ตอนที่ 31 : 30 : ความฝัน
30
ความฝัน
(ก็มึงยังไม่ตอบสักทีนี่หว่า นี่แค่ไปเป็นเกสต์เอง ขึ้นแค่สองเพลงสี่หมื่น มึงเล่นที่ร้านไอ้แจ็คทั้งคืนได้เท่าไหร่)
คนที่ยืนเอาโทรศัพท์แนบหูอยู่ได้ไม่มีคำตอบให้อีกฝ่าย ถ้าพูดถึงรายได้ขึ้นมา ยังไงเงินที่ได้ก็ไม่เท่ากับที่พิพัฒน์เสนอมา
มันเป็นเรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นในเช้าที่จอมพลสะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก เขาตื่นขึ้นมาเองเพราะฝันแปลกๆ เกี่ยวกับอะไรสักอย่างที่พอลืมตาตื่นก็ลืมไปหมด พอช่วงสายๆ พี่พิพัฒน์ก็โทรมาบอกว่าอยากให้เขาไปเป็นเกสขึ้นร้องแทนนักร้องนำวงดนตรีวงหนึ่งในสังกัดที่รับงานที่คลับชื่อดังย่านทองหล่อคืนนี้แต่นักร้องดันเกิดป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ขึ้นร้องไม่ไหวจริงๆ
"อยู่ๆ ให้ผมไปร้อง แล้วคนที่มารอดูอะ"
(ทางร้านแจ้งแล้วว่าวันนี้นักร้องนำป่วย แต่วงเขาก็ยังขึ้นให้อยู่ อย่างน้อยมึงขึ้นร้องแขกก็อาจจะมีคนที่คุ้นๆ หน้ามึงมั่งแหละ)
"อืม เดี๋ยวขอผม..." ยังไม่ทันจะพูดจบ คนรู้ทันก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
(ขออนุญาตเมียก่อน...ใช่มะ)
"เรียกว่าปรึกษาดีกว่าพี่ เขาก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น"
คนถูกแซวว่ากลัวเมียวางสายแล้วก็ถอนใจออกมาเซ็งๆ เขาไม่ได้เซ็งเรื่องที่ต้องเดินไปบอกจินตภัทร แต่เขารู้สึกไม่มั่นใจเลยที่จะไปคนเดียว แต่พอคิดว่าจะชวนจินตภัทรไปด้วย ก็คงเป็นไปไม่ได้อีก...
ทิ้งตัวลงนอนก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดเข้าแอปไลน์แล้วแชตไปถามก่อนจะโผล่ไปรบกวนเวลานอน ตอนนี้บ่ายสองไม่รู้ว่าคุณนักเขียนที่ทำงานจนเช้าและตื่นนอนเวลาบ่ายเป็นนิสัยจะฟื้นจากนิทรารึยัง
JomJom :
Pepi : เกลียดชื่อไลน์ เมื่อไหร่จะเปลี่ยนจำไม่ได้ว่าใคร
JomJom : น้ำหวานตั้งให้ ก็เหมือนพระตั้งให้ เปลี่ยนนี่บาปมากนะ
Pepi : อ่านว่า?
JomJom : จ๋อมจ๋อม
Pepi : เออน่ารัก ให้ผ่าน
JomJom :
Pepi : ไปอยู่กับเอินได้พวกชอบส่งสติ๊กเกอร์ เราไม่เคยโหลดเลยอะ
JomJom :
Pepi : ว่า?
JomJom : ไปหาที่ห้องได้ยัง?
Pepi : มาสิ ตื่นนานแล้วแต่ทำงานบ้านอยู่เลยขี้เกียจเรียกมานอนเกะกะ
JomJom :
Pepi : อะไรอะ งง
JomJom :
Pepi : ซื้อสติ๊กเกอร์มาก็แพงยังส่งมาแล้วไม่เข้าใจอีกเนาะ
JomJom : ไม่น่ารักหรอ?
Pepi : ไม่
JomJom :
Pepi : ไม่ต้องส่งมาอีกนะ
JomJom :
Pepi : เอือมระอา
JomJom : แปลว่าอะไร...
