ตอนที่ 115 : EP.49 Life Goes On
Upside Down
Welcome To The Upside Down
EP.49 life goes on (ชีวิตต้องดำเนินต่อไป)
"ควรกินอะไรสักหน่อยไหม? ไม่ได้สละเลือดช่วยมาให้นอนอดอาหารจนตายนะ"
เสียงบ่นพร้อมกับเสียงช้อนที่วางลงในถ้วยอาหารไม่ได้เรียกสายตาของคนป่วยให้กลับไม่มองแม้แต่น้อย ดวงตากลมโตมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าสายตาของกวินโฟกัสไปที่ใด แต่มันก็สร้างความหงุดหงิดให้ยลรดาไม่น้อย หญิงสาวไม่คิดเลยว่าวันเวลาจะเปลี่ยนให้ผู้ชายที่เคยดูดีในสายตาเธอและเป็นสุภาพบุรุษที่สุดเท่าที่เธอเคยรู้จักตอนนี้กลายเป็นผู้ชายงอแงคนหนึ่งที่ไม่ยอมกิน ไม่ยอมมองหน้าเธอ ไม่พูดด้วย ไม่ยอมทำอะไรเลย...นอกจากมองออกไปนอกหน้าต่าง
"ทำไม? จะอดอาหารประท้วงเหรอ?" ยลรดาเริ่มยิ้มขำออกมาเมื่อมองเสี้ยวหน้าที่ตั้งใจหันหนีเหมือนเด็กๆ ของกวิน ซึ่งเป็นมุมที่เธอไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเหมือนกัน
"ถ้าแจนต้องการจะให้แจ็คอยู่คนเดียว ก็ทิ้งแจ็คไว้คนเดียวเถอะ"
"ยังฉลาดเหมือนเดิมนี่ รู้แบบนี้เลยไม่พูดถึงเอินเลยสินะ..." หญิงสาวตั้งใจพูดด้วยน้ำเสียงเป็นเชิงหยอกนิดๆ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ขอบเตียง มือเรียวสวยเอื้อมไปแตะใบหน้าของกวินอีกฝ่ายเบี่ยงหลบและขมวดคิ้วใส่อย่างไม่พอใจ แต่กลับสร้างรอยยิ้มให้ยลรดามากกว่าจะมีโทสะ
"ตอนคบกันไม่ทำตัวแบบนี้บ้าง จะได้รู้ว่าเป็นผู้งอแงขนาดนี้" ยลรดาอมยิ้มและวางมือแนบที่แก้มซ้ายของกวิน ชายหนุ่มไม่สามารถเบี่ยงหลบได้อีกเพราะร่างกายที่ยังบอบช้ำอยู่มาก มีเพียงเสียงถอนหายใจที่ตอบกลับมา
"คบกับใครก็ทำให้เขากลายเป็นผู้ร้าย เป็นตัวร้าย เป็นคนที่ต้องทำผิดทำชั่วแทนตัวเอง เพราะอะไรรู้ไหมแจ็ค? เพราะเธอเอาแต่ขี้ขลาดอยู่แบบนี้ไง อย่าว่าแต่เรื่องพี่ชายเลย แค่หน้าที่การงานตัวเองก็ยังต้องพึ่งใบบุญเพื่อนทำงานเพราะใช้ชีวิตอยู่กับใครเขาไม่ได้ ที่ผ่านมาทำอะไรบ้างนอกจากเลี้ยงหลานกับดูแลคิวงานเพื่อนก๊อกๆ แก๊กๆ ทำงานตามสั่งพี่ชายไม่มีปัญญาจะออกไปทำมาหากินเองจบสถาปัตฯมาก็มีค่าแค่เอาใบปริญญามาแปะข้างฝา โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ยังมีคนมารัก เอินจะรู้ไหมว่าคนที่ตัวเองรักมันเฮงซวยแค่ไหน?"
"แล้วแจนล่ะ รู้แล้วทำไมยังไม่ไปอีก?"
