ตอนที่ 6 : 5.1 : เพื่อนบ้านที่ดี (ไม่มีอยู่จริง)
5.1
เพื่อนบ้านที่ดี (ไม่มีอยู่จริง)
"จะกอดอีกนานไหมคุณ ผมต้องไปทำอย่างอื่น..."
คำพูดที่เอ่ยขึ้นมาพร้อมกับมือที่ดันตัวคนขี้แยออกด้วยสีหน้าเอือมระอา ทำเอาคนที่กำลังสะอื้นงืดๆ ในอ้อมกอดเมื่อครู่หยุดร้องไห้ทันทีเหมือนเครื่องเสียงโดนเตะปลั๊กหลุด ส่วนหนึ่งก็อายที่นึกขึ้นได้ว่ากำลังกอดคนแปลกหน้าอยู่ อีกส่วนก็เพราะน้ำเสียงที่ฟังแล้วขัดหู ฟังยังไงก็ดูเหยียดๆ
"ก็ออกไปดิ เข้ามาทำไม" จินตภัทรขมวดคิ้วแล้วหันไปเปิดประตูผลักไสไอ้โรคจิตออกไปจากห้อง แอบเห็นไอ้บ้านั่นเบ้ปากนิดๆ แล้วอยากเอาอะไรฟาดปากสักที ปากก็ไม่ดีแถมนิสัยยังเสียอีก แต่ยังไม่ทันได้ด่าในใจเกินสามประโยคก็เหมือนว่าบาปที่จอมพลทำกับจิ้งจกตัวน้อยๆ เวรกรรมจะตามสนองไวยิ่งกว่ารถไฟความเร็วสูง
"เฮ้ย ทำไมล็อกวะ" มือหนาที่กำลังบิดลูกบิดประตูดิจิทัลเข้าห้อง กระชากสองสามทีแต่เจ้าประตูไฮเทคกลับไม่ขยับเลย จินตภัทรแอบชะเง้อมองแล้วอมยิ้มอย่างสะใจพลางพูดลอยๆ
"ประตูห้องมันล็อกจากด้านในอัตโนมัตินี่..."
คิ้วหนาขมวดพลางใช้ความคิด เขาไม่คุ้นเคยกับไอ้ประตูบ้านี่เลย ไม่รู้จะไฮเทคไปไหน ถ้าลืมคีย์การ์ดพกติดตัวไว้ตลอดละก็ซวยอย่างเดียวเท่านั้น
"เดี๋ยวผมไปขอคีย์การ์ดสำ--"
"ส่วนกลางปิดหกโมงเย็น" จินตภัทรพูดแทรกขึ้นมาด้วยสีหน้าราวกับผู้ชนะ คนขี้โมโหหันขวับมามองหน้าจนต้องรีบหันหนีเพราะใจนึงก็แอบกลัวอีกฝ่าย ไม่ได้กล้าเหมือนกับสิ่งที่แอบด่าอยู่ในความคิด
"เดี๋ยวโทรหาไอ้แจ็คแล้วกัน ขอยืมมือถือหน่อยดิ เดี๋ยวให้มันมารับ นอนบ้านมันสักคืนแล้วกัน" ร่างสูงถอนใจแล้วส่ายหน้า ก่อนจะเดินมาผลักประตูเดินเข้าห้องชาวบ้านหน้าตาเฉย
"งือ..." จินตภัทรได้แต่ตอบออกมาเสียงเบา เดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องตัวเองแบบงงๆ ไม่เข้าใจว่ากำลังเผชิญหน้ากับคนประเภทไหน
2 นาทีผ่านไป...