Pepi : รีบๆ มา
JomJom : หน้าห้องละ มาเปิดประตูดิ
JomJom :
Pepi :
JomJom : ว้ายสติ๊กเกอร์ฟรี~
"ซื้อเว้ย!"
เสียงแหวออกมาต้อนรับหลังจากประตูเปิดทำเอาร่างสูงหัวเราะไม่หยุด ขำทั้งสติ๊กเกอร์ ขำทั้งความมานะพยายามในการหาสติ๊กเกอร์มาสู้
"ไม่ต้องมาขำเลย"
มือเล็กฟาดใส่แขนคนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางเขินๆ เพราะโดนล้อว่าส่งสติ๊กเกอร์ฟรีไป ทั้งๆ ที่เพิ่งกดซื้อไปเมื่อกี้
"อะจ๊ะๆ ซื้อก็ได้ แต่วันหลังไม่ต้องซื้อนะ บอกว่าจะเอาอันไหนเดี๋ยวกดส่งกิฟต์มาให้ก็ได้"
แขนหนากอดคอนที่ยังทำหน้างอนแก้มป่องใส่ขณะที่ชวนคุยไปด้วย พอเดินเข้ามาถึงด้านในก็ได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาจากในครัว
"ทำข้าวต้มอะ ขี้เกียจลงไปเลยเอาข้าวกับหมูสับที่เหลือมาทำข้าวต้มกิน บีกินไรมายัง" เจ้าของห้องเดินไปปิดแก๊สแล้วยกหม้อข้าวต้มมาวางที่โต๊ะรับแขก ที่เป็นทั้งโต๊ะกินข้าว โต๊ะทำงาน
"ว่าจะมาหากินห้องนี้แหละ กินข้าวด้วย กินคนด้วย"
ร่างสูงบอกพลางลงไปนั่งบนพื้นข้างๆ เจ้าของห้องก่อนจะรวบกอดเอวบางไว้พลางกดจมูกโด่งหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่
"ฝันไปเหอะ วันนี้ได้กินแค่ข้าวต้มพอ ต้องรีบปั่นงานส่งพี่โฉมเย็นนี้ต้นฉบับไม่ถึงมือนางมีหวังแกส่งเอินมาทวงแน่"
คนฟังยิ้มให้อย่าง 'พยายามเข้าใจ' เพราะตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่างานของจินตภัทรสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เมื่อทำสนธิสัญญากันแล้วก็ต้องห้ามงอแง เพราะเดี๋ยวแม่คุณจะไม่ปลื้ม
"เสร็จประมาณกี่โมงอะ คืนนี้บีมีงานแถวทองหล่อ ไปด้วยกันได้ป่าว"
ถามไปก็อ้าปากรับข้าวต้มที่อีกฝ่ายเป่าให้แล้วยื่นจ่อปาก
"อ้าว ไปทำไรอะ"
มือเล็กหันมาตกใส่ปากตัวเองบ้างแต่ดันเอาข้อศอกไปปัดขวดซอสแม็กกี้ที่ยังไม่ปิดฝาล้มเทลงโต๊ะ จนจอมพลต้องหันไปหยิบทิชชู่ส่งให้ระหว่างคุย
"เอ้าหกหมด เขาจ้างไปขึ้นแทนนักร้องที่ป่วย..."
"ละให้ไปด้วยเนี่ยนะ"
"อยากให้อยู่ด้วยอะ ถ้าจีนไม่ไปงั้นบีไม่ไปดีกว่า"
ฟังน้ำเสียงตัดพ้อแกมบังคับแล้วหมั่นไส้ แต่ก็ยังป้อนข้าวต้มหมูใส่ปากอีกฝ่ายที่นั่งอ้าปากรอเป็นลูกนกลูกกา
"เว่อร์ตลอด เดี๋ยวตามไปได้มะส่งงานเสร็จอยากนอนสักสองชั่วโมงอะ"
"งือ ก็ดะ ไปถูกแน่นะ"
"ก็เอาคนนำทางไปด้วยสิ จะยากอะไร"
...................
