ตอนที่ 21 : 20 : เรื่องระหว่างเรา
20
เรื่องระหว่างเรา
"กินเยอะนะเนี่ย" เสียงแซวของคนที่เป็นเจ้ามือเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวราดหน้าว่าพลางมองจานที่สองที่กำลังถูกนำมาเสิร์ฟให้ร่างบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"อร่อยดีอะ ไม่เคยกิน ทำไมเขาเปิดดึกอะ"
"ร้านนี้เปิดเฉพาะกลางคืน เวลาบีเลิกงานก็มากินก่อนกลับประจำ เขาขายให้คนที่กลับดึกๆ ไง" พูดไปมือหนาก็ตักหมูชิ้นในจานตัวเองใส่จานของคนกินเก่ง เขาไม่ค่อยชอบกินหมูเท่าไหร่ ปกติสั่งมาก็เหลือทิ้งประจำแต่ไม่ใส่ก็เหมือนขาดอะไรไป
"งื้อ ดีอะ เดี๋ยวมากินบ่อยๆ"
"ชอบกินอะไรซ้ำๆ เหรอ วันหลังก็พาไปร้านอื่นไง"
"ยังชอบอยู่ก็อยากกินอยู่อะ มีช่วงนึงชอบกินข้าวผัดไข่เซเว่นก็กินอยู่เป็นอาทิตย์ เวลาชอบอะไรไม่ค่อยเปลี่ยนง่ายๆ หรอก เป็นงี้ตลอด" จินตภัทรอธิบายเรื่องของตัวเองให้ฟังด้วยความไม่คิดอะไร เพราะเขาก็เป็นคนแบบนั้นจริงๆ ถ้าลองว่าชอบก็จะทำซ้ำๆอยู่แบบนั้น เหมือนเสื้อผ้า ถ้าชอบแบบนี้ก็จะใส่แต่แบบนี้ซ้ำๆ
"งั้นจีนก็ชอบบีไปอีกนานๆ เลยนะ เหมือนที่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าอะ"
น้ำเสียงที่ไม่ได้ล้อเล่นหรือพูดแซวของอีกฝ่ายทำเอาช้อนที่กำลังจะตักใส่ปากค้างอยู่กลางอากาศ ดวงตารีกะพริบตาปริบๆ มองจนอีกฝ่ายต้องเบือนหน้านีไปเพราะเริ่มอายที่ตัวเองพูดจาเหมือนหลุดมาจากนิยายแจ่มใส...
"มันก็มากไปป้ะ"
น้ำเสียงของจินตภัทรที่เอ่ยทำเอาคนฟังอยากวิ่งหนีไปไกลๆ
ทั้งที่คำตอบของจินตภัทรไม่ใช่คำพูดร้ายแรงอะไร แต่จอมพลกลับรู้สึกหัวใจห่อเหี่ยวไปหมด
ได้แต่มองมือเล็กๆที่รวบช้อนส้อมแล้วหยิบแก้วน้ำไปดูจนมีเสียงครอกกกก ฟังแล้วชวนหงุดหงิดนิดๆคล้ายจะเยาะเย้ยกัน
ความรู้สึกมันตีรวนไปหมด โกรธตัวเองที่พูดโง่ๆ และคาดหวังอะไรบ้าๆ โกรธที่จินตภัทรทำเหมือนเขาพูดเรื่องไร้สาระออกมา
"ใครมันจะไปกินราดหน้าตลอดชีวิตกัน จะเปรียบเทียบอะไรนึกถึงความจริงหน่อยสิ"
สีหน้าของคนฟังยามที่เงยหน้าขึ้นมองอย่างเหวอๆ คำพูดของจินตภัทรตอนนี้อาจจะฟังแล้วงงๆ แต่จับใจความได้ว่ามันคงจะดีแหละ
"หมายถึงอะไรนะ" คนที่ยังเบลอๆถามกลับไป พอถามปั๊บก็โดนถอนหายใจใส่ทันที
"เซ็งเลย เก็บตังค์ป้ะ อยากกลับละ คืนนี้บีไปทำงานรึเปล่า"
"อ่อ ไม่ วันนี้ที่ร้านมีเหมาจัดเลี้ยง"
จินตภัทรพยักหน้ารับรู้และหันไปจ่ายเงินเพราะจินตภัทรบอกว่าชดเชยที่จอมพลจ่ายค่าของเซเว่นให้วันก่อน สายตาของคนที่คิดอะไรตามไม่ค่อยทันยังคงมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเศร้าๆ มันไม่ผิดหรอกที่จินตภัทรจะเซ็ง เพราะมันคงเป็นมุขอะไรสักอย่าง ที่เขาคิดตามไม่ทันเอง
ในเรื่องราวของความรักบางครั้งต่างฝ่ายก็ต้องปรับตัว และใช้ความอดทนค่อนข้างมากในการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันให้ได้ สำหรับจอมพลแล้วมันคือการพยายามคิดตามคำพูดจินตภัทรให้ทัน และควบคุมอารมณ์เกรี้ยวกราดและหยาบคายให้มากกว่านี้
แต่สำหรับจินตภัทรสิ่งที่ยากกับการคบกับชาวร็อกก็คงเป็นเรื่องความขี้น้อยใจของอีกฝ่าย...
