NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FANFIC ] TOXIC (รินxลัล) : จบแล้ว

    ลำดับตอนที่ #38 : SPECIAL – HONEY, I WON’T MARRY YOU. [rw]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.32K
      91
      12 มี.ค. 66

    HONEY, I WONT MARRY YOU.

     

    1.

    “หนูลัลเขาเป็นสาวเป็นนาง แกจะทำอะไรเขาก็คิดหน้าคิดหลังก่อนนะ ถึงใกล้จะเรียนจบแล้วก็ต้องระวังไว้ด้วย เดี๋ยวเขาจะหมดสิทธิ์เจอผู้ชายดี ๆ เอาซะเปล่าๆ”

    นรินทร์จิบกาแฟพลางอ่านข่าวบนหน้าจอโทรศัพท์ไปด้วย

    การินได้ยินเข้าก็เหยียดปากเป็นเส้นตรง

     

    ...คิดหน้าคิดหลังเหรอ

    จะมาพูดอะไรเอาป่านนี้

     

    แม้นรินทร์จะพูดแหย่ออกไปแบบนั้นแต่ที่จริงตัวเขานั่นแหละที่เอ็นดูลัลทริมาเหมือนลูกเหมือนหลาน ยิ่งพอขึ้นมหาลัยแล้วทำให้ลูกชายเขากลับมาทำตัวเป็นผู้เป็นคนในสายตาคนอื่นได้แล้วยิ่งรักสาวน้อยคนนี้เข้าไปใหญ่ อยากให้มาเป็นลูกสาว ลูกสะไภ้ตัวเองจะแย่

    ตอนรู้ว่าคบกันแทบจะจับลูกชายใส่พานยื่นให้ด้วยความยินดีเลยทีเดียวเชียว

    ...สี่ปีผ่านไปไวเหลือเกิน

    แม้แต่ตอนนี้นรินทร์ยังจำภาพวันที่นั่งคุยกับลูกชายเป็นจริงเป็นจังได้อยู่เลย

    ในตอนที่ได้รู้ว่าการินพาผู้หญิงเข้าคอนโดที่ซื้อให้ นรินทร์ถึงกับพูดไม่ออก แทบลมจับทั้งยืน แถมผู้หญิงที่ว่ายังเป็นเด็กที่เขาเคยออกปากขอร้องให้เป็นเพื่อนลูกชายคนเดียวเสียด้วย

    ในฐานะพ่อและผู้ใหญ่เขาปลอบใจตัวเองว่าลูกชายโตจนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ต้องมีเรื่องแบบนี้บ้าง หากกลับรู้สึกหนักใจโดยหลีกหนีไม่ได้ แต่แล้วก็พบว่าเมื่อสั่งสอนอะไรเจ้าเด็กนี่ก็ไม่เปิดปากเถียงแถมยังยืนฟังจนจบโดยไม่เดินหนีอีก และยิ่งประหลาดใจเมื่อบอกให้ทำนั่น ช่วยนี่ การินก็ทำไปแบบไม่ปริปากบ่นสักคำ

    ...ไม่คิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้คุยกันแบบนี้กับลูกเสียแล้ว

    เด็กผู้หญิงคนนั้นมีอิทธิพลถึงขนาดนี้เชียว?

    นอกจากเรื่องนี้แล้ว เห็นแก่เด็กสาวที่เป็นคนเดียวที่อยู่ข้างการินและพยายามเข้าใจมาตั้งแต่คราวเก่าก่อน ความรู้สึกที่นรินทร์มีต่อลัลทริมาจึงเป็นแง่บวกอยู่มากพอสมควร

    อาจไม่ถึงกับปลาบปลื้มหากก็ไม่ห่างไกลจากคำนี้มากนัก

    เฮอะ...ผู้ชายดี ๆ อะไรกันล่ะนั่น”

    เห็นเจ้าลูกชายหัวแหวนทำหน้าตาพิลึกแล้วลอบขำในใจ นี่ล่ะหนา คนหนุ่มสาวมักจะเปลี่ยนไปเพราะความรัก เป็นเรื่องธรรมดา ...นรินทร์เข้าใจดี

    แกดีหรือยังล่ะ?”

    จะไปรู้เรอะ”

    ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วให้น้ำเสียงไม่เป็นมิตรนั้น

    งั้นแกก็สร้างสิทธิ์ให้ตัวเองด้วยการเป็นผู้ชายดี ๆ ให้เขาซิ ...ไม่เห็นยาก”

    “...”

    แล้วได้คุยกันไว้บ้างหรือเปล่าแกกับหนูลัลวางแผนจะแต่งอะไรกันเมื่อไหร่ เรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอ ไปตกลงกับบ้านนั้นไว้หรือยังล่ะว่าจะหมั้นกันเดือนไหน? ถึงพ่อจะยอมรับข้อเสนอแกตอนนั้นแล้ว แต่อย่าคิดจะผิดสัญญาพ่อเชียวนะ” นรินทร์พูดเสียงเข้มขึ้นมา

    คนถูกถามนิ่งไป ในหัวยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นสักนิด วันเวลาผ่านไปไวกว่าที่คิดจริง ๆ

    ว่ายังไง?”

    "ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ"

    "เรียนจบไม่แต่งแล้วแกอยากจะแต่งตอนไหนล่ะ ให้พ่อเกษียณก่อนเหรอไงถึงจะแต่ง?

    “อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้แน่ล่ะ”

    “แกนะแก ชักช้านักเดี๋ยวหนูลัลก็โดนคนอื่นฉกตัดหน้าไปหรอก เชื่อเถอะว่าริสาก็อยากเห็นหลานแน่ ...ให้พ่อไปคุยเรื่องหมั้นไว้ก่อนไหม?"

    ดูเหมือนเขาจะลืมไปว่าลูกชายตัวเองเพิ่งอายุแค่ยี่สิบเท่านั้นเอง

    เรียกได้ว่าคะยั้นคะยอกันเต็มที่ ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากจะคุยเรื่องนี้เท่าไรนัก แถมยิ่งทำท่าว่าอยากรีบออกจากบ้านเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินชื่อแม่ตอนกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี

    ไม่รู้ ยังไม่ได้คุยกัน”

    ยังไม่ได้คุย หรือยังไม่ได้คิดกันแน่ ฮึ?” ไม่มีเสียงตอบ

    สิ้นสุดบทสนทนาระหว่างพ่อลูกด้วยเสียงถอนหายใจของลูกชาย

    การินสะพายเป้ คว้ากุญแจรถออกจากบ้านไป

     

     

     

    2.

