ตอนที่ 29 : 28 : สามย่านปะทะเมืองเอก
อิมเมจพี่เบญ = ยองแจ BAP ค่ะ (เพื่อนแจบอมนั่นเองงงง)
ในเรื่องพี่เขาชื่อจริงว่า "เบญจ์" แต่เวลาบรรยายขอเขียนเป็นชื่อเล่นไม่มี จอ จานการัญนะคะ
28
สามย่านปะทะเมืองเอก
เมื่อได้ถอยออกมาและมองเปรียบเทียบระหว่างคนสองคน จินตภัทรก็รู้สึกได้เลยว่านอกจากหน้าตาและบุคลิกที่ต่างกันแล้ว ก็รวมถึงนิสัยใจคอของผู้ชายสองคนที่อยู่ในสถานะเดียวกันไม่ว่าจะคนเก่าหรือคนใหม่ ทั้งคู่ก็ช่างแตกต่างกันราวกับเทวดากับซาตาน
เบญจ์เป็นผู้ชายไทยอายุยี่สิบแปดที่หน้าตาเด็กกว่าอายุจริงมาก อาจจะเพราะเป็นคนไม่ดื่มเหล้าสูบบุหรี่ และมีพื้นฐานครอบครัวที่เลี้ยงดูมาราวกับลูกท่านหลานเธอ ไม่ว่าจะบุคลิกการพูด การยืน การเดิน กิริยาท่าทางต่างๆ แค่เพียงมองผ่านๆยังดูรู้ว่า มีชาติมีตระกูล ซึ่งแน่นอนว่าแตกต่างจากเด็กตลาดพรานนกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามราวฟ้ากับเหว...
จินตภัทรรู้สึกขำนิดๆ ที่หลังจากเบญจ์โดนลูกแม่ค้าตลาดพรานนกปากหมาใส่ที่หน้าประตู สิ่งที่คนอายุมากกว่าทำก็เพียงแค่นหัวเราะออกมา แม้ว่าจะหน้าเสียไปนิด แต่ก็เก็บอาการดีมากตามแบบฉบับลูกผู้ดี
เขาเชิญเบญจ์เข้ามาในห้องเพราะไม่อยากให้ป้าข้างห้องที่พร้อมจะชะเง้อหน้าออกมาใส่ใจต้องมีเรื่องไปเมาท์อีก เพราะที่ผ่านมาห้อง 2207 ก็โดนนินทาลับหลังไปทั้งคอนโดฯ แล้วว่า 'สงสัยจะลีลาเด็ด ย้ายมาอยู่เดือนเดีย วคว้าผู้ชายข้างห้องทำผัวหน้าตาเฉย'
"จีนยังจะไปงานสัปดาห์หนังสืออยู่ไหมครับ พี่ว่าจะ..." คนอายุมากกว่าเปิดประเด็นราวกับไม่เห็นหัวจอมพล แต่ก็ถูกพูดแทรกกลางคันจนได้
"งานสัปดาห์หนังสือปีนี้ตรงกับวันเด็ก ไม่พาลูกไปนั่งเก้าอี้นายกเหรอครับ"
เก๊ง เก๊ง 0 ต่อ 1 ลูกแม่ค้าตลาดพรานนกได้คะแนนไปในยกนี้...
จินตภัทรคิดในใจขณะก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มที่กลั้นหัวเราะเอาไว้ เบญจ์ดูเหมือนจะมีสติอยู่ตลอดเวลา ถึงจะโดนพูดแทรกและตอกกลับแรงๆ แต่ก็ยังนั่งอมยิ้มอยู่เช่นเคย
"ผมก็ทำหน้าที่พ่อที่ดีและพี่ชายที่ดีมาตลอดครับ ตอนที่จีนยังไม่มีคุณเขาก็มีแต่ผม ถ้าคุณไปงานหนังสือกับจีนได้ผมก็คงไม่ไปให้เกะกะ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมีความอดทนพอที่จะยืนรอจีนเลือกหนังสือไหม"
น้ำเสียงสุภาพบอกพลางหันมายิ้มให้คนที่อยู่ในบทสนทนา จินตภัทรยิ้มตอบตามมารยาทแล้วมองหน้าจอมพลด้วยความรู้สึกที่อยากรู้เหมือนกันว่าพอพูดถึงสิ่งที่ ไม่ชอบ ขึ้นมา คนที่ถูกท้าทายจะทำยังไง จะโกหกว่าอยู่ด้วยได้ หรือจะบอกตรงๆ ว่าตัวเองยังอ่านหนังสือวันหนึ่งไม่ถึงแปดบรรทัดด้วยซ้ำจะไปงานหนังสือเพื่ออะไร...
