ตอนที่ 46 : 43 : คุณกวิน
43
คุณกวิน
เสียงหัวเราะของคนรักที่ดังอยู่ในห้องนอนเรียกให้สายตาของกวินหันไปมอง เขาวางของในมือก่อนจะเดินไปยืนพิงกรอบประตูแล้วมองคนช่างจ้อ คุยไปหัวเราะไปกับเพื่อนสนิทที่อยู่ในสาย
"หน้าหยั่งโจรชื่อเบ่บี๋ว่ะ แล้วนี่พ่อแม่เขากลับไปแล้วเหรอ อ๋อๆ ได้ดิ ไม่เป็นไร เออ โอเคแก เดี๋ยวยังไงว่ากันอีกที"
ขณะที่คุยกับปลายสายดวงตากลมโตก็เหลือบมองแฟนหนุ่มที่ยืนกอดอกมองอยู่ที่หน้าประตู มือเรียวกวักมือเรียกอีกฝ่ายก่อนจะวางสายไปด้วยใบหน้าที่ยังอมยิ้มอยู่
"จีนมันโทรมาเล่าเรื่องพ่อแม่คุณเบ่บี๋ให้ฟังมีเพื่อนชื่อนี้บ้างมะ"
อนิลบอกพลางขยับให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งข้างๆ คนตัวโตกว่าเอนกายพิงหัวเตียงแล้วโอบเอวบางให้อนิลขยับมานั่งซ้อนตักทั้งที่เตียงนอนก็กว้างขวาง
"ไม่มีนะ ใครอะ" กวินตอบพลางอมยิ้มขำๆ ขณะที่มือหนาลูบแก้มนุ่มนิ่มของคนที่พร้อมจะแซะจิกกัดจอมพลได้ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าคู่นี้ชาติก่อนไปทำอะไรกันไว้ถึงได้เกลียดกันขนาดนี้
"พวกแอ๊บทำเป็นเท่ อยู่บ้านชื่อนึงอยู่กับแฟนชื่อนึง แล้วนี่ตกลงคุณอะชื่ออะไร หื้ม"
ฝ่ามือเรียวประคองใบหน้าของกวินขณะที่เอียงคอมองสบตากันพร้อมรอยยิ้ม คนที่ถูกมองก็เอาแต่อมยิ้มสายตาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มไม่วางตา กวินรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้พอได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น ความอดทนของเขาก็น้อยลง
อนิลเป็นคนสวยที่พูดได้เต็มปากว่าสวยจนแอบคิดว่าผู้หญิงหลายๆ คน คงอิจฉา ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ และหน้าตาที่สวยหวานยามที่ยิ้มแย้ม และเวลาทำหน้านิ่งๆ หรือครุ่นคิดอะไรอยู่ก็ดูเซ็กซี่เอามากๆ และที่ร้ายกว่านั้นสิ่งที่เขาไม่กล้าสารภาพกับคนรักตรงๆ คือช่วงเวลาที่ได้รังแกกันจนอีกฝ่ายร้องไห้ออกมา ไม่รู้ทำไม...ยามที่มองหน้าอนิลเวลาร้องไห้หรือแสดงอาการหวาดกลัวเจ็บปวด เขากลับยิ่งอยากกลั่นแกล้งมากขึ้นเป็นทวีคูณ ถึงจะโดนด่าทุกครั้งที่อีกฝ่ายได้ได้รอยฟันประทับอยู่บนผิวเนื้อขาวๆ หรือเผลอมือฟอนเฟ้นบั้นท้ายขาวๆ จนเป็นช้ำ กวินก็ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ตราบใดที่คนรักของเขายังน่ารังแกอยู่อย่างนี้
"แล้วอยากเรียกว่าอะไร"
"เอาแบบที่จีนมันเรียกไอ้หนวดมะ ตอนนี้มันโดนบังคับให้เรียกพี่บีแล้วนะ อยากเป็นพี่แจ็คป้ะ" ริมฝีปากอิ่มยิ้มหวานให้ ขณะที่นิ้วเรียวแตะที่ปลายจมูกโด่งพร้อมคำถามแสนน่ารัก แต่คนฟังกลับย่นจมูกแล้วส่ายหน้าน้อยๆ
"ดูแก่อะ แค่นี้เดินด้วยกันก็เหมือนเสี่ยกับอีหนูอยู่แล้ว อายุห่างกันแค่สองสามปี แต่เอินหน้าเด็กกว่าแจ็คตั้งเยอะ"
ขณะที่อีกฝ่ายกำลังอธิบายในสิ่งที่รู้สึก อนิลกลับนึกบางเรื่องที่เขาค้างคาใจอยู่ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันขึ้นมา
"อืมมม รู้อะไรไหม ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน จนวันนี้ เอินไม่เคยรู้สึกเหมือนว่าเราเพิ่งคบกันเลย แล้วมันก็แปลกตรงที่...."
"ตรงที่"
คิ้วหนาเลิกขึ้นพร้อมกับย้ำคำสุดท้ายของอีกฝ่ายและรอฟังอนิลอธิบายต่อไปด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนเด็กเล็กๆ ที่พยายามบอกความรู้สึกของตัวเองที่ไม่รู้จะเรียบเรียงมันให้คนอื่นเข้าใจได้ยังไง
"เราไม่เคยอยู่ในช่วงที่จีบกันเลยอะ อย่างไอ้หนวดกับจีนสองคนนั้นยังมีช่วงเวลาที่ได้จีบกัน แต่ของเรามันเหมือนเอินเข้าหาแจ็คก่อนแล้วเราก็คบกันเลย เหมือนว่าเราไม่เคยมีช่วงเวลาที่เป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเลย...ตั้งแต่วันแรกที่เราได้เจอกัน"
ใช่...สำหรับกวินเองมันก็เป็นแบบนั้น เขาไม่เคยรู้สึกว่าอนิลกับเขาเคยมีช่วงเวลาที่เป็นคนแปลกหน้ากันเลย ขนาดเจอกันในลิฟต์วันแรกที่คอนโดฯ ของจอมพล ทั้งที่เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ที่จะไปเที่ยวแซวใครไปเรื่อย แต่กลับพูดแซวคนน่ารักที่เจอกันในลิฟต์ได้อย่างง่ายดาย
กวินยังจำได้ในวันที่เขาวิ่งไปที่ลิฟต์ ที่กำลังจะปิดลง เขาเอามือแทรกระหว่างประตูแล้วก็ผงะไปชั่วอึดใจเพราะหน้าตาของอีกฝ่ายที่เห็นแล้วทำเอาหัวใจเต้นแรงตั้งแต่แรกเห็น มันบอกไม่ถูกว่าคือรักแรกพบใช่หรือไม่ แต่มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับได้เจอใครสักคนที่รอที่จะพบเจอกันมานานมากกว่า คล้ายกับเจอรักแรกที่ไม่ได้พบกันมาเนิ่นนาน ทั้งที่เขามั่นใจว่าเขากับอนิลไม่เคยเจอกันมาก่อนแน่นอน เขายังจำความรู้สึกตอนที่พบกันครั้งแรกได้อยู่เลย...
