ตอนที่ 73 : Ep.12 คนน่าสงสาร
Upside Down
Welcome To The Upside Down
EP.12
สิ่งที่ฉันต้องเจอยังเจอไม่ไหว
อย่าให้ฉันต้องเจอมันเลยได้ไหม
กับฉันวันนี้ ไม่มีทางไหน ที่จะลืมว่ารักเธอ
สิ่งที่ฉันต้องเจอมันเจ็บรู้ไหม
อย่ากลายเป็นคนแปลกหน้าที่เคยรู้จักดี
กับคนที่เคยรักกัน อย่าเป็นแบบนั้นเลย
คนแปลกหน้าที่รู้จักกันดี - เหมียว อัจฉริยา
JAN : วันนี้มารับช้าจัง ไม่ว่างแจนกลับเองได้นะคะ
GAGAWIN : เดี๋ยวผมไปรับ ขอสิบนาที
หญิงสาวมองหน้าจอแชตที่อีกฝ่ายส่งข้อความมาแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ปกติ...อีกฝ่ายจะใช้ชื่อเล่นเรียกแทนตัวเองตลอด แต่ทำไมวันนี้ตอบแปลกๆ
หลังจากเลิกงานอีกฝ่ายส่งข้อความมาว่าให้เธอรอ ทั้งที่ปกติหากจะมารับก็จะบอกล่วงหน้า แต่วันนี้ทั้งที่จอมพลมีตารางงานเข้ามาอัดเสียง แต่เหมือนกวินจะหายไปทั้งวันแล้วก็โผล่มาตอนนี้และบอกให้เธอรอ
ยลรดาเลือกมานั่งรออยู่ในร้านกาแฟที่เปิด 24 ชั่วโมงใต้ตึกออฟฟิศที่มีไว้บริการบริษัทความบันเทิงที่มีคนเข้าออกแทบจะตลอดเวลา หญิงสาวมองออกไปข้างนอกร้านถนนที่เคยพลุกพล่านตลอดช่วงกลางวัน ตอนนี้เงียบสงัดและมีรถเบาบาง ไม่ยากที่เธอจะมองเห็นรถ BMW ของแฟนหนุ่มขับเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าตึก แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ลุกขึ้นและคว้ากระเป๋าสะพาย กลับมีรถอีกคันที่ขับออกมาจากลานจอดรถด้านข้างเลี้ยวมาชะลอจอดใกล้ๆ รถเบนซ์สปอร์ตราคาแพงที่ยลรดาไม่รู้ว่าเจ้าของคือใคร เธอเห็นเพียงแฟนหนุุ่มยิ้มให้คนขับที่น่าจะลดกระจกลงมาคุยด้วย ไม่นานอีกฝ่ายก็ขับรถออกไป เหลือเพียงแฟนหนุ่มของเธอที่มีท่าทางหันกลับไปมองรถคันนั้นจนขับไกลออกไปจนลับตา เขาหันมาถอนใจก่อนจะเดินเข้ามาในตึกโดยไม่ได้โทรหรือส่งข้อความถามสักนิดว่าเธออยู่ไหน
กวินเดินเข้ามาด้านในตึกก่อนจะกดลิฟต์ จุดหมายหากเป็นการมารับยลรดา เขาควรจะอ่านแชตหรือโทรหาเธอ เพราะก่อนหน้านี้เธอจำได้ว่าบอกไปแล้วว่าจะรอที่ร้านกาแฟ หญิงสาวเดินตามออกมาจากกาแฟ ก่อนจะรอจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินเข้าลิฟต์ไป แล้วกดลิฟต์อีกตัวแอบตามขึ้นไปด้วยความสงสัย
นิ้วเรียวสวยกดชั้นที่เธอเดาว่าชายหนุ่มจะขึ้นไป เพราะเป็นชั้นที่จอมพลควรจะอยู่ในห้องอัด แต่พอเธอขึ้นไปกลับพบว่าโซนนั้นปิดไฟแล้วและไม่มีใครอยู่แล้วแม้แต่คนเดียว แต่ก่อนที่สองเท้าจะพาตัวเองเดินไปที่ลิฟต์ เธอกลับได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ตรงสุดทางเดินที่เป็นทางหนีไฟ
"ไม่เป็นไรรอได้ ไปส่งเขาก่อนดิ"
"มายืนรอตรงนี้คนเดียวได้ไง ลงไปเถอะ แจ็คเป็นห่วงนะ ทำไมทำแบบนี้อะ"
"ห่วงแฟนคุณเถอะ ลงไปได้แล้วเดี๋ยวรอนี่"
"เฮ้อ โอเค เดี๋ยวแจ็คกลับมารับ อีกห้านาทีลงไปรออยู่ร้านกาแฟข้างล่างโอเคไหม?"
"อื้อ รู้แล้ว"
เสียงสนทนาที่ยลรดาได้แต่นิ่งและอึ้งไป เธอไม่กล้าเดินต่อและดูหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ...
เพราะเสียงที่กำลังโต้ตอบกับแฟนของเธอคือผู้ชายอีกคน ที่ดูจากการสนทนาแล้วดูห่วงกันเกินเพื่อน
หัวใจของหญิงสาวตอนนี้เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอเริ่มหายใจเร็วขึ้น และถอยหลังกลับไปเมื่อกวินตกลงกับอีกฝ่ายว่าจะลงไปรับเธอก่อน ยลรดาหันหลังไปกดลิฟต์ลงทันทีและโชคดีที่เธอวิ่งเข้าลิฟต์ทัน
แต่...กลับลืมกดลิฟต์ลง และประตูก็เปิดออกอีกครั้งพร้อมกับแฟนหนุ่มผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเธอ
"อ้าวแจน ขึ้นมาทำอะไร?"
