ตอนที่ 42 : 40 : แต่ปางก่อน
40
แต่ปางก่อน
"ลู่ก่ายยยยยยย"
เสียงแจ๋วที่มาพร้อมเด็กหญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีหวาน สองมือยกขึ้นรอขณะที่เดินไปถึง คนถูกเรียกโน้มลงมาอุ้มเด็กหญิงสู่อ้อมกอดพลางหอมแก้มนุ่มอย่างรักใคร่
ขวัญใจของบ้านกอดคอ ลู่ก่าย ด้วยความคิดถึงเพราะพี่คนสวยของน้ำหวานไม่มาเที่ยวบ้านหลายวัน
"นะหวันมะโต้งไปหาคุงคูแล้ว" เด็กน้อยรายงานจ๋อยๆ ราวกับอวด
"ปิดเทอมแล้วเหรอ" อนิลถามพลางเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาพร้อมกับเด็กหญิงที่นั่งอยู่บนตัก
"อื้อ" น้ำหวานตอบพลางพยักหน้ายิ้มตอบอย่างร่าเริง แต่เสียงทุ้มที่เดินกลับมาพร้อมแก้วสองหูที่ใส่น้ำส้มให้หลานทำเอาเด็กน้อยหดคอหนี
"น้ำหวาน...พูดกับผู้ใหญ่ตอบอื้อได้ยังไง"
เด็กหญิงเหลือบมองคุณอาก่อนจะหันมาแก้คำผิดกับอนิลทันที
"ปิดเทอมค่ะ"
อนิลลอบถอนใจออกมาขณะที่เหลือบมองหน้าคนที่กำลังยื่นแก้วน้ำส้มให้หลาน ริมฝีปากอิ่มบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ
"พวกเผด็จการ..."
กวินเลิกคิ้วข้างหนึ่งราวกับถามว่าเมื่อครู่อนิลว่าใคร แต่คนสวยที่กำลังอุ้มหลานเขาอยู่แกล้งทำเป็นเบือนหน้าหนีไม่สนใจ
ตั้งแต่คืนก่อนที่ลากกันไปบ้านอนิลเขาใช้เวลาอยู่ที่นั่นสามวันเต็มๆ ทั้งทะเลาะและง้องอน เขารู้ว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วเพราะอนิลก็ได้รู้แล้วว่าจริงๆ เจ้าชาย ที่ตัวเองฝันจะเจอมันไม่มีอยู่จริง กวินไม่ได้อยากให้คนสวยของเขาผิดหวัง แต่เขาโกรธที่เมื่อไม่ได้อย่างใจหรือเขาไม่เป็นอย่างที่อนิลคิด อีกฝ่ายก็พูดจาหยาบคายใส่เขา เปลี่ยนท่าทีและทำเหมือนจะเลิกกันทั้งที่คนผิดไม่ใช่เขาเลยแต่เป็นอนิลต่างหากที่คิดไปเองทุกอย่าง
"อ้าว เอินสวัสดีจ้ะ ตากวินพามาช่วยเลี้ยงหลานเหรอ"
เสียงของคุณแม่ของน้ำหวานทักว่าที่น้องสะใภ้พร้อมรอยยิ้ม ฝนเป็นหญิงสาวรูปร่างอวบนิดๆ อาจจะเพราะมีลูกก็เลยน้ำหนักขึ้น แต่หน้าตาก็ยังดูอ่อนเยาว์เหมือนอายุไม่ถึงสามสิบ พอมองหน้าพี่สะใภ้ของกวินก็พานคิดถึงคลิปที่เคยดูจากโทรศัพท์ของแบม...
"มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ" พี่ฝนถามพลางเอื้อมมาอุ้มน้ำหวานไป
อนิลอึกอักเล็กน้อย แต่พอเหลือบมองเห็นกวินเดินไปในครัวก็ถามสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจกับอีกฝ่าย
"พี่ฝนมีน้ำหวานหลังแต่งงานเลยรึเปล่าครับ"
"อื้ม ใช่จ้ะ น่าจะช่วงไปฮันนีมูน พี่ไปทะเลไปเที่ยวเกาะแล้วก็มาจบที่พัทยา พอกลับมากรุงเทพฯ ยัยน้ำหวานก็อยู่ในท้องแล้ว"
อนิลยิ้มให้หญิงสาวเจื่อนๆ เพราะคิดเอาไว้แล้วว่าคลิปที่ยัยลูกศรถ่ายมาต้องเป็น สารคดีต้นกำเนิดเด็กหญิงน้ำหวาน แน่ๆ
เพราะนับช่วงเวลาของคลิปกับอายุของน้ำหวานก็พอๆ กันเลย...
