ตอนที่ 64 : EP.4 แฟนดีเด่น ณ 2209
Upside Down
Welcome To The Upside Down
4
แฟนดีเด่น ณ 2209
ในชีวิตของคนเราคงมีไม่กี่อย่างที่ฝันอยากจะเจอ ชื่อเสียง เงินทอง แล้วก็คนที่รัก...ที่ไม่ว่าลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อไรก็เจอ
วันนี้จินตภัทรตื่นตั้งแต่เช้า ไม่ใช่เพราะนาฬิกาปลุกเหมือนเคย แต่เพราะเมื่อคืนเขาเข้านอนเร็วกว่าทุกวันเพราะคิดงานไม่ออกก็เลยไม่ได้จับโน้ตบุ๊กและไม่ได้เขียนงานเป็นเรื่องเป็นราว สุดท้ายการนอนก็เป็นคำตอบ
น่าแปลกที่เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นคนรักที่นอนสลบไสลอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มคงกลับมาก่อนรุ่งสางเพราะเห็นบอกว่าไฟลต์บินกว่าจะมาถึงสุวรรณภูมิก็เกือบตีสาม ชีวิตนักบินที่ดูน่าสงสาร กินนอนไม่เป็นเวลาเหมือนอาชีพอื่นๆ แต่น่าแปลกที่เบญยังคงรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันเอาไว้ได้ถึง 10 ปี ตั้งแต่เรียนอยู่เตรียมอุดมก็เจออีกฝ่ายที่เป็นรุ่นพี่อายุมากกว่าตั้งสามปีมาขอเบอร์เอาโต้งๆ พร้อมเสนอคอร์สติวตัวต่อตัวที่ก็ไม่ใช่แค่ติวเรื่องเรียนแต่ดันได้เสียตัวเป็นค่าเรียนพิเศษด้วยซะอย่างนั้น
แต่ก็นับว่าโชคดีที่จินตภัทรได้เจอเบญ เพราะชายหนุ่มก็ไม่ใช่พวกฟันทิ้งฟันขว้าง แต่กลับติดแจและขี้หึงเป็นที่หนึ่ง ขนาดตอนที่สอบนักบินได้ก็ย้ำแล้วย้ำอีกว่าห่างกันเมื่อไรให้รายงานตัวตลอด ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรอยู่กับใคร ช่วงไหนไม่มีบินหรือ
ลาพักร้อน ก็จะมานอนหลับเป็นตายอยู่ข้างๆ เรียกว่านอนข้ามวันข้ามคืนก็ทำมาแล้ว ขอแค่ได้นอนกอดกันโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เบญก็บอกว่ามันคือการชาร์จแบตฯ ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
"หิว.." เสียงของคนที่นอนหลับตาอยู่ข้างๆ บ่นขึ้นมาพร้อมปรือตามองจินตภัทรด้วยรอยยิ้ม
"พี่ต้องทำให้เค้ากินหรือเปล่าอะ"
"อื้อ มีอะไรในตู้เย็นของเราบ้างอะ" เบญขยับมากอดร่างบางที่สวมเพียงเสื้อยืดสีขาวตัวโตๆ เอาไว้กับเกงชั้นในที่เป็นชุดนอนแสนสบายที่สุดของร่างเล็กไปแล้ว
"ข่าวร้ายคือไม่มีเลย ข่าวดีคือวันนี้เค้ามีพี่เบญ เค้าจะไม่ออกไปไหนทั้งนั้น"
เด็กช่างอ้อนพูดพลางทำปากจู๋ใส่อย่างน่ามันเขี้ยว
"ดีนะเพิ่งกลับมาตอนตีสี่..." น้ำเสียงอบอุ่นเอ่ยขณะที่ค่อยๆ เกลี่ยนิ้วหัวแม่มือกับริมฝีปากแดงๆ ของคนรัก
"ทำมะ?"
