ตอนที่ 40 : 38 : ไทม์ แมชชีน
38
ไทม์แมชชีน
flashback
(ยัอนกลับไปคืนที่แจ็คไปหาจีนในตอนที่แล้ว)
"รู้ไหมมันเจ็บมากเลยตอนที่เราต้องเลือกระหว่างผู้ชายในชีวิตจริงกับคนที่เราหลงรักเขาผ่านตัวหนังสือโง่ๆ พวกนั้น..ฮืออออ"
อ้อมกอดของกวินคลายออกพร้อมมืออุ่นที่ค่อยๆ เช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่มของจินตภัทรอย่างอ่อนโยน ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วมองเจ้าของแก้มกลมๆ ทำปากยื่นเหมือนเด็กงอแง
"ดูการ์ตูนมะ" กวินพูดหยอกล้อพลางลูบศีรษะคนตัวเล็กเบาๆ
"หงึ ไม่เอา แจ็ค บีไปไหนอะ ทำไมไม่กลับมาสักที บีบอกว่าไปคุยกับเอินแล้วก็หายไปเลย"
"คุยกับเอิน...?"
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินชื่อแฟนตัวเอง ความรู้สึกก่อนหน้านี้ที่ตกอยู่ในภวังค์ความรู้สึกดีๆ ระหว่างตนเองกับจินตภัทร ทั้งในฐานะนักเขียนในดวงใจและคนที่แอบปลื้ม มันกลับตีรวนไปหมดพอได้ยินว่าอนิลอยู่กับจอมพล
"ไปหาทำไม มันไม่ได้ไปที่ร้านนี่วันนี้"
"ไม่รู้อะ เอินมาส่งเราแล้วก็กลับบ้าน แต่บีบอกเราว่าขอคุยกับเอินก่อน มีเรื่องต้องคุยกัน...น่าจะ เรื่องพิมพ์รึเปล่า"
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่จินตภัทรสันนิษฐาน มันเป็นความกลัวที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจากความผิดพลาดในอดีต เพราะจินตภัทรรู้เรื่องของพิมพ์จากปากเขาแล้ว ก็ไม่แปลกใจถ้าจอมพลจะรู้เรื่องความลับของเขา เพราะยังไงคนนอนคุยกันมันไม่มีทางมีความลับต่อกันแน่นอน
กวินมองร่างเล็กหยิบโน้ตบุ๊กที่อยู่บนเตียงมาเปิดดูและถอนใจมองเซ็งๆ พลางตัดพ้อออกมา
"บีมาแอบอ่านนิยายจริงด้วย นึกแล้วเชียวว่าทำไมหลุดออกมาจากกระเป๋าแบบนี้"
"จีนเขียนถึงไหนแล้ว..."
"ถึงตอนที่เฉลยเรื่องแคร์ขับรถไปหาไตรแล้วรถคว่ำ"
มือหนาชื้นเหงื่อทั้งสองข้างด้วยความรู้สึกหวั่นวิตก
ไม่ใช่ความผิดที่ก่อขึ้นกับจอมพลที่ทำให้กวินกลัว
แต่เขากลัวถ้าอนิลจะรู้ว่าเขาเคยเป็นคนแบบไหน...
เสียงออดที่หน้าประตูดังขึ้นเรียกให้ร่างเล็กละมือจากโทรศัพท์ที่พยายามโทรหาจอมพล
"ห๊ะ บีมาแล้ว!" ร่างเล็กเดินกึ่งวิ่งไปที่ประตูโดยไม่เอะใจเลยว่าทำไมแฟนหนุ่มถึงกดออดทั้งที่เป็นเจ้าของห้อง กวินกลับเป็นคนที่เอะใจและมีเซ้นซ์บางอย่างบอกว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาไม่ใช่เพื่อนของเขาแน่
แล้วมันก็เป็นไปอย่างที่เขาคิด...
"แล้วแกให้เขาเข้าห้องมาทำไม"
ประโยคแรกที่กวินได้ยินจากปากของอนิลมันทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก ราวกับว่าเขาเป็นคนอื่น...
"เอิน ทำไมแกพูดงี้อะ" ร่างเล็กเดินตามเพื่อนต้อยๆ เพราะพยายามมองหาคนรักที่ควรจะกลับมาได้แล้วแต่ก็ยังไม่มาสักที ในใจของจินตภัทรเอาแต่กังวลไปหมด เมื่อรู้ว่าจอมพลแอบอ่านนิยายของตัวเอง
อนิลไม่ได้สนใจคำพูดหรือท่าทีของเพื่อน เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องนอนและสบตากับกวินก็เอ่ยปากไล่ทันที
"จีน บอกให้เขาออกไป..."
มือเล็กๆ พยายามกดโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาจอมพล ไม่สนใจคำพูดอนิล เอาแต่บ่นพึมพำแล้วกดส่งสติ๊กเกอร์เป็ดร้องไห้ไปหาจอมพลรัวๆ
"บีอะ ทำไมบียังไม่มา เราโทรหาแล้วแต่..."
ร่างผอมบางถอนใจกับท่าทางของจินตภัทรที่ไม่ใส่ใจคำพูดเขา ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปากไล่ด้วยตัวเอง
"คุณออกไปจากห้องเพื่อนฉัน"
"นี่ห้องเพื่อนผม..." กวินตอกกลับยิ้มๆ และมองหน้าอนิลที่ไม่รู้โกรธอะไรเขานักหนา
เขาไม่รู้จริงๆ ว่าอนิลโกรธอะไร โกรธมากถึงขนาดด่าเขาแรงขนาดนี้...
"คุณไม่มีสิทธิ์เดินเข้ามาวุ่นวายกับเมียชาวบ้านตอนผัวเขาไม่อยู่ อย่าเอาสันดานเดิมมาใช้กับเพื่อนฉัน จีนมันไม่ใช่คนสองใจที่จะมารักเผื่อเลือกเหมือนคนของคุณ ออกไป!"
กวินยืนนิ่งราวกับถูกสตัฟฟ์ ได้แต่มองหน้าอีกฝ่ายที่จ้องหน้าเขาราวกับเป็นคนอื่น เหมือนพวกโรคจิตที่เข้ามาล่วงเกินเพื่อนตัวเองทั้งที่เขายังไม่ได้แตะต้องหรือคิดอะไรกับจินตภัทรเหมือนกับข้อกล่าวหาที่ว่ามาเลย และที่ทำให้รู้สึกแย่ที่สุดคือการด่าคนที่ตายไปแล้วว่าเป็นผู้หญิงสองใจ ทั้งที่ผ่านมา เขาเองที่เป็นคนผิด เขาเองที่บอกพิมพ์ว่าไม่เป็นไร เขายอมอยู่ในจุดนั้นและยอมโดนเพื่อนเกลียดเพียงเพราะเขารักพิมพ์ และรอได้...