ขณะที่กำลังคุยเล่นกับพี่ฝนเรื่องจิปาถะ โทรศัพท์ของกวินที่อยู่ในมือน้ำหวานก็มีเสียงแจ้งเตือนข้อความแชต เด็กหญิงรีบลุกจากตักคุณแม่เพื่อเดินเอาโทรศัพท์ไปให้คุณอา แต่มือของอนิลกลับคว้ามาก่อน
"น้ำหวานขอพี่ลู่ก่ายดูหน่อยจ้ะ เดี๋ยวพี่เอาไปให้กากาวินเองนะ"
"ค่า" เด็กหญิงยื่นให้อย่างเชื่อฟังพร้อมยิ้มหวาน อนิลยิ้มตอบกลับไปก่อนจะเดินถือโทรศัพท์มาทางห้องครัวแต่กลับไม่ได้ถือเฉยๆ มือเรียวกดดูข้อความที่ส่งมาอย่างถือวิสาสะเพราะคิดว่าถ้าเป็นจอมพลจะแกล้งแชตตลกๆ แกล้งกลับไป แต่พอเห็นรูปดิสเพลย์ของอีกฝ่ายก็ชะงักมือไป มือเรียวกดดูโปรไฟล์ของอีกฝ่ายก่อนจะกดดูรูปใหญ่ หน้าตาของหญิงสาวมันดูคุ้นๆ เหมือนเคยเจอกันมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก...
10:16 AM Yj333 ช่วงนี้ว่างมะ ไปที่ร้านไม่ค่อยเจอเลย ยังโกรธเรื่องที่ให้เบอร์น้องจีไปรึไง |
อนิลมองบทสนทนาแล้วคิดว่าคงเป็นเพื่อนของกวินจากคำพูดที่ไม่เป็นทางการ ไล่ดูบทสนทนาเก่าๆ มันไม่มีอะไรมากนอกจากถามเรื่องงานที่กวินน่าจะทำนอกเหนือจากดูแลร้าน น่าจะเกี่ยวกับกิจการของพี่ชายกวินเพราะดูมีใบเสร็จของฝ่ายนั้นส่งมาให้ ขณะที่กำลังเลื่อนดูอยู่อีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาอีก
10:17 AM Yj333 อ่านแล้วไม่ตอบ เดี๋ยวนี้มีแฟนแล้วหยิ่งเหรอ น่าเบื่อเหมือนกันหมด เมื่อวานบีก็พูดไม่ดีกับเรา พอมีแฟนก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่รู้แฟนของบีเกลียดอะไรเรา น่าจะเป่าหูกันน่าดู เออ อาทิตย์หน้าบีคงกลับมาทำงานที่บริษัทแล้วนะ แจ็คจะว่างมาดูเรื่องมาเกตติ้งไหม เราอยากหาคนมารับโปรเจกต์อะ งานมันเยอะ คนเก่งๆ ก็ลาออกไปทำฟรีแลนซ์กันหมด เคยเจอแฟนบีเหรอ |
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอนิลถึงพิมพ์ถามกลับไป ทั้งที่แค่แอบดูก็เสียมารยาทพอแล้ว แต่ความรู้สึกตอนนี้มันกลับคิดเพียงว่าไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนนี้มายุ่งกับกวิน ยิ่งพูดถึงจินตภัทรแบบนี้อีกก็ยิ่งรู้สันดานเลย ให้เดาเล่นๆ น่าจะเป็นยัยแจนแฟนเก่าจอมพลที่เพื่อนเขาเคยเล่าให้ฟังแน่ๆ
10:21 AM Yj333 เลี้ยงหลานจนเบลอไปแล้วรึไง ก็ยังโทรไปเล่าอยู่เลยว่าโดนยัยนั่นด่า คนอะไรหมางเมินเก่งจริงจริ๊ง ดีนะที่เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่งั้นฉันคงเสียมากกว่านี้ ผู้ชายอะไรกัน รู้ใช่ไหมว่ามีแฟนแล้ว ตอกย้ำเพื่อ พูดเหมือนไม่รู้เลยว่ามีแฟนแล้ว ทำไมคนมีแฟนแล้วต้องสนใจคนแบบเธอ เขาหมางเมินก็ถูกแล้วมะ นี่ใครอะ |
ขณะที่อนิลยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปตัวเองแล้ววกดส่งให้อีกฝ่าย คนที่ยืนถือถ้วยข้าวหลานอยู่ข้างหลังก็มองทุกอิริยาบ5ที่อนิลทำอยู่เบื้องหลัง คิ้วหนาเลิกขึ้นมองดูก่อนจะสังเกตว่าโทรศัพท์ในมือร่างบางคือของเขาเอง
"เอินทำอะไร"
เสียงของกวินไม่ได้ดุอีกฝ่ายก็เพียงแค่ถามเฉยๆ แต่คนที่หันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่พร้อมยัดโทรศัพท์ใส่มือเขาและพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดใส่เขาราวกับว่าเขาทำอะไรผิด
"ทำหน้าที่เมียไง ได้กันแล้ว เอินจะทำไรก็ได้ทั้งนั้นอะ เอาข้าวน้ำหวานมานี่!"