....................
"ชั้นรักคุณมั้ง...เดี๋ยว เอ้ย ขอโทษครับ ชะ ชั้น ยี่ สิบ สอง ครับ"
ผมรู้ว่าเขาโดนเพื่อนแกล้งเพราะเสียงจากปลายสายมันดังออกมาเพราะลิฟต์ที่เงียบสนิทมันมีแค่เคราสองคน เขาอายจนหน้าแดง ตอนที่พูดแก้ในสิ่งที่เผลอพูดตามเพื่อนออกมา ไม่รู้ทำไมผมถึงตัดสินใจพูดแซวเขาออกไป
"ครับ เหมือนกัน"
"ชั้นยี่สิบสองเหมือนกันเลย" เขาพูดแล้วหันมาฉีกยิ้มให้เหมือนพยายามจะทำตัวให้เป็นปกติ แต่ผมรู้ว่าเขาเขินมาก และไม่รู้ทำไมอีกเหมือนกันที่เราสองคนไปยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของลิฟต์ทั้งที่มีพื้นที่มากมายให้ยืน ผมแอบคาดหวังเล็กๆ ว่าเขาจะเข้าใจมุขบ้าๆ ของผม...
"ครับ ชั้นรักคุณเหมือนกัน"
แล้วเขาก็เข้าใจมันจริงๆ เขาฟังแล้วก็ยิ้มเขิน ส่วนผมก็เอาแต่หัวเราะ หัวใจของผมมันเต้นและรู้สึกชอบเขามากขึ้นและมากขึ้่นในทุกขณะที่มองเสี้ยวหน้าที่หันข้างให้ ผมชอบคนแปลกหน้าไม่ได้หรอก
ผมรู้สึกเหมือนว่าเราทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งมากกว่า
หรือเขาอาจจะเป็นความรักที่ผมเคยพบพานในความฝัน...
....................
ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อมองใบหน้าอีกฝ่ายแล้วคิดถึงช่วงเวลาที่พวกเขาได้พบกันครั้งแรก ทบทวนคำถามของอนิลเรื่องที่พวกเขาไม่เคยเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเลย มือหนาลูบแก้มนุ่มก่อนจะตอบสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ในใจ...
"แล้วไม่ดีเหรอ เราไม่ต้องเสียเวลาเหมือนคู่อื่นๆ ไม่ต้องมานั่งเรียนรู้นิสัยกัน ไม่ต้องมาคอยระแวงอีกว่าอีกฝ่ายจะทนนิสัยเราไม่ได้ เราทั้งคู่ต่างมีข้อเสีย แต่เราก็เลือกที่จะมองหาข้อดีของกันและกันค่อยๆ ปรับจูนเข้าหากันจนกระทั่งตอนนี้...เราน่าจะรักกันมากเกินไปด้วยซ้ำ ง่ายๆ ถ้ามีใครถามว่าเรากำลังคบกันอยู่ใช่ไหม แจ็คจะตอบว่าไม่..."
"อ้าว..."
ริมฝีปากอิ่มร้องท้วงออกมาอย่างไร้เดียงสา แถมทำหน้าหงิกใส่ แล้วทำเหมือนจะผละลุกหนีไป แต่คนเจ้าเล่ห์ก็โอบเอวบางแล้วดึงให้คนขี้งอนกลับมาอยู่ในอ้อมกอดได้ดังเดิม
ริมฝีปากหยักแตะลงที่ใบหูของคนสวย พลางกระซิบเฉลยให้ฟังพร้อมกับรอยยิ้มที่ดวงตากลมโตเหลือบมองแล้วได้แต่เขินจนหน้าร้อนผ่าว
"เราไม่ได้คบกันอยู่....เรากำลังรักกันอยู่"
....................
แจน's
"พี่แจนทำอะไรลงไป"
คำถามที่หลงลืมไปนานแสนนาน เป็นเวลาเกือบสามปีที่ยลรดาตกอยู่ในฝันร้าย เพียงเพราะความ ไม่ตั้งใจ
ความผิดที่เธอไม่ได้ตั้งใจก่อ แต่สวรรค์กลับลงโทษเธอด้วยฝันร้ายตลอดสามเดือนหลังจากที่ พิมพ์ เสียชีวิต
แต่จู่ๆ เธอก็กลับมาฝันร้ายอีกครั้งเมื่อถูกตอกย้ำความทรงจำนี้ด้วยคำพูดแกมหยอกของจินตภัทร
'ทำงานดึกๆ ระวังพิมพ์มาหานะ'
ทั้งที่ยลรดาไม่ได้กลัวผี ไม่ได้ขวัญอ่อนที่จะมานั่งวิตกว่าคนตายแล้วจะกลับมาหา แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจเธอกลับกลายเป็น 'อนิล' ที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเจอพิมพ์อีกครั้ง หญิงสาวที่จากไปนิสัยคล้ายๆ อนิล เป็นพวกอารมณ์ร้อน ใจร้อนและขี้หวง เธอยังจำได้ดีว่าตอนที่เธอพยายามกลับไปขอคืนดีกับกวิน พิมพ์ก็มาหาเรื่องเธอราวกับหมาที่หวงก้าง เพราะพิมพ์มีจอมพลอยู่แล้วทั้งคน
แต่เพราะกวินเป็นผู้ชายที่ไม่มีความโลเลเลย และมั่นคงที่จะอยู่กับการเป็นตัวสำรองของผู้หญิงที่น่าหมั่นไส้แบบพิมพ์ ยลรดาหันมาหาเป้าหมายใหม่คือจอมพล ผู้ชายเจ้าชู้ ที่บังเอิญมาฝึกงานที่เดียวกับเธอ แล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้แต่แรกกว่าจอมพลเองก็คงมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ลึกๆ ที่มีกวินอยู่ข้างแฟนสาวไม่ห่าง
จากตอนแรกที่ตั้งใจจะแกล้งพิมพ์เพราะหมั่นไส้เรื่องกวิน กลับกลายเป็นความรักที่มาพร้อมกับความเห็นอกเห็นใจ ถึงลึกๆ จะรู้ว่าตัวเองเป็นแค่คนที่ทำได้แค่อยู่ข้างๆ ไม่ได้อยู่ในใจ แต่พอรักไปแล้ว การเป็นตัวสำรองมันเลยไม่โอเคเท่าไหร่นัก
"มีอะไรคุยกันทางโทรศัพท์นะ ไม่ค่อยได้เข้าเฟซบุ๊กเท่าไหร่"
หลังจากที่แอบคบกันอยู่สักพัก จอมพลก็บอกให้เธอเลิกคุยกับเขาในแชต
เฟซบุ๊กแล้วโทรคุยกันแทน ความสงสัยของเธอมันถูกต้องตามที่คาดการณ์เลยว่าผู้หญิงขี้หึงอย่างพิมพ์ต้องเข้าไปเช็กเฟซบุ๊กแฟนและเช็กที่แชตคุยกับทุกคน
และมันคงทวีความหงุดหงิดให้จอมพลด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากที่เริ่มเปลี่ยนมาโทรหากัน จอมพลก็เริ่มนัดเธอไปเจอที่คอนโดฯ เหมือนตั้งใจพาเธอไปที่นั่นทั้งที่ก่อนหน้านั้นมักจะมาค้างกันเธอที่บ้าน ราวกับจอมพลตั้งใจประชดประชัน ท้าทายแฟนสาว ที่พยายามเช็กว่าแฟนตัวเองแอบมีใครอยู่ แม้แต่ในวันที่พิมพ์เกิดอุบัติเหตุ...
