ตอนที่ 75 : EP.14 เรา
Upside Down
Welcome To The Upside Down
EP.14
ให้จดจำเอาไว้พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
มันจะโหดร้ายสักเท่าไร ก็ช่างมัน
ที่สุดของชีวิต หากแม้ไม่เป็นอย่างฝัน
แต่ถึงยังไง สุดท้ายอะไร คงไม่สำคัญ
วันนี้มีเราเท่านั้น...พอ
"คุณเอิน วันนี้ป้าทำอกไก่ทอดกระเทียมของโปรดให้ด้วยนะคะ ลงมาทานมื้อเที่ยงเถอะ....ค่ะ"
เสียงของป้าแม่บ้านที่เรียกคุณหนูคนเล็กของบ้านค่อยๆ ลดละดับเสียงลงพร้อมอาการตกตะลึงเพราะภายในห้องไม่มีคุณหนูของเธออยู่เหมือนก่อนหน้านี้ มีเพียงระเบียงห้องฝั่งที่ติดถนนเปิดค้างเอาไว้ ผ้าม่านสีขาวปลิวไปตามสายลมด้านนอกที่พัดเข้ามาเข้ามาในทำให้ใจหาย ไม่มีคุณหนูของเธอในห้องและที่ระเบียงก็ไม่มีแม้แต่เงา...จนกระทั่งเธอเดินไปที่ระเบียงและชะโงกหน้าดู
"คุณเอิน!"
.......................
"กากา ตื่น...ม้า กากา เซาเซา"
เด็กหญิงตัวน้อยหันไปตัดพ้อว่าคุณอาเอาแต่นอนขี้เซากับผู้เป็นแม่ที่ได้แต่ส่งยิ้มให้และหันมามองคนที่เอาแต่นอนอยู่บนเตียงราวกับจำศีล คุณพยาบาลที่ดูแลบอกว่ากวินหลับไปได้ประมาณชั่วโมงแล้วแพทย์ประจำตัวก็เลยถือโอกาสให้พยาบาลเข้ามาฉีดยาเพิ่มเพื่อให้กวินนอนหลับให้นานกว่าเดิม ให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง เพราะไม่ได้กินอะไรนอกจากน้ำเกลือผสมกลูโคสที่ทางแพทย์เจ้าของไข้จัดให้ ร่างกายของชายหนุ่มก็อ่อนเพลียไปตามสารอาหารที่ได้รับไม่เพียงพอ
วันนี้ฝนทิพย์พาลูกสาววัยสองขวบครึ่งมาเยี่ยมหลังจากที่เธอเอาแต่อยู่บ้านหลังงานศพของลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งเสียไป แม้ว่าจะเป็นญาติห่างๆ แต่พิมพ์ก็เหมือนกับน้องสาวของเธอ การสูญเสียไม่มีใครอยากให้เกิด แต่หลังจากที่กวินถูกหามส่งโรงพยาบาลในวันเดียวกันเพราะช๊อคหมดสติไปใน น้ำหวานก็เอาแต่ร้องไห้โยเย ไม่ยอมกินข้าวจนต้องบังคับและทำโทษไม่ให้ดูการ์ตูน แต่ก็ยอมกินด้วยน้ำตามาตลอด พอไม่มีอากวินแล้ว เห็นได้ชัดว่าน้ำหวานไม่มีความสุขเลย จนกวีสามีของเธอต้องบอกให้เธอพาน้ำหวานมาหากวินบ้าง เพราะบางทีอาจจะเป็นผลดีกับตัวกวินเองด้วยหากได้เจอหลาน
"อาแจ็คเหนื่อยก็เลยหลับไป น้ำหวานนั่งรอแม่ตรงนี้เป็นเด็กดีนะลูก แม่ขอไปคุยกับพี่พยาบาลก่อน" ฝนทิพย์ย่อตัวลงบอกลูกสาวที่พยักหน้าหงึกหงักอยู่ที่โซฟาข้างเตียงคนป่วยที่มีกวินนอนหลับอยู่ ก่อนจะเดินไปคุยกับพยาบาลที่อยู่หน้าห้องและแง้มประตูเอาไว้เผื่อว่าน้ำหวานจะอยากเดินมาหา
ดวงตากลมโตที่เหมือนกับคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงจับจ้องเสี้ยวหน้าของคุณอาที่หลับอยู่พลางขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบเลยที่เรียกเท่าไหร่คุณอาก็ไม่ยอมตื่นมาเล่นด้วย ไม่ยอมเปิดโทรศัพท์ให้ดูเอลโม่ ทั้งห้องเงียบสนิทจนเธอรู้สึกเบื่อ สองขากระโดลงจากโซฟาจนจับกบ แต่เธอถูกสอนให้เข้มแข็ง ถ้าล้มก็ต้องลุกขึ้นเอง สองขาป้อมๆ พาตัวเองมายืนอยู่ใต้เตียงมากที่สุด เอื้อมมือจิ๋วขึ้นพยายามจะปีนขึ้นไปหาคุณอาของเธอ
"กากา นะหวันขึ้นมะด้าย กากา อุ้มมมม" เด็กหญิงเรียกขอความช่วยเหลือแต่คุณอาของเธอก็ยังหลับสนิท ราวกับกลั่นแกล้ง
"กากาวิน ฮึก นะหวันขึ้นมะด้าย" เสียงเล็กๆ แผ่วลงพร้อมกับเสียงสะอื้นเล็กน้อยที่คุณอาไม่สนใจเธอเลย
ขณะที่ริมฝีปากรูปกระจักเล็กๆ เริ่มเบะคว่ำ ดวงตากลมใสเหมือนลูกแก้วมีน้ำเอ่อคลอพร้อมที่จะปล่อยโฮออกมา จู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนจากด้านหลัง ค่อยๆ รวบตัวเด็กหญิงขึ้นและช่วยพาน้ำหวานขึ้นมานั่งตรงที่ว่างบนเตียงได้สำเร็จ และกอดเธอไว้หลวมๆเพื่อกันตก
น้ำหวานก้มดูนิ้วมือเรียวที่เล็บมือถลอกและมีเลือดเกรอะกรังจนน่ากลัว ก่อนจะเงยหน้ามองคนใจดีที่ช่วยอุ้มเธอขึ้นมา
ริมฝีปากที่เคยเบะคว่ำค่อยๆ คลี่ยิ้มจนเห็นฟันซี่เล็กๆ ให้กับคนที่เธอคุ้นเคย
"ลู่ก่ายยยย" เด็กหญิงยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลก่อนจะกอดอีกฝ่ายเอาไว้ สองมือที่ยังสั่นอยู่ลูบแผ่นหลังเด็กหญิงเบา ทั้งที่มันยังเจ็บอยู่จากการกระโดดลงมาจากระเบียงห้องและใช้มือยืนพื้นไว้จนมันถลอกปอกเปิกไปหมด
อนิลแอบเข้ามาเมื่อครู่หลังจากที่ฝนทิพย์เปิดประตูห้องไว้และเดินไปคุยกับพยาบาลร่างอวบที่บังเขาที่แอบเดินมาจากอีกทางจนมิด ทันทีที่เข้าห้องมาและเจอน้ำหวาน เขารู้สึกเศร้าจนอยากร้องไห้ แต่ทำได้เพียงกลั้นใจเดินเข้าไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นไปนั่งก่อนที่เธอจะเจ็บตัวจากการปีนป่าย
เขาไม่กล้าเจอฝนทิพย์ ไม่กล้าเดินเข้าไปบอกว่าเขาแอบมาหากวิน เขาไม่รู้ว่าพ่อชดเชยให้ครอบครัวของพิมพ์ไปมากแค่ไหน ฝั่งนั้นถึงไม่เคยมาวุ่นวายหรือเรียกร้องอะไรเลย แต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาเมื่อเช้าคนที่อนิลอยากเจอมากที่สุดก็คือกวิน
อนิลรู้ว่ากวินอยู่ที่นี่เพราะแอบได้ยินพ่อคุยกับทนายถึงเหตุการณ์ในวันนั้น กวินถือเป็นหนึ่งพยานในคดี แต่กลับไม่สามารถให้การอะไรได้เพราะตำรวจที่ดูแลคดีแจ้งมาว่าพยานมีหนังสือรับรองจากแพทย์ระบุว่ายังมีสภาพจิตใจที่ไม่พร้อมจะเป็นพยานให้ตอนนี้ และทนายก็บอกพ่อของเขาว่ากวินรักษาตัวอยู่ที่นี่ โรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเขา และสามารถจะโบกแท็กซี่มาได้หลังจากที่ปีนรั้วหลังบ้านออกมาได้สำเร็จ
เขาแค่อยากเห็น อยากรู้ว่าคนที่รักตอนนี้เป็นยังไง แม้จะรู้สึกเศร้าที่อีกฝ่ายต้องมีสภาพแบบนี้เพราะเขา ถึงจะไม่ได้คิดถึงเรื่องที่กวินเคยชอบพิมพ์ หรืออาจจะรักพิมพ์มากจนรับไม่ได้กับการสูญเสีย แต่เขายังจำภาพที่กวินยืนร้องไห้เหมือนคนสติแตกอยู่ข้างถนนได้ อีกฝ่ายคงเห็นเหตุการณ์ต่อหน้าต่อตา...เป็นใครลองเห็นภาพคนโดนรถชนและช่วยอะไรไม่ได้ จนอีกฝ่ายตายไปต่อหน้าต่อตา ก็คงมีสภาพไม่ต่างจากกวิน
"ลู่ก่าย กากามะตื่นอะ เซามากๆ"
"ครับ คุณอาของน้ำหวานขี้เซามาก"
"งื้อ นะหวันเหงา หยักเอากากาปายบ้านเรา"
ขณะที่อนิลได้แต่ยิ้มให้กับความไร้เดียงสาของเด็กหญิงที่ต้องการจะพาคุณอากลับบ้าน เพราะว่าเธอเหงา ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับเสียงของหญิงสาว
"น้ำหวานคุยกับใครลูก"
ทันทีที่อนิลหันกลับไป ฝนทิพย์ได้แต่ยืนนิ่งและมีสีหน้าตกใจ อนิลพาน้ำลงจากเตียงผู้ป่วย เด็กหญิงวิ่งไปหาแม่ของเธอพร้อมกับชวนคุยอย่างตื่นเต้น
"ลู่ก่ายมา ลู่ก่ายมา" มือเล็กๆ ดึงชายกระโปรงแม่แล้วยิ้มกว้าง เธอชอบการอยู่ท่ามกลางครอบครัวที่มีคนเยอะๆ
ฝนทิพย์ยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะเหลือบมองอนิลที่มีสภาพจำแทบไม่ได้ ซูบผอมและขอบตาคล้ำไปหมด ไม่สวยงามเหมือนก่อนหน้านี้ที่เคยเจอกัน..
