ตอนที่ 91 : EP.30 Flashback
Upside Down
Welcome To The Upside Down
EP.30
Flashback 2012
"พิมพ์ไม่ต้องมาหาบ่อยๆ ก็ได้นะ บีเกรงใจไอ้แจ็คมัน พิมพ์มาทีไรมันต้องระเห็จตัวเองออกไปนอนที่อื่นตลอดเลย"
เสียงของชายหนุ่มเอ่ยขณะที่ยืนกอดอกมองแฟนสาวตัวเล็กกำลังแกะกับข้าวใส่ชามให้ ทุกครั้งพิมพ์ต้องมาพร้อมกับข้าวกับปลาไม่รู้กี่อย่าง ไหนจะเสื้อผ้าที่เขาไม่รู้ว่าเธอจะลำบากซื้อมาให้ทำไมมากมาย ล้วนแล้วแต่ไม่มีอะไรจำเป็นเลย
"ไม่เป็นไร ได้ซองช่วงตรุษจีนมาเยอะ ยังแกะใช้ไม่หมดเลย บีไปล้างมือสิ มากินข้าวกัน"
รอยยิ้มหวานๆ ของหญิงสาวทำเอาจอมพลใจอ่อน เขาได้แต่พยักหน้ารับรู้ความหวังดีของแฟนสาว แต่ลึกๆ กลับไม่สบายใจเลยที่พิมพ์จะเอาเงินของตัวเองมาใช้ช่ายให้เข้ามากมายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เขา...
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาเงินได้ทีละมากๆ และเพียงพอที่จะเอามาเลี้ยงแฟนที่แสนดีอย่างพิมพ์
ขณะที่จอมพลเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สายตาของพิมพ์ก็เหลือบเห็นเสื้อกั๊กสีส้มที่เธออยากจะปามันลงถังขยะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นของที่จอมพลดิ้นรนจ่ายค่าเสื้อวินไปแพงๆ เพื่อมีอาชีพที่จะหาเงินส่งตัวเองเรียน
หลายๆ คนมักคิดว่าเด็กที่เรียนโรงเรียนเอกชน มักจะมีพ่อแม่ร่ำรวยและใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ในกรณีของจอมพลมันแตกต่างไป เพราะเหตุที่จอมพลต้องมาเรียนหนังสือไกลบ้านจากพรานนก ต้องมาอยู่หอพักเล็กๆ ย่านเมืองเอกที่ราคาแพงจนต้องหารกับกวินคนละครึ่ง ก็เพราะ "ความฝัน" ที่จอมพลอยากทำ
และมหาวิทยาลัยเอกชนย่านรังสิตแห่งนี้เป็นที่เดียวที่ไม่จำเป็นต้องมีเกรดเฉลี่ยดีเลิศ แต่มีความสามารถทางดนตรีอย่างจอมพลจะสามารถเรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนได้ แถมรุ่นพี่ที่สนิทก็แนะนำว่าที่นี่ยืดหยุ่นเวลาเรียนได้ในช่วงเวลาที่จอมพลต้องวิ่งไปที่ "ต้นสังกัด" ที่มีหลายสิ่งที่ยังต้องเรียนอีกมากก่อนที่จะได้ทำตามฝัน พร้อมๆ กับต้องทำงานเป็นนักดนตรีกลางคืนตั้งแต่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ แต่ใช้เส้นสายของพี่ชาย สลับกับการขับวินมอเตอร์ไซค์ในตอนกลางวัน
ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันของทั้งคู่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอและทำให้พิมพ์ต้องเป็นฝ่ายนั่งรถมาหาคนรักทุกวันเพื่อหิ้วกับข้าว และเสื้อผ้าของจอมพลเอากลับไปซักให้เพราะแฟนหนุ่มไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลย เธอต้องเทียวไปเทียวมาราวกับเป็นหน้าที่หนึ่งของเธอไปแล้วแต่สิ่งนั้นกลับกลายเป็นความสุขทุกครั้งที่ได้เห้นรอยยิ้มของคนรัก
พอทานอาหารกลางวันด้วยกันเสร็จ จอมพลก็ต้องรีบออกไปวิ่งรถให้ได้เที่ยวมากที่สุดก่อนที่จะมีเรียนตอนบ่ายสามโมง พิมพ์รับหน้าที่เก็บล้างจานชามด้วยตัวเอง เหมือนที่เคยเป็นก่อนที่เจ้าของห้องอีกคนจะโผล่เข้ามา
"อ้าว ไอ้บีอะ?" เสียงของกวินเอ่ยทักเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งรีดผ้าอยู่หน้าโทรทัศน์เพียงลำพัง
"ไปวิ่งรถแล้วอะ แจ็คเรียนเสร็จละอ๋อ?" น้ำเสียงแง้วๆ ของพิมพ์ที่กวินคิดว่ามันเหมือนลูกแมวกำลังงอแงถามพลางหันไปปิดเตารีด
"อืม ไปส่งแจนแล้วก็กลับมานี่แหละ พิมพ์กินข้าวยัง?"