"ก็ไม่ไปไง ไปเดินตามทำไมละครับ สิ่งที่คุณบอกว่าคุณทำเพื่อจีน คุณถามเขารึยังว่าต้องการให้ใครไปยืนกดดันให้รู้สึกเกรงใจเวลาเลือกหนังสือรึเปล่า เวลาผมไปร้านกีตาร์ผมก็ไม่เอาจีนไปนะ เวลาอยู่กับอะไรที่ชอบ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หมดความสำคัญอยู่แล้วจะเสนอหน้าไปทำไม"
เรื่องมหัศจรรย์อย่างที่สองของจอมพลก็คงเป็นคำพูดที่ดูฉลาดจะตอกกลับอีกฝ่าย แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเวลาคุยกับแฟนถึงได้ทำตัวโง่ๆ เด๋อๆ ตลอดเวลา บางทีสิ่งที่เห็นมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป...
และหลังจากสิ้นคำสุดท้าย จินตภัทรรับรู้ได้จากบรรยากาศรอบๆ เลยว่า ศึกรังสิต-จุฬาครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เบญจ์ไม่ค่อยแสดงท่าทางเกรี้ยวกราดหรือโมโหออกมาทางสายตามากขนาดนี้ตลอดเวลาเคยคบกันมา แต่ตอนนี้คนที่คีปลุคมาตลอดชีวิตเริ่มนั่งไม่ติดเสียแล้ว
"คบกันยังไม่เท่าไหร่ คุณไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับจีนเท่าผมหรอก" ท่าทางการพูดที่ยังมีน้ำเสียงราบเรียบไร้โทสะของเบญจ์ ในสายตาของจินตภัทรมันดูน่ากลัวกว่าเสียงของจอมพลที่พูดจาโผงผางออกมาเสียอีก...
"ผมก็ไม่ได้อยากรู้ทุกอย่าง ผมมีสิทธิ์รู้แค่ไหนก็แค่นั้น คุณบอกว่าคุณรู้ทุกอย่าง แต่กลับกันคุณไม่ได้บอกจีนทุกอย่าง โดยเฉพาะตอนมีคนอื่น คุณมาวุ่นวายกับจีนทำไม ในเมื่อตอนคุณไปคุณทิ้งให้เขาเสียใจอยู่คนเดียวตั้งนาน"
"บี...พอเถอะ" ร่างบางพยายามหันไปปรามคนของตัวเองที่กำลังทำผิดมหันต์ สิ่งที่เขาพูดให้ฟังไม่ใช่สิ่งที่จะเอาไปต่อปากต่อคำกับเบญจ์ได้ เพราะจินตภัทรไม่ได้พูดออกไปทั้งหมด...สิ่งที่พูดให้ฟังมันก็แค่คำตัดพ้อ
"ไม่อะ บีอยากรู้จากปากเขาว่าทำไมตอนมีคนอื่นเขาถึงไม่คิดถึงจีนบ้าง จีนไม่อยากรู้เหรอ"
ยิ่งพูดทุกอย่างก็เหมือนยิ่งเริ่มแย่ลง...
"พี่ไม่เคยเลิกรักจีนแม้แต่วันเดียว จีนรู้ดี..."
"พี่เบญกลับไปเหอะ บีพอได้แล้ว..."
ร่างเล็กหน้าเสียไปขณะที่ก้มหน้าลงซ่อนน้ำตาเอาไว้เพราะไม่อยากที่จะรื้อฟื้นอะไรอีกแล้ว...แต่จอมพลไม่หยุด
"ไหนๆ ก็เสนอหน้ามาละ ขอด่าหน่อย จนป่านนี้ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นเขาโง่กันไปหมดวะ ไอ้เชี่ยกูก็เคยเป็นผู้ชายขี้เอาสับรางเก่งนะ แต่เวลาโดนจับได้อย่างน้อยก็ยอมรับมาครึ่งนึงก็ยังดี นี่ปฏิเสธอยู่ได้ มึงคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ไอ้สัดกูไม่ใช่โคนันยังดูออกเลยว่ามึงนัดเยกับคนอื่นมาตั้งนานแล้ว คนหรือมะม่วงเขียวเสวย แต่งงานกันแป๊บเดี๋ยวติดลูกเร็วเชียว"
โครม!
