คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : T O X I C – HIS SIDE [rw]
– T O X I C –
(HIS SIDE)
*ขอย้ำ ณ ที่นี้อีกครั้งว่าเส้นเรื่องของฟิค TOXIC ต่อยอดมาจากตอนจบในนิยายการิน ภาคสลักบิดเบือนกรรม คดีที่ 10 บางส่วนของชาพเตอร์นี้มีการ mention ถึงเนื้อหาภายในเล่มนะคะ สำหรับคนที่ไม่ได้อ่านมาเราพยายามเขียนให้สปอยล์น้อยที่สุดแล้ว TT *
H
ประตูคอนโดชั้นแรกเปิดออกหลังสัญญาณสแกนปลดล็อค การินหยุดอยู่หน้าประตูกระจก สอดกุญแจไขอีกชั้นขณะเดียวกันที่สะบัดรองเท้าออกและเขี่ยไปที่มุมผนังลวก ๆ อย่างมักง่าย ทั้งที่ชั้นวางรองเท้าก็ตั้งอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มลากขาของตัวเองตรงไปยังโซฟา ก่อนจะทิ้งร่างลงกับเบาะนิ่ม
เขาหลับตาลง ครั้นลืมตาขึ้นมาก็เห็นรองเท้าที่กองไร้ระเบียบวางคาไว้ที่หน้าประตู ใกล้กับตู้วางรองเท้าที่ว่างเปล่าลงไปกว่าครึ่งจากภาพเก่า ๆ ที่จำได้ว่าเคยมีรองเท้าวางเรียงกันจนแน่นขนัด
เสียงจากความทรงจำที่ดังขึ้นไม่เว้นให้ความคิดได้พัก
“กลับมาแล้วเหรอ...ได้กินอะไรมาหรือยังเนี่ย ให้ฉันทำอะไรให้กินหน่อยไหม”
ถ้อยคำนั้นมาพร้อมรอยยิ้มเบาบาง แววตาอ่อนแสงลง เหมือนอยากจะใช้นิ้วจิ้มบนหว่างคิ้วที่ขมวดแน่นของคนบนโซฟา
“ไม่เห็นกลับมาแล้วอารมณ์ดีเหมือนแต่ก่อนเลย...คงเบื่อแล้วล่ะสิท่า”
เขาไม่ตอบรับ
“การิน นายรู้ตัวไหมว่าหนึ่งในข้อเสียของนายก็คือ เป็นคนขี้เบื่อ”
“หุบปากน่า”
ไม่รู้ว่ากำลังพูดกับใคร เพราะเสียงนั้นไม่มีต้นตอปรากฏให้เห็น
O
ชีวิตของ การิน จินตเมธร ยังคงหลงอยู่ในวังวนคนธรรมดา ไม่ได้ถูกแต้มด้วยความมืดจนมีสีสันสดใส หรือหวือหวาพิสดารอย่าที่เขาคาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มมากนัก
มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาอายุสิบสี่... ตื่นเต้นและยินดีที่ได้พบของเล่นชิ้นใหม่
เธอปรากฏตัวขึ้นในโรงเรียนของพ่อในฐานะนักเรียนที่ย้ายเข้ามากลางเทอม
คิดไว้ว่าเอามาฆ่าเวลาก็พอแล้ว ประเดี๋ยวยัยนั่นก็จะหายหัวไปเหมือนกับทุกคนนั้นแหละ จำได้อยู่หรอกว่าชื่อลัลทริมา แต่เขาไม่เรียก
...ก็เป็นแค่ของเล่น
ไม่มีค่าพอจะให้เรียกนี่
เพียงเพราะแค่ผู้หญิงคนนี้มี ญาณอาถรรพ์ ชีวิตก็สนุกขึ้นเมื่อเธอเข้ามา เห็นคนตายเยอะจนตาลาย คนเจ็บก็นับไม่ถ้วน ทั้งที่เขาขวนขวายมันมาทั้งชีวิต ต้องการครอบครองมันแทบบ้าแต่ขณะเดียวกันสิ่งนั้นกลับทำให้เธอพร่ำพรูออกมาว่ารังเกียจ
การินริษยาทุกครั้งที่มองเธอ ...เขาอยากได้พลังนั่น
ในเมื่อครอบครองพลังนั่นด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ถือสิทธิ์เป็นนายเหนือเจ้าของพลังนั้นอีกทีเสียเลยก็แล้วกัน เพราะเธอมันโง่ เธอไม่คู่ควรเลยสักนิด และไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูเซ่อซ่า เกะกะน่ารำคาญตาไปหมด แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่
หากไม่ใช่เธอทำให้เขาสนุกได้ขนาดนี้ล่ะก็อย่าหวังเลย
N
เมื่ออายุสิบห้า... เขากำลังย่ามใจที่มีญาณอาถรรพ์อยู่กับตัว
การปั่นหัวเธอเล่นนี่มันทำให้ความบันเทิงเกิดขึ้นได้ไม่รู้จบเลย ทั้งที่เมื่อก่อนได้แต่หายใจเบื่อ ๆ ทิ้งไปวัน ๆ ทว่าตอนนี้เขากลับตั้งตารอแทบแย่แล้วว่าเมื่อไหร่มันจะแสดงผลออกมาอีก
แม้ว่ามันจะฝังรากแน่นอยู่ในจิตวิญญาณของเธอจนดึงออกมาไม่ได้ ทำให้เขาต้องจำใจติดสอยห้อยตามเธอตลอดเวลา แต่การินคิดว่าในขณะที่เกมชิงสลักบิดเบือนกรรมยังดำเนินต่อไป ตัวเองก็พอจะสูสีกับวิญญาณ์ที่เป็นญาติผู้พี่ได้อยู่หากมีญาณอาถรรพ์ช่วย
ในตอนนั้นจากของเล่นถูกเลื่อนขั้นขึ้นมา
สำคัญกว่าเดิมนิดหน่อย
จากของเล่น กลายเป็นของเล่นชิ้นโปรด แต่ทำไมรอบตัวยัยนั่นถึงมีแต่พวกใส่แว่นน่ารำคาญวนเวียนขอส่วนบุญกันเต็มไปหมดก็ไม่รู้
ตัวเขาและลูกพี่ลูกน้องแย่งกันตามหา ‘สลักบิดเบือนกรรม’ คนหนึ่งหวังครอบครอง อีกคนหนึ่งหวังทำลาย แต่ละเหตุการณ์น่าประทับใจผ่านผันไปอย่างรวดเร็ว …ควัน …เชือก …กระดิ่ง …รูบิค …จันทร์สีเลือด …กริช …ตะปู และเจตภูต ทั้งหมดนำไปสู่จุดกำเนิดที่มาพร้อมจุดจบอย่างที่ไม่อาจมีใครคาดคิดถึง
ท้ายสุดแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาก็นับว่าสมประสงค์กันทุกฝ่าย วิญญาณ์ไปตามทางของตัวเองในที่สุด และเขาเองก็ได้คว้าเป้าหมายตัวเองไว้อย่างที่ต้องการ สิ่งที่ค้างคาใจหลุดออกเสมอปลดแม่กุญแจยักษ์ขึ้นสนิมให้หลุดร่วงจากรูสลัก
ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็หลุดพ้นจากไอ้พลังคำสาปของเธอแล้วนี่
...ไร้ประโยชน์ชะมัด
E
เมื่ออายุสิบหก... ไม่มียัยแม่มดสำหรับเขาอีกแล้ว
หล่อนกลายเป็นคนธรรมดาคนนึงอย่างที่เจ้าตัวต้องการ เพราะด้วยประการนั้น เราจึงต่างใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป แสร้งทำเหมือนไม่รู้จักกันยามเดินสวนทาง ไม่มีธุระที่จะต้องข้องเกี่ยวกันเป็นครั้งที่สอง แต่รู้อะไรไหม น่าโมโหมากที่มันยังคงเลือกเธอ
ทำไม
ทำไม
ทำไม
ทำ ไม มัน ถึง เลือก เธอ !