"อะไรของมึงวะ อยู่ๆ ก็เรียกกูมารับ แล้วดูดิทำหน้าอย่างกับเห็นผี มีอะไรอีเอินไหนเล่า"
ต้นว่านเพื่อนตุ๊ดไซส์ XXL เอ่ยพลางมองร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ อนิลไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ขึ้นรถมา แถมบอกให้รีบมารับด่วน เหมือนพวกหนีหนี้อะไรอย่างนั้น
"มึง..."
"อะไร"
"ถ้าสมมติมึงบังเอิญไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ เห็นในเรื่องที่ไม่ควรเห็น แล้วมีคนรู้ว่ามึงรู้ มึงว่ากูควรทำยังไง..."
ร่างบางถามพลางยกมือขึ้นมากัดเล็บอย่างเคยตัวในยามเครียด ภาพที่เห็นในวิดีโอยังติดตาอยู่ เหมือนมันยังคงฉายซ้ำอยู่ในหัว
"เอิน พูดจริงๆ นะ กูงงว่ะ แต่ถ้าสมมติว่ามึงไปรู้ความลับของคนอื่น แล้วเจ้าตัวเขาเสือกรู้ มันก็น่ากลัวอะ"
ต้นว่านแนะนำพลางมองคนที่หน้าตาเสียขวัญอย่างเห็นใจ ไม่รู้ว่าอนิลมีเรื่องอะไรถึงได้กลัวมากขนาดนี้
"มึงว่ากูควรทำไง..."
"หนีสิอีเหี้ย รอส่งคนมายิงหัวเหรอ"
แม้คำพูดของต้นว่านจะไม่ได้จริงจังนัก แต่อนิลก็รู้สึกว่าความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองมันสร้างความเสียหายถึงสองครั้งติด ทั้งเรื่องแก้มยุ้ยแล้วล่าสุดก็วันนี้...
พอคิดดูแล้วก็นึกไปถึงตอนที่คุยกับแบม
"อยากดูมากขนาดนั้นเดี๋ยวแบมส่งให้ก็ได้นะคะ"
"คือ พี่ไม่ได้ตั้งใจ มือมันไปโดน..."
วินาทีนั้นอนิลรู้สึกอยากร้องไห้ออกมาเพราะความสาระแนของตัวเอง
ยิ่งตอนที่หญิงสาวยื่นมือมาตรงหน้าแล้วขอโทรศัพท์คืน ในใจมันแทบหยุดเต้น
"เหรอคะ งั้นแบมขอโทรศัพท์คืนนะคะ กับข้าวอุ่นเสร็จแล้วพี่ไปช่วยจัดโต๊ะดีกว่าก่อนที่พี่แจ็คจะพายัยน้ำหวานลงมา"
"ม...ไม่รบกวนดีกว่าพี่เพิ่งนึกได้ว่ามีงานด่วน ฝะ ฝากบอกแจ็คด้วยนะว่าพี่ขอตัวกลับก่อน"
"อ๋อค่ะ"
ขณะที่กำลังจะเดินไปหยิบกระเป๋าเสียงเย็นๆ ของแบมก็เอ่ยขึ้นทิ้งท้าย
"พี่เอินคะ...เรื่องบางเรื่องถ้าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ก็อย่าเดือดร้อนแทนคนอื่นจะดีกว่า แล้วอะไรที่พี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดู ให้รู้ ให้เห็น พี่โตป่านนี้แล้วน่าจะเข้าใจนะคะว่าต้องจัดการกับ 'ความอยากรู้' ของตัวเองยังไง"
...................
"เพราะลูกหมูตัวที่สามมีบ้านแข็งแรงกว่าใครๆ หมาป่าเป่าเท่าไหร่ก็ไม่พัง..."