มือเรียวดึงชามข้าวน้ำหวานไปแล้วเดินสะบัดก้นปึงปังจากไป กวินได้แต่ยืนมึนอยู่ที่เดิมก่อนจะกดดูโทรศัพท์ที่ค้างหน้าจอแชตไลน์เอาไว้ บทสนทนาในนั้นจบลงต้องที่คำว่า อ่านแล้ว ใต้รูปของอนิลที่ส่งไปให้แจน กวินเลื่อนนิ้วขึ้นไปดูข้อความที่คุยกันแล้วก็ขำออกมา ก่อนจะเลื่อนลงมาแล้วกดรูปอนิลขยายดู เปิดที่แกลอรี่แล้วกดตั้งรูปคนสวยจอมเหวี่ยงเป็นวอลเปเปอร์หน้าจอซะเลย
"คำสุดท้ายแล้ววววววว เย้!"
เสียงของอนิลที่ร้องเย้พร้อมกับน้ำหวานที่ยิ้มแก้มตุ่ยมีข้าวเต็มปาก เป็นภาพที่น่ารักจนกวินต้องแอบถ่ายรูปไว้ ไม่ใช่เพราะอนิลเหมือนพี่เลี้ยงเด็กหรือคุณแม่จำเป็น แต่กลับเหมือน เพื่อน วัยเดียวกันกับยัยน้ำหวานมากกว่า
"นะหวันไปด้วยยยยยย" เสียงแจ๋วของเด็กหญิงร้องพลางลุกวิ่งตามอนิลที่ถือจานข้าวไปล้าง ท่าทางของน้ำหวานเหมือนเด็กติดเพื่อนไม่มีผิด
"น้ำหวานลูกไปอาบน้ำกับแม่ป้ะ เดี๋ยวเราไปรับคุณพ่อกัน" หญิงสาวเดินไปจูงมือน้ำหวานกลับมา เพราะได้เวลาไปรับสามีของเธอที่สนามบินแล้ว
"อ่าวพี่กวีกลับวันนี้เหรอครับ"
"ใช่จ้ะ พี่จะพาน้ำหวานไปรับวี เสร็จก็คงแวะกินข้าวกันก่อน กวินจะนอนที่นี่รึเปล่า"
"อืม คงไม่ครับ" กวินสายหน้าพร้อมรอยยิ้มที่พี่สะใภ้มองแล้วก็หัวเราะออกมาอย่างเอ็นดูน้องชายของสามี
"ติดแฟนสินะช่วงนี้ แต่เอินเขาน่ารักนะ เล่นกับน้ำหวานได้ก็ถือว่าผ่านแล้วล่ะ รายนั้นออกนอกบ้านไปมีแต่คนอยากอุ้มแต่ไม่ยอมให้อุ้ม ก็เพิ่งมีเอินนี่แหละที่ทั้งเล่นทั้งป้อนข้าวให้ได้ด้วย ถ้ามีลูกกันได้กวินคงสบายเนาะมีแฟนน่ารักแบบนี้"
"ผมมีน้ำหวานคนเดียวพอแล้วครับ ผมไม่อยากรักเด็กคนไหนนอกจากน้ำหวานอีกแล้ว..."