"ก็...เราศีลเสมอกันไง ไม่คิดบ้างรึไงว่าทำไมสุดท้ายแล้วทำไมฉันถึงต้องมาเสียสละเจ็บเนื้อเจ็บตัวให้คนอย่างเธอด้วย"
ยลรดายิ้มน้อยๆ ขณะที่ก้มลงหาอีกฝ่าย ใบหน้าสวยอยู่ห่างอดีตแฟนหนุ่มเพียงแค่ลมหายใจกั้น เส้นผมยาวสลวยคลอเคลียอยู่ที่แผ่นอกกว้าง ทั้งสองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างรู้คำตอบนั้นดี สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างดำเนินมาถึงจุดนี้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าคนอย่างยลรดายิ่งใช้อารมณ์และโทสะเข้าสู้ก็คงไม่มีวันชนะ มันจะยิ่งต่อยอดให้หญิงสาวทำเรื่องร้ายๆ มากขึ้น เหมือนกับที่เธอบอกเขา เพราะเขาที่เป้นต้นเหตุให้คนรอบข้างต้อง "ร้าย"
ชายหนุ่มมองใบหน้าของคนรักเก่าด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เขารู้ว่าเธอทำลงไปเพราะรักเขา ความรักของเธอไม่ผิดแม้แต่น้อย แต่เขาไม่สามารถจะตอบแทนเธอได้จริงๆ
"แจ็ครักแจนนะ...อย่างน้อยแจ็คก็เคยรักแจนอย่างจริงใจ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ สำหรับเราทั้งคู่ แต่แจ็คยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี เวลาที่เราเดินเคียงข้างกันมือของเราประสานเข้าหากันตลอดเวลา เหมือนว่าเราทั้งคู่ไม่เคยคิดถึงวันที่จะต้องปล่อยมือจากกัน ตอนนั้นแจนรู้ดีว่าแจ็คกำลังเสียใจเรื่องพิมพ์ แจนก็ยังอยากคบกับแจ็ค ตลอดเวลาที่แจ็คมีแจนเป็นแฟน แจ็คอาจจะทำตัวไม่ดี ไม่เป็นไปอย่างที่แจนต้องการในหลายๆ เรื่อง แจ็คพยายามจะเป็นคนรักที่ดีเป็นผู้ชายที่ดีพอสำหรับแจนตลอดเวลาที่เราคบกัน
แต่ถ้าวันนี้แจ็คทำมันไม่ได้อีกแล้ว แจ็คไม่สามารถรักแจนได้อีกแล้ว..ถ้าแจนจะโกรธแล้วอยากจะทวงสิ่งที่แจนมอบให้กับแจ็คคืน แจนเอามันคืนไปได้เลย..ปล่อยให้แจ็คตายอยู่ตรงนี้ ตายไปพร้อมกับหัวใจที่แจ็คจะยังเก็บเอินไว้ในนี้ตลอดไป"
มันเจ็บปวด เจ็บมากจนร้องไห้ไม่ออก สำหรับยลรดาแล้วเธอไม่ได้เสียใจที่อีกฝ่ายไม่ได้รักเธออีกต่อไป แต่เจ็บที่กวินยอมตายเพียงเพื่อเก็บรักษาหัวใจของตัวเองไว้ให้คนอื่น แม้จะรู้ดีว่าตัวเองอาจจะไม่มีทางได้พบกับอนิลอีกก็ได้ แต่หัวใจของกวินก็ยังคงมีอนิลเป็นนเจ้าของตลอดไป
มือหนายกขึ้นอย่างยากลำบากเพราะบาดแผลที่สีข้างโน้มใบหน้าสวยของหญิงสาวขยับลงมาประทับริมฝีปากหยักกดจูบแผ่วเบา ยลรดาจูบตอบเช่นกัน
ทั้งคู่ต่างซึมซับเอาความรู้สึกสุดท้าย ความทรงจะที่เคยรักกัน สิ่งที่จางหายไปเนิ่นนานค่อยๆ ย้อนกลับมาในความทรงจำ ทุกครั้งที่ริมฝีปากขยับบดเบียดกัน ใบหน้าของชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงน้ำตาอุ่นที่หยดลงมาบนแก้ม ก่อนที่ใบหน้าสวยจะผละออก หญิงสาวดวงตาแดงก่ำ ริมฝีปากแดงจัดเม้มเข้าหากัน
"ไม่ต้องลงทุนขนาดนี้ฉันก็จะไปอยู่แล้วปะ.." หญิงสาวลุกขึ้นพลางยกมือปาดน้ำตาทิ้งไป
เธอจะต้องเข้มแข็ง เธอบอกกับตัวเองแบบนั้น
จนกระทั่งมืออุ่นๆ ของอีกฝ่ายจับมือของเธอเอาไว้ ค่อยๆ สอดประสานนิ้วมือเข้าหากัน
เหมือนวันที่พวกเขารักกัน ...เหมือนวันที่เธอเคยมีเขาเป็นทุกอย่างชีวิต
ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตากลับไปมองใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง
ผู้ชายคนเดียวที่ทำให้เธอเป็นเดือดเป็นร้อนใจ แม้จะเป็นวันที่ "ไม่ได้รักกัน" อีกต่อไปแล้ว
"ฉันน่าจะปล่อยให้เธอตาย..." หญิงสาวตัดพ้อทั้งน้ำตา ขณะที่ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ด้วยความรู้สึกทีเห็นอกเห็นใจ
"วันนึงแจนจะพบกับผู้ชายที่พร้อมจะรักและดูแลแจนได้ดีกว่าแจ็ค แล้วพอถึงวันนั้น แจนจะลืมแจ็คได้เอง"
จะลืมยังไง? จะลืมได้ยังไง? พูดนปลอบใจน่ะมันง่าย