เรื่องนี้ยังไม่จบหรอก ดูเหมือนว่าไม่มีทางที่จะจบลงเลยด้วยซ้ำ เขากลับตื่นเต้นจนขนลุกไปทั่วร่าง ตั้งตารอคอยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร
และสุดท้าย...น่าประหลาดใจจังที่ติดมหาลัยเดียวกัน เพราะอะไรเธอถึงเลือกที่นี่นะ?
การินรู้สึกคาดหวังว่ามันต้องมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้นแน่
Y
หลังจากที่เริ่มดื่มกาแฟและดื่มตลอดมา การินกลับพบว่า เธอและเครื่องดื่มชนิดนี้มีคุณสมบัติบางอย่างที่คล้ายกัน
ทำให้ตื่นเต็มตา รับเข้าไปในปริมาณมากแล้วใจสั่น
และอาจจะสั่นจนทำให้นอนไม่หลับในบางครั้ง และถ้าพยายามเลิกแบบหักดิบก็จะปวดหัวสุดขีด
เด็กหนุ่มยังคงไม่แน่ใจสมมติฐานของตัวเอง...อา ใช่ ในตอนนั้นยังคงเป็นเด็กหนุ่มอยู่ จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปเขากลับรู้สึกเหมือนเธอเป็นขนมสายไหมที่ละลายในปากมากกว่า แตะชิมเพียงเล็กน้อยรสหวานก็หายไป จนต้องไขว้คว้าหามากินอยู่เรื่อย ๆ
แต่เขาไม่ชอบรสหวาน
น่าเสียดาย ที่เธอไม่ใช่กาแฟ
......
......
“ก การิน...”
ใบหน้าหวานแดงก่ำเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก
ดวงตาคมหลุบมองกลีบปากอิ่มสีแดงที่เพิ่งสัมผัสไปเมื่อครู่
“ขออีกทีได้มั้ย”
ไม่ทันได้ตอบกลีบปากอุ่นนิ่มถูกประกบด้วยด้วยคนตัวสูง จังหวะรุกล้ำที่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสัญชาติญาณพาไป เรียวลิ้นเปียกชื้นแทรกเข้าในโพรงปากเล็กลิ้มรสชานมจาง ๆ จากเด็กสาว
เมื่อเขาถอนริมฝีปาก ลืมตาขึ้น ใบหน้าของคนแปลกหน้าที่เดินขวักไขว่ไปมาในระยะไกลถูกบดบังด้วยหลุมเงาดำสนิท แม้กระพริบตาภาพนั้นยังคงอยู่
“ขออีกรอบนะ”
คนในอาณัติยังไม่ทันตอบริมฝีปากหยักก็เบียดลงสกัดเสียงอีกครั้ง มือข้างหนึ่งประคองท้ายทอย อีกข้างโอบแผ่นหลังบอบบางที่สั่นเล็ก ๆ
เด็กหนุ่มชะงักเมื่อผละออกมา คิ้วเข้มขมวดแน่น
“มะ...ไม่ชอบเหรอ”
เธอถาม สีหน้าประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“เปล่า” ร่างสูงโปร่งตอบ
คว้าคอเสื้อคนตรงหน้าพร้อมโน้มลงไปอีกรอบหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าอะไรชัดเจนชวนกระหายอยากมากกว่ากันระหว่างสัมผัสจูบนิ่มหวานเหมือนสายไหมละลายบนลิ้นหรือภาพเหนือธรรมชาติที่ตาเห็น
“เปล่า เธอแค่...กำลังทำให้ฉันโลภมาก”
เมื่อเขาสัมผัสริมฝีปากเธอเป็นครั้งที่สาม
ผืนฟ้าสดใสกลายเป็นสีแดงก่ำ
Y
“มึง...ได้ยินข่าวลือแปลกๆในมอเราช่วงนี้ปะ”
“อะไรเหรอ” สิ้นคำถามมือยกขึ้นป้องข้างริมฝีปาก เรื่องลึกลับถูกกระซิบกระซาบสู่คนฟัง คนแล้วคนเล่า คนแล้วคนเล่า ข่าวลือกระจายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
“มึงรู้ได้ยังไงว่าเป็นเพราะล— ...คนนั้น”
“จำไม่ได้เหรอว่า ‘คนนั้น’ กับแฟนก็มีข่าวไม่ค่อยดีมาตั้งแต่ก่อนเข้าที่นี่แล้ว”
“แล้วมึงเชื่อ?”
“ก็คนเขาลือกันทั่วว่าเป็นแบบนั้น ลองคิดดูมั้ย ถ้าข่าวลือไม่มีมูลทำไมนางถึงโดนเด็กร่วมโรงเรียนเกลียดจนตามมาด่ากลางมหาลัยล่ะ”
ลัลทริมาที่กำลังจะก้าวเดินพลันชะงักปลายเท้า ร่างกายแข็งทื่อ เม้มปากแน่นเมื่อได้บังเอิญยินบทสนทนานั้น
คนพวกนั้นกำลังพูดถึงเธออยู่ใช่ไหมนะ?
