิมจึงไม่กล้ามากพอจะกลับไปทำเช่นนั้นได้เหมือนดังที่ผ่านมา


    แบคฮึก ไม่อยากอยู่ที่นี่ ฮือแบคไม่อยากอยู่กับเขา


    “…”


    แบคเจ็บ แบคไม่เคยมีความสุข ฮึกเลยครับ พ่อ ฮือ มะ แม่ มารับแบคไปอยู่ด้วยได้ไหม มารับแบคไปอยู่ที่นั่นด้วยได้ไหมครับ…”


    แบคฮยอน


    แบคไม่อยากทรมาน ฮึกอีกแล้ว แบคอยากไป แบคไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว…”


    แบคฮยอน!”


    ชายหนุ่มร้องอย่างตกใจเมื่อคนป่วยละเมอถ้อยคำที่เขาไม่อาจทนฟังได้ ซ้ำยังส่ายศีรษะรัวจนผมเส้นเล็กสะบัดไปตามแรงเคลื่อนไหว ทำนบน้ำตาพาลพังทลายลงมาอย่างยากจะกลั้นไว้ แขนขาวซีดปัดป่ายไปมาให้คนเฝ้ามองร้อนใจต้องเข้าไปรวบแขนเล็กทั้งสองข้างไว้ในกำมือ


    ฮึกฮือคุณพ่อคุณแม่ให้แบคไปอยู่ด้วยนะ…”


    หยุดพูดได้แล้ว


    นะ ฮึกนะครับ…”


    ชานยอลไม่คิดว่าเขาจะต้องมาทำอะไรเช่นนี้ ไม่คิดว่าจะต้องใช้ฝ่ามือแสนหยาบกระด้างของตัวเองลูบศีรษะเล็กแผ่วเบาเพื่อกล่อมให้ร่างน้อยยอมสงบลง หากแบคฮยอนยังสะอื้นไม่หยุดเจ้าตัวอาจจะหอบจนหายใจไม่ออกเอาได้ เขาแค่เป็นห่วงเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ได้คิดพิศวาสอะไรในตัวคนขี้แยเลย


    ไม่เลยสักนิด


    พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างไหม นายจะไปหาพ่อแม่ได้ยังไง นายไม่ได้…”


    คุณพ่อฮึกคุณแม่


    เฮ้อ


    ฮึก ฮือ…”


    เลิกละเมอไร้สาระได้แล้วแบคฮยอน


    ฮือ…”


    ร่างสูงทำเสียงดุใส่ทั้งที่รู้เต็มอกว่าคนละเมอเพ้อไม่มีทางรู้สึกตัว ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่เป็นไข้จะทำให้อีกฝ่ายคร่ำครวญออกมาด้วยถ้อยคำไม่น่าฟังได้ เสียงสะอื้นเริ่มแผ่วลงจนค่อยๆ เงียบไปในที่สุด อาจเพราะถูกพิษไข้เล่นงานอย่างรุนแรง แบคฮยอนจึงเพลียหลับไปอย่างง่ายดายอีกครั้ง


    บ้าที่สุด จะไปอยู่กับพ่อแม่งั้นหรือ


    จะเป็นไปได้อย่างไรกัน นายกับท่านทั้งสองอยู่กันคนละโลกเสียด้วยซ้ำ


    ยังไงก็ก้าวข้ามไม่ถึง


    ไม่มีทาง


    ตัวร้อนชะมัด


    ไอร้อนจัดยังคงปกคลุมทั่วกายน้อยราวถูกสุมด้วยเปลวเพลิง ชายหนุ่มซับน้ำตาหยาดสุดท้ายซึ่งเปื้อนแก้มนวลให้เหือดแห้งไปด้วยท่าทีแข็งกระด้าง ก่อนจะตัดสินใจลุกจากเตียงเสียงเบาไม่ให้เป็นการรบกวนคนป่วย


    ไข้แผลงฤทธิ์เสียขนาดนี้คงไม่มีทางลุกขึ้นมาอวดเก่งกับเขาได้อย่างแน่นอน


    แต่ถ้าหากปล่อยไว้เช่นนี้ ปล่อยให้อุณหภูมิในกายสูงยิ่งกว่าต้องถ่านร้อนจัดด้วยมือเปล่า คนตัวเล็กนั่นแหละที่จะแย่เอาได้


    เขารู้แล้ว


    ชานยอลรู้แล้วว่าควรทำอย่างไรต่อไป










     

     

     

    คลื่นใต้น้ำพัดวนรุนแรงคล้ายถูกพายุลูกใหญ่โหมซัดร่างให้จมลึกยากจะตะเกียกตะกายขึ้นมา ร่างน้อยที่กำลังอ่อนล้าสุดกำลังกับการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดค่อยๆ ดิ่งตัวลงอย่างรวดเร็ว อากาศหายใจใกล้จะหมดลงเต็มที ต่อให้ตะโกนร้องสุดเสียงอย่างไรก็คงไม่มีวันที่ใครจะมาได้ยิน ยิ่งพยายามดิ้นรนให้โผล่พ้นขึ้นบนผิวน้ำหรืออ้าปากเปล่งคำพูดก็รังแต่จะทำให้สำลักน้ำเข้าปอดไปกันใหญ่


    ไม่รอดแล้ว


    แบคฮยอนกำลังจะตายในอีกไม่ช้า


    แล้วคนที่เหลือจะเป็นเช่นไร ครอบครัวที่ยังไม่ได้ล่ำลากันสักคำ ยังไม่ได้พบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย ฟ้าจะพรากแบคฮยอนไปจากพ่อแม่และคนสำคัญในชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ


    ทำไมถึงได้ใจร้ายนัก ไม่มีโอกาสสำหรับคนคนนี้แล้วใช่ไหม


    แต่ถ้า


    ถ้าหากต้องจากกันจริงๆ คงไม่มีสิ่งใดที่ดีมากไปกว่าการภาวนาให้คุณพ่อและคุณแม่มีความสุข ขอให้เขาผู้ชายที่เป็นเจ้าของหัวใจเพียงดวงเดียวของแบคฮยอนพบเจอแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต


    เพียงเท่านี้ คนตัวเล็กก็สามารถหลับตาลงได้อย่างหายห่วง


    เมื่อคิดได้ดังนั้น ลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็พลันขาดหายจนกายกระตุก ปลดปล่อยร่างกายให้ล่องลอยไปตามกระแสน้ำที่พัดพา แขนขาที่เคยปัดป่ายไปมาด้วยความยากลำบากถูกทิ้งลงอย่างไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน


    แต่แล้วร่างทั้งร่างก็ถูกดึงรั้งขึ้นไปบนผิวน้ำตามการชักพาของใครสักคน ความหวังลมๆ แล้งๆ ถูกเขามอบให้คนสิ้นหวังอีกครั้ง ไม่ต่างจากการได้ชีวิตใหม่ในขณะที่ลมหายใจใกล้จะดับสูญเต็มที


    อึก…”