ยลรดาคิดก่อนจะค่อยๆ ดึงมือตัวเองออก หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียงอีก
กวินปล่อยให้น้ำตาของตัวเองค่อยๆ เหือดแห้งไปอย่างช้าๆ ปล่อยให้ตัวเองได้มีเวลาทบทวนคำพูดของแฟนเก่า
มันเป็นความจริงที่พูดตรงกันจนน่าตกใจ อนิลเองก็เคยพูดกับเขาแบบนั้น เป็นเขาเองที่ทำให้คนรอบข้างกลายเป็นคนเลว และดูแย่ในสายตาคนอื่นเพียงเพราะเขาไม่เคยสู้ ไม่เคยพยายามทำอะไรเพื่อตัวเอง เอาคนอื่นมาเป็นข้ออ้างเสมอ
คนที่เอาแต่กลัว สุดท้ายก็ควรจะต้องอยู่คนเดียว
คนแบบเขาก็สมควรแล้วที่ต้องเจอจุดจบแบบนี้
...............
"ทางฝั่งนั้นจะถอนแจ้งความทุกข้อกล่าวหาแต่โดยดีครับ ทั้งคดีทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว แต่ทางทนายคุณกวีแจ้งมาว่าทั้งนี้ทุกอย่างเขาจะดำเนินการให้เมื่อทางเราทำตามเงื่อนไขที่ทางลูกความของเขาร้องขอครับ"
"ถ้าจะเรียกเงินชดเชยทางเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนัก เขาเรียกมาเท่าไหร่?"
"เปล่าครับ ทางทนายของคุณกวีแจ้งว่า.." ทนายหนุ่มเหลือบมองร่างผอมบางที่นั่งข้างคนเป็นพ่ออย่างประหม่าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
"เขาแจ้งว่าอยากให้คุณอนิลเลิกเข้ายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเขาครับ รวมทั้งให้หยุดติดต่อกับคุณกวินน้องชายของคุณกวีด้วย"
"นี่มันมากเกินไปนะ ลูกชายผมไม่ใช่พวกโรคจิตที่จะ..."
"พ่อ ไม่เป็นไร..." มือเรียวแตะแขนผู้เป็นพ่อ สายตาของอนิลมองกลับมาทางทนายหนุ่มและพยักหน้าพร้อมตอบรับ
"ครับ ผมจะทำตามที่เขาต้องการ เขาเซ็นสัญญาแล้วใช่ไหมครับว่าจะไม่ให้ข่าวกับสื่อใดทั้งสิ้น"
"ใช่ครับ ทางคุณฝนทิพย์เซ็นเอกสารกลับมาแล้วและตอนนี้ไม่มีสื่อช่องไหนทำข่าวเกี่ยวกับคุณอนิลแล้วครับ"
ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ถูกดำเนินคดีทำร้ายร่างกาย...
ข่าวที่เตรียมจะออกเที่ยงวันนี้ ถูกลบทิ้งจากคิวเสนอข่าวทุกสื่อ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำสัญญากับทางฝั่งนั้นพ่อเขาก็มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้ความผิดของเขาหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ต่อไปนี้เขาควรจะต้องรับผิดชอบทุกสิ่งด้วยตัวเอง เลิกทำตัวเป็นเด็กที่เอาแต่ใจและทำให้พ่อแม่เดือดร้อนเพียงเพราะเขาไม่สนใจชีวิตคนอื่น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับกวินทำให้อนิลรู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดมหันต์ แม้จะโชคดีที่ยลรดาเข้ามาช่วยบริจาคเลือดให้กวินได้ทันเวลา แต่ที่กวินเกือบตายก็เพราะเขา
เขายังจำได้ดี วินาทีที่แฟนของเขาพุ่งตัวเข้ามาผลักเขาออก กวินล้มลงตรงหน้าเขาและถูกพี่ชายตัวเองแทงซ้ำๆ ขณะที่พยายามบอกให้อนิลหนีไป "ออกไป..ออกไป" เสียงราวกระซิบของกวินเฮือกสุดท้ายก่อนจะหมดสติลง สาเหตุที่อนิลสติหลุดไปและเกือบพลาดท่าให้กวีก็เพราะกวินที่ยินมองเขาอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำจังหวะที่เขากำลังซัดกวีจนลงไปนอนกองกับพื้น ถ้อยคำร้ายๆที่เขาสาดใส่พี่ชายของแฟนนั้น กวินได้ยินมันทุกคำ จนเมื่อทุกอย่าวงสิ้นสุดลงอนิลไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะประคองกวิน ความรู้สึกตกใจ และเสียใจมันประดังประเดเข้ามาเหมือนห่ากระสุนที่ยิงใส่ตัวเขาหลายนัด
ไม่ต้องรอยลรดาไล่ เขาก็คิดจะไปอยู่แล้ว แต่แค่มันทำใจไม่ทัน เขาไม่ทันได้บอกลากวินเลยแม้แต่คำเดียว แต่ตอนนี้เขารู้ดีว่า "ที่ๆควรอยู่" มันไม่ใช่ข้างกวินอีกต่อไป
"ลูกไม่จำเป็นต้องทำตามคนที่บ้านเขา ทำไมถึงไม่คุยกับแจ็คก่อน?"