จินตภัทรสะดุ้งสุดตัวเมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกที ร่างของจอมพลก็ลงไปกองกับพื้นขณะที่เบญจ์ยกเท้าเตะอัดเข้ากลางตัวคนที่ยังตั้งหลักไม่ทันและได้แต่ยกแขนกันเอาไว้ แต่ก็โดนเตะชายโครงเข้าอีก
แขนเรียวกอดเอวหนาของแฟนเก่าเอาไว้ เขารู้ดีว่าต่อให้ตั้งตัวได้แล้วต่อยกันตัวต่อตัว เด็กตลาดพรานนกก็แพ้นิสิตจุฬาฯ ที่เป็นตัวแทนทีมชาติไทยที่ได้เหรียญเงินกีฬาเทควันโดซีเกมส์อยู่แล้ว
"พี่เบญพอได้แล้วเดี๋ยวเขาตาย!" จินตภัทรลากอีกฝ่ายออกมาขณะที่มองคนที่นอนกองอยู่กับพื้นอย่างสงสาร
"จีนคบกับคนปากแบบนี้ได้ไง นี่ลดตัวไปคบกับพวกสถุลแบบนี้ได้ยังไง ตั้งใจคบมันประชดพี่ใช่ไหม" เบญจ์เอ่ยขณะที่จ้องหน้าร่างเล็กอย่างพยายามเค้นคำตอบ
"พี่เลิกพูดแบบนี้สักทีได้ไหม! จีนไม่ได้..."
"พูดให้มันฟังทุกเรื่องไหม? แล้วบอกมันรึเปล่าว่าเราเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายขอให้พี่เลือกฝ้าย เราเองที่ประชดประชันบอกว่าไม่เป็นไรถึงพี่แต่งงานไปก็ยังรักพี่อยู่เหมือนเดิม รู้ไหมว่าพี่มาทำไม พี่มาเพื่อบอกว่าพี่กับฝ้ายกำลังจะหย่ากัน แล้วเราต้องรับผิดชอบที่เคยบอกกับพี่ว่าเราไม่มีวันรักใครอีกแล้วนอกจากพี่!"
รอมาตั้งนาน...
สิ่งที่อยากได้ยินมาตั้งนานแล้ว...
แต่ทำไม มาพูดเอาป่านนี้
"มาบอกอะไรป่านนี้อะ..." มือเรียวยกขึ้นปิดหน้าตัวเอง ร้องไห้ออกมาอย่างสับสน ขณะที่มือของเบญลูบไหล่เบาๆ อย่างปลอบโยนและพูดโน้มน้าวคนที่กำลังอ่อนแอให้คล้อยตาม
"จีน เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่นะ"
"พี่มาบอกทำไม ในวันที่จีนไม่รักพี่อีกต่อไปแล้ว ต่อให้จีน ฮึก ต่อให้จีนไม่มีเขา จีนก็ไม่อยากกลับไปคบกับพี่แล้ว ฮึก ฮืออออ จีนเคยรักพี่มากกว่าใครในโลกนี้ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว..."