ก่อนที่จะพาตัวเองไปเดินจากไปพร้อมความรู้สึกที่หงุดหงิด และเริ่มโกรธจนมือสั่น เพราะพยายามเก็บเอาไว้ในใจมาตลอดกับสิ่งที่เขาไม่ชอบใจในตัวอนิล เสียงร้องไห้ของร่างเล็กก็ทำเอาคนที่จ้องหน้าปานจะกินเลือดกินเนื้อตกใจกันทั้งคู่
"ฮึก ฮืออออออออออ บีเป็นอะไรอะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์อะ เอิน แกไปพูดอะไรกับบี ทำไมบีไม่รับโทรศัพท์ฉัน"
ร่างบางหันขวับไปมองเพื่อนด้วยความตกใจ เพราะมือเล็กๆ ของจินตภัทรจิกแขนอนิลแล้วเขย่าๆ เหมือนเขากินผัวเพื่อนเข้าไปแล้วถูกบังคับให้คายออกมา
"พูดอะไร เราแค่คุยกับบีเรื่องเขา" อนิลตอบพลางชี้ไปทาง เขา ที่มองนิ้วที่ชี้ใส่แล้วอยากจะตีมือจริงๆ
"คุยอะไร ฮึก ฮืออออ แกคุยอะไรเล่า ทำไมบีโกรธเราอะ ทำไมไม่รับโทรศัพท์" คนจิตตกง่ายนั่งกดโทรศัพท์โทรหาอีกฝ่ายซ้ำๆ สลับกับส่งข้อความทุกรูปแบบที่ทำได้
ไม่มีใครหยั่งรู้ถึงความกลัวของจินตภัทรได้ดีเท่าเจ้าตัวที่กำลังคิดไปไกล เพราะเขียนนิยายมาเยอะ และส่วนใหญ่พระเอกของเรื่องไม่พิการก็ตายหมด ก็ยิ่งทวีความพารานอยด์เพราะกลัวว่าจุดจบความรักตัวเองจะเหมือนในนิยาย เพราะพระเอกส่วนใหญ่ก็ตายตอนกำลังมีความสุขกันรักกันนี่แหละ ประมาณว่า "ใครจะคิดว่าที่เรานอนกอดกันเมื่อคืนนั้นอาจจะเป็นอ้อมกอดสุดท้าย" ยิ่งคิดถึงประโยคเด็ดในนิยายตัวเองก็ยิ่งร้องไห้ออกมาเพราะกลัว
เพราะจินตภัทรไม่เคยบอกจอมพลว่าเขียนนิยายเรื่องอะไรอยู่ เขียนเกี่ยวกับใคร หรือเอาคาแรกเตอร์มาจากชีวิตของใคร จินตภัทรคิดว่าอยากจะเขียนนิยายเรื่องนี้ให้จบเร็วๆ แล้วมอบเล่มแรกที่ออกมาแก่คนรักก่อนที่หนังสือจะวางแผง แต่ทว่า การที่จอมพลแอบมาอ่านก่อนที่จะเขียนจบก็เป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไป และคิดว่านักเขียนอย่างเขากำลังสนุกสนานกับเรื่องราวที่อีกฝ่ายหนึ่งผ่านมันมาอย่างเจ็บปวดและยากลำบาก
"ตอนเราจะกลับ บีบอกว่าจะไปบ้านแจ็ค..." อนิลพูดขณะที่กอดปลอบเพื่อน เพราะตอนนี้สภาพของจินตภัทรไม่ไหวแล้วจริงๆ ทั้งคิดมากและร้องไห้จนพูดไม่รู้เรื่อง จับใจความได้แค่ว่า "จะทำยังไงดี" "ถ้าบีเป็นอะไรไปจะทำยังไง"
กวินกดโทรเข้าบ้านแต่คิดว่าทุกคนคงหลับไปแล้วในเวลานี้ เพราะทั้งโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์มือถือก็ไม่มีใครรับสักคน ร่างหนาย่อตัวลงตรงหน้าจินตภัทร มือหนาค่อยๆ ลูบศีรษะคนที่ร้องไห้ไม่หยุดด้วยความรู้สึกเห็นใจ และแอบอิจฉานิดๆ ที่จอมพลมีคนที่รักมากขนาดนี้...อีกคนแล้ว
ใช่...พิมพ์เองก็ร้องไห้เพราะเพื่อนเขามามาก ร้องไห้เพราะทะเลาะกัน ร้องไห้เพราะเสียใจ ร้องไห้ก็เพราะรักมากเกินไป เหมือนที่จินตภัทรกำลังเป็น ในขณะเดียวกันกับที่เขาถูกอนิลหมางเมินไปอย่างไร้เยื่อใยแถมยังด่าทอราวกับเป็นผู้ร้าย
สุดท้ายทั้งสามก็พยายามโทรไปที่ต่างๆ และกวินก็โทรหาเพื่อนบางคนที่คิดว่าจะเจอตัวจอมพล ทั้งที่เขาเองคิดว่าเพื่อนคงไม่ได้ไปไหนไกล และมีไม่กี่ที่ที่จะไป เขามั่นใจว่าด้วยซ้ำว่าจอมพลต้องอยู่ที่บ้าน แต่พอไม่มีใครรับสายก็ไม่กล้าจะกลับไปในเมื่อจินตภัทรยังมีสภาพเหมือนเด็กแม่หายที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นขอให้เขาช่วยแบบนี้
จนเวลาล่วงเลยผ่านไป...
จินตภัทรร้องไห้จนผล็อยหลับไปข้างๆ อนิล ทั้งคู่นอนกอดกันอยู่บนเตียงดูน่ารักจนกวินที่นั่งมองอยู่ที่มุมห้องอมยิ้มออกมา ได้แต่ขำที่สองคนนี้เคยทะเลาะกันเอาเป็นเอาตายมาก่อน จินตภัทรเคยด่าเพื่อนแรงๆ และอนิลทำเรื่องให้เพื่อนเสียใจซ้ำๆ แต่สุดท้ายแล้วก็เหลือกันอยู่แค่นี้ เพราะยังไงเพื่อนก็คือเพื่อน เพื่อนแท้ที่แม้ว่าจะทำให้ผิดหวังสักกี่ครั้ง ก็ยังเป็นคนที่รักและห่วงกันเสมอ
ทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่เขาสนิทกับจอมพลมากๆ ก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ เขาเคยอยู่โรงเรียนมัธยมเดียวกัน มีความฝันคล้ายๆ กัน เคยมีเพื่อนในกลุ่มห้าหกคน แต่ปัจจุบันหลายๆ คนหายหน้าหายตาไป จนสุดท้ายก็เหลือกันแค่สองคน ชีวิตในช่วงวัยมัธยมคือช่วงเวลาที่เราได้ค้นพบเพื่อนสนิท และคบหากันโดยปราศจากผลประโยชน์ใดๆ
จอมพลกับเขาแทบจะโดนญาติพี่น้องเข้าใจผิดว่าเป็นคู่ขากัน เพราะความสนิทสนมที่ยาวนานเกือบสิบปี ตั้งแต่มัธยมจนเรียนจบมหา’ลัย เรียนมัธยมก็อยู่ด้วยกัน เรียนมหา’ลัยแม้อยู่คนละที่ก็ยังอาศัยหอพักห้องเดียวกันจนเรียนจบทำงาน
กวินคิดถึงสาเหตุที่เขาไม่บอกจอมพลและไม่บอกใครเรื่องพิมพ์ มันไม่ใช่เพราะความกลัวที่จะยอมรับความผิด แต่เขาไม่ต้องการให้พิมพ์ถูกคนอื่นตำหนิและตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงหลายใจ แบบที่อนิลพูดก่อนหน้านี้
เพราะเรื่องจริงคือตัวเขาเองที่ทำให้พิมพ์เป็นแบบนั้น เขารักพิมพ์มากและขอร้องให้เธอให้โอกาสให้เขาได้อยู่ข้างๆ ขอให้พิมพ์พูดกับจอมพลว่าอยากจะมีเขาอยู่ตรงนี้ ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เป็นเขาเองที่ขอร้องให้พิมพ์พูด และพิมพ์ยินยอมให้มันเป็นไปตามนั้นเพราะใจอ่อนที่เขาเทคแคร์และดูแลอย่างดี ในวันที่พิมพ์ร้องไห้เสียใจก็ยังหันหน้ามาหาเขาได้ หรือแม้แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคน ก็มีเขาเป็นคนรับฟังมาตลอด
ฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องการที่จะให้ใครรู้ว่าหลังจากที่ทะเลาะกับจอมพลในวันนั้น พิมพ์ตัดสินใจมาคบกับเขา หากบอกว่าเขายืนรออยู่ตรงนั้น ก็หมายความว่าพิมพ์เป็นผู้หญิงแย่ๆ ที่รักเผื่อเลือก เขากลั้นใจปิดปากเงียบมาตลอด และพยายามช่วยจอมพลหลังจากนั้น แม้จะรู้ว่าญาติพี่น้องพิมพ์ด่าทอเพื่อนเขาอย่างรุนแรงและลามไปถึงที่บ้าน เขาก็จำใจต้องเงียบเอาไว้
ตอนแรกก็คิดจะแก้แค้นให้พิมพ์ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง และคอยตามล้างตามเช็ดสิ่งที่จอมพลทำไว้ ทั้งเรื่องที่ไปกระทืบคนขับมอเตอร์ไซค์ เขาจ่ายค่าชดเชยให้หมดทุกบาททุกสตางค์ ให้ทนายความที่รู้จักกับที่บ้านสู้คดีจนคนขับมอเตอร์ไซค์พ้นผิด โดยไม่ให้บ้านพิมพ์รู้ว่าเขาเป็นคนช่วย รวมถึงเรื่องคอนโดฯ และเรื่องงานของจอมพล หลังจากรู้ว่าเพื่อนเขาถอนตัวออกจากการเป็นนักร้องค่ายดังก่อนจะเดบิวต์ เขาก็ปรึกษาพี่ชายแล้วให้จอมพลมาร้องเพลงที่ร้านเป็นรายได้หลัก
คนเรามีทางออกของปัญหาต่างกัน กวินเองก็เช่นกัน
เขาพยายามปกป้องผู้หญิงที่รัก แม้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะไม่เคยรักเขาเลย
เขาพยายามทดแทนสิ่งที่ทำผิดกับเพื่อนสนิทคนเดียวที่เขามี แม้ว่าเพื่อนจะมองเห็นเขาเป็นศัตรู
เขาพยายามแล้วที่จะเป็นทุกอย่างให้แก่ทุกคน เป็นผู้ชายที่ดีและสมบูรณ์แบบ...สำหรับอนิล
แม้ว่าสุดท้ายแล้วอนิลจะทำให้เขารู้สึกว่ามันไร้ค่า การฟังคนอื่นมาแล้วตัดสินเขาด้วยอารมณ์
นั่นคือสิ่งที่กวินยอมไม่ได้...