    แบคฮยอนสำลักลมหายใจแรงเสียจนทำให้คนที่โอบอุ้มกายน้อยใจเสียลงมากโข ร่างสูงไม่รีรอที่จะช่วยเหลือให้ทันท่วงที หากช้ากว่านี้ทุกอย่างอาจจะสายไป


    เขาขมวดคิ้วมุ่น นัยน์ตาฉายแววกังวลเต็มเปี่ยม ริมฝีปากอิ่มได้รูปสั่นระริกยากจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเพื่อเรียกคนใกล้หมดสติให้รู้สึกตัว


    บะแบคฮยอน


    “…”


    ราวกับความฝัน ภาพของผู้ชายตัวสูงฉายชัดในส่วนลึกของหัวใจ


    ภาพที่เขากำลังเรียกชื่อตนด้วยน้ำเสียงทุ้มแสนไพเราะกว่าทำนองเพลงใดๆ


    แบคฮยอนฟื้นสิ อย่าหลับยะ อย่าหลับตาเด็ดขาดเลยนะ


    “…”


    ผู้ชายที่แสนอ่อนโยน ผู้ชายที่มอบแต่การกระทำดีๆ ให้กัน


    เขายังคงร้องเรียกเพื่อนตัวน้อยในอ้อมกอดเสียงสั่น แบคฮยอนไอโขลกจนหน้าแดงก่ำ เพียงเท่านั้นคนตัวสูงก็ใจชื้นขึ้นทันตาเห็น แบคฮยอนรู้สึกตัวแล้ว ทว่าไม่ยอมลืมตาขึ้นมามองหน้ากันสักนิด


    เขาร้อนรนใจจนแทบบ้า


    แค่เห็นร่างที่แน่นิ่งใต้น้ำ หัวใจก็พลันวูบโหวงและกระตุกผิดจังหวะคล้ายโลกทั้งใบกำลังจะแตกสลายลงตรงหน้า


    ลืมตาขึ้นมามองหน้าฉันที


    “…”


    รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงนายมากแค่ไหน


    “…”


    ถ้าอึกถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันคงโทษตัวเองจนวันตายที่ดูแลนายได้ไม่ดีเท่าที่ควร


    “…”


    ขาดนายไปฉันจะอยู่ได้ยังไงแบคฮยอน


    แบคฮยอนรับรู้ทุกคำพูดที่เพื่อนตัวสูงเอ่ยมันออกมา รับรู้ได้ถึงความห่วงใย สามารถจินตนาการได้ว่าเขาต้องขมวดคิ้วเป็นปม ทำสีหน้าจริงจังให้หุบยิ้มไม่ลง ทว่ากลับไม่มีแรงมากพอจะลืมตาขึ้นมามองใบหน้าที่แสนรักได้ อ่อนล้าเกินกว่าจะเอ่ยขอบคุณเขาจากใจจริง


    ซึ้งใจเกินกว่าจะหาคำสวยหรูมาอธิบาย


    ชานยอลมอบชีวิตใหม่ให้ตนอีกครั้ง


    และที่มากกว่านั้น


    คนตัวน้อยได้รู้แล้วว่ามอบหัวใจดวงนี้ให้ไม่ผิดคนจริงๆ


    บยอน แบคฮยอนรักปาร์ค ชานยอลเหลือเกิน


    ไม่มีสิ่งใดชัดเจนเท่าความรู้สึกนี้อีกแล้ว


     








     

     

    กลิ่นข้าวต้มหอมกรุ่นลอยคลุ้งทั่วห้องชวนให้น้ำย่อยในกระเพาะเริ่มทำงาน เจ้าของกายสูงเดินเข้ามาภายในห้องอย่างเงียบเชียบพลางปิดประตูลงเสียงเบา ไม่รู้เหตุใดถึงได้ตกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต


    คนบนเตียงยังคงนอนหลับสนิทใต้ผ้านวมหนาสีขาว ผิวซีดๆ ตัดกับสีผมและริมฝีปากชัดเจน ทั้งที่คิดว่าอาการจะดีขึ้นแม้จะยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แต่สีหน้าของคนป่วยกลับดูแย่ลงมากกว่าเมื่อเช้าเสียอย่างนั้น


    ชะ ชานยอล…”


    ชานยอลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนป่วยเรียกชื่อเขาขึ้นมาทั้งที่ยังหลับตา รีบวางถ้วยข้าวต้มในมือลงบนโต๊ะข้างเตียงแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ภรรยาตัวน้อย เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้สักเท่าไหร่นัก หากไม่ติดว่ากลัวอีกฝ่ายจะไม่มีอะไรรองท้องก่อนทานยา ชานยอลคงไม่ลำบากลงมือทำอาหารที่ไม่ใช่งานถนัดของเขาเช่นนี้หรอก


    เรียกชื่อฉันทำไม กำลังฝันว่าถูกฉันทำร้ายอยู่หรือไงเอ่ยประชดประชันอย่างไม่จริงจังนัก เขายืนพิจารณาดวงหน้าหวานอยู่อย่างนั้นไม่ละไปไหน สาบานได้ว่าหากแบคฮยอนตื่นขึ้นมาเห็นต้องเข้าใจผิดแน่ๆ ว่าเขาเป็นห่วงตัวเอง


    เหอะ จะมีวันนั้นได้อย่างไรกัน


    มันไม่ใช่เมื่อก่อนเสียหน่อย


    ชานยอล…”


    ฉันอยู่นี่ เรียกชื่ออยู่ได้พยายามทำให้ตัวเองรู้สึกรำคาญเสียงเล็กๆ ที่เอาแต่พึมพำชื่อเขาเพียงอย่างเดียว หากแท้จริงแล้วชานยอลกำลังรู้สึกปั่นป่วนในอก


    มันไม่ใช่ความรู้สึกแย่ เพียงแต่


    จะเรียกว่ารู้สึกดีหรือก็ไม่เชิง ไม่อยากยอมรับ


    ชานยอล ขะ ขอบคุณนะ ขอบคุณที่ยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยเรา…”


    “…”


    ขอบคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้เรา


    คนตัวสูงขมวดคิ้วขณะจ้องริมฝีปากบางเฉียบขยับเพื่อเปล่งคำขอบคุณด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง หลังจากนั้นแบคฮยอนก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง


    ขอบคุณที่มอบชีวิตใหม่ให้เรา


    ใครเล่าจะรู้ว่าสิ่งที่ร่างเล็กละเมอออกมาอย่างไม่รู้ตัว


    มันคือฝันดีที่เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อนานมาแล้ว


    มันก็แค่อดีต


    ชานยอลเลือกใช้คำพูดตอกย้ำให้ใจมั่นคงกับความรู้สึกที่ควรจะเกิดขึ้น ทั้งยังสลัดสิ่งที่ก่อกวนจิตใจไม่เลิกราให้ออกไปจากความคิด ก่อนเอื้อมหลังมือไปอังหน้าผากที่คิดว่าจะเย็นขึ้นแล้ว แต่ไอร้อนจัดยังคงแผ่ซ่านทั่วกายพาลให้ใจเสีย ร่างสูงละมือออกห่างพลางเม้มริมฝีปากแน่นอย่างคิดไม่ตก