    ที่จริงวันนี้การินกับลัลทริมาควรจะเข้ามาในมหาลัยเพื่อกรอกเอกสารชุดสุดท้ายสำหรับอะไรสักอย่างที่นักศึกษาที่จะพ้นการศึกษาปีนี้จะต้องส่งให้ครบทุกคน แต่ทั้งคู่คิดตรงกันว่าคงไม่ได้ออกไปไหนเมื่อแฟนสาวเช็คข่าวจากฝ่ายทะเบียนแล้วว่าสามารถส่งเอกสารแบบออนไลน์แทนได้

    การินฝากกรอกให้ด้วยซิ” เธอรีบบอกเมื่อเห็นว่าเขาเป็นฝ่ายเข้าไปที่หน้าเว็บก่อน ใช้คนตัวสูงทำเสียเลยจะได้ไม่ต้องลำบากเปิดแล็ปท็อปตัวเอง นามสกุลฉันมีการันต์ตัวเดียวนะ”

    เออ”

    อย่าลืมนะ”

    เขาหันไปขมวดคิ้วใส่ “เออ พูดมากจริง”

    งืออ แค่เตือนเอง”

    ก็บอกว่าเออ ยังจะย้ำสองรอบอีก เงียบดิ๊”

    ชายหนุ่มนั่งจ้องหน้าจอ พิมพ์ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กดส่ง ก่อนจะรีหน้าเว็บใหม่เพื่อกรอกข้อมูลให้ใครอีกคนต่อ ทว่าเมื่อมาถึงจุดหนึ่งก็เกิดปัญหา

    “เธอ พิมพ์ไม่พอ...”

    ลัลทริมากระพริบตาปริบ “ได้ไงอะ?”

    ปลายนิ้วเรียวยาวชี้ไปบนหน้าจอ ตรงแถบพิมพ์ที่มีตัวอักษรถูกกรอกค้างไว้อยู่ ชื่อนามสกุลภาษาอังกฤษของแฟนสาวถูกเรียงลงในช่องทีละตัว จนไปติดอยู่ที่อักษรอาร์ตัวที่สามของนามสกุล จะเอาไงเนี่ย?

    แล้วตอนนายกรอกไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ”

    “ก็นามสกุลเธอยาว” ชายหนุ่มหันมาจ้องเธอหน้าตาย “ใช้อักษรเปลือง”

    อือ นั่นสินะ”

    ไม่แค่พูดเปล่า ปลายนิ้วเรียวขยับกด backspace รัวๆ แล้วพิมพ์นามสกุลตัวเองลงไปแทน เสียงหัวเราะเบาๆลอดผ่านริมฝีปากหยัก มุมปากยกขึ้นกลายเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์

    “เอ้า ดูซิเนี่ย จะมีปัญหาได้ไงเล่า”

    หญิงสาวเห็นแล้วได้แต่อึ้ง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีกับ ลัลทริมา จินตเมธร บนหน้าจอ

     

    การิน ไอ้บ้าเอ๊ย ...หมอนี่จะรู้ตัวไหมเนี่ยว่ามันหมายถึงอะไร

     

    หึ... กดส่งเลยไหม”

    ไม่เอา ไม่ๆ ๆ” มือบางถลาเข้าไปคว้ามือเขาออกจากเม้าส์

    ขืนการินเกิดบ้ากดส่งไปจริงมีหวังพี่ที่ห้องทะเบียนได้โทรมาด่าเธอแหง ถึงตอนนั้นที่คิดหาเหตุผลแก้ตัวคงไม่ตลกเท่าไหร่ ทันใดนั้นข้อความจากแมสเซ็นเจอร์เฟซบุ๊กเด้งขึ้นมาพอดี พี่สาวห้องทะเบียนตอบกลับมาแล้วกับคำถามเรื่องช่องจำกัดตัวอักษรที่เธอเพิ่งถามไป

    “การินนายแก้เลย! พี่เค้าว่าให้พิมพ์ไปปกติ ช่องไม่พอก็ช่างมัน”

    อีกฝ่ายยังคงไม่เลิกกวนประสาท

    อะไรเล่า ใช้จินตเมธรเนี่ยแหละดี” 

    ไม่ดี!”

    ยื้อยุดกันอยู่ครู่เดียว สุดท้ายแล้วเขายอมหยุดแกล้ง พิมพ์แก้ตัวอักษรที่ช่องนั้นแล้วกดส่งไปแต่โดยดี ลัลทริมาคิดว่าทุกอย่างถึงคราวสงบสุขแล้วแต่คงคิดผิด เมื่อเสียงทุ้มของอีกฝ่ายลอยเข้าหู

    แล้วจะเปลี่ยนเมื่อไหร่”

    “...หะ?”

    จะเปลี่ยนเมื่อไหร่?

    เปลี่ยนอะไร”

    นามสกุลไง”

    ริมฝีปากอิ่มเผยอออกเล็กน้อย นิ่งค้างไปชั่วอึดใจ

    ใบหน้าหวานหันขวับมองแฟนหนุ่มเมื่อประมวลผลข้อความทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เธอเอ่ยตะกุกตะกัก ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจคำพูดเขาถูกต้องจริงหรือเปล่า อะ...อะไรของนาย มุกเก่าขนาดนี้ยังกล้าเล่น”

    เอ้าตอบดิ หรือต้องมีค่าตัวด้วยถึงจะตกลง?

    เงินซื้อฉันไม่ได้หรอกนะ”

    เขาถอนหายใจ ยิ้มมุมปาก ให้โอกาสตอบใหม่อีกที”

    แต่ —”

    ตอบช้าโดนฉุดนะ”

     

    ...บ้าจริง!

     

    แล้วดูคำขู่สิ

    ก็...ฉุดไปแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอตอบกลับไปแบบมึนๆงงๆ มือบางยกขึ้นเกาท้ายทอย วางสายตาไม่ถูกเลยทำเป็นอ่านข้อความติดประกาศที่เลย์เอ้าท์หน้าจอฝั่งขวาทั้งที่ไม่รู้ว่าบนนั้นมีอะไรน่าสนใจบนหน้าเว็บแทน

    งั้นถ้าฉุดอีกรอบก็ไม่เสียหายเนอะ

    ม... ไม่เปลี่ยนได้ไหม

    จะโดนตี หรือจะตอบใหม่” เขาทำเสียงเข้ม

     

    ไอ้ผู้ชายงี่เง่าคนนี้นี่มัน...

     

    อะไรเนี่ย เรื่องแบบนี้บังคับได้เหรอ?”