ผู้ชายตัวโตๆ สูงร้อยแปดสิบ กับหน้าตาบูดๆ ไม่พูดไม่จา และเดินเหมือนจะตายกลางทาง เพราะคำพูดที่จินตภัทรคิดว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลย ก็แค่แอบเหน็บว่าเซ็งที่จอมพลคิดตามมุขไม่ทัน แต่แทนที่จะขำ ก็ดันงอนกันซะอย่างนั้น
"ปวดอึเหรอ" จินตภัทรแกล้งแซวขณะที่อยู่ในลิฟต์ด้วยกัน แต่อีกฝ่ายก็ยังเก๊กหน้านิ่งถามคำตอบคำ
"เปล่า"
"ทำหน้าเหมือนปวดอึ"
"..."
สุดท้ายจอมพลก็เงียบจนมาถึงหน้าห้อง จินตภัทรได้แต่ลอบถอนใจและคิดว่าช่างมันเถอะ มือเรียวแตะคีย์การ์ดห้องตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับยังยืนอยู่ข้างหลังไม่ขยับไปไหนจนร่างบางต้องหันกลับมามองและในวินาทีนั้นก็นึกถึงสิ่งที่จะอาจจะทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้ขึ้นมา
"ใจคอจะส่งแฟนแค่หน้าห้องเหรอ"
ก็เป็นไปตามคาด คนที่เดินเก๊กหน้านิ่งมาตลอดทางก็หลุดยิ้มออกมาทันที เรื่องที่งอนกันเมื่อครู่ก็ถูกลืมไปทันที
"ส่งขึ้นเตียงได้ป้ะละ"
เสียงทุ้มกระซิบพลางก้มลงมาคลอเคลียปลายจมูกโด่งกับแก้มใส จินตภัทรมองสบตาอีกฝ่ายแล้วยิ้มตอบด้วยความรู้สึกที่แอบขำอยู่ลึกๆ ว่าคนลามกนี่มันง้อง่ายจริงๆ อาจจะเปลืองตัวหน่อยแต่ก็ดีกว่าโกรธกันข้ามวัน ร่างบางคิดในใจพลางขยับเงยหน้าขึ้นกดจูบเบาๆ ที่ปลายคางสาก พร้อมคำตอบที่ทำให้คนฟังใจเต้นแรง
"โอเค ดีล"
...................