"เบอร์แจ็ค เบอร์อะไรวะ..." เจ้าของมือที่กำลังจิ้มเลขมั่วๆ บนจอสมาร์ตโฟน
ของคนอื่นราวกับของตัวเอง หยุดและพึมพำออกมาอย่างหมดหนทาง
"อ้าว ไม่รู้เบอร์เพื่อนตัวเองอ่อ" ร่างบางที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องตัวเองชะเง้อมองมือที่จิ้มตัวเลขวนไปวนมาอยู่นาน พอถามไปแทนที่จะตอบกลับมาดีๆ ก็กระโชกโฮกฮากใส่ราวกับถามเรื่องโง่ๆ ออกมา
"คุณรู้ไหมล่ะ เดี๋ยวนี้มีใครจำเบอร์มือถือกันได้ด้วยเหรอ"
"อืม ก็จริง" ใบหน้าที่สวมแว่นกรอบหนาพยักหน้าน้อยๆ แล้วรับโทรศัพท์คืนมา ก่อนจะพาตัวเองเข้าห้องไป
แต่ก้าวแค่ขาเดียวก็โดนมือหนาจิกคอเสื้อเอาไว้อย่างไร้มารยาท
"เฮ้ย จะไปไหนอะ"
"ก็ ทำงานต่อ คืนนี้ต้องส่งงาน คงต้องแก้ต้นฉบับ ส่งไปแบบนี้คง..." คนที่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคำถามตอบออกมายืดยาวจนอีกฝ่ายถอนใจ
"ไม่ใช่ดิ คุณจะทิ้งผมไว้เงี้ยนะ" อีกฝ่ายยังระบายอารมณ์เหมือนกับร่างบางทำผิดอะไรนักหนา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เสนอหน้าเอาจิ้งจกมาแกล้งชาวบ้านเขาเอง
"อ้าว แล้วต้องทำไง ลองปีนระเบียงกลับไปป้ะ คุณสูง ปีนได้แหละ" มือเล็กๆ ชี้ออกไปทางระเบียง ดวงตาคมมองไปตามมือของจินตภัทรแล้วทำหน้าเหมือนถูกสั่งให้ไปตาย
"บ้าป้ะเนี่ย ใครจะปีน นี่มันชั้นยี่สิบสองนะเว้ย"
"อ๋อ คิดว่าจะเก่ง..." จินตภัทรพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจนัก เพราะตอนนี้ในหัวก็มีแต่เรื่องงานเขียนที่กำลังได้เวลาปั่นงานส่งก่อนเที่ยงคืน
"เดี๋ยวพ่อจับโยนลงระเบียงเลย!" จอมพลตวาดใส่อีกรอบจนจินตภัทรสะดุ้งก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินหนีไป
"หงึ ไปดีกว่า โชคดีนะ"
พอคิดไปคิดมามันไม่มีทางไหนแล้วนอกจากขอความช่วยเหลือจากร่างบางที่ตัวเองเพิ่งจะด่าออกไปแหมบๆ
"จีน จีน เดี๋ยว" มือหนาจิกชายเสื้อยืดตัวโคร่งของจินตภัทรเอาไว้อีกครั้ง
"อะระ" ใบหน้าสวมแว่นกรอบหนาเงยขึ้นมามองหน้าจอมพลที่กลอกตาไปมาด้วยความประหม่านิดๆ ก่อนจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ
"นี่มันดึกแล้ว..."
"อาฮะ แล้ว" จินตภัทรตอบกลับและพยักหน้าน้อยๆ มือเล็กยกขึ้นขยับแว่นขณะฟัง
"ยืมเงินก่อนได้ไหม เดี๋ยวจะนั่งรถไปหาไอ้แจ็ค"
"ไม่มีเงินสดอะ เรามีแต่บัตรซื้อของเซเว่น" ร่างบางส่ายหัวและตอบตามความจริง แต่ดูเหมือนคนไร้มารยาทจะไม่ยอมแพ้ที่จะยัดเยียดความรับผิดชอบให้เพื่อนบ้านแว่นหนาตรงหน้า
"ก็ไปกดเอทีเอ็มดิ"
"เราไม่มีเอทีเอ็ม...มีแต่สมุดบัญชี เวลาถอนเงินก็เดินไปแบงก์"
"บ้าป้ะเนี่ย ล้อเล่นเหรอ ใครมันจะไม่มีเอทีเอ็มวะ"
"ก็เราไม่อยากมี เดี๋ยวเงินหมดเร็ว"
จอมพลฟังแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด คนบ้าอะไรมีชีวิตด้วยบัตรเติมเงินซื้อของในเซเว่น ตลอดเวลาที่โตมานี่กินแต่อาหารเซเว่นรึไงเนี่ย
"ถ้าฉุกเฉินจะทำไง จะเอาชีวิตรอดยังไงกับบัตรเติมเงินซื้อของในเซเว่นวะ นี่คุณประมาทมากเลยนะ เงินสดไม่มีสักบาทได้ไง" ร่างสูงสอนสั่งราวกับเป็นผู้ปกครอง เพราะตัวเขาเองไม่มีทางใช้ชีวิตเหมือนอีกฝ่ายแน่
"ก็...แคะกระปุกเอา"
"อ้าว แล้วบอกไม่มีเงิน" คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างจับผิด แต่ดูเหมือนจินตภัทรจะไม่ได้ตั้งใจโกหกเขาแต่คงคิดไม่ทันมากกว่า
"ก็ไม่เชิง...มันเป็นเหรียญหมดเลย จะยืมเท่าไหร่ล่ะ"
จอมพลฟังแล้วได้แต่ถอนใจ ไม่เข้าใจสิ่งมีชีวิตที่สวมเสื้อผ้าเหมือนซื้อเผื่อโต แถมใส่แว่นหนาเป็นป้า หัวก็ฟูเหมือนไม่เคยเอาหวีสางผมมาก่อน ผิดกับการตกแต่งห้องที่ดูสวยงามและเป็นระเบียบ มองเจ้าของห้องเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วงัดกระปุกใส่เหรียญออกมาให้ด้วยความคาดหวัง...