“มึงจะเอาไรมาก คนแม่งอคติขึ้นมาจะใส่ไฟอะไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะ นางอาจจะแค่ทำเรื่องไม่ดีไว้แล้วโดนเกลียด เลยสร้างคาร์แรคเตอร์ซอฟต์ ๆ กลบเกลื่อนให้คนอื่นเห็นก็ได้ แต่ที่บอกว่าเป็นแม่มดตัวซวยอะไรนั่น ไร้สาระจะตาย”
กรอบตาทั้งสองข้างพลันอุ่นวาบ
แม้อยากจะเดินพรวดพราดแสดงตัวออกไป สมองกลับสั่งให้ยืนฟังต่ออีกสักหน่อย
“เออ ก็คงงั้นมั้ง”
“...อีกอย่างสองคนนั้นไม่ใช่แฟนกันไม่ใช่เหรอ ก็ฝ่ายผู้ชายพูดเองว่าไม่ได้เป็นอะไร ได้ยินมากับหู”
“อันนั้นไม่รู้แล้ว มึงแต่กูว่ามันแปลก คนบ้าอะไรรอดตายจากฆาตกรรมหมู่มา เข้าโรงเรียนใหม่ก็มีข่าวคนตายตลอดจนจบการศึกษา แล้วพอเข้ามหาลัยที่นี่ก็มีอะไรน่ากลัวอีก
“เฮ้ย ...มึงก็พูดไป”
“จะเป็นแม่มดจริงมั้ยไม่รู้แหละ ...แต่บอกตรง ๆ ไม่อยากตายเหมือนเด็กพวกนั้นว่ะ”
เด็กสาวเริ่มประมวลผลปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน และได้เข้าใจในวินาทีนั้นเองว่าสาเหตุที่จู่ ๆ เพื่อนร่วมคณะทุกคนก็มองเธอแปลก ๆ และเริ่มตีตัวออกห่างไปคืออะไร
ผิดปรกติเกินไปที่จะเป็นแบบนั้น
เพราะเมื่อตอนต้นเทอมที่ผ่านมา ลัลทริมาถูกเด็กนิศาพาณิชย์ที่เรียนมาด้วยกันตามมารังแกทุกคนก็ดูไม่ได้คล้อยตามสักเท่าไหร่จนกระทั่งข่าวลือเงียบไป ทว่าหัวข้อที่หายไปถูกนำกลับมาพูดถึงอีกครั้งเมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่งที่เธอเริ่มเข้ากับทุกคนได้ดี
ลัลทริมาเชื่อว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่
แต่...ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
O
: เป็นอะไร
: อ่านแล้วทำไมไม่ตอบ
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 10.13) :
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 18.45) :
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 22.07) :
(Yesterday)
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 09.42) :
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 12.35) :
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 19.32) :
: รับดิวะ
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 23.58) :
(Today)
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 12.04) :
(คุณไม่ได้รับสายจาก GARIN เมื่อเวลา 16.47) :
: เป็นบ้าอะไร
เลิกทำแบบนี้เถอะ :
เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ :
: จะเอาแบบนี้เหรอ
ก็นายเคยพูดไว้เอง :
U
น่าหงุดหงิดจริง ๆ
ชายหนุ่มสบถกับตัวเอง มองดูใครบางคนที่กำลังส่งยิ้มเป็นตอบรับคนรอบข้าง
เธอผูกมิตรเก่งขึ้นเยอะเลยนี่ แล้วไหนที่เคยพูดว่าเป็นคนเก็บตัวเพราะวางตัวกับคนอื่นลำบาก โกหกกันหน้าด้านๆเลยว่างั้นเถอะ ...แต่นั่นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว มิน่าล่ะถึงได้กล้าอวดดีแบบนี้
พัฒนาได้ไม่เลวนี่ คิดจะทดสอบความอดทนกันหรือ?
แบบนี้มัน...ไม่ใช่
คนแบบเธอไม่เหมาะสมกับอะไรแบบนี้ ไม่สมควรมีรอยยิ้มน่าเกลียดหรือหัวเราะแบบนั้น ไม่คู่ควรกับแสงแดดสดใส และตอนนี้ก็ไม่มีใครเห็นว่าตัวตนแท้จริงของเธอเป็นยังไงนอกจากเขา
ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ยัยแม่มดหน้าด้านที่ฉวยโอกาสโงหัวขึ้นมาลืมตาอ้าปากรับอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางความตายของคนอื่น นับถือใจเธอจริง ๆ ที่กล้าก้าวข้ามบาปโสมมแล้วแกล้งลืมทุกอย่าง ใช้ชีวิตอย่างไม่ละอายใจทั้งที่มันยังคงกอดรัดเธอไว้ยิ่งกว่าตรวนคนคุก
จะปล่อยให้เธอมีชีวิตแสนสุขอันปราศจากเขาได้ยังไงกัน
พวกมันไม่มีสิทธิ์ ไม่มีใครแตะต้องเธอได้ถ้าเขาไม่อนุญาต และคิดว่าจะไม่อนุญาตด้วยถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน ต่อให้เธอเป็นเพียงของเล่นก็เป็นของของเขาอยู่วันยังค่ำ เขาจะซ่อมมัน พังมัน เล่นทิ้งเล่นขว้างยังไงมันก็ไม่ใช่กงการของใคร แต่พวกมันไม่มีทางที่จะแย่งของเล่นของเขาไป
จะปล่อยให้เธอเป็นของคนอื่นได้ยังไงกัน
ของเล่นชิ้นนี้ฉันเป็นคนเจอมัน ฉันไม่แบ่งให้ใครทั้งนั้นแหละ
L
เมื่ออายุสิบเจ็ด... ช่วงเวลานั้นเขาดึงเธอกลับมาก่อนที่เธอจะเป็นของคนอื่น
ผิดหวังเป็นบ้าที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว ภายในใจเขาเริ่มร้อนรุ่ม เรียกร้อง ไม่อยากเสียเวลา ในเมื่อลงทุนเฝ้ารอแล้วมันต้องมีอะไรตอบแทนกลับมาสักอย่าง
ก็เพราะเธอเป็น ‘ของ’ เขานี่ ใช่ไหม?
แต่น่าแปลก...แปลกมากที่จู่ ๆ เขาเริ่มรู้สึกว่าเธอไม่ใช่ เธอกำลังจะหลุดลอยไปที่ไหนสักแห่ง ทั้งที่เธอเป็นของของเขาอยู่แล้วและเป็นมาตลอด น้ำหน้าอย่างเธอมันก็เป็นได้แค่นั่นอยู่แล้ว แต่ประหลาดยิ่งไปกว่านั้นทุกครั้งที่เห็นหน้าเธอ ความคิดเกรี้ยวกราดในหัวกลับหายวับไปจนหมด หลงเหลือเพียงความปรารถนาในรูปแบบอื่นที่ผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อนจนยากที่จะระงับจิตใจตัวเอง
การินหัวเราะเยาะให้กับความคิดตัวเอง
วางกระถางกำยานที่เริ่มมีควันลอยเอื่อยออกมาไว้ที่หัวเตียง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปเมื่อไหร่ แต่กำยานที่จุดอยู่ตอนนี้แรงกว่าที่เจ้าของเก่าโฆษณาไว้น่าดู
สิ่งแรกที่รับรู้ได้คือจมูกเริ่มฉุนควัน แสบตาไปหมด สติที่เดิมทีอยู่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เริ่มพังทลายลงไปเมื่อกลายจมูกจ่อชิดซอกคอขาว รับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมไม่คุ้นเคยอันไม่ได้มีต้นตอจากกระถางกำยาน
“ก...การิน”
แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ
“ถ้าไม่ชอบต้องผลักออกนะรู้มั้ย”
นาทีนั้นสายตาเขาโฟกัสอะไรไม่ได้เลยนอกจากสีชมพูหวานที่ผุดขึ้นมาตรงแก้มทั้งสองข้างของคนตรงหน้า ในขณะที่ตัวเองกำลังสงสัยว่าเธอมาปรากฏตัวอยู่ในบ้านเขาได้ยังไง เหตุการณ์ประหลาดก็ดำเนินไปพร้อมกัน
...ตลกเป็นบ้า ได้ยินเหมือนกันไหม?
