ตอนที่ 106 : EP.41 Gone
Upside Down
Welcome To The Upside Down
EP.41
"ยังไงเขาก็เป็นพี่ชาย เป็นพ่อของหลานตาดำๆ เป็นคนที่เลี้ยงแจ็คมา ต่อให้เขาโกรธจนไม่ได้สติแค่ไหนแต่ถ้าใช้เหตุผลคุยกันเขาก็จำเป็นต้อง 'ยอมรับ' และเข้าใจในที่สุดนั่นแหละ"
น้ำเสียงที่เนิบนาบของอนิลยังคงสร้างความเคลือบแคลงใจอยู่ไม่น้อย แม้ว่าอนิลจะเน้นคำว่า 'ยอมรับ' ราวกับว่ามีบางที่ทำให้พี่ชายเขา 'จำยอม' แต่ก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าอะไรที่เป็นข้อเสนอที่ทำให้กวียอมถอยแต่โดยดี แม้แต่ฝนทิพย์เองยังสับสนเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วทนายแจ้งว่าทางกวียินยอมยกสิทธิการเลี้ยงดูลูกให้โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดอีก หญิงสาวร้องไห้ออกมาด้วยความโล่งใจ ทันทีที่น้องสามีอุ้มลูกมาหาเธอก็กอดลูกสาวเอาไว้แนบอกและร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่พักใหญ่
"อืม..แล้วหลังจา่กที่เขาคุยกับเอินเสร็จเขาไปไหนเหรอ?" กวินยังคงถามถึงพี่ชายด้วยความเป็นห่วง เพราะแม้อีกฝ่ายจะร้ายกาจแต่ก็เป็นสมาชิกครอบครัวคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ และเขาติดต่อพี่ชายไม่ได้เลยตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั่งเช้า
"ไม่รู้สิ เราคุยกันที่ร้านแล้วเอินก็กลับห้องไปพร้อมต้นว่าน" แฟนตัวผอมเอ่ยพลางหยิบขนมใส่ปากสายตายังมองรายการทีวีอยู่ ดูเหมือนอนิลจะสบายใจกว่าใครๆ
เพราะตอนนี้ทุกคนต่างเครียดกันหมดเพราะกันนิชาน้องสาวเขาต้องหอบเสื้อผ้าไปอาศัยนอนที่ห้องของลูกศร ส่วนตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหนเพราะตอนนี้ฝนทิพย์บอกกับเขาว่าเธอจะย้ายไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด เธอกลัวเกินกว่าจะกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกหลังจากถูกกวีทำร้ายจนบอบช้ำไปทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่มีสิ่งหนึ่งพี่สะใภ้บอกให้เขาทำ เรื่องสำคัญที่เธอคิดว่ามันควรจะต้องเริ่มต้นจากตัวเขา
'แจ็คบอกเอินดีไหม? เรื่องของเราที่เกิดขึ้นพี่ไม่อยากให้เอินไปฟังจากกวีหรือจากแบม แจ็คควรบอกแฟนเอง'
ฝนทิพย์บอกให้เขาสารภาพกับอนิลด้วยตัวเองว่าเรื่องที่เขาถูกขอร้องให้เป็นพ่อของน้ำหวานมันไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากจะทำ แต่เป็นเพราะสงสารฝนทิพย์ที่กำลังสิ้นหวังในตอนนั้น เขายอมทำเพราะพิมพ์เองก็ขอร้องให้ช่วยพี่สาวเพราะมันคงไม่มีความหมายหากทั้งคู่ไม่มีทายาท และอาจจะถึงขั้นเลิกลากันไปในที่สุดแล้วนอกจากเขากับพี่ชายแล้วตระกูลกิจเจริญก็คงไม่มีทายาทสืบสกุลอีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่ฝนทิพย์พยายามทำก็เพื่อสร้างครอบครัวให้กับเขา ในขณะที่กวีพยายามทำลายครอบครัวด้วยการนอกใจภรรยาตั้งแต่หลังแต่งงาน ถึงจะรู้ว่าผู้หญิงที่ทำให้พี่ชายเขาเป้นแบบนั้นจะเป็นพิมพ์ แต่สุดท้ายพอพิมพ์ขอร้องให้ช่วยพี่สาวตัวเองกวินก็พูดไม่ออกเหมือนกัน