    ทำไมยังตัวร้อนขนาดนี้


    พึมพำกับตัวเองเสียงเบา ทุกครั้งที่กังวลกับอะไรบางอย่าง เรียวคิ้วเข้มก็มักจะขมวดเข้าหากันจนเป็นปม เขาไม่รู้ตัวหรอกว่าตอนนี้กำลังรู้สึกเช่นไร ไม่อยากรู้ว่าใจกำลังให้ความสำคัญ


    ชานยอลไม่เคยยอมรับความจริงข้อนี้เลยแม้แต่น้อย


    คนใจแข็งเดินวนไปมาอยู่อย่างนั้นราวสามนาที สุดท้ายก็ทนเสียงเรียกร้องแสนน่ารำคาญภายใต้อกข้างซ้ายไม่ได้ ตัดสินใจหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากดเบอร์คุ้นเคยแล้วแนบหูลงไปแทบในทันที


    สวัสดีเจ้าน้องชาย คิดยังไงถึงได้โทรหา มีอะไรหรือเปล่า?”


    เสียงของคนปลายสายที่ตอบกลับมาทำให้รู้สึกหายใจไม่ออกเอาเสียเลย


    เขาไม่ได้กลัว


    ไม่ได้รู้สึกอะไรที่จะต้องให้คนอื่นรู้ว่าเขากำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องของคนที่เป็นตัวปัญหาในชีวิต


    แต่บางครั้งมันก็อดรู้สึกบางอย่างไม่ได้


    ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับชานยอลในอดีต


    เฮียว่างหรือเปล่าครับ ผมขอรบกวนเวลาสักครู่ได้ไหม














    อันดับแรก ถ้ามีไข้สูงให้เช็ดตัวเพื่อขับความร้อนในร่างกาย ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ประคบตามหน้าผากไล่ไปจนถึงซอกคอ ซอกรักแร้ ขาหนีบและข้อพับจนกว่าอุณหภูมิในร่างกายจะลดลง


    แล้วถ้ามันไม่ลดล่ะครับ


    ถ้ายังตัวร้อนเกินไปให้ปลุกขึ้นมาทานยาควบคู่ไปด้วย แล้วก็พยายามจิบน้ำให้มากๆ ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป ควรเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้สะดวกด้วย แล้วก็ซื้อเจลลดไข้มาติดหน้าผากก็ไม่เสียหายอะไร ยิ่งดีด้วยซ้ำไป เพราะมันช่วยระบายความร้อนได้อีกวิธีหนึ่ง แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นจริงๆ เฮียแนะนำให้พาไปหาหมอน่าจะดีกว่า


    ทำไมมันหลายขั้นตอนจังเลยครับ ผมจะไปทำได้ยังไง


    ไหนชานบอกว่าเพื่อนฝากมาถาม ทำไมพูดเหมือนตัวเองต้องดูแลใครอยู่อย่างนั้นแหละ


    กะก็ผมบ่นแทนเพื่อนไปอย่างนั้นแหละครับ เฮียอย่าสนใจเลย


    งั้นแล้วไป การดูแลคนป่วยมันไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก อยู่ที่ว่าเราใส่ใจจะดูแลมากน้อยแค่ไหน


    ยากสิครับ เช็ดตัวให้ขนาดนี้ไข้ยังไม่ลดสักที


    แล้วชานเช็ดตัวให้คนป่วยแบบไหนล่ะ


    ชุบน้ำแล้วก็เช็ดให้มันเสร็จๆ ไปแค่นั้น ผมดูแลคนป่วยเป็นเสียที่…’


    หึ


    ‘…’


    เพื่อนป่วยจริงเหรอปาร์ค ชานยอล


    บ้าฉิบ!


    เขาพลั้งปากพูดมันออกไปได้ไงกัน


    ไอ้ชานยอล โง่หรือไงวะเนี่ย!


    ผม…’


    บอกเฮียมาว่าใครป่วยกันแน่ แบคฮยอนใช่ไหม?’


    ขะ เขา…’


    ตอบมา


    ‘…’


    ชานยอล…’


    ครับ


    ‘…’


    แบคฮยอนไข้ขึ้นสูงมาก จนป่านนี้ก็ยังหลับไม่ได้สติเลย


    ในที่สุดปาร์ค ชานยอลก็ถูกพี่ชายเพียงคนเดียวต้อนจนมุมเสียจนปฏิเสธความจริงไม่ได้ เขาถูกแพทย์หนุ่มตำหนิที่ไม่ยอมบอกตรงๆ ว่าแบคฮยอนป่วย เพราะถ้าหากอีกฝ่ายเป็นอะไรขึ้นมาหรืออาจมีไข้สูงจนช็อกหมดสติ ใครที่ไหนจะเข้ามาช่วยเหลือทันหากชานยอลไม่มีความรู้ที่ถูกต้องมากพอจะดูแลคนป่วยได้


    ร่างสูงไม่ได้สารภาพความผิดว่าเมื่อคืนทำอะไรกับสะใภ้คนดีของตระกูลปาร์คบ้าง ชานยอลไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้สักประโยคเดียว เพราะเขารู้ชะตากรรมดีว่าจะต้องถูกป๊าม๊า ไหนจะยังมีเฮียคริสและป้าซังมีที่รักใคร่เอ็นดูคนตัวเล็กมากมายกว่าใครตำหนิให้อย่างแน่นอน


    ชายหนุ่มไม่ถือว่าตัวเองผิดบาปที่ไม่ได้บอกให้คุณหมอหนุ่มซึ่งเป็นพี่ชายทราบว่าที่ทำให้แบคฮยอนต้องนอนซมบนเตียงครึ่งค่อนวันเกิดจากสาเหตุใด


    เฮียจึงคิดไปเองว่าร่างเล็กอาจจะยังปรับตัวกับสภาพอากาศที่ฝรั่งเศสไม่ทันจึงทำให้ป่วยได้ไม่ยาก


    แบคฮยอนภูมิต้านทานต่ำ ป่วยง่ายและบอบบาง ไม่ได้แข็งแรงมาแต่ไหนแต่ไร เฮียไม่ขออะไรมาก แค่อยากให้ชานดูแลแบคฮยอนและไม่รังแกให้เขาต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้


    ‘…’


    แบคฮยอนอ่อนแอเกินกว่าจะรับมือกับเราได้ แค่นี้ที่เฮียอยากจะขอ ไม่ต้องทำเพื่อเฮียก็ได้ แต่เฮียอยากให้เราเห็นใจแบคฮยอนบ้าง


    ‘…’


    อะไรที่เคยทำพลาดไป บางครั้งมันอาจจะย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้อีกตลอดชีวิตนะ


    ลูกชายคนเล็กของตระกูลปาร์คมองสิ่งที่อยู่ในมือพลางถอนหายใจเบาๆ อย่างคิดไม่ตก คนห่ามๆ ที่พูดจาอ่อนหวานกับคนอื่นไม่ค่อยเป็น ชอบแสดงท่าทีหยาบกระด้างเพราะถูกปลูกฝังมาอย่างลูกผู้ชาย แม้จะมีมารดาที่คอยอบรมสั่งสอนด้วยการกระทำอ่อนโยนทุกครั้ง ทว่ามันคงผิดที่ชานยอลเองไม่สามารถซึมซับมาได้ทั้งหมด