เธอตอบว่าไม่เป็นไรว่ะ
หลังจากรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในวันใหม่ เด็กหนุ่มผุดร่างลุกขึ้นจากเตียงตอนเจ็ดโมงเช้า เดินเหม่อๆไปร้านขายยาหน้าปากซอย ฟังเภสัชอธิบายวิธีใช้ราวกับคนไม่รู้ภาษา และนึกขอบคุณตัวเองที่ในความคิดเลือนรางขั้นสุดยังสามารถซื้อยาถูกชนิดแล้วถือกลับมาบ้านได้ ก่อนจะนั่งใจลอยมองตัวหนังสือบนกล่องอยู่พักใหญ่
การินไม่เคยไม่มีสติในช่วงเวลาที่ยาวนานขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
...และเขากำลังเสียใจที่เรื่องเมื่อคืนไม่ได้เป็นเพียงภาพฝัน
สิ่งที่ได้เห็นเมื่อก้าวเท้าออกจากบ้านไม่อาจสลัดให้หลุดจากหัวได้โดยง่าย
หากท้องฟ้าสีครามยังแดงฉานไปทั้งผืนได้เพราะงั้นคงไม่ใช่เรื่องประหลาดเกินควรอะไรถ้าเขาจะเห็นทั้งรูป กลิ่นเสียง ของมวลสารที่รู้แก่ใจแต่ไม่อาจพิสูจน์ได้ในทุกอาณาบริเวณที่กวาดสายตาไป
จะให้ใจเย็นลงได้ยังไงในเมื่อเภสัชกรที่ขายยาให้ไม่มีแม้แต่หัว
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างที่เดินสวนกันระหว่างทางใช่คนหรือเปล่า
เด็กหนุ่มตื่นเต้นกับความผิดแปลกนั้นที่ได้สัมผัส ทว่าภาพซ้อนทับที่คั่งค้างจากเมื่อคืนถูกกดทับด้วยอารมณ์สับสน ครั้นจะแสยะยิ้มอย่างที่เคยเป็นก็ยิ้มไม่ออก มีแต่ก้อนเนื้อในอกเท่านั้นที่กำลังเต้นรัวบ่งบอกถึงอารมณ์พุ่งพล่าน
รู้สึกตัวอีกทีตอนนั่งอยู่ในห้องนอนหลังจากระลึกได้ว่ากำลังเหม่อลอยก็อ่านฉลากยาในมือวนไปเกือบร้อยรอบได้แล้ว เพียงแต่ภาพห้องนอนดำมืดไม่คุ้นเคยทำให้เขาแปลกใจ เด็กหนุ่มจึงตระหนักได้ว่าห้องนอนกำลังถูกปกคลุมด้วยโขมงควันเข้มคล้ำไร้ที่มา เคลื่อนไหวไปทั่วพื้นที่ที่มันจะเคลื่อนไปได้
วินาทีที่หางตาเหลือบไปเห็นเสี้ยวหน้านวลของใครบางใครตัดกับสีเข้มของผ้าห่ม หมอกม่านแห่งความสงสัยที่พร่าเบลอในความคิดทั้งหมดก็ถูกทำลาย
จากนั้นคำถามน่าใจหายที่ผุดขึ้นมา ...ไม่ใช่ ‘ฉันกำลังทำอะไรอยู่’
แต่เป็น
‘ฉันทำอะไรลงไป’ ต่างหาก
L
เธอตื่นแล้ว
ทว่าเด็กหนุ่มยังไม่พร้อมรับมือกับเธอที่ตื่นในเวลานี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงอยากได้พื้นที่อยู่กับตัวเองสักพักใหญ่
“การิน?” ส่งสายตาตั้งคำถามเมื่อเขายื่นมือออกไป
“ลุกขึ้น แล้วเอายาไป”
“ยา?” เธอพูดทวน
“ยาคุม...แบบฉุกเฉิน กินซะ จะได้กลับ”
สีหน้าประหลาดก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนไปด้วยแววตาหลากหลายอารมณ์และดวงหน้าแดงก่ำที่ทำสีหน้าที่เหมือนอยากจะร้องไห้ ถึงอย่างนั้นเธอก็รับยาไปกินโดยดี
ปฏิกิริยาของร่างตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มสงสัยขึ้นมา แล้วเมื่อคืนล่ะ...?
เมื่อคืนสีหน้าเธอเป็นแบบไหน ท่าทีตอบรับของเธอเป็นยังไง
ภาพนั้นเลือนรางเหลือเกิน
จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าตอนที่เขากอดเธอไว้ เขามีความสุขหรือเปล่า ความรู้สึกแปลกใหม่นั่นนับว่าเป็นความสุขด้วยไหม หากไม่ใช่แล้วควรจะนิยามมันว่าอะไร
เริ่มต้นด้วยค่ำคืนที่คลุ้งด้วยกลิ่นกำยาน จบลงด้วยเช้าที่กระอักกระอวน...เดดแอร์ตั้งแต่นาทีนั้นไปจนตลอดทางกระทั่งถึงหน้าบ้านเธอ
และเรื่องราวจริง ๆ ถึงได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น
B
“...กูว่ามันแปลก คนอะไรรอดตายจากฆาตกรรมหมู่มา เข้าโรงเรียนใหม่ก็มีข่าวคนตายตลอดจนจบการศึกษา แล้วพอเข้ามหาลัยที่นี่ก็มีอะไรน่ากลัวอีก
“เฮ้ย มึงก็พูดไป”
“จะเป็นแม่มดจริงมั้ยไม่รู้แหละ ...แต่บอกตรง ๆ ไม่อยากตายเหมือนเด็กพวกนั้นว่ะ”
มันไม่ใช่เพราะญาณอาถรรพ์
ลัลทริมามั่นใจแบบนั้น
ภายในระยะเวลาเกือบสองปีตั้งแต่ตอนนั้นที่ญาณอาถรรพ์ถูกทำลายไป ถึงจะได้สัมผัสกับเรื่องลี้ลับอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่เธอไม่เคยปวดหัวอยากอาเจียนอีกเลย เดินปร๋อในความมืดยังได้ นอนหลับสบายทุกคืน และอ่านใจหมาสักตัวยังไม่ได้ด้วยซ้ำ
“แล้วใครบอกมึงมา”
“ไอ้ภีม”
“แล้วไอ้ห่านั่นมันไปรู้มาจากไหนวะ”
เสียงนั้นอึกอัก “ก็...มันว่าการินบอกมาอะ”
E
การินยื่นผ้าขนหนูผืนใหม่เอี่ยมที่เพิ่งซื้อมาให้เธอซับน้ำฝนที่เปียกชุ่มร่างหลังจากเธอเพิ่งถามหาเหตุผลในการกระทำเลวร้ายที่เขาเพิ่งทำกับเธอไปก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาหนึ่งเดือน
“ตอบสิ ทำแบบนี้เพื่ออะไรการิน!”
“กันหมา”
“แล้วเรื่องคืนนั้นล่ะ?”