"ก็ไม่ต้องลุกไปแปรงฟันก่อนปล้ำเด็กไง"
ร่างหนาให้คำตอบก่อนจะพลิกกายขึ้นมาอยู่เหนือร่างเล็กที่เอาแค่ยิ้มและหัวเราะ
ริมฝีปากอิ่มสวยยังคงน่าจูบไม่รู้เบื่อยามที่โน้มลงไปบดคลึงอย่างแผ่วเบาและค่อยๆ เพิ่มความรัญจวนใจมากขึ้นตามความต้องการของร่างกาย ที่ไม่ว่าเมื่อไรที่ได้กอดแฟนตัวเล็กก็รู้สึกอยากจะแกล้งอยู่ร่ำไป
บั้นท้ายนุ่มค่อยๆ ยกขึ้นขณะที่มือของคนรักเกี่ยวชั้นในสีขาวรูดรั้งลงมาคาอยู่ที่ข้อเท้าขาวๆ สัมผัสของฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ผิวกายหายเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางขยับมือปรนเปรอความต้องการที่ 'ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถาม' แต่กลับรู้จักร่างกายของกันและกันดี
ร่างเล็กหอบครางไปตามอารมณ์ที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ ตามการชักพาของอีกฝ่าย ริมฝีปากอิ่มครางเบาๆ มือเรียวจิกลงบนผ้าปูสีขาวสะอาดหัวใจเต้นแรงเมื่อสัมผัสของปลายนิ้วของคนรักที่ค่อยๆ กดเข้ามาในช่องทาง
ติ๊ง ติ๊ง
เสียงออดหน้าประตูห้องทำเอาทุกอย่างชะงักไปในทันที เสียงจิ๊จ๊ะของเบญกับอาการหงุดหงิดเล็กน้อยเรียกรอยยิ้มของจินตภัทรที่ค่อยๆ ลุกขึ้นมามองแฟนหนุ่มหยิบเสื้อมาสวมก่อนจะเดินไปดูว่าใครกันที่มารบกวนกิจกรรมยามเช้าของพวกเขาแบบนี้
"ครับ?"
ทันทีที่เบญเปิดประตูออกไปก็พบชายหนุ่มที่ยื่นกล่องพัสดุมาให้ด้วยสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย
"เอ่อ พอดีนิติบุคคลเขามองเลขที่ห้องผิดครับ เลยเอามาใส่ไว้ในกล่องของผม"
เบญมองหน้ากล่องแล้วก็เห็นชื่อแฟนตัวเล็กก็รีบรับมา
"อ้อของจีน ขอบคุณนะครับ คุณอยู่ 2207 เหรอครับ?"
"ใช่...ครับ"
"ผมชื่อเบญครับ จริงๆ ผมไม่ค่อยได้อยู่ห้องเหมือนจีน พอดีทำงานอยู่สายการบิน..."
จู่ๆ บทสนทนาที่อีกฝ่ายพยายามผูกมิตรก็ไม่ได้รับความสนใจเท่ากับสิ่งที่
จอมพลดันเหลือบไปเห็นผ่านตู้กระจกที่อยู่ตรงข้ามห้องนอนที่เปิดประตูเอาไว้
เงาสะท้อนของร่างเล็กที่นั่งอยู่ปลายเตียงยกขาเรียวขึ้นทีละข้างสวมกางเกงชั้นใน ยามที่ค่อยๆ ดึงขอบกางเกงตัวจิ๋วขึ้นก็หมุนตัวหันหลัง ชายเสื้อตัวโตยกขึ้นเปิดจนเห็นบั้นท้ายงอนๆ ที่มองแล้วพาให้ใจสั่น ร่างเล็กของคุณเพื่อนบ้านเดินมาหยุดมองกระจกที่อยู่เยื้องประตูก่อนที่จะดึงคอเสื้อแล้วส่องดูรอยที่แฟนหนุ่มทำเอาไว้บนหัวไหล่ขาวนวลเนียน ทำเอาคนที่แอบมองอยู่เผลอกลืนน้ำลายลงคอ พอมองกลับมาที่สภาพของคนที่เดินมาเปิดประตูก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าเมื่อครู่ สองคนนี้กำลังทำอะไรกัน...
