ตอนที่ 45 : 42 : เซอร์ไพรซ์!
42
เซอร์ไพรซ์!
"นี่ๆ ตึกนี้รึเปล่า"
"ทำไมใหญ่จัง เบ่บี๋มันเอาเงินมาจากไหนมาอยู่คอนโดฯ ใหญ่ขนาดนี้"
ร่างเล็กที่เดินหิ้วถุงเซเว่นอีเลฟเว่นออกมาเผชิญอากาศร้อนจนหน้าไหม้หันมองตามเสียงของชายหญิงวัยกลางคนที่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าทางเข้าคอนโดฯ จนรปภ.มองอย่างสงสัย จินตภัทรชะเง้อดูด้วยความสนอกสนใจตามประสาคนธรรมดาที่เห็นอะไรก็สนใจใครรู้ แต่จังหวะที่กำลังจะเดินหิ้วอาหารเย็นอันได้แก่ข้าวกล่องสารพัดผ่านคนทั้งคู่ไป เสียงที่หญิงวัยกลางคนถามรปภ.ก็ทำเอาเท้าเล็กๆ หยุดกึก
"ขอโทษนะจ๊ะฝั่งไหนคือฝั่งที่มีชั้นยี่สิบสอง พอดีป้าจะมาหาลูกชาย เขาบอกว่าอยู่ห้อง 2209 มันอยู่ตึกไหนเหรอ
คุณนักเขียนตัวเล็กหันกลับไปมองตามเสียงแล้วเดินเข้าไปหามองใบหน้าของคุณป้าผู้หญิงยังคนมีความสงสัยเล็กๆ ว่าญาติของจอมพลจริงเหรอ แต่ทันทีที่เห็นหน้าคุณลุงที่ยืนถอนใจและพูดอย่างหงุดหงิดออกมา ไม่ใช่แค่หน้าตาและน้ำเสียงทั้งท่ายืนและความอารมณ์ร้อนเรียกว่า สำเนาถูกต้อง ไม่บอกก็รู้ว่าลูกใคร
"แม่ขวัญไปเถอะ ไอ้บี๋มันไม่ไม่ได้เชิญเราด้วยซ้ำ โผล่มาเดี๋ยวมันก็ไล่กลับ"
"พี่พล โธ่เอ๊ย ลูกที่ไหนมันจะไล่พ่อแม่ ที่ไม่บอกมันเพราะอยากจะเซอร์ไพรซ์หรอก"
เซอร์ไพรซ์มาก...
จินตภัทรคิดในใจก่อนจะรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปคุยกับทั้งสองท่าน เพราะเกิดโตมากับครอบครัวครูทั้งบ้าน ทำให้จินตภัทรถูกฝึกให้คุยกับคนอาวุโสกว่าโดยไม่ขัดเขินใดๆ เหมือนเด็กสมัยนี้ที่ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดปากคุยกับคนอายุมากกว่า
"ขอโทษครับคุณลุงคุณป้า ไม่ทราบว่ามาหาพี่บีรึเปล่าครับ"
"บี" คุณลุงทวนชื่อซ้ำแล้วเลิกคิ้ว ปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนลูกชายเปี๊ยบ...