"จ๊ะ อาเอินมาเยี่ยมอาแจ็คของเรา เดี๋ยวเราไปซื้อขนมกันดีกว่า น้ำหวานอยากกินเค้กไหมลูก?"
หญิงสาวบอกก่อนจะอุ้มน้ำหวานขึ้น เด็กหญิงยังคงเจื้อยแจ้วถึงเค้กที่เธออยากกิน ขณะที่ทั้งสองมองสบตากันอย่างมีความหมาย อนิลขอบตาร้อนผ่าวอยากจะเอ่ยปากขอโทษแต่กลับพูดไม่ออก ฝนทิพย์ยิ้มให้เล็กน้อยและส่ายหน้าเหมือนบอกว่าไม่เป็นไร ฝนทิพย์รู้มาตลอด ว่าน้องของสามีแอบคบใครอยู่ เพราะสายตาของกวินยามที่คุยถึงอนิลและต้นเหตุของสติ๊กเกอร์รูปไก่ที่คนทั้งบ้านต้องโหลดเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์และกดส่งหากันไปมาให้น้ำหวานดู ก็มาจากอนิลทั้งนั้น
"ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่กับแจ็คเขาสิ เขาคงคิดถึงเธอ.."
.................
".....ที่แอลเอ ด้านหลังของบ้านเอินมีสระว่ายน้ำที่ใหญ่มากๆ พี่สาวของเอินเพื่อนเยอะมาก ก็เลยชอบจัดพูลปาร์ตี้กันทุกสัปดาห์ แจ็คเคยไปไหม? พูลปาร์ตี้ที่ทุกคนจะใส่แต่ชุดว่ายน้ำ แต่เอินไม่อยากให้แจ็คไปหรอก กลัวว่าไปเจอสาวๆนุ่งน้อยห่มน้อยแล้วจะไม่สนใจกัน..."
น้ำเสียงที่แหบแห้งหยุดเรื่องราวของตัวเองเอาไว้ ขณะที่มองหน้าของอีกฝ่ายที่ยังนอนสนิทอยู่เพราะฤทธิ์ยาที่ทางพยาบาลฉีดให้หลับเพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ อนิลขอร้องพยาบาลที่เข้ามาดูอาการของกวินว่าเขาอยากอยู่กับกวินตามลำพังสักครึ่งชั่วโมง หลังจากที่ได้รับอนุญาต เขาก็ขึ้นมานอนกอดอีกฝ่ายและร้องไห้ออกมาแทบจะทันที เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขากอดกวินเอาไว้โดยที่อีกฝ่ายไม่กอดตอบกลับมา
หลังจากที่ร้องไห้ออกมาจนพอใจอนิลก็เล่าให้คนที่หลับอยู่ฟังว่าเขากำลังจะไปอยู่กับพี่สาว เขาเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้พ่อว่าเขาสัญญาว่าจะไปเจอที่สนามบิน ขอให้เขามีเวลาได้มาบอกลากวินก่อน เขาไม่อยากไปแบบนี้ ไม่อยากจากลาโดยที่ไม่ได้บอกคนรัก
ทุกเรื่องราวตั้งแต่ที่อยู่ของเขา บ้านที่เขาจะกลับไปมันเป็นแบบไหน เขาเรียหนังสืออยู่ที่นั่นตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ทุกๆเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้ฟังเพราะคิดเสมอว่ามีเวลามากมายที่จะคุยกัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างถูกเล่าออกมาเท่าที่เขาจะนึกได้ เพราะตอนนี้เขาไม่มีเวลาแบบนั้นอีกแล้ว...
"แจ็คอย่าลืมเอินนะ...อย่าลืมว่าเราเคยรักกัน ฮึก แจ็คห้าม ฮือออ ห้ามรักคนอื่น ฮึก จนลืมเอินไป.."
คำพูดที่เริ่มไม่เป็นคำเพราะเสียงสะอึกสะอื้นของเจ้าตัว ถูกทิ้งเอาไว้เพียงแค่นั้น ร่างผอมบางค่อยๆ ลุกขึ้น ถอดสร้อยข้อมือที่เขาชอบใส่และไม่เคยถอดมันเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะมันเป็นเครื่องประดับที่เขารักที่สุด สร้อยข้อมือสีเงินราคาแพงถูกสวมลงบนข้อมือของคนที่หลับสนิท มือเรียวสั่นเทาขณะที่พยายามกดล็อคเข้าไปในข้อมือของอีกฝ่าย นิ้วมือของคนที่ยังนอนหลับตาอยู่ขยับเล็กน้อย
อนิลใช้หลังมือเช็ดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะรีบลงจากเตียงแล้วถอยออกไปทั้งที่ยังสวมสร้อยข้อมือไม่เสร็จ เงาสะท้อนจากหน้าต่างมีภาพของเขาที่ไม่สวยงาม และดูอิดโรยมากจนอนิลต้องหันหนีเพราะทนดูสารรูปตัวเองไม่ได้
ตอนนี้เขาไม่ได้สวยงามเหมือนที่กวินเคยชอบอีกแล้ว...
และคงไม่กล้าพอที่จะอยู่รอจนกว่าอีกฝ่ายจะลืมตาขึ้นมาเจอ
อนิลหันหลังกลับและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว สวนทางกับฝนทิพย์ที่อุ้มลูกสาวกลับมาจากร้านเค้ก เสียงของน้ำหวานตะโกนเรียกออกมาที่หน้าประตู
"ลู่ก่ายยยยย ปายหนายอะ ลู่ก่ายยยย"
เสียงที่ปลุกคนที่นอนอยู่บนเตียงให้ลืมตาขึ้นมาอย่างมึนงง กวินลืมตาตื่นขึ้นมาและเมื่อยกมือขึ้นพบว่ามีสร้อยข้อมือสีเงินสวมเอาไว้หลวมๆ ไม่ได้ล็อคตรงข้อให้แน่น
ฝนทิพย์เดินเข้ามาพร้อมลูกสาวที่เริ่มโยเยและร้องไห้ เธอไม่พอใจที่พี่ลูกไก่ของเธอไม่ยอมแม้แต่จะบอกลา วิ่งหนีไปทั้งที่เธอพยายามเรียกอย่างสุดเสียง
"ทำไมเอินวิ่งออกไปอย่างงั้นล่ะ ยัยน้ำหวานเรียกก็ไม่ยอมหันกลับมา หื้ม? มีอะไรกันเหรอแจ็ค"
"กากา ลู่ก่ายมะเล่นแล้วอะ หนีปายอะวิ่งวิ่งทำมาย" ทันทีที่คุณแม่วางเด็กหญิงลงบนตักของคนที่ลุกขึ้นมา ขมวดคิ้วราวกับไม่เข้าใจ เด็กหญิงก็ฟ้องแล้วทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ
"เอิน?"