"แจนเห็นแจ็คจอดรถไว้แล้วขึ้นลิฟต์มา ก็เลยมาตาม..."
คำโกหกที่ต่างคนต่างรู้ว่ามันไม่จริง
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในลิฟต์เงียบๆ และกดลงชั้นล่างด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตก
กวินก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร ไม่ถามว่าวันนี้แฟนสาวทำงานเป็นยังไง กินอะไรหรือยัง อยากแวะที่ไหนไหม?
คำถามที่ยลรดาเคยได้รับมาตลอดหลายปี ความห่วงใยที่อีกฝ่ายทำมันมาตลอด...
"แจ็คขึ้นมาทำอะไรเหรอคะ?"
"ไอ้บีลืมของ แต่หาไม่เจอ.." คำตอบสั้นๆ ที่อีกฝ่ายด้นสดออกมาอย่างไม่แนบเนียนสักนิด
"ค่ะ"
หญิงสาวเพียงแค่นั้นและเริ่มใจเสีย เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้กวินยังคุยดีกับเธอและยังบอกอยู่เลยว่าเสาร์อาทิตย์นี้จะไปกินบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนการพูดคุยกันกลายเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดมาก แม้แต่มือของเธอ...กวินก็ไม่จับไม่จูงมือเธอเดินเหมือนก่อนหน้านี้
"แจ็คคะ..."
"ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร แต่เรื่องบางเรื่องผมยังไม่อยากคุยตอนนี้"
"เรื่องบางเรื่อง?"
"เรื่องที่คุณอาจจะไม่อยากฟัง และผมยังไม่พร้อมจะพูดตอนนี้"
สองมือของหญิงสาวชื้นเหงื่อไปหมด เธอนั่งมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่เอาแต่มองตรงไปข้างหน้าทั้งที่ตอนนี้รถยังติดอยู่ตรงสี่แยกไฟแดง และมีเวลาบอกอีกเป็นร้อยวินาที
"แจนทำอะไรผิดเหรอ? ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย?"
"ผมบอกว่าผมยังไม่อยากคุย เอาไว้ผม..."
"พิมพ์ฟ้องคุณเรื่องที่แจนบอกบีใช่ไหมคะ?"
"..."
ใช่...สิ่งที่เธอถามไปมันจริง มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขาอยากพูดแน่ๆ แล้วคนที่เขาให้รอที่ตึกล่ะ นั่นใคร?
"แจนเดินตามคุณไป ตรงบันไดหนีไฟคุณคุยกับใครคะ?"
เงียบ...อีกฝ่ายตอบเธอกลับด้วยความเงียบอีกครั้ง ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น
ก่อนที่มือของชายหนุ่มจะทันคว้าไว้ มือของยลรดาก็ไปถึงมันก่อนและกดรับแทน กวินไม่สามารถหันมาคว้าโทรศัพท์ได้เพราะรถหลังบีบแตรไล่ดังลั่น ชายหนุ่มหันไปขับรถขณะที่นิ้วเรียวกดที่ปุ่มสปีกเกอร์ และเสียงของปลายสายก็ดังขึ้น
(แจ็ค ว่างไหม พิมพ์อยากไปที่ร้าน แต่ไม่มีเพื่อนไปเลย วันนี้แจ็คเข้าร้านไหมอะ)
"เขาไม่ว่าง กำลังขับรถไป..." ยลรดาพยายามข่มน้ำเสียงและความรู้สึกโกรธสุดขีดเอาไว้ แต่กวินกลับพูดแทรกเธอ
"พิมพ์ วางสายก่อน เดี๋ยวแจ็คโทรกลับไป"
คำพูดที่ไม่ไว้หน้าเธอ และการให้ความหวังอีกฝ่ายว่าเดี๋ยวจะโทรกลับไปทั้งๆ ที่เธอนั่งเป็นหัวหลักหัวตออยู่ตรงนี้ ทุกสิ่งที่อีกฝ่ายทำมันทวีความรู้สึกเกลียดและเพิ่มโทสะให้ยลรดาตัดสินใจตะโกนใส่ปลายสาย
"เขาจะไม่โทรหาเธออีกตราบใดที่ฉันยังอยู่กับเขาตรงนี้ ถ้าไม่มีใครคบก็หัดอยู่เงียบๆ คนเดียวซะบ้าง เลิกยุ่งกับผัวคนอื่นสักที! เธอจะเอาตัวเข้าแลกให้ทุกคนมาสนใจเธอด้วยการนอนถ่างขาให้คนอื่นเหมือนผู้หญิงชั้นต่ำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนไม่ได้!"
"แจน!"
สิ้นเสียงของกวินที่ตวาดใส่ โทรศัพท์ในมือของหญิงสาวก็ถูกปาออกนอกรถไปขณะที่รถยังขับอยู่ ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ แต่เป็นตัวของหญิงสาวที่เกือบกลิ้งตกรถ เธอถอดเข็มขัดนิรภัยและเจตนาพุ่งตัวลงไป
โชคดีที่มือข้างหนึ่งของกวินคว้าไว้ทัน ก่อนที่รถจะเสียการทรงตัวและไถลออกจากถนนลงสู่ข้างทาง มือของกวินพยายามบังคับรถและเหยียบเบรกจนมิด เสียงยางรถที่บดลงกับถนนจนฝุ่นฟุ้งดังลั่นจนผู้คนสองข้างทางตกอกตกใจ
สิ่งแรกที่กวินรู้สึกในวินาทีนั้นคือความกลัว เขากลัวจนหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ มือข้างที่คว้าต้นแขนของอีกฝ่ายไว้ค่อยๆ คลายออก ก่อนที่เสียงสะอึกสะอื้นของหญิงสาวจะดังขึ้น
มันไม่ใช่เรื่องข่มขู่เล่นๆ เหมือนที่จอมพลเคยหัวเราะอีกต่อไป...