"ง่วงจะแย่ คิดว่าจะอยู่ตรงนั้นไปจนเช้าละ"
อนิลบ่นออกมาทันทีที่เดินกลับมาจากห้องน้ำ คนฟังได้แต่อมยิ้มมองร่างบางที่เดินสวมฮู้ดสีแดงน่ารักเข้ามาหา
"ปกติที่บ้านไม่มีใครอยู่เหรอ" กวินมองคนที่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แล้วเริ่มสัมภาษณ์ชีวิตส่วนตัวอีกฝ่าย
"อื้ม ป๊าม้าชอบไปดูงานต่างประเทศอะ เราเลยอยู่เฝ้าบ้าน"
"บ่อยป้ะ"
"ก็อาทิตย์นี้ยังไม่กลับเลยอะ น่าจะไปเป็นช่วงๆ นะ" อนิลพูดพลางคิดตามไปด้วย จริงๆ พ่อแม่ก็ไม่ค่อยอยู่บ้านเลยตั้งแต่อนิลเรียนจบและย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน
"งั้นแบบนี้อยู่บ้านคนเดียวตลอดดิ"
ความรู้สึกยามที่สบตากันหลังจากฟังคำถามเหมือนรู้กันอยู่ลึกๆว่าอีกฝ่ายจะสื่ออะไร สายตาที่กวินมองมามันทำให้เขินจนต้องหลบตาไป
"อ่า..ก็ใช่"
ใบหน้าสวยก้มลงมองมือตัวเองเขินๆ ในขณะที่อีกฝ่ายนั่งเท้าแขนกับพนักพิงโซฟาแล้วมองยิ้มๆ
อนิลคิดว่าผู้ชายที่ปากว่ามือถึงอาจจะทำให้วางตัวง่ายกว่านี้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมานั่งเขินจนหน้าจะไหม้แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ เอาเข้าจริงมานั่งนับๆ ดู ก็เพิ่งมีคนตรงหน้านี่แหละที่ทำให้เขินทั้งที่แค่นั่งมองหน้ากัน ส่วนคนอื่นกระโดดเข้าใส่จนเตียงแทบถล่มยังรู้สึกเฉยๆ
"แล้วทำไมวันนี้แจ็คไม่ไปทำงานอะ"
ร่างบางพยายามหาเรื่องชวนคุยแก้เขินเพราะอีกฝ่ายเอาแต่นั่งมองเฉยๆ
จบคำถามมืออุ่นก็เอื้อมมาลูบแก้มนุ่มนิ่มพลางตอบด้วยรอยยิ้ม
"วันนี้อยากอยู่กับแฟนครับ"
ริมฝีปากอิ่มสวยเม้มเข้าหากันอย่างขัดเขิน ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะขยับเข้ามาใกล้และกดจูบลงที่หน้าผากเนียนแผ่วเบาและผละออกมาเอ่ยถ้อยคำอันแสนหวานให้คนฟังหน้าแดง
"ฝันดีนะครับ"
คนฟังพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะลุกจากโซฟา มือของอีกฝ่ายจับมือเรียวเอาไว้ประสานนิ้วมือเข้าหากันขณะที่สบตากันเขินๆ ร่างบางเหลือบมองแล้วยิ้มให้ก่อนที่มือของทั้งคู่จะปล่อยจากกัน
ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าเอ่ยปากให้อีกฝ่ายมานอนด้วยกัน เพราะสุดท้ายแล้วกวินก็นอนอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก ในขณะที่เขาเดินขึ้นไปนอนห้องตัวเองที่อยู่ชั้นสอง
ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ตั้งแต่รู้จักรัก รู้จักคบกับใครต่อใครมา กวินน่าจะเป็นคนแรกที่ไม่ได้เอ่ยปากขอนอนกับอนิลทั้งที่คบกันแล้ว และเป็นคนแรกที่เข้ามาที่บ้านอนิลทั้งที่ตลอดมาเขาไม่เคยพาใครเข้ามาเลยนอกจากเพื่อนสนิทอย่างจินตภัทร
แม้ว่าความสัมพันธ์ทางกายจะเป็นไปอย่างช้าๆ หากเทียบกับคนอื่นที่เคยผ่านเข้ามา แต่อนิลกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจและมีความสุขมากจนลืมไปว่าก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าเซ็กซ์มันมีความสำคัญมากเมื่อคบกับใครสักคน กวินคือคนแรกทำให้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญเท่ากับ 'ความสุข' ในทุกขณะที่สบตากันและได้อยู่ใกล้ๆ กัน
...................