"อื้มเรียบร้อยละ มีช็อคโกแล็ตในตู้เย็นนะ น้าพิมพ์ไปเที่ยวเมืองนอกมาเลยเอามาฝากเยอะเลย แบ่งกันกินละกันเนาะ"
"ขอบใจนะ เออ เดี๋ยวแจ็คจะแวะกลับไปที่บ้านไปเอางานที่ทำค้างไว้มาทำต่อ พิมพ์จะติดรถกลับไหม?"
"ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวพิมพ์จะไปดูห้องแถวนี้อะ คือ...แจ็คจำที่พิมพ์บอกได้มะ ที่พิมพ์ว่าจะย้ายออกมา..."
กวินเหลือบมองหญิงสาวที่ยิ้มเจื่อนๆ เขารู้ว่าเธอไม่เคยฟังคำเตือนของเขาเลย แม้แต่เรื่องการออกมาอยู่กับแฟนที่เธออ้างกับที่บ้านว่ามีโปรเจคต้องทำกับเพื่อนจนต้องออกมาหาหอพักอยู่ แต่ความจริงมันไม่ใกล้เคียงเลย
"พิมพ์จะเอาเงินที่ไหนมาเช่าห้องอะ แถวนี้มันแพงมากนะ" กวินถามก่อนจะเดินไปหยิบช็อคโกแลตกล่องใหญ่ที่เห้นแล้วอดน้ำลายสอไม่ได้จนต้องคว้ามาใส่ปากก่อนจะปิดตู้เย็นกลับเข้าไป
"มีอยู่แหละ แต่ก็ลังเลตรงที่ไม่รู้ว่าบีจะดุไหม ถ้าเกิด..."
"ถ้าพิมพ์จ่ายเองทั้งหมด ไอ้บีมันต้องโกรธอยู่แล้ว พิมพ์ก็รู้นิสัยมัน ขนาดมันมาเรียนหนังสือมันยังไม่เคยขอเงินที่บ้านเลย นอกจากเงินค่าเทอม เทอมแรกที่แม่มันเปียแชร์มาจ่ายให้ นอกนั้นมันก็หาเองหมด แล้วเรื่องอะไรมันต้องมาให้พิมพ์จ่ายอะ"
น้ำเสียงของกวินที่เอ่ยตอนนี้ เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ามันไม่ต่างจากการตำหนิ เพราะลึกๆ แล้วชายหนุ่มไม่ต้องการให้น้องรหัสต้องมาลำบากเพียงเพราะอยากอยู่กับแฟน เขารู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่พิมพ์พยายามจะสร้างกำแพงกีดกันเขาออกไปจากชีวิตของคนทั้งคู่ราวกับส่วนเกิน
"ก็...พิมพ์รักบี ก็ไม่อยากให้บีลำบาก ก็รู้ว่าถ้าให้เงินบีไปเลยบีก็ไม่รับอยู่ดี ก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นของกินดีๆ ที่อยู่ดีๆ ไม่ใช่ที่นี่ไม่ดี แต่ใครๆ ก็อยากอยู่กับแฟนนี่นา แจ็คไม่อยากไปอยู่กับพี่แจนรึไง? ถ้าบีย้ายออก แจ็คก็พาพี่แจนมาอยู่ด้วยได้ มันไม่ดียังไงอะ?"
มันไม่ดียังไงน่ะเหรอ?....
มันไม่ดีเพราะเขาไม่อยากห่างคนที่พูดอยู่นั่นแหละ
ถ้าย้ายไปแล้วเขาจะได้เจอพิมพ์ยังไง? ต่อให้เป็นน้องรหัส แต่อยู่ในมหาลัยเขาจะทำตัวสนิทสนมกับพิมพ์มากเกินไปก็ไม่ได้ ก็มีแต่ที่นี่ ที่เขาสามารถนั่งพูดคุยกับพิมพ์ได้ มีพื้นที่ๆ เขาจะสามารถมองสบตาเธอโดยไม่ต้องกลัวว่าแฟนสาวจะรู้สึกไม่ดี ไม่ต้องกลายเป็นขี้ปากคนในมหาลัยเพียงเพราะเขาสนิทสนมกับน้องรหัสมากเกินไป
........................