    ต้องยิ้มแล้วตอบว่า ‘เปลี่ยนค่ะ’ เข้าใจไหม ยัยเด๋อ”

    ลัลทริมากลั้นยิ้มแทบตาย สุดท้ายเธอหลุดหัวเราะออกมา

    หัวใจดวงเล็กเต้นแรงขึ้น ไม่รู้ว่าอีกคนจริงจังกับเรื่องที่พูดมากไหม แต่เธอเดาว่าคงไม่มีผู้ชายดี ๆ ที่ไหนขอผู้หญิงแต่งงานแบบนี้หรอก อย่างถามว่านามสกุลเนี่ยจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ ต้องมีค่าตัวไหม ทั้งที่แววตากะล่อนขนาดนั้นอะนะ

    แถมบังคับอีก อย่ามาตลกรับประทานแถวนี้ ...มาไม้นี้เธอไม่มีทางรับมุกบอกเขาว่าให้พ่อมาขอเด็ดขาด

    ไอ้บ้า”

    ยังอีก ...ยังจะยิ้มอยู่นั่นแหละ อยากเป็นไหม ลัลทริมา จินตเมธร อะ?”

    ผ้าพันแผลเขาลอยอยู่ตรงหน้า กำมือขึ้นจะเขกหัวเธออยู่แล้วเชียว ทว่าเรียวขาขยับวิ่งหนีจากร่างสูงเสียก่อน แสร้งยกสองมือขึ้นปิดหู

    “ห๊า? นายพูดอะไรอ่ะ ไม่เห็นได้ยินเลย!”

     

     

     

    3.

    ลัลทริมาวางธนบัตรสองใบทิ้งไว้บนโต๊ะ เดินเข้าในครัว หยิบแผงสีวาวออกจากกระเป๋ากางเกงขาสั้น

    ไปไหนมา” เขาถาม

    ร้านขายยา อย่าลืมเก็บเงินทอนไปด้วยนะ” เธอร้องบอกแฟนหนุ่ม หลังจากถือวิสาสะเปิดกระเป๋าตังอีกฝ่ายระหว่างที่เขาไม่อยู่ห้อง ดึงธนบัตรใบแดง ๆ ในนั้นออกไปซื้อของจำเป็นในยามเช้าตรู่

    ว่ากันตามอารมณ์ เช้าวันนี้ไม่ใช่เช้าที่ดีเอาซะเลย

     

    เธอเกลียดเวลาที่เขาไม่เซฟเซ็กส์

    เกลียดพอๆกับเวลาที่ต้องแกะยาคุมออกจากแผงทั้งเม็ดแรกและเม็ดที่สอง

    ความทรงจำจากโมเม้นต์อาฟเตอร์เซ็กส์ครั้งแรกดันแย่มากจนฝังใจ ภาพที่อีกฝ่ายยื่นเม็ดยามาให้พร้อมกับน้ำด้วยสีหน้าเฉยชาทำเอาอึ้งจนสมองไม่ทำงานไปพักใหญ่ จำได้เพียงว่ากลิ่นฉุนกำยานหอมจากคืนก่อนยังติดจมูกเธออยู่เลย และเหตุการณ์เช้าวันนั้นก็เลยทำให้ฝังใจเกลียดไอ้ยาเม็ดบ้า ๆ นี่มาตลอด

    อันที่จริงเธอเกลียดแววตาของเขาตอนนั้นมากกว่า นึกถึงเรื่องนี้ทีไรภาพก็ลอยมา ทำให้พาลอคติไปหมด แต่ถ้าถึงเวลาจำเป็นก็ยังต้องกระเดือกลงไปอยู่ดี

    เธอชอบเด็ก

    เด็กน่ารักดี

    ...แต่มีเด็กกับการินน่ะ ไม่ดีกว่า

     

      หญิงสาวดื่มน้ำตามเม็ดยาจนหมดแก้ว

    หันกลับมาก็เห็นว่าดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องอยู่ พอเธอเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเขากลับก้มลงไปอ่านเอกสารปึกหนาเตอะเหมือนเดิม ไม่คิดจะต่อบทสนทนากลับมา

    เดิมทีอีกฝ่ายไม่ใช่พวกมักง่ายแบบนี้หรอก แต่หากมันเกิดขึ้นก็มักเป็นอุบัติเหตุ หรือสถานการณ์สุดวิสัยที่ไม่ได้แพลนไว้แต่แรก อย่างเช่นเมื่อสี่เดือนก่อนที่ไปเยี่ยมตาไกรสรแล้วขากลับวอล์คอินเข้าโรงแรมข้างทางที่ชลบุรี หรือตอนที่เธออยู่บ้านดูหนังคนเดียวแล้วเขาซื้อเบียร์มาดื่ม อยู่เป็นเพื่อนด้วยทั้งคืน

    แต่...ล่าสุดเมื่อคืนสดๆ ร้อนๆ

    ในตอนที่ญาณอาถรรพ์เผลออ่านใจเขาได้ คืนนั้นทำเสร็จก็นอนกอดเธอที่เอาแต่สะอื้นไว้ทั้งคืนเหมือนปลอบใจกัน เแย่หน่อยสำหรับการินที่นั่นไม่ได้ทำให้แฟนสาวเสียความรู้สึกน้อยลงสักนิด

    สะบัดยิ่งถูกโถมเข้าหา พยายามหนียิ่งถูกบังคับกอด

    น่ารำคาญเป็นบ้า

    ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็หลายชั่วโมงแล้ว แต่ฝ่ายนั้นยังไม่พูดอะไรไม่เข้าหูเธอเลยแม้แต่คำเดียว แม้แต่กวนประสาทสักเล็กน้อยตามนิสัยก็ไม่มี

    ถ้ามองผิวเผินแล้วก็คงเหมือนการินพยายามทำตัวดี ๆ ทว่าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น บางอย่างกลับบอกว่าไม่ใช่

    ไม่รู้สิ ...เธอคิดว่าเขาตั้งใจมากกว่า

    ยิ่งเป็นผู้ชายที่ฝากยาแก้ปวดท้องเมนส์ผ่านเพื่อนสนิทมาให้แฟนตัวเองเป็นประจำ ก็หมายถึงเขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าช่วงไหนคือระยะไม่ปลอดภัย อยู่ดีไม่ว่าดีดันแกล้งทำตัวเป็นคนไร้ความรับผิดชอบซะอย่างนั้น หาเรื่องให้โมโหทั้งที่เพิ่งจะกลับมาคบกันอาทิตย์เดียวแท้ๆ

    ถามว่าโกรธไหม ก็โกรธอยู่แหละ

    โกรธอยู่สองเรื่องที่น่าจะเดากันได้ ...ให้ทำไงล่ะ จะโต้ตอบอะไรล่ะ ทางเลือกมีน้อยเหลือเกินเชียว ผลสุดท้ายก็ต้องถือว่าแล้วไป

    แล้วไปก็ได้...

