NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FANFIC ] TOXIC (รินxลัล) : จบแล้ว

    ลำดับตอนที่ #47 : T O X I C – HIS SIDE [rw]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.14K
      61
      12 มี.ค. 66

    T  O  X  I  C

    (HIS SIDE)

     

    *ขอย้ำ ณ ที่นี้อีกครั้งว่าเส้นเรื่องของฟิค TOXIC ต่อยอดมาจากตอนจบในนิยายการิน ภาคสลักบิดเบือนกรรม คดีที่ 10 บางส่วนของชาพเตอร์นี้มีการ mention ถึงเนื้อหาภายในเล่มนะคะ สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านมาเราพยายามเขียนให้สปอยล์น้อยที่สุดแล้ว TT *

     

     

    H

    ประตูคอนโดชั้นแรกเปิดออกหลังสัญญาณสแกนปลดล็อค การินหยุดอยู่หน้าประตูกระจก สอดกุญแจไขอีกชั้นขณะเดียวกันที่สะบัดรองเท้าออกและเขี่ยไปที่มุมผนังลวก ๆ อย่างมักง่าย ทั้งที่ชั้นวางรองเท้าก็ตั้งอยู่ตรงหน้า

    ชายหนุ่มลากขาของตัวเองตรงไปยังโซฟา ก่อนจะทิ้งร่างลงกับเบาะนิ่ม

    เขาหลับตาลง ครั้นลืมตาขึ้นมาก็เห็นรองเท้าที่กองไร้ระเบียบวางคาไว้ที่หน้าประตู ใกล้กับตู้วางรองเท้าที่ว่างเปล่าลงไปกว่าครึ่งจากภาพเก่า ๆ ที่จำได้ว่าเคยมีรองเท้าวางเรียงกันจนแน่นขนัด

    เสียงจากความทรงจำที่ดังขึ้นไม่เว้นให้ความคิดได้พัก

     

    “กลับมาแล้วเหรอ...ได้กินอะไรมาหรือยังเนี่ย ให้ฉันทำอะไรให้กินหน่อยไหม”

    ถ้อยคำนั้นมาพร้อมรอยยิ้มเบาบาง แววตาอ่อนแสงลง เหมือนอยากจะใช้นิ้วจิ้มบนหว่างคิ้วที่ขมวดแน่นของคนบนโซฟา

    “ไม่เห็นกลับมาแล้วอารมณ์ดีเหมือนแต่ก่อนเลย...คงเบื่อแล้วล่ะสิท่า”

     

    เขาไม่ตอบรับ

     

    “การิน นายรู้ตัวไหมว่าหนึ่งในข้อเสียของนายก็คือ เป็นคนขี้เบื่อ”

     

    “หุบปากน่า”

    ไม่รู้ว่ากำลังพูดกับใคร เพราะเสียงนั้นไม่มีต้นตอปรากฏให้เห็น

     

     

     

    O

    ชีวิตของ การิน จินตเมธร ยังคงหลงอยู่ในวังวนคนธรรมดา ไม่ได้ถูกแต้มด้วยความมืดจนมีสีสันสดใส หรือหวือหวาพิสดารอย่าที่เขาคาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มมากนัก

    มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาอายุสิบสี่... ตื่นเต้นและยินดีที่ได้พบของเล่นชิ้นใหม่

    เธอปรากฏตัวขึ้นในโรงเรียนของพ่อในฐานะนักเรียนที่ย้ายเข้ามากลางเทอม

    คิดไว้ว่าเอามาฆ่าเวลาก็พอแล้ว ประเดี๋ยวยัยนั่นก็จะหายหัวไปเหมือนกับทุกคนนั้นแหละ จำได้อยู่หรอกว่าชื่อลัลทริมา แต่เขาไม่เรียก

    ...ก็เป็นแค่ของเล่น

    ไม่มีค่าพอจะให้เรียกนี่

    เพียงเพราะแค่ผู้หญิงคนนี้มี ญาณอาถรรพ์ ชีวิตก็สนุกขึ้นเมื่อเธอเข้ามา เห็นคนตายเยอะจนตาลาย คนเจ็บก็นับไม่ถ้วน ทั้งที่เขาขวนขวายมันมาทั้งชีวิต ต้องการครอบครองมันแทบบ้าแต่ขณะเดียวกันสิ่งนั้นกลับทำให้เธอพร่ำพรูออกมาว่ารังเกียจ

    การินริษยาทุกครั้งที่มองเธอ ...เขาอยากได้พลังนั่น

    ในเมื่อครอบครองพลังนั่นด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ถือสิทธิ์เป็นนายเหนือเจ้าของพลังนั้นอีกทีเสียเลยก็แล้วกัน เพราะเธอมันโง่ เธอไม่คู่ควรเลยสักนิด และไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเซ่อซ่า เกะกะน่ารำคาญตาไปหมด แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่

    หากไม่ใช่เธอทำให้เขาสนุกได้ขนาดนี้ล่ะก็อย่าหวังเลย

     

     

     

    N

    เมื่ออายุสิบห้า... เขากำลังย่ามใจที่มีญาณอาถรรพ์อยู่กับตัว

    การปั่นหัวเธอเล่นนี่มันทำให้ความบันเทิงเกิดขึ้นได้ไม่รู้จบเลย ทั้งที่เมื่อก่อนได้แต่หายใจเบื่อ ๆ ทิ้งไปวัน ๆ ทว่าตอนนี้เขากลับตั้งตารอแทบแย่แล้วว่าเมื่อไหร่มันจะแสดงผลออกมาอีก

    แม้ว่ามันจะฝังรากแน่นอยู่ในจิตวิญญาณของเธอจนดึงออกมาไม่ได้ ทำให้เขาต้องจำใจติดสอยห้อยตามเธอตลอดเวลา แต่การินคิดว่าในขณะที่เกมชิงสลักบิดเบือนกรรมยังดำเนินต่อไป ตัวเองก็พอจะสูสีกับวิญญาณ์ที่เป็นญาติผู้พี่ได้อยู่หากมีญาณอาถรรพ์ช่วย

    ในตอนนั้นจากของเล่นถูกเลื่อนขั้นขึ้นมา

    สำคัญกว่าเดิมนิดหน่อย

    จากของเล่น กลายเป็นของเล่นชิ้นโปรด แต่ทำไมรอบตัวยัยนั่นถึงมีแต่พวกใส่แว่นน่ารำคาญวนเวียนขอส่วนบุญกันเต็มไปหมดก็ไม่รู้

    ตัวเขาและลูกพี่ลูกน้องแย่งกันตามหา สลักบิดเบือนกรรม คนหนึ่งหวังครอบครอง อีกคนหนึ่งหวังทำลาย แต่ละเหตุการณ์น่าประทับใจผ่านผันไปอย่างรวดเร็ว ควัน เชือก กระดิ่ง รูบิค จันทร์สีเลือด กริช ตะปู และเจตภูต ทั้งหมดนำไปสู่จุดกำเนิดที่มาพร้อมจุดจบอย่างที่ไม่อาจมีใครคาดคิดถึง