    และสำหรับเรื่องบางเรื่อง ชานยอลก็กลัวเสียศักดิ์ศรีเกินกว่าจะยอมรับความจริงได้


    เจลลดไข้ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือใหญ่ถูกวางลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาแผ่วเบา คนป่วยส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเมื่อรับรู้ได้ถึงความเย็นชื้นที่สัมผัสบริเวณหน้าผากของตน คนมองหย่อนสะโพกลงบนเตียงข้างกายน้อย พิจารณาใบหน้าเรียวได้รูป จมูกรั้นที่เขาชอบบีบเล่นยามเจ้าตัวแสดงท่าทางน่ามันเขี้ยว ริมฝีปากสีสดที่บัดนี้แห้งผากเนื่องจากถูกพิษไข้เล่นงาน


    แม้จะป่วยหนักจนไม่ได้สติ ทว่าในยามนี้แบคฮยอนกลับยังคงดูดีไม่หยอก


    ในนาทีนั้น ชานยอลเริ่มไม่เข้าใจตัวเองว่าเหตุใดจึงต้องมานั่งเฝ้ามองอีกฝ่ายเช่นนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดูแลคนที่เขาเคยเอ่ยปากร้องบอกว่าเกลียดแสนเกลียด แม้เราทั้งสองคนจะเคยเป็นอดีตเพื่อนสนิทที่รักกันมากก็ตาม


    แต่พอลองย้อนกลับไปคิด เรื่องเมื่อคืนชานยอลก็มีส่วนผิดไม่น้อยที่ทำให้คนตัวเล็กต้องมานอนซมอยู่บนเตียงไม่ได้สติจนถึงช่วงสายของวันนี้


    แล้วอย่างไรล่ะ มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรือไร สิ่งที่แบคฮยอนเคยทำกับคนรักของเขามันยังไม่เท่ากับที่คนตัวเล็กได้รับด้วยซ้ำไป


    นายมันตัววุ่นวายที่สุดในชีวิตฉัน


    ปากก็ตำหนิไปอย่างนั้น มือกลับทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะต้องมาทำให้คนที่ไม่แม้แต่จะอยากมองหน้า แต่ก็ทำไปแล้ว เขาทำมันไปแล้ว


    ชานยอลจำคำแนะนำของพี่ชายเป็นอย่างดี แล้วลงมือเช็ดตัวให้ภรรยาตัวน้อยถูกต้องทุกขั้นตอนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง


    ไม่เลิกตัวร้อนก็ให้มันรู้ไปสิ


    จะกระชากขึ้นมาแล้วกรอกยาใส่ปากให้ดู!











     

     

    ล่วงเลยไปนานร่วมสองชั่วโมง แบคฮยอนขยับกายด้วยความยากลำบากเมื่ออาการปวดหัวเข้าแทรกแซงทุกอณูความรู้สึก ความปวดหนึบแล่นพล่านทั่วกายจนไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้ตามต้องการ ความพร่าเบลอปรากฏขึ้นทันทีที่ลืมตา รอบกายเลือนรางเกินจะมองออกว่าภาพที่อยู่ในกรอบสายตาคือสิ่งใด


    ทว่าสิ่งแรกที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือใบหน้าคมคายของคนคุ้นเคยกำลังจ้องมองตนไม่ละสายตา แบคฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วผลุนผลันลุกขึ้นโดยไม่สนว่าเรี่ยวแรงในกายน้อยจะมีมากพอในการทรงตัวนั่งหรือไม่


    อื้อ…”


    สุดท้ายก็อ่อนแอให้เขาเห็นเข้าอีกจนได้


    ซื่อบื้อ ป่วยอยู่แท้ๆ จะรีบลุกขึ้นมาทำไม


    นั่นคือประโยคแรกที่เขาเริ่มต้นทักทายกันในบ่ายวันนี้


    แบคฮยอนล้มตัวลงนอนแล้วหลับตาหลีกหนีสายตาคมกริบที่จ้องกันราวจะกินเลือดกินเนื้อก็ไม่ปาน จำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ดีว่าเขาใจร้ายกับตนมากแค่ไหน เขาเอาแต่ใจมากเท่าไหร่


    เขาโกรธแค้น เขาต่อว่า เขาด่าทอ เขามอบความร้ายกาจให้ดวงใจอันบอบช้ำของแบคฮยอนเจ็บแสนสาหัส


    และที่มากกว่าความทรมานใดๆ


    ชานยอลเห็นรอยแผลผ่าตัดบนหน้าอกของแบคฮยอนเข้าแล้วจนได้


    จะนอนต่ออีกหรือไง ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ไม่ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาเดี๋ยวก็ตายกันพอดี


    “…”


    คนปากร้าย


    ร่างเล็กไม่คิดตอบรับคำพูดเสียดแทงหัวใจนั่น พูดอะไรออกไปก็คงไม่เข้าหูเขาอยู่ดี แบคฮยอนจึงเลือกพลิกตัวหนีหน้า ดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นคลุมศีรษะจนแทบมองไม่เห็นใบหน้าแสนดื้อรั้น ไม่หวังจะได้รับคำพูดดีๆ จากริมฝีปากอิ่มที่หลงรัก รู้เต็มอกว่าถึงอย่างไรก็คงไม่มีวันที่เขาจะกลับมาทำดีด้วยดังเมื่อครั้งที่เราเคยเป็นอดีตเพื่อนรัก


    เหอะ ดื้อขนาดนี้คงไม่ตายง่ายๆ


    ชานยอลไม่เคยเรียนรู้วิธีการพูดดีๆ กับภรรยาตัวน้อย


    ทิฐิสูงเฉียดฟ้า


    อคติบดบังตาจนมืดมัว


    เขาก็แค่หนึ่งในคนพวกนั้น


    เมื่อเห็นว่าคนที่ตนเอ่ยประชดประชันไม่ลุกขึ้นมาตอบโต้สิ่งใด มันก็ยิ่งกระตุ้นให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด ชานยอลตัดสินใจสาวเท้าฉับเดินตรงไปยังอีกฝั่งของเตียง


    เขายืนกอดอก ทำหน้านิ่ง แต่คิ้วกลับชนกันจนแทบผูกเป็นปม


    เจ้าก้อนผ้าห่มเบิกตาโตที่เขาไม่ลดละความพยายามในการหาเรื่องกัน ตั้งใจจะพลิกตัวกลับไปยังอีกทางที่ร่างสูงเพิ่งเดินมา ทว่าน้ำเสียงทุ้มลึกก็เอ่ยยับยั้งการกระทำทั้งหมดเอาไว้เสียก่อน


     ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาได้แล้ว


    “…”


    ฉันสั่ง


    “…”