1 นาทีต่อมา.....
"เชี่ยไรเนี่ย" ดวงตารีมองเหรียญที่ถูกเทออกมาบนโต๊ะแล้วมองจินตภัทรอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
"เหรียญบาทไง ไม่รู้จักเหรอ" ตอบพลางมองหน้าอีกฝ่ายตาปริบๆ เขาไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร ก็ในเมื่อเหรียญที่เก็บมันก็มีเท่านี้เพราะรูหยอดเงินมันเล็กจนยัดเหรียญอื่นไม่ได้นอกจากเหรียญบาท
"เอ้า! จะบ้ารึไง ให้ผมนับเหรียญบาทขึ้นแท็กซี่เหรอ"
เสียงสบถของผู้ชายตรงหน้าเริ่มทำให้จินตภัทรโมโห ทำไมต้องมาพูดจาแบบนี้กับเขาที่กำลังจะช่วยเหลือ ร่างบางถอนใจแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา พร้อมกับคว้าโน้ตบุ๊กที่เปิดคาเอาไว้ เหลือบมองคนที่ยังยืนค้ำหัวอยู่และออกปากไล่
"เรื่องมากอะ ออกไปยืมตังค์ยามคอนโดฯ ป้ะ"
"..." จอมพลไม่ตอบอะไร แต่กลับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขา เบียดตัวมานั่งด้วยทั้งที่โซฟามันก็ไม่ได้ใหญ่เลย
"ไปดิ เราจะทำงาน" จินตภัทรดันศอกใส่อีกฝ่ายแล้วขยับหนี แต่ก็ต้องหันมาตาเหลือกกับคำขอของคนที่รู้จักกันได้แค่อาทิตย์เดียว
"ขอนอนนี่คืนนึงก่อนไม่ได้เหรอ" สีหน้ากับคำขอไม่ได้ไปด้วยกันเลย เพราะรอยยิ้มที่แสยะออกมาอย่างเฟคๆ ของเจ้าตัวนั่นแหละ
"ไม่ได้" จินตภัทรส่ายหน้าแล้วหันไปเปิดไฟล์ที่พิมพ์ต้นฉบับค้างไว้
"ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า" จอมพลขยับตัวตามและเซ้าซี้ออกมา
"ไม่เกี่ยว เราไม่ได้กลัว เราต้องทำงาน เราเขียนงานไม่ได้หรอกถ้ามีคนอื่นอยู่" พูดไปสายตาก็ยังง่วนอยู่กับการเปิดไฟล์หางานของตัวเองที่ไม่เข้าใจว่ามันหายไปไหนในเมื่อก่อนหน้านี้ก็พิมพ์ค้างเอาไว้แล้ว
"เดี๋ยวผมนั่งเงียบๆ" เสียงทุ้มต่อรองอีกครั้ง
"ไม่เอา...ออกไปได้ละ" และอีกคนก็ออกปากไล่อีกรอบ
จอมพลเงยหน้ามองเพดานอย่างหมดหนทาง เขาอยู่ในสภาพที่ไม่ควรไปไหนทั้งนั้นเพราะสวมแค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นใส่อยู่บ้าน รองเท้าก็ไม่มีเพราะเดินเท้าเปล่าออกมาจากห้อง เงินก็ไม่มี โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้หยิบมา
"เอางี้ๆ เดี๋ยวเราทำข้อตกลงกัน คุณจะเอาอะไรบอกผมมาเลย คิดค่าเช่าโซฟาหนึ่งคืนก็ได้"
"ไม่เอา ออกไป" เสียงของเราเขียนงานไม่ได้หรอกตอบกลับอย่างไม่แยแสเพราะเริ่มหงุดหงิดกับการหาไฟล์งานไม่เจอ เปิดกี่ไฟล์ก็ว่างเปล่า
"...."