พี่สะใภ้เอียงคอมองหน้ากวินด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันที่ชายหนุ่มรักลูกสาวของเธอเหลือเกิน และเพราะรู้เหตุผลมากกว่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบใจอย่างเข้าอกเข้าใจ
"ป่านนี้พิมพ์คงไปเกิดในที่ๆ ดี และมีความสุขแล้วล่ะนะ เอาไว้วันเกิดน้ำหวาน เราไปทำบุญให้พิมพ์ด้วยดีไหม"
"ครับ..." น้ำเสียงของกวินแผ่วเบา แววตาหม่นลงทุกๆ ครั้งที่พูดถึงอดีตคนรัก
มือของพี่ฝนตบไหล่กวินเบาๆ อย่างเข้าใจก่อนจะพาน้ำหวานเดินขึ้นไปชั้นสองด้วยกัน
ฝนเคยคิดว่ามันเหมือนพรหมลิขิตหรือบุญที่ทำกันมารึเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่การที่น้ำหวานเกิดวันเดียวกับพิมพ์คนรักเก่าของกวิน แถมยังหน้าตาคล้ายกันจนเธอเองในฐานะคนเป็นแม่ยังตกใจตอนที่กวินเอารูปพิมพ์มาเทียบให้ดู
เธอคิดว่าการที่สวรรค์ส่งน้ำหวานลงมาในวันที่กวินอยู่ในช่วงโศกเศร้า อาจจะเป็นเพราะพิมพ์คงอยากตอบแทนความรักของกวินถึงได้เกิดมาอยู่ในอ้อมกอดของกวินอีกครั้ง ครั้งแรกที่กวินเห็นน้ำหวานในห้องเด็กอ่อนที่โรงพยาบาล เขาร้องไห้ออกมาแทบจะทันทีเมื่อเห็นหน้าเด็กหญิงตัวน้อย
หากจะมีเรื่องเหนือธรรมชาติใดที่เธอหาคำตอบไม่ได้ หนึ่งในเรื่องนั้นคือเรื่องของยัยน้ำหวานที่มาอยู่ในท้องของเธอหลังจากที่พิมพ์เสียไปได้ร้อยวันพอดี
วันที่เธอคลอดน้ำหวานก็เป็นวันเกิดพิมพ์
และน้ำหวานเองยิ่งโตก็ยิ่งมีเค้าโครงหน้าและรอยยิ้มที่เหมือนหญิงสาวคนนั้นไม่มีผิด...
....................
"พี่แจน เป็นอะไรคะ นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด"
เด็กสาวเดินมานั่งข้างๆ รุ่นพี่ที่สนิทกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วถามอย่างห่วงใย ช่วงนี้ไม่รู้ว่า 'ยลรดา' เป็นอะไร มันน่าจะเริ่มตั้งแต่ที่จอมพลติดต่อกลับมาหาหลังจากเลิกกันไปได้สองสามปี พร้อมกับพาแฟนใหม่มาดูงานโดยที่ไม่คิดถึงความรู้สึกของรุ่นพี่ของเธอเลย
"จี เธอเคยเจอใครแค่แว่บแรกแล้วไม่ชอบขี้หน้าไหม"
"ไม่ถูกชะตามากกว่าค่ะ ทำไมเหรอคะ"
"พี่ไม่ชอบแฟนแจ็คเลย ยัยนั่นเอาโทรศัพท์แจ็คไปตอบแชตแทน แถมส่งรูปมาตอนที่ฉันถามว่าใคร เป็นคนแบบไหนกัน คุ้นๆเหมือนบีเคยบอกว่าแฟนของแจ็คเป็นเพื่อนของยัยจีนแฟนของบี ถ้าใช่ก็ร้ายพอกัน"
จีรภาเหลือบมองรุ่นพี่ที่บ่นออกมาอย่างไม่อายปากทั้งที่ตัวเองก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไร พานให้คิดถึงช่วงมหา’ลัยที่ยลรดามีปัญหากับพิมพ์ รุ่นพี่อีกคนที่สินกับกวินน้ารหัสของจีรภา หญิงสาวไม่อยากยุ่งด้วยเท่าไหร่ เพราะรู้ยลรดาเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น พออกหักจากกวินก็ไปคว้าจอมพลรุ่นพี่ต่างมหา’ลัยที่เป็นแฟนของพี่พิมพ์ที่บังเอิญฝึกงานที่เดียวกัน ทั้งรู้ว่าผู้ชายเขามีแฟนแล้วยลรดาเข้าหาอีกฝ่ายและแอ๊บทำเป็นไม่รู้ จะมีก็แต่ตอนช่วงที่รู้ว่าพี่พิมพ์เสียแถมอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ก็ทำเอายลรดาสติแตกไปพักหนึ่ง
"พี่แจนก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาสิคะ ก็เขามีแฟนแล้วจะนิสัยยังไงก็แฟนเขา..."
"มีแฟนแล้วไม่ต้องมีเพื่อนรึไง มีแฟนกันแล้วพี่ต้องกลายเป็นคนอื่นเหรอ จีก็รู้ว่าเมื่อก่อนพี่กับแจ็คก็คุยกันดี พี่ด้วยซ้ำที่โทรไปปลอบแจ็คช่วงที่พิมพ์เสีย"
หญิงสาวอายุน้อยกว่าได้แต่แอบถอนใจ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไร ที่ทำให้คนสวยสมบูรณ์แบบอย่างยลรดาต้องไปวอแวกับผัวชาวบ้านอยู่เรื่อย ทั้งที่มีผู้ชายมากหน้าหลายตามาให้เลือก ถ้าเธอเป็นคนสวยและเพียบพร้อมอย่างยลรดาเธอคงไม่มานั่งวุ่นวายใจแบบนี้
"จี..."