"เออะ...จอมพลนี่ชื่อลูกคุณป้ารึเปล่าครับ" จินตภัทรต้องเรียกชื่อจริงของคนรักเพื่อความแน่ใจแล้วก็โล่งอกที่เดาถูก
"ใช่จ๊ะ นี่หนูเป็นเพื่อนเบ่บี๋เหรอ"
เบ่บี๋ว่ะ....ชื่อในวงการตลาดพรานนกแน่ๆ
จินตภัทรกลั้นขำก่อนจะพยักหน้ายิ้มๆ เขาไม่ถือสาอะไรกับการถูเรียกว่าหนูเท่าไหร่ ทั้งที่เขาเป็นผู้ชาย เพราะคุณป้าคนนี้ก็ไม่ใช่คนแรกที่เรียกแบบนี้
"พี่ครับเดี๋ยวผมพาคุณลุงคุณป้าขึ้นไปเอง" จินตภัทรบอกรปภ. ให้วางใจ เพราะคอนโดฯ ไม่ค่อยอนุญาตให้คนแปลกหน้าขึ้นไปเท่าไหร่ยกเว้นพวกที่มาบ่อยๆ อย่างกวินกับอนิล
ร่างเล็กเดินนำคุณลุงคุณป้าที่เดินตามกันมาด้วยท่าทางที่น่ารักในสายตาของจินตภัทร เพราะทุกจังหวะการเดินของทั้งคู่ คุณลุงจะคอยเตือนให้คุณป้าระวังเสมอแล้วคอยประคองให้เดินตามมาทั้งที่คุณป้าเองก็ไม่ได้เดินช้าเท่าไหร แต่คุณลุงแกก็เป็นห่วงภรรยาทุกฝีก้าวจริงๆ
"หนูชื่ออะไรจ๊ะ เป็นเพื่อนที่ทำงานหรือว่าเพื่อนมหา’ลัย"
"ชื่อจีนครับ เป็น เพื่อนบ้าน" คนตัวเล็กตอบกลับพลางอมยิ้มน้อยๆ เขาไม่ใช่คนชอบออกตัวนักถึงจะอยากบอกว่าเป็นแฟนลูกชายคุณป้านั่นแหละ แต่ใครจะไปรู้ว่าที่บ้านของจอมพลจะรับได้แค่ไหนกับการมีแฟนเป็นเพศเดียวกันของลูก จินตภัทรไม่ใช่คนโง่ เขาไม่มีทางเสนอหน้าพูดอะไรที่ทำให้แฟนตัวเองซวยไปด้วย
"ดีจังเลยนะ มีเพื่อนบ้านก็ดีคิดว่ามาอยู่ตัวคนเดียวก็ห่วงอยู่ เกิดเป็นอะไรไปเหมือนตอนนั้นละก็..."
"แม่ขวัญ ไม่เอาน่า เรื่องมันผ่านไปแล้วจะพูดทำไมให้ตัวเองเสียใจ"
"ก็อดกลัวไม่ได้นี่นา ยังจำตอนที่พาลูกไปส่งโรงพยาบาลได้อยู่เลย..."
จินตภัทรนิ่งไปขณะที่ฟังทั้งคู่คุยกัน มันมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่จอมพลไม่ยอมเล่าให้ฟังแน่ๆ เพราะจากที่รู้มาตอนที่พิมพ์เสียช่วงแรกๆ คนที่เข้าออกโรงพยาบาลคือกวิน แต่ทำไมพ่อแม่ของแฟนเขาถึงคุยกันเหมือนว่าจอมพลเคยถูกหามส่งโรงพยาบาล
"ขอโทษนะครับ คือผมไม่อยากละลาบละล้วงแต่ว่าผม..เอ่อ เป็นเอ่อ เพื่อนสนิท แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาก่อนที่จะย้ายมาที่นี่ คุณป้าช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมครับ"
มือเล็กกำถุงหิ้วแน่นอย่างกังวล เขาอยากรู้ในสิ่งที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่อีกฝ่ายไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่พอเป็นคนรักกันแล้ว มันก็ควรรู้ทุกเรื่องไม่ใช่เหรอ
คนอายุมากกว่าทั้งสองคนมองสบตากันเหมือนช่วยกันเรียบเรียง จนสุดท้ายคนเป็นพ่อถึงพูดออกมาเองด้วยน้ำเสียงที่เศร้าจนคนฟังน้ำตาคลอ
"ตอนแฟนมันเสีย ก็มีพวกญาติๆ ของผู้หญิงคนนั้นเขามาเอาเรื่องที่บ้าน บี๋มันเครียดที่พ่อแม่ต้องพานซวยไปด้วย พ่อก็ขายของไม่ได้แม่ก็ต้องปิดร้านไปพักหนึ่ง แต่พ่อแม่ก็เข้าใจมันนะ ไม่ใช่ความผิดมันทั้งหมด แต่บี๋มันยังเด็กมากตอนนั้น เพิ่งเรียนจบหางานทำมันก็ไม่รู้ตัวเองหรอกว่าเป็นอะไร สูบบุหรี่หนักขึ้น กินเหล้าเป็นน้ำ แล้วก็ไม่หลับไม่นอนตีสามก็มาช่วยแม่เปิดร้านเพราะต้องย้ายไปขายตลาดบางซ่อน ไกลจากบ้านมาก เป็นอยู่แบบนี้เกือบปี ไหนจะต้องไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลอีก สุดท้ายก็เป็นตัวมันเองนั่นแหละที่อยู่ๆ ก็เครียดจนหมดสติไป โชคดีที่อยู่ที่บ้านไม่ได้ขับรถ ไม่งั้นคงแย่กว่านี้ ที่ให้ย้ายมาที่นี่ อยากทำงานอะไรก็ปล่อยให้ทำก็เพราะอยากให้มันมีความสุขมากขึ้น..เป็นพ่อแม่คนจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะ จริงไหม"
"ครับ..."