"อ้าวแจ็คกลับมาแล้วเหรอ? กินอะไรมารึยัง?"
เสียงของพี่สะใภ้ เอ่ยก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวขณะที่กวินถอดรองเท้าและก้าวเข้ามาในบ้านหลังเดิมของเขาที่ตอนนี้เป็นเรือนหอของพี่ชาย เพราะหลังจากพ่อแม่เสียทุกอย่างก็ถูกยกให้กวีดูแลเพราะอายุมากกว่าเขาหลายปี
พี่สะใภ้ร่างเล็กของกวินชื่อฝนทิพย์ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพิมพ์น้องรหัสของเขา เป็นพรหมลิขิตอีกเรื่องที่กวินเจ็บปวดเมื่อเห็นพิมพ์ในงานแต่งของพี่ชายเมื่อสามเดือนก่อน เขาอยากจะบ้าตายให้ได้เมื่อรู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะได้ใกล้คนที่ชอบด้วยความเป็นญาติ ด้วยความเป็นพี่รหัส แต่สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นแค่ความฝันเพราะความอ่อนไหวหลังจากที่ยลรดาเข้ามาหาเขา
เธอเข้ามาในวันที่เขากำลังเฮิร์ทสุดชีวิต เมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทกับน้องรหัสตกลงคบกัน ยลรดาในตอนนั้นเป็นเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวที่สนิทกับเขา และกลายเป็นแฟนสาวของเขาหลังจากที่เขาตัดสินใจจะเลือก "คนที่รักเรา แทนที่ คนที่เรารัก" และแน่นอน...มันไม่ได้ทำให้มีความสุขขึ้นเลยสักนิดเดียว
"เรียบร้อยแล้วครับ.." กวินตอบก่อนจะมองพี่สะใภ้แสนดีที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดใส่แก้วน้ำและกล่องขนมที่หน้าตาคุ้นๆ
"กวีเขาได้ช็อคโกแล็ตมาอร่อยมากเลย พี่เลยแบ่งไว้ให้แจ็คกับแบมด้วย แต่ยัยแบมยังไม่กลับบ้านเลยเนี่ย"
คำพูดของพี่สะใภ้ ไม่ได้เข้าหูกวินเลยแม้แต่น้อย มีเพียงช็อคโกแลตที่อยู่ตรงหน้าที่ดึงความสนใจไป กวินมองก่อนจะหยิบมาใส่ปาก รสสัมผัสเหมือนที่พิมพ์เอามาฝากไม่มีผิด น่าแปลก...ที่ในวันเดียวกันเขากลับได้กินช็อคโกแลตยี่ห้อเดียวกัน ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ผลิตในประเทศนี้
"ช็อคโกแล็ตจากไหนเหรอครับ?"
"ฮ่องกงจ๊ะ อร่อยไหม? เดี๋ยวถ้าแจ็คชอบพี่จะฝากเพื่อนที่เป็นแอร์ซื้อให้นะ"
กวินได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ ความสงสัยค่อยๆ จางหายไป พร้อมกับคำพูดที่ฝนทิพย์เอ่ย เพราะบางทีเขาอาจจะคิดมากไปเอง ใครๆ ก็ซื้อช็อคโกแลตนี้ได้ น้าของพิมพ์ก็คงจะไปเที่ยวฮ่องกงเหมือนกันของฝากจากต่างประเทศมันก็คงมีไม่กี่อย่างหรอกมั้ง ...
..................
(แกก็แค่นั่งวินเข้ามา รอรถสองแถวทำไมอะ?)