"ใช่ อ้าวเมื่อกี้ไม่ได้คุยกันเหรอจ๊ะ?"
ฝนทิพย์มองหน้าน้องชายของสามีอย่างสับสน เธอรู้สึกว่ากวินอาการดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ที่ไม่ยอมกินไม่ยอมนอนและเอาแต่ทำร้ายตัวเองขึ้นมาก ซึ่งคงดีขึ้นเพราะหลังจากหลับไปแพทย์เจ้าของไข้พยายามให้ยารักษาละให้กวินพักผ่อนให้มาก ร่างกายก็ค่อยๆ เข้าสู่ภาวะปกติ แม้จะมีท่าทีแปลกๆ ไปสักหน่อย
แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะแปลก...มากไปกว่านี้จนกระทั่งอีกฝ่ายถามกลับมา
"เอิน..เป็นใครเหรอครับ?"
..................
"ลักษณะนี้ เราเรียกว่ากลุ่มอาการ Psychogenic amnesia (กลุ่มอาการลืมชั่วคราวเหตุทางจิตเวช) ที่มักจะเกิดจากมีความเครียดอย่างรุนแรง แต่ในการตรวจคลื่นไฟฟ้า ในส่วนของสมองไม่พบความผิดปกตินะครับ แต่อาจจะมีความทรงจำที่หายไปแค่ชั่วขณะ คนไข้จะลืมเฉพาะความทรงจำที่เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ ไม่กี่วัน หรือไม่กี่เดือนเท่านั้นครับ นั่นคือสาเหตุว่าเขายังจำคนในครอบครัวเพื่อนฝูงได้หมด แต่ลืมบางคนไปหรือบางเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานไป"
มือหนาที่ประสานกันไว้ที่ตักชื้นเหงื่อไปหมดเมื่อได้ยินสิ่งที่แพทย์ที่ดูแลอาการของกวินบอกหลังจากที่ฝนทิพย์โทรมาบอกเขาว่าอนิลมาหา แต่เหมือนกวินจะจำอีกฝ่ายไม่ได้ ทันทีที่รู้เรื่องเขาก็โทรไปหาจินตภัทรเพราะรายนั้นกำลังหาทางไปเจอเพื่อนให้ได้ เพื่อไปดักรอเจอให้ทันก่อนที่อนิลจะถึงบ้าน ส่วนเขาก็มาดูเพื่อนที่เจอหน้ากันก็ทักทายตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็มีเรื่องของ พิมพ์ กับ เอิน
"พิมพ์ล่ะ? ทำไมไม่มาด้วยกัน? ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอพวกมึงอะ เออ พี่ฝนถามกูเรื่องคนชื่อเอิน ใครวะ? กูงงๆ เลยบอกไม่รู้จัก มึงรู้จักปะ?"
เขาไม่รู้จะตอบยังไง ได้แต่เงียบและชวนคุยเรื่องอื่น ตอนนี้กวินกลับมากินข้าวได้ปกติ และตื่นมาพร้อมกับสมองที่ลบเรื่องราวก่อนหน้านี้ไปเกือบหมด ยกเว้นสิ่งที่มันเคยเกิดขึ้นก่อนที่จะได้รู้จักอนิล แน่นอนว่าเรื่องของิจนตภัทรก็ถูกลืมไปเช่นกัน แต่แพทย์ที่ดูแลก็บอกแล้วว่า อีกไม่นานถ้าเราค่อยๆ ฟื้นฟูความทรงจำ ค่อยๆ พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในขณะที่คนไข้อยู่ในสภาวะอารมณ์ที่พร้อมจะรับฟังได้ ไม่น่าจะเกินวันหรือสองวันก็น่าจะฟื้นความทรงจำขึ้นมาได้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการดูแลด้วย
จอมพลไม่รู้ว่าเรื่องไหนที่มันหนักหนากว่ากัน ระหว่างเรื่องพิมพ์ที่เสียไปแล้วกับเรื่องอนิลที่เป็นคนขับรถชนพิมพ์ แต่ที่แน่ๆ เขาไม่อยากพูดเรื่องที่กวินเป็นต้นเหตุ เพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะเกิดอาการเหมือนก่อนหน้านี้ มันไม่คุ้มแน่ๆ ถ้าเกิดกวินรับรู้ทุกอย่างและกลับมาทุกข์ทรมานกับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจก่อ
"หมอครับ เป็นไปได้ไหมว่าถ้าเราไม่พูดเรื่องที่มันกระทบกระเทือนจิตใจเขา ความทรงจำตรงนั้นก็อาจจะหายไปเลย ความจริงมีบางเรื่องที่เพื่อนผมรู้สึกผิด ผมไม่อยากให้มันกลับไปจำเหตุการณ์ได้อีก.."
สีหน้าของแพทย์เจ้าของไข้มองหน้าเขาอย่างเข้าอกเข้าใจ เพราะกวินเป็นคนไข้ที่เกือบจะถูกส่งไปอยู่ในความดูแลของแผนกจิตเวชอย่างเต็มตัวแล้วถ้าไม่ใช่ว่าวันนี้ตื่นขึ้นมาแล้วอาการดีขึ้นมากราวกับปาฏิหารย์
"หมอเข้าใจนะครับคุณบี ว่าคนเรามันก็มีเรื่องที่อยากจะลืม หรือต้องการลืม สภาวะที่เราเห็นตอนนี้ก็มาจากจิตใต้สำนึกของคุณกวินเหมือนกัน เขาเองค่อนข้างกระทบกระเทือนทางจิตใจรุนแรงถึงส่งผลให้หลงลืมชั่วขณะแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วสมองก็จะค่อยๆ ฟื้นตัวและความทรงจำเขาก็จำกลับมาในรูปแบบของความฝัน ซึ่งเราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจเขา"
พอได้ฟังแล้วจอมพลก็รู้สึกหนักใจ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เพื่อนของเขาจะความจำเสื่อมไปตลอด แต่เขาไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง หากกวินตื่นขึ้นมาเจอเรื่องราวที่เลวร้ายอีกครั้ง....
.................
"คุณจีน?"
เสียงของหญิงชราที่ทักขึ้นจากด้านหลัง เรียกให้คนที่ยืนหน้าเครียดอยู่หน้าบ้านรู้สึกใจชื้นขึ้นมา หลังจากที่กดออดเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครเปิดประตูให้เลย ดูเหมือนทุกคนในบ้านหายไปกันหมด
"ป้าครับ เอินเป็นยังไงบ้าง?"
พอถามตรงประเด็นในทันที หญิงชราก็ได้แต่ก้มหน้าและคิดหาคำพูดที่ถนอมน้ำใจอีกฝ่าย เธอรู้ดีว่าคุณท่านคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าคุณหนูไปไหน แต่ยังไงร่างเล็กที่ยืนตรงหน้าก็เป็นเพื่อนสนิทของคุณหนูของเธอ
"ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้วค่ะ คุณอรัญไปส่งคุณหนูที่สนามบินแล้วก็คงจะบินไปทำงานต่อ เพราะตอนนี้ที่บ้านเหลือป้ากับคนสวนเท่านั้น พวกคนขับรถก็ได้วันลาหยุดกันหมด"
"เอินไปไหนเหรอครับ?"
เสียงของจินตภัทรสั่นเครือและมีน้ำตาคลอหน่วยที่หัวตา ทั้งที่จอมพลโทรมาบอกว่าอนิลเพิ่งมาเยี่ยมกวิน แต่ทำไมเขาถึงมาไม่ทัน...
"คุณเอินกลับไปแอลเอค่ะ ไปอยู่กับคุณแทม เมื่อตอนบ่ายแกปีนหนีออกมาจากบ้านไปหาเพื่อน ป้าก็คิดว่าไปหาคุณจีน...แต่เห็นคนรถบอกว่าคุณเอินนัดเจอคุณพ่อที่สนามบิน ก็คงไปกันแล้วละค่ะเพราะเห็นคนรถว่าเครื่องออกตอนสามทุ่ม"
มันเป็นความรู้สึกที่เกินจะบรรยาย เพราะเป็นคนที่เจอกันทุกวัน คุยกันทุกวันและรักกันราวกับพี่น้อง ทุกครั้งที่เขาอ่อนแอ อนิลจะคอยอยู่ข้างๆ จับมือเขาและปลอบโยนอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เมื่ออนิลมีทุกข์เขากลับเป็นเพื่อนที่ไม่สามารถเข้าไปกอดปลอบหรือให้กำลังใจอะไรอนิลได้...จนตอนนี้ที่เขา ไม่รู้ว่าจะไปตามหาเพื่อนได้ที่ไหนอีก
"คุณจีน ไม่เอาไม่ร้องค่ะ โถ มานี่ค่ะ" หญิงชราตกใจกับเสียงร้องไห้โฮของจินตภัทรจนเธอต้องยอมจูงมืออีกฝ่ายเข้าบ้านไม่อยากปล่อยให้ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านแบบนี้ เสียงโทรศัพท์ในมือของจินตภัทรดังขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาในตัวบ้าน เมื่อรับสายเสียงร้องไห้ของจินตภัทรก็เปลี่ยนเป็นคำพูดที่แสนเศร้าปนสะอึกสะอื้น
"เอินไปแล้วอะบี ฮืออออ เอินมันไปแล้วอะ"
...................