"ครับพี่" กวินรับสายหลังจากโทรศัพท์ในมือสั่นเพราะกลัวเสียงริงโทนจะดังรบกวนคนที่หลับอยู่
(เออ โทษทีว่ะ เมื่อคืนเหนื่อยๆ เลยหลับกันหมด ฝนนอนห้องน้ำหวานเลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ พี่ลงไปดูละ ไอ้จ๋อมมันนอนอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก กรนดังลั่นเลยว่ะ พี่เลยไม่อยากปลุกมันกลับบ้าน)
"อ้อครับ ไม่เป็นไรงั้นผมฝากบอกมันด้วยว่า เมียมันเกือบไปแจ้งความคนหายแล้วเพราะมันไม่รับโทรศัพท์ใครเลย"
(อ้อๆ ได้ๆ นี่อยู่ไหนล่ะ ยัยน้ำหวานตื่นมาคงถามหาแกคนแรก)
กวินหรี่ตามองร่างบางที่ลุกขึ้นมาเพราะคงได้ยินเสียงเขาคุยโทรศัพท์ ก่อนจะตอบพี่ชายออกไป
"อยู่บ้านแฟนครับ..."
ร่างหนาวางสายพี่ชายไปขณะที่สบตากับอนิลที่หันไปมองหาตัวช่วย แต่จินตภัทรหลับสนิทจนปลุกไม่ตื่น กวินลุกขึ้นไปหยิบกระดาษโพสอิตที่โต๊ะหัวเตียงที่อยู่กับกองหนังสือของจินตภัทรก่อนจะเขียนโน้ตไว้ให้ว่าจอมพลอยู่บ้านเขา ก่อนจะพลิกไปให้อนิลอ่านด้วยพลางยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากตัวเองให้อีกฝ่ายอ่านเงียบๆ
อนิลมองเพื่อนที่หลับไปพร้อมคราบน้ำตาด้วยความรู้สึกเห็นใจ ถอนใจพลางปิดประตูห้องแล้วหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ยืนรออยู่ สีหน้าของกวินตอนนี้ราวกับคนละคนที่เคยคบและพูดคุยกันมาตลอด ก่อนที่อนิลจะได้พูดอะไร มือหนาก็คว้าข้อมือบางแล้วกระชากให้เดินตามไป
ร่างผอมบางแทบจะปลิวไปตามแรงของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงดังหรือเรียกให้ใครช่วยเพราะตอนนี้มันก็เป็นช่วงเวลาพักผ่อนของคนในคอนโดฯ ที่เงียบสนิท อนิลถูกลากเข้ามาในลิฟต์ และทันทีที่ลิฟต์ปิดลงทั้งคู่ก็เริ่มด่าสาดใส่กัน พร้อมๆ กับมือเท้าของอนิลที่ฟาดใส่กวิน
"ปล่อย!"
อนิลเหยียบเท้าอีกฝ่ายแรงๆ จนข้อมือบางหลุดจากมือหนา หันไปมองประตูลิฟต์และเลขชั้นที่กำลังจะถึงลานจอดรถชั้นล่างที่ให้คนนอกจอดรถได้แค่ชั้นนี้เท่านั้น แต่จังหวะที่ประตูกำลังจะเปิดอีกฝ่ายก็คว้าเอวบางรั้งตัวอนิลกลับเข้ามาให้ลิฟต์ ร่างบางดิ้นและทุบถองกวินทั้งมือทั้งเท้าที่พยายามเตะใส่
"ถอยไป! โอ๊ย ไอ้เหี้ยเอ๊ย!"
"ไอ้เหี้ย" กวินทวนคำด่าอีกฝ่ายที่ไม่เข้าหูและไม่เข้ากับหน้าตาสวยๆ ของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
"เออ! คนตอแหลที่ใช้ชื่อน้องสาวตัวเองซื้อหนังสือนิยาย แล้วตอแหลให้คนอื่นเข้าใจผิดเพื่อนตัวเอง จนมันโดนด่าหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ที่อื่นเนี่ย กูยังต้องพูดดีด้วยเหรอ คนสันดานเลวๆ ที่ตีหน้าซื่อเป็นคนดีมาตลอด หึ ไหนจะเรื่องที่หวังจะเคลมเพื่อนกูอีก ถ้ากูไม่เอะใจขึ้นไปหาจีน ป่านนี้มันคงโดนมึงทำ--"
"เฮ้ย! มากไปแล้วเว้ย!" คนหมดความอดทนเสียงดังใส่บ้าง และคราวนี้รปภ.คอนโดฯ ถึงกับเดินมาดู
ร่างหนาลากอนิลออกมาจากลิฟต์หมายจะจับยัดใส่รถไป แต่ยัยลูกไก่ที่พยศเหมือนม้าก็ยังเตะถีบไม่ยอม กวินกวาดตามองไปทั่วลานจอดรถ เพื่อดูจุดที่กล้องวงจรปิดติดอยู่ ก่อนจะกึ่งลากกึ่งอุ้มร่างบางที่เตะถีบใส่มาด้านหลังรถของเขาที่อยู่ในจุดลับตาคนหลังเสาต้นใหญ่
เพียะ!
จังหวะที่กวินเผลอปล่อยมือ มือเรียวก็เงื้อตบสุดแรงจนใบหน้าของร่างหนาสะบัดตามแรงที่เยอะเอาการ
อนิลมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาที่เป็นรอยห้านิ้วแล้วไม่รู้ทำไมน้ำตาถึงไหลออกมา เจ็บปวดที่ต้องจบกันแบบนี้
เกลียดที่อีกฝ่ายทำให้รู้สึกผิดหวัง ผิดหวังในทุกๆ เรื่อง ทั้งเรื่องของพิมพ์ และเรื่องที่ทำให้จอมพลชีวิตเกือบพังทั้งที่เป็นเพื่อนกันแท้ๆ คนแบบนี้น่ะเหรอคือคนที่เขาจะรักไปตลอดชีวิต...
"เลว... แต่ก็ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเลว ทำไม จะไม่จบใช่ไหม มึงจะเอาอะไรจากกูอีก"
พูดตอกย้ำออกไปและด่าหยาบคายเพราะความรู้สึกผิดหวังในตัวอีกฝ่าย เกลียดที่ตลอดมาอนิลมองว่าคนตรงหน้าคือเจ้าชายมาตลอด... แต่ร่างบางคาดการณ์ผิดไปเพราะคนตรงหน้าไม่มีอารมณ์ที่จะอยู่ในบทพระเอกแสนดีอีกแล้ว...