ขณะที่คุยกันอยู่ลิฟต์ก็พาพวกเขามาถึงชั้นยี่สิบสองพอดี เมื่อได้ยินเสียงเตือนและประตูลิฟต์ที่เปิดออกจินตภัทรก็พาพ่อแม่ของคนรักออกมาและเดินนำไปที่ห้อง2209 เขาเหลือบมองห้องตัวเองที่เพิ่งถูกเปลี่ยนคีย์การ์ดไป
เพราะทันทีที่แจ้งฝากขาย ก็มีคนจะเข้ามาดูห้องทันที แถมตอนนี้ของทุกอย่างของเขาก็เอาไปจัดไว้ในห้องของจอมพลหมดแล้ว เพราะอยากจะเซอร์ไพรซ์คนรักว่าย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่พอพ่อแม่แฟนโผล่มา จินตภัทรก็ทำตัวไม่ถูกเลย...
"ผมมีคีย์การ์ดสำรองของพี่บี คุณลุงคุณป้าเข้าไปรอที่ห้องก่อนพี่เขากลับก็ได้ครับ" จินตภัทรพูดพลางยิ้มให้สามีภรรยาที่มองหน้าเขาแล้วพยักหน้ายิ้มตอบกลับมาพร้อมคำพูดของคุณป้าที่ทำให้จินตภัทรเกร็งมากกว่าเดิม
"ดีนะฝากกุญแจกับเพื่อนข้างห้องก็เบาใจหน่อยมีอะไรก็จะได้ช่วยเหลือกัน แล้วนี่บี๋เขามีแฟนรึเปล่า ไม่เห็นเขาบอกป้า"
"ไม่ครับ..ไม่มี"
จินตภัทรรีบส่ายหน้าแล้วรีบหันไปเปิดประตูซ่อนน้ำตาที่พานจะไหลออกมาเอาไว้ เขาเสียใจที่กลายเป็นคนโกหกแต่ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อจอมพลเองไม่เคยบอกพ่อแม่ด้วยซ้ำว่าคบกับเขาอยู่ ก็แสดงว่าสิ่งที่จินตภัทรคาดการณ์เอาไว้มันก็ถูกต้อง...
เมื่อมือเล็กผลักประตูเข้าไป จังหวะที่ประตูเปิดออก กลิ่นครีมอาบน้ำที่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่โผเข้าใส่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว
ถุงเซเว่นอีเลฟเว่นที่จินตภัทรถืออยู่ร่วงลงพื้นพร้อมๆ กับเสียงของจอมพลที่กระดี๊กระด๊าจนร่างเล็กที่ถูกกอดจนจมอยู่ในอกกว้างใจตกลงไปถึงตาตุ่ม
"เมียจ๋าาาาาาาาาา กลับมาแล้วเหรอ"
คนที่ดีใจจนเนื้อเต้นกอดแฟนตัวเล็กเอาไว้และยิ้มจนตาปิดเพราะเห็นของที่ย้ายมาแล้วก็รู้เลยว่าแต้มบุนของคุณยายสัมฤทธิ์ผลแล้ว
แต่รังสีบางอย่างที่ส่งมาจากคนที่ยั่งยืนอยู่หน้าประตูห้องทั้งสองคนมันทำให้จอมพลหันไปมองพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ เจื่อนลงและกลายเป็นอ้าปากค้าง
ไม่ใช่แค่เขาที่ตกใจ แต่ ผู้ปกครอง ทั้งสองที่ยืนมองอยู่ก็มีอาการตกตะลึงและมองลูกชายตัวเองที่อยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันเอวผืนเดียวยืนกอดกับผู้ชายตัวเล็กๆ ที่บอกพวกเขาคราแรกว่าเป็นแค่ เพื่อนบ้าน
"บี๋..."
"พ่อ แม่.."
....................