    อย่าให้โมโหแบคฮยอน


    ชานยอลยังคงเป็นคนเดิม


    คนเผด็จการ ชอบออกคำสั่ง บีบบังคับให้คนใต้อำนาจทำในสิ่งที่เขาต้องการ


    ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนเขาได้


    และแบคฮยอนก็ยังคงเป็นคนอ่อนแอคนนั้น คนที่เชื่อฟังคำพูดของเขาอย่างง่ายดายโดยไม่มีทางตอบโต้ได้แม้แต่คำเดียว


    ราวสิบห้านาทีต่อมา ถ้วยข้าวต้มก็ถูกยกมาวางลงบนโต๊ะข้างเตียงเคียงคู่กับถ้วยอีกใบซึ่งบรรจุข้าวต้มหมูอยู่เช่นเดียวกัน ดูท่าถ้วยนี้คงจะทำไว้นานพอสมควรเพราะมันเย็นชืดไร้ควันอุ่นจางๆ บนอากาศ ต่างจากข้าวต้มถ้วยใหม่ที่ชานยอลเพิ่งเดินถือเข้ามา มันทั้งหอมกรุ่นและส่งกลิ่นไอหอมฉุยเสียจนท้องร้องโครกคราก


    คุณหนูบยอนแสร้งทำเมินหน้าหนี เพิกเฉยอาหารสำหรับคนป่วยซึ่งวางตรงหน้า ทว่าใจดวงน้อยกลับเต้นระส่ำยากจะควบคุมเมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามายังระบบสมอง


    ข้าวต้มสองถ้วยนี้


    ชานยอลทำมันเองหรือ?


    อยากสลัดความคิดโง่ๆ นี่ออกไปจากใจนัก มันจะมีทางเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะยอมทำเช่นนี้ให้คนที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้ ทั้งที่ผ่านมามีเพียงแบคฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่เป็นฝ่ายเข้าหา คอยทำเพื่อเขาเสมอมา และในแต่ละครั้งเขาก็จะเมินเฉยสิ่งที่แบคฮยอนทำให้โดยตลอด


    อาหารจานโปรดที่มักทำเผื่อเขาสม่ำเสมอบนโต๊ะตัวยาวกลางห้องอาหาร


    รอคอยเจ้าของจนแทบเสียทิ้งไปในทุกมื้อ


    รอคอยเพียงเพื่อหวังว่าสักวันชานยอลจะยอมร่วมโต๊ะทานข้าวพร้อมกันก็เท่านั้น


    ระยะเวลาหลายเดือนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน อยู่ในบ้านของเราทั้งสองคน


    มีเพียงบยอน แบคฮยอนที่พยายามอยู่ฝ่ายเดียว วิ่งเข้าหาแต่กลับถูกผลักไส หนำซ้ำยังถูกทำร้ายด้วยวาจาและการกระทำรุนแรงจากเขาจนบอบช้ำไปทั้งกายใจ


    สุดท้ายก็ยังทน เพียงเพราะคำว่ารักคำเดียว


    แต่แล้ววันนี้ ชานยอลก็เริ่มทำให้ร่างน้อยสับสนในท่าทีของเขา ผู้ชายที่ยังคงปากคอเราะร้ายเช่นเดิม หากแต่แปลกไปที่ความแข็งกระด้างของเขาเริ่มลดลงจนแทบมิอาจปิดบัง


    ถ้าคิดจะล้อเล่นกันให้เจ็บช้ำซ้ำๆ ซากๆ แบคฮยอนคงไม่เหลือความเข้มแข็งในการรับมือกับเขาได้ไหวอีกต่อไป


    เรี่ยวแรงจะหยัดยืนเพื่อต่อสู้กับทุกสิ่งเริ่มลดน้อยลงเต็มที


    ไม่อยากรามือ แต่สุดท้ายก็ต้องทำ


    ฝืนความทุกข์ทนนี้ไม่ไหว


    ไม่ไหวเหมือนเก่าอีกแล้ว


    กินเข้าไปเสียสิ รังเกียจอาหารที่ฉันทำหรือไง


    คนตัวสูงที่ยืนค้ำเหนือศีรษะเล็กเอ่ยเหน็บแนมอย่างชัดถ้อยชัดคำ อารมณ์ชักจะคุกรุ่นมากขึ้นเพราะตั้งแต่ที่อีกฝ่ายรู้สึกตัว แบคฮยอนก็ยังไม่ปริปากเอ่ยสิ่งใดกับเขาเลย แม้ว่าชานยอลจะเป็นฝ่ายพูดพร่ำอยู่คนเดียวมาหลายประโยคก็ไม่มีทีท่าว่าคนป่วยจะตอบรับกลับสักคำ


    แบคฮยอนพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ต่อปากต่อคำกับเขา ไม่อยากทะเลาะกันเหมือนที่เป็นมาตลอดอีกแล้ว อยากตอบออกไปนักว่าจะรังเกียจได้อย่างไร ในเมื่อหัวใจไม่รักดีเอาแต่เต้นถี่คล้ายจะทะลุออกมานอกอกเช่นนี้ ก็ผู้ชายตัวสูงที่หน้าตาเคร่งขรึม วาจาแข็งกระด้าง ไม่เคยแสดงความอ่อนโยนต่อกันสักครั้งกลับทำข้าวต้มกลิ่นหอมกรุ่นให้คนที่เขารังเกียจรังงอนทานเสียอย่างนั้น


    เผลอใจเต้นแรงอีกแล้ว


    ข้าวต้มฝีมือชานยอล


    แบคฮยอนจะได้ลิ้มรสอาหารที่ชานยอลทำอีกครั้งหลังห่างหายช่วงเวลาแบบนี้มานานหลายปี


    มือเรียวค่อยๆ หยิบยกช้อนขึ้นมาเพื่อเริ่มตักข้าวต้มหอมเครื่องเทศในถ้วยทรงสวย แต่แล้วเรี่ยวแรงที่เคยมีก็พลันอ่อนลง กอปรกับเพิ่งฟื้นตัวจากไข้จึงทำให้ช้อนซึ่งถูกกำแน่นในมือขาวซีดร่วงหล่นกระทบพื้นเสียงดังก้องทั่วห้อง


    เคร้ง!