เสียงของแม่ถามขึ้นเมื่อเดินตามลูกชายคนเล็กเข้ามาในห้องนอน เพราะสามีโทรไปบอกว่าอนิลมีเรื่องทำร้ายร่างกายทำให้คนเป็นแม่จำเป้นต้องมาดูแลลูกด้วยตัวเอง
เธอรู้จักอนิลดี แม้ว่าจะโตมากแค่ไหนลูกชายของเธอยังเป็นคนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง การเกิดมาแตกต่างไม่ได้ทำให้อนิลเป้นเด็กก้าวร้าว แต่คนที่มีปัญหากับลูกเธอต่างหากที่ต้องทำอะไรสักอย่างที่ทำให้อนิลทนไม่ได้
"เอินตั้งใจฆ่าพี่ชายเขาและเขารู้ แม่คิดว่าเอินจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอเขา"
หญิงวัยกลางคนมองลูกชายตัวผอมด้วยความรู้สึกเห็นใจ แต่ก็แปลกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆ อนิลกลับตัดสินใจโดยไม่คิดโทษใครเหมือนเมื่อก่อน ดังคำกล่าวว่าสถานการณ์อันเลวร้ายมักสอนให้เราเติบโตขึ้น
"แล้วลูกยังรักเขาไหม? แล้วเขาล่ะ ลูกไม่สนใจเลยเหรอว่าเขาเลือกที่จะเจ็บแทนลูกเพราะเขาเองก็รักลูกเหมือนกัน"
"แม่..เอินรักเขา แต่มันไม่เพียงพอสำหรับเราตอนนี้" ดวงตากลมโตมองผู้เป็นแม่ น้ำตาคลอหน่วยที่หัวตา
"ลูกอยากให้พ่อลองไปคุยกับแจ็คไหม? คุยกันในฐานะที่พ่อเขาเป็น..."
"อย่า อย่าไปยุ่งกับเขา เอินจะปล่อยมือจากเขา" ร่างบางส่ายหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ความเข็มแข็งพังทลายลงเมื่อสัมผัสความห่วงใยจากแม่
"เอิน.." หญิงวัยกลางคนขยับกายไปโอบกอดลูกชายของเธอไว้ อนิลอาจจะมีภาพลักษณ์แข็งแกร่งแต่ไม่ใช่กับทุกคน
"จีนบอกว่า...ฮึก จีนบอก ว่า ถ้าเขารักเอินจริง เขาจะเป็นฝ่ายตามหาเอินอะแม่ ฮือออ เหมือนที่เขาเคยทำตอนเอินไปแอลเอ เขาจะไม่ปล่อยให้เอินหายไปจากชีวิตเขา ฮึก ถ้าเขาเป็นของเอิน เขาจะ...ไม่สิ เรา เราจะต้องกลับมาคบกันในที่สุด"
ความหวังที่เอ่ยออกมาปนสะอื้นคือสิ่งที่อนิลเชื่อ เชื่อแบบที่เพื่อนของเขาบอก แม้มันจะยากที่จะเชื่อในตอนนี้แต่ทุกนั่นคือสิ่งเดียวที่พอจะทำได้..คือรอ รอคอยให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาในอีกครั้ง
ใช่..ของๆเราก็จะเป็นของเราวันยันค่ำ เหมือนกับที่พวกเขาได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง
ได้รักกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากผ่านอุปสรรคมามากมายก่อนหน้านี้ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือ "รอ"
...............