"บี๋"
"ไรแม่"
"แว่นไปไหน เลิกใส่แล้วเหรอ จะมานั่งเอาหน้าจ่อโทรศัพท์อีกไม่เอานะ ตัดแว่นแล้วไม่เอามาใส่เสียดายของ"
จากคำพูดของคนเป็นแม่ที่บ่นอยู่หน้าอ่างล้างจานทำเอาร่างเล็กที่ยืนเป็นลูกมือช่วยเด็กใบกะเพราต้องเหลือบมองหางตาไปที่ อิตาเบบี๋ ที่เคยมีการปะทะคารมกันแล้วเรียกเขาว่า น้องแว่น ก่อนหน้าที่จะคบกัน ทั้งที่ตัวเองก็ใส่แว่นแต่แอ๊บ
"ก็...ไม่ได้สายตาสั้นเท่าไหร่นะ ไม่ใส่ก็...."
"บี๋ แม่เห็นกล่องแว่นในห้องนอนใช่ของลูกรึเปล่า"
"เปล่า อันนั้นของจีน"
"แล้วของลูกไปไหน"
ร่างเล็กหันไปสบตาอีกฝ่ายแล้วพยักพเยิดให้จอมพลลุกไปหาแว่นตัวเองมาใส่ให้มันจบๆ คนเป็นแม่น่ะ ถ้าลูกไม่ทำในสิ่งที่สั่งให้ทำ ยังไงก็ไม่หยุดพูดแน่ๆ มองกันไปมองกันมาอยู่พักหนึ่ง ร่างสูงใหญ่ก็ลุกจากที่นั่งตรงโต๊ะกินข้าวไปหาแว่นในห้องนอนอย่างเซ็งๆ
"คิดยังไงถึงมาคบกันได้ ดูไม่น่าจะเข้ากันได้เลยเนาะ"
เสียงของคุณแม่ 'จอมขวัญ' ผู้เบ่ง 'จอมพล' ออกมา เรียกให้จินตภัทรหันไปมองอย่างหวาดหวั่น ไม่มีคำตอบโดยทันที มีเพียงเสียงเด็ดใบกะเพราที่ยังสม่ำเสมอ พอเข้าใจว่าคนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือใคร ก็ทำให้จินตภัทรคิดหนักเหมือนกัน....
....................
flashback
ย้อนเวลาไปหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า
"บี๋"
"พ่อ แม่"
กึก!
เสียงกล่องข้าวอีซี่โกร่วงลงพื้นหน้าทิ่มฝาเปิด พร้อมกับกลิ่นข้าวกะเพราหมูที่น่าสงสารหกกระจาย ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกฝ่ายที่ยืนมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา คุณสุรพลมองหน้าลูกชายที่ค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกจากแฟนตัวเล็ก ขณะที่คุณจอมขวัญที่ตั้งสติได้คนแรก เดินไปช่วยเก็บข้าวกล่องเละๆ บนพื้น เอาฝากวาดๆ แล้วโกยข้าวกล่องใส่ถุงเซเว่นอีเลฟเว่นคืนเจ้าของ
"ยังไม่ได้กินข้าวกันสินะ พ่อลงไปที่รถเอาพวกของที่จะแวะไปส่งร้านยายจุ๋มขึ้นมาให้ที ขอกะเพราเยอะๆ บี๋ที่นี่มีเตาไหมลูก"
"มีแม่ มีเตาไฟฟ้าในครัว..." คนถูกแม่เรียกรีบเดินนำเข้าไปในห้องคว้าเสื้อที่พาดไว้ตามเก้าอี้มาสวมก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปสวมกางเกงชั้นในกับกางเกงขาสั้นในห้องนอน
"บี๋ลงไปช่วยพ่อเอาของในรถไป"
เสียงของคุณจอมขวัญบอกลูกชายก่อนจะเดินสำรวจห้องลูกชายที่ตอนนี้เหมือนมีนรกกับสวรรค์อยู่ในห้องเดียวกัน เพราะคอนโดฯ ที่มีพื้นที่เป็นสัดส่วน แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้อยู่ตามลำพังเหมือนที่คิดไว้ในคราแรก เห็นพวกหนังสือในชั้นก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่ขอลูกชายตัวดีของเธอแน่ๆ
"แม่...คือ" จอมพลเรียกคุณจอมขวัญด้วยความรู้สึกที่กลัวจนจินตภัทรมองออกว่าพ่อยักษ์ตัวโตกลัวแม่มาก ไหนจะคุณพ่อที่กุลีกุจอขอคีย์การ์ดลูกแล้วลงไปเอาของที่รถแบบไม่รีรอเลย
รังสีอำมหิตบางอย่างมันแผ่ซ่านจนคุณนักเขียนเริ่มยืนไม่ติด เขาไม่เคยเจอผู้ปกครองคนไหนน่ากลัวเท่านี้มาก่อน ตอนแรกคุณป้าดูใจดีมาก แต่พอเดินเข้ามาในห้องและวิธีที่ใช้คุยกับลูกมันเปลี่ยนไปหมด
"เรากลับห้องดีกว่า..."