    เพราะยามันไหลลงไปอยู่ในท้องแล้วอะนะ

    แต่อย่าหวังว่าเร็วๆนี้จะได้แตะตัวเธออีก

     

     

     

    4.

    "บนโต๊ะนายของรกไปหมดทำไม่ยอมจัดเลย ไหนจะสายสิญจน์เอย เทียนเอย ทั้งกล่อง ทั้งขวดบ้าบออะไรมากมายหนักหนาก็ไม่รู้”

    ร่างกำยำบนเตียงนอนนิ่ง ซึมซับอุณหภูมิเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศที่ตกลงบนที่นอน ในขณะที่มีเสียงหวานใสพูดเป็นแบคกราวด์กล่อม

    เสียดายที่คนร่วมห้องไม่คิดว่ามันน่าฟังสักเท่าไร

    “ผ้าที่อบไว้ก็ไม่มาช่วยกันเก็บ ดีจริง ๆ ต่อไปนี้ถ้าจะให้ทำทุกอย่างนายต้องจ้างฉันแล้วนะ รู้ไว้ซะด้วย”

    “...”

    “โอ๊ยย เนี่ยๆๆ แล้วเป็นโรคอะไรนักหนาถึงต้องเอาเสื้อผ้าใส่แล้วไปพาดบนเก้าอี้หา?! ถอดใส่ตะกร้าผ้าไม่เป็นหรือยังไง ตรงพื้นนั่นอะไรอีก! แปลนผังเมืองแผ่นนี้ยังใช้อยู่ปะ ทำไมมันมาวางอยู่ตรงนี้ ...ไม่รู้ด้วยแล้วนะการิน ฉันจะวางไว้บนโต๊ะ นายตื่นมาจัดการเอาเองแล้วกัน"

    เสียงหญิงสาวบ่นเป็นหมีกินผึ้งดังปลุกแฟนหนุ่มในตอนสายๆของอีกวัน เขาขยับตัวนิดหน่อย ดวงตายังปิดสนิทแต่ปากขยับตอบ

    แม่งเอ๊ย บ่นฉิบหายเลย คนจะนอน” เสียงทุ้มอู้อี้มาจากใต้หมอน

    นี่ ฉันไม่ใช่คนใช้นายนะ”

    "เป็นดิ เออนั่นแหละ ซ้อมไว้ๆ"

    "ไม่ซ้อมอะไรทั้งนั้น มาช่วยกันเลยนะ!"

    ลัลทริมาดึงแขนแข็งแรงให้ลุกจากเตียงก็ไม่เป็นผล อีกฝ่ายเล่นทิ้งน้ำหนักเสียเต็มเหนี่ยว ซุกหน้าลงฟูกนุ่มแล้วคว้าหมอนขึ้นมาปิดหูอีกที "ทำให้หน่อยน่า"

    "การิน ตื่นเดี๋ยวนี้!!!"

    ไม่ทันได้กลับไปสงบสุข เธอหยิกเอวอีกฝ่ายจนสะดุ้งตัวเด้งจากเตียง

    "โอ๊ยยยย ซี้ดดด ยัยบ้าเอ๊ย"

    ....

    ...

     

    ...สุดจะทน

    ร่างบางแทบกุมขมับ ก่อนจะทำใจปลงกับภาพนั้น หยิบไม้กวาดเขี่ยเท้าแฟนหนุ่มที่ตื่นแล้วดันลุกขึ้นมาเล่นเกม แทนที่จะมีกะใจมาช่วยกันทำงานบ้าน

    “ยกเท้าให้ดิฉันกวาดหน่อยค่ะคุณชาย”

    ไหนข้าวอะ”

    หากินเองไม่เป็นเหรอ”

    ในใจร้องกรี๊ดเป็นรอบที่ล้านแล้ว ค้อนตาเขียวเป็นสิบรอบเขาก็ยังไม่สนใจ สุดท้ายยังมีหน้ามาเรียกร้องหาอาหาร ตอนปลุกให้มาแตะมื้อเช้าก็ไม่สนใจแท้ ๆ นี่เธอมีลูกชายตัวเท่าควายหรือยังไงกัน

    เธอพูดจบก็โดนมองหน้าหาเรื่อง หมอนั่นกล้าดียังไงมามองกันแบบนี้

    “คนตื่นสายไม่มีสิทธิ์พูดหรอกนะ ปลุกตั้งนานไม่ยอมลุกเอง ทำไมต้องให้พูดหลายรอบด้วยอะ อายุสี่ขวบเท่าลูกน้าโรสหรอ”

    แล้วไม่เหลือเผื่อไว้ให้หน่อยวะ ...นี่เธอเป็นใครเนี่ย พ่อฉันยังไม่ทำแบบนี้เลย”

    พูดมาได้...ไอ้นี่ กับข้าวมื้อเช้ามาจากมื้ออาหารที่เหลือวันก่อน ไม่ทิ้งก็เสียหมด รู้อะไรกับเขาบ้าง

    ไม่ชอบก็กลับไปกินข้าวกะพ่อไป งานบ้านก็ไม่มาช่วยกันทำ”

    “ผมสี่ขวบไงทำไม่เป็นหรอก เป็นผู้หญิงก็ทำไปเหอะ”

    “พอกันที! ฉันไม่ได้ทำเพราะฉันเป็นผู้หญิง ฉันทำเพราะนายมันขี้เกียจ” ร่างบางยกแขนข้าวหนึ่งเท้าเอว เอ่ยเสียงเขียวอีกครั้ง “ได้ยินปะ คนจะกวาดบ้าน...ไปไหนก็ไปเลย”

    ขยันไล่กันดีนัก...การินได้แต่แค่นหัวเราะ ยกมือเกาท้ายทอย ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงดีให้อารมณ์ไม่ขึ้นทั้งคู่ สามสี่ปีมานี้มันทำให้คนเถียงเก่งขึ้นจริง ๆ ด้วยแฮะ แล้วนั่นจะเป็นอะไรนักหนา โวยวายจะเป็นจะตายไปได้ แค่ขี้เกียจลุกขึ้นมาช่วยก็ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาเธอเป็นคนทำเพียงคนเดียวสักหน่อย ทำอย่างกับวันก่อนคนล้างจานไม่ใช่เขา

    พอไม่เห็นว่าเขาเถียงกลับ อีกฝ่ายก็ไม่เลิกบ่น

    “ตุ๊กตาตัวแทนน่ะเลิกเอาดินเหนียวมาปั้นได้แล้ว เวลาแห้งตกพื้นก็แตกเป็นสะเก็ดแตกเลอะเทอะหมด หรือเอาไม้เข้ามาเหลาในห้องก็เก็บเศษไม้ให้มันดี ๆ สิ ลำบากคนกวาด แค่นี้ก็ไม่รู้หรือไง”

    ชายหนุ่มกลอกตามองเพดาน

    ผู้หญิงอะไรนี่ จุกจิก จู้จี้ ขี้บ่น น่าเบื่อชะมัด

     

    ขอร้องอย่าพูดมาก รำคาญ”

    “...” 