ถ้าเมื่อครู่เขาคว้าแขนยลรดาไม่ทัน เขาคิดไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"แจนไม่อยากเลิกอะ ฮือ แจนทำอะไรผิดอะ ทำไมทุกคนต้องทำแบบนี้กับแจนด้วย ฮึก เพราะแจนไม่ใช่พิมพ์ใช่ไหม เพราะยังไงแจ็คก็เห็นเขาสำคัญกว่าแจนใช่ไหม ฮึก ฮืออออ จะเลิกกันก็ได้ แต่ไม่ใช่เพราะอีนั่นอะ ทำไมมันไม่ตายไปสักที! แจนอยากให้มันหายไปจากโลกนี้! เมื่อไรมันจะตายไปสักที แจนเกลียดมัน!"
สองแขนที่อ่อนล้ากอดหญิงสาวที่ดีดดิ้นและเอาแต่ร้องไห้สลับกับด่าทอสาปแช่งพิมพ์อย่างเกรี้ยวกราด ความอดทนและความรู้สึกทุกอย่างที่เคยปลอบใจตัวเองมาตลอดว่า...ไม่ว่ายังไงกวินก็ยังเป็นของเธอ
ใช่...เป็นของเธอแค่ตัวมาตลอด แต่หัวใจของผู้ชายที่กำลังกอดเธออยู่ตอนนี้รักคนอื่นมาตลอด
แล้วเธอจะทำยังไง? จะทำยังไงในเมื่อเธอหยุดรักเขาไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
เขาจะรู้บ้างไหม...ว่าตอนที่เธอได้ยินเขาบอกผู้หญิงคนนั้นว่าจะโทรกลับ เธอรู้สึกยังไง?
เธอรู้สึกเหมือนจะขาดใจตาย รู้สึกไร้ค่า การตัดสินใจเปิดประตูรถในวินาทีนั้น คือสิ่งเดียวที่เธอคิดออกว่าจะเรียกความสนใจทั้งหมดของคนรักมาอยู่ที่เธอได้ เพราะมันจะเป็นครั้งเดียวที่เขาจะหันมาสนใจเธอ ...ในเสี้ยววินาทีที่เธอกำลังจะตาย
"เราเลิกกันเถอะนะ ขอร้อง...แจ็คทนไม่ไหวอีกแล้วแจน..."
"ทำไม...ฮึก ทำไม"
"แจ็ครักคนอื่น..คนคนนั้นไม่ใช่พิมพ์ แจนรู้ดีมาตลอดว่าเราไม่เคยมีอะไรกันเลย ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกันแม้แต่ครั้งเดียว มันไม่เกี่ยวกับเรื่องการให้เกียรติหรือรอแต่งงานก่อน แต่แจ็ค..."
หัวใจของหญิงสาวแทบหยุดเต้น ความรู้สึกมันบอกว่าเธอช่างโง่เง่าที่มัวแต่เสียเวลาจงเกลียดจงชังพิมพ์มาตลอด คำพูดและน้ำเสียงของใครบางคนที่เธอไม่เห็นหน้า...เด่นชัดขึ้นในความคิด
"แจ็คเป็นเกย์..ขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ ขอโทษที่ทำให้แจนเสียใจ ขอโทษที่มันต้องจบแบบนี้...พิมพ์เองก็รู้เรื่องนี้ แจ็คถึงสนิทกับน้อง แจ็คไม่กล้าบอกจนกระทั่งแจนยืนยันจะแต่งงาน แจ็คคิดว่ามันไม่ใช่..มันไม่ใช่สิ่งที่แจ็คเป็น แจ็ค...ชอบผู้ชาย"
มันช่างเป็นคำบอกเลิกที่เธอจินตนาการไม่ถึงเลย ไม่เคยคาดคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้น...
เพราะเธอไม่เคยเชื่อ และแฟนหนุ่มของเธอก็ไม่เคยมีพฤติกรรมอะไรที่แสดงออกมาเลยสักนิด
แต่...ก็ใช่ว่ากวินจะไม่เคยโดนเพื่อนแซ็วเรื่องนี้
คำพูดที่เพื่อนแซ็วเล่นว่ารักแรกของกวินคือตุ๊ดเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน แต่กวินก็หัวเราะและไม่เคยปฏิเสธ
เธอคิดมาตลอดว่าไอ้เรื่องแฟนเป็นเกย์เป็นเก้ง มันเป็นเรื่องขำๆ ในวงเหล้า แต่...เหตุการณ์ในวันนี้มันพิสูจน์แล้ว ว่ามันไม่ขำสักนิด หากแฟนหนุ่มมาสารภาพว่าตลอดมาเขาไม่เคยชอบผู้หญิง ไม่เลย มันไม่ตลก ไม่ขำ มันเลวร้ายยิ่งกว่ารู้ว่าแฟนมีกิ๊กเป็นผู้หญิงด้วยกันอีก
"แจน..." สองมือพยายามคว้าตัวหญิงสาวที่ผลักเขาออกและลงจากรถไป
ยลรดาไม่มองหน้าและไม่สนใจคำพูดเขาอีกต่อไป ขณะเดียวกันกับที่ตำรวจท้องที่มาถึงและก้มลงมาเคาะกระจกถามเขา
กวินได้แต่มองตามหญิงสาวที่เดินไปโบกแท็กซี่เพียงลำพัง ก่อนจะถอนใจออกมาอย่างโล่งอกและหันไปคุยกับตำรวจ
....................