น้ำเสียงอบอุ่นที่กำลังเล่านิทานเรื่องลูกหมูสามตัวค่อยๆ เบาเสียงลงเมื่อเหลือบเห็นเด็กหญิงตัวน้อยเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว มือหนาค่อยๆ วางหนังสือนิทานเล่มโปรดของเด็กน้อยที่หัวเตียงก่อนจะกดจูบหน้าผากหลานสาวสุดที่รักเบาๆ แล้วย่องออกมาจากห้องอย่างเบาฝีเท้าที่สุด
"อุ่ย ตกใจหมด" คนขวัญอ่อนสะดุ้งโหยงเพราะน้องสาวที่ยืนรออยู่หน้าห้องหลานสาว แต่พอมองสีหน้าที่อมทุกข์ของอีกฝ่ายก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้ผมยาวสลวยไปมาพลางถาม
"เป็นอะไรห้อย ทำหน้าเป็นตูดเลย"
"แจ็ค..."
ดวงตากลมโตที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา มองหน้าพี่ชายขณะที่เรียกชื่ออีกฝ่าย ร่างผอมบางโผเข้าหาอ้อมกอดอุ่นๆ ราวกับเด็กน้อย
"เป็นอะไร มานี่มา คุยกันในห้อง...ร้องไห้อีกแล้วเป็นอะไร"
"เพื่อนโทรมาบอกว่าพ่อแม่ลูกศรเขาประกันตัวมันออกมาแล้วอะทำไงดี..."
เพราะสนิทกันมากและรักกันราวกับพี่น้องแท้ๆ แม้ว่าแบมจะเป็นลูกของน้าชาย แต่เพราะเสียพ่อไปตั้งแต่เด็กๆ แล้วแม่ก็พามาอยู่กับครอบครัวของกวินตั้งแต่จำความได้ ทั้งกวินและกวี ก็ไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ ของแบม อาจจะเพราะว่ากวีอายุห่างจากน้องทั้งสองคนหลายปี ทำให้กวินกับแบมสนิทกันไปโดนปริยายด้วยอายุที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ไม่มีทางเลยที่ทั้งคู่จะไม่รู้เรื่องของกันและกัน
"ก็แค่รอดูไปก่อน ถ้ามันไม่มาวุ่นวายกับเรา เราก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น มีคดีติดตัวแบบนี้พ่อแม่ฉลาดๆ ก็ควรพาลูกไปอยู่ที่อื่น"
คนเป็นพี่ค่อยๆ พูดกับน้องสาวอย่างใจเย็นขณะที่ลูบผมนิ่มอย่างเอ็นดู เขารู้ว่าแบมกังวลเรื่องลูกศรมาก ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องแก้มยุ้ย แต่ลูกศรทำเรื่องที่เลวร้ายกว่านั้นมาก...และเป็นเรื่องที่เขากับแบมรู้กันแค่สองคน
เขายังจำได้ดีตอนที่แบมร้องไห้และเล่าให้เขาฟังว่าทำไมถึงยอมให้แก้มยุ้ยคบกับลูกศรทั้งๆที่ไม่พอใจ
พอได้รู้ว่าฝ่ายนั้นเอาอะไรมาขู่น้องสาวเขา มันยิ่งทำให้รู้สึกรังเกียจเด็กผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นหลายเท่าตัว
"แล้วถ้ามันทำแบบที่พูด เราจะทำยังไงอะแจ็ค ฮึก เราจะทำยังไง...แล้วเรื่องเมื่อเย็นเราจะแน่ใจได้ไงว่าพี่เอินจะไม่เอาไปบอกใครอะ..."
"พี่บอกแล้วไง ว่าเรื่องเอิน เดี๋ยวพี่จัดการเอง"
แขนแกร่งดึงน้องสาวมากอดเอาไว้แน่น พลางคิดถึงคนที่ช่างอยากรู้อยากเห็นจนเกินพอดี เขาไม่แน่ใจนักว่าอนิลจะคิดได้รึเปล่าว่าเรื่องที่รู้มันเป็นเรื่องใหญ่มากแค่ไหนหากพูดออกไป...ที่แน่ๆ เขาคงพาอนิลมาที่บ้านไม่ได้สักพัก หรือโชคดีหน่อยตัวอนิลเองคงไม่กล้ามาแล้วเพราะกลัวแบม แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากเสียอนิลไป แม้ว่าความอยากรู้อยากเห็นของอนิลมันจะเกินขอบเขตไปจริงๆ
...................