    ท้ายสุดแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาก็นับว่าสมประสงค์กันทุกฝ่าย วิญญาณ์ไปตามทางของตัวเองในที่สุด และเขาเองก็ได้คว้าเป้าหมายตัวเองไว้อย่างที่ต้องการ สิ่งที่ค้างคาใจหลุดออกเสมอปลดแม่กุญแจยักษ์ขึ้นสนิมให้หลุดร่วงจากรูสลัก

    ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็หลุดพ้นจากไอ้พลังคำสาปของเธอแล้วนี่

     

    ...ไร้ประโยชน์ชะมัด

     

     

     

    E

    เมื่ออายุสิบหก... ไม่มียัยแม่มดสำหรับเขาอีกแล้ว

    หล่อนกลายเป็นคนธรรมดาคนนึงอย่างที่เจ้าตัวต้องการ เพราะด้วยประการนั้น เราจึงต่างใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป แสร้งทำเหมือนไม่รู้จักกันยามเดินสวนทาง ไม่มีธุระที่จะต้องข้องเกี่ยวกันเป็นครั้งที่สอง แต่รู้อะไรไหม น่าโมโหมากที่มันยังคงเลือกเธอ

    ทำไม

    ทำไม

    ทำไม

    ทำ ไม มัน ถึง เลือก เธอ !

    เรื่องนี้ยังไม่จบหรอก ดูเหมือนว่าไม่มีทางที่จะจบลงเลยด้วยซ้ำ เขากลับตื่นเต้นจนขนลุกไปทั่วร่าง ตั้งตารอคอยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร

    และสุดท้าย...น่าประหลาดใจจังที่ติดมหาลัยเดียวกัน เพราะอะไรเธอถึงเลือกที่นี่นะ?

    การินรู้สึกคาดหวังว่ามันต้องมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นแน่

     

     

     

    Y

    หลังจากที่เริ่มดื่มกาแฟและดื่มตลอดมา การินกลับพบว่า เธอและเครื่องดื่มชนิดนี้มีคุณสมบัติบางอย่างที่คล้ายกัน

    ทำให้ตื่นเต็มตา รับเข้าไปในปริมาณมากแล้วใจสั่น

    และอาจจะสั่นจนทำให้นอนไม่หลับในบางครั้ง และถ้าพยายามเลิกแบบหักดิบก็จะปวดหัวสุดขีด

    เด็กหนุ่มยังคงไม่แน่ใจสมมติฐานของตัวเอง...อา ใช่ ในตอนนั้นยังคงเป็นเด็กหนุ่มอยู่ จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปเขากลับรู้สึกเหมือนเธอเป็นขนมสายไหมที่ละลายในปากมากกว่า แตะชิมเพียงเล็กน้อยรสหวานก็หายไป จนต้องไขว้คว้าหามากินอยู่เรื่อย ๆ

    แต่เขาไม่ชอบรสหวาน

    น่าเสียดาย ที่เธอไม่ใช่กาแฟ

    ......

    ......

    “ก การิน...”

    ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก

    ดวงตาคมหลุบมองกลีบปากอิ่มสีแดงที่เพิ่งสัมผัสไปเมื่อครู่

    “ขออีกทีได้มั้ย”

    ไม่ทันได้ตอบกลีบปากอุ่นนิ่มถูกประกบด้วยด้วยคนตัวสูง จังหวะรุกล้ำที่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสัญชาติญาณพาไป เรียวลิ้นเปียกชื้นแทรกเข้าในโพรงปากเล็กลิ้มรสชานมจาง ๆ จากเด็กสาว

    เมื่อเขาถอนริมฝีปาก ลืมตาขึ้น ใบหน้าของคนแปลกหน้าที่เดินขวักไขว่ไปมาในระยะไกลถูกบดบังด้วยหลุมเงาดำสนิท แม้กระพริบตาภาพนั้นยังคงอยู่

    “ขออีกรอบนะ”

    คนในอาณัติยังไม่ทันตอบริมฝีปากหยักก็เบียดลงสกัดเสียงอีกครั้ง มือข้างหนึ่งประคองท้ายทอย อีกข้างโอบแผ่นหลังบอบบางที่สั่นเล็ก ๆ

    เด็กหนุ่มชะงักเมื่อผละออกมา คิ้วเข้มขมวดแน่น

    “มะ...ไม่ชอบเหรอ”

    เธอถาม สีหน้าประหม่าอย่างเห็นได้ชัด

    “เปล่า” ร่างสูงโปร่งตอบ  

    คว้าคอเสื้อคนตรงหน้าพร้อมโน้มลงไปอีกรอบหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าอะไรชัดเจนชวนกระหายอยากมากกว่ากันระหว่างสัมผัสจูบนิ่มหวานเหมือนสายไหมละลายบนลิ้นหรือภาพเหนือธรรมชาติที่ตาเห็น

     

    “เปล่า เธอแค่...กำลังทำให้ฉันโลภมาก”

     

    เมื่อเขาสัมผัสริมฝีปากเธอเป็นครั้งที่สาม

    ผืนฟ้าสดใสกลายเป็นสีแดงก่ำ

     

     

     

    Y

    “มึง...ได้ยินข่าวลือแปลกๆในมอเราช่วงนี้ปะ”

    “อะไรเหรอ” สิ้นคำถามมือยกขึ้นป้องข้างริมฝีปาก เรื่องลึกลับถูกกระซิบกระซาบสู่คนฟัง คนแล้วคนเล่า คนแล้วคนเล่า ข่าวลือกระจายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว

     

    “มึงรู้ได้ยังไงว่าเป็นเพราะล— ...คนนั้น”

    “จำไม่ได้เหรอว่า ‘คนนั้น’ กับแฟนก็มีข่าวไม่ค่อยดีมาตั้งแต่ก่อนเข้าที่นี่แล้ว”

    “แล้วมึงเชื่อ?”

    “ก็คนเขาลือกันทั่วว่าเป็นแบบนั้น ลองคิดดูมั้ย ถ้าข่าวลือไม่มีมูลทำไมนางถึงโดนเด็กร่วมโรงเรียนเกลียดจนตามมาด่ากลางมหาลัยล่ะ”

    ลัลทริมาที่กำลังจะก้าวเดินพลันชะงักปลายเท้า ร่างกายแข็งทื่อ เม้มปากแน่นเมื่อได้บังเอิญยินบทสนทนานั้น

    คนพวกนั้นกำลังพูดถึงเธออยู่ใช่ไหมนะ?