"ขอโทษนะที่สร้างปัญหา..."
(แล้วตกลงพี่แจนเขาว่าไง เขาโอเคหรือเปล่า?)
"ไม่น่าโอเค เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์เลย นี่แจ็คต้องยืมโทรศัพท์เอินโทรมาก่อน กลัวพิมพ์คิดมาก แจนเขาพูดไม่คิดแบบนั้นแหละกำลังโมโห แจ็คกลัวพิมพ์จะ..."
(แต่เขาก็พูดถูกนะ พิมพ์ควรเลิกยุ่งกับผัวชาวบ้านใช่ไหมล่ะ)
คนที่นั่งคู่มากับคนขับได้แต่มองออกไปนอกถนนเส้นเดียวกับที่เกิดเรื่องเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว สิ่งแรกที่กวินคิดถึงคือการวนรถกลับไปหาอนิลซึ่งนั่งอยู่เพียงลำพังในร้านกาแฟ
คำพูดที่คิดจะตำหนิที่อีกฝ่ายหายไปและโทรศัพท์โทรไม่ติดจนอนิลเกือบจะให้ที่บ้านมารับแทน กลายเป็นว่าเมื่อเจอหน้าอนิลกลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ยิ่งมาเห็นสภาพรถคันสวยที่ประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับเป็นรอยขูดยาวที่เกิดจากตอนที่กวินเบรกแล้วหักรถไปครูดกับที่กั้นข้างถนน ก็รู้เลยว่าอีกฝ่ายคงผ่านอะไรมาหนักหนาเกินพอแล้ว
กวินเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องโกหกที่จำใจต้องพูดออกไป เพราะแน่ใจว่าเรื่องที่อ้างว่าพิมพ์รู้ว่ากวินเป็นเกย์ ยลรดาคงไม่กล้าไปถามหาความจริงแน่ๆ สาเหตุเพราะเหตุผลสองข้อ ข้อแรกคือไม่อยากให้ยลรดาไปยุ่งกับพิมพ์อีก และข้อที่สอง คือต่อจากนี้ไปความสัมพันธ์ของกวินกับยลรดาจะต้องจบลงในไม่ช้า แม้ว่าเรื่องหมั้นหมายที่จะแต่งงานกันยังเป็นเรื่องที่ค้างคาอยู่
หลังจากที่รับอนิลขึ้นรถ สิ่งแรกคือคำพูดขอโทษและความรู้สึกผิดที่เขาจำเป็นต้องขอยืมโทรศัพท์อนิลเพื่อโทรหาพิมพ์ มันเป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสำหรับอนิล ในเมื่อเหตุผลของกวินก็เพราะห่วงพิมพ์ที่โดนแฟนสาวพูดด่าทอรุนแรง แถมตอกย้ำในเรื่องที่พิมพ์ผิดพลาดไป อนิลยินยอมที่จะให้กวินโทรหาพิมพ์แต่โดยดี ไม่พูดตัดพ้อใดๆ ไม่แสดงอาการหึงหวง ทุกอย่างมันมีเหตุผลของการกระทำมากพอ เหมือนกับที่อนิลนึกย้อนไปถึงเรื่องของพิมพ์ เขาเองไม่มีเรื่องอะไรบาดหมางกับพิมพ์ก็ไม่จำเป็นต้องขัดขวางการรับหญิงสาวเข้าทำงานในสายการบินที่พ่อของเขามีหุ้นอยู่
เหมือนกับว่า...ต่อให้ไม่ชอบใจอยู่ลึกๆ ที่กวินยังแบ่งปันความรักความห่วงใยให้พิมพ์ แต่หากเขาขัดขวางและทำตัวระรานเหมือนที่ยลรดาทำ เขาก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงขี้แพ้อย่างยลรดา ที่มองไม่เห็นค่าของตัวเองและยึดติดอยู่กับผู้ชายคนเดียวตลอดชีวิต
เมื่อวางสายจากพิมพ์ โทรศัพท์ของอนิลก็มีข้อความเด้งขึ้นมาหลังจากที่กวินคืนโทรศัพท์ให้ ข้อความที่อนิลไม่คิดว่าจะได้รับ
PIM
ขอบคุณนะคะ คุณใจดีมากที่ให้แจ็คโทรมาหาเรา เราสัญญาจะไม่ไปวุ่นวายกับเขาอีก คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ |
อนิลอ่านข้อความนั้นแล้วก็คิดถึงเรื่องที่จินตภัทรเคยบอกว่า พิมพ์ไม่ใช่คนไม่ดี นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เพื่อนเขาลังเลที่จะคบกับจอมพล เหมือนกับมุมของคนเราในการมองคนคนเดียวกันมันต่างกันไปตามสถานการณ์