"ออกจากโรงพยาบาลแล้วไปอยู่ที่บ้านก่อนดีกว่าอย่าเพิ่งไปไหนเลย แบมจะได้ดูแลพี่ไง"
เสียงของเด็กสาวบอกพี่ชายขณะที่ช่วยเก็บข้าวของ แม้อาการของกวินจะทุเลาลงแล้วแต่ก็ยังต้องพักฟื้นอยู่กว่าแผลจะหายสนิท เป็นกวีที่ยอมที่จะไปอยู่ต่างจังหวัดกับฝนทิพย์พร้อมลูกสาว มันอาจจะเงียบเหงาไปบ้างและพวกเขาคงคิดถึงน้ำหวานมากแน่ๆ แต่ชีวิตใหม่ของกวีและฝนทิพย์กำลังเริ่มต้นใหม่ พวกเขาตัดสินใจที่จะกลับมาคืนดีกันและช่วยกันเลี้ยงลูกอย่างที่พ่อแม่ควรจะทำ กวีลาออกจากงานและคืนเงินที่น้องชายแอบเอามาจากจอมพลเพื่อใช้หนี้แทนพิมพ์ เขาบอกว่ามันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว พวกเขามีเงินเก็บมากพอจากการขายห้อง 2207 ที่กวีซื้อต่อมาก่อนหน้านี้
และไม่มีการกล่าวถึงสิ่งที่กวินทำ ความผิดทั้งหมดเกี่ยวตัวลูกสาวฝนทิพย์ยอมที่จะรับมันไว้คนเดียว เธอบอกสามีว่าเธอขอร้องกวินให้ทำเด็กหลอดแก้ว ให้น้องชายสามียินยอมด้วยการเอาคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมมาเป็นข้ออ้าง กวีไม่เอ่ยถึงมันอีกต่อไปและไม่เย็นชากับลูกสาวตัวน้อยๆ เหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว เด็กหญิงตัวเล็กๆ จะเติบโตอย่างมีความสุขเหมือนกับเด็กทั่วไป มีพ่อ มีแม่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
"พี่อยากไปเที่ยว"
"ตอนนี้เนี่ยนะ? พี่จะบ้าเหรอพี่ยัง.."
"ก็อีกสักพัก แต่พี่คงไม่กลับไปที่บ้านแล้ว"
กวินบอกน้องสาวและยิ้มให้แม้สีหน้าจะอิดโรยแววตาไม่ได้ยิ้มตามเลยแม้แต่น้อย เพราะความเจ็บป่วยทางกายของกวินไม่เท่ากับความเจ็บป่วยทางใจ
"พี่อยากให้หนูโทรหาพี่เอินไหม? เอาจริง พี่กวีงี่เง่ามากนะที่ให้ทนายบอกฝั่งนู้นไปว่าห้ามพี่เอินมาเจอพวกเรา พี่เขาไม่ได้ผิดอะไรเลยนี่"
กันนิชาผู้ไม่รู้อะไรนอกจากเรื่องที่อนิลพยายามปกป้องกวิน จนกวีพลาดมาแทงโดนน้องชายอย่างไม่ตั้งใจ เพราะเรื่องที่อนิลทำก่อนหน้านี้มีเพียงกวินและกวีที่รู้ว่าความผิดของอนิลมันมีมากกว่านั้น
"มันจะดีกับเราทั้งคู่...ถ้าพี่ไม่ไปเป็นภาระทางใจให้เอินอีก"
"ใครบอกพี่ล่ะ? พี่เอินเขาอยากเลิกกับพี่หรือแค่พี่กวีบอกให้เลิก"
หญิงสาวถอนใจ เธอยังคงเป็นกันนิชาคนเดิมที่เจ็บแค้นพี่ชายคนโตที่เผด็จการไปเสียทุกอย่าง กวีไม่ชอบแฟนน้องชายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไหนจะยกเรื่องผิดเพศมา ไหนจะเรื่องทำร้ายร่างกายที่ตัวเองรนหาที่ก่อนแท้ๆ
"พี่บอกตัวเอง..."