จู่ๆ จอมพลก็ทักเธอทางแชตอีกครั้ง นัดให้มาเจอที่ห้องแถมบอกด้วยว่าวันนี้แฟนไม่อยู่ ทั้งที่ยลรดาทำเป็นไม่รู้ว่าจอมพลมีแฟนอยู่แล้วก็ได้รู้ว่าเธอคือมือที่สาม แต่จอมพลบอกกลับทำหน้างงๆ ตอนที่เธอไปหาตามนัด แต่สุดท้ายก็นอนด้วยกันอยู่ดี จนกระทั่งพิมพ์มาถึง...ราวกับมีคนวางกับดักไว้
"อีหน้าด้าน! บีทำแบบนี้ได้ยังไง กล้าเอามันมานอนที่นี่ได้ยังไง"
ยลรดายังจำสีหน้าของพิมพ์ได้ตอนที่หญิงสาวมองเธอแล้วด่าสายเสียเทเสียออกมา แถมพยายามจะเดินเข้ามาตบเธอ แต่จอมพลกลับดึงยลรดาไปหลบอยู่ด้านหลัง นั่นยิ่งทำให้พิมพ์โกรธจนร้องไห้ออกมาพร้อมกับด่าทอทุบตีแฟนหนุ่มไม่หยุด
"ไอ้ชั่ว! เราเลิกกัน แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ฮึก ไอ้คนสารเลว!"
"พิมพ์หยุด!"
เสียงของจอมพลดังลั่นและตวาดออกไปด้วยโทสะ พิมพ์ผงะไปก่อนจะร้องไห้โฮออกมาแล้ววิ่งหนีไป ยลรดาได้แต่ถอนใจออกมากับความดื้อรั้นของพิมพ์ หญิงสาวควรสำเนียกบ้างว่าตัวเองก็มีพฤติกรรมที่แย่ไม่ต่างกัน จอมพลหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาก่อนจะเช็กเจออะไรบางอย่าง...
บางอย่างที่ทำให้ยลรดารู้ว่าไม่ใช่เธอคนเดียวที่อยากให้พิมพ์เลิกกับจอมพล
"บีไม่ได้แชตไปหาแจนนี่ ข้อความพวกนี้มันมาจากไหน"
ฝันเดิมๆ ที่ยังวนเวียนอยู่ สีหน้าของพิมพ์ที่ยลรดากลับมาฝันถึง ทำให้เธอผวาตื่นขึ้นมา และคนแรกที่เธอคิดถึงก็คือกวิน หญิงสาวตื่นขึ้นมาในสภาพเหงื่อโทรมกาย เธอปวดหัวอย่างหนัก หัวใจเต้นแรง เหลือบมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบบ่ายสองแล้วเธอนอนยาวตั้งแต่เช้าที่กลับมาจากทำงานดีเจช่วงดึกและตื่นมาเวลานี้เสมอพร้อมกับฝันร้าย มือเรียวคว้าโทรศัพท์มือถือก่อนจะกดโทรหากวิน ชายหนุ่มรับสายในคราแรกเหมือนกับป้องปากกระซิบคุยกับเธอ ก็คงมีไม่กี่สาเหตุ นอกจากอยู่ในที่ๆคุยไม่ได้หรือมีแฟนขี้หึงอย่างอนิลอยู่ข้างๆ
(ว่าไงแจน)
"แจ็ค...อยู่ไหนอะ มาหาเราหน่อยได้ไหม"
(แจ็คพาแฟนมาดูหนัง แจนเป็นอะไรรึเปล่า)
"เราไม่สบายใจเลย เราฝันเรื่องนั้นอีกแล้ว เราคิดว่า...."
(แจน มันก็แค่ความฝัน เข้มแข็งหน่อยสิ เอางี้นะ เดี๋ยวแจ็คดูหนังกับแฟนเสร็จจะแวะไปคุยด้วยโอเคไหม)
"อืมก็ได้..."
หลังจากที่กวินวางสายไปหญิงสาวก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวและกินอาหารเย็นทำกิจวัตรของตัวเองจนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบห้าโมงเย็น กวินมาเลตกว่าที่คิด แต่เธอก็รอได้ มันก็แค่การพูดคุยปรึกษากันตามประสาเพื่อน เธอไม่ได้มีความรู้สึกอะไรไปมากกว่านั้นอีกแล้ว เพราะกวินไม่ใช่คนที่อ่อนไหวง่ายๆ เหมือนจอมพล
ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งดูการ์ตูนอยู่เสียงออดก็ดังขึ้น น่าแปลกที่วันนี้กวินขึ้นมาหาเธอที่ห้อง ทั้งที่ปกติจะนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟชั้นล่างของคอนโดฯ
"อะไรเนี่ย วันนี้....อ้าว..."