    “มึงจะเอาไรมาก คนแม่งอคติขึ้นมาจะใส่ไฟอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ นางอาจจะแค่ทำเรื่องไม่ดีไว้แล้วโดนเกลียด เลยสร้างคาร์แรคเตอร์ซอฟต์ ๆ กลบเกลื่อนให้คนอื่นเห็นก็ได้ แต่ที่บอกว่าเป็นแม่มดตัวซวยอะไรนั่น ไร้สาระจะตาย”

    กรอบตาทั้งสองข้างพลันอุ่นวาบ

    แม้อยากจะเดินพรวดพราดแสดงตัวออกไป สมองกลับสั่งให้ยืนฟังต่ออีกสักหน่อย

    “เออ ก็คงงั้นมั้ง”

    “...อีกอย่างสองคนนั้นไม่ใช่แฟนกันไม่ใช่เหรอ ก็ฝ่ายผู้ชายพูดเองว่าไม่ได้เป็นอะไร ได้ยินมากับหู”

    “อันนั้นไม่รู้แล้ว มึงแต่กูว่ามันแปลก คนบ้าอะไรรอดตายจากฆาตกรรมหมู่มา เข้าโรงเรียนใหม่ก็มีข่าวคนตายตลอดจนจบการศึกษา แล้วพอเข้ามหาลัยที่นี่ก็มีอะไรน่ากลัวอีก

    “เฮ้ย ...มึงก็พูดไป”

    “จะเป็นแม่มดจริงมั้ยไม่รู้แหละ ...แต่บอกตรง ๆ ไม่อยากตายเหมือนเด็กพวกนั้นว่ะ”

    เด็กสาวเริ่มประมวลผลปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน และได้เข้าใจในวินาทีนั้นเองว่าสาเหตุที่จู่ ๆ เพื่อนร่วมคณะทุกคนก็มองเธอแปลก ๆ และเริ่มตีตัวออกห่างไปคืออะไร

    ผิดปรกติเกินไปที่จะเป็นแบบนั้น

    เพราะเมื่อตอนต้นเทอมที่ผ่านมา ลัลทริมาถูกเด็กนิศาพาณิชย์ที่เรียนมาด้วยกันตามมารังแกทุกคนก็ดูไม่ได้คล้อยตามสักเท่าไหร่จนกระทั่งข่าวลือเงียบไป ทว่าหัวข้อที่หายไปถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้งเมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งที่เธอเริ่มเข้ากับทุกคนได้ดี

    ลัลทริมาเชื่อว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่

    แต่...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้

     

     

     

    O

    : เป็นอะไร

    : อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 10.13) :

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 18.45) :

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 22.07) :

    (Yesterday)

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 09.42) :

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 12.35) :

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 19.32) :

    : รับดิวะ

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 23.58) :

    (Today)

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 12.04) :

    (คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 16.47) :

    : เป็นบ้าอะไร

    เลิกทำแบบนี้เถอะ :

    เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ :

    : จะเอาแบบนี้เหรอ

    ก็นายเคยพูดไว้เอง :

     

     

     

    U

    น่าหงุดหงิดจริง ๆ

    ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง มองดูใครบางคนที่กำลังส่งยิ้มเป็นตอบรับคนรอบข้าง

    เธอผูกมิตรเก่งขึ้นเยอะเลยนี่ แล้วไหนที่เคยพูดว่าเป็นคนเก็บตัวเพราะวางตัวกับคนอื่นลำบาก โกหกกันหน้าด้านๆเลยว่างั้นเถอะ ...แต่นั่นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว มิน่าล่ะถึงได้กล้าอวดดีแบบนี้

    พัฒนาได้ไม่เลวนี่ คิดจะทดสอบความอดทนกันหรือ?

    แบบนี้มัน...ไม่ใช่

    คนแบบเธอไม่เหมาะสมกับอะไรแบบนี้ ไม่สมควรมีรอยยิ้มน่าเกลียดหรือหัวเราะแบบนั้น ไม่คู่ควรกับแสงแดดสดใส และตอนนี้ก็ไม่มีใครเห็นว่าตัวตนแท้จริงของเธอเป็นยังไงนอกจากเขา

    ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ยัยแม่มดหน้าด้านที่ฉวยโอกาสโงหัวขึ้นมาลืมตาอ้าปากรับอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางความตายของคนอื่น นับถือใจเธอจริง ๆ ที่กล้าก้าวข้ามบาปโสมมแล้วแกล้งลืมทุกอย่าง ใช้ชีวิตอย่างไม่ละอายใจทั้งที่มันยังคงกอดรัดเธอไว้ยิ่งกว่าตรวนคนคุก

    จะปล่อยให้เธอมีชีวิตแสนสุขอันปราศจากเขาได้ยังไงกัน

    พวกมันไม่มีสิทธิ์ ไม่มีใครแตะต้องเธอได้ถ้าเขาไม่อนุญาต และคิดว่าจะไม่อนุญาตด้วยถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน ต่อให้เธอเป็นเพียงของเล่นก็เป็นของของเขาอยู่วันยังค่ำ เขาจะซ่อมมัน พังมัน เล่นทิ้งเล่นขว้างยังไงมันก็ไม่ใช่กงการของใคร แต่พวกมันไม่มีทางที่จะแย่งของเล่นของเขาไป

    จะปล่อยให้เธอเป็นของคนอื่นได้ยังไงกัน

     

    ของเล่นชิ้นนี้ฉันเป็นคนเจอมัน ฉันไม่แบ่งให้ใครทั้งนั้นแหละ

     

     

     

    L

    เมื่ออายุสิบเจ็ด... ช่วงเวลานั้นเขาดึงเธอกลับมาก่อนที่เธอจะเป็นของคนอื่น

    ผิดหวังเป็นบ้าที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว ภายในใจเขาเริ่มร้อนรุ่ม เรียกร้อง ไม่อยากเสียเวลา ในเมื่อลงทุนเฝ้ารอแล้วมันต้องมีอะไรตอบแทนกลับมาสักอย่าง

    ก็เพราะเธอเป็น ‘ของ’ เขานี่ ใช่ไหม?

    แต่น่าแปลก...แปลกมากที่จู่ ๆ เขาเริ่มรู้สึกว่าเธอไม่ใช่ เธอกำลังจะหลุดลอยไปที่ไหนสักแห่ง ทั้งที่เธอเป็นของของเขาอยู่แล้วและเป็นมาตลอด น้ำหน้าอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่นั่นอยู่แล้ว แต่ประหลาดยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่เห็นหน้าเธอ ความคิดเกรี้ยวกราดในหัวกลับหายวับไปจนหมด หลงเหลือเพียงความปรารถนาในรูปแบบอื่นที่ผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อนจนยากที่จะระงับจิตใจตัวเอง

    การินหัวเราะเยาะให้กับความคิดตัวเอง

    วางกระถางกำยานที่เริ่มมีควันลอยเอื่อยออกมาไว้ที่หัวเตียง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป

    รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปเมื่อไหร่ แต่กำยานที่จุดอยู่ตอนนี้แรงกว่าที่เจ้าของเก่าโฆษณาไว้น่าดู

    สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือจมูกเริ่มฉุนควัน แสบตาไปหมด สติที่เดิมทีอยู่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เริ่มพังทลายลงไปเมื่อกลายจมูกจ่อชิดซอกคอขาว รับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมไม่คุ้นเคยอันไม่ได้มีต้นตอจากกระถางกำยาน

    “ก...การิน”

    แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ

    “ถ้าไม่ชอบต้องผลักออกนะรู้มั้ย”

    นาทีนั้นสายตาเขาโฟกัสอะไรไม่ได้เลยนอกจากสีชมพูหวานที่ผุดขึ้นมาตรงแก้มทั้งสองข้างของคนตรงหน้า ในขณะที่ตัวเองกำลังสงสัยว่าเธอมาปรากฏตัวอยู่ในบ้านเขาได้ยังไง เหตุการณ์ประหลาดก็ดำเนินไปพร้อมกัน

    ...ตลกเป็นบ้า ได้ยินเหมือนกันไหม?