"ข้าว มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลยนะที่แกลืมกระเป๋าสตางค์"
เสียงเล็กๆ กระซิบกรอกใส่โทรศัพท์ขณะที่ป้องปากและเหลือบมองคนที่เดินสวนไปสวนมาในสถานที่แปลกตาที่เขาเพิ่งมาเหยียบเป็นครั้งแรกในชีวิต เพียงเพราะเพื่อนสาวที่ดันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในลิ้นชักโต๊ะที่โดดเรียนคาบบ่ายมาหา "กิ๊ก" ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนที่ต้องนั่งรถเข้าไปตั้งสิบนาที ไม่นับที่เสียเวลารอรถสองแถวอีกตั้งสิบห้านาทีรอคนเต็ม
(แกรอรถนานก็กลับบ้านช้านะ)
เสียงของข้าวเอ่ยเตือนสติเด็กดีที่ไม่เคยกลับบ้านช้า ไม่ใช่เพราะพ่อแม่ที่ห่วง แต่ "แฟนหนุ่ม" นี่แหละที่น่ากลัวกว่า
จินตภัทรถอนใจก่อนจะข้ามไปหาวินมอเตอร์ไซต์ที่จอดรอเป็นแถว ร่างบางอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนสะอาดสะอ้านและถูกระเบียบหัวจรดเท้า ทั้งที่เลิกเรียนแล้ว สองมือกำสายเป้นักเรียนแน่นก่อนจะรีๆรอๆ จนวินที่ถึงคิวตวาดใส่จนตกใจ
"เอ้า น้อง! จะไปปะเนี่ย รอให้พี่อัญเชิญเหรอ?"
"คือ เอ่อ ไป ไป หอพักหน้ามหาลัย"
"หอไหนอะ? ในเมืองเอกมีกี่ร้อยหอ หรือจะไปหอแต๋วแตก?"
คำพูดคำจาที่ "ตั้งใจ" หยอกลูกค้าตัวเล็กที่ดูลักษณะภายนอกก็ดูออกว่าเอวบางร่างน้อยแถมแต่งตัวสะอาดขนาดนี้ ไม่บ้ารักสะอาดก็ต้องไม่ใช่ "ผู้ชายแท้" แน่นอน
"ไอ้บี มารับแทนกูดิ๊ น้องเขากลัวกูจนฉี่จะแตกละ" เสียงหยาบคายตะโกนเรียกมอเตอร์ไซค์ที่เพิ่งขับเข้ามาจอด ก่อนที่คนขับคันนั้นที่ยังสวมหมวกกันน็อคอยู่กวักมือเรียกให้จินตภัทรเข้าไปหา
"ไปไหนครับ?" เสียงที่ลอดมาจากหมวกกันน็อคถาม
"หอพัก เอ่อ หน้ามอ เพื่อนผมบอกว่าสีเขียวๆ ...ผมจำชื่อไม่ดะ..."
"อ๋อ รู้ละ"
คนขับพยักหน้าก่อนที่จินตภัทรจะค่อยๆพาตัวเองคร่อมซ้อนมอเตอร์ไซค์อย่างหวาดกลัว เพราะเป็นครั้งแรกที่นั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพราะปกติ ถ้าไม่ได้นั่งรถยนต์ของแม่ก็รถของแฟนหนุ่ม ขนาดไปเที่ยวสยามกับเพื่อนก็นั่งแต่แท็กซี่กับรถเมล์เท่านั้น เพราะแม่สั่งห้ามนั่งมอเตอร์ไซค์เด็ดขาดเพราะมันอันตราย
เฮือก!
พอรถออกตัวร่างบางก็เกือบหงายท้องลงไป จนคนขับต้องหันมามอง สายตาที่จ้องหน้าเขาลอดหมวกกันน็อคเต็มไปด้วยความแปลกใจ
"เอ้าไม่เคยนั่งแล้วทำไมไม่จับอะ?"
"ผมไม่รู้ว่าจะจับยังไง...."
"กอดเอวพี่ก็ได้"
"ห่ะ?"
สีหน้าเหวอๆ มองก่อนที่รถจะออกตัวช้าๆ อีกครั้ง มือเล็กๆ กำชายเสื้อของคนขับไว้ แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนขับตะโกนฝ่ายสายลมขณะที่รถวิ่งกลับมาอีก
"กอดเอวแน่นๆ เดี๋ยวตกลงไปรถบรรทุกเหยียบไม่รู้นะ"
เพียงแค่คำขู่จากคนขับ เด็กตัวเล็กก็หลับตาปี๋แล้วกอดเอวหนาไว้แน่น หัวใจสั่นรัวเมื่อความเร็วของยานพาหนะค่อยๆ แล่นไปอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที แต่จินตภัทรกลับรู้สึกเหมือนว่ามันช่างนานเหลือเกิน
นานจนเคลิบเคลิ้มไปกับแผ่นหลังกว้างที่ซบอยู่จนตอนนี้แยกไม่ออกแล้วว่าใจสั่นเพราะกลัวความเร็วของมอเตอร์ไซต์ หรือเพราะหลังอุ่นๆ ของคนขับกันแน่...