"ครับ เอ่อ คุณถามว่าอะไรนะครับ?" จอมพลถามเบญที่ยังพูดแต่เรื่องตัวเองอีกครั้ง ชายหนุ่มตรงหน้าดูเป็นมิตรดีและไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่คุยด้วย
"ผมถามว่าคุณอยู่กับแฟนใช่ไหมครับ? เห็นจีนเล่าให้ผมฟัง" เบญเป็นผู้ชายที่มีน้ำเสียงสุภาพและมีรอยยิ้มที่เข้ากับหน้าตาหล่อๆ ซึ่งเห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ในความ
เพอร์เฟกต์ขึ้นมาซะเฉยๆ
"ใช่ครับ เอ่อ เดี๋ยวผมต้องไปทำงานแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ"
"ครับ ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่เอาของมาให้"
ก่อนที่ประตูจะปิดลง สายตาของจอมพลแอบมองลอดเข้าไปเห็นร่างเล็กที่วิ่งเข้ามากระโดดกอดคุณนักบินที่เพิ่งคุยกับเขาเมื่อครู่ด้วยสีหน้าอ้อนๆ ก่อนจะถูกอุ้มจนตัวลอย เรียวขาขาวๆ กอดก่ายเอวหนาเอาไว้ในทันที
แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวนาทีที่มองเห็นริมฝีปากอิ่มบดเบียดเข้าหาริมฝีปากของอีกฝ่าย แต่ไม่รู้ทำไมจอมพลกลับรู้สึกโกรธคุณเพื่อนบ้านตัวเล็กขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล...
ทั้งที่นั่นก็ไม่ใช่ของของเขา...แต่มันหงุดหงิดที่แค่คิดจะเอื้อมมือไปคว้าเอาไว้ ก็ยังไม่มีโอกาสเลย...
....................
"นี่ ยังไม่เลิกใส่คอนแทกต์เลนส์อีกเหรอ?" เสียงดุๆ ของคนที่ยื่นกล่องพัสดุให้ถามด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก
"ไม่ใช่ของเค้าอะ ของเอินมัน ให้ร้านคอนแทกต์เลนส์ส่งมาให้ที่นี่เพราะเดี๋ยวมันจะมาเอาพร้อมต้นฉบับ"
"แล้วไป เกือบตาบอดแล้วนะตอนนั้นอะ ห้ามใส่อีกเด็ดขาดรู้ไหม?"
เบญเอ่ยขณะที่สองมือประคองใบหน้าของคนรักเอาไว้แล้วบีบแก้มนุ่มนิ่มไปมาอย่างรักใคร่
ที่ดุก็เพราะว่าเป็นห่วง ก่อนหน้านี้จินตภัทรเคยมีประวัติรีบใส่คอนแทกต์เลนส์ที่ไม่สะอาดแล้วดันมีเศษผงติดอยู่ แต่เพราะคิดว่าแค่เคืองตาเดี๋ยวก็หาย ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นติดเชื้อจนเบญต้องลากไปโรงพยาบาลก่อนจะพบว่ากระจกตาโดนเศษฝุ่นที่อยู่ในคอนแทกต์เลนส์บาด ส่งผลให้ทิ้งแผลฉกรรจ์ที่กระจกตา แต่โชคดีที่เบญพาแฟนตัวเล็กมาหาหมอทันเวลา ก็เลยรักษาทัน
"งื้อ เค้ารู้แล้ว" เสียงอู้อี้เพราะโดนบีบแก้มจนปากจู๋ตอบก่อนจะบึนปากใส่คนรักที่ก้มลงมาหอมแก้มอย่างรักใคร่
"ไหนบอกซิวันนี้อยากกินอะไร?"
"ข้าวผัดกุ้งไม่ใส่ผัก" เมนูเด็กน้อยถูกรีเควสต์ออกมาพร้อมรอยยิ้มของเจ้าตัว คนฟังได้แต่ขำแล้วบีบจมูกกลมเบาๆ
"กินผักบ้างสิ ใส่แครอตนิดนึงน่า..เดี๋ยวต้มให้สุกแล้วค่อยเอาลงไปผัดไงจะได้ไม่เหม็นเขียว"
เบญอธิบายอย่างเอาใจคนรักที่เดินกอดเอวกันเป็นลูกลิงขณะที่เขากำลังแต่งตัวจะออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เกตใกล้ๆ คอนโดฯ
"ก็ด้ะ แต่ไม่เอาต้นหอมนะ"
"จ้า กินแค่นี้ก็ไม่ได้เนอะ ตัวถึงไม่โตสักทีเนี่ย เลี้ยงมาสิบปีแล้ว ตัวเท่าเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ"
จินตภัทรทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกแฟนหนุ่มล้อว่าตัวเท่ากับตอนม.ต้นไม่มีผิด
"ไม่เปลี่ยนแล้วรักเค้ามะล่ะ"
"รักสิครับ ไม่เห็นต้องถามเลย"
สองแขนกอดแฟนตัวเล็กแล้วโยกตัวไปมาโอ๋เด็กขี้งอนที่ทำปากยื่นใส่อย่างเอาแต่ใจ
"เค้าก็รักพี่นะ..."