คำพูดของกวินหยุดเอาไว้ก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง เพราะน้องสาวของเขาคือคนที่เขาสามารถระบายทุกสิ่งให้ฟังได้ รวมทั้งยอมให้เธอเห็นมุมที่อ่อนแอของเขาโดยไม่ต้องรู้สึกอาย เสียงสั่นเครือพูดต่อขณะที่สบตากับน้องสาว
"พี่น่ะ ควรจะ ทำอะไรได้มากกว่านี้ ควรจะเป็นฝ่ายปกป้องเอิน แต่พี่ทำไม่ได้ ไม่เคย...ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว"
เขาจำได้ทุกถ้อยคำที่อนิลพูดปลอบในวันนั้น แม้ว่าอนิลจะบอกว่าความรักไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งที่จะต้องเป็นฝ่ายปกป้องหรือดูแล แต่มันก็ยังเหมือนตราบาปที่ติดอยู่ในใจไม่มีวันลืม ขณะที่เขาปล่อยให้พี่ชายทำร้ายเหมือนคนโง่ อนิลกลายเป็นคนที่ป้องปีกกันเขาเอาไว้ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกอายตัวเอง อายจนไม่กล้ามองหน้าคนรักได้อีก
ก็ไม่ต่างจากที่ยลรดาบอก เขามันเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ปล่อยให้คนรอบข้างแสดงบทบาทร้ายกาจเพื่อปกป้องเขา เขาไม่เคยยืนด้วยตัวเอง ไม่เคยมีงานที่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ สาเหตุที่ต้องตกเป็นเบี้ยล่างพี่ชายก็เพราะยังไม่วายขอเงินพี่ใช้อยู่เพราะเงินที่ได้จากการดูแลจอมพลมันไม่ได้มากมายนัก แม้แต่บ้านของตัวเองยังไม่มี ทุกวันนี้ก็กินใช้กับที่บ้านมีหน้าที่ดูแลหลานสุดท้ายก็เป็นภาระของพี่กวีอยู่ดี เขาควรจะหาหนทางของตัวเองได้แล้ว เริ่มต้นตอนนี้ก็อาจจะสายเกินไป แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
"แบมยังเรียนไม่จบแล้วยังต้องพึ่งพี่เขา อย่าพูดไม่ดีถึงเขาเลย เอาไว้เรียนจบแล้วก็รีบหางานทำ ออกไปอยู่ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นพี่เขาก็ไม่มีทางมาสั่งอะไรเราได้อีกแล้ว"
กวินกอดปลอบน้องสาวที่ตอนแรกเธอตั้งใจจะปลอบเขา สุดท้ายกันนิชาก็ร้องไห้ออกมาหนักกว่าตัวเขาอีกเพียงเพราะคำพูดที่แทงใจดำเรื่องที่เธอยังคงต้องพึ่งพาคนใจร้ายอยู่ มันก็จริงอย่างที่กวินว่า ถ้ายังเกาะอยู่เหมือนกาฝากแล้วจะมีปากเสียงอะไรไปได้มากกว่านี้
"เรามาพยายามไปด้วยกันนะ หาที่ๆ เป็นของเรา อยู่โดยไม่ต้องพึ่งพาพี่เขา"
มันเป็นเรื่องจริงที่คนส่วนมากไม่เคยยอมรับข้อบกพร่องที่ทำให้ตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างคนอื่น แม้จะเป็นคนในครอบครัว ตราบใดที่เรายังต้องพึ่งใบบุญคนอื่นเพื่อปากท้อง มันไม่ควรจะไปมีปากเสียงหรือร้องขอความยุติธรรม ก่อนจะร้องขอให้คนอื่นเปลี่ยน เราควรเริ่มเปลี่ยนที่ตัวเราเอง เหมือนกับที่กวินอยากให้พี่ชายเลิกทำร้ายเขา เขาก็ไม่ควรอยู่ที่เดิม ที่ๆ พี่ชายจะเดินเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตของเขาได้อีก
ส่วนเรื่ออนิลนั่นคือเรื่องที่เขาจะคิดต่อหลังจากนี้ ไม่ใช่หมดรัก แต่เพราะรักมากเขาจึงไม่สามารถจะเป็นคนเดิมที่อ่อนแอและขี้แพ้ได้อีกต่อไป กวีคิดว่าตัวเขาเองต้องเปลี่ยน ต้องเป็นผู้ชายที่สามารถปกป้องคนรักได้และมีทุกอย่างพร้อมที่จะเดินยืดอกไปหาอนิลและสามารถพูดอย่างภูมิใจว่า "อยากไปอยู่ด้วยกันไหม" ถ้าตอนนั้นอนิลยังคงรักเขา นั่นคงเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด
.....................
สองมือที่ประสานกับเอาไว้ที่เอว เสียงร้องไห้เบาๆ และสัมผัสของน้ำตาที่เปียกแผ่นหลัง แม้จะเรียกชื่อคนรักออกไป แต่จอมพลกลับไม่กล้าพอที่จะหันกลับไปมอง เขากลัว...