"อื้อ แรงหน่อย"
"ตรงนี้เหรอ"
"อืม อ๊ะ มันตึงๆ อะ"
"แบบนี้ดีไหม"
"อืม ดี เออตรงนั้นแหละ บีแรงๆ หน่อย"
"นวดแรงกว่านี้ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวช้ำพอดี"
เสียงของคนตัวโตกว่าบอกพลางนวดต้นคอขาวที่โผล่พ้นเสื้อยืดคอกว้าง ขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่บนเตียงโดยมีร่างบางนั่งซ้อนตักแล้วมีโน้ตบุ๊กอยู่บนตักตัวเองอีกที
ทั้งที่บอกว่าจะมาส่งถึงเตียงแต่ความคาดหวังที่จะได้ ทำ อะไรอย่างที่คิดก็ดับไปเหมือนจุดไฟใต้ฝักบัวอาบน้ำ เพราะทัทีที่เดินเข้าห้องมาจู่ๆ จินตภัทรก็นึกอะไรได้ขึ้นมาแล้ววิ่งไปคว้าโน้ตบุ๊ก ก่อนจะหันมาสั่งให้คนตัวโตเงียบเพราะเดี๋ยวจะลืม
เพราะตกลงกันแล้วว่าถ้าจะคบกันก็ต้องอยู่ในกติกา จอมพลต้องทำตัวเงียบๆ แม้แต่หายใจแรงก็ไม่ได้ เพราะในช่วงเวลาเกือบห้าทุ่ม สมองของนักเขียนชื่อดังก็จินตนาการบรรเจิดและคิดอะไรได้ขึ้นมา มือเรียวพิมพ์ตัวหนังสือเป็นร้อยเป็นพันคำภายในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น จอมพลต้องนั่งอยู่ห่างๆ เล่นโทรศัพท์เงียบๆ จนกระทั่งจินตภัทรเงยหน้าขึ้นมาบอกว่าเขียนเสร็จแล้ว
แต่พอเดินมาหาที่เตียงก็ได้ยินเสียงบ่นโอดโอยว่าปวดต้นคอ จากชาวร็อกก็กลายสภาพเป็นหมอนวดขึ้นมาในตอนนั้นเอง เพราะจินตภัทรตัวเล็กกว่ากันมาก เลยขยับมานั่งบนตักอีกฝ่ายแล้วนั่งเช็กเรตติ้งหนังสือ พร้อมกับที่คอยสั่งหมอนวดว่าแรงตรงนั้นอีกนิดตรงนี้อีกหน่อย หมอนวดที่อยากจะเป็น หมอนาบ ก็ทำได้แค่หาเศษหาเลยกับบั้นท้ายนุ่มนิ่มที่นั่งอยู่บนตัก ทั้งที่ใจอยากจะก้มลงไปกัดคอขาวๆ สักทีก็ทำได้แค่ลอบถอนหายใจเบาๆ
"พล็อตผ่านละ ขี้เกียจทำรีเสิร์ชมาก แต่ทีมรีเสิร์ชของสำนักพิมพ์ก็ส่งเอกสารอ้างอิงช้าจัง" เสียงงอแงบ่นถึงงานตัวเองให้ฟังก่อนจะเอนกายลงในอ้อมกอดของอีกฝ่าย
"แล้วนี่เขียนอะไรอะ"
"เรื่องนี้เป็นแนวผู้ชายกับผู้ชาย เราไม่เคยเขียนอะ แต่เขาบอกว่าให้ลองเขียนแต่มันติดปัญหาที่เราเขียนคาแรกเตอร์ให้พระเอกเป็นดีเจคลื่นวิทยุ โลเคชั่นทุกอย่างมันอยู่กับห้องจัดรายการหมด แต่ไม่รู้จะไปหารีเสิร์ชจากไหน จะมโนเอาเองมันก็ไม่ได้"
ฟังที่จินตภัทรเล่าให้ฟังแล้วก็คิดตาม จริงๆ มันก็เกี่ยวกับสายอาชีพที่จอมพลเคยไปฝึกงานอยู่พักหนึ่งแต่ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฝั่งงานคลื่นวิทยุ แต่เห็นผ่านๆ เวลานัดไปซ้อมวงที่ตึก และรู้จักคนในนั้นไม่น้อย ก่อนที่เขาจำถอนตัวออกจากวงที่เคยเล่นอยู่สมัยเรียนจบใหม่ๆ
"อยากเข้าไปดูเหรอ"
"อืม แต่เดี๋ยวนี้เขามีไลฟ์ออกมาจากห้องส่ง แต่ก็ยังมองไม่ออกอยู่ดีว่าดีเจเขาต้องทำอะไรมั่งอะ ไม่เป็นไรอะถ้ามันยากเดี๋ยวเราเปลี่ยน..." จินตภัทรพูดพลางไปศีรษะกลมไปมากับอกกว้างพลางทำปากยื่นเซ็งตัวเอง