    อะ…”


    คนที่รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายลุกลี้ลุกลนผิดปกติ มือไม้สั่นจากสาเหตุบางอย่าง แบคฮยอนก้มลงหมายจะหยิบช้อนที่หล่นอยู่บนพื้นทว่าใครอีกคนกลับไวกว่านัก


    ชานยอลหยัดกายยืนเต็มความสูงหลังชิงคว้าช้อนมาไว้ในมือได้ก่อน ไม่ได้เอ่ยปากตำหนิคนหน้าจืดเจื่อนลงราวทำสิ่งใดผิดไป เขาหย่อนสะโพกลงบนเก้าอี้ว่างข้างตัว ก่อนจะเลื่อนมันเข้าไปใกล้ร่างของภรรยาตัวน้อย


    ดวงตาเรียวรีฉายแววตกใจเพียงครู่หนึ่ง ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยประกายความเศร้าสร้อย ซ้ำยังหมองหม่นไม่ต่างไปจากทุกครั้ง และที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นคือฝ่ามือใหญ่ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าส่งผลให้ร่างทั้งร่างนิ่งค้างไร้การเคลื่อนไหว


    ราวกับถูกแช่แข็งท่ามกลางหิมะในฤดูหนาวที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย


    แบคฮยอนกลั้นลมหายใจจนหน้าท้องขมวดเกร็ง เปลือกตาทั้งสองข้างหลับลงแน่นไม่กล้าแม้แต่จะปรือขึ้นมองสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น


    ตัวไม่ค่อยร้อนแล้วนี่ มีแรงลุกจากเตียงแล้วทำไมถึงไม่มีแรงจับช้อนกินข้าว


    ชานยอลอังหลังมือลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลาเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายของผู้เป็นภรรยา น้ำเสียงที่เขากำลังเอ่ยอยู่ในตอนนี้มีอิทธิพลมากมายต่อหัวใจคนฟังนัก แบคฮยอนแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยสักนิด


    สัมผัสแผ่วเบาบนหน้าผากคืออะไรกัน


    แล้วน้ำเสียงทุ้มต่ำไร้ความเกรี้ยวโกรธไม่ใช่การแกล้งกันให้ตายใจใช่หรือไม่


    หรือแท้จริงแล้วแบคฮยอนจะยังไม่ตื่นจากนิทราแสนหวานที่เต็มไปด้วยความโง่งมนี้


    คนที่เขาเคยบอกว่าเกลียดนักหนา ไม่อยากแม้แต่จะใช้ลมหายใจร่วมกัน


    แล้วเหตุใดจึงได้เข้าหาในวันที่แบคฮยอนเหนื่อยล้าเต็มที


    ฉันจะไปเอาช้อนมาให้ใหม่


    “…”


    คนตัวเล็กไม่ได้พยักหน้ารับรู้ถึงคำบอกกล่าว เห็นดังนั้นฝ่ายตัวโตกว่าจึงดุเข้าให้หนึ่งที


    เวลาคนอื่นพูดให้ตอบรับด้วย ไม่ใช่นั่งนิ่งเป็นหุ่นแบบนี้


    ริมฝีปากบางหักโค้งลงเมื่อถูกเขาตำหนิคล้ายตนเป็นเด็กไม่รู้ประสา ครั้นพอเห็นสายตาคมกริบของคู่สนทนาที่มองมาไม่ละสายตา คนตัวน้อยก็ได้แต่พยักหน้าขณะหลุบสายตาหลบหลีกความผิดนั้น


    แบคฮยอนเดาใจเขาไม่ถูกสักครั้ง


    ที่ทำแบบนี้ ชานยอลต้องการอะไรกันแน่


    รออยู่นี่ก่อน ฉันจะรีบขึ้นมา ถ้าไม่มีแรงจับช้อนฉันก็จะป้อนให้เอง


    “…”


    กินข้าวเสร็จแล้วจะได้กินยา ป่วยนานๆ ไม่ดีหรอก นายก็รู้ว่าฉันดูแลใครไม่เป็น


    “…”


    ไม่รู้เลยว่าร่างสูงกำลังคิดอะไรอยู่


    ขอคิดไปเองได้ไหมว่าคำพูดของเขามันแฝงความห่วงใยไว้เต็มเปี่ยม


    ภาพผู้ชายแสนดีเมื่อวันวานย้อนกลับมาฉายชัดในห้วงความทรงจำอีกหน


    นายต้องกินข้าวต้มในถ้วยนี้ให้หมดด้วยเข้าใจไหม?”


    “…”


    ถ้ากินไม่หมดฉันโกรธนายแน่


    “…”


    เพราะฉันตั้งใจทำให้นายโดยเฉพาะแบคฮยอน


    และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้คือเรื่องจริงหรือไม่


    หากเป็นเพียงภาพลวงตา โปรดอย่าให้แบคฮยอนต้องตื่นขึ้นมารับรู้เลยว่าทุกอย่างเป็นเพียงฝันไป









     

     

     

    กินอีกคำนึง


    เราอิ่มแล้ว


    อีกคำเดียว


    ฮือ มะไม่เอา


    ก็ดี ไม่กินก็ไม่กิน


    ว่าที่ประธานคนใหม่ของบริษัทตระกูลปาร์คถอนหายใจพลางวางถ้วยข้าวต้มที่พร่องไปเพียงครึ่งหนึ่งลงบนโต๊ะ เขาเหลือบมองคนที่คว้าทิชชู่มาเช็ดริมฝีปากบางและก้มมองหน้าตักตัวเองไม่ละสายตาไปไหน แบคฮยอนไม่รู้เลยว่าชานยอลกำลังส่งสายตาตำหนิเจ้าตัวที่เอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน รั้นจะไม่ยอมทานข้าวต้มให้หมดถ้วยท่าเดียว


    มิน่าล่ะทำไมถึงได้ตัวเล็กนัก ก็ทานข้าวน้อยเสียยิ่งกว่าแมวดมแบบนี้จะไปเจริญอาหารได้อย่างไร


    ใครเล่าจะรู้ว่าที่เอาแต่ขบริมฝีปากด้วยฟันซี่เล็กเพราะต้องกลั้นรอยยิ้มบางไม่ให้ปรากฏบนใบหน้าใส แบคฮยอนต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนที่จะไม่แสดงความรู้สึกดีใจออกไปให้เขาได้เห็น ต้องพยายามเบนหน้าหนีทุกครั้งที่เผลอสบสายตากับเขาอย่างไม่ตั้งใจ


    ทั้งยังต้องควบคุมอัตราการเต้นถี่รัวของก้อนเนื้อภายใต้อกข้างซ้ายที่เอาแต่ลิงโลดยามเขาตักข้าวต้มรสชาติดีมาจ่อตรงริมฝีปาก


    คิ้วเรียวของชานยอลขมวดเข้าหากัน ดวงตาของเขาเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าดวงดาราบนท้องนภา ไหนจะสีหน้าของเขาที่จริงจังกับการป้อนข้าวต้มให้คนป่วยอย่างที่ไม่เคยได้เห็นบ่อยครั้งนัก


    ต้องทำอย่างไรฝันดีถึงจะอยู่กับเราได้นานอย่างนี้ต่อไป


    หากเขาจะกลับไปใจร้ายดังเช่นที่ผ่านมา แบคฮยอนก็คงไม่อยากตื่น


    ไม่อยากตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงเลยสักนิด


    ถ้าเหนื่อยก็นอนพักซะ


    ใครก็ได้ช่วยที


    แบคฮยอนหน้าร้อนจะตายอยู่แล้ว


    ขืนเขายังจ้องกันไม่เลิกแบบนี้ มีหวังคนตัวน้อยต้องหัวใจวายตายก่อนแน่ๆ


    เราไม่ง่วงตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก ดวงตาเรียวส่องประกายความงดงามราวกับลูกแก้วล้ำค่า