"จะเอามึงเนี่ยแหละ ถ้าพูดกันดีๆ ไม่ชอบก็ไม่ต้องพูดแล้ว"
จบประโยคคนที่กำลังถอยหลังผงะไปก็ถูกซัดหมัดหนักๆ เข้าที่ท้องน้อยโดยไม่ทันระวังตัว ความรู้สึกที่เจ็บจนจุกตัวงอทำเอามือไม้ไม่มีแรงจะต่อกรกับอีกฝ่าย ได้แต่ปล่อยให้แขนแกร่งรวบตัวแล้วจับโยนใส่เบาะหลังรถเบนซ์สปอร์ตสี่ประตูที่ติดฟิล์มดำจนด้านนอกมองไม่เห็นว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น เสียงสะอื้นดังขึ้นขณะที่อีกฝ่ายคร่อมกายอยู่ด้านบนแล้วบีบกรามให้ใบหน้าสวยหันมาสบตากัน
"ชีวิตเจอแต่พวกโสโครกที่ซื้อกินจนเคยตัว เลยไม่ชินกับคนพูดจาดีๆ ใช่ไหม"
อนิลสะดุ้งสุดตัวขณะที่ถูกบังคับให้มองหน้าอยู่แต่หัวเข่าของอีกฝ่ายแทรกเข้ามาที่หว่างขาและบดเบียดลงมาที่จุดกลางกายราวกับกลั่นแกล้ง
"ไหนๆ ก็อยากรู้ความจริงหมดทุกเรื่องแล้ว งั้นรู้เอาไว้อีกอย่างแล้วกัน...สาเหตุที่กูไม่เคยนอนกับพิมพ์ก็เพราะกูไม่อยากให้เขารู้ว่ากูไม่ได้ชอบเซ็กซ์น่าเบื่อๆ แล้วคงไม่มีใครอยากแสดงออกด้านมืดของตัวเองให้คนที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน กูไม่ใช่สุภาพบุรุษแบบที่ไอ้บีมันคิดด้วยซ้ำ แต่กูแค่รอวันที่เขาเป็นของกูแล้วกูอยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจชอบ"
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่หัวใจเต้นแรงราวกับตกจากที่สูง ในทุกๆ คำพูดของอีกฝ่ายรวมถึงการกระทำที่ทำให้ร้องไม่ออกเมื่อเข็มขัดหนังของอีกฝ่ายถูกคล้องเข้าที่ลำคอขาวของอนิลและรูดรัดจนสุด พร้อมกับแรงกระชากของมือหนาที่ม้วนปลายเข็มขัดเอาไว้ในมือก่อนจะดึงเจ้าของริมฝีปากอิ่มแดงให้เงยหน้าขึ้นมารับจูบที่ดุดันและรุนแรงจนหัวใจแทบหลุดออกมา รสชาติคาวในโพรงปากเกิดขึ้นพร้อมกับฟันของกวินที่ขบลงที่เรียวลิ้นเล็กจนเลือดออกเพียงเพราะอนิลพยายามจนหันหน้าหนี
มือเรียวพยายามผลักและดันตัวอีกฝ่ายออก แต่ก็ต้านทานแรงของกวินไม่ได้ อาจจะเพราะเขาคงมีเรี่ยวแรงมหาศาลเฉพาะเวลาเมา หรืออาจจะเป็นเพราะความรู้สึกสุขสมอยู่ลึกๆ ในใจยามที่ถูกพันธนาการลำคอไว้ด้วยเข็มขัดของอีกฝ่าย รู้สึกเสียววาบลงที่ท้องน้อยในทุกๆ ครั้งที่ได้ยินเสียงหัวเข็มขัดที่กระตุกรัดจนเกือบหายใจไม่ออก แล้วถูกคลายออกในจังหวะที่อนิลเกือบจะขาดใจราวกับรู้จังหวะลมหายใจของกันและกัน
มือหนาข้างที่ว่างจิกทึ้งเสื้อเชิ้ตตัวบางของอนิลจนกระดุมหลุดกระเด็น ก่อนจะลูบไล้ฟอนเฟ้นผิวกายขาวจัด ก่อนจะผละริมฝีปากจากเรียวปากอิ่มและจู่โจม
ยอดอกสีอ่อนด้วยฟันขาวที่ขบลงไปแรงๆ สลับกับริมฝีปากที่ดูดดึงจนอนิลกรีดร้องออกมา มือหนาเอื้อมไปปิดปากของร่างบางไว้ ขณะที่ทารุณผิวขาวๆ ที่นุ่มนิ่มบนเรือนร่างข้างใต้ไม่จบไม่สิ้น จนมีเลือดซึมออกมาจากรอยฟันที่กัดลงไปบนไหล่ขาวอย่างมันเขี้ยวจนกวินเผลอกัดลงไปเต็มแรง ถึงได้หยุด...
เสียงสะอื้นของอนิลอู้อี้อยู่ภายใต้ฝ่ามือที่ปิดปากเอาไว้ ร่างหนาที่คร่อมกายอยู่ด้านบนยกมือที่ปิดปากออกช้าๆ เสียงร้องไห้ของอนิลดังขึ้นเพียงแผ่วเบา แต่แทนที่จะรู้สึกสงสาร มันกลับเรียกความต้องการของอีกฝ่ายให้ลุกโหมขึ้นเหมือนไฟที่โดนสาดด้วยน้ำมัน
เรียวขาขาวถูกดึงรั้ง สกินนี่ยีนส์ขาดๆ ที่อนิลสวมใส่อยู่ลงจนหลุดจากข้อเท้าขาวที่ตอนนี้รองเท้าผ้าใบที่สวมมาหลุดกระเด็นไปอยู่ด้านหน้าคอนโซลรถแล้ว ชั้นในบางถูกกระชากขึ้นและดึงออกให้พ้นสายตาของคนที่หมายตาไว้กับสะโพกกลมกลึง มือหนาฟอนเฟ้นบั้นท้ายนุ่มก่อนจะก้มลงไปแตะเรียวลิ้นลงที่จุดกลางกายของร่างบาง
เสียงสะอึกสะอื้นของอนิลเริ่มมีเสียงครางแทรกเป็นพักๆ จนกระทั่งมันกลายเป็นเสียงหอบหายใจและคร่ำครวญแทบขาดใจเพราะการปรนนิบัติจากอีกฝ่ายที่ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่หว่างขา มือเรียวจิกไหล่หนาที่ยังสวมเสื้อเชิ้ตเอาไว้ ขณะที่รู้สึกถึงก้านนิ้วแข็งที่สอดเข้ามาในกายเป็นจังหวะ เรียวขาขาวอ้ากว้างอย่างลืมตัว เมื่ออีกฝ่ายขยับเร่งจังหวะข้อมือหนาพร้อมๆ กับเพิ่มจำนวนนิ้วเข้ามาในช่องทางอ่อนนุ่ม ขณะที่ร่างบางกำลังจะเอื้อมแตะจุดหมายและปลดปล่อยออกมา มือหนากอบกุมส่วนกลางกายของอนิลไว้ กดส่วนปลายเอาไว้แน่นและบีบไม่ให้ร่างบางเสร็จสมได้ง่ายๆ
ขณะที่อนิลรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านพยายามจะปัดมืออีกฝ่ายออก ร่างบางก็สะดุ้งตัวเพราะนิ้วที่สอดใส่อยู่ในช่องทางอ่อนนุ่มถูกดึงออกและถูกแทนที่ด้วยท่อนกายของอีกฝ่ายที่กดลงมาจนสุดรวดเดียว ทั้งเจ็บและเสียวจนน้ำตาไหลพราก มือหนายึดเอวบางไว้ก่อนจะกระแทกกายเข้าใส่อย่างรุนแรง พร้อมกับเอวหนาที่ควงคว้านราวกับตั้งใจกดย้ำที่จุดเสียวของร่างบางจนอนิลกรีดร้องออกมา มือของกวินที่คลายแรงบีบส่วนนั้นของอนิลให้ได้ปลดปล่อยความต้องการออกมาจนชุ่มโชกไปหมดทั้งฝ่ามือ ขณะที่ร่างหนาเร่งจังหวะกระทั้นกายเข้าหาบั้นท้ายนุ่มแรงๆ จนกระทั่งดึงออกมาปลดปล่อยความต้องการเต็มซอกขาขาวของอนิล
ริมฝีปากหยักหอบหายใจราวกับวิ่งขึ้นเขา มองร่างบางที่นอนอ่อนปวกเปียกด้วยความรู้สึกที่เอ็นดู ดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา มองสบตากลับมาราวกับตัดพ้อ จนกวินหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
"ทำหน้าเหมือนโดนข่มขืน ไม่นอนอ้าขาให้ใครจะจิ้มเข้าไปได้" เสียงกวนๆ ที่ไม่เคยได้ยินจากปาก อดีตเจ้าชาย ของอนิลที่พูดพลางแกล้งบีบบั้นท้ายนุ่มเล่น
"เชี่ย!" อนิลด่าพลางปาเข็มขัดหนังที่ถอดออกมาจากคอใส่อีกฝ่าย แต่คนที่เอ่ยปากแซวก็หลบทันอยู่ดี
....................