เราไม่มีทางรู้จักใครด้วยขี้ปากคนอื่น หรือแค่ไม่ชอบขี้หน้า ก่อนหน้านี้ความรู้สึกที่มีต่อพิมพ์มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ชอบผู้หญิงช่างเรียกร้อง วุ่นวาย และเอาแต่ใจ สิ่งต่างๆ ที่อนิลรับรู้เรื่องของพิมพ์มันมาจากการกระทำของกวินเองที่เปิดโอกาสให้หญิงสาวสามารถเรียกร้องและวุ่นวายได้เอง
อาจจะจริงที่จินตภัทรเคยบอกว่า ไม่ใช่แค่ผู้หญิงผิดที่คิดว่าจะโทรหาผู้ชายคนหนึ่งเมื่อไรก็ได้ แต่เป็นตัวผู้ชายเองมากกว่าที่ทำตัวเซอร์วิสตลอด 24 ชั่วโมงอย่างไร้ข้อแม้ คนที่ใจอ่อนและอ่อนแอเกินกว่าจะปฏิเสธมันคือคนของเขาเอง คือตัวกวินเอง ที่อนิลได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกหลังจากที่ตัดสินใจคบกัน
ราวกับว่ากวินทำให้คนรอบตัวดูร้ายไปหมด ปล่อยให้ยลรดาเอาแต่ใจโดยไม่พูดไม่โต้ตอบอะไร จนสุดท้ายแม้กระทั่งตอนจบก็ไม่บอกออกไปตรงๆ ว่าไม่เคยรักกันเลย ทำให้พิมพ์ดูร้ายเพราะไม่เคยบอกเหตุผลว่าทำไมตัวเองต้องมารับโทรศัพท์พิมพ์ตลอดเวลาและเปิดโอกาสให้พิมพ์กลายเป็นคนที่เรียกร้องได้อย่างไม่มีลิมิต ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว คนที่ร้ายที่สุดและควรรับความผิดทุกอย่างไปมันคือตัวกวินเอง
ขณะที่ปล่อยในตัวเองตกผลึกทางความคิดจากการกระทำของกวิน มือของคนในความคิดก็เอื้อมมากอบกุมมือของอนิลเอาไว้ราวกับรู้สึกผิด และหวาดกลัวความเงียบของร่างบางที่เอาแต่มองออกไปข้างทาง
"เอิน..."
"อือ"
"แจ็คไม่รู้ว่าเอินคิดอะไร ทำไมเงียบแบบนี้ล่ะ โกรธแจ็คเรื่องอะไรเหรอ?"
น้ำเสียงที่ดูเกรงใจ ไม่เหมือนกับกวินที่เคยพูดจากวนประสาทและบังคับให้เขาอยู่ใต้บัญชาเหมือนก่อนหน้านี้สักนิด แต่แทนที่อนิลจะรู้สึกดีที่อีกฝ่ายรู้สึกเสียใจต่อเขา อนิลกลับรู้สึกหดหู่และหงุดหงิดมากกว่า
"เอินโกรธที่แจ็คดีกับทุกคน แจ็คเป็นคนใจดี ใจดีกับทุกคนเลย ในขณะที่ทุกคนที่รักแจ็คกลายเป็นคนใจร้ายแบบที่แจนเป็น เอินไม่อยากเข้ามาแทนที่แจน มาเป็นนางอิจฉา แจ็ครู้ดีว่าเอินมีทางเลือกมากมาย เอินมีคนดีๆ ให้คบอีกเยอะนะ ทำไมเอินต้องเสียเวลากับคนที่แสนดีแต่จัดการชีวิตตัวเองได้โคตรห่วยแตกแบบนี้ด้วย?"
ใช่...มันไม่ใช่โลกในละครน้ำเน่าที่ทุกคนต้องมาแย่งพระเอกใจดี หน้าตาดี บ้านรวย แต่เสือกจัดการปัญหาอะไรไม่ได้ นางร้ายก็มาระรานนางเอก พระเอกแสนดีก็ปกป้องทุกคนเลยงี้เหรอ? แล้วนี่เลิกกับแจนจริงๆ หรือเปล่า? พูดไปแค่นั้นปัญหาจะจบง่ายๆ แบบนี้เหรอ? ในเมื่อเสือกโง่ไปหมั้นกับเขาแล้ว
อนิลได้แต่คิดแล้วดึงมือออกจากมือหนาที่กอบกุมเอาไว้ ไม่ได้รู้สึกเกลียดหรือขยะแขยง แต่หงุดหงิดเกินกว่าที่ความรักจะทดแทนส่วนที่มันขาดหายไปในตัวของอีกฝ่ายได้จริงๆ
"แจ็คขอโทษที่เป็นคนห่วยแตก แจ็ครู้ว่าแจ็คจัดการปัญหาไม่เก่ง ไม่ใช่คนที่แบบที่เอินคาดหวังว่าจะเจอ แต่ให้โอกาสแจ็คได้ไหม บอกสิ่งที่เอินต้องการ บอกมาว่าแจ็คต้องทำยังไงเพื่อให้เอินอยู่"
ไม่ใช่คำพูดของกวินที่ทำให้อนิลหันกลับไปมอง แต่เป็นน้ำเสียงที่แหบแห้งและสั่นเครือ เมื่อสบตากันมันทำให้รู้ว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้ากลายเป็นเด็กที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าควรจะทำยังไงกับชีวิต ที่ผ่านมายี่สิบกว่าปีได้คิดเองบ้างหรือเปล่า? ได้เลือกเองบ้างไหม? เคยบอกใครบ้างไหมว่าตัวเองชอบอะไร อยากเป็นอะไร อยากได้อะไร?