"สี่สิบ"
"ห่ะ? เอ่อ คะ ครับๆ"
เสียงระล่ำระลักของเด็กที่กอดเอวซบหลังเพลินจนไม่มองเลยว่ามอเตอร์ไซต์ขับมาจอดถึงที่หมายแล้ว ทำเอาคนขับแอบอมยิ้มใต้หมวกกันน็อคสีดำ
"ขอบคุณครับ"
มือเล็กๆ หยิบแบงค์สีเขียวออกมาสองใบยื่นให้คนขับก่อนจะยกมือไหว้อย่างลืมตัว คนขับผงะไปก่อนจะรับไหว้เช่นกัน
"เอ่อ...ไม่ต้องไหวก็ได้มั้ง?" เสียงคนขับแซว จนจินตภัทรได้แต่ก้มหน้าเขิน ก่อนจะหันหลังจ้ำอ้าวเข้าไปหน้าหอพักที่เพื่อนบอกไว้
มือหนาถอดหมวกกันน็อคออกมาก่อนจะสะบัดผมที่ชื้นเหงื่อและมองเด็กตัวเล็กที่ยืนรอให้เพื่อนมาเปิดประตูให้ ท่าทางของเด็กคนนั้นมันทำให้เขานึกถึง "คนในอดีต" ที่จอมพลไม่เคยลืม
"....ก็คงโตประมาณนี้ละมั้ง" เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองก่อนจะสวมหมวกกันน็อคแล้วสตาร์ทรถออกไป
ใบหน้าของเด็กตัวเล็กหันกลับไปมองแผ่นหลังของวินมอเตอร์ไซเบอร์ 22 ที่เคลื่อนตัวจากไป เพราะพี่วินที่ขับมาส่งดูช่างแตกต่างจากวินมอเตอร์ไซต์คนอื่นๆ ทั้งความสุภาพและรูปร่างที่สูงใหญ่ พานทำให้คิดถึงใครคนหนึ่ง ที่ไม่ได้เจอมาหลายปีแล้ว จินตภัทรไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนๆ นั้นกำลังทำอะไรอยู่ ไม่รู้เลยว่า..."พี่คนนั้น" ตอนนี้อยู่ที่ไหน
"แกๆ เด็กเสี่ยๆ"
เสียงกระซิบของข้าว เพื่อนสาวขี้เม้าที่สะกิดจินตภัทรขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งรอรถเมล์อยู่ฝั่งตรงข้ามเมืองเอก
สายตาของข้าวที่บุ้ยใบ้ให้เพื่อนตัวเล็กมองไป คือหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่กำลังจะเดินขึ้นรถเบนซ์คันหรู ผมยาวสลวยกับชุดนักศึกษาที่ไม่ได้ผิดระเบียบเลย แต่เพื่อนเขากลับตราหน้าเธอว่าเป็นเด็กเสี่ยซะอย่างงั้น
"แกบ้า เด็กเสี่ยอะไร อาจจะคนรู้จักไรงี้ป่าว"
"จีน! แกมันอ่อนต่อโลก อีกหน่อยเข้ามหาลัยแล้วหาเพื่อนแบบฉันไว้ด้วยนะยะ จะได้ช่วยดึงกันหน่อย แกดูไม่ออกแต่ฉันดูออก ตอนยัยเจ๊นั่นจะขึ้นรถนะ คนในรถนี่ยิ้มจนตาเป็นขีดเลย แถมตอนยัยนั่นจะขึ้นรถนะ นั่งมองซ้ายมองขวาเหมือนกลัวคนเห็น พุ่งตัวเข้ารถอย่างเร็วอะ"
เสียงของข้าวจริงจังมากราวกับมันเป็นเรื่องที่เจ้าตัวศึกษามา จินตภัทรได้แต่ส่ายหน้า ก่อนที่รถจะค่อยๆ เคลื่อนผ่านไป
วินาทีที่จินตภัทรมองผ่านกระจกรถ แขนของคนขับโอบศีรษะหญิงสาวที่ค่อยๆ เอนตัวไปซบและกอดคออีกฝ่ายเหมือนกำลังหอมแก้มคนขับอย่างเอาอกเอาใจ จินตภัทรรู้สึกสะอิดสะเอียนกับภาพที่เห็นเพียงเสี้ยววินาทีแต่กลับไม่กล้าพูดออกมา เพราะทั้งคู่อาจจะเป็นคนรักกันก็ได้ และเขาคิดว่าถ้าเพื่อนสาวของเขาเป็นฝ่ายเห็น ป่านนี้คงเม้าส์คนไม่รู้จักไปตลอดทางที่นั่งรถเมล์กลับบ้านด้วยกัน
....................