เพียะ!
ขณะที่ยลรดากำลังจะพูดแซวออกไป แต่ทันทีที่เปิดประตูรับอีกฝ่ายและเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ไม่ใช่กวิน แถมทันทีที่ประตูเปิดฝ่ามือเรียวของอีกฝ่ายก็ตบหน้าเธอจนสะบัดไปตามแรง มันเจ็บมากจนยลรดาน้ำตาไหลพราก
เพราะนอกจากอีกฝ่ายจะทำร้ายเธอโดยไม่รอให้ตั้งตัวได้ ที่ตบหน้าเธอจนหันนั้นมันคือแรงของผู้ชาย...
"ยังไง หายตอแหลรึยัง มีสติขึ้นรึยัง"
อีกฝ่ายใช้คำพูดที่หยาบคาย ด่าเธอด้วยน้ำเสียงที่ตั้งใจกดต่ำ ขาเรียวที่สวมสกินนี่ยีนส์เดินก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับประตูห้องของยลรดาที่ปิดลง
"ฉันไม่เคยทำอะไรให้เธอ...."
เสียงสะอึกสะอื้นของยลรดาพูดกับคนที่ยืนกอดอกพิงประตูมองด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยัน
"เรียกผัวชาวบ้านให้มาหาค่ำๆ มืดๆ แบบนี้ชวนกันมาทำอะไรล่ะ"
"แกมันบ้า! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ!"
ยลรดาด่าทอและพยายามเปิดประตูไล่อีกฝ่ายออกไป แต่คนที่ตัวสูงกว่ากลับจิกเส้นผมของเธอเต็มกำมือแล้วกระชากให้ก้มหน้าลง ก่อนจะสาดใส่คำพูดที่รุนแรงและเลวร้ายจนหญิงสาวสะอึกสะอื้นออกมาไม่หยุด
"เคยเป็นชู้กับผัวชาวบ้านมาครั้งนึงจนเมียเขาตายแล้วยังไม่สำนึก แต่กูไม่ตายเหมือนอีพิมพ์อะไรนั่นหรอกนะ เพราะคนที่มายุ่งกับผัวกูเนี่ยต้องตาย!"
ขณะที่ยลรดาถูกผลักจนล้มลง เสียงทุบประตูก็ดังมาจากด้านนอกพร้อมกับเสียงของกวิน
"เอิน! เอิน!"
แต่เจ้าของชื่อที่ยืนค้ำหัวหญิงสาวอยู่กลับใจเย็นมากพอที่จะกดโทรศัพท์โทรไปหาคนที่ยืนอยู่หลังประตู...
(เอิน ฟังแจ็คก่อน...)
"ถ้าจะปกป้องอีนี่ละก็เตรียมหาเมียใหม่เลยนะ"
(เอิน ขอร้อง อย่าทำแบบนี้)
"ถ้าปกป้องมัน บอกน้ำหวานเลยนะว่าพี่ลูกไก่จะไม่ไปหาที่บ้านแล้ว"
(...แจ็คคิดว่าเอินจะเชื่อใจกัน)
"อ๋อ เอินเชื่อใจผัวตัวเอง แต่ไม่เชื่อใจอีนี่ไง แค่นี้นะเสียเวลาตบคน!"
ในวินาทีนั้นจนกระทั่งความเจ็บปวดมันจบสิ้นลง หญิงสาวร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ตอนที่ถูกจิกแขนแล้วลากมาตบพร้อมด่าสาดใส่ไม่หยุด โทรศัพท์มือถือถูกปาอัดข้างฝาจนแตกและเสียงของอนิลที่ด่าย้ำว่าต่อไปนี้ถ้าติดต่อไปหากวินอีกเธอจะต้องโดนอะไรบ้าง ทั้งที่หญิงสาวถูกทำร้ายอยู่ตรงนี้ แต่เสียงของกวินที่อยู่หน้าประตูกลับเงียบหายไป
เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ ยลรดาไม่เข้าใจว่าอนิลโกรธอะไรเธอมากมายขนาดนั้น หรือกวินพูดอะไรให้อีกฝ่ายมีโทสะ แต่จากการกระทำแล้วมันไม่ต่างจากตอนที่พิมพ์พยายามจะเข้ามาทำร้ายเธอ แต่โชคดีที่จอมพลขวางไว้
เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้เลย กวินปล่อยให้เธอโดนทำร้ายอยู่ตรงนี้ จนกระทั่งอีกฝ่ายพอใจแล้วก้าวข้ามเธอไปราวกับเศษขยะ...
เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับภาพของกวินที่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้น ยลรดาคิดว่ามันคงไม่นานนักที่เธอโดนทำร้าย อาจจะแค่ห้าหรือสิบนาที แต่มันกลับเนิ่นนานในความรู้สึกช่วงเวลาที่มือของอีกฝ่ายตบตีเธอไม่หยุด...
"ถ้าแจ็คก้าวเข้าไปหามัน เราเลิกกัน..."
คำพูดของอนิลขณะที่เดินสวนออกไปจากประตูราวกับคำสั่ง แม้ว่ากวินจะมองมาที่หญิงสาวด้วยสายตาที่เวทนาสงสาร แต่ชายหนุ่มกลับข่มใจหลับตาลงและเดินถอยหลังไปก่อนจะเดินตามแฟนตัวเองไปพร้อมกับประตูที่ปิดลง...
ผู้ชายขี้ขลาด...
ใช่ กวินเป็นผู้ชายขี้ขลาดสำหรับเธอ
ผู้ชายสารเลวที่แอบล็อกอินเข้าไปในเฟซบุ๊กเพื่อนแล้วแชตมานัดเธอให้ไปหาจอมพลในวันนั้น
ส่วนตัวเองก็ยืนรอดูความพินาศหน้าตาเฉย แต่ที่น่าสมเพชที่สุดคือ กวินโดนสวรรค์ลงโทษให้เห็นคนรักตายต่อหน้าต่อตา
และยลรดาคิดว่ามันคงสาสมแล้วกับสิ่งที่กวินควรได้เจอ...