    เธอตอบว่าไม่เป็นไรว่ะ

     

    หลังจากรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในวันใหม่ เด็กหนุ่มผุดร่างลุกขึ้นจากเตียงตอนเจ็ดโมงเช้า เดินเหม่อๆไปร้านขายยาหน้าปากซอย ฟังเภสัชอธิบายวิธีใช้ราวกับคนไม่รู้ภาษา และนึกขอบคุณตัวเองที่ในความคิดเลือนรางขั้นสุดยังสามารถซื้อยาถูกชนิดแล้วถือกลับมาบ้านได้ ก่อนจะนั่งใจลอยมองตัวหนังสือบนกล่องอยู่พักใหญ่

    การินไม่เคยไม่มีสติในช่วงเวลาที่ยาวนานขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

     

    ...และเขากำลังเสียใจที่เรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นเพียงภาพฝัน

     

    สิ่งที่ได้เห็นเมื่อก้าวเท้าออกจากบ้านไม่อาจสลัดให้หลุดจากหัวได้โดยง่าย

    หากท้องฟ้าสีครามยังแดงฉานไปทั้งผืนได้เพราะงั้นคงไม่ใช่เรื่องประหลาดเกินควรอะไรถ้าเขาจะเห็นทั้งรูป กลิ่นเสียง ของมวลสารที่รู้แก่ใจแต่ไม่อาจพิสูจน์ได้ในทุกอาณาบริเวณที่กวาดสายตาไป

    จะให้ใจเย็นลงได้ยังไงในเมื่อเภสัชกรที่ขายยาให้ไม่มีแม้แต่หัว

    ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างที่เดินสวนกันระหว่างทางใช่คนหรือเปล่า

    เด็กหนุ่มตื่นเต้นกับความผิดแปลกนั้นที่ได้สัมผัส ทว่าภาพซ้อนทับที่คั่งค้างจากเมื่อคืนถูกกดทับด้วยอารมณ์สับสน ครั้นจะแสยะยิ้มอย่างที่เคยเป็นก็ยิ้มไม่ออก มีแต่ก้อนเนื้อในอกเท่านั้นที่กำลังเต้นรัวบ่งบอกถึงอารมณ์พุ่งพล่าน

    รู้สึกตัวอีกทีตอนนั่งอยู่ในห้องนอนหลังจากระลึกได้ว่ากำลังเหม่อลอยก็อ่านฉลากยาในมือวนไปเกือบร้อยรอบได้แล้ว เพียงแต่ภาพห้องนอนดำมืดไม่คุ้นเคยทำให้เขาแปลกใจ เด็กหนุ่มจึงตระหนักได้ว่าห้องนอนกำลังถูกปกคลุมด้วยโขมงควันเข้มคล้ำไร้ที่มา เคลื่อนไหวไปทั่วพื้นที่ที่มันจะเคลื่อนไปได้

    วินาทีที่หางตาเหลือบไปเห็นเสี้ยวหน้านวลของใครบางใครตัดกับสีเข้มของผ้าห่ม หมอกม่านแห่งความสงสัยที่พร่าเบลอในความคิดทั้งหมดก็ถูกทำลาย

    จากนั้นคำถามน่าใจหายที่ผุดขึ้นมา ...ไม่ใช่ ‘ฉันกำลังทำอะไรอยู่’

    แต่เป็น

    ‘ฉันทำอะไรลงไป’ ต่างหาก

     

     

     

    L

    เธอตื่นแล้ว

    ทว่าเด็กหนุ่มยังไม่พร้อมรับมือกับเธอที่ตื่นในเวลานี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงอยากได้พื้นที่อยู่กับตัวเองสักพักใหญ่

    “การิน?” ส่งสายตาตั้งคำถามเมื่อเขายื่นมือออกไป

    “ลุกขึ้น แล้วเอายาไป”

    “ยา?” เธอพูดทวน

    “ยาคุม...แบบฉุกเฉิน กินซะ จะได้กลับ”

    สีหน้าประหลาดก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนไปด้วยแววตาหลากหลายอารมณ์และดวงหน้าแดงก่ำที่ทำสีหน้าที่เหมือนอยากจะร้องไห้ ถึงอย่างนั้นเธอก็รับยาไปกินโดยดี

    ปฏิกิริยาของร่างตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มสงสัยขึ้นมา แล้วเมื่อคืนล่ะ...?

    เมื่อคืนสีหน้าเธอเป็นแบบไหน ท่าทีตอบรับของเธอเป็นยังไง

    ภาพนั้นเลือนรางเหลือเกิน

    จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าตอนที่เขากอดเธอไว้ เขามีความสุขหรือเปล่า ความรู้สึกแปลกใหม่นั่นนับว่าเป็นความสุขด้วยไหม หากไม่ใช่แล้วควรจะนิยามมันว่าอะไร

     

    เริ่มต้นด้วยค่ำคืนที่คลุ้งด้วยกลิ่นกำยาน จบลงด้วยเช้าที่กระอักกระอวน...เดดแอร์ตั้งแต่นาทีนั้นไปจนตลอดทางกระทั่งถึงหน้าบ้านเธอ

    และเรื่องราวจริง ๆ ถึงได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น

     

     

     

    B

    “...กูว่ามันแปลก คนอะไรรอดตายจากฆาตกรรมหมู่มา เข้าโรงเรียนใหม่ก็มีข่าวคนตายตลอดจนจบการศึกษา แล้วพอเข้ามหาลัยที่นี่ก็มีอะไรน่ากลัวอีก

    “เฮ้ย มึงก็พูดไป”

    “จะเป็นแม่มดจริงมั้ยไม่รู้แหละ ...แต่บอกตรง ๆ ไม่อยากตายเหมือนเด็กพวกนั้นว่ะ”

    มันไม่ใช่เพราะญาณอาถรรพ์

    ลัลทริมามั่นใจแบบนั้น

    ภายในระยะเวลาเกือบสองปีตั้งแต่ตอนนั้นที่ญาณอาถรรพ์ถูกทำลายไป ถึงจะได้สัมผัสกับเรื่องลี้ลับอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่เธอไม่เคยปวดหัวอยากอาเจียนอีกเลย เดินปร๋อในความมืดยังได้ นอนหลับสบายทุกคืน และอ่านใจหมาสักตัวยังไม่ได้ด้วยซ้ำ

    “แล้วใครบอกมึงมา”

    “ไอ้ภีม”

    “แล้วไอ้ห่านั่นมันไปรู้มาจากไหนวะ”

    เสียงนั้นอึกอัก “ก็...มันว่าการินบอกมาอะ”

     

     

     

    E

    การินยื่นผ้าขนหนูผืนใหม่เอี่ยมที่เพิ่งซื้อมาให้เธอซับน้ำฝนที่เปียกชุ่มร่างหลังจากเธอเพิ่งถามหาเหตุผลในการกระทำเลวร้ายที่เขาเพิ่งทำกับเธอไปก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาหนึ่งเดือน

    “ตอบสิ ทำแบบนี้เพื่ออะไรการิน!”

    “กันหมา”

    “แล้วเรื่องคืนนั้นล่ะ?