มันเป็นเรื่องที่ทำใจพูดออกไปลำบากเพราะก่อนหน้านี้เขาเลือกที่จะ 'โกหก' อนิลไปแล้วตอนที่ถูกถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้องสาว ตอนนั้นก็ทำเอาใจหายเหมือนกันแต่โชคดีที่อนิลเข้าใจผิดไปเองว่าเขากับกันนิชามีซัมติงกันแถมไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ อีก แต่เขาไม่ได้โกหกเรื่องรสนิยมทางเพศของตัวเอง เขารักอนิลและอยากมีอนาคตกับอนิลเพียงคนเดียว แม้จะไม่มีลูก และต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนกระทั่งแก่เฒ่า เขาก็เชื่อว่าทุกวินาทีชีวิตที่ใช้ร่วมกันนั้นจะมีความสุขอย่างแน่นอน
ขณะที่กำลังรวบรวมความกล้าสายตาของกวินจดๆ จ้องๆ ใบหน้าคนรักด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ เขาไม่รู้ว่าผลของการสารภาพนั้นมันจะดีหรือร้าย แต่ที่แน่ๆ เขาต้องยอมรับโทษทัณฑ์หลังจากนี้ให้ได้ แม้ว่าอนิลจะโกรธ แต่เขามั่นใจว่าร่างบางตรงหน้าจะไม่ทิ้งเขาไป อย่างที่เคยสัญญากันเอาไว้...
"เอิน.." เสียงของกวินเรียกคนรักอย่างแผ่วเบา แต่ไม่ทันที่อีกง่ายจะทันตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ของอนิลกลับแผดเสียงแทรกขึ้นมา ชื่อที่ขึ้นหน้าจอและรูปถ่ายคือต้นว่านเพื่อนกะเทยของอนิล
"แปบนะ" มือเรียวคว้าโทรศัพท์และเดินออกไปคุยนอกระเบียง พวกเขาอยู่ในห้อง 2209 ในช่วงเวลาที่จอมพลไปทำงานและจินตภัทรมีภารกิจกับผู้ปกครองที่มาจากต่างจังหวัด
(นี่กูจะให้อีหม่อนมาช่วงแบกแล้วนะถ้ามึงไม่มาช่วยกูเนี่ย)
"อาการแย่มากเลยเหรอ?" อนิลกัดริมฝีปากตัวเองขณะที่สายตาแอบเหลือบมองคนรัก แต่โชคดีที่กวินหันไปสนใจรายการโทรทัศน์ตรงหน้าแล้ว
(อีด๊อกกกกกกก ยังจะถาม มึงคิดถึงตอนที่มึงโดนเปิดซิงสิอีหน้าแป้น นี่พี่หล่อเขาโดนมึงสวนทวารสดๆ ไร้สลิงไร้สตั๊นเจลหล่อลื่นห่าอะไรก็ไม่สงเคราะห์ให้เขาเลย เตียงกูเป็นดวงแดงเถือกเหมือนพี่หล่อแท้งลูกยังไงอย่างงั้นเลยอะ)
"พาไปหาหมอไม่ได้อะพี่เขาไม่ยอมไปแน่"
(แล้วจะให้นอนตกเลือดตายอยู่ในห้องกูเหรอ? นี่นอกจากโดนข้อหาข่มขืนกระทำชำเราแล้วมึงจะโดนข้อหาฆ่าคนตายอีกกระทงมะอีเอิ้นนนน)
"แม่งเอ้ย! เออเดี๋ยวกูไป แค่นี้นะ"
ถึงจะเคยลั่นวาจาว่าอยากจะให้อีกฝ่ายตายตามเมียน้อยไป แต่พอเอาเข้าจริงๆ เห็นหน้ากวินแล้วก็รู้สึกกลัวจนไม่อยากสบตา เขารู้ดีว่ากวินรักพี่ชายมาก และมีกวีเป็นครอบครัวเดียวที่เหลืออยู่ แถมเรื่องนี้เขาก็ทำเกินกว่าเหตุจริงๆ กวีที่อ้าปากด่าทอเขาและไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้ดิ้นรนก็คือคนเมาที่ไร้สติ ใช่ กวีเมามากแม้แต่จะป้องกันตัวยังยกมือกำหมัดแทบไม่ไหว แถมยังโดนเขาถีบกลางอกจนหน้าหงาย พูดง่ายๆ อนิลก็ได้เปรียบกว่าและทำเกินกว่าเหตุไปจริงๆ เพราะการขืนใจคนอื่นมันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากเจอ ตอนที่เขาโดนกวินทำแบบนั้นก็รู้สึกแย่ไม่น้อย เพียงแต่...ความรักมันช่วยสมานรอยแผลที่เกิดขึ้นจนทำให้เขาไม่เหลือความทรงจำที่เลวร้ายนั้นอีก
แต่กวีล่ะ...