"แกเป็นไรวะ ปกติมาเที่ยวเห็นระริกระรี้"
คนที่ออกปากชวนมาเที่ยวเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เริ่มเอ่ยปากถามเชิงเหน็บแนม
"เปล่า..."
มันน่าเจ็บใจตรงที่ ยิ่งหนีไม่อยากเจอใครบางคนสุดท้ายก็หนีไม่พ้น เพราะยัยเพื่อนตัวดีที่ส่งข้อความไปชวนกวินให้ตามมาเจอที่ร้านอีกเพราะกลัวไม่มีคนไปส่งเขา
เสียงอินโทรเพลงเริ่มขึ้นพร้อมกับแสงสปอร์ตไลท์ที่ฉายคนบนเวที อนิลหันไปมองสีหน้าของจินตภัทรที่เงยหน้ามองคนที่ยืนร้องเพลงอยู่ด้วยสายที่ชื่นชม ริมฝีปากอิ่มยิ้มออกมาอัตโนมัติเมื่อเห็นคนรักยืนอยู่ตรงนั้น พอเห็นความสุขของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วก็หวนกลับมาคิดถึงตัวเอง...
ถึงตอนที่ดูคลิปจะเห็นหน้าผู้ชายแค่เสี้ยวเดียว แต่ความรู้สึกมันเชื่อมันทำให้เชื่อไปแล้วว่าเป็นใคร บอกไม่ถูกว่าเสียใจหรือผิดหวังรึเปล่า เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นคลิปที่ถ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่
เพราะได้รู้จักกันไม่นาน ความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างตกใจกับไม่เข้าใจมันก็อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ ยิ่งพอนึกย้อนไปถึงพฤติกรรมของฝ่ายชายที่เป็นคนแสนดี และรักเด็กหญิงมากเหลือเกิน ความคิดในหัวมันก็ยิ่งเกินเลยและน่ากลัวมากขึ้นเหมือนปีศาจที่ครอบงำจิตใจ
......................
"เมื่อกี้มีร้องผิดด้วยอะ โคตรอายเลย"
คนที่เดินลงมาจากเวทีพูดไปก็อายไป ขณะที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ร่างบางที่เอาแต่หัวเราะ
"เออเราไม่รู้หรอกไม่ค่อยได้ฟังเพลงไทย" คนที่ปลอบใจปนขำหยิบแก้วเครื่องดื่มให้ พอเหลือบมองอนิลที่มาด้วยกันก็รู้สึกเกรงใจเพื่อนนิดๆ เพราะกวินยังไม่มาเลย...
"บี...แจ็คมาช้าจัง นี่มันเที่ยงคืนแล้วอะ"
เจ้าของชื่อฟังเสียงที่กระซิบบอกของคนรักแล้วเหลือบมองร่างผอมบางที่นั่งยกแก้วดื่มสีหน้าเหมือนเซ็งๆ ก่อนจะทำปากยื่นแล้วโอบเอวบางขยับเข้ามาใกล้พลางกระซิบตอบ
"ผัวไม่ทำการบ้านเหรอ หน้าตาหงุดหงิด" เสียงทุ้มบอกพลางหัวเราะออกมาเมื่อถูกมือเล็กๆ เอื้อมมาหยิกแขนข้อหานินทาเพื่อนรัก
ขณะที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่ก็มีบริกรมาเรียกจอมพลไปอีกโต๊ะที่อยู่ใกล้ทางเดินเข้าห้องน้ำ เป็นโต๊ะของพวกนักดนตรีที่เล่นด้วยกันเมื่อครู่
"จีน เดี๋ยวบีกลับมานะ พี่เขาเรียกไปโต๊ะนู้นแป๊บนึง"
ร่างบางยิ้มตอบรับก่อนจะหันกลับไปชงเครื่องดื่มใส่แก้วตัวเอง มองหน้าเพื่อนสนิทที่เหมือนจะกำลังคิดอะไรอยู่เลยชวนคุยระหว่างรอคนมาสาย
"แก"
"หืม?"
จินตภัทรมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมไปหยิบแก้วของอนิลมาชงเติมให้พลางถาม
"แกมีไรไม่สบายใจป่าวอะ จริงๆ แกไม่อยากมาเหรอ หน้าตาแกดูป่วยๆ เหมือนไม่สนุกเลย"
อนิลรับแก้วมาแล้วเหลือบมองหน้าของคนที่ห่วงใย แม้ว่าจะสนิทกันแค่ไหน แต่เรื่องนี้คงเล่าออกไปไม่ได้จริงๆ
"เรื่องงานอะ ที่สำนักพิมพ์กำลังหานักเขียนใหม่เขาเลยจะจัดประกวดก็เลยเครียดๆ นิดนึง ขอโทษนะแกที่ทำให้หมดสนุกไปด้วย"
"เฮ้ย ไม่ได้ว่าอะไร เราแค่เห็นแกไม่ยิ้มไม่หัวเราะเลยห่วง โอ๊ยปวดฉี่อะ เดี๋ยวมานะแก"
ร่างเล็กลุกขึ้นมองหาทางไปห้องน้ำ ก็เห็นจอมพลกำลังยืนคุยอยู่ที่โต๊ะทางไปห้องน้ำพอดี แต่เห็นมีเพื่อนนักดนตรีเยอะแยะเลยตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำเงียบๆ ไม่แวะทักอีกฝ่าย
"ไหนเมียมึงที่กลัวนักกลัวหนาวะบี ไม่พามาแนะนำเลย"
"เออ กูไม่เห็นมีสาวอึ๋มๆ แถวโต๊ะมึงเลย ไม่ได้พามาด้วยเหรอ"
ขณะที่จินตภัทรกำลังจะเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำไปก็ได้ยินคำถามจากเพื่อนรุ่นพี่ที่ดูอายุมากกว่าจอมพลพยายามจี้ถามเรื่องแฟน
ขาเล็กค่อยๆ เดินชะลอความเร็วลง อะไรบางอย่างทำให้อยากหยุดฟังคำตอบของอีกฝ่าย...
"วันนี้เขาไม่สะดวกมาอะครับ เอาไว้วันหลังนะพี่"
จินตภัทรหันไปมองสีหน้าของอีกฝ่ายขณะที่ตอบไม่ทัน ได้ยินแค่เสียงและพอหันไปก็เห็นร่างสูงยืนหัวเราะเปลี่ยนคุยเรื่องไปแล้ว
ไม่รู้ทำไมเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นถึงรู้สึกน้อยใจ เริ่มคิดมากขึ้นมาพยายามหาคำตอบจากสิ่งที่ได้ยินและพบว่า หากคิดดูดีๆ แล้ว ที่ผ่านมาคนรักของเขาก็คบแต่ผู้หญิงมาตลอดแล้วใครต่อใครก็คงไม่นึกว่าคนที่ดูท่าทางแบบนั้นจะคบกับผู้ชายหรือให้พูดตรงๆ ในสังคมแบบนั้น บางทีการยอมรับว่าตัวเองเป็นอะไร ชอบอะไร ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง มันคงยากเกินไปจริงๆ
"เอิน จีนล่ะ"
คนที่เดินกลับมาถามก่อนจะมองหากระเป๋าของคนรักแต่กลับไม่ได้วางอยู่ที่เดิมแล้ว...