    “ลองอ่านใจฉันดูสิ”

    เธอกัดฟันแน่น “...สารเลว”

    แววโกรธกร้าวจากนัยน์ตากลมโตทำเขาแค่นหัวเราะ พลางนึกถึงความรู้สึกตัวเองในช่วงที่เหมือนกำลังจะเป็นบ้าเพราะต้องใช้ชีวิตโดยเห็นภาพทับซ้อนพวกนั้นอยู่นานกว่าสองสัปดาห์

    หากลัลทริมายังอ่านใจเขาได้อยู่...เธอจะได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ปรารถนาบางสิ่งจากเธออยู่ตลอดเวลา

    ความรู้สึกหวงแหนก้าวล้ำล่วงเข้ามาในพื้นที่จิตใจ ทั้งที่เธอคนนี้สมบัติของของเขาอยู่แต่แรกแล้ว ทว่าความรู้สึกอยากครอบครองที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้จางหายไปและไม่เคยน้อยลงเลยนับตั้งแต่วันนั้น

    รังแต่จะมากขึ้น มากขึ้นไปทุกที

     

    อยากได้ เธอ . . . จ น แ ท บ บ้ า

    ถ้าได้มันมาโดยไม่ต้องจูบทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม

     

     

     

    M

    เมื่อตอนอายุสิบแปด...กว่าจะรู้ตัวว่าผูกมัดเธอไว้ด้วยอะไร และถูกเธอผูกมัดด้วยอะไรก็ปาเข้าไปหลายเดือนพอสมควร

    เขาไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนี้  เรียกว่าอะไรดี

    สุขจนแทบสำลักใช่ไหม

    ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรที่คนทั่วไปเรียกกันว่าช่วงโปรโมชั่นหรือเปล่า เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะพูดจาว่าง่ายขนาดนี้ รวมถึงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นคนใจเย็นขนาดนี้ด้วย

    ............

    “นั่นอะไรเหรอการิน” ดวงตากลมโตสะดุดกับของในมือเขา

    “กำยาน”

    “อ่า.. นายจะจุดเหรอ”

    “ไม่” การินยัดมันลงในส่วนลึกที่สุดของลิ้นชัก พอหันกลับมาเห็นสีหนน้างุนงงเขาจึงขยายความต่อ “ไอ้นี่มันแรงเกินไป เธอจำไม่ได้เหรอว่าคืนนั้นดมแล้วเห็นภาพหลอน”

    ดูเหมือนบอกใบ้เพียงเท่านั้นความทรงจำของเธอก็คืนกลับมา

    “อ้อ...โอเค” ร่างบางส่งเสียงอึกอักในลำคอ ก่อนจะทำทีเป็นเลิกสนใจของในมือเขา

    อีกฝ่ายกลับร้อนรนอยู่ภายในใจอย่างไร้ที่มา รีบแก้ไขทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทักท้วงด้วยไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดเพราะคิดไปไกลกว่านั้น

    “แค่บังเอิญมีคนให้มา”

    “ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย...”

     

    โดยปราศจากอารมณ์มืดมนแล้ว

    การินรู้แค่ว่าตัวเองเริ่มยิ้มบ่อยจนน่ารำคาญ

    และเธอก็น่ารักดี

     

     

     

    I

    อืม

    เธอน่ารัก

     

    ...แต่ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี...

     

    มีอย่างที่ไหนกันกระโจนเข้าหาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลยทั้งที่เขาเก็บวัตถุอาถรรพ์ติดตัวแท้ๆ รอยยิ้มหวานที่ประดับบนใบหน้าเพื่อเขาโดยเฉพาะช่วยยืนยันให้แน่ใจว่าหลังจากเหตุการณ์ที่ญาณอาถรรพ์ถูกทำลายไปเมื่อครั้งนั้นอีกฝ่ายสัมผัสอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ

    “ไม่ได้เจอตั้งหลายวันแน่ะ ...ฉันอยากให้นายไปเที่ยวด้วยกันจัง” มือบางยกขึ้นทาบยันแผ่นอกชายหนุ่มไว้เมื่อเขาขยับเข้าใกล้ “นายคิดถึงฉันไหม”

    เจ้าของใบหน้าคมไม่ตอบ

    เขายิ้มบาง ยกมือขึ้นเกลี่ยผมหน้าม้าเปิดหน้าผากได้รูปออก ก่อนจะแนบริมฝีปากหยักลงประทับแผ่วเบา ร่างบางกลับกระพริบตาปริบ เอื้อมมือแตะลงบนหน้าผากตัวเอง

    “ทำไมไปจุ๊บตรงนั้นง่ะ” เธอถาม

    “แล้วถ้าเป็นที่อื่นเธอจะว่าไง”

    “หือ...”

    คำถามของเขาทำให้ความคิดเธอสะดุด ไม่ทันได้โต้ตอบมือแกร่งประคองต้นคอเรียวระหง ใบหน้าคมโน้มลงประชิด กลีบปากร้อนเฉียดสัมผัสนุ่มนิ่มให้ร่างบอบบางผงะไปชั่ววินาที

    ร่างสูงไม่เว้นจังหวะให้หายใจ บดเบียดแนบชิดนวดคลึงริมฝีปากด้วยริมฝีปาก รสมายาหวานล้ำละมุนจากหญิงสาวแผ่ซ่านจากปลายลิ้นแทรกไปทั่วร่าง คล้ายอาการมอมเมาจากรสสุราที่กลืนกินลงไปแล้วร้อนวูบวาบ

    ทว่ากลับเป็นเขาที่ร่างกระตูกวูบหลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นเยือกดำมืดจากวัตถุอาถรรพ์ที่พกไว้ในกระเป๋ากางเกง

    หวังว่าเธอจะไม่ทันสังเกตเห็นแววตาที่สั่นไหวไปชั่วขณะนั้น

     

     

     

    N

    ถอนคำพูดดีกว่าที่ว่าเธอไร้ประโยชน์

    การินรู้สึกขอบคุณตัวเองเหลือเกินที่ก่อนหน้านั้นเผลอปล่อยใจทำตามอารมณ์

    เดิมทีตัวเขาในวัยเด็กเคยคิดมาตลอดว่าหากเขามองเห็นและสัมผัส พวกมัน ทุกอย่างที่เขาปรารถนาคงอยู่ไม่ไกล ถึงได้ทำทุกวิถีทางที่จะได้สัมผัสที่หกมา และหลงลืมความคิดนี้ไปเมื่อได้รู้จักเด็กสาวผู้มีญาณอาถรรพ์เมื่อหลายปีก่อน เขาจึงใช้เธอเป็นการทดแทนจุดบอดนั้น

    เมื่อเป้าหมายเดิมของเขาสำเร็จลุล่วง เป้าหมายใหม่จึงถูกสร้างขึ้นด้วยความหลงใหลกระหายอันบ้าคลั่ง

    และวันนี้ความฝันนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมา

    ...ในตอนที่การมีเพียงสัมผัสที่หกธรรมดาแทบไม่ช่วยอะไร

     

    ตอนนั้นผู้ชายที่ชื่อ รุทร ศิวะกร เคยได้เสี้ยวพลังญาณอาถรรพ์มาด้วยความบังเอิญเพราะวิธีใด ...ตอนนี้การินเองก็ได้มันมาเช่นกัน ด้วยวิธีการที่ลึกซึ้งกว่า คุณภาพดียิ่งกว่า ด้วยความจงใจ

    นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่รู้กระทั่งทุกวันนี้

    ซึ่งเขาไม่มีวันบอก เพราะยังไงเสียเธอก็ไม่สมควรได้รับรู้เช่นกัน

    เพียงแต่นั่นก็เป็นเพียงเสี้ยวพลังเบาบาง เทียบไม่ได้เลยกับปริมาณและประสิทธิภาพมหาศาลที่ต้นร่างมี งั้นถ้าเจ้าของร่างรับรู้ถึงมันไม่ได้แล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า

    ไม่ใช่เพียงการหยิบโยงเข้าด้วยกันจากการกระทำเพียงครั้งหรือสองครั้ง หากยิ่งถลำลึกลงไปยิ่งแน่ใจว่าสิ่งใดคือตัวแปร การินถึงได้มั่นใจว่าญาณอาถรรพ์คงอยู่ตลอดไปเพียงแต่เธอไม่รู้ตัวเท่านั้น สัมผัสกันยิ่งรู้สึกได้ จุมพิตยิ่งชัดเจน และช่างน่าอัศจรรย์จนอธิบายไม่ได้เมื่อร่วมพันผูกลึกซึ้งกับหญิงสาวเจ้าของร่าง

    ลัลทริมา...เธอคือบ่อน้ำมันชั้นเลิศชัดๆ หากปล่อยให้สมบัติล้ำค่าเธอหลุดไปอยู่ในมือคนอื่นนั่นต้องทำให้เขาคลั่งแทบตายแน่

    ช่างน่าเจ็บใจที่ทำยังไงก็แยกญาณนั้นออกจากร่างเธอไม่ได้

    เพราะงั้นเขาเลยคิดว่าอีกประเดี๋ยวมันก็จะกลับมา แค่ต้องรอเวลา

    อย่างไรก็ดีปัญหาก็คือเขาโลภมากในตัวเธอเกินไป การห้ามตัวเองมันยากนักก็ไม่ต้องห้าม ทำตามอำเภอใจทุกอย่างที่อยากจะทำมันเลยก็แล้วกัน เสพสุขให้เต็มที่เสีย เพราะในท้ายสุดแล้วทุกอย่างก็จะกลับมาลงเอยแบบเดิมอยู่ดี

     

    ...อีกครั้ง

     

    ...อีกครั้ง

     

    ...อีกครั้ง

     

    และอีกครั้ง

    นับไม่ถ้วน

     

    ลัลทริมา เธอน่ารักมากจริง ๆ

    อีกไม่ช้าเธอคงจะกลับมาเป็นแม่มดของเขาอีกครั้งแล้วสินะ

    ...แต่

    ไหนละสัญญาณการกลับมาที่ว่า?

     

    น่าเบื่อชะมัด...

     

    “การิน ...นายรักฉันไหม”

    เขาชักจะเกลียดคำถามนั้นขึ้นทุกทีที่มันออกจากปากเธอ ไม่ได้จินตนาการไว้ว่าจะต้องคอยรับมือกับคำถามที่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง หรือเตรียมใจชีวิตสงบเรียบง่ายเสียจนตัวเขาเองรู้สึกแปลกประหลาด

    ความคิดดำมืดผุดโผล่ขึ้นและค่อยๆแผ่กระจายทีละเล็กน้อยในวันที่แสนสุข ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบเรียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตุบอย่างดื้อรั้น

    หนักหน่วงชัดเจนเข้าไปทุกที

     

    วันนั้นที่เธอได้มันมา เธอเจ็บปวดแค่ไหนกันนะ

    ...มันจะเป็นยังไงนะถ้าทำเธอร้องไห้ขึ้นมา...

     

    “นายเป็นอะไรน่ะ”

    และสมองถูกเขย่าอย่างรุนแรงจนทนอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป

     

    มันจะคุ้มค่าเหรอ?

     

    ...ทำสิ ไม่เห็นจะเป็นไร

    ยัยนี่ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นสักหน่อย...

     

    ให้ตายเถอะ

     

    “การิน ทำไมมองฉันแบบนั้น”

    “ฉันกำลังคิด...ว่า”

    “...”

    “ไม่ไหวแล้ว”

     

    นี่มันน่าเบื่อฉิบหายเลยไม่ใช่เหรอวะ

     

     

     

    E

    ครั้งแล้ว ครั้งเล่า

    มันแทบจะไม่ตอบสนองเลย

    ให้ตายเถอะ

    ให้ตาย

     

    น้ำตาอีกแล้วเหรอ

    ...อาทิตย์นี้เธอได้ยิ้มสักครั้งแล้วหรือยังนะ

     

     

     

    F

    ลัลทริมาดวงตาแดงก่ำ มองกลับมาแบบไม่อยากจะเชื่อ

    “นายพูดว่าอะไรนะ”

    ชายหนุ่มรู้ว่าเธอไม่ได้อยากให้เขาพูดย้ำจริง ๆ หรอก แต่เขาจะทำเพื่อให้ทุกอย่างมันจบเสียที คงยืดเยื้อไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

    “ฉันบอกว่ามันน่าเบื่อไง และฉันทนอยู่กับเธอที่ไม่มีญาณอาถรรพ์ไม่ได้แล้ว” 

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ เป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่เขาเริ่ม ‘เลี้ยงไข้’ อะไรก็ตามที่ทำให้จิตใจเธอสับสน สั่นคลอน หากครั้งนั้นเธอได้ญาณอาถรรพ์มาเพราะเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ มันก็สมควรจะได้ผลเช่นเดียวกันใช่หรือเปล่า

    การินลองทำทุกอย่างที่จะทำได้ และเริ่มเห็นแววตาสีน้ำตาลของเธอเกรี้ยวกราดผิดหวัง ฟังเสียงเธอนั่งหลบมุมร้องไห้แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวัน

    ดูเหมือนจะได้ผล...แต่ก็ไม่เลย

    หญิงสาวตรงหน้าเริ่มได้สัมผัสที่หกกลับคืนมาทีละน้อย แต่มันก็เท่านั้น เพราะเล็กน้อยหมายถึงเล็กน้อยจริง ๆ เธอยังรู้สึกถึงอะไรที่เข้มข้นรุนแรงยิ่งกว่านั้นไม่ได้

    ไม่ว่าการินจะทำอย่างไร ก็มีเพียงเขาฝ่ายเดียวที่รู้สึกถึงญาณอาถรรพ์

    และปรารถนาถึงมันจนตัวสั่นอย่างที่เคยเป็น

    “ฉันบอกตามตรงนะยัยโง่ ฉันอยากให้เรื่องห่าเหวพวกนั้นเกิดขึ้นโคตร ๆ แต่เธอตอบสนองฉันไม่ได้ ในตอนที่ฉันรู้สึกต้องการมันขึ้นมาก็นึกได้ว่าเธอมันก็แค่คนไร้ค่า”

    “นายคิดแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหม การิน...”