"ขอโทษที่รบกวนนะครับ ยังไงถ้าได้ข่าวเอินหรือรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนป้าช่วยโทรบอกผมด้วยนะครับ ถือว่าขอร้อง"
หญิงชรายืนพยักหน้าอย่างตกตะลึงเพราะคนที่ขับรถมารับจินตภัทรคือคนดังที่เธอเห็นในทีวีบ่อยๆ ตอนนี้เธอได้เบอร์โทรของนักร้องดังเอาไว้ในมือ มีหรือจะกล้าปฏิเสธ แม้จะแก่ปูนนี้แล้วแต่พอเห็นหน้าตาหล่อเหลาของจอมพล มันก็ต้องมีลืมตัวไปบ้าง...
"เอ่อ จ๊ะๆ กลับดีๆ นะจ๊ะ"
หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของจินตภัทร เขาแทบจะพุ่งตัวออกจากโรงพยาบาลในทันที พยายามตั้งสติและขับรถมาถึงจุดหมายอย่างระมัดระวัง ทั้งที่ใจมันเสียไปหมดตอนที่รู้ว่าอนิลไปต่างประเทศแล้ว เพราะอนิลเป็นคนสำคัญของเพื่อนเขา และเป็นเพื่อนสนิทของจินตภัทร ทั้งที่เขาพยายามอธิบายบอกกับกวินว่าอนิลคือแฟนที่เจ้าตัวคบอยู่ แม้จะงงๆ อยู่บ้างแต่กวินก็รับรู้และยังบอกเขาว่าสร้อยข้อมือที่สวมอยู่ไม่ใช่สไตล์ของตัวเองเลย...น่าจะเป็นของอนิล จากคำบอกเล่าของฝนทิพย์ที่บอกว่าอนิลมาเยี่ยมและก่อนหน้านี้สร้อยข้อมือเส้นนี้กวินไม่เคยใส่
อนิลคงตั้งใจให้มันไว้เป็นที่ระลึก...แทนคำร่ำลา
มือของจอมพลกุมมือคนรักที่เอาแต่ร้องไห้เสียอกเสียใจเรื่องเพื่อนด้วยความรู้สึกที่หม่นหมองไม่ต่างกัน เขาไม่รู้จะปลอบจินตภัทรยังไง เพราะรู้ดีว่าอนิลเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่คนรักของเขามี
"เช็ดน้ำตานะครับคนเก่ง หิวข้าวไหม เดี๋ยวเราไปหาของกินอร่อยๆ แถวเยาวราชดีกว่า"
มือหนาเอื้อมมาเช็ดน้ำตาและหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำมูกให้คนรักที่ร้องไห้ไม่ต่างจากเด็กเล็กๆ หลังจากที่จอดรถติดสัญญาณไฟแดงอยู่เกือบสองร้อยวินาที จินตภัทรเอาแต่ส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าแฟนหนุ่มเสียงานเสียการมาหลายวันแล้ว เกิดไปโผล่ที่เยาวราชนั่งกินข้าวข้างทางก็คงไม่วายเป็นข่าวอีกแน่
"นี่ไง บีมีแว่นเหมือนจีนเลย ใส่แว่นแล้วไม่มีใครจำได้หรอก"
"ฮึก ฮือออ โง่ปะ แค่ใส่แว่นทำไมคนจะจำไม่ได้ ฮึก ไม่เอาไม่ไป ไม่หิว ฮือออออ"
จินตภัทรดูน่าเอ็นดูมากปากก็ด่าเขาสลับกับร้องไห้จนขี้มูกย้อย ทั้งที่มันหดหู่แต่ก็อดขำไม่ได้ มือหนาขยี้ๆ หัวตัวเองแรงๆ จนไม่เป็นทรงก่อนจะหยิบแว่นกรอบดำมาใส่แล้วหันมาหาคนรักที่นั่งมองพลางสะอื้นงื้ดๆ
"นี่หงะ จำไม่ได้แล้ว" จอมพลแกล้งทำหน้าเก๊กหล่อแบบตลกๆ จนจินตภัทรเอื้อมมือมาตี
"ทุเรศอะ ฮึก ฮืออออ เหมือนคนโง่เลย ฮืออออ"
เสียงของจินตภัทรพูดว่าคนรักไปตลอดทางและลืมเรื่องที่เสียใจไปชั่วขณะ จอมพลเองก็พยายามทำตัวบ้าๆบอๆ จนคนรักหัวเราะออกมาในที่สุด
เรื่องของพิมพ์สอนให้จอมพลอยู่กับปัจจุบัน เขาเสียใจและสงสารคนรักเก่าอยู่เต็มหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถเสียใจได้นานเพราะคนรักที่อยู่ในปัจจุบันที่ต้องการความเอาใจใส่จากเขา การสูญเสียพิมพ์ไปมันทำให้เขาสำนึกถึงการเป็นคนรักที่ดี เขาไม่มีโอกาสที่จะได้ดูแลพิมพ์ หรือแม้แต่เข้าใจในสิ่งที่เธอเป็น ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปเพื่อแก้ไขสิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้วได้อีก ทั้งคำขอโทษและขอบคุณไม่มีประโยชน์อีกแล้วเมื่อทุกอย่างมันเป็นอดีต มันไม่มีประโยชน์หากจะมานั่งเสียใจ บอกขอโทษและกอดกันในวันที่ตายจาก.. เหมือนกับที่เขาเคยกอดพิมพ์ในวันนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาควรจะกอดเธอและให้กำลังใจเธอในวันที่เธอต้องการ...
แต่ตอนนี้จินตภัทรคือปัจจุบันที่เขาจะได้แก้ตัวอีกครั้ง
และเป็นคนที่เขาอยากอยู่ด้วยและดูแลไปอีกนานๆ
เป็นคนที่ทำให้เขาเห็นคุณค่าในทุกๆ วินาทีที่ได้อยู่ข้างกัน
ทำให้คิดว่าแม้ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหนเขาก็ต้องอดทนและผ่านมันไปให้ได้
เพราะมีจินตภัทรที่เขาจะต้องดูแลและกอดเอาไว้ในขณะที่ยังมีลมหายใจ
............50%...........
สองวันต่อมา...
"...มันก็พิสูจน์แล้วว่าสุดท้ายคุณก็เหลือแค่แจน คนที่คุณเลือกไปไหนซะละคะ?"
มือที่กำลังตักอาหารใส่ปากค่อยๆ วางช้อนลงก่อนจะเลื่อนถาดอาหารที่อยู่ตรงหน้าออกช้าๆ มือเรียวของหญิงสาวเอื้อมมาดึงถาดอาหารออกแล้วเดินเอาไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะยื่นแก้วน้ำให้อีกฝ่ายที่รับไปโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า
ตั้งแต่หญิงสาวมาเยี่ยมพร้อมกับสีหน้าท่าทางราวกับสะใจที่ตอนนี้เขาไม่มีอนิลอยู่ข้างๆ คำพูดที่ตอกย้ำซ้ำไปซ้ำมาเหมือนกับเขาถูกทิ้ง ทั้งที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เคยมาเยี่ยมเขาเลย แถมจอมพลยังไม่พูดถึงอนิลราวกับชื่อนี้หายไปจากโลกของทุกคน ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขารู้เพียงแค่พิมพ์ประสบอุบัติเหตุเสียไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ฝนทิพย์บอกแค่ว่าช่วงนั้นเขาประสบอุบัติเหตุเช่นกันทำให้ไม่รู้เรื่องของพิมพ์ ตอนที่รู้ว่าพิมพ์เสียแล้วเขาก็อึ้งและรู้สึกเสียใจอยู่พักใหญ่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว จอมพลเองก็บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ครอบครัวของพิมพ์เองก็ได้เงินชดเชยมากพอสมควรและตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดหลังจากที่จบเรื่องงานศพ ทำให้กวินไม่สามารถที่จะสอบถามใครได้อีก เพราะตอนนี้คนที่รู้เรื่องอย่างฝนทพย์และจอมพลก็พูดเหมือนกันหมด ว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุ
แต่เขาแค่ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนรักของเขา มันเกี่ยวข้องกับที่พิมพ์เสียรึเปล่า ทำไมอนิลถึงหายไปจากชีวิตเขา หรือมันเป็นความผิดของเขา แล้วเขากับอนิลเลิกกันเพราะเรื่องอะไร...