"เดี๋ยวพาเข้าไป รู้จักคนในนั้นอยู่ แค่ไปนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้วุ่นวายอะไรน่าจะได้อยู่"
"จริงอะ" ดวงตารีเบิกกว้างขณะหันกลับมาจ้องหน้าแฟนตัวโตที่ทำให้เซอร์ไพรซ์มากกับความช่วยเหลือที่เกินคาด
"นี่เป็นคนพูดจาเชื่อถือไม่ได้เหรอ" คิ้วหนาขมวดเข้าหากันกับคำถามอีกฝ่าย
"เฮ้ย เจ๋งอะ" จินตภัทรยิ้มกว้างอย่างมีความสุขขณะที่สองแขนคล้องคออีกฝ่ายไว้
"ไหนรางวัลอะ" จอมพลหรี่ตามองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของร่างบาง เขาชอบเวลาจินตภัทรยิ้ม มันน่ารักมากจริงๆ
"เอาไว้พาเข้าไปก่อนแล้วจะให้" คนน่ารักบอกพลางย่นจมูกใส่ แต่ก็โดนต่อรองกลับมาอยู่ดี
มือหนาเอื้อมไปหยิบโน้ตบุ๊กของจินตภัทรออกวางที่หัวเตียงก่อนจะยื่นข้อเสนอที่อีกฝ่ายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธแล้ว...
"งั้นขอมัดจำไว้ก่อน..."
ริมฝีปากอิ่มสวยถูกทาบทับด้วยริมฝีปากหยักที่ดูดดุนสอดลิ้นหนาเข้ามาในโพรงปากเล็ก พร้อมกับฝ่ามืออุ่นสอดลอดใต้เสื้อยืดตัวบางลูบไล้ผิวนุ่มนิ่มใต้ร่มผ้าอย่างหลงใหล จินตภัทรไม่ได้ปัดป้องหรือถอยหนี เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำอะไรไปมากกว่าที่เคยทำแน่นอนหากไม่ได้รับอนุญาต แว่นตากรอบดำถูกถอดและหย่อนลงข้างเตียง ขณะที่กายบางตกอยู่ใต้ร่างของอีกฝ่าย สองแขนกอดคอคนตัวโตไว้ หลังจากที่ผละริมฝีปากออกมา ทั้งสองก็นอนกอดกันไว้อย่างนั้น จอมพลกดจมูกโด่งหอมซอกคอขาวซ้ำไปซ้ำมา ขณะที่ริมฝีปากอิ่มสวยของคนใต้ร่างกดจูบขบเม้มผิวที่ต้นคอของจอมพลจนเป็นรอยแดง
เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากที่ดูดดุนอยู่ที่ผิวเนื้อต้นคอตัวเอง จอมพลก็ผละออกมาอย่างตกใจมองใบหน้าของแฟนตัวเล็กที่หัวเราะร่วนหลังจากแต้มคิสมาร์กไว้ที่ต้นคอเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว สบตากับเพียงครู่ คำพูดที่จอมพลไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยินก็ถูกเอ่ยออกมา
"คนนี้ จอง แล้ว"
เสียงน่ารักที่เอ่ยทีละคำช้าๆ พร้อมกับนิ้วที่จิ้มลงที่รอยตรงต้นคออีกฝ่ายเรียกเสียงหัวเราะและความรู้สึกมันเขี้ยวจนคนฟังต้องก้มลงไปฟัดแก้มใสอีกรอบ
...................
ทั้งที่นอนอยู่ห้องนอนห้องเดิม บ้านหลังเดิม แต่ความรู้สึกตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิม ทั้งหัวใจและความคิดกลับถูกทิ้งเอาไว้ที่ชั้นล่าง หวนคำนึงถึงคนที่แสนดีที่เพิ่งบอกฝันดีกันเมื่อยี่สิบนาทีที่ผ่านมา
กวินหลับรึยังนะ...