    ดวงตากลมชุ่มรื้นด้วยหยาดน้ำ เรียกชื่อเขาเสียงเครือแทบหมดแรง คล้ายบอกให้เขาช่วยบอกทีว่าที่พูดมาทั้งหมดนี่มันไม่จริง

    “ถ้าเธอไม่กลับมาเป็นยัยแม่มดมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว”

    “แล้วที่ผ่านมา—”

    “ส่วนเรื่องของเธอ เสียใจที่ต้องบอกว่าฉันก็พยายามแล้ว...ทุกวิถีทาง ไม่มีอะไรเวิร์คเลย ...เธอก็รู้ฉันทนไม่ได้ มันอึดอัดว่ะ”

    “ตะ แต่ว่า...”

    “ฉันไม่อยากฝืนแล้ว พอกันที”

    การินตัดบท รู้สึกตัวมาสักพักใหญ่แล้วว่าความต้องการในใจเขามันมากมายเกินกว่าที่แฟนสาวจะจินตนาการออกได้ และสุดท้ายจะไม่ส่งผลดีต่อตัวเธอในระยะยาว ถึงได้ตัดสินใจพูดแบบนั้นออกไป

    ชายหนุ่มพอจะเดาได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบไหน เพียงแต่ไม่ได้คิดถึงผลกระทบของมันที่มีต่อตัวเขา เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ด้วยซ้ำ

    “...นายน่าจะบอกกันก่อนหน้านี้”

    น้ำเสียงเบาหวิว สั่นจนแทบไม่เป็นคำ

    “ถ้าไม่อยากได้กันแล้วก็น่าจะบอกให้ทำใจไว้ก่อนสักหน่อย... นายอาจจะเคยรู้สึกดี แต่ตอนนี้คงไม่แล้วสินะ บ้าจัง...ฉันเพิ่งรู้สึกเหมือนเป็นของเล่นจริง ๆ ก็ตอนนี้แหละ”

    ร่างสูงไร้คำพูด ไม่สบสายตาคนตรงหน้า

    “ในเมื่อหมดประโยชน์ ฉันก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่แล้วถูกไหม”

    เขาถอนหายใจ

    “เอาสิ แบบนั้นคงจะดีกว่า”

     

    อยากไปไหนก็ไป...ไปซะก็ดีเหมือนกัน

    จะได้ไม่ต้องทนกับเรื่องที่เธอไม่ชอบ

     

     

     

    O

    การิน ไอ้หน้าโง่เอ๊ย

    แกทำบ้าอะไรลงไปอยู่ตั้งนาน เสียเวลาไปเปล่าแท้ ๆ

    แบบนี้ไม่สมเป็นตัวฉันเลย

     

    รีบตั้งสติ แล้วกลับมาเป็นตัวเองซะ

    ผู้หญิงคนนั้นเป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุดในชีวิตแก จำใส่หัวเอาไว้

     

    ว่าแต่... ทำไมถึงครอบครองทุกสิ่งที่ต้องการไม่ได้กันนะ

     

     

     

    R

    การิน จินตเมธร ...เมื่ออายุยี่สิบ

    ถูกสาปให้พบความทรมานอีกครั้ง ณ ชั่วขณะหนึ่งของชีวิต เอฟเฟกต์ของการอยู่ร่วมกันเกือบสามปีร่วมกว่าสองหมื่นสองพันชั่วโมงกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตามหลอกหลอนเขาอยู่

    ถูกเอียร์วอร์มเล่นงาน

    ...นานร่วมหลายเดือน ที่เป็นแบบนั้น

    ในแต่ละค่ำคืนจะได้ยินเสียงน่ารำคาญของเธอในประโยคที่เคยสนทนากันลอยเข้ามาในหัวนับครั้งไม่ถ้วน หลอนกลิ่นหอมจากโลชั่นที่ฉุนจากในขวดแต่พออยู่บนผิวเธอแล้วกลิ่นแม่งดีเป็นบ้า หรือลืมตาขึ้นมาก็ควานหาอะไรสักอย่างที่ว่างเปล่าบนเตียงนอน บางเวลาก็เหม่อมองสิ่งของของตัวเองที่เธอเคยร่วมใช้ด้วยกัน

    เสื้อผ้าบางตัวที่เธอลืมเก็บทิ้งไป เขาเคยคิดว่าจะเอาไปเผาไฟแต่ก็ไม่ได้ทำ

    ส่วนแปรงสีฟันยัยนั่นคงทิ้งไว้ให้เขาดูต่างหน้าสินะ

    แผ่นซีดีเพลง หนังสือภาพ บรรดาตุ๊กตาที่เธอขยันซื้อมากองไว้เต็มเตียง คิดว่าพิสมัยมันนักหรือ...ก็ไม่ ไม่เลยสักนิด และก็สมดั่งใจเพราะเธอกวาดมันลงถุงดำไปหมดแล้ว มองกลับไปในตอนนี้เตียงหกฟุตที่เคยแน่นขนัดด้วยตุ๊กตาดูโล่งซะไม่มี

    ขวดแชมพูที่เธอไม่ได้เอากลับไปด้วยกลับมีประโยชน์ขึ้นมาเวลาที่เขาใช้ของตัวเองหมดและหยิบของเธอมาใช้แทน กลิ่นหวาน ๆ เป็นตัวกระตุ้นความคิดถึงชั้นดีทีเดียว

    การินเพียงแต่หวัง หากความรู้สึกเหล่านั้นลบล้างได้ง่ายเหมือนฟองแชมพูบ้างคงจะดี

     

    ขณะเดียวกันเสียงซุบซิบก็ดังขึ้นทุกที...ทุกที

    และดังยิ่งขึ้นเมื่อเขาหลับฝัน

     

     

     

    E

    “บอกให้จับตาดูเอาไว้แล้วทำเหี้ยอะไรวะ”

    “ก็ดูแลไง แบบที่มึงไม่มีปัญญาทำอะ” อีกฝ่ายตอกกลับการินเสียงก้องกร้าว ไม่ได้เกรงกลัวแม้ว่าจะโดนคนผมดำต่อยจนฟกช้ำไปทั้งหน้า

    ไม่รู้จะเกรงไปทำไมในเมื่อไม่จำเป็นต้องเกรงแถมทำให้เจ้าคนอวดดีนี่เจ็บได้เหมือนกัน

    “คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าทำไมคนเห็นแก่ตัวแบบมึงถึงทนคบยัยนั่นได้เป็นปี ๆ ที่แท้ก็รู้แก่ใจเป็นชาติแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เคยเป็นคนธรรมดา! แม่งเอ๊ย ใครกันแน่วะที่ทำเหี้ย!!

    “มึงรู้ได้ยังไง?!”

    รุทรหัวเราะ หยัดกายโดยหลังพิงชิดกำแพงอาคารโรงพยาบาล

    “...ที่ผ่านมาเสวยสุขจากลัลทริมาไปมากแค่ไหนแล้วล่ะ กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงอยากได้ยัยนั่นกลับมาอยู่ข้างตัวเองนักหนา น้ำหน้าอย่างมึงอะนะจะรักใครเป็น!