“ลองอ่านใจฉันดูสิ”
เธอกัดฟันแน่น “...สารเลว”
แววโกรธกร้าวจากนัยน์ตากลมโตทำเขาแค่นหัวเราะ พลางนึกถึงความรู้สึกตัวเองในช่วงที่เหมือนกำลังจะเป็นบ้าเพราะต้องใช้ชีวิตโดยเห็นภาพทับซ้อนพวกนั้นอยู่นานกว่าสองสัปดาห์
หากลัลทริมายังอ่านใจเขาได้อยู่...เธอจะได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ปรารถนาบางสิ่งจากเธออยู่ตลอดเวลา
ความรู้สึกหวงแหนก้าวล้ำล่วงเข้ามาในพื้นที่จิตใจ ทั้งที่เธอคนนี้สมบัติของของเขาอยู่แต่แรกแล้ว ทว่าความรู้สึกอยากครอบครองที่เกิดขึ้นกลับไม่ได้จางหายไปและไม่เคยน้อยลงเลยนับตั้งแต่วันนั้น
รังแต่จะมากขึ้น มากขึ้นไปทุกที
อยากได้ เธอ . . . จ น แ ท บ บ้ า
ถ้าได้มันมาโดยไม่ต้องจูบทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม
M
เมื่อตอนอายุสิบแปด...กว่าจะรู้ตัวว่าผูกมัดเธอไว้ด้วยอะไร และถูกเธอผูกมัดด้วยอะไรก็ปาเข้าไปหลายเดือนพอสมควร
เขาไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกแบบนี้ เรียกว่าอะไรดี
สุขจนแทบสำลักใช่ไหม
ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไรที่คนทั่วไปเรียกกันว่าช่วงโปรโมชั่นหรือเปล่า เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะพูดจาว่าง่ายขนาดนี้ รวมถึงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นคนใจเย็นขนาดนี้ด้วย
............
“นั่นอะไรเหรอการิน” ดวงตากลมโตสะดุดกับของในมือเขา
“กำยาน”
“อ่า.. นายจะจุดเหรอ”
“ไม่” การินยัดมันลงในส่วนลึกที่สุดของลิ้นชัก พอหันกลับมาเห็นสีหนน้างุนงงเขาจึงขยายความต่อ “ไอ้นี่มันแรงเกินไป เธอจำไม่ได้เหรอว่าคืนนั้นดมแล้วเห็นภาพหลอน”
ดูเหมือนบอกใบ้เพียงเท่านั้นความทรงจำของเธอก็คืนกลับมา
“อ้อ...โอเค” ร่างบางส่งเสียงอึกอักในลำคอ ก่อนจะทำทีเป็นเลิกสนใจของในมือเขา
อีกฝ่ายกลับร้อนรนอยู่ภายในใจอย่างไร้ที่มา รีบแก้ไขทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทักท้วงด้วยไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดเพราะคิดไปไกลกว่านั้น
“แค่บังเอิญมีคนให้มา”
“ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย...”
โดยปราศจากอารมณ์มืดมนแล้ว
การินรู้แค่ว่าตัวเองเริ่มยิ้มบ่อยจนน่ารำคาญ
และเธอก็น่ารักดี
I
อืม
เธอน่ารัก
...แต่ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี...
มีอย่างที่ไหนกันกระโจนเข้าหาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลยทั้งที่เขาเก็บวัตถุอาถรรพ์ติดตัวแท้ๆ รอยยิ้มหวานที่ประดับบนใบหน้าเพื่อเขาโดยเฉพาะช่วยยืนยันให้แน่ใจว่าหลังจากเหตุการณ์ที่ญาณอาถรรพ์ถูกทำลายไปเมื่อครั้งนั้นอีกฝ่ายสัมผัสอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ
“ไม่ได้เจอตั้งหลายวันแน่ะ ...ฉันอยากให้นายไปเที่ยวด้วยกันจัง” มือบางยกขึ้นทาบยันแผ่นอกชายหนุ่มไว้เมื่อเขาขยับเข้าใกล้ “นายคิดถึงฉันไหม”
เจ้าของใบหน้าคมไม่ตอบ
เขายิ้มบาง ยกมือขึ้นเกลี่ยผมหน้าม้าเปิดหน้าผากได้รูปออก ก่อนจะแนบริมฝีปากหยักลงประทับแผ่วเบา ร่างบางกลับกระพริบตาปริบ เอื้อมมือแตะลงบนหน้าผากตัวเอง
“ทำไมไปจุ๊บตรงนั้นง่ะ” เธอถาม
“แล้วถ้าเป็นที่อื่นเธอจะว่าไง”
“หือ...”
คำถามของเขาทำให้ความคิดเธอสะดุด ไม่ทันได้โต้ตอบมือแกร่งประคองต้นคอเรียวระหง ใบหน้าคมโน้มลงประชิด กลีบปากร้อนเฉียดสัมผัสนุ่มนิ่มให้ร่างบอบบางผงะไปชั่ววินาที
ร่างสูงไม่เว้นจังหวะให้หายใจ บดเบียดแนบชิดนวดคลึงริมฝีปากด้วยริมฝีปาก รสมายาหวานล้ำละมุนจากหญิงสาวแผ่ซ่านจากปลายลิ้นแทรกไปทั่วร่าง คล้ายอาการมอมเมาจากรสสุราที่กลืนกินลงไปแล้วร้อนวูบวาบ
ทว่ากลับเป็นเขาที่ร่างกระตูกวูบหลังจากสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นเยือกดำมืดจากวัตถุอาถรรพ์ที่พกไว้ในกระเป๋ากางเกง
หวังว่าเธอจะไม่ทันสังเกตเห็นแววตาที่สั่นไหวไปชั่วขณะนั้น
N
ถอนคำพูดดีกว่าที่ว่าเธอไร้ประโยชน์
การินรู้สึกขอบคุณตัวเองเหลือเกินที่ก่อนหน้านั้นเผลอปล่อยใจทำตามอารมณ์
เดิมทีตัวเขาในวัยเด็กเคยคิดมาตลอดว่าหากเขามองเห็นและสัมผัส ‘พวกมัน’ ทุกอย่างที่เขาปรารถนาคงอยู่ไม่ไกล ถึงได้ทำทุกวิถีทางที่จะได้สัมผัสที่หกมา และหลงลืมความคิดนี้ไปเมื่อได้รู้จักเด็กสาวผู้มีญาณอาถรรพ์เมื่อหลายปีก่อน เขาจึงใช้เธอเป็นการทดแทนจุดบอดนั้น
เมื่อเป้าหมายเดิมของเขาสำเร็จลุล่วง เป้าหมายใหม่จึงถูกสร้างขึ้นด้วยความหลงใหลกระหายอันบ้าคลั่ง
และวันนี้ความฝันนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมา
...ในตอนที่การมีเพียงสัมผัสที่หกธรรมดาแทบไม่ช่วยอะไร
ตอนนั้นผู้ชายที่ชื่อ รุทร ศิวะกร เคยได้เสี้ยวพลังญาณอาถรรพ์มาด้วยความบังเอิญเพราะวิธีใด ...ตอนนี้การินเองก็ได้มันมาเช่นกัน ด้วยวิธีการที่ลึกซึ้งกว่า คุณภาพดียิ่งกว่า ด้วยความจงใจ
นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่รู้กระทั่งทุกวันนี้
ซึ่งเขาไม่มีวันบอก เพราะยังไงเสียเธอก็ไม่สมควรได้รับรู้เช่นกัน
เพียงแต่นั่นก็เป็นเพียงเสี้ยวพลังเบาบาง เทียบไม่ได้เลยกับปริมาณและประสิทธิภาพมหาศาลที่ต้นร่างมี งั้นถ้าเจ้าของร่างรับรู้ถึงมันไม่ได้แล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า
ไม่ใช่เพียงการหยิบโยงเข้าด้วยกันจากการกระทำเพียงครั้งหรือสองครั้ง หากยิ่งถลำลึกลงไปยิ่งแน่ใจว่าสิ่งใดคือตัวแปร การินถึงได้มั่นใจว่าญาณอาถรรพ์คงอยู่ตลอดไปเพียงแต่เธอไม่รู้ตัวเท่านั้น สัมผัสกันยิ่งรู้สึกได้ จุมพิตยิ่งชัดเจน และช่างน่าอัศจรรย์จนอธิบายไม่ได้เมื่อร่วมพันผูกลึกซึ้งกับหญิงสาวเจ้าของร่าง
ลัลทริมา...เธอคือบ่อน้ำมันชั้นเลิศชัดๆ หากปล่อยให้สมบัติล้ำค่าเธอหลุดไปอยู่ในมือคนอื่นนั่นต้องทำให้เขาคลั่งแทบตายแน่
ช่างน่าเจ็บใจที่ทำยังไงก็แยกญาณนั้นออกจากร่างเธอไม่ได้
เพราะงั้นเขาเลยคิดว่าอีกประเดี๋ยวมันก็จะกลับมา แค่ต้องรอเวลา
อย่างไรก็ดีปัญหาก็คือเขาโลภมากในตัวเธอเกินไป การห้ามตัวเองมันยากนักก็ไม่ต้องห้าม ทำตามอำเภอใจทุกอย่างที่อยากจะทำมันเลยก็แล้วกัน เสพสุขให้เต็มที่เสีย เพราะในท้ายสุดแล้วทุกอย่างก็จะกลับมาลงเอยแบบเดิมอยู่ดี
...อีกครั้ง
...อีกครั้ง
...อีกครั้ง
และอีกครั้ง
นับไม่ถ้วน
ลัลทริมา เธอน่ารักมากจริง ๆ
อีกไม่ช้าเธอคงจะกลับมาเป็นแม่มดของเขาอีกครั้งแล้วสินะ
...แต่
ไหนละสัญญาณการกลับมาที่ว่า?
น่าเบื่อชะมัด...
“การิน ...นายรักฉันไหม”
เขาชักจะเกลียดคำถามนั้นขึ้นทุกทีที่มันออกจากปากเธอ ไม่ได้จินตนาการไว้ว่าจะต้องคอยรับมือกับคำถามที่ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง หรือเตรียมใจชีวิตสงบเรียบง่ายเสียจนตัวเขาเองรู้สึกแปลกประหลาด
ความคิดดำมืดผุดโผล่ขึ้นและค่อยๆแผ่กระจายทีละเล็กน้อยในวันที่แสนสุข ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบเรียบเสียจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตุบอย่างดื้อรั้น
หนักหน่วงชัดเจนเข้าไปทุกที
วันนั้นที่เธอได้มันมา เธอเจ็บปวดแค่ไหนกันนะ
...มันจะเป็นยังไงนะถ้าทำเธอร้องไห้ขึ้นมา...
“นายเป็นอะไรน่ะ”
และสมองถูกเขย่าอย่างรุนแรงจนทนอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป
มันจะคุ้มค่าเหรอ?
...ทำสิ ไม่เห็นจะเป็นไร
ยัยนี่ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นสักหน่อย...
ให้ตายเถอะ
“การิน ทำไมมองฉันแบบนั้น”
“ฉันกำลังคิด...ว่า”
“...”
“ไม่ไหวแล้ว”
นี่มันน่าเบื่อฉิบหายเลยไม่ใช่เหรอวะ
E
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
มันแทบจะไม่ตอบสนองเลย
ให้ตายเถอะ
ให้ตาย
น้ำตาอีกแล้วเหรอ
...อาทิตย์นี้เธอได้ยิ้มสักครั้งแล้วหรือยังนะ
F
ลัลทริมาดวงตาแดงก่ำ มองกลับมาแบบไม่อยากจะเชื่อ
“นายพูดว่าอะไรนะ”
ชายหนุ่มรู้ว่าเธอไม่ได้อยากให้เขาพูดย้ำจริง ๆ หรอก แต่เขาจะทำเพื่อให้ทุกอย่างมันจบเสียที คงยืดเยื้อไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
“ฉันบอกว่ามันน่าเบื่อไง และฉันทนอยู่กับเธอที่ไม่มีญาณอาถรรพ์ไม่ได้แล้ว”
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ เป็นระยะเวลาเกือบสองเดือนแล้วที่เขาเริ่ม ‘เลี้ยงไข้’ อะไรก็ตามที่ทำให้จิตใจเธอสับสน สั่นคลอน หากครั้งนั้นเธอได้ญาณอาถรรพ์มาเพราะเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจ มันก็สมควรจะได้ผลเช่นเดียวกันใช่หรือเปล่า
การินลองทำทุกอย่างที่จะทำได้ และเริ่มเห็นแววตาสีน้ำตาลของเธอเกรี้ยวกราดผิดหวัง ฟังเสียงเธอนั่งหลบมุมร้องไห้แทบจะเป็นกิจวัตรประจำวัน
ดูเหมือนจะได้ผล...แต่ก็ไม่เลย
หญิงสาวตรงหน้าเริ่มได้สัมผัสที่หกกลับคืนมาทีละน้อย แต่มันก็เท่านั้น เพราะเล็กน้อยหมายถึงเล็กน้อยจริง ๆ เธอยังรู้สึกถึงอะไรที่เข้มข้นรุนแรงยิ่งกว่านั้นไม่ได้
ไม่ว่าการินจะทำอย่างไร ก็มีเพียงเขาฝ่ายเดียวที่รู้สึกถึงญาณอาถรรพ์
และปรารถนาถึงมันจนตัวสั่นอย่างที่เคยเป็น
“ฉันบอกตามตรงนะยัยโง่ ฉันอยากให้เรื่องห่าเหวพวกนั้นเกิดขึ้นโคตร ๆ แต่เธอตอบสนองฉันไม่ได้ ในตอนที่ฉันรู้สึกต้องการมันขึ้นมาก็นึกได้ว่าเธอมันก็แค่คนไร้ค่า”
“นายคิดแบบนี้จริง ๆ ใช่ไหม การิน...”