    ใบหน้าสวยหงิกงอ คงจะงอนไปแล้ว

    เขาค่อยขยับเข้าใกล้ ดึงไม้กวาดในมือเธอออก และดันไหล่เล็กเข้าไปในห้องครัวเบา ๆ

    งั้นเธอไปต้มมาม่าให้หน่อย เดี๋ยวเก็บตรงนี้ให้”

     

     

     

    5.

    ((ยังไม่ทันถึงรับปริญญา แต่เพื่อนในรุ่นเราแต่งงานไปคนละว่ะ))

    ทำไมรีบแต่งจัง ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

    ((ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน)) แนทกรอกเสียงเรียบนิ่งมาจากอีกฝากของสัญญาณโทรศัพท์ ((นางไม่ได้จัดงานใหญ่อะ เห็นบอกดูฤกษ์เอาเลยได้แต่งก่อน ในงานมีแต่ญาติผู้ใหญ่))

    งั้นหรอกเหรอ”

    ((แล้วแกอะลัล ยังไงเนี่ย))

    ลัลทริมาใช้ปากกาลูกลื่นลากเส้นมั่วๆด้านหลังใบเสร็จเหลือทิ้ง ระหว่างโต้ตอบบทสนทนา

    ไม่รู้อะ ยังไม่ได้คิดขนาดนั้นเลย”

    ((เอ้า นึกว่าจะรีบแต่งกันซะอีก ฉันเห็นว่าแกก็ดูอินกับอะไรแบบนี้ออก))

    ก็อยากแหละ แต่ถ้าเป็นการินก็ขอคิดดูก่อนไปยาวๆล่ะ”

    ((ไหงงั้นอะ))

    ไม่ใช่ว่าการินเป็นคนไม่ดี แต่เขาแค่ยังไม่ดีพอจะให้แต่งงานด้วยเท่านั้นเอง” เธอหัวเราะ “ง่ายๆนะ ถ้าเป็นเธอจะแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยบอกรักตัวเองสักครั้งไหม”

    ((เอ่อ... ขอคิดดูก่อนเหมือนกัน))

    “ใชไหมล่ะ”

    ((แต่ไม่ใช่ว่าการกระทำมันสำคัญกว่าคำพูดเหรอยะ))

    “การินแสดงออกเก่งกว่าพูดนั่นแหละ ...แต่ถ้ามันดีจริงแนทคงไม่ได้ยินฉันบ่นหรอก”

    ยืนยันอีกครั้งว่าจนถึงตอนนี้มุมมองความรักของลัลทริมามันเปลี่ยนไปแล้ว

    ที่เป็นอยู่ปัจจุบันก็ไม่ใช่ปั๊บปี้เลิฟ โตป่านนี้ยังจะเห่อความรักแบบเทพนิยายก็คงไม่ได้ ชีวิตรักเธอไม่ได้พบเจออะไรที่ดีพอจะทำให้คิดแบบนั้น ในยุคนี้คิดจะแต่งงานกับใครสักคน แค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอหรอก ต้องดูอย่างอื่นร่วมด้วย

     ...เอาล่ะ ไหนดูซิว่าแฟนเธอเป็นยังไงบ้าง

    มองแบบภาพรวม การินเป็นผู้ชายที่มีภาพรวมโปรไฟล์ดี หัวดีจัด จบเกียรตินิยม ...ตำแหน่งผู้เข้าร่วมรายการ clever answered เป็นใบเบิกทางชั้นดีในการทำงานสายวิชาการและการศึกษา ถึงเขาจะอยู่ในแวดวงสายประวัติศาสตร์ก็ยังมีคนจำได้บ้างอยู่ดี

    ไม่ว่าเขาเคยดูโรคจิตแค่ไหน แต่ตอนนี้บรรยากาศพวกนั้นหายไปเกือบหมดแล้ว

    หากมองด้วยสายตาคนนอกคงไม่มีใครรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นพวกวิปริตชอบเห็นคนตายและคลั่งไคล้อาถรรพ์ เทียบกับเมื่อก่อนแล้วล่ะก็บุคลิกของการินในตอนนี้น่าคบกว่าเยอะเลย หมอนี่ไม่เข้าสังคมก็จริงแต่เขาเรียนรู้ว่าต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นยังไง ต่อให้ดูไม่เป็นมิตรเหมือนเดิมก็เถอะ

    ความสูงที่พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ร้อยแปดสิบกลางๆ ทำให้พอยืนข้างกันเขาแทบเอาคางเกยหัวเธอได้แล้ว ส่วนนี้ต้องไม่ลืมว่าเจอกันครั้งแรกตอนเขาอายุสิบสี่เท่านั้นเอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสูงได้อีก ส่วนเธอก็กลายเป็นยัยเตี้ยสำหรับเขาตอนไหนก็ไม่รู้

    หน้าตาก็หล่อระดับควงโชว์ชาวบ้านได้สบาย ฮ็อตน่าดูแหละ เอาไปโม้ให้ใครฟังได้ว่าสมัยเป็นเฟรชชี่เคยมีคนแอบเอารูปขึ้นคิ้วท์บอยแล้วเพจล่มไปตั้งหลายวัน (หลังจากโพสต์นั้นสามวันต่อมาแอดมินเพจป่วย เอาแต่พนมมือพูดเพ้อว่า “ขอโทษ จะไม่เสือกอีกแล้ว” ซ้ำไปมา ส่วนการินเขาไม่เคยยอมรับว่าทำอะไรฝ่ายนั้น แต่บอกแค่ว่า ไม่ฟ้องก็บุญแค่ไหนละ....)