....................
flashback
ขณะที่บนหน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่กำลังฉายภาพยนต์อยู่ สัมผัสของมืออุ่นที่ค่อยๆ คลายออกจากการกอบกุมมือของร่างบางเอาไว้ ก่อนจะแอบพลิกดูโทรศัพท์ที่มีสายเข้าเป็นรอบที่สาม อนิลเหลือบมองเล็กน้อยแต่สายตายังคงจดจ่ออยู่ที่พระนางในจอ จนกระทั่งอีกฝ่ายขยับมากอดและกระซิบข้างหูเบาๆ
"แจ็คออกไปรับโทรศัพท์แป๊บนะ"
อนิลพยักหน้าน้อยๆ และเหลือบมองอีกฝ่ายเดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์ที่สั่นรัวอยู่ในมือ ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสแถวหลังสุดกว้างไปถนัดตาเมื่อคนตัวโตกว่าลุกหายไป แต่ไม่นานอีกฝ่ายก็รีบเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ และกอดเอวร่างบางไว้เช่นเดิม
"ใครโทรมาเหรอ"
อนิลกระซิบถามขณะที่เอนศีรษะพิงอกกว้าง แต่เสียงของจังหวะหัวใจที่ร่างบางสัมผัสผ่านร่างกายที่เอนพิงกันมันกลับรู้สึกถึงจังหวะที่แรงขึ้นและกวินก็มีท่าทางขยับตัวไปมาที่บ่งบอกชัดเจนว่าผิดปกติและคนแรกที่อนิลนึกถึงคือผู้หญิงคนนั้นที่ทักไลน์มาวันก่อน...
มือเรียวขยับไปโอบเอวหนาพลางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายก่อนจะกดริมฝีปากจูบปลายคางสากเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมามองสบตาก่อนจะโน้มลงประทับริมฝีปากหยักกับเรียวปากนุ่มอย่างเผลอไผล คนที่ตกหลุมพลางสอดเรียวลิ้นเกี่ยวหวัดลิ้นเล็กพร้อมกับสติที่เริ่มหลุดเพราะสัมผัสที่เย้ายวนจนลืมระวังตัว
ชั่วอึดใจเดียวจู่ๆ มือเรียวก็ผลักอกกว้างแล้วผละริมฝีปากออก มือเรียวถืออะไรบางอย่างไว้ในมือ ก่อนที่ไฟหน้าจอจะสว่างวาบพร้อมกับชื่อของคนที่โทรเข้ามาก่อนหน้าปรากฏอยู่ในหน้ารายการโทรเข้า
สิ่งที่กวินได้เรียนรู้จากอนิลในช่วงเวลาที่สบตากันขณะนั้นมีสองเรื่อง
ข้อแรก...อนิลมือเบามาก ไม่รู้ว่าเอื้อมไปดึงโทรศัพท์มือถือเขาจากกระเป๋าหลังได้ยังไงโดยที่เขาไม่รู้สึกตัวเลย
ส่วนข้อสอง...อนิลหยิกเจ็บมาก
เพราะทันทีที่เห็นว่าชื่อของคนที่โทรเข้ามาเบอร์ล่าสุดคือใคร มือเรียวก็ล้วงเข้ามาในเสื้อเชิ้ตของกวินแล้วจิกปลายนิ้วที่ไว้เล็บที่หัวแม่มือกดจิกลงมาที่ผิวเนื้อจนร่างหนาสะดุ้ง แต่กลับต้องกลั้นเสียงร้องเอาไว้แล้วกัดฟันนั่งดูหนังต่อไปขณะที่ถูกแฟนหยิกเนื้อตรงเอวอย่างแรงเจ็บจนน้ำตาซึม กว่าจะปล่อยมือก็เล่นเอาแสบและสัมผัสได้ว่าส่วนที่โดนหยิกมันจะต้องเขียวช้ำม่วงอย่างสวยงาม
"เอินคือแจนเขามีธุระจะ..."
"ธุระอะไร"
"เรื่องส่วนตัวของแจน แจ็คแค่ไปฟังเขาเฉยๆ ในฐานะเพื่อน"
"อีนั่นมันไม่มีใครคบเหรอ"
"เอิน แจ็คบอกแล้วไงอย่า.."
เพราะสัญญากันแล้วว่าอย่าพูดจาหยาบคายใส่กันอีก แต่อนิลก็หลุดปากจิกเรียกแจนออกมาแบบนั้น แต่อนิลกลับเดินสะบัดก้นหนีเข้าไปในห้องน้ำ จริงๆ แล้วที่กวินคิดห้ามปรามเพราะไม่อยากให้แฟนพูดไม่เพราะ มันกลับกลายเป็นความเข้าใจผิดที่เริ่มก่ออารมณ์ขุ่นมัวให้อีกฝ่าย
"แล้วคุณแจนมันไม่มีใครคบเหรอคุณกวิน" อนิลพูดประชดใส่ขณะที่เดินมาล้างมือที่อ่างล้างหน้าหลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จ คนเริ่มซาไปหลังจากที่เข้ามาถล่มห้องน้ำพร้อมกันหลังจากภาพยนต์ฉายจบ
"เราคุยกันดีๆ ก่อนได้ไหม"
"คุยว่า"
"แจ็คแค่ไปหาเพื่อน แจนก็เพื่อนคนนึง"
"เพื่อนที่เคยเอากันแล้ว...โอเคแล้วไงต่อ"
กวินลอบถอนใจอย่างท้อใจ อนิลเวลาจะอยู่โหมดขี้หึงให้พูดอธิบายอะไรนี่ลำบากมากจริงๆ
"แจ็คไม่เคยนอนกับแจน เอินอย่าพูดถึงเขาแบบนั้น"
"ผู้หญิงที่ร่อนหอยไปหาผัวชาวบ้านนี่ไม่เคยได้กับคุณกวินเหรอ อเมซิ่ง โอเคแล้วไงต่อ"
ร่างบางพูดสาดเสียเทเสียถึงคนที่เหม็นขี้หน้าอย่างไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงหรือเป็นเพศไหน พวกแรดๆ จะเพศอะไรสำหรับอนิลก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้นแหละ
"เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ เอินเชื่อใจแจ็คสิ" มือหนาเอื้อมไปลูบไหล่บางและพยายามย้ำถึงสถานะระหว่างเขากับยลรดา แต่ดูเหมือนมันจะเปล่าประโยชน์
"เชื่อ แต่ไม่ให้ไป"
ถึงอนิลจะยืนยันคำเดิม แต่สีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูจะเอื้อมระอาและเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด มันยิ่งทำให้ร่างบางทวีความหงุดหงิดในใจ รู้เลยว่ากวินไม่เข้าใจความรู้สึกเขา ความรู้สึกที่ไม่ชอบให้กวินกลับไปเจอแฟนเก่า ต่อให้บอกว่าเพื่อนแต่คนมันเคยเป็นแฟนกัน จะให้เชื่อได้ยังไงว่าไปนั่งคุยกันเฉยๆ
"ทำไมต้องดิ้นรนไปให้ได้ ไม่เข้าใจ มันเรื่องอะไร"
"แจ็คแค่..."