เบญฟังคำหวานจากคนรักแล้วก็คิดว่าเขาคงไปไหนไม่รอดแล้วจริงๆ
"อยากไปเชียงใหม่แล้ว เดี๋ยวหยุดต้นเดือนหน้าไปกัน"
"ไปทำไมอะ"
"ไปขอลูกคุณเจริญมาเป็นภรรยาให้ถูกต้องสิคร้าบ อยู่ๆ เอาลูกเขามาอยู่ด้วยไม่บอกได้ไง หืม"
คำพูดแสนน่ารักทำเอาเด็กตัวเล็กมุดหน้ากับอกกว้างอย่างอายๆ ขณะที่สองแขนกอดเอวหนาแน่นขึ้นอีก
"หงึ ไม่เอา ไม่ต้องไปหรอก อายอะ ที่บ้านรู้ว่าคบกันมาตั้งนานแล้วทำไมต้องไปขออีก"
เบญผละออกมาสบตาคนรักก่อนจะกดจูบที่หน้าผากเนียนเบาๆ พลางเอ่ยความต้องการในใจออกมา ความต้องการที่เขาอยากผูกมัดคนรักเอาไว้ตลอดไป..
"พี่อยากแต่งงานกับจีน...งานเล็กๆ ที่มีแค่ครอบครัวของเรา อย่างน้อยพ่อแม่ของเรารับรู้ก็พอ พี่อยากมั่นใจมากกว่านี้ ว่าเราจะมีกันตลอดไป"
คำว่าตลอดไปถูกเอ่ยขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ตั้งแต่คบกันมา...
ความสัมพันธ์สิบปีที่ผ่านมาเริ่มทำให้จินตภัทรแน่ใจว่านั่นคือ 'ตลอดไป' ที่เบญพยายามทำให้มันเป็นจริง
แม้จะรู้ว่า 'ตลอดไป' มันอาจจะไม่มีจริง...
....................
"คอไปโดนอะไรมา?"
คำถามที่เลี่ยงตอบมาตั้งแต่เช้า สุดท้ายก็โดนคนที่เลี่ยงไม่ได้อย่างจินตภัทรที่ยื่นหน้ามาดูรอยแดงที่ลำคอขาวของอนิลพลางทำคิ้วขมวด
"รอยเข็มขัดเมื่อคืน แจ็กพอตเจอโรคจิตน่ะ" อนิลตอบเสียงเบาพลางก้มหน้าทำเป็นอ่านเมนูเครื่องดื่มตรงหน้า
"ห๊ะ?" จินตภัทรถึงกับอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ เพราะอย่างอนิล จะปล่อยให้ใครมาทำร้ายได้ง่ายๆ เลยเหรอ?
ดวงตากลมโตกลอกตาอย่างเซ็งๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไง เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก แต่สิ่งหนึ่งที่จำได้แม่นคือเสียงหอบครางของอีกฝ่ายที่ยังติดอยู่ในหัว ทั้งสีหน้าและการกระทำที่ทำเอาขนลุกไปหมด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้แม้แต่เพื่อนสนิทที่รอฟังอยู่ตอนนี้
"ช่างมันเถอะ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร..."
"แน่ใจนะแก" จินตภัทรจ้องหน้าเพื่อนที่ดูเหมือนจะกำลังมีเรื่องวุ่นวายใจ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็เลือกจะปฏิเสธความห่วงใยไป
"อืม ไม่ต้องห่วงฉันไม่เป็นไร"
ทั้งที่ใจอยากจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนใจจะขาด แต่อนิลไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน ในเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า คิดแล้วก็เจ็บใจที่ดันหลงกลไปกับภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายซะจนไม่ได้ระวังตัวเลยแม้แต่น้อย...