"คะ"
"เธอว่าระหว่างผู้ชายเจ้าชู้ กับผู้ชายขี้สงสาร ใครจะโดนหลอกง่ายกว่ากัน"
จีรภาได้แต่ยิ้มเจื่อนและส่ายหน้าเป็นเชิงตอบว่าไม่ทราบ เธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามเพราะไม่อยากเป็น 'นกต่อ' ให้กับอีกฝ่ายแล้ว เพราะความรู้สึกมันเยียวยากันไม่ง่ายเลย ตอนที่เธอเครียดเรื่องพี่พิมพ์ คนตรงหน้ากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ทำเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ทำให้คนทั้งคนต้องเสียใจจนพลาดเกิดอุบัติเหตุ และทำให้ผู้ชายถึงสองคนต้องเสียศูนย์ไปเป็นปีๆ ราวกับว่าทั้งหมดเกิดมาเพื่อชดใช้กรรมให้ยลรดายังไงอย่างงั้น
....................
"อื้อ เจ็บ เบาหน่อย"
เสียงตัดพ้อที่คละเคล้าไปด้วยเสียงหอบหายใจหนักของคนที่ขนาบอยู่ด้านหลัง มือเรียวจิกที่จับประตูแน่น ฟันขาวขบลงที่ริมฝีปากอิ่ม กลั้นเสียงน่าอายเอาไว้ จนกระทั่งแรงกระทั้นกายจากร่างหนาหยุดลงพร้อมปลอดปล่อยความต้องการออกมาจนไหลย้อนเปรอะเปื้อนต้นขาด้านในของร่างผอมบาง
อนิลแทบหมดแรงลงในทันทีที่อีกฝ่ายถอดถอนส่วนนั้นออก แขนหนารั้งเอวบางให้เอนลงหนุนศีรษะกับอกกว้าง ทั้งคู่นอนอยู่เบาะหลังของรถเบนซ์ติดฟิลม์ดำในโรงรถ เวลาเกือบสี่ทุ่มที่ทั้งบ้านเงียบสนิทเพราะกวินบอกให้อนิลโทรบอกแม่บ้านกับคนงานในบ้านให้นอนก่อนไม่ต้องรอเปิดประตู ผลก็คือทันทีที่รถถอยเขาไปจอดในโรงรถขนาดใหญ่ด้านข้างตัวบ้านลูกชายเจ้าของบ้านก็โดนลากมากระทำชำเราที่เบาะหลังทันที เหมือนอีกฝ่ายเก็บกดเอาไว้ในช่วงเวลาที่เลี้ยงหลาน
ริมฝีปากหยักกดจูบขมับชื้นเหงื่อของร่างบางในอ้อมกอดที่นอนอยู่บนตัวเขา อนิลไม่ได้ปัดป้องหรือบ่นอะไรเพราะแค่จะลุกยังไม่มีแรงเลย
"อื้อ ทำไร" เสียงตัดพ้อดังขึ้นมือหนาลูบต้นขาขาวและจับยกขาเรียวพาดไว้ที่พนักพิงเบาะคนขับ
"เอาออกให้ไง"
"นี่ปล่อยข้างในอีกแล้วเหรอ บ้าเอ๊ย"
"ทำไม กลัวท้องรึไง" คำถามที่มาพร้อมเสียงหัวเราะหึๆ ที่ชวนให้หงุดหงิด อนิลส่งเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ แล้วปัดมือหนาที่ซุกซนอยู่ที่บั้นท้ายนุ่ม
"เอามือออกไป ไอ้โรคจิต บอกว่าเบาๆ พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง"
"ไม่อะ พอดีถนัดภาษากาย" เสียงทุ้มกระซิบตอบพลางแตะลิ้นร้อนลงที่ต้นคอขาวลากเลียลงมาก่อนจะหยุดที่หัวไหล่ขาวและกัดลงที่ผิวนุ่มจนอนิลสะดุ้งสุดตัว
"โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรวะ แจ็ค!"
พอเผลอหลุดด่าออกไป คมเขี้ยวของอีกฝ่ายก็ยิ่งฝังลงมาที่เนื้อขาวบริเวณหัวไหล่ อนิลเจ็บจนน้ำตาซึมพยายามจะดิ้นหนี แรงกัดคลายออกพร้อมกับริมฝีปากอุ่นที่กดจูบแผ่วเบา
"มันเขี้ยว ทำเสียงานเสียการมาเป็นอาทิตย์แล้ว"
"ใครขอ โดดงานมาอยู่นี่เอง โอ๊ย กางเกงไปไหนเนี่ย"
"โยนออกไปข้างนอกละ ลงไปเอาดิ"
เสียงกวนๆ ของกวินบอกพลางเอื้อมไปหยิบกางเกงยีนส์กับชั้นในสีขาวที่อยู่เบาะหน้ามาส่งให้อนิล มือเรียวรับกางเกงมาสวมก่อนจะเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง
"แจ็ค..."