สายฝนค่อยๆ แรงขึ้น มือเล็กเป็นฝ่ายดึงให้เขาเดินตามเข้าไปข้างใน แม้จะมีสายตาของคนมากมายที่มองพวกเขาแต่จินตภัทรก็ยังเดินไปข้างหน้าโดยไม่หยุดมองแม้แต่หางตา ดวงตาคมมองเพียงแค่มือของร่างเล็ก เขาไม่กล้ามองสูงไปกว่านั้น ไม่กล้ามองใบหน้าของจินตภัทรแม้จะคิดถึงมันมากแค่ไหน
มันคงเป็นครั้งแรกที่จอมพลรู้สึกว่าห้องของพวกเขาอยู่ใกล้มาก เพียงชั่วอึดใจก็ได้ยินเสียงประตูปิดลง เหลือเพียงเสียงฝนที่เทลงมาแรงขึ้นเรื่อยๆ จนมองออกไปนอกหน้าต่างไม่เห็นอะไรนอกจากความขะมุกขะมัวของอากาศ จอมพลเดินมานั่งที่โซฟา เขาเอาแต่ก้มหน้า ไม่พูดไม่จา จนกระทั่งสัมผัสนุ่มๆ ของผ้าเช็ดตัวที่ค่อยๆ ซับลงที่ศีรษะของเขา จอมพลลืมไปแล้วว่าตัวเองยังมีบาดแผลอยู่และผ้าพันแผลไม่ควรจะโดยน้ำตอนนี้
"ดีนะไม่เปียกมาก.." เสียงที่คุ้นเคยพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ก่อนที่จอมพลจะได้อ้าปากตอบอะไร เสียงเครื่องเป่าผมก็ดังกลบทุกอย่างไป พร้อมกับมือของจินตภัทรที่ค่อยๆ แตะศีรษะของจอมพลแผ่วเบา สัมผัสอ่อนโยนที่เขาไม่คิดว่าจะได้รับมันอีก เหมือนความฝันที่เขากลัวว่าจะต้องตื่นขึ้นมาและรู้ว่ามันไม่มีอยู่จริง
ทั้งที่พยายามห้ามใจตัวเองแต่สุดท้ายมือหนาก็เอื้อมไปแตะมือนุ่มของอีกฝ่ายที่อยู่ที่ศีรษะที่ถูกพันผ้าเอาไว้ดึงลงมาก่อนจะแนบแก้มของตัวเองเอาไว้กับฝ่ามือเล็ก ราวกับต้องการให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้เพียงแค่ฝัน
จินตภัทรกดปิดที่เป่าผมขณะที่มองร่างสูงที่นั่งต่ำกว่าช้อนตามองและแนบแก้มเอาไว้ที่ฝ่ามือของเขา ทั้งคู่ไม่มีน้ำตา แต่กลับรู้สึกเศร้าจับใจ
"คิดถึงจัง"
คำสั้นๆ ที่จอมพลบอกอาจจะดูไม่มีความหมายในยามที่ยังคงอยู่ด้วยกัน
แต่ตอนนี้กลับทำให้ใจสั่น...และยากเกินกว่าจะปฏิเสธหัวใจของตัวเองไม่ให้ "รู้สึก" อ่อนไหวไปกับการกระทำของคนรัก
ก่อนที่ทุกความทรงจำตลอดเวลาที่ผ่านมาหนึ่งปีจะหายไปพร้อมกับสายฝนที่หยุดลงในเช้าวันพรุ่งนี้ มันคงไม่ผิดใช่ไหมหากเลือกที่จะลืมทุกอย่างไป ลืมความเจ็บปวด ลืมความรู้สึกผิดหวังไป ลืมว่าพวกเขาเป็นใคร ลืมช่วงเวลาที่ทำร้ายจิตใจกันและกัน..
แค่คืนนี้...