ผู้ชายแท้ๆ ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศแบบนั้น ก็ไม่ต่างจากผู้หญิงที่โดยข่มขืน แม้ตอนทำจะสะใจที่ได้เอาคืน แต่พอได้สติขึ้นอนิลก็รู้สึกแย่ไม่น้อยเลย ความสะใจเพียงชั่ววูบ กลายเป็นความผิดใหญ่หลวงที่เขาเริ่มหาทางออกไม่ได้ เขารู้ว่ากวีไม่มีทางเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ผู้ชายอกสามศอกที่ไหนก็คงไม่กล้าจะพูดว่าตัวเองโดนข่มขืน แต่...ถ้าเกิดแฟนเขามารู้เรื่องเอาทีหลังหรือผิดสังเกตจากพี่ชายตัวเองขึ้นมา เขาคงมองหน้ากวินไม่ติดแน่ๆ
"อ้าว ไปไหนเหรอ?" เสียงกวินถามพลางเดินมาหยุดตรงหน้าขณะที่อนิลเดินไปสวมรองเท้า ทั้งที่เพิ่งกลับเข้ามาไม่กี่ชั่วโมงก็จะออกไปข้างนอกอีกแล้ว
"ต้นว่านมันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในรถเรา เดี๋ยวเอาไปให้มันก่อน" อนิลรนรานพูดออกไปส่งๆ ก่อนจะรีบผละเดินหนีออกไปจากห้องโดยไม่รอฟังสิ่งที่กวินพูด
"เอินเดี๋ยว.."
.................
ระหว่างทางที่ขับรถไปคอนโดของต้นว่าน อนิลพยายามติดต่อเพื่อนอีกครั้งเพื่อบอกว่ากำลังเดินทาง แต่ไม่รู้ทำไมไม่ว่าจะโทรไปกี่ครั้งต้นว่านก็ไม่รับสาย ทำให้อนิลยิ่งรู้สึกกังวลและคิดวิตกจริตไปเรื่อย เท้าที่เหยียบคันเร่งกดลงก่อนจะหมุนพวงมาลัยพารถบีเอ็มดับเบิ้ลยูของตัวเองพุ่งทะยานเร็วขึ้น ไม่กี่นาทีต่อมาร่างผอมก็มาถึงจุดหมายปลายทางด้วยหัวใจที่เต้นรัว เมื่อถึงห้องของเพื่อนอนิลก็เปิดประตูเข้าไปจากคีย์การ์ดที่ต้นว่านให้มา และพบว่าเพื่อนของเขายืนทุบประตูห้องน้ำอยู่ด้วยสีหน้าร้อนใจ
"มึง! พี่หล่อเขาหลายเข้าไปในห้องน้ำเกือบสิบนาทีแล้วอะ บอกกูปวดขี้แต่เงียบหายไปเลยถามอะไรก็ไม่ตอบกูได้ยินเสียงน้ำในอ่างเปิดทิ้งไว้อะ!" กะเทยร่างใหญ่ขอความช่วยเหลืออย่างไร้สติ ฟังจบกลับโดนเพื่อนตวาดใส่ก่อนจะถูกดันให้ถอยออกไป
"แล้วมึงยืนเคาะอยู่ทำไมละอีนี่ พังเข้าไปสิเว้ย!" พูดจบอนิลก็หันไปยกเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งของเพื่อนฟาดใส่ประตูห้องน้ำจนลูกบิดหลุดกระเด็นและเปิดออก
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือน้ำในอ่างที่เจือไปด้วยสีแดงฉาดจากบาดแผลของคนที่นอนคุดคู่อยู่ในอ่าง แต่โชคดีที่น้ำที่เปิดไว้ยังไม่ท่วมขึ้นมาถึงใบหน้าของกวี อีกฝ่ายนอนหลับตาราวกับตั้งใจจะปลิดลมหายใจตัวเอง แต่เมื่อก้าวเข้าไปถึงมือของอนิลก็จิกกระชากคอเสื้อคนตัวโตกว่าขึ้นพลางสบถ
"มึงทำเหี้ยไรเนี่ย!"