"แค่อะไร เล่าสิอ้ำอึ้งอยู่ได้
"เอิน ตอนนี้แจนเขากำลังเครียดแล้วแค่อยากได้คำปรึกษา แจ็คแค่อยากคุยกับเขา"
ร่างบางเดินหนีไปเพราะรำคาญอีกฝ่าย แต่ก็โดนมือหนาคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน
"เอินจะกลับบ้านได้แล้ว"
"เอิน...ถ้าเอินได้ฟังตอนที่แจนโทรมาเอินจะเข้าใจนะ เขาน่าสงสารมากจริงๆ นะ เขาเครียดมากแล้ว...."
"แล้วถ้าไม่มีแจ็คอยู่ตรงนี้แล้วคอยไปหาไปคุยด้วย แจนเขาจะตายตอนนี้ไหม"
"คงไม่...แต่ว่า"
"งั้นก็ไปด้วยกัน"
สุดท้ายอนิลก็คิดได้ว่าถ้ากวินยังเป็นคนใจอ่อนอยู่แบบนี้ สิ่งที่อนิลคิดว่าควรจะจัดการก็คือฝ่ายนั้นที่คงจะราวีไม่จบ ผู้ชายบางคนก็มีความเวทนาสงสารเห็นอกเห็นใจในแบบที่อนิลไม่เข้าใจ ยิ่งอีกฝ่ายอยู่ในสถานะแฟนเก่า จะร่อนไปหาไปปลอบใจกันเพื่ออะไรในเมื่อแฟนใหม่ก็นั่งหัวโด่อยู่แบบนี้...
ขณะที่ทั้งคู่นั่งรถไปด้วยกันตามที่อนิลตกลงว่าจะรอในรถ แล้วให้กวินไปคุยกับแฟนเก่าในร้านกาแฟชั้นล่างคอนโดฯ ของฝ่ายหญิง จู่ๆ อนิลก็ยกรองเท้าขึ้นมาแล้วถอดดู ทำทีว่ารองเท้ากัด เหลือบมองก่อนถึงคอนโดฯ ที่เป็นจุดหมายปลายทางมีปั้มน้ำมันอยู่ก่อนถึงประมาณร้อยเมตร
"แวะปั๊มให้ทีสิ เอินอยากได้พลาสเตอร์ยา.."
"อืม ได้สิ"
คนตัวโตกุลีกุจอลงจากรถไปหลังจากจอดที่หน้าร้านสะดวกซื้อในปั้ม และเจ้าตัวก็ลืมสนิทไปเลยว่าโทรศัพท์มือถือถูกยึดมาเก็บตั้งแต่อยู่ในโรงหนัง อนิลล้วงโทรศัพท์ของกวินออกมาจากกระเป๋าคลัตช์ ก่อนจะกดรหัสปลดล็อกหน้าจอด้วยวันและเดือนเกิดของน้ำหวานลงไปเป็นชอยซ์แรกที่คิดว่ากวินจะใช้ แต่ก็ไม่ผ่าน มีเวลาก็น้อยแถมคิดอะไรก็ไม่ออก
สุดท้ายก็ลองเสี่ยงใส่วันเกิดตัวเองลงไปแทน เสียงปลดล็อกหน้าจอและมีรูปวอลเปเปอร์ที่เป็นรูปของตัวเองแสดงอยู่ เพราะเดิมทีเห็นแค่ล็อกสกรีนเป็นรูปน้ำหวานแต่ไม่คิดว่าข้างในจะเป็นรูปตัวเอง อนิลแอบหยุดยิ้มออกมา แต่ก็ตั้งสติได้แล้วกดเข้าไปเช็กในห้องแชตในเมสเซนเจอร์ของ เฟซบุ๊ก แล้วหาที่กวินคุยกับแฟนเก่าค้างไว้
ไล่ดูย้อนขึ้นไปถอยไปเรื่อยๆ แล้วอ่านคร่าวๆ ไม่มีข้อความไหนที่ดูเป็นเชิงชู้สาวเลยแม้แต่น้อย เพราะในไลน์ก็ไม่มีอะไรอีกเหมือนกันอนิลเลยเลือกมาดูในแชตของเฟซบุ๊กแทน
แต่ก่อนที่อนิลจะโล่งใจและคิดจะแอบวางโทรศัพท์ไว้ให้อีกฝ่ายที่หน้าคอนโซลหลังพวงมาลัย ก็สไลด์หน้าจอมาถึงข้อความประมาณสองสามอาทิตย์ก่อนหน้าที่อนิลจะคบกับกวิน ไล่อ่านดูเหมือนกวินจะเป็นฝ่ายทักไปหาแฟนเก่าเองแล้วคุยกันเรื่อยเปื่อย เรื่องที่เคยเจอมหา’ลัยบ้าง สัพเพเหระ แต่สิ่งที่ทำให้อนิลเผลอเม้มปากแน่นขณะที่อ่านข้อความชุดสุดท้ายก่อนที่ทั้งคู่จะเลิกคุยกันในคืนนั้น
JAN แจนคิดถึงแจ็คนะ อยากไปทะเลด้วยกันเหมือนตอนนั้นเนาะ อื้ม คิดถึงแจนเหมือนกันนะครับ เอาไว้แจ็คเคลียร์งานได้แล้วเราไปเที่ยวกัน ช่วงนี้ยังฝันร้ายอยู่ไหม" มีบ้าง แต่ก็ดีขึ้นเยอะตั้งแต่ย้ายไปนอนกับน้ำหวาน แล้วแจนโอเคไหม ขอโทษจริงๆ นะ เรื่องนั้น... อยากขอโทษก็มาหาดิ ถ้าเป็นเมื่อก่อนแจ็คคงดีใจมากแน่ๆ ที่แจนอยากเจอ ถ้าย้อนเวลาได้แจนคงไม่ขอเลิกกับแจ็ค แล้วถ้ามีโอกาสอีกครั้ง แจนจะเป็นแฟนที่ดีกว่าตอนนั้นแน่นอน ขอแค่แจ็คอย่าเพิ่งรักใคร... นอกจากพิมพ์แล้วแจนคงยอมไม่ได้ถ้าแจ็คจะคงกับคนอื่น" อ้าวแล้วถ้าแจ็คมีแฟนล่ะ มีได้ ก็เลิกได้ป้ะล่ะ มีโอกาสจะแย่งคืนแน่! ฮ่าๆๆๆ โอเค แจ็คไปนอนก่อนนะครับ ฝันดีนะ |
คนที่มีความคิดแบบนี้ ต่อให้พูดเล่นก็จัดว่าเหี้ยนะ...