จินตภัทรหาทางชิ่งออกมาจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด แต่ทันทีที่หันหลังเดินหนีออกมาเสียงของคุณแม่ก็หยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวห่างออกไปให้หยุดทันที
"ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกเหรอ"
"ป...เปล่าครับ...คือ"
จินตภัทรไม่รู้ว่าทำไมต้องโกหก เขากลัวและไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคุณป้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็คุยกันดี แต่เป็นเพราะตัวเองเลือกที่จะโกหกออกไปก่อนจะปรึกษาจอมพลก็เลยกลัวไปหมด ไม่กล้าอยู่ให้โดนดุ
"ป้าเลี้ยงบี๋มา เขาไม่อ่านอะไรพวกนี้หรอกนะ อยู่ด้วยกันก็พูดตรงๆ สิ ทำไมต้องโกหก"
"จีนพูดอะไรกับแม่เหรอ"
เจ้าของตำแหน่งคนเด๋อปี 2017 หันไปถามแฟนสลับกับมองหน้าแม่ตัวเองโดยไม่สนใจเลยว่าแฟนตัวเล็กกลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว
"เขาบอกแม่ว่าเป็นเพื่อนบ้าน"
"เออะ..."
ขาเล็กพยายามก้าวถอยออกไป แต่ก็ยกไม่ขึ้น ทั้งที่คิดปลอบใจตัวเองว่าเรื่องแค่นี้เองไม่เห็นเป็นไร แต่...
ไม่รู้ทำไม น้ำตามันพานจะไหลออกมา
"โกหกแบบนี้เดี๋ยวก็ให้เป็นเพื่อนบ้านจริงๆ ซะหรอก"
จินตภัทรเงยหน้ามองแฟนตัวโตที่ยืนลูบหัวเขาแล้วยิ้มเจื่อนๆ ให้ก่อนจะหันไปมองคุณจอมขวัญที่ยืนอมยิ้มอยู่หน้าตู้เย็น
วินาทีนั้นคุณนักเขียนก็ได้รู้ซึ้งถึงประโยคที่ว่า "นิสัยที่ถูกถ่ายทอดโดยกรรมพันธุ์" เพราะทันทีที่คุณนายจอมขวัญส่งยิ้มมาให้ภาพที่ซ้อนทับในหัวของจินตภัทรคือตอนที่โดนจอมพลแกล้งจนร้องไห้...
ใช่ และคราวนี้ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน
"ฮึก...."
"อ้าว ร้องไห้เลย"
คุณแม่อุทานเสียเบาเมื่อเห็นน้ำตาของเด็กตัวเล็กหยดแหมะๆ อย่างน่าสงสาร
"แม่อะ!"
กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ก็ทำเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงกับงง เพราะท่าทีของลูกชายที่ดูเปลี่ยนไปมาก พอแฟนตัวเล็กเริ่มสตาร์ตร้องไห้โฮออกมา คุณจอมขวัญรีบถอยไปเกาะแขนสามีที่เดินหอบวัตถุดิบที่จะทำกับข้าวให้ลูกชายมากองไว้ที่อ่างล้างจาน
สายตาของผู้ปกครองมองลูกชายที่เลี้ยงมายี่สิบกว่าปีที่กำลังกอดเด็กตัวเล็กๆ ที่ร้องไห้ไม่หยุดเอาไว้ด้วยความพิศวง เพราะจอมพลค่อนข้างเป็นเด็กก้าวร้าวและขี้รำคาญ
ยิ่งเป็นลูกชายคนเดียวพ่อแม่ก็ยิ่งตามใจอยากจะทำอะไรก็ทำ ถึงแม้ตอนเด็กๆ คุณจอมขวัญจะฝากความหวังไว้ที่เวทีชุมทางเสียงทอง แต่ลูกดันหนีไปประกวดฮอตเวฟมิวสิคอวอร์ด ตามรอยศาสดาตูนบอดี้สแลมที่เกิดจากเวทีนี้เช่นกัน แม้แรกๆ จะไม่มีใครเห็นด้วยแต่ลูกชายคนเดียวใครจะไปตัดขาดได้ลงคอ จะทำอะไรที่เจ้าตัวว่ามีความสุขพ่อแม่ก็จำยอมให้ทำแต่โดยดี
แต่เรื่องของคนรักที่ดันมาเพศเดียวกันนี่สิ คนเป็นพ่อก็ได้แต่หันไปสะกิดภรรยาที่ยืนมองลูกชายเงียบๆ มาพักหนึ่งแล้ว
"แม่ๆ"
"หืม" คุณแม่เอียงศีรษะไปฟังสามีที่แอบกระซิบถามในเรื่องที่ฟังแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที...