    “กูถามว่ามึงรู้ได้ยังไง!!!” ชายหนุ่มหน้าตึง ปรี่เข้าคว้าคอเสื้อยับเยิน เสียงที่ออกจากลำคอเย็นวาบจนอีกฝ่ายแทบขนลุก “มึงจูบมันเหรอ”

    รุทรหัวเราะอีกครั้ง

    น้ำเสียงเยาะเย้ยจนการินแทบทนไม่ไหว

    “แล้วทำไมจะจูบไม่ได้ ก็ตอนนั้นมึงเป็นคนอื่น”

     

     

     

    V

    ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย

     

    ตอนนี้ตีห้า ฟ้ายังไม่สว่าง

    การินกลืนน้ำลายลงในลำคอแห้งผากหลังจากตื่นนอน  ยืนนิ่งและขมวดคิ้วแน่น ทันทีเมื่อเห็นแก้วอีกใบที่เขาหยิบขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ครัว  แค่จะดื่มน้ำ แต่กลับหยิบแก้วขึ้นมาตั้งสองใบมันจะไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอ

    อากาศเย็นสบายของเวลาโพล้เพล้ยังคงอยู่ ในโมงยามนี้หากเป็นเมื่อวันวาน ใครบางคนก็คงยังหลับตาซุกตัวหนีหนาวอยู่ใต้ผ้าห่มในห้องไม่ยอมตื่น

     

    “ตอนแรกดื่มแค่กาแฟเย็นไม่ใช่เหรอ กลายเป็นชอบกาแฟดำได้ยังไงกันเนี่ย”

     

    “แฮ่ะ ๆ วันนี้โทนสีเสื้อผ้าเราบังเอิญคล้ายกันเลยเนอะการิน ดีใจจัง เหมือนได้ใส่ชุดคู่เลย”

     

    “ก็ไม่เห็นจะต้องพูดอะไรใจร้ายแบบนั้นเลยนี่”

     

    “นี่...ถ้าเรามีของใช้คู่กันสักชิ้นคงดีนะ”

     

     

    “โธ่เว้ย หุบปากสักทีได้ไหมวะ!!!”

     

    เสี้ยววินาทีที่แก้วใบนั้นถูกเหวี่ยงกระทบกำแพง เนื้อเซรามิคแตกออกเป็นชิ้นเล็กน้อย ร่วงลงบนพื้นแน่นิ่งตามแรงโน้มถ่วง การินกำหมัดแน่น นัยน์ตาดำขลับวาวโรจน์ฉายแววโทสะเดือดพล่าน

    โครมม!

     

    เคร้ง!

    “มันเป็นอะไรกันนักหนา!!”

     

    เพล้ง!

     

    “เธอยากให้ฉันเป็นบ้านักใช่ไหม!!”

    แขนกำยำตวัดข้าวของที่วางไว้หล่นกระจายเกลื่อน เหวี่ยงของทุกทิ้งใกล้มือกระทบผนังจนพังทลายในครั้งเดียว ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้กระจุยกระจายจนพอใจ

    เมื่อใจเริ่มเย็นลง ดวงตาดำขลับกวาดสายตาไปรอบด้านเห็นเพียงแต่ความพินาศที่ก่อไว้ การินระบายลมหายใจร้อนผ่าวและทรุดตัวลงพิงหลังกำแพง มองสภาพห้องที่เละเทะจากแรงอาละวาดของตัวเอง เนิ่นนาน ก่อนจะยกมือขวาปวดช้ำที่เต็มไปด้วยข้อนิ้วห้อเลือดขึ้นก่ายหน้าผาก

    ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และเมินเสียงที่กำลังซุบซิบและหัวเราะเยาะใส่เขาเย้ยดังแว่วมาจากในห้องเล็ก ๆ

    บางครั้งเขาก็อยากให้เธอหายไปจากโลกนี้

    บางครั้งเขาก็อยากให้ตัวเองหายไป

     

    ไม่ต้องเหลือใครอยู่เลยอาจจะดีที่สุด

     

     

     

    E

    ...ตอนนี้เธอทำอะไร มีความสุขดีใช่ไหม

     

    กินข้าวเยอะ ๆ ซะบ้าง ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองผอมลง

     

    ฉันได้ยินเสียงเธอตลอดเวลา ไม่ชอบเลย

    อยากโทรหาจนรำคาญตัวเอง

     

    ยังฝันร้ายบ่อย ๆ อยู่หรือเปล่า?

     

    สวดมนต์บ่อย ๆ ด้วยล่ะ

    ฉันอยากให้เธอปลอดภัย

     

     

     

    R

    ทุกถ้อยคำที่ต่อให้ตายก็ไม่มีวันพูดออกไปให้เธอได้ยินวนเวียนอยู่ภายใน และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาเหยียบคอนโดจนแทบอยู่ไม่ได้ พวกมันกำลังหัวเราะเยาะ ทำเขาประสาทหลอน นอนไม่หลับ

    เพราะแบบนี้ถึงได้กลับมาที่นี่นับครั้งได้ ห้องนี้มันต้องสาปไปแล้วหรือยังไงกันนะ

    “เวรเอ๊ย ฉันเกลียดเธอชะมัด”

    ...คิดถึงอ้อมกอด

     

    “ฉันเกลียดเธอ”

    ...คิดถึงกลิ่นหอม

     

    “ฉันเกลียดเธอ”

    ...คิดถึงน้ำเสียง


    “เกลียด”

    รอยยิ้ม สีหน้า

    แววตา

    รสจูบ

     

    “เกลียด”

     

    ...คิดถึง

     

    แต่จะให้ทำยังไง

    “พอสักที ยัยแม่มด”

     

    “ฉันเกลียดเธอ...ออกไปไปให้พ้นเดี๋ยวนี้”

     

    แต่

    จะให้ทำยังไงได้

     

    ในเมื่อทุกลมหายใจเข้าออกของเขายังคงมีแต่ความมืดเพียงเท่านั้น

      

     

    END – HIS SIDE

    [BACK TO THE BEGINNING]

    +++++++++++++++++++++++++++++

     

    humble_H : ปล่อยเฉลยแล้ว พล็อตลับในลับในลับที่เก็บไว้มานาน T-T (เขียนไว้ตั้งแต่ประมาณกลาง ๆ เรื่อง) คิดว่าคงมีคนที่เดาได้บ้างว่าจะเป็นแบบนี้ ไม่ได้เกินความคาดหมายกันเท่าไหร่ใช่มะ 555555 

    อันนี้แบบสงสัยมากมาตั้งแต่อ่านแรกๆแล้ว เรื่องที่จับตัวลัลแล้วจะเห็นวิญญาณเหมือนกันเนี่ย 

    รื่อง official มีซีนที่การินคว้าแขนลัลไว้เลยเห็นภาพความโกลาหลที่ซ้อนกับมิติปกติอยู่ก็เลยคิดว่า เอ๊ะ แตะตัวขนาดนี้แล้วถ้าจุ๊บกันจะขนาดไหนนะ ทีนี้ดันมีซีนรุทรผายปอดลัลแล้วได้เสี้ยวญาณให้ดูอีก โอเค ถ้าการินแตะตัวลัลแล้วเห็นแบบนั้นการที่รุทรแตะปากแล้วจะได้เสี้ยวญาณไปด้วยมันก็เมคเซ้นส์ดี ทีนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามากกว่านั้นไปจนขั้นสุดจะเป็นยังไง มโนไปว่าถ้านอนด้วยกันผชคนนั้นคงจะได้อะไรประมาณนี้ไปแหงๆเลยค่ะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×