"อุ๊ย คุณแจ็ค อ้าว คุณเอินเป็นอะไรคะ"
กวินยิ้มบางให้กับคุณป้าแม่บ้านแทนคำตอบขณะที่อุ้มอนิลเดินเข้าบ้านไปด้วยท่าเจ้าสาว คนในอ้อมกอดเงียบสนิท ไม่ตอบเอาแต่หันหน้าซบอกกว้างหนีหน้าคุณแม่บ้านที่เดินรี่มาเปิดประตูให้ จนกระทั่งถึงห้องนอนคุณป้าก็เดินนำมา แต่ทันทีที่เปิดไฟ ก็เจอศัตรูตัวฉกาจที่ทำเอาชะงักไป ตุ๊กตาบิลลี่นั่งหันหน้ามองอยู่บนเตียง กวินเม้มปากก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือ
"ป้าครับเอาตุ๊กตาตัวนั้นออกไปให้ที ล็อกประตูให้ด้วยนะครับ"
"คะ"
ใบหน้าหล่อพยักพเยิดไปทางตุ๊กตาผีแบบหน้าเก๊กๆ ทั้งที่ไม่อยากแม้แต่จะสบตากับบิลลี่ คุณป้าแม้บ้ารีบคว้าตุ๊กตาอุ้มเดินออกไปและทันทีที่เปิดประตูลงพร้อมกับล็อกกลอน อ้อมแขนแกร่งก็โยนคนให้อ้อมกอดลงบนเตียงไม่ต่างจากสิ่งของจากคนโดนจับโยนก่นด่าเสียงดัง
"โอ๊ย ไอ้เหี้ย! แม่ง! อื้ออออออออ"
ร่างหนาตรงเข้าไปหาคร่อมกายทับแล้วบีบกรามของคนใต้ร่างที่พยายามดิ้นหนีก่อนจะกดเสียงต่ำถามด้วยสีหน้าที่อนิลได้แต่เบิกตาอย่างหวาดผวา
"ไหนพูดใหม่สิครับ..." มือหนาคลายออก และจ้องริมฝีปากอิ่มของคนสวยที่ขมุบขมิบแอบด่าเขาแต่สุดท้ายก็พูดเพราะๆ ตามที่อีกฝ่ายต้องการ
"แจ็ค เอินเจ็บอะ" เสียงติดขึ้นจมูกนิดๆ พูดพลางช้อนตามอง แต่สุดท้ายจบประโยคก็บึนปากใส่คนที่โน้มใบหน้าลงมาหาพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยสเน่ห์ที่อนิลเคยชอบมันมาก่อน แต่ตอนนี้เบื้องหลังรอยยิ้มเจ้าชายคือไอ้บ้าโรคจิตดีๆ นี่เอง
"ไม่อยากเจ็บทำไมไม่พูดกันดีๆ แต่แรกล่ะครับที่รัก" เสียงทุ้มกระซิบถามขณะที่ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่แก้มนุ่มและกดหอมเบาๆ นิ้วหัวแม่มืออุ่นบดคลึงริมฝีปากล่างของอนิลก่อนจะแตะลิ้นหนาแลบเลียดูดดึงราวกับเป็นลูกเชอร์รีหวานหอม
ร่างบางทำได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามอำเภอใจ เพราะรู้สึกอ่อนเพลียและปวดไปหมดทั้งตัวตั้งแต่ถูกทารุณอยู่หลังรถ จนกระทั่งป่านนี้ ท้องฟ้าด้านนอกที่มองผ่านหน้าต่างตอนนี้เริ่มมีแสงอาทิตย์รำไรผ่านยอดไม้ อนิลมองออกไปด้านนอกขณะที่ริมฝีปากหยักผละออกจากริมฝีปากอิ่มละลงมาพรมจูบที่แก้มใสและซอกคอขาว สัมผัสที่อ่อนโยนเกิดขึ้นในชั่วขณะที่ร่างบางค่อยปรือตาลงอย่างอ่อนเพลีย ปล่อยให้ร่างกายถูกอีกฝ่ายเอาเปรียบอย่างไม่ปัดป้อง และเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
กวินพบว่าตัวเองเอาแต่นอนมองหน้าคนสวยที่หลับสนิทจนฟ้าสว่างและจอมพลโทรมาไถ่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน วางสายไปเขาก็หันมามองหน้าอนิลที่หลับอยู่ข้างกาย แต่รู้สึกว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วแต่แกล้งทำเป็นหลับตาเพราะไม่อยากคุยกับเขา พอแกล้งแหย่นิ้วเข้าปากไปก็โดนด่าเต็มๆ หน้า
"ตื่นแล้วก็ไสหัวไปไกลๆ เลยคนเลว!"
กวินหลุดขำออกมาพลางรั้งกายบางมากอดไว้ ถึงจะปัดป้องถองศอกใส่แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้อยู่ดี
"แจ็คไปแล้วใครจะอยู่ให้ทนมือทนไม้เวลาโกรธ"
เสียงทุ้มพูดหยอกแล้วกดจมูกโด่งหอมซอกคอขาวนวลเนียนซ้ำไปซ้ำมาจนพอใจก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
"ถามดีกว่าว่าใครกันแน่ต้องมาทนความโรคจิตของใครกันแน่เนี่ย โรคจิต!" อนิลพูดออกมาอย่างหงุดหงิด เพราะความรู้สึกเหนอะหนะไปหมดที่หว่างขาถึงได้รู้ว่าตอนที่หลับมีคนบ้ากามลักหลับเขาแถมปล่อยซากลูกที่ไม่ได้เกิด ตายเกลื่อนเต็มง่ามขาชาวบ้านเป็นหลักฐานด้วย
"อาบน้ำกัน วันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรอก"
"มันใช่เรื่องเหรอ แล้วนี่บีมันโทรมารึยัง มันกลับไปหาจีนยัง"
"พูดไม่เพราะเลย..."
อนิลกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินน้ำเสียงและแววตาดุๆ ของกวิน
ริมฝีปากอิ่มแดงเบะคว่ำลงเหมือนเด็กเอาแต่ใจก่อนจะกลั้นใจพูดใหม่
"แจ็ค บีโทรรึยังเหรอ แล้วเขากลับไปหาจีนรึยัง..."
พูดไปก็ช้อนตามองอีกฝ่ายที่ยิ้มกริ่ม พอถึงคำสุดท้ายที่จะต้องจบประโยคก็ถูกบังคับให้พูดคำที่มันน่าอายออกมาอีก
"รึยังจ๊ะ..."
กวินพูดเหมือนสอนหลานสาวที่บ้าน
แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่เพราะลู่ก่ายเพื่อนนะหวันนี่ดื้อพอกัน
สอนให้พูดอะไรก็ไม่ยอมพูดตามเลยจริงๆ...
"รึยังจ๊ะ....จ๊ะห่าอะไร (เพียะ!) โอ๊ย เจ็บนะ!"
ทันทีที่อนิลสบถออกมาก็ถูกทำโทษจนสะดุ้งโหยงจากมือหนาที่ฟาดก้นเปลือยๆ ใต้ผ้าห่มเข้าให้จนเจ็บน้ำตาไหล
กวินคิดว่าเขาจะไม่อธิบายอะไรทั้งนั้นเรื่องของพิมพ์ อนิลอาจจะน้อยใจและไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงปกป้องพิมพ์ แต่ในวันหนึ่ง อนิลจะเข้าใจเองว่าต่อให้คนที่เราเคยรักจะเป็นยักษ์มารสำหรับคนอื่น หรือแม้ว่าเขาจะไม่เคยรักเราเลย แต่ความรักที่เคยมีให้นั้นมันเป็นความจริงที่ไม่สามารถลบล้างไปได้ตามการเวลา คนที่เคยรักอย่างพิมพ์ก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืม แต่ไม่ได้หมายความว่าพิมพ์จะสำคัญกว่าอนิล
เพราะหากวันใดเขากับอนิลที่เลิกลากันไป เขาก็จะทำเหมือนที่ทำกับพิมพ์ จะยังปกป้องอนิลจากคำพูดร้ายๆ ของคนอื่นเสมอ และไม่มีวันลืมช่วงเวลาที่เคยรัก แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะต้องจบกันไป และเหลือเพียงเขาที่เดินต่อไปเพียงลำพัง...
....................