    เป็นไข้ก็ต้องพักผ่อน อย่าดื้อให้มันมาก


    ชานยอลทำเสียงดุขณะผินหน้าไปอีกทางเพราะภาพที่เห็นกำลังสร้างความรู้สึกบางอย่างในหัวใจของเขา แบคฮยอนสีหน้าหม่นลงเมื่อถูกคนตัวสูงตำหนิเข้าให้อีกครา


    แค่ถูกเขาบังคับให้ทานยาก็ขยาดจะตายอยู่แล้ว


    แบคฮยอนเกลียดการทานยาขมๆ มากที่สุดเลย


    เราดีขึ้นแล้วแบคฮยอนไม่รู้เลยว่าสีหน้าของตัวเองกำลังแสดงออกซึ่งทุกสิ่ง ในยามถูกมอมเมาด้วยฤทธิ์ไข้ คุณหนูบยอนก็มักจะงอแงไม่ต่างจากเมื่อก่อนสักนิด


    ตัวยังร้อนแบบนี้จะดีขึ้นได้ยังไง


    แต่เราดีขึ้นแล้วจริงๆ นะ


    อย่าเถียงได้ไหมแบคฮยอน


    ร่างสูงเผลอขมวดคิ้วใส่คนป่วยอีกครั้งเสียแล้ว ชานยอลไม่ชอบเวลาที่แบคฮยอนทำตัวดื้อรั้นกับเขา มันไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กที่ถูกพ่อแม่ตักเตือนแล้วทำริมฝีปากเบะลงเช่นนั้น


    แต่บางครั้ง


    มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกัน


    เราไม่ได้เถียง


    ไม่มีใครยอมใคร แบคฮยอนปฏิเสธคำกล่าวหาจากเขา ชานยอลก็พร้อมจะตอบโต้กลับเช่นเดียวกัน


    นี่แหละเรียกเถียง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมามันลำบากใครรู้ไหม


    ชานยอลนึกแปลกใจไม่น้อยที่แบคฮยอนกล้าต่อปากต่อคำกับเขามากขึ้น ทั้งที่เมื่อก่อนเพียงแค่อ้าปากเรียกร้องก็ยังไม่เคยทำ ทว่าวันนี้มันต่างออกไป เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าอะไรหลายๆ อย่างกำลังจะเปลี่ยนไปหรือไม่


    แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกวูบโหวงมากขนาดนี้กัน


    ส่วนฝ่ายที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกราวกับถูกของแข็งบางอย่างกระแทกลงกลางใจ ที่แท้แบคฮยอนก็แค่สร้างความลำบากให้กับเขา เป็นตัววุ่นวายที่คอยสร้างความเดือดร้อนเสมอมา


    ชานยอลไม่ได้เต็มใจดูแลเราเสียหน่อย ที่ทำไปเป็นเพราะสงสารเท่านั้น


    เหตุใดถึงได้คิดไปไกลจนแทบกู่ไม่กลับแบบนี้ล่ะแบคฮยอน


    เราขอโทษที่ทำให้ชานยอลต้องลำบาก


    “…”


    แล้วก็ขอบคุณมากๆ เลยนะครับที่ติดเจลลดไข้ให้ แล้วยังทำข้าวต้มอร่อยๆ ให้ทานอีก ทั้งที่รังเกียจกันจนไม่อยากเข้าใกล้ แต่ชานยอลก็ยัง…”


    “…”


    ฝืนใจตัวเองเพื่อดูแลเรา


    ฉัน…”


    เสียงทุ้มต่ำขาดห้วงลงเมื่อมือถือบนโต๊ะข้างเตียงแผดร้องขึ้นมาราวกับรู้เวลา ชานยอลหัวเสียเล็กน้อยที่อีกฝ่ายคิดว่าสิ่งที่เขาทำไปเป็นเพราะความฝืนใจ โดยที่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่แบคฮยอนคิดเลยด้วยซ้ำ


    ทั้งสองหยุดการสนทนาไว้เท่านั้นก่อนเบนสายตามองชื่อของบุคคลที่โทรเข้ามาซึ่งปรากฏบนหน้าจอชัดเจน


    แบคฮยอนตาโตเพราะไม่คิดว่าคนที่โทรเข้ามาจะเป็นเพื่อนร่างโปร่งอีกคน คนตัวเล็กหันไปมองใบหน้าคมคายที่บึ้งตึงขึ้นทันทีหลังเห็นชื่อของปลายสาย แบคฮยอนรีบเอื้อมไปหยิบเครื่องมือสื่อสารมากดรับก่อนสายจะถูกตัดลง หากแต่ผู้เป็นสามีกลับคว้าขึ้นมาแนบหูตัวเองไว้เสียก่อนทั้งที่ไม่ใช่มือถือของเขาเลยแม้แต่น้อย


    ในนาทีนั้น ใจดวงน้อยร้อนรนจนแทบมิอาจนิ่งเฉย


    ยังจำภาพในอดีตได้ดี ภาพที่ผู้ชายตัวสูงทั้งสองคนแทบจะชกต่อยกันให้ได้แผลบนใบหน้า


    ชานยอลไม่ชอบเซฮุน


    เซฮุนเองก็ไม่ชอบชานยอล


    ทั้งสองคนไม่ถูกชะตากัน


    หากเป็นเช่นนั้นแล้วชานยอลจะแย่งแบคฮยอนรับสายทำไม หรือเขาจะกลั่นแกล้งอะไรกันอีก


    ฮัลโหลแบคฮยอน นี่เซฮุนนะครับ


    “…”


    ป้าซังมีบอกเราว่าแบคฮยอนไปเที่ยวที่ฝรั่งเศสสองอาทิตย์ มิน่าล่ะ เราไปหาที่บ้านไม่เจอ ทำไมถึงไม่บอกเราสักคำเลย


    “…”


    เราคิดถึงแบคฮยอนนะ


    เหอะ นี่ว่างงานมากนักหรือไงถึงได้มีเวลาโทรมาหาเมียคนอื่น


    ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคที่ผู้เป็นสามีเอ่ยออกมา อยากจะเข้าไปทุบเขาให้ช้ำนักโทษฐานพูดจาไม่เข้าท่า ชานยอลกล้าพูดได้อย่างไรว่าแบคฮยอนเป็นเมียเขา ทั้งที่ความเป็นจริงเขาเกลียดแบคฮยอนจนแทบจะบีบให้แหลกคามือเสียด้วยซ้ำ


    แค่นามสกุลของตระกูล ชานยอลยังไม่เคยยกให้แบคฮยอนใช้มันเลยสักครั้ง แม้ว่าในทะเบียนสมรสจะระบุอย่างชัดเจนว่าคนตัวเล็กไม่ได้ใช้นามสกุลบยอนอีกต่อไปแล้ว


    เช่นนั้น แบคฮยอนจะไปเป็นเมียอย่างที่เขาพูดได้อย่างไรกัน


    ภรรยาที่เขาไม่เคยเว้นตำแหน่งไว้ให้ใครมีเพียงจินอาเท่านั้นที่จะได้เป็นเจ้าของ


    ไม่ใช่แบคฮยอนที่เขาเกลียดแสนเกลียด


    แบคฮยอนอยู่ไหน ฉันจะคุยกับเขา


    เมียฉันเหรอนอนอยู่บนเตียงนี่ไงแบคฮยอนหน้าร้อนฉ่าขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อเจ้าของดวงตาคมหันมาจดจ้องกันขณะตอบคำถามของเซฮุน


    หมายความว่าไง แกทำอะไรแบคฮยอน


    ถามอะไรโง่ๆ ผัวเมียอยู่ด้วยกันคงเล่นจ้ำจี้มั้ง


    แก…”


    แบคฮยอนไม่มีแรงลุกขึ้นมาคุยกับแกหรอกนะ เพราะเมื่อคืนเราสองคนใช้แรงกันหนักไปหน่อย


    ติ๊ด!