....................
flashback
สัมผัสที่จู่โจมเข้าใส่ราวกับนักล่าที่หิวกระหาย ทั้งมือหนาที่ฟอนเฟ้นไปทั่วร่างของอนิลอย่างหนักหน่วง ราวกับว่าเมื่อเดินผ่านเข้าประตูห้องมาทุกสิ่งล้วนตกอยู่ในอาณัติของอีกฝ่าย
ริมฝีปากหยักที่พรมจูบและฝากรอยคิสมาร์กเอาไว้บนลำคอ เริ่มรุนแรงกับผิวกายเนียนละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจงใจที่จะดูดดุนและขบกัดลงมา อนิลสะดุ้งเฮือกและเริ่มต่อต้าน มือเรียวพยายามผลักอกอีกฝ่ายออก ขณะที่ขอบสกินนี่ยีนส์ถูกปลดกระดุมและรูดรั้งจนหลุดสะโพก
"เดี๋ยว! คุณ!" ร่างผอมบางประท้วงเสียงหลงเมื่อถูกจับพลิกกายและกดเข้าผนังห้องที่อนิลไม่รู้ว่ามันเป็นห้องอะไร เพราะมีเพียงแสงสลัวจากไฟถนนที่สาดส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่าง
เสียงห้ามปรามไม่ได้ช่วยให้คนที่ตกอยู่ในความต้องการจนหน้ามืดตามัวสนใจเสียงของอนิล
"ไม่ เดี๋ยวก่อน ถุงยางอะ?"
มือเรียวรีบดึงกางเกงขึ้นหลังจากปัดมือหนาที่ยืนบีบก้นของเขาทิ้งไป
"ไม่ท้องหรอกน่า" น้ำเสียงที่ติดรำคาญเอ่ยพลางพยายามจะพลิกกายอนิลให้หันกลับไป แต่มือเรียวกลับดันตัวกวินออกและเริ่มพูดในสิ่งที่ทำให้หมดอารมณ์เอาง่ายๆ
"เฮ้ย จะบ้าเหรอ ไปนอนกับใครมาบ้างก็ไม่รู้อะ"
"ไม่ต้องห่วง คุณน่ะคนแรกของผมเลย"
มือหนาเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะอธิบายยังไง พูดแล้วก็เขิน แต่คนฟังกลับตอบกลับมาเป็นชุด เปรียบเทียบซะเหมือนเขาเป็นเด็กปัญญาอ่อนไปเลย...
"แต่ผมไม่ใช่คนแรกของคุณนะ เฮ่ลโลวววว ตื่นก่อน! นี่ไม่ใช่นิยายเด็กมัธยมผมติ่งหู ที่อยู่ๆ เคะเมะเพิ่งรู้จักกันก็มาซั่มกันป้าบๆ ไม่ถงไม่ถามปัญหาสุขภาพปะวะ?"
กวินหลับตาอย่างพยายามประมวลผลคำพูดของอีกฝ่ายที่เมื่อครู่ฟัดกันผ้าผ่อนแทบหลุด
แล้วจู่ๆ จะมานั่งเสวนาว่าด้วยเรื่องที่ว่าทำไมไม่พกถุงยางแบบนี้ก็ได้เหรอ?
"แล้วเวลาคุณนอนกับคนอื่นนี่เขาเตรียมกันหมดหรือไง?"
"เออสิ ถอยเลย ไม่มีถุงก็ไม่ต้องทำอะ..."
อนิลทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงที่โนสนโนแคร์แล้วทำท่าจะเดินไปที่ประตู แต่มือหนากลับคว้าข้อมือของร่างบางไว้
"แบบนี้ก็แย่สิ.."
ดวงตากลมโตช้อนมองอีกฝ่ายที่ยิ้มให้พลางก้มลงมาหาจังหวะเดียวกับที่ส่งมือปลาหมึกมากอดเอวของอนิลไว้
"อย่าตอแหล ตั้งใจจะสดก็บอก มันไม่มีคนบ้าที่ไหนไม่พกถุงยางหรอก"
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพยายามผลักอีกฝ่ายให้ถอย แต่แขนแกร่งยังคงล็อกตัวของอนิลเอาไว้ในอ้อมกอด และดูเหมือนจะแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มใจหาย
"คุณ...อื้อ!"
พลั่ก!