อนิลคิดในใจพลางขบกรามแน่นก่อนจะสลับแชตไปไล่ดูรายชื่อในแอปไลน์แล้วตัดสินใจพิมพ์ไปหาจอมพล ตอนแรกก็งงๆ เพราะอนิลทักไปถามว่าห้องแจนอยู่ชั้นอะไร แล้วจอมพลก็ตอบกลับมาถามทำไม คงเพราะกวินไม่ได้ไปหาแจนที่ห้องจริงๆ ตามที่อธิบายให้อนิลฟัง แต่สุดท้ายอนิลก็โกหกไปว่าพอดีแจนปิดโทรศัพท์ จะขึ้นไปเรียกลงมาคุยงานด่วน
กว่าจอมพลจะติดกับแล้วบอกเลขห้องยัยแจนอะไรนั่นมาให้อนิลรู้ก็เล่นเอาเฉียดฉิวกับที่เจ้าของโทรศัพท์เดินกลับมาที่รถ อนิลฉลาดพอที่จะกดลบแชตที่คุยในหน้านั้นทิ้งไปทุกข้อความ ถึงจอมพลจะยังมีข้อความที่ส่งไปแล้วทั้งหมดแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา...
"ไม่รู้เอินใช้อันนี้ได้ไหม มานี่มาแจ็คแปะให้" คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร ขึ้นมาถึงก็เอาอกเอาใจแฟนใหญ่ อนิลข่มใจที่กำลังมีโทสะเอาไว้ก่อนจะถอดรอลเท้าแล้วขยับเบี่ยงไปพาดตักอีกฝ่าย
"เจ็บตรงไหน"
"ตรงเหนือส้นเท้า..."
เจ็บที่ใจกูเนี่ยแหละ...มากที่สุด
อนิลคิดพลางมองมือหนาที่บรรจงติดพลาสเตอร์ยาให้อย่างเบามือ อีกฝ่ายเหลือบมองแล้วส่งยิ้มให้ ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่อนิลจะพูดสิ่งที่คิดเอาไว้กับอีกฝ่าย
"ยิ่งแจ็คดีกับเอินมาเท่าไหร่ เอินก็ยิ่งกลัวว่าจะมีใครมาแย่งแจ็คไปนะรู้ไหม"
"ไม่มีหรอก...ใครจะมาชอบผู้ชายแบบแจ็คล่ะ อีกอย่างแจ็คไม่รักใครง่ายๆ หรอกนะ"
กวินไม่เข้าใจคำถามของอนิล แต่ก็ตอบออกมาตามตรงไม่ได้ปิดบัง เพียงแต่เขาจำไม่ได้แล้วว่าแฟนเก่าเคยพูดเล่นว่าจะแย่งเขากลับไปถ้ามีโอกาส เพราะคำพูดแบบนั้นมันไม่สำคัญกับเขา แต่กลับเป็นคำพูดที่ทำให้อนิลทนไม่ได้...
"รู้ป้ะทำไมเขาถึงต้องผลิตยาฉีดปลวกออกมา..." ร่างบางถามพลางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
"ก็ไล่ปลวก..."
"ใช่ เพราะบ้านของเรา เราอยู่ของเราดีๆ ปลวกมันไม่ใช่รับเชิญแต่ก็มาขึ้นบ้านเราหน้าด้านๆ เลย..."
คนที่เริ่มใจคอไม่ดีเริ่มหน้าเสียเพราะอนิลมีท่าทีแปลกๆ ขณที่กำลังสวมรองเท้ากลับคืน
"เอิน พูดอะไรอะ"
"แฟนเรา รักกันอยู่ดีๆ เราก็ไม่ให้ใครมายุ่งเหมือนกัน...."
สิ้นคำสุดท้ายร่างบางก็เปิดประตูรถแล้วลงจากรถ แต่สิ่งที่ทำให้กวินหัวใจแทบวาย คือร่างบางที่วิ่งตัดหน้ารถมอเตอร์ไซค์แบบเฉียดฉิว กวินล็อกรถแล้วพยายามจะวิ่งตามไป แต่ไม่ทันแล้ว อนิลวิ่งข้ามฝั่งไปถึงคอนโดฯ ที่ยลรดาอยู่ กว่ากวินจะวิ่งข้ามฝั่งมาถึงอนิลก็ขึ้นลิฟต์ไปแล้ว...
....................
flashcome
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่กวินรู้สึกกลัวจนอยากร้องไห้ เขานั่งอยู่ในรถที่นั่งข้างคนขับที่ตอนนี้เป็นอนิลที่เป็นฝ่ายขับรถออกมาจากคอนโดฯ หลังจากที่ตวาดใส่เขาให้เอากุญแจรถมาจนรปภ. ที่อยู่แถวนั้นมองมาอย่างตกใจ รถที่ขับเร็วมากเพราะฝีเท้าของร่างบางเหยียบคันเร่งจนเกือบร้อยห้าสิบบนทางด่วน จนคิดว่าภายในอาทิตย์นี้คงมีใบสั่งไปถึงที่บ้านแน่ๆ ทั้งที่ตัวเขาเองขับรถถูกกฎจารจรมาตลอดชีวิต
"เอินขับช้าหน่อยดีไหม..."
"มีรถเอาไว้ไปให้ถึงไวๆ ถ้าอยากช้าก็เดิน จะลงไหม"
พอถูกตอกหน้ากลับแบบนั้นกวินก็เงียบกริบ มือข้างหนึ่งกำสายเข็มขัดนิรภัยไว้ อีกข้างก็จิกเบาะที่นั่งไว้แน่น ความรู้สึกตอนนี้เหมือนรถมันจะบินแล้ว...