ทุกอย่างกลายเป็นคำถามที่เขาหาคำตอบไม่ได้เพราะความจำในส่วนนี้ที่กระทบกระเทือนจนมันไม่หลงเหลืออยู่เลย ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ เขาก็นึกไม่ออก คุณหมอที่รับผิดชอบเคสของเขาก็บอกเพียงแค่ว่าทุกอย่างจะค่อยๆ กลับมาปกติดี เขาต้องใจเย็นๆ และค่อยๆ คิด ถ้าหายเครียดเกินไปก็อาจจะฟื้นฟูร่างกายได้ช้า จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องมานั่งฟังแฟนเก่าที่อยู่ๆ ก็โผล่มาดูแลเขา
"จะไปไหนก็เรื่องของเขาสิคุณกลับไปได้แล้ว"
ยลรดามองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนัก รู้สึกว่าหลังจากที่คบอนิลกวินพูดจาโผงผางและไม่มีความสุภาพบุรุษเหมือนเมื่อก่อน หรือจริงๆ อาจจะไม่ใช่ต้นเหตุที่อนิล อาจจะเพราะเลิกกันแล้ว กวินก็ไม่จำเป็นต้องรักษาน้ำใจเธอ
แต่ทุกสิ่งที่เธอทำ การบากหน้ามาเยี่ยม พยายามพูดคุยด้วย ทำใจให้อยู่ในกรอบของความเป็นเพื่อนที่อีกฝ่ายลั่นว่าจาทันทีที่เจอหน้าว่าถ้าอยากคุยกันต่อไป เธอจะมีสถานะแค่เพื่อนเท่านั้น เหมือนที่เธอเป็นเพื่อนกับจอมพล หญิงสาวจำใจตองยอมรับข้อเสนอ แค่เพียงเหตุผลเดียวที่บอกใครไม่ได้...ว่าเธอยังรักกวินอยู่ และไม่สามารถตัดใจได้ง่ายๆ ถึงจะต้องเสียหน้าและเสียใจที่เที่ยวบอกคนอื่นไปว่าเขาทั้งคู่กำลังจำแต่งงานกัน แต่สุดท้ายเธอกลับโดนพ่อแม่ขอร้องให้ถอนหมั้น ทั้งที่เธอยังดื้อดึงที่จะอยู่ในสภาพนี้แม้จะโดนบอกเลิก คำพูดของพ่อแม่ของเธอนั้นก็สำคัญกว่าอยู่ดี พวกท่านบอกว่าไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับครอบครัวของกวินอีก บอกแค่ว่ามีปัญหากับกวี แต่ไม่พูดว่าปัญหาอะไร
"หมอจะให้แจ็คออกจากโรงพยาบาลวันไหน? แจนมารับไหม?"
"น่าจะพรุ่งนี้ ไม่ต้องมาหรอก ทำงานเถอะ เดี๋ยวแจ็คก็จะกลับไปทงานเหมือนกัน พอไม่มีผมพี่พัฒน์ก็บอกว่าบีมันโดดงานมาสองสามวันแล้ว อัลบั้มใหม่ก็ต้องเลื่อนโปรโมตไป" ท่าทางและน้ำเสียงของกวินเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ตัวเองป่วย และไม่รู้ว่าทำไมถึงมานอนอยู่โรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ๆ แบบนี้ จนวงเสียงานเสียการไปหมดเพราะไม่มีผู้จัดการคอยเคลียร์งานจัดตารางให้
"อืมมมม โอเค งั้นแจนกลับก่อน ดูแลตัวเองดีๆ นะ กินข้าวเยอะๆ ด้วย หน้าซูบเชียว" หญิงสาวทิ้งท้ายไว้ด้วยถ้อยคำที่แสดงความห่วงใยที่กวินฟังแล้วตัดรอนเธอไม่ลง เพราะอย่างน้อยยลรดาก็เป็นคนที่เคยรักกัน...
"อือ"
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องและมองหาพยาบาลที่ดูแล เพราะอยากจะฝากดูแลเรื่องอาหารหน่อย ดูจากที่กวินกินเหลือแล้วมันอาจจะไม่ถูกปาก หากพรุ่งนี้ยังต้องอยู่วันหนึ่ง ก็ควรจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นดีกว่า เพราะเห็นบ่นว่าอาหารซ้ำๆ กันทุกมื้อ
ขณะที่กวาดตามองหาพยาบาลคนเดิมที่เธอเจอ ก็สังเกตุเห็นเด็กผู้หญิงที่เดินก้มหน้าก้มตาเหมือนตกใจที่เธอหันไปเจอ ในมือทีกระเป๋าคล้ายกระเป๋ากล้องสะพายอยู่ ยลรดามองเด็กคนนั้นเดินลงบันไดอีกฝั่งไปอย่างรวดเร็ว แต่เพราะนางพยาบาลที่ตามหาอยู่เดินมาทักพอดี เธอเลยเลิกสนใจเด็กคนนั้นไป
.................
สายตาที่มองผ่านหน้าต่างใสออกไปด้านนอก เหม่อลอยไปตามความคิดที่ฟุ้งซ่าน ใบหน้าของหญิงสาวที่เขายังจดจำได้เสมอยังชัดเจนอยู่ในความคิด เขาถามจอมพลว่า 'พิมพ์ทรมานรึเปล่า...' เพื่อนของเขาส่ายหน้าและบอกว่าเธอโดนรถที่ขับมาชนไม่รุนแรงนักแต่สาเหตุการเสียชีวิตเกิดเพราะเธอล้มศีรษะฟาดพื้นทำให้กะโหลกร้าวและเสียเลือดมาก
เขาสงสารพิมพ์ รู้สึกว่าพิมพ์ยังอายุน้อยเกินไป บีนี้พิมพ์อายุเพียงยี่สิบสี่ ทั้งที่ควรจะเป้นปีที่เธอจะได้เริ่มต้นอะไรดีๆ ควรจะมีอนาคตตามที่หวังไว้ แต่กลับต้องมาจบชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุแบบนี้
"เถิก..เป็นไงมั้่ง" เสียงของเด็กสาวที่เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยล้า ช่วงนี้กันนิชาสอบก็เลยไม่ได้มาเยี่ยมพี่ชายเหมือนกับคนอื่นๆ ในครอบครัวที่ผลัดกันมา เพราะฝนทิพย์อยากให้กันนิชาตั้งใจอ่านหนังสือสอบอยู่บ้านก่อน
"ไงห้อย ไปมหาลัยหรือไปกินเลือด ทำไมต้องทาปากแดงขนาดนี้?"
กันนิชากรอกตาอย่างเซงๆ เพราะคำพูดของพี่ชายที่มาถึงก็ตำหนิการแต่งหน้าของเธอ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแล้วมองอีกฝ่ายที่ดูหน้าตาแจ่มใสกว่าที่คิด หลังจากที่ฝนทิพย์บอกว่ากวินอาการแย่มากในสองสามวันแรกจนไม่อยากให้เธอมาเห็น
แต่มาวันนี้ ก็เห็นกวินดูปกติดีทุกอย่าง...
"เห้ย สร้อยข้อมือสวย ซื้อเมื่อไหร่อะ?" จู่ๆ เด็กสาวก็ชี้สร้อยข้อมือที่พี่ชายสวมอยู่ อีกฝ่ายยกขึ้นมาดู แล้วได้แต่ถอนใจ
"ของเอิน.."
กวินตอบออกมาจากความทรงจำที่เขาเคยเห็นอนิลสวมมันอยู่ตลอดเวลา แต่เขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงใส่ให้เขา หรือว่าอาจจะซื้อให้เขาก่อนหน้านี้แต่เขาจำไม่ได้...
"สวยอะ นี่ใกล้วันเกิดไอ้ยุ้ยละ ยังไม่รู้จะซื้ออะไรให้ ช่วงนี้ไอ้ลูศรแม่งก็หายหัวไปไหนไม่รู้ พี่รู้ปะช่วงนี้มันเทพี่บีอะ ไม่ยอมไปตามอีกละ ไม่รู้เพราะอะไร"
เสียงของน้องสาวที่เล่าเรื่องเพื่อนสนิทที่เป็นแฟนคลับอันดับหนึ่งของจอมพลที่อยู่ๆ ก็หายหน้าหายตาไป พอรู้แบบนี้แล้วเขากลับรู้สึกดีที่ลูกศรเลิกใช้น้องสาวเขามาถามสักทีว่าวงเดฟโซลมีงานที่ไหน
"คงไม่รู้เรื่องจีนใช่ไหม?"