อนิลถูกจับเหวี่ยงลงมานอนลงที่โซฟาที่เห็นรางๆ ผ่านแสงรำไรจากด้านนอก พยายามจะตะเกียกตะกายหนีมือหนาที่คว้าข้อมือบางได้ก็กดล็อกเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว
ริมฝีปากอิ่มไม่มีโอกาสได้ร้องประท้วงอะไรอีกเหมือนคราแรก เพราะริมฝีปากหยักประกบจูบลงมา อนิลรู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเข็มขัดที่ถูกรูดออกมาจากขอบกางเกงยีนส์ของอีกฝ่ายก่อนที่มันจะพันธนาการเอาไว้ที่ลำคอของร่างบางและรูดจนสุดจนร่างบางเริ่มหายใจไม่ออก มือไม้ที่พยายามจะผลักไสอีกฝ่ายพยายามดึงรั้งเข็มขัดหนังออก แต่ไม่เป็นผล
ร่างกายของคนที่อยู่ใต้ร่างเริ่มประท้วง ริมฝีปากอิ่มอ้าเผยอพยายามจะหายใจเอาอากาศเข้าไป ตอนนี้ต่อให้อีกฝ่ายจะทำอะไรรุนแรงแค่ไหน สิ่งเดียวที่อนิลรู้สึกในตอนนี้คือความหวาดกลัว ยามที่เรียวขาถูกหัวเข่าของอีกกดลงมาจนต้องแยกออกและปล่อยให้อีกฝ่ายแทรกกายเข้ามาทั้งที่ยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ
เสียงกรีดร้องกลับกลายเป็นเสียงหอบครางอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ในทุกจังหวะที่อีกฝ่ายขยับเข้าหา มันรุนแรงและเสียวซ่านจนห้ามตัวเองไม่ให้เคลิบเคลิ้มไปกับการกระทำป่าเถื่อนได้ยากเหลือเกิน ทุกครั้งที่กำลังจะหมดลมหายใจ อีกฝ่ายจะคลายมือออกจากเข็มขัดให้โอกาสกอบโกยเอาออกซิเจนเข้าปอดอีกครั้ง
มือเรียวสวยที่พยายามต่อต้านและผลักไสเริ่มอ่อนแรง เหมือนกับร่างกายทัดทานความต้องการที่เกิดจากแรงอารมณ์ที่รุ่มร้อนในกายไม่ไหว จนอนิลรู้สึกอายในทุกขณะที่ถูกล่วงเกิน สะโพกกลมกลึงตอบรับขยับตามสอดประสานร่างกายไปกับอีกฝ่ายราวกับสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ ที่ยินยอมให้ตัวเองถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยปลอกคอและสายจูงที่กระตุกดึงให้เขาเชื่อฟังและยินยอมแต่โดยดี...
....................
อนิลพบว่าตัวเองสลบไปจนเช้าเพราะแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้อง จนมองเห็นทุกอย่างรอบกายชัดเจนว่ามันคือออฟฟิศของไอ้โรคจิตที่ลากเขาขึ้นมาเมื่อคืน รูปเด็กหญิงตัวน้อยวางอยู่บนโต๊ะรวมกับรูปญาติๆ มือเรียวติดกระดุมเสื้อขณะที่เดินสำรวจห้อง และพบว่ามันถูกล็อกเอาไว้จากด้านนอก
ขณะที่กำลังหัวเสียและมองหาโทรศัพท์ เสียงริงโทนที่คุ้นหูก็ดังขึ้นและพบโทรศัพท์ที่หล่นอยู่ที่ซอกตู้ คนที่โทรมาน่าจะโทรมาหลายครั้งแล้วตั้งแต่เมื่อคืน...
"ป๊า..."
(น้องเอินอยู่ไหนลูก ทำไมเมื่อคืนจะไม่กลับบ้านก็ไม่บอกป๊ากับหม่าม้าเลย?)
น้ำเสียงที่แสดงความห่วงใจของคนเป็นพ่อทำเอาอนิลรู้สึกผิด
"ป๊ามารับเอินหน่อย เอินอยู่ที่..."
เสียงที่กำลังจะฟ้องบุพการีว่าตัวเองถูกจับขังเอาไว้ที่ชั้นสองของร้านเหล้าค่อยๆ ถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อสัมผัสของลำแขนแกร่งเข้ามาโอบกอดไว้จากด้านหลัง และชูโทรศัพท์ที่เปิดรูปของตัวเองนอนเปลือยเปล่าสลบไสลอยู่บนโซฟา รูปแล้วรูปเล่าที่ค่อยๆ เลื่อนไปเรื่อยๆ มีแค่รูปที่เจ้าตัวเห็นยังรู้สึกอาย
"เดี๋ยวผมไปส่ง.."