"อืม เงินที่พี่โอนให้ พอใช้ใช่ไหม?"
เสียงของคนอายุมากกว่าเอ่ยขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งมองไฟจราจรที่ไม่มีทีท่าว่าจะไฟเขียวง่ายๆ
"จริงๆ ตอนนี้พิมพ์อยากย้ายออกมาอยู่กับบี แต่ยังขาดค่ามัดจำห้องอีกหมื่นห้าค่ะ"
คำพูดที่เอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม คือสเน่ห์อย่างหนึ่งของ "น้องเมีย" ที่แม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของภรรยาเขา แต่กลับเป็นเด็กกล้าได้กล้าเสียที่กวีคาดไม่ถึงเลยว่านิสัยแบบนี้จะมีอยู่ในเด็กสาวหน้าตาสะสวยดูใสซื่ออย่าง "พิมพ์"
"ถ้าพี่บอกว่ารอบนี้พี่ไม่ให้ยืมฟรีๆ ล่ะ?"
คำถามที่ราวกับหยอกล้อ ไม่ได้ทำให้หญิงสาวหวาดหวั่นแม้แต่น้อย ใบหน้าสวยหันมามองคนขับก่อนจะอมยิ้ม และพยักหน้าอย่างเข้าใจเงื่อนไขของอีกฝ่าย มือเรียวคว้ากล่องขนมของฝากจากฮ่องกงที่อยู่เบาะหลังมาแกะก่อนที่จะเอาช็อตโกแลตขมใส่ปากเคี้ยวพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตากลมใสหม่นลงและคิดถึงแต่ภาพของคนที่รักมากที่สุดในชีวิต ในทุกขณะที่กำลัง "ทำผิด"
ไม่เป็นไรหรอก...
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เหมือนฝันร้าย
และเดี๋ยวก็ตื่นมาพบรอยยิ้มของคนที่รักอีกครั้ง
"พิมพ์รักบีมากนะ..."
...........TBC..........
คนที่เดินผ่านรอบกายเรา
อาจจะเป็นคนที่เคยเดินผ่านเข้ามา ซ้ำๆ
เพียงแต่เราไม่เคยหยุดที่จะมองหน้ากัน
เราจึงยังคงกลายเป็น "คนแปลกหน้า" ของกันและกัน
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบโมเม้นบีจีนนะ เค้าวนเวียนกันอยู่ไม่ไกลเลย
เพราะชีวิตจริงตอนซ้อนทีนี้แทบจะถอยออกห่างเพราะกลิ่นตัวพี่แกนี้อลังมากกกก
ชอบที่พิมพ์ยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่รักอ่ะ ถึงมันจะผิดมากก็ตาม
...รออ่านนะคะ ^^
ชอบพรหมลิขิตของบีจีนมากๆ คู่กันแล้วไม่แคล้วกันที่แท้จริง วนมาเจอกันเรื่อยๆ ต่างคนต่างอยู่ในความทรงจำของอีกฝ่าย แต่จำกันไม่ได้ หรือจริงๆแล้วยังไม่ถึงเวลาก็ไม่รู้
พิมพ์ก็กิ๊กอยู่กับกวี พิมพ์นี้คิดน้อยไปนะ ทำไมทำแบบนี้ แล้วคือผัวของพี่ตัวเองด้วย
ที่แรกก็สงสารพิมพ์นะ แต่มาเจอแบบนี้คือ คือพิมพ์ไม่ได้รักบีหรอก พิมพ์รักตัวเอง อยากอยู่กับบีแต่กลัวเหนื่อยกลัวลำบาก เลยหาวิธีลัดแบบนี้
ถ้ารักบีต้องคิดดิว่าการที่เราทำแบบนี้คนที่เรารักจะรู้สึกยังไงกับการกระทำนี้ ต่อให้บีไม่รู้ ตัวเองก็ต้องรู้สึกละอายใจ
ตัวเองซิ