เสียงสะอึกสะอื้นตัดพ้ออย่างน่าสงสาร จอมพลค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นแต่แรกที่อีกฝ่ายเตะอัดใส่มันทำเอาจุกจนพูดไม่ออก
"อย่าตัดสินอะไรด้วยอารมณ์อีก พี่รู้ว่าเราไม่ได้คิดแบบนั้น พี่อ่านหนังสือเราทุกเล่มและรู้ว่าเราตั้งใจจะบอกอะไรกับพี่ ต่อให้จีนฆ่าพระเอกให้ตายอีกสักกี่คน พี่ก็รู้ว่าจีนเพียงแค่อยากให้พี่ตายไปซะ ดีกว่าอยู่มีตัวตนเพื่อให้จีนคิดถึงอยู่จนทุกวันนี้ ถ้าเราไม่ได้รักพี่อีกต่อไปแล้วอย่างที่พูดออกมา ก็ขอให้โชคดีกับคนใหม่แล้วกันพี่จะไม่มายุ่งไม่มาวุ่นวายอีก"
มืออุ่นๆ วางลงที่ศีรษะของจินตภัทรอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ
ร่างบางเม้มริมฝีปากกลั้นน้ำตาเอาไว้ขณะที่มองแผ่นหลังของอีกฝ่ายห่างออกไปทีละก้าว ทีละก้าว จนกระทั่งประตูปิดลง
คนที่ยันตัวเองลุกขึ้นมามองท่าทางของคนรักแล้วก็สงสารและแอบรู้สึกผิดที่เปิดประเด็นเรื่องที่จินตภัทรถูกทิ้งออกไป
เพียงแค่อยากจะสั่งสอนอีกฝ่ายแต่ไม่ทันคิดว่าคนที่โดนผลกระทบเต็มๆ คือคนของเขาเอง
จอมพลฝืนลุกขึ้นมาและพยายามพูดติดตลกออกไป เพียงแค่หวังว่าจินตภัทรจะหันมาหัวเราะกับเขา
"ไอ้เหี้ย พูดซะหล่อเป็นพระเอกเลย อ่านนิยายมากอะเพ้อเจ้อ...จีน"
แต่ขณะที่พูดด้วยและกำลังก้าวเข้าไปหา เท้าเล็กๆ ที่สวมสลิปเปอร์สีเขียวมะนาวก็ค่อยๆ ถอยหลังและหมุนตัวเดินห่างออกไปและวิ่งออกไปจากห้องตามผู้ชายคนนั้น มือหนาพยายามจะคว้าข้อมือของคนรักเอาไว้ด้วยหัวใจที่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยง
"จีน!"
ไม่รู้ทำไม... ยามที่เรียกตะโกนเรียกชื่อของคนที่วิ่งหนีไป น้ำตามันถึงไหลออกมา ราวกับว่า...ทุกอย่างมันจบลงแล้ว
"พี่เบญ!"
ร่างบางที่วิ่งออกมาจากห้อง ตะโกนเรียกคนที่กำลังจะเดินเข้าลิฟท์ไป ร่างสูงโปร่งหยุดรอจนกระทั่งอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาในระยะสายตาและเห็นในหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของจินตภัทร
"ว่าไงครับ" เสียงสุภาพที่เอ่ยถามพร้อมกับใบหน้าที่ก้มลงมาหาเหมือนคุยกับเด็กตัวเล็กๆ
"พี่คงไม่ได้จะหย่ากับฝ้ายจริงๆ ใช่ไหม"
เบญจ์อมยิ้มออกมากับคำถามของเด็กตัวเล็กที่ดูเหมือนจะรู้ทันเขาไปเสียทุกอย่าง
"ถามทำไมเหรอ"
"จีนว่าพี่เลิกโกหกเถอะ พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นจริงสักหน่อย ถ้าพี่รักจีนจริงๆ พี่คงไม่คบกับฝ้ายตั้งแต่แรก พี่คงไม่มาบอกจีนหรอกว่าพี่มีความจำเป็นอะไร....ก็อย่างที่บีพูดมันก็ถูก"
เบญจ์มองเด็กตัวเล็กที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นน้องจีนที่ว่านอนสอนง่ายและเป็นเด็กดีของเขามาตลอด แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป จินตภัทรก็เติบโตขึ้นและไม่ใช่น้องจีนของเขาอีกต่อไป...
"แล้วถ้าพี่ทำได้จีนจะเลิกกับเขาไหม"
"คงไม่ จีนไม่อยากกลับไปเป็นเด็กโง่ๆ ของพี่อีกแล้ว"
คำว่า เด็กโง่ๆ ราวกับย้ำให้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาคงทำให้เด็กตัวเล็กๆ เจ็บช้ำน้ำใจมากแค่ไหน...