"ไม่อะ ไม่รู้หรอก เรื่องพี่จีนแบมรู้ซิปปากอย่างดี พี่จีนน่ารักนะแบมชอบคนนี้ผ่าน เอ้ย ลืมบอก ยุ้ยมันไปแคสบทนางเอกได้แล้วนะ ทางค่ายเอ็กซิกส่งข้อความมาให้มันแล้วว่าให้ไปงานออกดิชั่นรอบสามที่คัดพระเอกอะ นี่ๆ จำได้สองอาทิตย์ก่อนพี่บีบอกในรายการป้าแจนปะว่าอาจจะไปแคสติ้งใช่มะ?"
ดวงตาเป็นประกายของติ่งนี่มันช่างน่ากลัว ไม่รู้เพื่อนเขาคิดอะไรถึงพลั้งปากพูดไปแบบนั้น แถมคุณนักเขียนก็ไปท้าทายเสียอีกนี่
"เพ้อเจ้อ มันไม่ไปหรอก..."
..................
(พรุ่งนี้เราจะเริ่มออดิชั่นกันประมาณสามโมงเย็นค่ะ จะมีไลฟ์รายงานผลแต่ละรอบด้วย)
"ครับเข้าใจแล้ว อืม แล้วผมต้องเตรียมตัวยังไง?"
(ก็แค่ไปตามนัดค่ะ ทางเราจะจัดที่นั่งแล้วก็ก่อนจะเข้ารายการอาจจะรบกวนคุณจีนมาก่อนเวลาเพื่อลงเมคอัพเล็กน้อย)
"จำเป็นเหรอครับ?"
(แหม มีกล้องมีไฟ หน้าไม่แต่งไม่แต้มเลยก็มันเยิ้มสิคะ ขนาดดารานักร้องผู้ชายเขาก็แต่งกันหมด บางคนหน้าโหดหนวดเคราเฟิ้มก็ยังต้องลงรองพื้นเลยค่ะ)
สุดท้ายจินตภัทรก็จำใจต้องตกปากรับคำไปแบบงงๆ ก่อนจะหันมามองร่างสูงใหญ่ที่นอนเหยียดยาวกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ที่พื้น ดวยความรู้สึกหมั่นไส้ ดูจะสบายเกินเหตุ เสื้อก็ไม่ใส่สวมแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเดินโทงๆ อยู่ในห้องเขา
"ห้องตัวเองก็มีไม่ไปนอน ซื้อไว้ให้จิ้งจกอาศัยเหรอ?"
คนตัวเล็กเดินไปนั่งยองๆ ก้มหน้าอยู่เหนือศีรษะคนที่นอนอยู่ ทั้งที่พูดออกไปอย่างนั้น แต่สีหน้าและท่าทางไม่ได้บ่งบอกว่ารำคาญแม้แต่น้อย คนที่นอนอยู่ลืมตาขึ้นมาและยิ้มให้ก่อนจะทำปากจู๋ใส่แล้วยกหัวขึ้นเล็กน้อย จินตภัทรหลุดยิ้มและขำออกมาก่อนจะก้มลงไปจูบอีกฝ่ายเบาๆ
"อยากอยู่ห้องนี้อะ อยากอยู่กับจีนอะครับ"
เสียงติดอ้อนๆ บอกพลางทำปากยื่นใส่เรียนแบบอีกฝ่ายเวลาเอาแต่ใจ
"ไม่ได้อะครับ เสียใจด้วยนะคุณนักร้อง แต่ห้องนี้จำกัดสิทธิ์ในบางช่วงเวลา เพราะจีนต้องทำงาน บีก็ต้องไปทำงานได้แล้วนะ อู้มาหลายวันแล้วนี่" มือเล็กบีบจมูกโด่งของอีกฝ่ายพลางขยับกายลงนั่งขัดสมาธิ ขณะที่อีกฝ่ายพลิกตัวขับศีรษะขึ้นมาหนุนตักอย่างรู้งาน
"ไม่อยากไปเลย เหนื่อย เดี๋ยวถ้าต้องเตรียมโปรโมตบีก็ไม่มีเวลามาอยู่กับจีนแล้ว.." เสียงทุ้มว่าพลางนอนตะแคงซุกหน้ากับหน้าท้องนิ่มและใช้สองแขนกอดเอวของคนรักเอาไว้
"ทุกคนก็มีหน้าที่กันทั้งนั้น บีก็ต้องทำงาน จีนก็ต้องทำงาน พรุ่งนี้แจ็คออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม?"
"อืม มันให้แบมโทรมาบอกว่ามันจะไปที่ตึกเลย เห้อ จีนว่าบีคืนโทรศัพท์ให้มันดีไหม บีกลัวมันมากดดูแชทเก่าๆ อะ เหมือนตอนนี้มันทำใจเรื่องพิมพ์ได้เพราะมันลืมสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นไปหมด มันร้องไห้ตอนที่บีบอกว่าพิมพ์เสียแล้วแต่ก็ดูทำใจได้กว่าก่อนหน้านี้..."
"ถ้าจะลบแอคเค้าท์ไปเลยก็คงไม่ดีแน่.." จินตภัทรเอ่ยนขึ้นมาเพราะคิดถึงอนิล ถ้าเกิดลบแอคเค้าท์ของกวินไป อนิลเกิดอยากติดต่อมาก็น่าสงสารแย่...
"ใช่ แต่ตอนนี้โทรศัพท์พิมพ์อยู่ที่พี่ฝนนะ ตอนที่ตำรวจเก็บของมาคืนให้พี่ฝนยังเก็บไว้ แต่เดี๋ยวต้องไปขอมาจากพี่ฝนมานั่งเดาอีกว่ารหัสล็อคคืออะไร เพราะหน้าจอมันล็อคอัตโนมัติตั้งแต่วันเกิดเหตุ"
เสียงถอนใจของจอมพลทำให้ร่างเล็กรู้สึกสงสาร เพราะเป็นคนเดียวที่เข้มแข็งและพยายามดึงทุกคนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นแจ็ค หรือแม้แต่ตัวเขา มันก็ไม่แปลกที่จอมพลจะกลายเป็นคนที่เหนื่อยที่สุดในช่วงเวลานี้ ไหนจะต้องมานั่งคิดว่าควรจะทำตัวแบบไหน คิดคำพูดโกหกคนรอบตัวอีกว่ากวินป่วยเป็นอะไรเพราะไม่อยากให้คนอื่นมองว่าเพื่อนผิดปกติในสายตาคนรอบข้าง
"บี..เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องปล่อยไปบ้างนะ บีตามแก้ไขและปกป้องทุกคนไม่ได้หรอก สุดท้ายแล้วแต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตัวเอง ต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าเรื่องแจ็คหรือเรื่องอะไร จีนอยากให้บีจำไว้ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว"
มือนิ่มลูบศีรษะคนรักและยิ้มให้อย่างปลอบใจ มือหนาค่อยๆ เอื้อมมากอบกุมมือที่วางอยู่บนศีรษะและดึงไปจูบอย่างอ่อนโยน มันเป็นความรู้สึกอุ่นใจเมื่ออยู่ใกล้กัน คำพูดนับร้อยพันที่เอื้อนเอ่ยไม่สามารถแทนสิ่งที่อยู่ในใจได้ทั้งหมด ยามที่ได้สบตาแม้ว่าจะเขินบ้างเล็กน้อย แต่ก็มั่นใจว่าต่างฝ่ายก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน...ความรู้สึกที่ 'รัก' จนไม่สามารถจะสรรหาคำใดมาเปรียบเปรย
................