    ฐานะครอบครัวก็มีอันจะกิน ใช้จ่ายนู่นนี่ได้ไม่ขัด ถึงวันหนึ่งเกิดอยากเลิกใช้ชีวิตอินดี้แล้วกลับมาอยู่ในลู่ทาง โรงเรียนนิศาพาณิชย์ของพ่อก็ยังต้อนรับเขาอยู่ (ได้ข่าวว่าคุณลุงนรินทร์เองก็ตั้งใจจะให้ลูกชายบริหารโรงเรียนต่ออยู่แล้วล่ะ) และเขาอาจจะเล่นหุ้นเป็นด้วยถ้าเธอจำไม่ผิด ลัลทริมาคิดว่าเคยเห็นเขานั่งมองกราฟเทรดอยู่ไม่กี่ครั้งในวันที่ว่างจากการเรียนแล้วพักผ่อนอยู่ในห้อง โดยไม่ได้ออกไปเล่นอะไรบ้า ๆ บอ ๆ อย่างทุกที

    นอกเหนือจากนั้น การินเป็นคนที่พึ่งพาได้ในเวลาฉุกเฉิน (หากเขาตัดสินใจจะช่วยนะ) ไม่ใช่พวกดีแต่ปากที่เอาแต่โม้แล้วทำไม่ได้ด้วย วางแผนเป็น ไหวพริบดี ช่างสังเกต แต่เขาจะสนใจไหมก็อีกเรื่อง (เป็นประเภท รู้หมดล่ะแต่ไม่แคร์ ) ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาไม่ใช่สาเหตุที่เธอเลือกจะแต่งงาน หรือไม่แต่งกับเขา

    แล้ว...ที่ผ่านมาแค่ได้เสียกันขำๆ รึ?

    ก็ไม่ใช่อีก

    หญิงสาวแค่ไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองไปผูกสถานะทางกฎหมายกับเขาเพื่ออะไร ในฐานะแฟนก็ทรีตเธอดีในระดับนึง ก็แค่ระดับนึงเท่านั้นแหละ

    ไม่ได้คาดหวังให้การินดีเลิศมากมาย แต่คิดว่าน่าจะดีได้มากกว่านี้สักหน่อย

    ภาวนาให้ใครก็ได้ช่วยทำให้หมอนี่เลิกทำตัวผีเข้าผีออกแบบนี้สักที เซอร์วิสอะไรมาให้ก็ได้แต่คิดว่าไว้ใจได้หรือเปล่าเนี่ย ขยันปล่อยหมาออกจากปากอย่างสม่ำเสมอบ้างล่ะ แถมบทจะสารเลวขึ้นมาก็เฮงซวยห่วยแตกเสียจนไม่รู้จะด่ายังไงดี 

    เบื่อผัว...

    ไม่อยากจะพูดคำนี้เท่าไหร่ แต่คงไม่มีคำไหนอธิบายได้ดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว

     

    แต่ก็จะยังไม่เลิกด้วย โอเคนะ?

     

    อันที่จริง ถ้าการินเลิกเป็นแบดบอย เธออาจจะคิดเรื่องแต่งงานดูอีกที

    อาจจะเป็นชาติหน้าบ่าย ๆ ที่เขาจะเปลี่ยนได้  รึไม่ก็ได้แต่หวังลม ๆ แล้ง ๆ ล่ะ

    ในเมื่อมองทุกอย่างไม่ชัดเจน เลยไม่รู้ว่าจะไปผูกติดชีวิตขนาดนั้นทำไม ถามว่าคบกันเพราะฐานะไหมก็ไม่อีกล่ะ ฉันไม่ได้อยากได้ทรัพย์สินอะไรจากเขา ไม่ได้อยากให้เลี้ยงตลอดชีพหรือคาดหวังว่าจะมาทำให้ชีวิตดีขึ้น ฉันแค่อยากอยู่ร่วมกันในฐานะคนรัก ถ้าแค่นี้หมอนั่นทำให้ฉันไม่ได้แล้วยังจะแต่ง สุดท้ายงานแต่งก็แค่ปาร์ตี้ ทะเบียนสมรสก็แค่กระดาษใบเดียวไม่ใช่เหรอ”

    ((ยัยบ้า นั่นมัน...ก็)) น้ำเสียงเพื่อนสาวดูลอย ๆ น่าจะเหวอคำตอบเธออยู่ หรืออะไรสักอย่าง

    ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาอะ ถ้าไม่แต่งก็เหมือนแต่งงั้นก็ไม่ต้องแต่งหรอก เป็นแฟนกันต่อไปเรื่อย ๆแค่นั้นพอ แค่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว”

    คำตอบประหนึ่งนางงาม

    สาบานเลยว่าเธอคิดแบบนั้นจริง ๆ

    ในจังหวะที่แนทกำลังพูดตอบ ดวงตากลมโตเห็นว่าร่างสูงเดินอ้อมมาจากด้านหลัง หย่อนตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินอะไรบ้าง เอาเถอะก็ช่างปะไร นาทีนั้นเธอคิดว่าจะลุกหนีไปคุยที่อื่นดีไหม

    ...แต่ไม่เอาดีกว่า แบบนี้น่าสนุกดี

    ((แล้วทำไมแกไม่ตบไม่แต่งให้มันเป็นกิจจะลักษณะไปเลยวะ ไหน ๆ ก็อยู่กันกันขนาดนี้แล้ว ไม่โดนผู้ใหญ่เค้าทักอะไรบ้างเลยเหรอ))

    พ่อการินก็ถามอยู่แหละ แต่เราคุยกันไว้ว่ายังไม่พร้อม”

    เจ้าตัวเลิกคิ้วเหลือบมองนิดหน่อยตอนได้ยินชื่อตัวเองในบทสนทนา

    ((ที่จริงถ้าแกไม่เอาปาร์ตี้ ก็แต่งแบบเพื่อนเราก็ได้ปะ ญาติผู้ใหญ่คุยกัน รับสินสอด จบ))

    ไม่อยากจดทะเบียนอะ เดี๋ยวเค้าก็ถามอีกว่าแต่งทั้งทีทำไมไม่จด จะให้ตอบว่าหนูกลัวจะได้หย่ากับลูกชายคุณลุงไงคะ กลัวว่าวันนึงแผ่นกระดาษจะมีประโยชน์กว่าสามีตัวเอง อย่างนี้เหรอ? ไม่ไหวมั้ง ตอบว่ายังไม่พร้อมก็น่าจะรู้แล้ว”

    ((แกก็เว่อร์เกินยัยลัล ยังไม่แต่งก็กลัวไปยันหย่านู่นแล้ว)) แนทแหวใส่ ((อยู่แบบนี้ระวังเถอะ ไม่เห็นเคสตามกระทู้พันทิปหรือไง ที่อยู่ด้วยกันตั้งหลายปี เจอใครไม่รู้มาจดทะเบียนตัดหน้า))

    ลัลทริมาระบายยิ้มเย็น

    “ถ้าเขากล้าทำก็ให้เขาไปสิ”

    ((หน่ะ แกก็แค่กลัวว่าเขาจะทำให้เสียใจไม่ใช่เรอะ))

    ใช่สิ ก็ถ้ากลัวขนาดนี้เธอว่าไม่ต้องแต่งงานดีกว่าไหมล่ะ เป็นแฟนกันก็พอ”