"พูดมา มีปัญหาอะไรกันถึงต้องแคร์มันมากกว่าเอิน"
"เอิน ข้างหน้ามีรถแก๊ส...."
"ถ้าไม่ตอบจะขับพุ่งชนแม่งเดี๋ยวเนี่ย!"
"โอเคๆ ขับช้าก่อนได้ไหม"
"หนึ่ง..."
"ได้ๆ คือแจ็คขอให้แจนเก็บเรื่องที่แจ็คเคยทำพลาดไว้ ห๊ะ เอิ้นนนนนนนนนน"
กวินร้อนเรียกแฟนเสียงหลงเมื่อรถเบนซ์สี่ประตูคันหรูขับปาดมาตีคู่กับรถแก๊สจนหัวใจกระตุก แล้วพารถพุ่งทยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ตลอดชีวิตนี้กวินไม่เคยขับเร็วเท่านี้มาก่อน...
"เล่าช้าจังวะ!"
พอโดนตวาดใส่กวินก็สะดุ้งแล้วรีบเล่าออกมาเร็วปรือ
"แจ็คอยากให้พิมพ์เลือกก็เลยนัดแจนให้ไปหาไอ้บี แจ็คแอบเข้าเฟซมันแล้วแชตไป...เพราะตอนนั้นพิมพ์เองก็มีไอดีเข้าเฟซไอ้บีเหมือนกัน พอทักกัน เครื่องของพิมพ์ก็เด้งด้วย แจ็คแค่อยากให้พิมพ์เลือก...ไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาต้องตาย"
มือที่จับพวงมาลัยอยู่กำแน่นด้วยความรู้สึกโกรธจนพูดไม่ออก คำสารภาพที่ฟังแล้วรู้สึกว่านอกจากกวินจะไม่ใช่เจ้าชายในฝันแล้ว ยังเป็นคนที่ขี้ขลาดและเห็นแก่ตัวที่สุด อาจจะใช่ที่อยากจะให้พิมพ์เลือกตัวเองให้เร็วขึ้น แต่มันเป็นวิธีที่สกปรกมาก...
"คิดว่าถ้ารถพุ่งลงไปจากทางด่วน เราจะเจออีพิมพ์ในนรกไหม"
"เอิน....ขอร้อง อย่าทำแบบนี้ ลดความเร็วเหอะ"
"ถ้าเจอมัน เอินจะตบมันให้คว่ำ! ผู้หญิงที่หลายใจแล้วทำให้คนอื่นเป็นบ้าเป็นบอไปหมดเนี่ย มันสมควรจะได้รับความรักอยู่จนถึงตอนนี้เพราะอะไร เอินอยากเห็นหน้ามันกับตาตัวเอง แต่มันตายไปแล้วถูกมะ งั้นเราคงต้องไปเจอมันในนรกด้วยกัน แจ็คก็ลงไปรักกับอีพิมพ์ให้พอใจ ให้สมกับที่หักหลังเพื่อนเพื่อจะได้คบกับอีนั่นไง!"
เสียงที่ตวาดใส่แฟนหนุ่มดังพร้อมกับเสียงเบรกและ เท้าที่กระทืบคันเร่งจนสุดของอนิลพร้อมกับพวงมาลัยที่หักรถทั้งคันตีโค้งจนร่างของคนที่นั่งข้างๆ ถูกเหวี่ยงไปตามแรงจนใจหาย
"แค่แป๊บเดียว แจ็คก็ได้เจอพิมพ์แล้วนะ แค่เอินปล่อยมือ..."
เสียงเรียบๆที่พูดขึ้นมาขณะที่รถกำลังจะไถลหลุดโค้งฝั่งที่นั่งข้างคนขับ ประตูรถและด้านข้างของรถครูดกับที่กั้นขอบทางด่วนจนกระจกมองข้างหลุดกระเด็น ทำเอาร่างหนาหลุดปากขอร้องออกมาอย่างน่าสงสาร กวินพูดออกมาทั้งน้ำตา เพราะกลัวมาจริงๆ อย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน...
"เอิน! อย่า แจ็คขอโทษ แจ็คอยากกลับบ้านไปหาน้ำหวานอะ ฮึก แจ็คไม่
อยากตาย..."
มือเรียวหมุนพวงมาลัยกลับมาพร้อมกับค่อยๆ ปล่อยคันเร่งให้ช้าลง ก่อนจะพารถลงทางด่วนมาในสภาพที่มีรถตำรวจขับตามมาแต่ไกล....
"คิดว่ารักกันมาก เห็นทำเหี้ยอะไรก็ได้ให้ได้คบกับอีนั่น ก็เลยคิดว่าอยากลงนรกไปเจอกับมันเร็วๆ ซะอีก แต่สุดท้าย...ก็รักตัวเองกันทุกคนนี่ ใช่มะคุณกวิน"
อนิลทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเอารถขับเข้าข้างทางแล้วลงไปคุยกับตำรวจ ปล่อยให้กวินที่ตอนนี้ยกมือขึ้นปิดหน้าและร้องไห้ออกมาเหมือนคนบ้า วินาทีที่รถไถลไปด้วยความเร็ว เขารู้สึกเหมือนจะตาย ทุกอย่างในหัวมันตีรวนไปหมด เขาเห็นหน้าหลานสาวและพ่อแม่ รู้สึกเหมือนชีวิตกำลังจะดับมือลงในวินาทีนั้น
แล้วที่แย่ที่สุดคือเขาไม่รู้ว่าจะลงจากรถยังไง ในสภาพที่ไม่เหลือความแมนอยู่เลย ทั้งร้องไห้ กรีดร้องเหมือนจะบ้าตาย แถมยังกลัวจนฉี่ราดอีก...นี่สิปัญหาใหญ่สุดที่ทำให้ยิ่งร้องไห้หนักมากเพราะอายจนอยากจะบ้าตายอยู่แล้ว...
..........TBC........
ผัวใคร ใครก็รัก
เมียใครดุ ก็ยกมือไหว้สวยๆ ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โดนซะมั่งพี่แจ็ค รอบนี้หนูทีมเอินนะ
โหดเป็นบางสถานการณ์นะคู่นี้ คู่สร้างคู่สม หรือคู่กรรมคู่เวรเนี้ย 55555
คือแบบต้องเรียกว่าคู่สร้างคู่สม T T