"ไม่รู้สิ เมื่อกี้บอกไปห้องน้ำ"
"อ่อ โอเค ขอบใจนะ"
"บี"
"ห๊ะ?" เจ้าของชื่อที่กำลังจะเดินไปทางห้องน้ำหยุดชะงักและหันมาตามเสียงเรียก พอได้มองหน้าชัดๆ ดูก็รู้เลยว่าคนเรียกนี่เริ่มเมาแล้ว
"ฝากบอกแจ็คด้วยว่าเราคงไม่รอแล้วขอกลับก่อนดีกว่า"
"แล้วไม่ไลน์ไปบอกเองอะ" เพราะกำลังว้าวุ่นใจอยู่กับเรื่องของตัวเอง ก็ไม่มีเวลาจะช่วยใครทั้งนั้น
"แบตหมด" ร่างผอมบางตอบสั้นๆ พลางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือของตัวเอง
"โอเค ได้ เจอกันเอิน"
ร่างผอมบางพาตัวเองออกมาจากร้านจุดมุ่งหมายคือมองหาแท็กซี่สักคัน แต่เพราะร้านอยู่กลางซอยทองหล่อ ทำให้มีแต่พวกรถมอเตอร์ไซค์วินเท่านั้น
"โอ๊ยแม่ง...จะอ้วก"
อนิลบ่นพลางมองซ้ายมองขวา มันไม่มีที่ให้หลบไปอาเจียนได้เลย มีแต่ผับบาร์ที่เปิดอยู่ตามทาง สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเนียนเดินเข้าไปในร้านเหล้าร้านหนึ่งอ้างว่ามีโต๊ะแล้ว ด้วยการแต่งตัวที่ดูมีราคา การ์ดหน้าร้านเลยยอมปล่อยให้อนิลเดินเข้าไป ด้านในมีแต่เสียงเพลงเทคโนแดนซ์ที่เปิดดังจนแสบแก้วหู มือของอนิลยกกระเป๋าของตัวเองขึ้นเหนือหัวเพื่อเดินเบียดเข้าไปที่ห้องน้ำ ที่อยู่ด้านใน ความรู้สึกมันพะอืดพะอมไม่ไหวแล้ว
พอเดินเข้าห้องน้ำได้ก็ถลาไปโก่งคออาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง ไม่รู้ว่ายัยแว่นเพื่อนรักผสมบ้าอะไรให้กินมันถึงได้มึนขนาดนี้ อนิลกดชักโครกแล้วเดินตุปัดตุเป๋มาล้างปากที่อ่างก็เพิ่งรู้สึกว่ามีคนยืนมองอยู่จากด้านหลัง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาทุกอย่างมันเบลอไปหมดจนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
"ไหวป้ะเนี่ย จิ๊แม่ง เดินตามเกือบไม่ทัน คนเมาห่าอะไรวะเดินเร็วฉิบหาย"
"งือ ไหวๆ นี่ครายเอาะ"
ร่างผอมบางเซแท่ดๆ ไปอยู่ในอ้อมกอดอีกฝ่ายแขนเรียวกอดคอคนตัวสูงกว่าเอาไว้ ความรู้สึกบางอย่างมันถูกปลุกขึ้นจากกลิ่นกายและอ้อมกอดของอีกฝ่าย
"หอมจัง..." จมูกโด่งรั้นซุกไซร้ซอกคออีกฝ่ายราวกับคนไร้สติ ทั้งที่ไม่รู้ว่าใคร
"เอิน เดี๋ยว"
ร่างสูงใหญ่สะดุ้งเฮือกเมื่อมือเรียวลูบๆ คลำๆ อยู่ที่ส่วนล่าง มือหนาพยายามจะผลักอีกฝ่ายออก แต่เรี่ยวแรงที่โถมเข้าใส่มันมากมายจนต้องถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้ามาอยู่ในห้องส้วม
"เฮ้ย!" เสียงทุ้มร้องออกมาขณะที่ถูกผลักลงนั่งบนฝาชักโครกแล้วร่างผอมบางก็ปีนขึ้นมาคร่อม
ราวกับมีความความรู้สึกผิดชอบตีกันยุ่งอยู่ในหัวเมื่อริมฝีปากอิ่มกดลงมาบนเรียวปากของเขา สองมือที่ยกขึ้นเลี่ยงที่จะแตะตัวอีกฝ่ายเมื่อครู่ รีบคว้าเอวบางไว้ก่อนที่คนขี้เมาไร้สติจะหงายหลังไป
กลิ่นกายหอมๆ และสะโพกนุ่มที่ขยับกายบดเบียดผ่านเนื้อผ้าสกินนี่ยีนส์ลงมาเป็นจังหวะทำให้สติกระเจิดกระเจิงไปหมด จนความรู้สึกผิดชอบที่พยายามควบคุมตัวเองไว้มันเริ่มลดน้อยลงทุกที
จนกระทั่งชื่อของใครอีกคนถูกเอ่ยออกมา....
"แจ็ค..."
...................
ปี๊น!