    ใบเสร็จเล็กถูกขูดขีดเป็นเส้นเละเทะแทบไม่ทิ้งช่องว่าง

    มือบางจับมันขยำเป็นก้อนกลม

    ถึงเพื่อนสาวคนนี้จะคอยเชียร์อยู่ห่างๆ เป็นฝ่ายรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดด้านความสัมพันธ์ให้กันอยู่เสมอ แต่พอเวลาเธอทะเลาะกับการินแล้วโทรไปบ่นให้ฟัง ก็ไม่พ้นถูกแซวกระแนะกระแหนด้วยคำว่า ‘แกยังไม่เข็ดอีกล่ะสิ’ อย่างนี้อยู่ดี

    ((เฮ้อ แล้วจะรอให้ป่องก่อนถึงจะยอมแต่งหรือไง))

    ไม่ขนาดนั้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นคงคิดดูอีกรอบ”

    ((ยังจะคิดดูอีก)) ปลายสายทำเสียงระอา

    เธอแค่นหัวเราะ

    “...และมันไม่เกิดขึ้นง่ายๆหรอก”

    การินที่นั่งอยู่บนโต๊ะฝั่งตรงข้าม มือสองข้างประสานกันบนโต๊ะ มองหน้าแฟนสาวตลอดเวลาที่เธอคุยโทรศัพท์กับเพื่อน อย่างกับว่าเขาตั้งใจฟังและสนใจว่าเธอคิดยังไงกับเรื่องนี้อย่างนั้นแหละ

    ลัลทริมาตัดสินใจสบตาเขาอย่างตรงไปตรงมา กรอกเสียงลงปลายสาย

    เธอพูดกับแนท

     

    ถ้าถามฉันตอนนี้ ยังไงก็ไม่แต่ง ...ไม่มีทาง”

     

    ในทางเดียวกันประโยคนั้นเหมือนพูดกับเขาด้วย

    เธอเห็นว่ามุมปากอีกฝ่ายยกขึ้นอย่างร้ายกาจ เสียงทุ้มดังขึ้นหลังจากกดวางสายไป “โอ้โห... ทะเบียนสมรสมีค่ากว่าสามีตัวเองเนี่ยนะ? ไม่อยากเชื่อว่าคนแบบเธอจะพูดอย่างนั้น”

    หญิงสาวกลอกตา “แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ เสียมารยาท”

    ไม่ได้แอบสักหน่อย”

    แฟนหนุ่มตัวแสบ เมื่อคืนยังหลอกให้เธอแตะอะไรก็ไม่รู้เพิ่มพลังอาถรรพ์ให้อยู่เลย หากไม่ติดว่าไม่อยากเหนื่อยหญิงสาวคงจะทุบเขาแล้วหลาย ๆ รอบ แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ตีหน้ามึนอย่างที่เคยทำ คงมีเธอคนเดียวเท่านั้นที่เห็นว่าเขากะล่อนจนน่าโมโห

    แล้วก็...คนอื่นที่ไหนจะได้กันอย่างงี้”

    ตลกมากอ่อ?” คิ้วสวยขมวดเล็กน้อย เอื้อมมือผลักเขาจนหน้าคมหันออกไปด้านข้าง

    ร่างสูงไม่ถือสา เขาเพียงยิ้มขำ

    เธอคิดแบบนั้นจริงดิ”

    ทำไมล่ะ คุณลุงนรินทร์เร่งมาอีกเหรอ?

    ก็แค่ถามเฉยๆ”

    ลัลทริมาเท้าคางบนโต๊ะ อีกมือกดปากกาลูกลื่นดังเป็นจังหวะ ดวงตากลมสีน้ำตาลมองสบกับดวงตาคู่คมของแฟนหนุ่ม ริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มอ่อนหวาน

    แน่นอนว่าเธออยากมีชีวิตที่ดี ความรักที่เหมือนฝัน จัดแต่งงานสวยงาม สวมชุดกระโปรงเจ้าสาวสีขาว อยู่บ้านเดียวกัน ช่วยกันเลี้ยงลูกตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารัก อยู่ด้วยกันกับสามีแสนดีไปจนแก่เฒ่า

     

    ถ้าผู้ชายที่ว่าคือการินล่ะก็ ...ไม่ดีกว่า

     

    ขอคิดดูก่อน”

    เป็นครั้งแรกที่การินอ่านเธอไม่ออก แต่ประโยคนั้นเท่ากับยืนยันว่าจะไม่มีการไปอำเภอ ไม่มีการออกเอกสารใด ๆ จากเจ้าหน้าที่รัฐ และสถานะทางกฎหมายของทั้งคู่จะเป็น ‘โสด’ ตลอดไป หากเธอและเขายังคงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบนี้

    คิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?”

    แบบไหน? นายถามสองรอบแล้วนะ

    ที่ว่าไม่แต่งก็ได้ แค่อยู่ด้วยกันก็พอ”

    ใช่สิ”

    จู่ ๆ หญิงสาวก็อยากจะเล่นเกมขึ้นมา เพราะเกมของเขาทำให้เธอโหยหาบางอย่าง เพียงเธอนึกออกว่าอะไรบ้างที่ทำให้เขาคลั่งได้ก็รู้สึกดีจนขนลุกไปทั้งตัวแล้ว ลัลทริมาคิดว่าที่เขาทำน่ะมันไม่แฟร์ เพียงแค่อยากทำให้มันแฟร์ขึ้นมาบ้าง

    และเขาน่ะแหละที่ผิด เธอไม่ได้เริ่มก่อนสักหน่อย

    คิดอะไรโง่ๆอยู่หรือเปล่าเนี่ย”

    อย่ามาใส่ร้ายฉันสิ แค่คิดว่าไม่แต่งก็ดีเหมือนกัน”

    ไม่สนจริงเหรอ ...ทางนิตินัยใช้ลดภาษีได้นะ”

    แต่ถ้าใครทำผิดก็ต้องโทษร่วมกันอยู่ดีใช่ไหม”

    “นี่เธอเห็นฉันเป็นคนแบบนั้นเรอะยัยแม่มด?!

    “จริง ๆ แล้ว...ฉันก็ไม่ไว้ใจนายเท่าไหร่” เธอตอบ สายตาเหลือบมองแฟนหนุ่มที่กำลังขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมทำสีหน้าพิลึกใส่

    มีแต้มเป็นต่อพอจะเถียงสูสีกับคนแบบการินได้นี่สนุกจริงแฮะ หายสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงได้ชอบพูดจายียวนชวนทะเลาะใส่คนอื่นขนาดนั้น (แต่ตอนเถียงไม่ได้ ไม่สนุกเอาซะเลย)

    เรียกค่าเลี้ยงดูลูกก็ได้ เท่าไหร่ว่ามาเลย”

    ตายดีกว่า ใครเค้าจะไปอยากท้องกับนายกัน”

    จะไม่มาช่วยกันใช้มรดกตาลุงนั่นหน่อยเหรอ ไถเงินผัวไม่ผิดนะ รู้ยัง”

    ไถอะไรเล่า มีคนให้โดยสมัครใจทั้งนั้น...นายพูดแบบนี้ก็ฉันเสียหายสิ!