"ว่าไงครับคนสวย"
"ผู้หญิงที่แชตมาหาอะ ใช่คนที่บีพาจีนไปทำรีเสิร์ชป้ะ"
"แจนเหรอ อืมใช่ ถามทำไม"
"เขาสนิทกับแจ็คเหรอ"
"เอาความจริงหรือสิ่งที่คนทั่วไปรู้"
"พูดขนาดนี้แล้วก็ต้องความจริงมะ ปล่อยก่อน หากเสื้อแป๊บ"
มือหนาคลายออกให้ร่างบางก้มๆ เงยๆ หาเสื้อตัวเอง ก่อนจะเฉลยเรื่องแจนให้ฟัง
"แจ็คเคยคบกับแจนตอนช่วงปีหนึ่งปีสอง อยู่มหา’ลัยเดียวกัน แต่..."
"แต่ยัยนั่นชอบบี" เสียงอนิลพูดแทรกขึ้นมาอย่างรู้ทัน กวินอมยิ้มแล้วพยักหน้ารับอย่างเขินๆ และพูดต่อ
"อาฮะ ใช่ แต่พอเราขึ้นปีสามบีก็คบกับพิมพ์ แจนก็เลยไม่ทันได้คบ ก็เหมือนเป็นเพื่อนต่างคณะแต่เรียนมหา’ลัยเดียวกัน จริงๆ มารู้จักกันช่วงฟุตบอลประเพณี..."
มือเรียวฟาดลงที่แขนหนาจนอีกฝ่ายสะดุ้ง ก่อนจะพูดเรื่องที่นึกขึ้นได้ออกมา
"ว่าละ เราเคยเจอยัยนี่ที่ไหน เป็นอดีตลีดฯ ธรรมศาสตร์ใช่ป้ะ เราเจอนางมายืนให้กำลังใจรุ่นน้องข้างอัฒจันทร์ จำหน้าได้แม่นเลย อีหมวยเนี่ยแต่งหน้าจัดเต็มกว่ารุ่นน้องที่เป็นลีดฯ อีก"
"แค้นฝังหุ่นลีดฯ จุฬาฯ เหรอ" กวินถามพลางยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยวแม่ลีดจุฬาฯ คนสวย
"ไม่เชิง แค่เห็นหน้าแล้วไม่ถูกชะตา ดูเชิดๆ คิดว่าตัวเองสวย แล้วนางแชตมาหาทำไม มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน"
"หึงเหรอ"
"เปล่า..."
"ถ่ายรูปตัวเองส่งไปให้เขาในแชตที่เขาคุยกับแฟนคุณนี่ไม่หึงแล้วเรียกว่า"
"แสดงความเป็นเจ้าของ..." อนิลตอบพลางยักไหล่ แล้วขยับไปนั่งตักอีกฝ่ายเหมือนเมื่อครู่หลังจากสวมกางเกงเสร็จ
"นี่ไม่ใช่เสาไฟฟ้านะจะมาฉี่จอง โอ๊ย! มือหนักจริงๆ ให้ตายเหอะ"
คนโดนทุบเข้าที่แผ่นอก ร้องโอดโอยพลางขำออกมา มือหนาคว้าข้อมือบางของคนขี้หวงมากุมไว้ที่หน้าอกข้างซ้าย ดวงตากลมโตมองใบหน้าสวยที่ทำปากยื่นใส่เหมือนเด็กเอาแต่ใจ
อนิลมองสบตาราวกับมีคำถามบางอย่างในใจ แต่กลับเลือกที่จะไม่ถาม
น่าแปลก...ที่อีกฝ่ายกลับรู้คำถามนั้นราวกับมองเห็นผ่านดวงตากลมใสเหมือนลูกแก้วของร่างบาง
"แจ็ครักเอินคนเดียวนะครับ ไม่มีวันนอกใจแน่นอน"
สายตาที่สื่อออกมาพร้อมคำพูดช่างอบอุ่นและทำให้รู้สึกเขินอาย เพียงแต่...
อนิลไม่เชื่ออีกต่อไปแล้ว ไม่เชื่ออีกฝ่ายง่ายๆ อีกต่อไปแล้ว
"รักมากกว่าพิมพ์ไหม"
คำถามของร่างบางทำให้สีหน้าของกวินหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด คำตอบที่อนิลต้องการมันยากเกินไป
ไม่ใช่เพราะเขารักพิมพ์มากกว่า แต่มันไม่เหมือนกัน เพียงแต่เขาไม่รู้จะตอบยังไง ชายหนุ่มได้แต่เงียบไปในชั่วอึดใจ
"..."