เช้าของวันออดิชั่นรอบสามที่ผู้จัดละครคาดหวังว่ามันจะเป้นรอบสุดท้ายที่จินตภัทรจะมีความเห็นตรงกันกับทีมงานและเลือกใครสักคนมาเป็นพระเอกของเรื่องสักที ในตัวเลือกที่เข้ารอบมาใหม่ทั้งเจ็ดคนต่างมีผลงานและเคยผ่านงานแสดงมามากมาย ในรายชื่อที่มีรูปโปรไฟล์แต่ละคนต่างเป็นดาราชายที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพียงบแต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถูกเลือกมาเพราะอยากเปิดโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่เข้ามาลองสมัครแต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะไม่ตรงกับคาแรกเตอร์ที่จินตภัทรคิดไว้
หลายคนเกือบจะได้ แต่ก็ติดที่เด็กไป หรือบางคนผ่านทุกอย่าง ยกเว้นนิสัยส่วนตัวที่ดูเรื่องเยอะข้อแม้เยอะจนต้องตัดออกอย่างน่าเสียดาย ทุกคนได้รับบทในมือแตกต่างกัน แต่ต้องเล่นกับนางเอกคนเดียวกันคือ 'แก้มยุ้ย' เด็กสาวที่มีบุคลิกตามคาแรกเตอร์ที่จินตภัทรเห็นว่าใกล้เคียงที่สุดและแคสติ้งผ่านเข้ามาได้ด้วยบนธรรมดาๆ ที่สามารถเล่นได้เข้าตากรรมการที่สุด อีกทั้งแก้มยุ้ยมีภาษีดีกว่าใครๆ ตรงที่บุคลิกภาพดีมาก เป็นเด็กสาวอายุ 20 ที่ดูสง่าในทุกอิริยาบถเพราะได้เปรียบในสายงานนางแบบของแบรนด์ดังมาก่อนตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่ทว่า...หลังจากผ่านการแคสติ้งไปได้ห้าคน จินตภัทรกลับรู้สึกกระอักกระอ่วนและมองไม่เห็นภาพของ 'จอม' พระเอกของเรื่องที่เป็นนักดนตรีกลางคืนที่หลงรักลูกสาวของนักการเมืองใหญ่ไม่ได้เลย เพราะแก้มยุ้ยสามารถแสดงบทของหญิงสาวที่ดูฉลาดพูดและมีอคติกับผู้ชายมากหน้าหลายตาที่เข้ามาได้อย่างดี ในขณะที่ดาราหนุ่มที่แคสติ้งบทนักดนตรีกลางคืนแสดงออกมาเหมือนพวกคุณชาย และติดหล่อ มากกว่าพวกนักดนตรีที่เบื่อโลกตามบทของ 'จอม' ที่จินตภัทรเขียนเอาไว้
"ไม่ถูกใจสักคนเลยเหรอคะ?" ครูสอนการแสดงที่นั่งข้างจินตภัทรกระซิบถามเพราะในกระดาษลงคะแนน ทุกคนต่างมีคะแนนในระดับต่ำมาก
"ครูอ้อครับ จีนว่าในทีมงานกับผู้กำกับเลือกจะดีกว่า ผมไม่มีความรู้เรื่องการแสดง คงยากมากจริงๆถ้าจะให้ผมช่วยตัดสินใจ ผมมองไม่ออกเลยว่าใครจะสามารถเล่นบทนี้ได้"
สุดท้ายจินตภัทรก็สารภาพออกมาด้วยสีหน้าที่คิดหนักและเสียใจที่ตัวเองยังยึดติดอยู่กับภาพของพระเอกในดวงใจที่ดูเป็นคนธรรมดาและมีแววตาที่น่าสงสารในบทที่พยายามจะพูดกับ 'ลลิน' นางเอกของเรื่อง ว่าตัวเองไม่สนใจและไม่ใส่ใจเธอหรอก แต่ทุกคนที่ผ่านเข้ามาแคสติ้งบางคนได้บทสั้นๆ แต่เสียเวลาทำหน้าเก๊กหล่อจนดูแล้วเอียน บางคนได้บทยาวแต่พูดดูไม่เป็นธรรมชาติเลย เพราะจอมที่เป็นนักร้องกลางคืน ทำงานหาเช้ากินค่ำจะเป็นพวกที่ใช้ถ้อยคำที่หยาบคายจนเป็นนิสัย ฉะนั้นเวลาพูดมันจะไม่หล่อ ไม่ต้องดัดเสียงขรึม..
"จีนขอตัวก่อนดีกว่า อีกสองคนฝากครูด้วยนะครับ เดี๋ยวจีนมาดูวีดิโอที่ถ่ายไว้ย้อนหลัง ช่วยคัดให้เหลือน้อยกว่านี้แล้วจีนอาจจะดูตามความใกล้เคียงว่าใครดีที่สุดสำหรับบทนี้"
จินตภัทรเดินออกจากห้องขณะที่รายการพักเบรค และคุยกันว่าหลังจากที่จินตภัทรออกไปจะไม่ถ่ายกลับมาที่โต๊ะคณะกรรมการเพื่อไม่ให้แฟนรายการและแฟนนิยายที่ดูอยู่ทางบ้านรู้ว่าจินตภัทรออกไปพัก
เมื่อเดินออกมาจากห้องที่ใช้ออดิชั่น จินตภัทรเพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ชั้นที่สามเจ็ด ซึ่งเป็นสตูที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องอัดที่จอมพลเคยบอกว่าจะมาทำงาน เขาเดินมาเรื่อยๆ เหมือนคนหลงทางเพราะไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนระหว่างที่ขอพัก เสียงเพลงดังแว่วมาเพียงเบาๆ เรียกให้สองขาของเขาเดินเข้าไปใกล้ห้องที่มีแสงไฟลอดออกมาเพียงเล็กน้อย เขามีมารยาทพอที่จะไปเปิดประตูเข้าไปดู ได้แต่ยืนชะเง้อมองเข้าไปข้างในว่าในนั้นเขาทำอะไรกัน จนกระทั่งมีมือของใครบางคนมาสะกิด
"จีน?"
"อ้าว แจ็คเป็นไงบ้าง"
"ดี โอเคแล้ว จีนมาทำอะไรที่นี่?"
"เอ่อ เรามีออดิชั่นอยู่ห้องใหญ่ทางนู้น คือไม่รู้ว่ามันเดินมาทะลุตรงนี้ได้ แจ็คทำงานที่นี่เหรอ?"
"ใช่ เข้ามาสิ พอดีเบรคอยู่ เข้ามาได้ แต่ไอ้บีไม่อยู่นะ พี่ฉอดแกเรียกไปคุยเรื่องอะไรไม่รู้"
ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องที่จินตภัทรเพิ่งเห้นชัดๆ ว่ามันเป็นห้องอัดที่มีอุปกรณ์มากมาย คล้ายกับเป้นห้องซ้อมในตัว แต่ดูแล้วก็เกร็งเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็เดินเข้ามาแบบนี้
"พี่พัฒน์นี่คุณจีน นักเขียนที่แจ็คชอบที่ไอ้บีไปขอลายเซ็นต์ให้อะ"
"อ้าวคุณจีนสวัสดีครับ" พิพัฒน์กล่าวทักทายและสบตากับจินตภัทรแว่บหนึ่งเหมือนมีอะไรที่อยากคุย แต่เพราะมีกวินอยู่ก่อนหน้าก็เลยไม่กล้าพูดจนกระทั่งมีโทรศัพท์มา
"เห้ย แจ็ค พี่ฉอดโทรมาบอกให้มึงไปหาอะ ไม่รู้มีไร เดี๋ยวให้ไอ้โจ้ไปกินข้าวก่อนแล้วกันเดี๋ยวค่อยมาฟังที่อัดไว้พร้อมกัน"
กวินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันมาคุยกับจินตภัทรก่อนจะเดินออกไป
"อ่อ ครับพี่ เอ่อจีน ถ้าไม่มีอะไรทำนั่งอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวบีก็มาแล้ว"
จินตภัทรยิ้มให้กวินก่อนที่ประตูจะปิดลง และสิ่งที่เขาคิดก็เป็นจริง พิพัฒน์มองซ้ายมองขวาก่อนจะเบาเพลงลงและหันมาหาเขาด้วยสีหน้าที่ดูซีเรียส
"คุณจีน คือผมพอจะทราบเรื่องที่แจ็คมันเพิ่งเลิกกับน้องเอิน แต่ว่า...พี่รู้ว่ามันไม่เหมาะนะ แต่คือ..."
"พี่ชอบเอินเหรอครับ?" จินตภัทรถามออกไปตรงๆ และยิ้มให้เมื่อชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ
"ก็..ไม่ได้จะจีบหรอกผมคงไม่ใช่เสปคเขา แต่ก็เสียดาย คือก็ยังอยากคุยอยู่ คุณจีนพอจะรู้ไหมว่า เบอร์ หรือ ไลน์..."