"ถ้า...แบบ ถ้าสมมติเราทำลูกกันตอนนี้เพิ่มอีกสักคนแม่จะไหวไหม"
"ถามว่าไหวไหมนี่ถามถึงตอนท้องหรือตอนทำ..."
"อุ่ย..." พอโดนภรรยาถามตรงๆ คุณสุรพลก็ได้แต่ก้มหน้าเขิน ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้ชายแท้ๆ ก็แหม...มันก็อดนึกถึงภาพแบบ 4DX ในหัวไม่ได้เลย เพราะเมียก็ยังสวยอยู่นะไม่ใช่เล่นๆ
"แล้วถ้าทำออกมามันเป็นตุ๊ดอีกทำไง นี่พ่อสี่สิบกว่าแล้วนะกว่าจะเลี้ยงโตคนนึงคิดว่าง่ายเหรอ มาท้องเองสิ!"
คนถูกเมียปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยได้แต่ยืนเกาหลังคอเขินๆ มองลูกชายที่กอดกับเด็กผู้ชายอีกคนแล้วมันก็ไม่ได้รู้สึกขัดหูขัดตาเหมือนที่เคยจินตนาการเอาไว้ว่าถ้าลูกเป็นตุ๊ดตัวเองจะทำยังไง
เพราะมันไม่มีอยู่ในหัวเลยว่าจอมพลจะสามารถชอบผู้ชายด้วยกันได้ ที่บ้านก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยดุด่าทำร้ายลูกให้ต้องมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไป ถ้าจะโทษว่าแฟนที่เสียไปเป็นผู้หญิงอาจจะสร้างบาดแผลอะไรไว้รึเปล่าก็ไม่น่ามีส่วน
คุณสุรพลมองลูกชายที่ยังกอดปลอบแฟนตัวเล็กอยู่ที่โซฟาแล้วก็ได้แต่คิดแค่อย่างเดียวจริงๆที่จะให้คำตอบตัวเองได้สำหรับเรื่องนี้ ก็คงเป็นบุญวาสนาหรือเวรกรรมที่สองคนนั้นทำร่วมกันมาตั้งแต่ชาติก่อน ที่ทำให้ลูกชายเขาต้องตกหลุมรักอีกฝ่ายที่ไม่ใช่เพศตรงข้าม
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร
จะด้วยพรหรมลิชิต หรือกรรมเก่าในชาติภพไหน
สิ่งที่ชายวัยกลางคนเห็นด้วยสองตาของตัวเองตอนนี้คือ
ลูกชายเขามีความสุข
....................
flashcome
"คิดยังไงถึงมาคบกันได้ ดูไม่น่าจะเข้ากันได้เลยเนาะ"
ทั้งที่มันเป็นคำถามที่ไม่ยากอะไรเลย แต่ร่างเล็กที่กำลังช่วยเด็กใบกะเพราะอยู่ข้างๆ กลับยืนเงียบเหมือนไม่ได้ยิน มือที่หยาบกร้านของคนที่ทำงานบ้านแตะลงที่หลังมือของจิตภัทรให้หยุด ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่สวมแว่นกรอบหนามองหน้าคนอายุมากกว่าอย่างตกใจ มือของคุณแม่ค่อยๆ พลิกมือของจินตภัทรแล้วลูบฝ่ามือนั้นเบาๆ
"ทำงานบ้านเป็นใช่ไหม"
"ครับ.."