จินตภัทรสะดุ้งเฮือกตอนที่กำลังชะเง้อหาแท็กซี่แล้วมีรถคันหนึ่งมาจอดเทียบแล้วบีบแตรใส่ ขณะกำลังสับสนเจ้าของรถก็ลดกระจกลง
"จีน มายืนทำไรตรงนี้"
"อ้าวแจ็ค เรากำลังจะกลับบ้านอะ แจ็คไม่ได้รับเอินไปแล้วเหรอ"
"ยัง เราเพิ่งมาถึง หน้าซอยทองหล่อมีรถบรรทุกชนเสาไฟเราเลยเลี้ยวเข้ามาไม่ได้ต้องขับอ้อมมาอีกทาง เฮ้ย ขึ้นมาก่อน"
ร่างเล็กเปิดประตูขึ้นรถเบนซ์ของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสับสน และมีบางอย่างสะกิดใจขึ้นมา...
เพราะเมื่อสิบนาทีก่อนจินตภัทรเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ไม่เจอทั้งอนิลและจอมพล ทั้งคู่หายไปโดยที่ไม่บอกว่าไปไหน จินตภัทรคิดว่าจอมพลคงมีธุระด่วนไม่ก็โดนรุ่นพี่นักดนตรีลากไปดื่มที่อื่น เพราะนั่งรออยู่สักพักแล้วก็ยังไม่กลับมาที่โต๊ะสักที สุดท้ายก็เลยเดินออกมาโบกแท็กซี่คนเดียว...แท็กซี่ก็หายากจนตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ
"เราว่าเอินมันเมามาก เพราะตอนเราชงเหล้าให้มันเราเบลอเทวอดก้าซ้ำลงไปสองรอบ แต่มันกระดกหมดเกลี้ยงเลย เนี่ยเราก็บอกมันแล้วว่าให้รอแจ็คมารับ..." มือเล็กม้วนชายเสื้อตัวเองไปมาอย่างกังวล คิดว่าถ้าอนิลเดินไปไหนคนเดียวก็น่าเป็นห่วงมาก
"แล้วไอ้บีล่ะ"
"ไม่รู้อะ สงสัย...อ้าว นั่นพี่พัฒน์นี่ แจ็คถามให้ที" มือเล็กชี้คนที่กำลังจะขึ้นแท็กซี่คันหน้าไป คนขับรีบลงจากรถแล้วเดินไปหาคนที่จินตภัทรชี้บอกทันที
"พี่ครับขอโทษครับ"
"เฮ้ยแจ็ค ว่าไงมึงทำไมเพิ่งมาวะ"
"รถติดครับพี่ เอ่อ ผมมารับไอ้บี มันไปไหนอะพี่"
"เห็นมันเดินตามใครไปไม่รู้หวะ ท่าทางเมาเละน่าดู พาไปต่อโรงแรมแถวนี้มั้ง ฮ่าๆๆ กูไปก่อนนะมึง"
กวินได้แต่ก้มหัวให้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม แต่ภายในใจมันกลับรู้สึกดิ่งมาก กับคำพูดของอีกฝ่าย
ไม่รู้ทำไม เขาถึงภาวนาให้คนที่จอมพลเดินตามไปไม่ใช่อนิล...
แต่จะเป็นใครไปได้ ในเมื่อจินตภัทรก็นั่งอยู่ในรถเขา
........TBC.......
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่บีอย่าทำเด็ดขาด
ถ้าพี่บีได้กะเอินเอินนะเราเชียร์จีนให้พี่แจ็คแล้ว ฮือออออออออออออออออออออ
อย่าทำให้ผิดหวังนะจอมพล
เอินควรคิดให้ได้เหมือนจีนเน้อถ้าเรื่องมันนานมาแล้ว
ถ้าอิจอมพลชั่วขนาดอดใจไม่ไหวนัวเอินนะ ป้าขอร้องให้จีนเทมันเลย แค่ไม่ยอมแนะนำกับคนรู้จักว่าเป็นแฟนก็แย่ละนี่ยังเ-ือกฟาดเพื่อนเราอีกถึงเพื่อนเราจะเมาแล้วแร่ดก็เถอะ