ร่างสูงใหญ่เดินมาหยุดที่ประตูห้องด้วยร่างกายที่เหนื่อยจนหอบเพราะวิ่งจากลานจอดรถชั้นบนมาเพราะที่จอดตอนเช้าชั้นล่างเต็มหมด มือหนาล้วงหาคีย์การ์ดแต่สุดท้ายก็นึกได้ว่ามันอยู่ที่คอนโซลหน้ารถ จำใจต้องกดออดตรงประตูด้วยความรู้สึกที่มันตีกันไปหมด เป็นห่วงคนรัก และกลัวว่าจะโดนโกรธด้วยเพราะระหว่างขับรถมา กวินก็ส่งข้อความมาบอกว่าแฟนตัวเล็กจับได้แล้วว่าเขาแอบอ่านนิยายในโน้ตบุ๊กของเจ้าตัว
ขณะที่ประตูห้องเปิดออก พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว จอมพลมองหน้าคนที่มาเปิดประตูอย่างปวดร้าวในหัวใจ ใบหน้าที่เคยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มหวานๆ มีแค่คราบน้ำตา ดวงตารีช้ำแดงอย่างเห็นได้ชัดว่าคงร้องไห้มาทั้งคืน ร่างเล็กโผเข้าหาอ้อมกอดก่อนจะถูกอุ้มขึ้นเหมือนเด็กเล็กๆ ที่งอแงเต็มที่ เสียงหงุดหงิงที่ตัดพ้อฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่จากน้ำเสียงแหบแห้งของจินตภัทร ประตูห้องปิดลงและล็อกอัตโนมัติ ขณะที่จอมพลอุ้มแฟนตัวเล็กที่เกี่ยวขากอดเอวเขาไว้แน่น สองแขนก็รัดคอเหมือนลูกลิงไม่มีผิด
เพราะระหว่างทางจินตภัทรไม่ยอมวางสายเลย เอาแต่ถามนั่นถามนี่ไปเรื่อย สลับกับถามว่าขับรถถึงไหนแล้ว ใกล้ถึงรึยัง ส่วนจอมพลก็เล่าเรื่องที่เขาคุยกับอนิลให้ฟัง แต่น่าแปลกที่แฟนตัวเล็กของเขาไม่ปริปากต่อว่าเรื่องที่เขาขโมยอ่านนิยายในโน้ตบุ๊กเลย
"ไม่โกรธเหรอ เรื่องที่แอบอ่าน"
ร่างสูงถามขณะที่นั่งลงที่โซฟา ทั้งๆที่มีลูกลิงหน้าตาเหมือนเป็ดกอดล็อกตัวเขาไว้แกะออกให้ลงไปนั่งดีๆ บอกเท่าไหร่ก็ไม่ยอม จะนั่งซ้อนตักแล้วกอดคอเขาท่าเดียว พอถามก็ส่ายหน้าแล้วซบไหล่กว้างเกยคางเอาไว้เหมือนเด็ก
"ม่ายอะ เรากลัวบีโกรธมากกว่าที่เอาเรื่องพิมพ์มาเขียนก่อนขอ..."
จอมพลฟังแล้วก็ขำ เขาจะโกรธทำไมในเมื่อทุกอย่างเป็นเรื่องจริง มันก็จริงทั้งหมดนั่นแหละ แต่เพียงแค่เขาอยากรู้ว่าคุณนักเขียนไปเอาข้อมูลมาจากไหน
"อืม บีไม่โกรธหรอก แค่สงสัยว่ารู้มาจากไหนเหรอ ใครเล่าให้ฟัง"
จินตภัทรเม้มปากช้อนตามองอีกฝ่ายที่ส่งยิ้มให้ระหว่างรอคำตอบ
"แจ็ค...จริงๆ แจ็คกับเรารู้จักกันก่อนหน้านี้มานานแล้ว แต่เราเพิ่งรู้ไม่นานมานี้ว่าคนที่เขียนอีเมลคุยโต้ตอบกับเราคือแจ็ค มันก็ประมาณสามสี่ปีแล้วที่เราคุยกันมาแต่เรื่องของตัวเขากับเรื่องของพิมพ์เขาเพิ่งมาเล่าให้ฟังไม่นานมานี้"
ไม่รู้ทำไมพอตอบออกไปแล้วสีหน้าของคนตัวโตถึงดูตกใจและเหมือนจะคิดไปไกลกว่าที่จินตภัทรพยายามเล่าให้ฟัง มันอ่านออกได้ในทันทีผ่านสายตาของจอมพลที่แสดงออกถึงความหงุดหงิดในทันที
"สามสี่ปี"
"เอ่อ...ช...ใช่"
"คุยกันมาตั้งหลายปี ไม่เคยเจอกันเลย"
"ไม่เคยอะ เราไม่เคยไปเจอแฟนนิยายส่วนตัวเท่าไหร่ แต่..."
"คุยแบบนี้กับทุกคนเหรอ"
เมื่อมาถึงคำถามที่เริ่มตอบยาก ดวงตากลมใสเหมือนลูกแก้วก็เริ่มหลุกหลิกไปมาอย่างมาพิรุธ มือเล็กจิกเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น เหลือบสบตาอีกฝ่ายเพียงนิดเดียวก็ก้มหน้าลงซ่อนแก้มแดงๆ เอาไว้ทั้งอายและกลัวที่ถูกจับผิด
"ม่าย...ไม่ได้คุยแบบนี้กับทุกคน"
พอตอบออกไปก็ได้ยินเสียงถอนใจของร่างสูงทำเอาใจแป้วไปหมด มือหนาพยายามผลักร่างเล็กออก พร้อมคำถามที่ตอกย้ำในสิ่ที่จินตภัทรไม่อยากตอบ
"จีนชอบไอ้แจ็คมันใช่ไหม คนเรามันจะยอมคุยกับใครก็ไม่รู้อยู่ตั้งหลายปีทำไมถ้าไม่ชอบกัน"
เสียงดุๆ ถามขณะที่พยายามจะลุกหนีแต่ยัยเป็ดที่เอาแต่ร้องไห้โยเยบนตักก็ยิ่งล็อกคอแน่น
"บี ฮึก บีไม่เอานะ อย่าผลักเค้าออกนะ ฮืออออออ"
"ลงไปจีน คุยกับให้รู้เรื่อง ไม่ต้องมางอแงเลย"
"ม่ายๆ ไม่เอาอะ เดี๋ยวบีหนีไปอีก คุยแบบนี้แหละ นะ นะ"
ไอ้อาการงอแงพร้อมพูด นะ นะ ซ้ำไปไปซ้ำมาสำหรับคนถูกกระทำมันไม่พีคเท่าริมฝีปากปากนุ่มที่กดจูบแก้มสากรัวๆ เหมือนเด็กเล็กๆ ที่พยายามอ้อนพ่ออ้อนแม่เวลาทำผิด ไหนจะสะโพกกลมกลึงที่เบียดลงมาใส่จุดกลางกลางกายของจอมพลอย่างตั้งใจ เหมือนว่ายอมเสียตัวแต่เช้ามืดเพื่อขอลดโทษลงกึ่งหนึ่ง
มันเขี้ยวฉิบหาย...
คนตีหน้านิ่งแอบคิดในใจขณะที่มองคุณนักเขียนที่จูบแก้มเขาไม่หยุด แต่ก็ทำหน้านิ่งไว้เพราะอยากรู้ว่าจะโดนง้อยังไง เพราะนานๆ ทีจะได้ข่มเมียที...
"ไม่ได้ชอบก็ไม่ต้องร้อนรนขนาดนี้หรอก"
"แค่เคย ฮือออ แค่เคยชอบ ก็ตอนนั้นไม่รู้อะ ยังไม่ได้คบกับบีเลย"
พูดไปก็พยายามทำทุกอย่างที่เคยได้ผลมาตลอดเวลาง้ออีกฝ่าย คิดอะไรไม่ออกก็เริ่มไถลตัวลงไปนั่งกับพื้นแล้วสาระวนแกะเข็มขัดหัวเงินของร่างสูงออก โดยไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายแอบหลุดยิ้มออกมา
"บีอะ เราไม่ได้ชอบแจ็คจริงๆ นะ ไม่ได้ชอบที่เป็นแจ็ค คือเราไม่รู้ เรา...เรา"
มือเล็กหยุดอยู่ที่หน้าขาอีกฝ่ายขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะทำยังไงดีกับไอ้สิ่งที่ล้วงออกมาจากกางเกงของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะ...ใหญ่เกินจะยัดใส่ปาก
พอเหลือบมองหน้าคนที่นั่งอยู่บนโซฟา ก็พบริมฝีปากหยักที่ยิ้มกริ่มกับท่านั่งที่ชวนให้อึ้ง จอมพลนั่งกอดอกแล้วยิ้มเหมือนกำลังมองความบันเทิงที่กำลังจะเกิดอย่างตื่นเต้น
"หงึ..." จินตภัทรส่งเสียงออกมาพร้อมบึนปากใส่ไอ้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วช้อนตามองหน้าอีกฝ่ายอย่างพยายามต่อรอง
คิ้วหนาเลิกขึ้นข้างหนึ่งเหมือนถามกลับว่ามีอะไร สุดท้ายร่างเล็กที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นก็เริ่มมีสติขึ้นมานิดหน่อย...