เสียงทุ้มกระซิบข้างหูคล้ายกับคำสั่งที่มาพร้อมกับรูปแบล็กเมล์เป็นสิบๆ รูป...
"คืนพฤหัสฯ ผมว่างนะ เดี๋ยวจะโทรหานะครับ"
เสียงทุ้มเอ่ยหลังจากที่ขับรถมาจอดหน้าบ้านของอนิล ร่างบางไม่ตอบรับหรือมองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย พอเอื้อมไปจับที่เปิดประตูกลับเปิดไม่ออกเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมปลดล็อกให้
"ตอบหน่อยสิ ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลย..." มือหนาเอื้อมมาลูบศีรษะคนสวยที่ทำท่าหงุดหงิด แต่อนิลกลับปัดออกอย่างขยะแขยง
โป๊ก!
สิ่งที่อีกฝ่ายโต้กลับทำเอาคนสวยเจ็บตัวจนน้ำตาไหล มือเรียวคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆ ทั้งน้ำตา เพราะอีกฝ่ายผลักหัวเขาโขกกับกระจก
"เจ็บนะ!"
"ดื้อทำไมอะ ตอบว่า แล้วเจอกันนะที่รัก ก็จบแล้ว" กวินพูดพลางยิ้มให้อย่าง
ยียวน แต่ร่างบางกลับไม่สนุกด้วย
"เป็นบ้าหรือไง? เปิดประตู!"
"ไม่ คุณต้องตอบก่อน เร็ว เดี๋ยวผมพูดใหม่อีกรอบ อะแฮ่ม พฤหัสฯ หน้าเจอกันนะครับคนสวย"
"ฉันจะฟ้องเมียคุณ..."
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของอนิลไม่ได้ทำให้คนที่มองอยู่รู้สึกกลัวขึ้นมาเลย กวินเพียงแค่หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันกับความคิดที่ไร้สาระของลูกไก่ในกำมือเขา
"เขาไม่เชื่อสิ่งที่คุณพูดหรอก ไม่ใช่แค่แฟนผม แต่คนทั้งโลกไม่มีทางเชื่อคุณ ในเมื่อคุณคือคนที่มีอะไรกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ส่วนผมคือผู้ชายที่ไม่เคยมีประวัติเสียหายเลย แม้แต่จะนอนกับแฟนผมยังไม่เคยเลย..."
น้ำเสียงสุภาพที่พูดเรียบๆ แต่ฟังแล้วรู้สึกหายใจไม่ออกเฉกเช่นตอนที่ลำคอของอนิลถูกพันธนาการไว้ด้วยเข็มขัดหนังของอีกฝ่าย แต่คราวนี้มันกลับเป็นรอยยิ้มอบอุ่นของกวิน ที่ผูกมัดอนิลเอาไว้แทน
กวินหยุดพูดไปชั่วขณะก่อนจะเอื้อมมือมาปลดเข็มขัดนิรภัยให้ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจที่เจือไปด้วยกลิ่นลูกอมเมนทอล ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะเอ่ยต่อให้จบประโยค
"แต่ผมอยากทำกับคุณ...แค่คุณคนเดียว"
อนิลกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกลั้นใจขณะที่เรียวปากหยักกดจูบที่แก้มนิ่มของตัวเอง พร้อมกับมืออีกข้างที่ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายที่โทรเข้ามา
(แจ็คอยู่ไหนคะ?)