"ก็ดีแล้ว พี่หวังว่าเราจะไม่เสียทีหลังที่ตัดสินใจแบบนี้"
เบญจ์บอกพลางส่งยิ้มให้อย่างเข้าใจ แต่ดูเหมือนประเด็นสำคัญจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องของเขา แต่คงอยากแก้ต่างให้คนที่โดนเขาเตะอัดไปเมื่อกี้
"บีเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เขาอาจจะไม่ใช่คนเพอร์เฟกต์ ไม่ใช่คนดีอย่างที่พี่พยายามเปรียบเทียบ แต่มันไม่ใช่ปัญหาอย่างที่พี่คิด จีนไม่ได้ต้องการคนที่เพอร์เฟกต์ในสายตาคนอื่น จีนต้องการคนที่จะรักจีนแค่คนเดียว แค่นั้นก็ทำให้เขาเพอร์เฟกต์กว่าพี่แล้ว"
"วิ่งออกมาบอกพี่แค่นี้เหรอ"
"อืม จริงๆ จีนอยากขอบคุณที่พี่ทำให้จีนค้นพบสิ่งที่ชอบ และเป็นคนแรกที่ทำให้จีนได้รู้จักตัวเองมากขึ้น"
คนอายุมากกว่ามองและยิ้มให้ด้วยความรู้สึกที่พยายามจะเข้าใจ เพราะยังไงตอนนี้พูดอะไรอีกฝ่ายไปก็คงไม่อยากรับฟังมันอีกแล้ว...มันคงสายไปแล้วจริงๆ
"ครับ พี่เข้าใจแล้ว ขอกอดทีได้ไหม"
"อือ"
อ้อมกอดอุ่นๆ ที่ไม่ได้สัมผัสมานาน...
ทำให้คิดถึงช่วงเวลาที่จินตภัทรยังคงเป็นเด็กนักเรียนมัธยมที่ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร หรือมีความสามารถพิเศษอะไรบ้าง เป็นเพียงเด็กที่เรียนหนังสือไปวันๆ จะมีที่แปลกกว่าเด็กในวัยเดียวกันก็เรื่องที่ชอบอ่านนิยาย ชอบเข้าห้องสมุด ชอบไปร้านหนังสือและเขียนเรื่องสั้นจากเหตุการณณ์ต่างๆ แทนไดอารี่
แฟนนิยายคนแรกของเขา คือเบญจ์
"ทำไมไม่ลองเขียนลงในเน็ต เดี๋ยวนี้มันมีเว็บนิยายให้มือสมัครเล่นลองเขียน"
คำพูดของเบญจ์ที่แนะนำจินตภัทรตั้งแต่คบกับได้ไม่กี่เดือน จุดเริ่มต้นของการเป็นนักเขียน เริ่มต้นจากคนอ่านคนแรกของจินตภัทร
รักแรกของเขาก็ คือเบญจ์
"น้องครับ พี่ถามได้ไหม อยากจะสอบเข้าที่ไหนเหรอครับ"
"เอ่อ อะ อักษรจุฬาฯ ครับ"
ติวเตอร์ส่วนตัวคนแรกของเขาก็ คือเบญจ์
"อันนี้ชีตของน้องชายพี่ ลองอ่านดู เดี๋ยวพี่ทยอยเอาหนังสือมาให้ แต่ถ้าจีนอ่านไม่ไหวเดี๋ยวพี่จะจดย่อลงสมุดให้นะครับ"
คนแรกของเขาก็ คือเบญจ์
"ถ้าอ่านหนังสือที่บ้านไม่ได้มาอ่านบ้านพี่ได้นะ ไม่ค่อยมีใครอยู่เงียบๆ หน่อย"
"ได้เหรอ งั้นจีนเอารายงานมาทำด้วยได้ไหม"
"ได้...แต่ถ้ามาค้างคืน พี่เก็บค่าเช่าห้องได้มะ"
"อื้อ ก็ได้"
คนที่ทำให้เสียใจที่สุดในชีวิต ก็ คือเบญจ์
"พี่ขอโทษนะจีน พี่ไม่คิดว่ามันจะ..."
"ไม่เป็นไรจีนเข้าใจ"
ได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร และยอมปล่อยมือจากอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย
ก็เพราะเบญจ์เคยเป็นทุกอย่างมาตลอด ราวกับว่ามันเป็นเรื่องเดียวที่จินตภัทรจะทำให้อีกฝ่ายได้
เพราะตลอดมาจินตภัทรไม่เคยทำเพื่อเบญจ์เลยสักครั้ง
แต่เมื่อได้ใช้ชีวิตเพียงลำพังก็ได้เรียนรู้ว่า...