พอเห็นแบบนี้แล้วก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเลือกจะแสดงออกความเป็นตัวตนของตัวเองผ่านเซ็กซ์ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและเอาแต่ใจ...
เพราะโลกแห่งความจริง กวินเป็นเพียงคนอ่อนแอที่ปฏิเสธใครไม่เป็น ตัดใครออกจากชีวิตไม่ได้เพราะไม่เข้มแข็งพอ
สองแขนที่ทั้งผอมและบอบบางกลายเป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายของผู้ชายตัวโตและดูเป็นคนที่ควรจะพึ่งพาได้ แต่จะมีสักกี่คนที่เห็นความอ่อนแอของกวิน เห็นความเอาแต่ใจ เห็นความขาดๆ เกินๆ ที่ไม่สามารถแสดงออกให้ใครเห็นได้ แม้แต่คนในครอบครัว
ยิ่งถูกกอดเอาไว้ทุกความอึดอัดในใจกลับพรั่งพรูออกมาไม่มีที่สิ้นสุด กวินพบว่าตัวเองกลายเป็นเด็กอีกครั้ง เด็กชายกวินที่ไม่เคยได้รับสัมผัสนี้จากพ่อแม่มาก่อนหลังจากที่พวกท่านเสียไปและทิ้งเขาเอาไว้กับพี่ชายที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของพ่อแม่ได้สมบูรณ์ การสูญเสียที่ทั้งเขาและกวีผู้เป็นพี่ชายได้รับมันอาจจะเท่ากัน แต่ความขาดวิ่นในจิตใจที่ทำให้กลายเป็นคนอ่อนไหวและอ่อนแอมันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เพราะมีเพียงพี่ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ในครอบครัว ไม่ว่าอะไรที่พี่บอกหรือสอนให้รู้เขาก็เรียนรู้มันมาจากจุดนั้น ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่อย่าแสดงออกว่าเป็นผู้พ่ายแพ้ให้เห็น เขาไม่เคยชนะพี่ไม่ว่าเรื่องไหน เหมือนกับที่เขาไม่เคยได้เลือกอะไรเองแม้แต่เส้นทางที่อยากเดิน
เริ่มต้นจากยอมคนในบ้านเป็นลูกไล่ของพี่ชาย เป็นอาที่ต้องมีหน้าที่เลี้ยงหลานตามคำขอของพี่สะใภ้ และยอมคบกับคนที่ไม่ได้รัก เพียงเพราะกลัวที่จะผิดหวังซ้ำๆ ไม่กล้าที่จะทอดทิ้งคนรักเพียงเพราะมีโซ่ตรวนที่เรียกว่าความกลัว ทุกอย่างรอบตัวบีบคั้นให้กวินกลายเป็นคนต้องยอมอยู่เสมอ...
จนกระทั่งอนิลทำให้เขารู้สึกถึงสิ่งที่เรียกว่า 'ตัวตน' สิ่งที่อยากทำ การกระทำที่ไม่ถูกต้องนักแต่นั่นคือสิ่งที่เขาไม่เคยทำกับใคร ยิ่งอนิลยอมก็ยิ่งรู้สึกหลุดออกมาจากกรอบที่ตัวเองเคยอยู่ กล้าเผยความหยาบคายที่ไม่เคยกล้าแสดงออก ลงมือทำร้ายและข่มขืนอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่อยากเอาชนะเป็นครั้งแรก กลิ่นของชัยชนะยามที่ข่มเหงอนิลราวกับออกซิเจนที่เขาไม่เคยหายใจเข้าไปได้อย่างเต็มปอดมาก่อนในชีวิต
แต่สุดท้ายชัยชนะนั้นก็เป็นเพียงจินตนาการ เพราะเขาพ่ายแพ้ต่อสายตาและท่าทีของอนิลที่ไม่เคยแสดงอาการเจ็บปวดหรือหวาดกลัว คนที่เป็นฝ่ายชนะอย่างแท้จริง คือคนที่ยอมรับฟังและไม่มองเขาเป็นตัวประหลาด ถึงปากจะด่าทอออกมาด้วยคำพูดที่แสดงออกด้วยความเกลียดชัง แต่ทุกครั้งที่สบตากัน เขายังมองเห็นตัวเองอยู่ในดวงตากลมโตคู่นั้น ทำให้รู้ว่าความรักไม่ใช่การมองเห็นแต่มุมที่สวยงามของกันและกัน แต่เป็นการยอมรับในความบิดเบี้ยวและพิกลพิการในใจของอีกฝ่ายและยังคงอยู่ข้างกันไม่จากไปไหน
"แจ็ครักเอินนะ" น้ำเสียงที่สั่นเครือในอ้อมกอดเอ่ยบอกความในใจที่แสนสั้นแต่เต็มไปด้วยความหมาย
แทนคำตอบด้วยเสียงและคำพูดสวยหรู มีเพียงสองแขนของอนิลที่กระชับอ้อมกอดให้แน่นมากกว่าเดิม
ให้รู้ว่า...อยู่ตรงนี้นะ และจะไม่ไปไหนทั้งนั้น
....................