"ไม่ต้องตอบหรอก วันใดแจ็คเสียเอินไปบ้าง เดี๋ยวแจ็คก็รู้คำตอบเอง"
น้ำเสียงที่พูดประชดประชันออกมามันมากเกินไปสำหรับเขา ทั้งความหมายในสิ่งที่สื่ออกมาและสีหน้าของอนิล
"เอินอย่าพูดแบบนี้..."
เสียงทุ้มสั่นเครือมือหนากอบกุมมือเรียวเอาไว้แน่นกว่าเดิม แต่มันไม่ได้ช่วยให้ร่างบางใจอ่อนลงเลย
"ไม่ได้ขอให้ลืมเขานะ เอินเองก็เคยมีแฟนเก่า เคยมีรักที่ไม่สมหวังเหมือนกัน ยิ่งผิดหวังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งลืมยาก แต่ถ้ายังรักคนปัจจุบันไม่เท่าคนในอดีต งั้นก็รอให้ถึงวันที่เอินตาย..."
"บอกว่าอย่าพูดแบบนี้ไง!"
เสียงตวาดทำให้อนิลชะงักไป แต่สิ่งที่ทำให้บีบหัวใจกว่านั้นคือดวงตากลมโตของอีกฝ่ายที่แดงก่ำและเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา มือเรียวยกขึ้นลูบแก้มสากแผ่วเบา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรในช่วงเวลานี้...
"แจ็ค.."
มันคงจริงอย่างที่จินตภัทรเคยบอกเขาว่า "ความจริงคือเราพร้อมจำฟังจริงๆใช่ไหม เราพร้อมจะฟังเหตุผลของเขาไหม" เมื่อเขาคุยปรึกษากันเรื่องที่ไม่ไว้ใจกวินอีกแล้วเพราะเรื่องที่ปิดบังทั้งที่เป็นแฟนคลับของจินตภัทรแต่ไม่ยอมบอก แถมเรื่องที่เกิดขึ้นกับพิมพ์ที่เจ้าตัวคิดว่าคงไม่มีใครเข้าใจเลยเลือกจะไม่บอกใครว่าวันนั้นอยู่ในเหตุการณ์
แต่เมื่อมาถึงจุดที่แทบจะบังคับให้พูดออกมา แล้วอีกฝ่ายไม่ยอมพูดไม่อธิบาย อนิลกลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนโง่ที่ทำอะไรเอาแต่ใจ พยายามจะให้กวินลืมพิมพ์ พยายามให้ตัวเองเป็นเหมือนศูนย์กลางของจักรวาล ทั้งที่เพิ่งคบกันและมีอะไรหลายอย่างที่ตัวเขาเองยังไม่รู้เกี่ยวกับคนรัก
ในเมื่อเราไม่เคยไปยืนอยู่ในจุดเดียวกับเขา เราก็แค่บังคับให้เขาเป็นอย่างใจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใจเพราะไม่พยายามเข้าใจ
หลายคนต้องเลิกลากันเพราะโกรธที่อีกฝ่ายยังไม่ลืมคนรักเก่า แต่ไม่เคยทำให้อีกฝ่ายซาบซึ้งว่าช่วงเวลาที่มีกันอยู่นี้มีค่าพอจะทำให้เขาลืมคนๆ นั้นไปไหม ต่อให้ตะโกนใส่หน้ากันว่าฉันเกลียดที่เธอยังรักเขา จะมีประโยชน์อะไรถ้าบังคับให้เขาลืม
แทนที่จะทำให้เขารักเรา มีความสุขกับเรามากพอที่จะหลงลืมคนในอดีตไปเองในที่สุด....
"ขอโทษนะ...ขอโทษนะแจ็ค"
แขนเรียวโอบกอดรอบลำคอแกร่งและซบใบหน้าลงที่ไหล่หนา ลูบฝ่ามือเบาๆ บนแผ่นหลังของอีกฝ่าย
ทันทีที่ลูบหลังปลอบร่างหนาก็สั่นสะท้านไปตามแรงสะอื้น น้ำตาอุ่นหยดลงที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าของอนิลที่ยังคงกอดอีกฝ่ายไว้ เสียงแหบแห้งพูดความในใจออกมา สิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจลืมหญิงสาวไปได้อย่างง่ายดาย...
"แจ็คทำให้เขาตาย...ฮึก พิมพ์ตายเพราะแจ็ค เขาโดนรถชนเพราะ..."
"ไม่ๆ มันเป็นอุบัติเหตุ ฮึก ฮือออ มันเป็นอุบัติเหตุ อย่าโทษตัวเองเลยนะ" สุดท้ายอนิลก็ร้องไห้ออกมาเช่นกันเมื่อเห็นน้ำตาของอีกฝ่าย
ใช่...