    เขาเริ่มหงุดหงิด เดาะลิ้นเมื่อไล่ต้อนเธอไม่สำเร็จ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้ เอ่ยถามอีกครั้ง เฮ้ย ไม่สนใจจริงอะ?”

    แล้วที่ตะล่อมขนาดนี้ มีเหตุผลอะไรดี ๆ หรือเปล่าล่ะ? จะได้เก็บไปคิด”

    คำถามชวนคิดชนิดที่ว่าหากไม่ตั้งใจแน่วแน่ก็คงไม่สามารถตอบได้ทำให้การินเงียบไปสักพัก หลังจากเถียงกันอยู่นานสองนานโดยที่เขาเองก็ให้เหตุผลกับตัวเองไม่ได้ว่าทำไม เพียงเพราะอยากเอาชนะ เพราะให้เธอเป็นของเขาโดยสมบูรณ์ หรือมีเหตุผลจากเรื่องอื่น

    ไม่อาจสลัดความรู้สึกที่มีให้ลัลทริมาทิ้งไปง่ายดาย และกลับกัน พิธีรีตองที่ผูกมัดชีวิตเช่นนั้นชายหนุ่มกลับไม่เคยจินตนาการถึงอย่างถี่ถ้วน

    เพราะแบบนี้จึงตอบไม่ได้

     

    เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วทางพฤตินัย อย่าห่วงเลย”

    เล่นตัว” เขาพ่นลมหายใจ เริ่มอยู่ไม่สุข

     

    ไม่ใช่ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่อยากแต่งงาน มีลูก ชีวิตแฮปปี้งี้เหรอ?”

    งั้นนายแน่ใจเหรอว่าจะยอมทำทั้งหมดที่ว่านั่นด้วยกันเพื่อแค่ให้ความฝันชีวิตฉันคอมพลีท แบบนั้นคงไม่ดีมั้ง” ลัลทริมาหัวเราะเบาๆ ขอมโนเข้าข้างตัวเองสักหน่อยว่าเขาอยากให้เธอมีความสุขถึงเสนออะไรแบบนี้ออกมาได้ไหมนะ

    “อีกอย่างนายก็ไม่ใช่คนแบบนั้นเลยนะการิน”

    “คนแบบไหน?”

    “แบบพระเอกละครที่จะยอมเสียสละทั้งชีวิตตัวเองเพื่อให้คนอื่นสบายใจไง...ฉันรู้จักนายดี นายไม่ได้ชอบชีวิตธรรมดาแบบนี้หรอก งั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ต่อให้ฉันเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ที่นายว่าแต่ฉันโอเคนะ แบบทุกวันนี้ก็อยู่ได้”

    คิดแบบนั้นแน่นะ?”

    อ่าหะ”

    ทำไมเมียน่ารักขนาดนี้ ...รู้ใจจังเลย” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย น้ำเสียงเย็นชานั่นไม่ได้เข้ากับรูปประโยคเลยสักนิด แต่สำหรับเธอแล้วกลับเป็นดั่งสัญญาณไฟเขียว 

    มองผิดซะที่ไหน

    ชายหนุ่มผู้รักอิสระ ...ดูเหมือนเขาเองก็พร้อมกระโจนเข้ามาแล้วเหมือนกันนี่

    หญิงสาวอาจบูชาความรัก แต่คงไม่อาจภักดีให้กับคนแบบเขา จะให้วางทุกสิ่งอย่างลงในฝ่ามือประคองของผู้ชายที่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกมั่นคง...เธอไม่อาจทำได้

    การินจะรู้หรือยังนะว่าเธอจับอาการได้ว่าจิตใจเขาสั่นคลอนเมื่อถูกบอกรัก ดวงตาสีดำวูบไหวเหมือนคนหลงทาง ถ้อยคำแสนหวานจากเธออาจจะเป็นแสงจากปลายอุโมงค์ เขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แม้ว่าบางจังหวะจะแสบตาจนต้องถอยหลังกลับเข้าไปในโพรงมืดมิดก็ตาม

    ฉันแค่อยากอยู่กับนาย ไม่ได้อยากได้เศษกระดาษสักหน่อย” ลัลทริมาคลี่ยิ้มหวาน

    ไม่อยากให้เขาคิดว่าตัวเองเป็นต่ออยู่ฝ่ายเดียว ในสถานะที่เธอไม่มีทางหลีกหนีไปได้จึงจะขอทำอะไรสักอย่างให้สาสมกับที่ได้รับมา

    รู้ตัวดีว่าไม่ได้ฉลาดพอจะเล่นเกมนี้หรอก ยังคงเป็นแค่ผู้หญิงโง่ ๆ คนเดิม เพียงแต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ไม่โง่พอที่จะตายใจว่ามันจะไม่เจ็บและเธอจะรอดจากเกมหรืออะไรทำนองนั้น เป็นไปได้เหมือนกันว่าจะแพ้ภัยเกมตัวเอง ...เล่นกับไฟ ไฟเผาตาย

    แน่นอนว่ามันเจ็บ

    แต่ถ้าเขาเจ็บด้วย เธอยอม

     

    งั้นมาสนุกกับเกมของเธอบางดีกว่า

     

    เกมต้องห้าม

     

    ฉันรักนาย...นายก็รู้”

    ที่เริ่มด้วยสาสน์ล่อลวงจากปีศาจ

     



    ( ( S P E C I A L –  E N D ) )

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    humble_h :

    แนวคิดน้องในที่นี้ก็ประมาณว่า คุณได้ตัวได้ใจฉันไป แต่มันก็เหมือนว่ายังไม่ใช่จริง ๆ ตราบใดที่ไม่มีการผูกมัดที่ชัดเจน สุดท้ายแล้วน้องก็สามารถปลีกตัวออกมาเป็น nobody สำหรับอีกคนได้ทุกเมื่อ ถึงจะดูเหมือนให้ยอมกินฟรีๆก็ตาม ควรใช้โควท "การลงทุนคือความเสี่ยง" จริงๆสำหรับสงครามประสาทนี้

    ท้ายที่สุดแล้วเกมหวานอมขมกลืนก็ทำให้ลัลกลายเป็นมาโซ 200%

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×