แค่เวลานี้
ก่อนที่เช้าวันใหม่และ "ความจริง"
จะปลุกเราทั้งคู่ให้ตื่นจากความฝัน
อ้อมกอดที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน จูบที่ไม่แน่ใจว่าตัวของจินตภัทรเองรึเปล่าที่โน้มใบหน้าลงไปหาอีกฝ่ายก่อน ทั้งที่พวกเขาเคยจูบกันไม่รู้กี่ครั้ง สัมผัสกันและกันจนนับครั้งไม่ได้ แต่ตอนนี้ ในเวลานี้ มันต่างไป
เสียงลมหายใจขาดห้วง และเสียงครางผะแผ่วยามที่ปล่อยให้ทุกปัญหาเป็นแค่ "ฝันร้าย" ริมฝีปากอิ่มบดเบียดเขาหาเรียวปากหยักช้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับร่างกายที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกขยับคร่อมกายหนาไว้ พร้อมกับมือหนาที่ฟอนเฟ้นผิวกายราวกับให้แน่ใจว่ามันจะไม่หายไปเหมือนภาพลวงตา ผิวกายเปลือยเปล่าขยับเบียดโหยหาไออุ่นของกันและกัน เสื้อผ้าชื้นที่เคยสวมใส่ปลดเปลื้องออกจากกันและกันอย่างไม่รีรอ
ทุกสัมผัสบอกความคิดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่จอมพลเคยคิดว่าหากต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งเขาคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเอ่ยปากขอโทษและร้องไห้ เขาเคยรู้สึกเสียใจที่ไม่พูดทุกอย่างออกไป ไม่อธิบาย ไม่ให้โอกาสตัวเองได้เอ่ยคำแก้ตัว แต่วินาทีที่เขานั่งอยู่ที่โซฟาและมีร่างเล็กของคนรักโอบกอดเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน
จินตภัทรรู้...รู้จักเขาดีกว่าใคร
คำพูดเท็จจากปากคนอื่นไม่มีผลอะไรกับพวกเขา
เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งจอมพลมั่นใจว่าจินตภัทรจะฟังเขาแค่คนเดียว
จินตภัทรจะเชื่อเขาคนเดียวเท่านั้น
ใช่..และตอนนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่ผิดไปจากที่เขาคิดสักนิด
พวกเขารักกัน และรักกันมากว่าเดิม เพียงแต่...
ยิ่งมั่นใจมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลัวมากเท่านั้น
ความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นพร้อมกับความรักคละเคล้าไปด้วยความคิดถึงและความกลัวในปริมาณเท่าๆ กัน ยอมหอบหายใจสะท้านสายตาของร่างเล็กที่มองสบตาทำให้ใจสั่นและหวาดวิตกในคราเดียว มันคือความรู้สึกที่เขาหาคำตอบไม่ได้
ยามที่สะโพกกลมกลึงขยับย้ายไปตามอารมณ์ สองแขนแกร่งพยายามโอบกอดร่างบางไว้แนบแน่นแต่กลับต้องคลายออกเล็กน้อยเพราะเสียงหอบหายใจอย่างอึดอัดของแฟนตัวเล็ก
จินตภัทรตัวเล็กมากเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของเขา ชั่ววูบของความคิดเขาไม่อยากคลายกอดจากอีกฝ่ายเลย จอมพลอดทนแม้ว่าอาการปวดศีรษะจากบาดแผลจะบั่นทอดอารมณ์ที่พุ่งพล่านจนตาพร่า เขาแตะปลายทางและปลดปล่อยในกายบางพร้อมๆ กสะโพกกลมที่ยกขึ้นอย่างตั้งใจและกระทั้นกายลงมาพร้อมกับสองมือที่กอดคอหนาไว้แน่น เอวคอดกระตุกเกร็งปลดปล่อยจนเปรอะเปื้อนไปทั้งหน้าตัก ความสุขสมที่บรรยายไม่ถูกว่าเขาควรรู้สึกแบบไหน ได้ยินเพียงเสียงหายหอบข้างหู ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสผิวกายชื้นเหงื่อของคนรักอย่างช้าๆ จมูกโด่งกดลงที่ซอกคอขาวสูดหายใจเข้าปอดบันทึกกลิ่นกายหอมหวานของคนในอ้อมกอดเอาไว้ในความทรงจำ..
ก่อนที่เขาจะต้องตื่นขึ้นมาเพียงลำพังในเช้าวันพรุ่งนี้
..........TBC........
ตอนหน้าจบแล้วนะคะ
หนังสือยังสั่งได้จนถึง 23 กุมภานี้นะคะ
ใครอยากจะอ่านบีเนียร์เวอร์ชั่นไทยๆอยู่ก็ Fav. เรื่องนี้ไว้นะคะ
V
V
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนคู่แจ็คเอินเราเชื่อว่าเขาสองคนได้กลับมาคบกันแน่แต่แจ็คแค่ขอเวลาพิสูจน์ตัวเองว่าในอนาคตสามารถดูแลเอินได้ ถ้าถึงวันนั้นวันที่แจ็คกล้าพอวันที่แจ็คแข็งแกร่ง แจ็คคงกลับไปหาเอินเอง และก็เชื่อว่าเอินยังคงรอแจ็คเสมอ คู่บีจีนรักกันมากแค่ไหนคู่แจ็คเอินก็ไม่ต่างกัน สู้เด้ออทั้งสองคู่ส่วนเราคนอ่านจะเตรียมใจรอกับตอนจบ