"ออกไป..." พอไม่มีเสียงตอบรับจากจอมพล จินตภัทรก็ย้ำออกมาอีกรอบ
คราวนี้ร่างบางต้องสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงตะโกนอัดใส่หูจนแว่นแทบหลุด
"ไม่ไปเว้ย ไปแล้วจะนอนที่ไหน!"
"คุณ..." จินตภัทรอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะตอบโต้ยังไง ไล่ก็ไม่ได้ แถมมีตรรกะบ้าๆ ออกมาจากปากอีก
"ผมไม่ไป นี่สี่ทุ่มละใครจะไปวะ คุณอยู่กับผมไม่ได้ก็ออกไปดิ เอาโน้ตบุ๊กไปนั่งทำงานข้างนอกป้ะ"
"..."
จินตภัทรหันกลับมาที่หน้าจอโน้ตบุ๊กของตัวเองขณะที่ถูกไอ้บ้าข้างห้องออกปากไล่เขาออกไปนั่งทำงานที่อื่น แต่อะไรบางอย่างที่มองเห็นอยู่ตอนนี้มันทำให้จินตภัทรเริ่มสติหลุดอีกรอบ
"ออกไปดิ" จอมพลแกล้งเบียดสะโพกใส่คนที่เอาแต่นั่งนิ่ง ตั้งใจพูดแกล้งไปอย่างงั้น แต่พอหันกลับมาอีกทียัยเจ๊แว่นหนาข้างๆ ก็เริ่มเบะปากและร้องไห้โฮออกมาจนเขาตกใจ พูดเล่นแค่นี้ทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะ
"ฮึก..."
"เฮ้ย อย่าร้องนะ!"
ร่างสูงรีบตาลีตาลานกระเด้งตัวลุกขึ้นเพราะไม่รู้ว่าจินตภัทรร้องไห้เรื่องอะไร รอบนี้อีกฝ่ายไม่ได้หันมาด่าเขาแต่กลับใช้สองมือปิดปากตัวเองแล้วปล่อยโฮออกมาใส่โน้ตบุ๊กของตัวเอง
"ฮือออออออออออ ทำไมมันเปิดออกมาไม่มี ฮึก งานหายไปไหนอะ ทำไมเปิดออกมาไม่มีอะไรเลย ฮืออออออออ ต้องเป็นตอนที่ทำนมเปรี้ยวหกแล้วมือไปโดนแน่เลย งานหายหมดเลย ฮือออออ ทำไงดีบก. ต้องด่าแน่เลย ฮือออออออ"
"คุณๆ ใจเย็น เอามานี่ดิ๊" จอมพลค่อยๆ ย่องไปนั่งข้างๆ ก่อนจะดึงโน้ตบุ๊กใส่เคสสีเขียวมะนาวมาไว้ที่ตัวเองจินตภัทรเอาแต่ร้องไห้พูดก็ไม่รู้เรื่อง
"นี่อะ เราเซฟไว้หน้าจอ ฮืออออออ แม็กกี้ตายไปแล้วแต่เราแก้แล้ว ฮืออออ จะเขียนใหม่ได้ไงอะ จำไม่ได้แล้วอะ ฮือออออออ"
"ใจเย็นๆ เซฟไว้ไหน"
"หน้าจออะ"
"โห...ไอคอนเต็มหน้าจอเลยกูจะรู้ป้ะวะว่าอันไหน" จอมพลทำหน้าแหยใส่หน้าจอโน้ตบุ๊กที่แทบจะไม่เห็นพื้นวอลเปเปอร์ด้านหลังเพราะมีแต่ไอคอน MS Word เต็มไปหมด ชื่อตอนเรียงกันเป็นตับ
"ไม่ๆ เราเรียงแบบนี้อะ อันล่าสุดจะอยู่ขวามือล่าง"
"ล่างไหนวะ" จอมพลแกล้งยกโน้ตบุ๊กหงายขึ้นดูเพราะหน้าจอที่เห็นมันเต็มไปหมดแล้วจะมีล่างไหนให้หาอีก
"ม่าย ม่าย ฮืออออ อันนี้อะ เปิดแล้วมันว่างเลย" พูดไปก็บี้จมูกตัวเองไป ร้องห่มร้องไห้ได้น่าเกลียดจนคนนั่งข้างๆ ไม่อยากจะมอง