"แค่แอบชอบคนอื่นต้องให้เราทำขนาดนี้ด้วยเหรอ"
เอ้า แล้วใครบังคับให้เจ๊เขาทำวะ
จอมพลทำตาโตแล้วมองร่างเล็กของเจ๊ลูกเป็ดที่ลุกขึ้นมาด้วยหน้าตาหงุดหงิดปนเขิน จินตภัทรหมุนตัวเดินดุ๊กๆๆๆ หนีเข้าไปในห้องนอนเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือหนาได้แต่เก็บความหวังของตระกูลที่เหี่ยวคอพับยัดใส่ไว้ในกางเกงเหมือนเดิมด้วยความรู้สึกเซ็งแต่ก็ขำแฟนตัวเองที่ทำอะไรที่มันค้างคาทิ้งไว้แล้วก็หนีไปเสียเฉยๆ
....................
"บี.."
"จ๋า"
"เขยิบมานี่ เราเมื่อย ขอพิงหน่อย"
ตกบ่ายคล้อยหลังจากที่ทั้งคู่นอนกอดกันสลบไปตลอดช่วงเช้า พอเที่ยงจินตภัทรก็ตื่นมาหิวแล้วงอแงปลุกให้แฟนตัวโตขับรถพาไปกินอาหารตามสั่งเจ้าอร่อย ช่วงบ่ายก็เป็นช่วงเวลาที่คุณนักเขียนนั่งสรุปรีเสิร์ชข้อมูลเพื่อเตรียมทำงานต่อในตอนกลางคืน
ร่างเล็กขยับก้นขึ้นไปนั่งตักแฟนหนุ่มที่ขยับมาใกล้ๆ ตามคำสั่ง แล้วทำตัวเป็นโซฟาให้ตามคำสั่ง ร่างเล็กเอนกายพิงอกกว้างแล้วยกโน้ตบุ๊กขึ้นมาวางไว้ที่ตัก แก้มนุ่มนิ่มถูกกดหอมฟอดก่อนที่แขนแกร่งจะโอบกอดเอาไว้แทนพนักวางแขน
มันน่าแปลกมากที่ปกติจินตภัทรจะไม่เคยให้ใครมานั่งดูเวลาทำงานเลยเพราะไม่มีสมาธิ แล้วติดการทำงานเงียบคนเดียวมาตลอด แต่พอย้ายมาอยู่ห้อง 2209 กลับสามารถฟังเสียงกีตาร์ของอีกฝ่ายที่นั่งเขียนเพลงอยู่ข้างๆ ได้ทั้งวัน แถมพอมานั่งเป็นโซฟาให้ก็มีเสียงของอีกฝ่ายนั่งร้องเพลงให้ฟังขณะที่มองดูหน้าจอโน้ตบุ๊กที่เลื่อนดูเว็บซื้อของออนไลน์เล่น
"อันนี้น่ารักมะ" นิ้วเล็กๆ ชี้ ก่อนจะหันไปจุ๊บปลายคางสากเบาๆ แทนการสะกิดเรียก
"ม่านแต๋วอะ" จอมพลเบ้ปากใส่แล้วพูดออกมาอย่างใจคิด
"มันไม่ได้แต๋ว มันแค่สีเขียวเชอร์เบตนะ นี่่ ดูดิมีลายจุดด้วย น่ารักอะ" จินตภัทรพูดพลางยิ้มอย่างพึงพอใจกับม่านที่แสนน่ารักของตัวเอง
"จะเอาไปติดตรงไหน ที่ห้องจีนก็มีม่านแล้วนี่"
"ก็ติดห้องบีไง"
"ห๊ะ"
"โหยอยู่ตั้งอาทิตย์นึงนะ ตื่นมาแสงข้างนอกแยงตาอะ ติดม่านตรงระเบียงเหอะ เช้ามาก็จะได้..."
ขณะที่กำลังอธิบายสรรพคุณม่านแต๋ว ก็มีสายเรียกเข้าที่พอพลิกโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็รีบวางโน้ตบุ๊กลงแล้วกดรับทันที
"ฮาโหลแม่"
(น้องจีนลูก เป็นใดผ่อง บ่ะโทรหาแม่เลย บอกแล้วว่าหื่อโทรมาบ้านผ่อง)[1]
"น้องสบายดีแม่ งานนักขนาดบ่ามีเวลาโทรหา แม่เป็นใดผ่อง โทรมามีอะหยังก่อ"[2]
(เออ แม่กับป้อจะไปกรุงเทพฯ นะ ว่าจะปายายไปแอ่วโตย น่าจะถึงวันพูกมะเจ๊าเน้อ)[3]
“แล้วพักตี้ไหนกัน"[4]
(แม่ก็จะถามเนี่ยว่าไปค้างตี้คอนโดฯ น้องได้ก่อ มีป้อแม่ละก่อยาย ส่วนไอ้โจบ่าได้ไปติดสอบ)[5]
"เอ่อ เดี๋ยวขอถามคนดูแลห้องก่อนเน้อ เพราะห้องน้องซ่อมอยู่ ท่าจะได้นอน เอ่อ ตี้…ตี้ห้องแฟนน้องแตนได้ก่อแม่"[6]
(เอ้า มีผัวแล้วก๊ะ)[7]
"น้องใหญ่แล้วนะแม่ มีแฟนแล้วบ่าต้องบอกก่อได้ ตะอี้เน้อเดี๋ยวน้องไปผ่อห้องหื้อก่อน"[8]
มือเล็กกดวางสายคนเป็นแม่ก่อนจะหันมามองคนที่กอดเอวบางเอาไว้แล้วแซวพลางโยกตัวไปมาเหมือนหยอกเด็ก
"น้อง...น้อง แหงะ"
"อะไร ไม่ต้องมาล้อเลย ไม่เคยคุยกับแม่รึไง"
คนโดนล้อก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆ เอาไว้เพราะคำเมืองที่พ่นไฟแล่บคุยกับแม่อย่างลืมตัว แถมสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองที่มุ้งมิ้งเกินไปนี่แหละที่ทำให้โดนคนขี้แกล้งล้อเลียนเอา
"น่ารักจังเลยน้า แล้วแม่โทรมามีอะไรเหรอ"
"อ่าว ฟังไม่ออกเหรอ"
"โหย ใครจะฟังออก นี่เด็กพรานนกนะ"
จอมพลบอกพลางอมยิ้มให้ แต่พอฟังคำตอบจากอีกฝ่ายก็ทำเอาหน้าซีด
"พ่อกับแม่จะพายายมาเที่ยวกรุงเทพฯ อะ ที่เราเคยบอกไงว่าแม่กับน้องไปเชียงใหม่ นั่นแหละ เขาไปหายายแล้วยายอยากมาเที่ยวในเมือง แต่ห้องเราซ่อมฝ้าเพดานกับท่อแอร์อยู่ ก็เลยบอกแม่ว่าอาจจะให้มานอนห้องบีแทน แต่ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเราช่วยบีจัดห้องใหม่"
[1] (น้องจีนลูก เป็นไงบ้าง ไม่โทรหาแม่เลย บอกแล้วว่าให้โทรมาบ้านบ้าง)
[2] “น้องสบายดีแม่ งานหนักมากไม่มีเวลาโทรหา แม่เป็นไงบ้าง โทรมามีอะไรเหรอ”
[3] (เออ แม่กับพ่อจะไปกรุงเทพฯ นะ ว่าจะพายายไปเที่ยวด้วย น่าจะถึงวันพุธตอนเช้านะ)
[4] “แล้วพักที่ไหนกัน”
[5] (แม่ก็จะถามเนี่ยว่าไปค้างที่คอนโดฯ น้องได้ไหม มีพ่อแม่แล้วก็ยาย ส่วนไอ้โจไม่ได้ไปติดสอบ)
[6] “เอ่อ เดี๋ยวขอถามคนดูแลห้องก่อนนะ เพราะห้องน้องซ่อมอยู่ ไม่งั้นก็นอน เอ่อ ที่...ที่ห้องแฟนน้องแทนได้ไหมแม่”
[7] (เอ้า มีผัวแล้วเหรอ)
...........TBC.........