ดวงตากลมชุ่มรื้นด้วยหยาดน้ำ เรียกชื่อเขาเสียงเครือแทบหมดแรง คล้ายบอกให้เขาช่วยบอกทีว่าที่พูดมาทั้งหมดนี่มันไม่จริง
“ถ้าเธอไม่กลับมาเป็นยัยแม่มดมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว”
“แล้วที่ผ่านมา—”
“ส่วนเรื่องของเธอ เสียใจที่ต้องบอกว่าฉันก็พยายามแล้ว...ทุกวิถีทาง ไม่มีอะไรเวิร์คเลย ...เธอก็รู้ฉันทนไม่ได้ มันอึดอัดว่ะ”
“ตะ แต่ว่า...”
“ฉันไม่อยากฝืนแล้ว พอกันที”
การินตัดบท รู้สึกตัวมาสักพักใหญ่แล้วว่าความต้องการในใจเขามันมากมายเกินกว่าที่แฟนสาวจะจินตนาการออกได้ และสุดท้ายจะไม่ส่งผลดีต่อตัวเธอในระยะยาว ถึงได้ตัดสินใจพูดแบบนั้นออกไป
ชายหนุ่มพอจะเดาได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาในรูปแบบไหน เพียงแต่ไม่ได้คิดถึงผลกระทบของมันที่มีต่อตัวเขา เขาไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ด้วยซ้ำ
“...นายน่าจะบอกกันก่อนหน้านี้”
น้ำเสียงเบาหวิว สั่นจนแทบไม่เป็นคำ
“ถ้าไม่อยากได้กันแล้วก็น่าจะบอกให้ทำใจไว้ก่อนสักหน่อย... นายอาจจะเคยรู้สึกดี แต่ตอนนี้คงไม่แล้วสินะ บ้าจัง...ฉันเพิ่งรู้สึกเหมือนเป็นของเล่นจริง ๆ ก็ตอนนี้แหละ”
ร่างสูงไร้คำพูด ไม่สบสายตาคนตรงหน้า
“ในเมื่อหมดประโยชน์ ฉันก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ที่นี่แล้วถูกไหม”
เขาถอนหายใจ
“เอาสิ แบบนั้นคงจะดีกว่า”
อยากไปไหนก็ไป...ไปซะก็ดีเหมือนกัน
จะได้ไม่ต้องทนกับเรื่องที่เธอไม่ชอบ
O
การิน ไอ้หน้าโง่เอ๊ย
แกทำบ้าอะไรลงไปอยู่ตั้งนาน เสียเวลาไปเปล่าแท้ ๆ
แบบนี้ไม่สมเป็นตัวฉันเลย
รีบตั้งสติ แล้วกลับมาเป็นตัวเองซะ
ผู้หญิงคนนั้นเป็นเรื่องที่โง่เง่าที่สุดในชีวิตแก จำใส่หัวเอาไว้
ว่าแต่... ทำไมถึงครอบครองทุกสิ่งที่ต้องการไม่ได้กันนะ
R
การิน จินตเมธร ...เมื่ออายุยี่สิบ
ถูกสาปให้พบความทรมานอีกครั้ง ณ ชั่วขณะหนึ่งของชีวิต เอฟเฟกต์ของการอยู่ร่วมกันเกือบสามปีร่วมกว่าสองหมื่นสองพันชั่วโมงกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตามหลอกหลอนเขาอยู่
ถูกเอียร์วอร์มเล่นงาน
...นานร่วมหลายเดือน ที่เป็นแบบนั้น
ในแต่ละค่ำคืนจะได้ยินเสียงน่ารำคาญของเธอในประโยคที่เคยสนทนากันลอยเข้ามาในหัวนับครั้งไม่ถ้วน หลอนกลิ่นหอมจากโลชั่นที่ฉุนจากในขวดแต่พออยู่บนผิวเธอแล้วกลิ่นแม่งดีเป็นบ้า หรือลืมตาขึ้นมาก็ควานหาอะไรสักอย่างที่ว่างเปล่าบนเตียงนอน บางเวลาก็เหม่อมองสิ่งของของตัวเองที่เธอเคยร่วมใช้ด้วยกัน
เสื้อผ้าบางตัวที่เธอลืมเก็บทิ้งไป เขาเคยคิดว่าจะเอาไปเผาไฟแต่ก็ไม่ได้ทำ
ส่วนแปรงสีฟันยัยนั่นคงทิ้งไว้ให้เขาดูต่างหน้าสินะ
แผ่นซีดีเพลง หนังสือภาพ บรรดาตุ๊กตาที่เธอขยันซื้อมากองไว้เต็มเตียง คิดว่าพิสมัยมันนักหรือ...ก็ไม่ ไม่เลยสักนิด และก็สมดั่งใจเพราะเธอกวาดมันลงถุงดำไปหมดแล้ว มองกลับไปในตอนนี้เตียงหกฟุตที่เคยแน่นขนัดด้วยตุ๊กตาดูโล่งซะไม่มี
ขวดแชมพูที่เธอไม่ได้เอากลับไปด้วยกลับมีประโยชน์ขึ้นมาเวลาที่เขาใช้ของตัวเองหมดและหยิบของเธอมาใช้แทน กลิ่นหวาน ๆ เป็นตัวกระตุ้นความคิดถึงชั้นดีทีเดียว
การินเพียงแต่หวัง หากความรู้สึกเหล่านั้นลบล้างได้ง่ายเหมือนฟองแชมพูบ้างคงจะดี
ขณะเดียวกันเสียงซุบซิบก็ดังขึ้นทุกที...ทุกที
และดังยิ่งขึ้นเมื่อเขาหลับฝัน
E
“บอกให้จับตาดูเอาไว้แล้วทำเหี้ยอะไรวะ”
“ก็ดูแลไง แบบที่มึงไม่มีปัญญาทำอะ” อีกฝ่ายตอกกลับการินเสียงก้องกร้าว ไม่ได้เกรงกลัวแม้ว่าจะโดนคนผมดำต่อยจนฟกช้ำไปทั้งหน้า
ไม่รู้จะเกรงไปทำไมในเมื่อไม่จำเป็นต้องเกรงแถมทำให้เจ้าคนอวดดีนี่เจ็บได้เหมือนกัน
“คิดว่ากูไม่รู้เหรอว่าทำไมคนเห็นแก่ตัวแบบมึงถึงทนคบยัยนั่นได้เป็นปี ๆ ที่แท้ก็รู้แก่ใจเป็นชาติแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เคยเป็นคนธรรมดา! แม่งเอ๊ย ใครกันแน่วะที่ทำเหี้ย!!”
“มึงรู้ได้ยังไง?!”
รุทรหัวเราะ หยัดกายโดยหลังพิงชิดกำแพงอาคารโรงพยาบาล
“...ที่ผ่านมาเสวยสุขจากลัลทริมาไปมากแค่ไหนแล้วล่ะ กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงอยากได้ยัยนั่นกลับมาอยู่ข้างตัวเองนักหนา น้ำหน้าอย่างมึงอะนะจะรักใครเป็น!”