มันไม่ง่ายเลยที่จะ เข้าใจอีกฝ่าย อย่างคำสวยหรูที่เอ่ยออกไปราวกับนางเอกในนิยาย
"ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา...มีความสุขมากๆ นะพี่เบญ"
...................
ในบางครั้งความรักก็ทำให้เราไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจ บางอย่างที่เคยทำ หรือบางสิ่งที่เคยเห็นผลของมันแล้ว เราก็เลือกที่จะไม่ทำผิดซ้ำอีกหน...
จากที่ไม่เคยฟัง ก็ต้องฟัง
จากที่ตีโพยตีพายไปเอง ก็ต้องหยุดรอเพื่อฟัง เพราะกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้ฟังเสียงกันอีกต่อไปแล้ว
เขาเคยเดินหนีเวลาที่ทะเลาะกับพิมพ์ ครั้งสุดท้ายที่พิมพ์ถามเขาว่าจะเอายังไง จะเลิกกันไหม เขากลับหันหลังให้เธอ
สิ่งที่ตามมาคือเขาไม่มีโอกาสได้ตอบคำถามอีกแล้ว
และพิมพ์ก็ไม่มีโอกาสได้ฟังมันเช่นกัน
ทันทีที่เสียงประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างบางที่เดินกลับเข้ามา สายตาประหม่าของกับสองมือเล็กๆ ที่ขยำชายเสื้อไว้ มันบอกให้รู้ว่า เขาคิดถูกแล้วที่ยังนั่งรออยู่ตรงนี้...
"กลับมาแล้วเหรอ..." เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับสายตาที่สื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าพร้อมเข้าใจ
เจ้าของริมฝีปากอิ่มยิ้มตอบขณะที่ก้าวเข้ามาหาคนตัวโตที่นั่งอยู่ที่โซฟา และอ้าแขนรอรับร่างเล็กที่กระโจนเข้าใส่ด้วยรอยยิ้ม
"รอนานไหม" ร่างเล็กผละจากอ้อมกอดเอ่ยถามคำถามด้วยท่าทางน่ารักจนอีกฝ่ายแอบหลุดยิ้มออกมา
เอียงคอถาม สองมือก็ประคองไปหน้าเขาไว้เหมือนเด็กเล็กๆ ไม่มีผิด
"เหมือนนั่งรอมาตลอดชีวิตเลย..." คนขี้น้อยใจตอบพลางกรอกตาใส่ แต่ดูก็รู้ว่าแกล้ง
"เว่อร์อีกละ"
แซวกลับพลางหัวเราะออกมาด้วยความรู้สึกที่โล่งใจ ทั้งที่กลัวว่ากลับมาจะไม่เจอแล้วหรือร้ายกว่านั้นก็คงทะเลาะกัน
แต่โชคดีเหลือเกินที่อีกฝ่ายังให้โอกาสและรอให้เขากลับมาอธิบาย...
ริมฝีปากอิ่มกดจูบแก้มสากที่ตอนนี้เริ่มมีไรหนวดเขียวขึ้นก่อนจะผละออกมาส่งยิ้มหวานพลางเรียกชื่อคนรัก
"บี..."
"จ๋า"
เจ้าของชื่อตอบรับและสบตากับอีกฝ่ายด้วยความหวังเล็กๆ ว่าอาจจะได้โบนัสเป็นการง้อ
แต่จินตภัทร ก็คือจินตภัทร....
"กลับห้องได้แล้ว จีนจะเขียนงานต่อ"
"จ้ะ....." =____=;;
...............TBC.............
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นี่ก็แอบคิดเล่นๆตั้งแต่อ่านตอนแรกๆว่าพี่เบญจ์น่าจะเป็นอิมเมจยองแจ B.A.P เพราะอ่านเรื่องส้มจีนกับพี่อิมมา แอบชอบพี่ยูอยู่หน่อยๆ อิอิ และก็เป็น ยูยองแจ จริงๆด้วยย
เดี๋ยวค่อยมาใหม่ 5555