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

บีนี่เป็นคนใจดีกว่าที่เราคิดนะเนี่ยเอาจริงๆนางเคยโกรธใครรึเปล่าแต่ถ้าเป็นเราแล้วเจอแฟนง้อแบบนี้ก็โกรธไม่ลงอ่ะ
ยัยจีนเหมือนเมาจิ๊กโฉ่วเนาะลวนลามเค้าอยู่ดีๆก็มีสติดีดผึงขึ้นมาซะงั้นนึกภาพตอนนางบ่นมุบมิบนี่อยากบียปากเป็ดๆเลยเหอะ
ยานแม่กำลังจะมาค่ะนี่ขนาดแค่ลูกเป็ดยังทำจอมพลเสียหลักขนาดนี้ถ้ามาทั้งพ่อแม่ยายจอมพลจะรับมือไหวไหมคะคุณ
ปล น้องจีนน่ารักกกกกกกก
พึ่งมาตามอ่านเลยขออนุญาตเม้นแบบรวดเดียวเลยแล้วกัน
อันดับแรกเลยไม่ชอบตัวละครบีมากๆ น่าหมั่นไส้แล้วก็เอาแต่ใจ แกล้งคนอื่นไปทั่ว แต่พอพี่แกเริ่มชอบกับนุ้งจีนนี่เหม็นฟามรักมากกกกก พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือเลย คนดี คนน่ารัก แถมยังกลัวเมียอีก ฮาาาาา
ส่วนจีนนี่ตอนแรกก็เชียร์ให้เอาคืนมาก พอนานๆไปนี่ยิ่งอ่านยิ่งร้ายขึ้น ฉลาด ฝีปากกล้าอีกต่างหาก คือชอบมาก นี่ว่าเข้าลุคเสือสาวยิ่งกว่าเอินอีก แล้วถ้อยคำที่ใช้เขียนนิยายที่ชื่อมากเนี่ยเผ็ซมาก แรงมาก เราอ่านเรายังเงิบ ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าถ้าเป็นยังเองจะเป็นยังไง
มาที่เอินคิดว่าเอินเป็นคนจริงมาตั้งแต่เริ่มเรื่องแล้ว เพราะชัดเจนตั้งแต่แรกเลยว่าจะเอา แต่พอนานๆไปก็ชัดเจนมากเหมือนกันว่าแรดอยู่หน่อยๆ ฮาาาาา แล้วก็เห็นด้วยกับลุคเอินมาก ที่คนจะชอบโอ๋ ชอบสปอยล์คนที่น่ารัก คือมันเป็นแบบนั้นจริงๆในสังคมอะ
ส่วนแจ็คนี่ฟีลแบบคนที่ไว้ใจรายที่สุดเลย สำหรับตัวเรานี่แหละ เพราะเราคิดว่าแจ็คนี่ทำไมดีจัง ยอมเพื่อนตลอด ทำไมต้องยอมคนนิสัยเสียอย่างบีด้วย แต่พออ่านไปเรื่อยๆก็เริ่มมีมุมมืดมากขึ้นเรื่อยๆ ยอมรับเลยว่าตอนที่ปิดเรื่องคลิปแล้วคุยกับแบมนี่เราแอบกลัวเลย ถึงกับคิดว่าจะมีแผนโรคจิตไรรึป่าว (ตอนที่เกิดเรื่องแบมกับแก้มยุ้ย) ยิ่งอ่านไปยิ่งชัดเจนว่าแจ็คเอาความแสนดีมาบังหน้าตัวเองจริงๆ ยิ่งจุดปมของแจ็ค พิมพ์ บีนี่แบบสงสารบีเลยอะ แต่พอรู้ว่าจริงๆแจ็คก็พยายามแก้ไขอยู่มันก็ดูเพลาลง แต่มันดูเป็นการแก้ไขแบบคนขี้ขลาดยังไงก็ไม่รู้ แล้วยิ่งมาตอนล่าสุดนี่เราเลยสับสันว่านางเป็นมาโซคิสถูกมะ ดูจากที่นาลทำกับเอินแล้วนี่ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะรับไม่ได้ป่ะ แต่กับเอินนี่ก็ดูยังโอเคอยู่นะ รอลุ้นความสัมพันธ์หลังจากนี้เลย
ต่อมาเป็นเรื่องเรื่องโดยรวม (คือจริงๆจะพูดถึงเรื่องโดยรวมก่อนถูกมะ) ก็คือว่าอ่านไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่ายิ่งน่าติดตามขึ้นเรื่อยๆ มีปมโผล่มาให้คิดตามตลอด นี่ขนาดมาตามอ่านรวดเดียวที่ปมคลายบ้างแล้วนี่ยังเดาแบบเครียดๆเลยว่าตอนต่อไปมันจะเป็นไงวะ ฮาาาา แล้วแบบว่าปมเชื่อมโยงกันหมดเลย โลกกลมแบบกลมมากๆ ไม่รู้ว่าทำกรรมร่วมกันมาหรือว่าไง (ยืมคำพูดหน่อย ฮาาาา) แต่ถึงปมจะเยอะ ก็เป็นปมที่สมเหตุสมผลหมดเลยค่ะ เราชื่นชมไรท์มากๆที่ผูกปมรวมกันได้ขนาดนี้ แล้วก็คลายปมออกมาได้เข้าใจไม่มึนงงด้วย เนื้อเรื่อง และตัวละครมีมิติมากๆ ให้ความรู้สึกถึงคนในปัจจุบัน คิดตามถึงคาแรกเตอร์นั้นๆได้หมดเลยค่ะ เราชอบพาร์ทที่ไรท์มาอธิบายมาก ว่าแต่ละคนเป็นยังไง ซึ่งมันจริง และก็ชอบการเขียนมิตรภาพระหว่าจีนกับเอินด้วย มันทำให้เห็นว่าถ้าเรามีเพื่อนที่ดี มันก็จะดีกับเราจริงๆ ไม่ว่าจะเลวร้ายยังไง ก็ยังคงไม่ถึงกัน เราอ่านแล้วเรานึกถึงตัวเองกับเพื่อนมากๆ เป็นคล้ายๆแบบนี้เลยค่ะ แต่มิตรภาพของเราก็ไม่ได้แน่นแฟ้นกันขนาดจีนกับเอิน ส่วนบีกับแจ็คเนี่ย มันผิดตั้งแต่เลือกที่จะอยู่กันสามคนแล้ว ซึ่งถ้ามันเป็นเรื่องแบบนี้เหตุการณ์ที่จะตามมามันก็เดาได้ไม่ยาก แต่เราไม่รู้นะคะ ส่วนตัวเราชอบที่ไรท์ให้ทั้งคู่สูญเสีย และผิดพลาด แล้วก็พี่เบญจ์จริงๆคิดว่าเขาจะมามากกว่าด้วยอะตอนแรก แต่ก็ดีเหมือนกันที่จบไปง่ายๆ
สรุปเลยคือชอบมากกกกกกกกกก ชอบภาษาของไรท์ด้วย ชอบเนื้อเรื่องที่มันเป็นไปตามสังคมจริงๆ อ่านแล้วทำให้เราได้กลับมาย้อนคิดถึงตัวเองหรือคนรอบข้าง พร้อมกับเปิดมุมมองใหม่ด้วย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้
แต่เหนือมิสเตอร์กากาวิน ยังมีบิลลี่อยู่นะคะ เอาซะชะงักเลย 5555555
แต่ไม่รู้เอินจะเอาไงกับแจ็คต่อ เพราะอีกด้านของแจ็คนี่.. เล่นซะไม่เหลือภาพพ่อมหากวินในหัวแล้วค่ะ5555
บีเตรียมตัวให้ดี พ่อตาแม่ยายกำลังจะมาเยือนแล้ววววว