    ชานยอลไม่รีรอที่จะกดวางสายหลังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้คนในปลายสายและใครอีกคนถลึงตาใส่อย่างลืมตัว แบคฮยอนก้มมองหน้าจอมือถือที่ดับลงด้วยความร้อนใจ ป่านนี้เซฮุนคงเข้าใจผิดไปถึงไหนต่อไหน ต่อให้จริงๆ แล้วเมื่อคืนเราสองคนจะทำเรื่องอย่างว่ากัน แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นจากความเต็มใจ


    แบคฮยอนไม่ได้เต็มใจให้ชานยอลข่มเหงรังแกกันเลยสักนิด


    ชานยอลพูดแบบนั้นได้ยังไง


    ฉันพูดแบบไหนคนตัวสูงแสร้งทำหน้านิ่งไม่รับรู้ถึงความผิดของตนเอง มันยิ่งพาลให้ภรรยาตัวน้อยอับอายอย่างถึงที่สุด


    ทะ ทำไมต้องบอกเซฮุนด้วยว่าเราสองคนทำเรื่องแบบนั้นกัน…” ท้ายประโยคเสียงหวานค่อยๆ แผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน แบคฮยอนก้มหน้างุดซ่อนใบหน้าหวานที่เปลี่ยนสีทันตาเห็น แก้มใสแดงปลั่งอย่างไม่ปิดบัง


    ก็ให้มันรู้ไปเลยสิว่านายมีผัวอยู่แล้ว จะได้เลิกตามตื๊อเสียที น่ารำคาญ


    แต่เซฮุนเป็นเพื่อนเรา


    เพื่อนแบบไหนล่ะ


    “…”


    เพื่อนกินหรือเพื่อนนอน


    ชานยอล!”


    เผลอขึ้นเสียงใส่คนพูดเพราะไม่คิดว่าเขาจะดูถูกกันแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่ชานยอลพูดจาประชดประชันเสียดสีให้เจ็บช้ำน้ำใจ ชานยอลไม่เคยมองเห็นแบคฮยอนในสายตา ไม่เคยพูดจาอ่อนโยนรื่นหูเหมือนที่ปฏิบัติต่อผู้หญิงของเขา


    ทั้งที่รู้ว่าแบคฮยอนรักเขาเพียงคนเดียว แต่ชานยอลก็ยังมองว่าแบคฮยอนใจง่ายที่คิดจะรักใครก็ได้ในเวลาเดียวกัน


    ไม่รักไม่ว่า ทำไมต้องพูดจาราวกับคนคนนี้ไม่มีค่า


    สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงเป็นเขา


    เป็นชานยอลที่แสนใจร้าย


    ที่ฉันพูดคงไม่ผิดนักหรอก นายก็ไม่เคยปฏิเสธทุกคนที่เข้าหาอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง


    ยิ่งพูดก็ยิ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์จะย่ำแย่กันไปใหญ่ แบคฮยอนเม้มริมฝีปากยับยั้งความร้อนผ่าวใต้ดวงตาที่ใกล้จะกลั่นหยาดน้ำใสออกมามากขึ้นทุกที คุณหนูบยอนไม่คิดแก้ตัวเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามความคิดของเขาไม่ได้


    เซฮุนเป็นเพื่อนที่เรารู้สึกดีด้วยคนหนึ่ง เขาเป็นคนดีและเอาใจใส่เรามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้เซฮุนก็คอยให้คำปรึกษาเสมอ แบคฮยอนจะรู้หรือไม่ว่าคนฟังกำลังหัวเสียเป็นอย่างมากที่คนตัวน้อยเอาแต่ชื่นชมคนที่ชานยอลเกลียดไม่ขาดปาก เราก็แค่เหงาอยากมีเพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ ก็เท่านั้น หากการกระทำของเราทำให้ชานยอลเข้าใจผิดก็ขอโทษด้วยนะครับ


    ทว่าพอมาถึงประโยคหลัง ความรู้สึกบางอย่างก็เข้าครอบงำร่างสูงให้รู้สึกผิดแปลกไปจากเดิม คำว่า เหงา ของแบคฮยอนเขย่าหัวใจของเขาให้สั่นคลอนจนแทบมิอาจควบคุมได้


    คนที่เหลือตัวคนเดียว


    คนที่เสียครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวไป


    คนที่อยู่ในบ้านหลังใหญ่แต่ไม่เคยมีความสุขจริงๆ เลยสักครั้ง


    ซ้ำยังถูกคนใจร้ายกลั่นแกล้งและทำร้ายสารพัด


    แบคฮยอนทนได้อย่างไรกัน


    “…”


    เราอยากให้ชานยอลลองเปิดใจเท่านั้นเอง เปิดใจรับฟังสิ่งที่เราต้องการจะบอกบ้างได้ไหม


    “…”


    เราจะไม่แก้ตัวและไม่ขอให้ชานยอลเชื่อ


    “…”


    แต่อยากบอกให้รู้ไว้ว่าเราไม่เคยรักใครนอกจากชานยอล


    นี่คือความจริงที่ร่างน้อยไม่เคยโกหกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว


    ต่อให้เขาจะร้ายไปอีกสักกี่ร้อยปี


    สุดท้ายแล้วเจ้าของหัวใจโง่งมดวงนี้ก็ยังคงเป็นของเขา


    ของปาร์ค ชานยอลเพียงผู้เดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

     














    100%


    ฉากที่ชานยอลช่วยแบคฮยอนตอนจมน้ำเราแก้ไขแล้วนะคะ

    มีคนชี้แจงมาว่าการอุ้มพาดบ่าเป็นวิธีที่ผิดค่ะ

    แล้วเราก็ลองศึกษามาแล้วพบว่าวิธีนี้ไม่ถูกต้องจริงๆ

    ขออภัยในความผิดพลาดนะคะ แล้วก็ขอบคุณเจ้าของคอมเมนต์มากๆ ด้วยค่ะ

    ครั้งหน้าจะรอบคอบให้มากกว่านี้นะคะ TT


    มีคนสงสัยในหลายๆ จุดเกี่ยวกับเรื่องนี้

    ถ้ามีเวลาว่างเราจะมาเปิดทอล์คตอบคำถามต่างๆ ให้เคลียร์ไปเลยค่ะ


    เยิ้บบบ <3



    #ฟิคเข็มนาฬิกา



     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×