"ดีแล้ว แต่ก็อย่าเหมาทำคนเดียวหมด ต้องสอนให้บี๋เขาทำบ้าง อยู่ด้วยกันต้องช่วยกัน อย่าให้งานบ้านเป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง อยู่ด้วยกันมันก็ต้องช่วยกัน ถ้าไม่ยอมทำก็ต้องบังคับให้ช่วยไม่งั้นเราจะเหนื่อยอยู่คนเดียวเข้าใจไหม"
"ครับ จริงๆ พี่บีเขาก็ช่วยบ้าง แต่จริงๆ ทำเองก็เร็วกว่า เขาช่วยแล้วมันก็ช้า" จินตภัทรสารภาพออกมาพลางยิ้มเจื่อน แต่ดูเหมือนคนเป็นแม่จะเข้าใจดีว่าลูกชายตัวเองมีความสามารถเรื่องงานบ้านค่อนข้างน้อยถึงจะฝึกให้ทำมาแต่เด็ก
"ก็อย่าไปรำคาญ แม่เองเลี้ยงเขามาให้ช่วยงานบ้านแต่เล็กจนโต ตอนเด็กๆ ทำงานบ้านไปร้องเพลงให้แม่ฟังไป.."
ดวงตารีหลังเลนส์แว่นกรอบหนาเหลือบมองใบหน้าที่อมยิ้มน้อยๆ ของว่าที่แม่สามีแล้วรู้สึกถึงความสุขของอีกฝ่ายเวลาพูดถึงลูกชาย ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกราวกับตัวเองเป็นหัวขโมยที่กำลังจะแย่งลูกชายไปจากอกแม่ยังไงก็ไม่รู้ ตั้งแต่เขาร้องไห้ก็นึกได้เอาตอนหยุดร้องแล้วว่ามันน่าอายมากที่เขาหยุดร้องไห้ไม่ได้ จนกว่าคนรักจะกอดเอาไว้แน่นๆ สร้างความเคยชินที่น่าอายให้ตัวเอง แล้วก็มาหลุดทำต่อหน้าผู้ใหญ่ คิดแล้วดูเหมือนเด็กโง่ยังไงก็ไม่รู้...
"จีน...รักพี่เขา ค...แค่นั้น ไม่ได้คิดอะไร"
คุณแม่หันมามองหน้าเด็กที่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างๆ เพราะไม่รู้จินตภัทรบ่นงึมงำอะไรอยู่คนเดียว...
"หืม"
พอโดนถามซ้ำเพราะพูดเสียงเบาเกินไป อีกฝ่ายคงฟังไม่เข้าใจ ร่างเล็กก็ยิ่งประหม่า
และเริ่มหลับหูหลับตาพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม
แต่มันดูเหมือนจะ...ดัง เกิน ไป
"ที่คุณป้าถามว่าคิดยังไงถึงคบกับพี่บี จีนไม่ได้คิดอะไรเลย จีน...จีนแค่รักพี่เขา!"
คุณจอมขวัญมองเด็กตัวเล็กที่ก้มหน้ามือเรียวจิกอยู่ที่ชายเสื้อ คล้ายๆ เด็กกำลังสารภาพผิดอยู่ พอหันไปทางโต๊ะกินข้าวก็เห็นลูกชายตัวเองที่ยัดลูกชิ้นหมูเข้าไปเต็มปาก ก็แอบอึ้งไปเหมือนกันที่ได้ยินจินตภัทรพูดออกมาแบบนั้นแต่ก็หยิบลูกชิ้นเข้าปากต่อจอมพลยืนเคี้ยวลูกชิ้นจนแก้มตุ่ยใส่แว่นสายตากรอบดำที่เธอไล่ให้ไปหามาสวมก่อนหน้านี้
ดูแล้วก็ขำ เพราะภาพมันช่างขัดกันกับภาพของว่าที่ลูกสะใภ้ที่เอาแต่ก้มหน้าไม่รู้แฟนตัวเองยืนฟังอยู่ข้างหลัง ขณะที่ลูกชายตัวโตของคุณจอมขวัญก็เอาแต่ยืนเคี้ยวลูกชิ้นไปยิ้มไปมีความสุขเสียจนน่าหมั่นไส้ที่ได้ฟังคำสารภาพรักแบบเต็มๆ
........TBC......
บางคนก็มีแต้มบุนมากมายเพื่อมาทดแทนส่วนที่เรียกว่าสมอง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอให้คุณแม่เอ็นดูหนูจีนไปนานๆนะคะ
บี๋จีนนนน