"อืม ฝันดีนะครับ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งนะพิมพ์ โอเคครับ บาย"
เสียงทุ้มของร่างสูงใหญ่ที่ยืนโทรศัพท์อยู่ที่ห้องรับแขกจบลงและเดินกลับเข้ามาในห้อง ที่มีเจ้าของห้องตัวเล็กนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหลังจากร้องไห้จนเหนื่อย จอมพลพบว่าเขาใจเย็นขึ้นมากหลังจากผ่านเรื่องของพิมพ์มา และการเริ่มต้นใหม่กับจินตภัรทำให้เขาไม่สามารถแสดงความเกรี้ยวกราดหรือหยาบคายใส่อีกฝ่ายได้เหมือนที่เคยเป็น
ชายหนุ่มทำเพียงแต่นั่งขัดสมาธิลงข้างเตียงมองหน้าของคนที่นอนตะแคงอยู่ก่อนจะเอื้อมมือไปจับนิ้วมือเล็กๆ ที่เจ้าตัววางมือห้อยออกมานอกเตียง จินตภัทรเหมือนเด็กที่ร้องไห้งอแงในบางครั้ง แต่ก็เหมือนคนที่ผ่านโลกมามากยามที่ตอบคำถามในรายการวิทยุของยลรดา คำพูดและความคิด ช่างสวนทางกับหน้าตาและพฤติกรรมอย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าคมก้มลงประทับริมฝีปากกับหลังมือนุ่มนิ่มอย่างแผ่วเบา คิดถึงตอนที่ขับรถของอนิลมาถึงแล้วเพิ่งรู้ว่าตัวเองพูดคนเดียวมาตลอดทาง จินตภัทรหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พอมาถึงคอนโดฯ เขาก็ต้องหาคีย์การ์ดในกระเป๋าของอีกฝ่ายก่อนจะอุ้มคุณนักเขียนตัวเล็กเดินเข้ามาทางลานจอดรถด้านหลังซึ่งปลอดภัยจากสายตาคนภายนอก แล้วอุ้มขึ้นลิฟต์มาด้วยกันพร้อมกับสายตาที่คอยดูว่ามีใครตามมาหรือเปล่า เพราะไม่อยากจะประวัติซ้ำรอยกับเรื่องพิมพ์
เขาพาจินตภัทรเข้าห้องมาอย่างทุลักทุเล เพราะอีกฝ่ายหลับสนิทจนไม่กล้าปลุกเรียกให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ราวกับว่าจินตภัทรเองก็ไว้ใจที่จะให้เขาดูแลจนหลับไปโดยไม่ห่วงเลยว่าเขาจะอุ้มไปวางไว้ตรงไหน สุดท้ายจอมพลก็ต้องมานั่งเปิดตู้เสื้อผ้าที่จัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ มองเห็นฝั่งหนึ่งที่โล่งเหมือนมีเสื้อผ้าหายไปก็เข้าใจดี เพราะห้องเขาเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
ชุดนอนที่เลือกมาให้เป็นชุดลายลูกเป็ดพื้นขาว มันดูเหมาะกับเด็กอนุบาลมากกว่าแต่กลับดูน่ารักอย่างอัศจรรย์เมื่อมาอยู่บนตัวของจินตภัทร เรือนร่างที่นุ่มนิ่มและผิวกายที่ขาวราวน้ำนม จอมพลต้องใช้ความอดทนมากมายทีเดียวกว่าจะผ่านจุดที่มองร่างเปลือยเปล่าของคุณนักเขียนแล้วข่มใจใส่เสื้อผ้าให้อีกฝ่ายสำเร็จ
ก่อนที่เขาจะโทรหาพิมพ์หลังจากได้รับข้อความก่อนหน้านี้ว่าเพื่อนเขากำลังตกที่นั่งลำบากและยลรดาพูดด่าทอพิมพ์อย่างรุนแรงจนพิมพ์ต้องส่งข้อความมาบอกเขาว่าช่วยโทรกลับหน่อย แต่หลังจากโทรไปหาพิมพ์กลับบอกเขาว่าตอนนี้เพื่อนของเขาไปรับอนิลแล้วและเรื่องทุกอย่างผ่านไปด้วยดี มันน่าแปลกเหมือนกันที่แฟนเก่าที่เพิ่งเลิกกันไปไม่ถึงสัปดาห์สามารถจะโทรมาบอกเรื่องของเพื่อนเขาได้โดยไม่พูดถึงเรื่องตัวเองแม้แต่น้อย...
....................
flashback
"พิมพ์อยู่ที่บ้านเหรอ?"
(อื้ม อยู่กับพ่อแม่ เดี๋ยวญาติก็มาพรุ่งนี้เพราะวันเกิดคุณตาละ)
"ฝากแฮปปี้เบิร์ทเดย์คุณตาด้วยนะ"
(อื้อ)
"พิมพ์ ดูแลตัวเองนะ ถึงเราจะไม่ได้รักกันแล้วแต่พิมพ์รู้ใช่ไหมว่าพิมพ์ยังต้องรักตัวเองนะ"
ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ มีเพียงเสียงร้องไห้ที่เขาสัมผัสได้ถึงความบอบช้ำที่อีกฝ่ายได้รับ พิมพ์คือคนที่เฟดตัวออกไปเองและอยู่ในสถานะที่ต่างไปเพียงชั่วข้ามคืน เขาไม่โทษพิมพ์ที่พาตัวเองไปถึงจุดนั้น แต่โทษตัวเองที่ไม่สามารถให้ทุกสิ่งที่คนรักต้องการได้ เขายังรู้สึกผิดเสมอแม้ว่าจะไม่ได้เจอกัน
(อื้อ บีก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ดูแลคุณจีนดีๆ บอกคุณจีนด้วยว่าเราจะฝากแจ็คเอาหนังสือไปคืนให้)
"ครับ"
(บี...)
"หืม?"