"อืม อยู่แถวๆ ทองหล่อครับ แจนเลิกประชุมแล้วเหรอ" ชายหนุ่มตอบออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งน้ำเสียงและคำพูดแสนอบอุ่นที่อนิลฟังแล้วรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
(ช่าย แจ็คจะมารับกี่โมงอะ หิวแล้วละค่ะ)
"อื้มมมมมม พาคนสวยไปกินอะไรดีน้า"
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันขณะที่ฟังบทสนทนาของกวินกับแฟนสาว เพราะ
ริมฝีปากหยักที่ขยับพูดอยู่ยังคลอเคลียอยู่ข้างแก้มของเขา อนิลเบือนหน้าหนีไป แต่จังหวะที่คนปลายสายกำลังบ่นเรื่องที่ทำงานอยู่ จมูกโด่งของคนร้ายกาจก็กดหอมแก้มนุ่มของอนิลโดยไม่สนใจเสียงของคนรักที่กำลังพูดไม่หยุดแม้แต่น้อย
"เจอกันวันพฤหัสฯ"
คิ้วหนาเลิกขึ้นขณะที่ยกโทรศัพท์ออกห่างตัวและกระซิบบอกอนิลด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มพิฆาตที่ทำเอาใจสั่นและเผลอตอบรับออกมาอย่างว่าง่าย...
"อือ..เจอกัน"
.........TBC.........
ก็ตามชื่อตอนค่ะ "แฟนดีเด่น" ที่เราเปรียบเทียบสถานะแฟนหนุ่มให้ดูทั้งสองแบบ
คือแฟนหนุ่มแบบพี่เบญที่รักแฟนมากมายพยายามผูกมัดจีนเอาไว้ แต่กำลังถูกคนข้างห้องมาแย่งไป
(เราเคยใส่อิมเมจของพี่เบญไว้แล้วค่ะว่าเป็น ยู ยองแจ BAP เพื่อนของแจบอมแต่ใครอยากจะจิ้นไรก็ได้อะค่ะ แหล่วแต๊)
กับแฟนหนุ่มแสนดีแบบกวิน ที่เป็นสุภาพบุรุษคอยตามเทคแคร์ไปรับไปส่ง พูดเพราะและน่ารักสม่ำเสมอ
แต่กลับสามารถนอกใจแจน นอนกับคนอื่นได้โดยไม่รู้สึกผิดอะไรเลย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

/guต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
รู้สึกกวินจะแบดกว่าโลกที่แล้วอี๊ก โห
พอพิมพ์ไม่ตายโลกก็ดำเนินต่อไป แถมยังเห็นธาตุแท้ของหลายคนอีก
อึ้งจนไม่นรู้จะอึ้งยังไงแล้วว แจ็คเอ๊ย
พออ่านมาเรื่อยๆถึงตอนที่กวินไม่มีถุงยางนี่กำลังจะฮาละ ตลกแน่เบย ขัดกันขนาดนี้กวินไม่ได้กินแน่ สุภาพบุรษจะตาย
เลื่อนมาอีก แหม่ะ คิดผิดค่ะ นางเฬวกว่านั้น เลเวลอัพมาก 55555555 ข่มขืนเขาเฉย ตอนนั้นยังแบบเออยังไงก็รักกันไง มาตอนนี้นี่เพิ่งรู้จักเขาแปบเดียวจับเขาขึงเชียวข่าาา โอ้ยย รัววว ตายแล่วลูกแหม่ วงวารน้อง แต่น้องยอมเขาตอนหลังขุ่นแม่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ55555 -ความซาดิสแบบรัดคอคู่นอนนี่เหมือนเคยจะอ่านจากไหนที่มันเป็นการสำเร็จความใคร่อย่างนึง ที่รู้สึกเหมือนจะตายละเสร็จอ่ะ
ละยังไม่จบจากนั้น นางแบล็กเมล์จ้า โหหห โคตรผูกมัดเอินทำไรไม่ได้ด้วย ภาพปล่อยมานี่แย่แน่อ่ะ แต่กวินจะทำจริงป่าว นี่คิดแค่ว่านางเฬวนะในด้านรสนิยมอ่ะแต่ไม่คิดว่าเฬวขนาดนี้ ทั้งๆที่ความจริงลึกๆนางก็เฬวแหละ55555 ที่ทำอยู่นี่รู้ตัวมั้ยว่ามันไม่ดีอ่ะ สักจะเอาเขาแต่ไม่ใช่ว่าวางแผนเหมือนตัวเองไม่ผิดเข้าใจว่าตัวเองไม่ได้รักแฟนที่จะแต่งงานกัรเลยจะทำยังไงกับใครก็ได้ เอินตอนนี้กลายเป็นน่าสงสารเลย โดนเขาจับให้เป็นมือที่สามเฉย อย่าไปรักเขานะลูก *กอด*
เจ้าพระคุณทูนหัววื้ออออ