ใช่แล้วล่ะ...
เมื่อเรามองเหตุการณ์ด้วยสายตาของคนนอก เราสามารถกล่าวโทษหรือชี้หน้าคนผิดได้ง่ายๆ
แต่ถ้ากลับกัน...
คนๆ นั้นเป็น คนของเรา
เรากลับมองหาเหตุผลได้ในทันที เหตุผลร้อยแปดที่สามารถจะพูดให้คนของเราพ้นผิด เพราะเรา รักเขา และยิ่งรักมากเท่าไหร่เราก็ยิ่งเปิดใจรับฟังเขามากเท่านั้น และพร้อมที่จะรับฟัง ความจริง จาก คนของเรา
"เอินรักแจ็คนะ ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องโทษตัวเอง..ต่อให้ความจริงมันร้ายแรงกว่านี้ เอินก็ยังรักแจ็คเหมือนเดิม เล่าให้เอินฟังนะ...นะแจ็ค"
สองมือประคองใบหน้าของคนรักไว้ กระซิบปลอบโยนและขอให้อีกฝ่ายเปิดใจ อนิลรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเองแล้ว และเข้าใจแล้วว่าทำไมกวินยังไม่ลืมผู้หญิงคนนั้น เพราะมันไม่ใช่ความรัก
มันคือความรู้สึกผิดและกวินยังโทษตัวเองอยู่ลึกๆ ในใจ แต่ไม่เคยยอมรับมันกับคนอื่น...เพราะกลัวจะโดนเกลียด
..............TBC............
เราเชื่อเรื่องอดีตชาติค่ะ นั่นทำให้เราเขียนเรื่องนี้เช่นกัน
ตัวละครที่เราพยายามเขียนให้เกี่ยวโยงกันกับเรื่อง "เฮียหวังโรงน้ำแข็ง"
หลักๆ เลยคือแจนที่ชาติก่อนเป็นแตงกวาเป็นอริกับเจ๊จินที่ชาตินี้เป็นคุณจินตภัทร
จนเรื่องนี้ก็ยังเกลียดขี้หน้ากันอีกเพราะตอนจบของเฮียหวังฯ เจ๊จินได้จ๋อมไปก็จริง แต่เหมือนถูกแตงกวารังควานจนหยดสุดท้าย
(เอาไว้จบแล้วจะ Talk ให้ฟังว่ามีอะไรอีกบ้างที่เกี่ยวโยงกันนะคะ)
นอกจากเรื่องที่อธิบายด้านบนก็มีเรื่องของพิมพ์ที่เราตั้งใจเอาไว้ว่าอยากให้น้ำหวานเป็นเหมือนภพภูมิใหม่
ที่พิมพ์จะได้เจอกับจอมพลและกวินอีกครั้ง อย่างที่เราเขียนไว้ก่อนหน้าให้น้ำหวานชอบจ๋อมมากๆ
และช่วยให้จ๋อมได้คิดและเปลี่ยนใจจากตอนแรกที่โกรธกวิน เราเองก็ตั้งใจให้น้ำหวานเป็นเหมือนนางฟ้าน้อยๆ ของจ๋อม
เหมือนที่ครั้งหนึ่งพิมพ์เองก็เคยเป็น
ไม่ว่าชาติที่แล้วพิมพ์จะเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่เธอก็เป็นที่รัก และคนที่เป็นที่รัก มักไม่มีเหตุผลในการได้รับความรัก
เพราะคนบางคนก็เกิดมาเพื่อได้รับความรักจากคนมากมาย
โดยไม่ต้องทำอะไรเลยเหมือนพิมพ์
เหมือนกับที่บางคนเกิดมาเพื่อตามหาคนที่จะรักเราในแบบที่เป็นเรา
เหมือนที่จินตภัทรได้เจอจอมพล
PS. อิมเมจของแจนคือยองแจนะคะ แต่เราใช้รูปของชินจิซูเพราะสองคนนี้หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สมมติว่าเอินเป็นผู้หญิง ถึงแต่งงานไป
ก็จะไม่มีลูกงั้นเหรอ?
โทษๆ เราอ่อนไหวแทนเอิน 555555
-คู่กวินกับอนิลนี่มันชักจะฮาร์ดคอร์ขึ้นเรื่อยๆ
-คู่จ๋อมกับจีน นี่ก็ไม่รู้จะโดนพ่อตาแกล้งอะไรอีกสงสารจ๋อมโดนพ่อแกล้งเป็นเด็กๆเลย
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุและผล รอติดตามค่ะ...
ฮือออ TT
ปล.แจ็คเป็นคนชอบในรถกับเอ้าดอร์ใช่มั้ยคะ