"ไม่ครับ ตอนนี้จีนก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อเอินทางไหน เขาเพิ่งไปแอลเออาทิตย์ที่แล้ว คงยังไม่มีจังหวะเหมาะจะติดต่อกลับมา แต่เราเป้นเพื่อนสนิทกัน จีนคิดว่าเดี๋ยวเอินคงติดต่อมาเอง"
จินตภัทรเอ่ยพลางยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเข้าใจ เพราะพิพัฒน์ไม่ใช่คนแรกหรอกที่แอบชอบเพื่อนเขาแล้วมาถาม ตั้งแต่สมัยเรียนมีผู้ชายมากมายที่อยากเข้าหาเพื่อนเขาด้วยการให้เขาช่วย
"เห้อ ก็ได้แต่รอสินะครับ เอางี้ งั้นผมฝากของไว้ที่คุณจีนก่อนแล้วกัน เพราะเอินเขามาขอให้ผมหาคนรู้จักให้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่เอินตามหาอยู่ไม่ไกลตัวเลยนะ เพราะดูจากปี พ.ศ. ที่เอินเขาบอก แล้วก็วงที่เข้าประกวดปีนั้นจากโรงเรียนทวีธาก็มีวงเดียวที่ส่งนะ เลยง่ายหน่อย ผมก็บอกเอินไปแล้วนะว่าเดฟโซลแน่ๆ แต่เขาก็ยังขอดูคลิปอยู่ เอ่อ ขอไลน์คุณจีนได้ไหมเดี๋ยวส่งไปทางนี้ดีกว่าไฟล์มันเล็กสมัยก่อนระบบ HD มันไม่เจ๋งเท่าสมัยนี้แต่มีที่กล้องโคลสอัพสมาชิกในวงทีละคนอยู่"
ทั้งที่งงและสับสนไปหมด เพราะเขาไม่รู้ว่าอนิลขออะไรไว้กับพิพัฒน์ แต่พอฟังเรื่องประกวดฮอตเวฟมิวสิกอวอร์ด ก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีเพราะลืมไปเลยว่าเคยคุยกับอนิลเรื่องของรักแรกที่เคยเจอหน้าโรงเรียนที่เขาเรียนพิเศษ ทั้งข้อมูลและปีที่ประกวดทุกอย่างมาจากตอนที่เขาคุยให้อนิลฟังทั้งหมด ไม่คิดเลยว่าอนิลจะมาขอดูคลิปประกวดจากที่นี่จริงๆ นี่แหละมั้งคือข้อดีของความสเน่ห์แรงของอนิล ที่เข้าหาใครก็มีแต่คนพร้อมช่วยเหลือ
"นี่ๆ ไอ้บี แม่งมาไกลมาก ตอนมันอยู่ม.6 ตัวหยั่งกะควาย มันอ้วนกว่าตอนนี้เยอะ ตัวใหญ่มากตอนแรกกรรมการคิดว่าแม่งเด็กมหาลัยแอ๊บเข้ามาประกวด ตลกชิบหาย แล้วนี่นะรู้ปะตอนนั้นมันอกหัก...."
เสียงของพิพัฒน์เลือนหายไปราวกับโลกทั้งใบค่อยๆ เงียบลง เหมือนมีคนค่อยๆ หรี่เสียงสรรพสิ่งรอบกาย และมีเพียงเสียงของคนในคลิปที่ยืนหลับตาหูหลับตาร้องเพลงเหมือนคนบ้า จมูกแดงและน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอินไปกับเสียงเพลงหรือมีความกดดันอะไร ทำไมถึงร้องเพลงออกมาได้เศร้าขนาดนี้ อารมณ์ที่สื่ออกมากับสายตาที่มองขึ้นไปบนฟ้า ไม่ต่างกับเจ้าตัวในปัจจุบัน ก็คงอย่างที่พิพัฒน์พูด ว่าจอมพลมาไกลมากจริงๆ เพราะตอนเด็กๆ ไม่มีเค้าของบีเดฟเดฟโซลแม้แต่น้อย
จากภาพตรงหน้าจินตภัทรจำอีกฝ่ายได้ตั้งแต่แรกเห็น ราวกับปลดล็อคความทรงจำเพียงเสี้ยวินาทีว่านี่คือคนๆ เดียวกับพี่ชายตัวโตที่แบกร่มแม่ค้ามาส่งเขาขึ้นรถ เด็กม.ปลายตัวสูงใหญ่เหมือนยักษ์หัวเกรียนสิวเขรอะที่ยืนเหมือนนักเลง ยืนเสื้อหลุดชายกางเกงนักเรียนตลอด คนที่เป็นต้นแบบของ 'จอม' ในจินตนาการของเขาก็คือรักแรกของเขาเอง...
"คุณจีนเป็นอะไรรึเปล่าครับ?" เสียงของพิพัฒน์เรียกให้จินตภัทรหันกลับไปมองและพบว่าตัวเองกำลังนั่งร้องไห้อยู่
"เปล่าครับ ขอโทษด้วย คือ...เขาร้องเพลงกินใจมากเลย" จินตภัทรแก้ตัวไปขณะที่ใช้หลังมือเช็ดน้ำตา
"โห มันต้องกินใจสิครับ นี่มันร้องตอนอกหักเลย เด็กดาวองค์ตัวเท่าลูกหมา ทิ้งมันไปหาเด็กจุฬาหน้ามน เป็นใครก็แซดดดด" พิพัฒน์ได้ทีก็ขุดเรื่องน่าอายของไอ้นักร้องหน้าหล่อมาแฉ แต่ตอนนี้จินตภัทรคงไม่มีเวลาถามแล้วว่าเด็กดาวองค์อะไรนั่นหน้าตาเป็นยังไง เพราะมันได้เวลาที่เขาจะต้องกลับไปที่ห้องออดิชั่นแล้ว
"ขอบคุณนะครับ จีนต้องไปแล้ว.."
"อ้อ เดี๋ยวครับ ยังไงคลิปนี้อย่าให้หลุดนะครับ ให้ไอ้บีเห็นก็ไม่ได้ ถ้ามันรู้ว่าคลิปเชี่ยนี่ยังไม่ถูกทำลายทิ้งไปจากโลก มันต้องฆ่าผมกับเพื่อนในวงทิ้งแน่ๆ นี่คือความอับอายขายขี้หน้าที่สุดในชีวิตมันแล้ว แต่พวกผมมีไว้ดูคลายเครียด"
จินตภัทรยิ้มและขำออกมาเล็กน้อยเมื่อฟังคำพูดของอีกฝ่าย แต่เมื่อเปิดประตูออกมา เขากลับรู้สึกอยากร้องไห้ออกมาดังๆ แต่กลับต้องกลั้นใจเอาไว้และเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงห้องออดิชั่น
"คุณจีนมาพอดีเลยค่ะ พอดีว่าทางค่ายเอ็กซิกท์บอกว่าอยากส่งคนมาออดิชั่นเพิ่ม แบบว่า เบื้องบนสั่งมาน่ะค่ะ" ครูอ้อยกระซิบคำว่า 'เบื้องบน' ก่อนจะหันไปทางคนที่ 'เบื้องบนส่งมา' นำสายตาของจินตภัทรให้หันไปมองตาม
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าของจินตภัทร ผู้ที่ 'เบื้องบน' บังคับให้มาแคสติ้ง เพราะใกล้จะออกอัลบั้มใหม่เลยอยากให้มีกระแสมากกว่าที่ผ่านมาเพราะตอนนี้นักร้องค่ายอื่นชิงตัดหน้าแซงไปหลายก้าว ด้วยตัวนักร้องเองที่หากส่งมาเล่นละครก็อาจจะจะสามารถดึงคนที่ไม่ใช่แฟนเพลงเข้ามาเพิ่มยอดขายที่บริษัท ก็มีแต่ได้กับได้ มันเป็นการตลาดที่แยบยลของผู้เป็นใหญ่ในบริษัทที่ชายหนุ่มไม่อาจจะต่อต้านได้...
จินตภัทรรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นลม ในมือกำโทรศัพท์แน่นจนมือชาไปหมด ภาพของนักร้องในชุดมัธยมปลายบนเวทีเมื่อครู่ แทบจำซ้อนทับกับคนที่ยืนมองกลับมาด้วยสีหน้าที่ตกใจที่เห็นเขาตาแดงก่ำ
"คุณบีแคสไปแล้วรอบนึงค่ะ ทุกคนคิดว่าโอเคทีเดียว เพราะเป็นนักร้องอยู่แล้วด้วยก็เลยคิดว่าเหมาะสมนะคะ คืออันนี้ครูอ้อยพูดไม่ได้ลำเอียงนะคะ คุณจีนลองดูวิดีโอที่เล่นคู่กับน้องแก้มยุ้ยได้"
กล้องวีดิโอถูกส่งมาตรงหน้าและเปิดจอภาพให้ดูสิ่งที่อัดไปก่อนหน้า สีหน้าท่าทางทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่จินตภัทรบรรยายเอาไว้ในหนังสือไม่ผิด แม้แต่วิธีการพูดที่ดูนักเลงจนคุณนักเขียนแอบหลุดขำออกมาเสียงดัง จนคนในห้องถึงกับงงไปหมด
ใช่สิ ก็ต้องเล่นได้อยู่แล้ว ในเมื่อคาแรกเตอร์ของ 'จอม' ที่เขาเขียนขึ้น มันมีต้นแบบมาจาก 'จอมพล'
ผู้ชายที่เป็นรักแรก...และคนรักในปัจจุบันของเขา
........TBC.........
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

และตัวละครลับอย่างลูกศร
พอมาครึ่งหลังรักแรกของหนูจีนมันเขิน มันละมุนมาก
อยากจะบิดตัวเป็นเกลียวโปเต้ แต่แอบระแวงแก้มยุ้ยนิดๆ