“กูถามว่ามึงรู้ได้ยังไง!!!” ชายหนุ่มหน้าตึง ปรี่เข้าคว้าคอเสื้อยับเยิน เสียงที่ออกจากลำคอเย็นวาบจนอีกฝ่ายแทบขนลุก “มึงจูบมันเหรอ”
รุทรหัวเราะอีกครั้ง
น้ำเสียงเยาะเย้ยจนการินแทบทนไม่ไหว
“แล้วทำไมจะจูบไม่ได้ ก็ตอนนั้นมึงเป็นคนอื่น”
V
ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย
ตอนนี้ตีห้า ฟ้ายังไม่สว่าง
การินกลืนน้ำลายลงในลำคอแห้งผากหลังจากตื่นนอน ยืนนิ่งและขมวดคิ้วแน่น ทันทีเมื่อเห็นแก้วอีกใบที่เขาหยิบขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ครัว แค่จะดื่มน้ำ แต่กลับหยิบแก้วขึ้นมาตั้งสองใบมันจะไม่ประหลาดไปหน่อยเหรอ
อากาศเย็นสบายของเวลาโพล้เพล้ยังคงอยู่ ในโมงยามนี้หากเป็นเมื่อวันวาน ใครบางคนก็คงยังหลับตาซุกตัวหนีหนาวอยู่ใต้ผ้าห่มในห้องไม่ยอมตื่น
“ตอนแรกดื่มแค่กาแฟเย็นไม่ใช่เหรอ กลายเป็นชอบกาแฟดำได้ยังไงกันเนี่ย”
“แฮ่ะ ๆ วันนี้โทนสีเสื้อผ้าเราบังเอิญคล้ายกันเลยเนอะการิน ดีใจจัง เหมือนได้ใส่ชุดคู่เลย”
“ก็ไม่เห็นจะต้องพูดอะไรใจร้ายแบบนั้นเลยนี่”
“นี่...ถ้าเรามีของใช้คู่กันสักชิ้นคงดีนะ”
“โธ่เว้ย หุบปากสักทีได้ไหมวะ!!!”
เสี้ยววินาทีที่แก้วใบนั้นถูกเหวี่ยงกระทบกำแพง เนื้อเซรามิคแตกออกเป็นชิ้นเล็กน้อย ร่วงลงบนพื้นแน่นิ่งตามแรงโน้มถ่วง การินกำหมัดแน่น นัยน์ตาดำขลับวาวโรจน์ฉายแววโทสะเดือดพล่าน
โครมม!
เคร้ง!
“มันเป็นอะไรกันนักหนา!!”
เพล้ง!
“เธอยากให้ฉันเป็นบ้านักใช่ไหม!!”
แขนกำยำตวัดข้าวของที่วางไว้หล่นกระจายเกลื่อน เหวี่ยงของทุกทิ้งใกล้มือกระทบผนังจนพังทลายในครั้งเดียว ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าให้กระจุยกระจายจนพอใจ
เมื่อใจเริ่มเย็นลง ดวงตาดำขลับกวาดสายตาไปรอบด้านเห็นเพียงแต่ความพินาศที่ก่อไว้ การินระบายลมหายใจร้อนผ่าวและทรุดตัวลงพิงหลังกำแพง มองสภาพห้องที่เละเทะจากแรงอาละวาดของตัวเอง เนิ่นนาน ก่อนจะยกมือขวาปวดช้ำที่เต็มไปด้วยข้อนิ้วห้อเลือดขึ้นก่ายหน้าผาก
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และเมินเสียงที่กำลังซุบซิบและหัวเราะเยาะใส่เขาเย้ยดังแว่วมาจากในห้องเล็ก ๆ
บางครั้งเขาก็อยากให้เธอหายไปจากโลกนี้
บางครั้งเขาก็อยากให้ตัวเองหายไป
ไม่ต้องเหลือใครอยู่เลยอาจจะดีที่สุด
E
...ตอนนี้เธอทำอะไร มีความสุขดีใช่ไหม
กินข้าวเยอะ ๆ ซะบ้าง ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองผอมลง
ฉันได้ยินเสียงเธอตลอดเวลา ไม่ชอบเลย
อยากโทรหาจนรำคาญตัวเอง
ยังฝันร้ายบ่อย ๆ อยู่หรือเปล่า?
สวดมนต์บ่อย ๆ ด้วยล่ะ
ฉันอยากให้เธอปลอดภัย
R
ทุกถ้อยคำที่ต่อให้ตายก็ไม่มีวันพูดออกไปให้เธอได้ยินวนเวียนอยู่ภายใน และยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเขาก้าวเข้ามาเหยียบคอนโดจนแทบอยู่ไม่ได้ พวกมันกำลังหัวเราะเยาะ ทำเขาประสาทหลอน นอนไม่หลับ
เพราะแบบนี้ถึงได้กลับมาที่นี่นับครั้งได้ ห้องนี้มันต้องสาปไปแล้วหรือยังไงกันนะ
“เวรเอ๊ย ฉันเกลียดเธอชะมัด”
...คิดถึงอ้อมกอด
“ฉันเกลียดเธอ”
...คิดถึงกลิ่นหอม
“ฉันเกลียดเธอ”
...คิดถึงน้ำเสียง
“เกลียด”
รอยยิ้ม สีหน้า
แววตา
รสจูบ
“เกลียด”
...คิดถึง
แต่จะให้ทำยังไง
“พอสักที ยัยแม่มด”
“ฉันเกลียดเธอ...ออกไปไปให้พ้นเดี๋ยวนี้”
แต่
จะให้ทำยังไงได้
ในเมื่อทุกลมหายใจเข้าออกของเขายังคงมีแต่ความมืดเพียงเท่านั้น
END – HIS SIDE
[BACK TO THE BEGINNING]
+++++++++++++++++++++++++++++
humble_H : ปล่อยเฉลยแล้ว พล็อตลับในลับในลับที่เก็บไว้มานาน T-T (เขียนไว้ตั้งแต่ประมาณกลาง ๆ เรื่อง) คิดว่าคงมีคนที่เดาได้บ้างว่าจะเป็นแบบนี้ ไม่ได้เกินความคาดหมายกันเท่าไหร่ใช่มะ 555555
อันนี้แบบสงสัยมากมาตั้งแต่อ่านแรกๆแล้ว เรื่องที่จับตัวลัลแล้วจะเห็นวิญญาณเหมือนกันเนี่ย
เรื่อง official มีซีนที่การินคว้าแขนลัลไว้เลยเห็นภาพความโกลาหลที่ซ้อนกับมิติปกติอยู่ก็เลยคิดว่า เอ๊ะ แตะตัวขนาดนี้แล้วถ้าจุ๊บกันจะขนาดไหนนะ ทีนี้ดันมีซีนรุทรผายปอดลัลแล้วได้เสี้ยวญาณให้ดูอีก โอเค ถ้าการินแตะตัวลัลแล้วเห็นแบบนั้นการที่รุทรแตะปากแล้วจะได้เสี้ยวญาณไปด้วยมันก็เมคเซ้นส์ดี ทีนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามากกว่านั้นไปจนขั้นสุดจะเป็นยังไง มโนไปว่าถ้านอนด้วยกันผชคนนั้นคงจะได้อะไรประมาณนี้ไปแหงๆเลยค่ะ
ความคิดเห็น