(พิมพ์รักบีนะ ขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษที่พิมพ์ไม่เคยเชื่อบี ไม่เคยเป็นแฟนที่ดีของบีเลย)
"ไม่หรอก ตอนที่เราคบกันมันก็ดีนะ ช่วงเวลาที่บีรักพิมพ์มันอาจจะผ่านไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องของเรามันไม่เคยเกิดขึ้น รักตัวเองนะพิมพ์ ดูแลตัวเอง ดูแลหัวใจเพื่อไปเจอคนที่ดีกว่าบีนะ"
จอมพลได้ยินเพียงเสียงร้องไห้ที่ทำให้ปวดใจ ตอกย้ำให้รู้ว่าเขายังคงเจ็บปวดเสมอยามที่ได้ยินเสียงของคนที่เคยรักมากที่สุดกำลังเสียใจ เพราะความรักที่เขาเคยมีต่อพิมพ์มันคือความจริงในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเขา
สุดท้ายแล้วเสียงที่สั่นของพิมพ์ก็เป็นฝ่ายบอกลาและขอตัวไปนอน...
เขาบอกลาและบอกกับเธอเหมือนที่เคยพูดมันตลอดมาหลายปี "ฝันดีนะครับ"
โดยที่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นการบอกฝันดีครั้งสุดท้าย...กับพิมพ์
.........TBC........
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คู่บีจีนตอนนี้คือน่าร้ากกกก อ่านละยิ้ม มีจ๊งมีจุ๊บมือ จะเห่ออะไรขนาดนั้น 55555
ทิ้งท้ายแบบนี้ ตอนหน้ามีน้ำตาแน่ๆ
สงสารพิมพ์ แลเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตน้อยมากๆ TT ถ้ามีคนต้องตาย อยากให้เป็นอีพี่เบญแทน แลมีความสุขเกินหน้าเกินตา :(
ตอนนี้ทิ้งท้ายได้น่ากลัวมากค่ะ กลัวพิมพ์จะเป็นอะไรไปอีก เลิกกับแฟนก็เศร้าพอแล้ว แจ็คที่สนิทมากคอยรับฟังให้คำปรึกษาบ่อยๆ พิมพ์คงไม่กล้าติดต่อปรับทุกข์ด้วยแล้ว(เพราะเกรงใจแฟนแจ็ค) คงเคว้งน่าดู ขอให้พิมพ์อย่าเป็นอะไรอย่าคิดสั้นเลยนะ
ตอนนี้เราชอบการเล่าปมในใจของแจ็คมาก มันเป็นการอธิบายสิ่งที่แจ็คเป็น การโดนคาดหวัง และอะไรอื่นๆที่หล่อหลอมให้แจ็คเป็นคนซาดิสแล้วมาลงกับอนิล คนที่แจ็ครู้สึกว่าเหนือกว่า ทำให้รู้ว่าที่จริงแจ็คก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอย่างที่คิด ทำให้เข้าใจตัวตนของแจ็คมากขึ้น
ตัวละครทุกตัวมีด้านดีและไม่ดี มีความเป็นมนุษย์จริงๆ อ่านไปเรื่อยๆก็จะค่อยๆทำความเข้าใจแต่ละคนไปนะคะ^^
เขินคุณจอมพลกับน้องจีนมากอะไรจะดูแลเอาใจใส่ดีเยี่ยงนี้ละจอมพลน้องจีนดูเหมือนลูกน้อยของจอมพลเลยอะ5555555555 ดูอบอุ่นอะจอมพลเวอร์นี้
กวินนี่ก็น่าสงสารดูจัดการชีวิตไม่ได้ไม่รู้จะเอาไงค้างคาไปหมด ขอบคุณอนิลที่ถึงจะโกรธหรือโมโหแต่ก็ยังอยู่ตรงนี้อยู่กับกวินตรงนี้ไม่ไปไหน หวังว่ากวินจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ได้นะ
รอดูกันไปยาวๆเนาะกับความรักของพวกเขา มันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
แล้วรักแรกของจีนกับบี ก็เหมือนกันอีก /อยากให้เค้ารู้กันจังง ><
อ่านแล้วนึกถึงตัวเองจัง การที่เรายอมใครสักคนตามใจเค้ามาตลอด จริงๆเค้าก็เป็นคนดีแต่เราไปทำให้คนอื่นมองว่านิสัยเค้าเป็นคนเอาแต่ใจ (เพื่อนเราเองตามใจมันจนเสียนิสัย ตอนนี้ต้องค่อยๆปรับมันนิสัยแล้วเนี่ย)
ไรท์คงไม่ได้อยากฆ่าพิมพ์อีกรอบใช่มั้ย 555
แจนเป็นยังไงมั่งเนี่ย กังวลเรื่องแจนมาก นางสวยนะ แต่อย่างที่อนิลว่าอ่ะ นางควรรู้คุณค่าของตัวเองมากกว่านี้ ไม่ใช่เอาตัวเองไปยึดติดกับผู้ชายคนเดียว มันอาจจะดีที่แจนไม่คิดนอกใจอีกฝ่าย แต่มันก็อาจจะโชคร้ายที่แจ็คไม่ได้รักแจน
แจนสวยนะ ไม่ยากหรอกที่จะหาแฟนใหม่และเจอคนที่รักแจนจริงๆ จริงใจกับแจน
พิมพ์กับบีเหมือนเลิกกันแบบไม่ดีแต่มาคุยดีๆกันได้ฮือออออนั้มตาไหลลลลล แล้วทำไมต้องบอกครั้งสุดท้าย