ชวนขึ้นมานอนด้วยกันดีไหม
ข้างล่างยุงเยอะรึเปล่า
จะนอนหลับสบายไหมนะ โซฟาตรงนั้นนอนแล้วปวดหลังแน่เลย
ความวิตกกังวลทุกอย่างทำให้สุดท้ายก็เดินกอดตุ๊กตาไก่สีเหลืองลงมาแอบดูอีกฝ่าย ไฟด้านล่างปิดมืดเหลือเพียงโคมไฟเล็กๆ เหนือบันได ร่างหนานอนหลับสนิทอยู่ที่เดิม แขนข้างหนึ่งก่ายศีรษะไว้ สองขานำพาร่างบางให้มาหยุดอยู่ข้างโซฟา อนิลค่อยๆ นั่งยองๆ แล้วมองใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็รู้สึกเหมือนว่าหลุดออกมาจากเทพนิยาย เรียวคิ้วหนา ดาวตากลมโต จมูกโด่งสวย และริมฝีปากรูปกระจับที่เห็นแล้วพานคิดถึงช่วงเวลาที่ได้สัมผัสกับรสจูบที่ชวนให้เพ้อ
อยากจูบอีกจัง...
อนิลได้แต่คิดในใจขณะที่สายตายังจับจ้องอย่ที่ริมฝีปากอีกฝ่าย ใบหน้าสวยขยับเข้าไปใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ราวกับแมลงตัวน้อยๆ ที่ถูกดึงดูดด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันขณะที่ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จู่ๆ เสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นจนผงะถอยออกมา
"ห้อย นอนเฉยๆ ได้ป้ะวะ..."
ดวงตากลมโตเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน ขณะที่อีกฝ่ายลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจเพราะเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้อยู่บ้านตัวเอง
ร่างหนาลุกขึ้นมานั่งหน้าตาตื่นราวกับคนมีความผิด ยิ่งเห็นสีหน้าของอนิล มือทั้งสองข้างก็ชื้นเหงื่อไปหมด
"แบมนี่เป็นน้องสาวจริงเหรอ"
"..."
"น้องสาวเรียนมหา’ลัยแล้วทำไมยังนอนด้วยกันอะ"
"..." ไร้คำตอบใดๆ มีเพียงปฏิกิริยาที่ทำให้หัวใจสลาย
คนถูกถามเบือนหน้าหนีหลบตาไปจนอนิลหมดความอดทน
"ตอบมาสิ!" ร่างบางลุกขึ้นตวาดใส่ก่อนที่ตุ๊กตาลูกไก่ในมือจะถูกปาอัดคนที่นั่งเงียบอย่างแรง
เมื่อไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา อนิลก็เดินกระแทกเท้าไปเปิดประตูบ้านก่อนจะเอ่ยปากไล่อีกฝ่าย
"ออกไป"
ไม่มีคำแก้ตัว ไม่มีแม้แต่ท่าทางที่ต้องการจะอธิบายอะไร กวินเดินผ่านออกไปเงียบๆ และหลังจากที่เสียงรถถอยผ่านประตูรั้วอัตโนมัติไป ร่างบ้างก็ทิ้งตัวลงแล้วร้องไห้โฮราวกับใจสลาย
..........TBC.........
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำไมแจ็คไม่ปฏิเสธ?? นี่คิดนะเว้ยยย
เอ้าพี่กวินคนดีพ่อเทพบุตรของหนู ทำไมพี่ไม่ตอบไปละคะว่าแค่น้อง พี่เงียบทำไม ฮรึกก พี่เค้าคงมีเหตุผลดีๆแหละ(รึเปล่านะ)
แต่สุดท้ายดราม่าเฉย
แบมแกยังไฝเนี่ย
ส่วนคู่หลัก รอขึ้นเตียงคะ อิอิ
-บีน่ารัก แฟนไม่ให้ทำมากกว่านี้ก็เชื่อฟังอย่างดี หาเศษหาเลยก็ได้ ฮ่าๆๆ ชอบค่ามัดจำเขินแทน^^