"เออ รู้แล้ว ถ้ามันไม่มีก็เขียนใหม่ดิ" มือหนาต้องสละชายเสื้อตัวเองยกขึ้นเช็ดขี้มูกที่ไหลย้อยลงมาจากคางให้อีกฝ่าย เขาไม่ได้นึกรังเกียจเพราะจินตภัทรร้องไห้ไม่ต่างจากเด็กเล็กๆ ที่งอแงออกมาไม่จบไม่สิ้น
"ฮือ เราจำไม่ได้ มันเขียนใหม่ไม่เหมือนเดิมอะ"
"เอ้า ไหนบอกจะเขียนแก้อยู่แล้วไม่ใช่รึไง ก็เขียนใหม่ดิ ตอนเดียวเอง"
"ก็มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ฮึก แม็กกี้รอดได้ไงไม่รู้อะลืมแล้ว"
คำพูดที่อธิบายออกมาทำให้จอมพลเริ่มหงุดหงิดและไม่เข้าใจ
ชายหนุ่มเริ่มกลับมากระแนะกระเหนใส่คนที่กำลังเสียใจอีกรอบ
"เคยไปตรวจสมองบ้างป้ะ กินอาหารดีๆ นอกจากข้าวกล่องเซเว่นบ้างมะ ทำไมแค่นี้จำไม่ได้วะ"
คราวนี้จอมพลเดาผิดไปว่าจินตภัทรคงจะแค่ร้องไห้
แต่ทันทีที่เขาวางโน้ตบุ๊กลงกับโต๊ะกระจกข้างโซฟา มือของอีกฝ่ายก็ฟาดใส่เขาอย่างแรง
"ก็มันจำไม่ได้อะ มันจำไม่ได้ไงเล่า!"
มือเรียวฟาดใส่สุดแรงอย่างโมโห ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่เจ็บจนต้องรีบยกมือขึ้นมากันไว้และพลาดไปปัดแว่นกรอบหนาที่ร่างบางสวมเอาไว้หลุดกระเด็นลงบนพื้นพรมสีเขียวอ่อน
ใบหน้าปราศจากแว่นกรอบหนาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา เส้นผมสีน้ำตาลเข้มสะบัดไปตามแรงที่กำลังซัดใส่อีกฝ่ายอย่างลืมตัว แต่ทันทีที่สองมือเล็กถูกรวบเอาไว้กลางอากาศ คนที่โดนทำร้ายกลับเอ่ยชื่อของคนอื่นออกมาอย่างลืมตัว
"พิมพ์หยุด!"
ทั้งเรื่องที่ร้องไห้โวยวายไม่รู้จักฟัง...
ทั้งเรื่องที่ฟาดมือใส่เขาไม่ยั้ง
ทั้งใบหน้าที่เปรอะเปื้อนน้ำตายามที่ไม่ได้สวมแว่น
ทุกอย่างของคนที่อยู่ตรงหน้ามันเหมือนกับใครบางคนที่จากเขาไปในที่ๆ ไกลแสนไกล
เหมือนกันมากจนเขารู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นจินตภัทรร้องไห้ออกมา
ราวกับว่าพิมพ์กำลังส่งคนตรงหน้าให้มาลงโทษเขา ในความผิดที่เขาเคยทำเอาไว้กับเธอ
ความผิดที่เขาเคยหมางเมินเธอ...
ความผิดที่เขาทำให้เธอไม่มีความสุขจนวาระสุขท้ายของชีวิต
"ผมขอโทษ ได้โปรดหยุดร้องไห้สักที หยุด หยุดทำให้ผมรู้สึกผิดกับสิ่งที่ผมไม่รู้ว่าควรจะกลับไปแก้ไขมันยังไง..."
ใบหน้าที่เหลือเพียงคราบน้ำตามองอีกฝ่ายที่กำลังก้มหน้าและกอบกุมมือทั้งสองข้างของตัวเองเอาไว้แน่น น้ำตาอุ่นๆ หยดลงบนมือของเขาอย่างไม่รู้สาเหตุ จินตภัทรไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าทำไมคนตรงหน้าถึงต้องร้องไห้...
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาทะเลาะกับจอมพลและจบลงด้วยน้ำตาของอีกฝ่าย แต่ครั้งนี้มันคงหนักหนามากเพราะดูจากอาการร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน จินตภัทร
มองมือที่หนาที่ยังจับมือของเขาไว้ผ่านสายตาที่มองไม่ค่อยชัดนักเพราะไม่ได้สวมแว่น
เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าทำหน้าแบบไหน กำลังมองเขาแบบไหน รู้แค่กำลังร้องไห้ออกมาและพูดถึงสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายจอมพลกลับซบใบหน้าลงมาบนไหล่บางราวกับหมดเรี่ยวแรง สองแขนสอดเข้ามากอดเอวของร่างบางเอาไว้แน่น
"คุณ...ไม่เป็นไรนะ คือ…เราว่าเราจำได้นิดๆ แล้วอะ เดี๋ยวลองเขียนใหม่ก็ได้"
จินตภัทรพูดออกมาตะกุกตะกัก เขาไม่รู้ว่าจอมพลเป็นอะไร แต่พออีกฝ่ายร้องไห้ออกมา ความทรงจำของเนื้อเรื่องที่เพิ่งเขียนไปก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ ไหลย้อนกลับเข้ามาในสมอง เขาจำได้แล้วว่าช่วยชีวิตแม็กกี้ยังไง
"บี...บีปล่อยเราก่อนได้ป่าว เราจะเขียนงานอะ"
สรรพนามที่เรียกอีกฝ่ายแทนชื่อดังขึ้นมาพร้อมกับมือที่ผลักอีกฝ่ายออกอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"ขอห้านาที..."
น้ำเสียงที่สั่นเครือตอบอย่างเอาแต่ใจ ขณะที่ค่อยๆ ขยับกายลงนอนหนุนหัวกับตักของอีกฝ่ายและหันหน้าซบลงกับหน้าท้องที่ขยับเกร็งนิดเพราะจั๊กจี๋
"ห๊ะ...อ่า โอเค"
จินตภัทรเสียงอ่อย เขาไม่สนใจหรอกว่าจอมพลจะมานอนซบเขาในท่าไหน พอใช้เท้าเกี่ยวแว่นขึ้นมาสวมได้อย่างเดิม มือเรียวก็รีบฉวยแท็บเลตที่หน้าทิ่มอยู่ข้างโซฟามาใช้แทน พอดึงปากกาที่เสียบอยู่ออกมาก็เริ่มเขียนนิยายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะลืมมันไปอีกรอบ และเลิกสนใจคนที่นอนหนุนตักอยู่ไป
แต่ก็แปลก...แปลกที่แม้เนื้อเรื่องตอนนี้จะเปลี่ยนไปจากที่วางเอาไว้ก่อนหน้านิดหน่อย จินตภัทรกลับรู้สึกว่าเนื้อเรื่องตอนนี้สนุกกว่าก่อนหน้าที่เขากลั้นใจเขียนออกมาเพราะกลัวบก. ด่าที่ทำให้พระเอกตาย แม็กกี้รอดตายแบบโง่ๆ ที่ขัดกับความเป็นจริงทุกอย่าง แต่เมื่อได้ลงมือเขียนอีกรอบโดยมีคนเอาแต่ใจนอนหนุนตักอยู่ สิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากสมองนั้นกลายเป็นเรื่องราวที่จินตภัทรไม่เคยคิดจะเขียนมาก่อนตั้งแต่เริ่มเขียนนิยายตอนอยู่ชั้นม.สอง
ห้านาทีของจอมพลไม่มีอยู่จริง เพราะหลังจากที่จินตภัทรเขียนจบไปแล้วและกดส่งเมลทันเวลาก่อนเที่ยงคืน คนที่บอกขอห้านาทีกลับหลับสนิทอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นเลย จินตภัทรค่อยๆ ประคองหัวของจอมพลยกขึ้นช้าๆ แล้วสอดหมอนอิงไว้แทนตักของตัวเอง ขยับกายบิดขี้เกียจก่อนจะเดินไปหยิบผ้าแพรสีเขียวใบตองมาห่มให้จอมพล และทันทีที่ห่มผ้าให้เสร็จก็ได้ยินเสียงละเมอเต็มสองหู
"พิมพ์..."
จินตภัทรเม้มปากและกอดอกมองคนที่นอนละเมอเรียกชื่อของใครก็ไม่รู้ออกมา
มองแล้วก็ถอนใจก่อนจะเอ่ยตอบคนที่หลับสนิทด้วยสีหน้าไม่พอใจ...
"พิมพ์ป้าแกสิ มานอนห้องคนอื่นละยังเสือกเรียกชื่อผิดอีก ชื่อจีนเว้ย"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จีนออกจะงงๆนะคะ 555