เสียงของอนิลทำเอาต้นว่านยกมือทาบอกให้กับร่างดาร์กไซด์เทิร์นรุกเต็มอัตราของเพื่อนก่อนจะถอยออกมาก่อนจะโดนลูกหลง
"........." ไม่มีเสียงตอบรับ ใบหน้าของกวีซีดขาวริมฝีปากคล้ำเขียวราวกับคนป่วย ร่างกายสั่นเทาด้วยพิษไข้
"ถ้าคิดจะตายหนีปัญหามึงอย่าฝันเลย ลุกขึ้นมา!"
เพราะความทุกข์ภายในจิตใจที่บั่นทอนเรี่ยวแรงไปจนหมด กวีไม่ต่างจากคนหมดอาลัยตายอยากที่ไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรกัยคำพูดร้ายๆ ของแฟนน้องชายแม้แต่น้อย และไม่ว่าจะถูกฉุดกระชากให้ลุดขึ้นจากอ่างร่างหนาก็ล้มลงไปกองกับพื้นเหมือนไม่มีแม้แต่แรงจะเดินเอง
พอเห็นแบบนั้นคนที่ใจอ่อนกลับเป็นต้นว่านที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่ด้านนอกห้องน้ำ จนอดรนทนไม่ไหวเดินเข้ามาห้ามอนิลที่ทำตัวเป็นพระเอกละครอาพิศาลที่พยายามจะจิกหัวลากนางเอกไปกับพื้น
"มึง...ใจเย็น เดี๋ยวกูประคองพี่เขาเอง มึงถอยออกไปก่อน"
หลังจากที่ต้นว่านประคองกวีออกมาจากห้องน้ำ อนิลก็เดินเข้ามายืนกอดอกมองเพื่อนร่างใหญ่ที่พยายามดูแลพี่ชายแฟนเขาอย่างดีเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เป่าผมให้แล้วพาไปนั่งที่เตียงดีๆ ทั้งที่อนิลเองก็สองจิตสองใจว่าจะทำยังไงกับกวีดี ควรจะคุยดีๆ ไหม? หรือจะจ้างมอเตอร์ไซค์วินลากไปทิ้งไกลๆ หูไกลๆ ตาดี
"เอาจริงนะมึง..กูว่าที่เขาไม่หือไม่อือ ไม่ป้องกันตัวเองเลยเมื่อคืนเขาคงเมามากแหละ แถมมึงเองเวลาโมโหก็แรงเยอะจะตายห่า พี่หล่อเขาดูบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจมากอะ ตอนกูเอาข้าวไปให้กินก็ไม่กิน นอนใบ้แดกเลือดไหลก็ไม่รู้สึก กูทำแผลเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็เฉย เหมือนเหลือแต่กายหยาบแล้วอะมึง...วิญญาณล่องลอยไปไหนแล้วไม่รู้"
อนิลฟังเพื่อนแล้วก็ได้แต่คิดตาม...
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคืนทั้งที่ควรจะวางมวยใส่กันแต่กวีกลับร้องไห้ออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง มันไม่ใช่ความเจ็บปวดแค่ร่างกาย แต่สีหน้าของอีกฝ่ายมันบ่งบอกว่าจิตใจบอบช้ำมาพอสมควรเพราะพี่กวีที่อนิลเคยเจอก่อนหน้านี้ไม่ได้มีสภาพเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากแบบนี้
"กูขออยู่กับเขาตามลำพัง" เสียงของอนิลเอ่ยขอเพื่อน สรรพนามที่เรียกกวีสุภาพขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียงมองอีกฝ่ายที่นั่งพิงหัวเตียงใบหน้าไร้ความรู้สึกดวงตาเหม่อลอย
ต้นว่านกระซิบบอกให้อนิลใจเย็นๆ ก่อนจะปิดประตูห้องไป
"รู้สึกผิดที่ทำร้ายเมียหรือว่ารู้สึกแย่ที่โดนเอาคืน?" อนิลนั่งขัดสมาธิและมองหน้าอีกฝ่ายรอคำตอบ
แต่กวีก็เงียบไม่สบตาและแววตาไม่โฟกัสที่อะไรเลย สายตายังคงเหม่อลอยดังเดิม
"หรือว่าคิดถึงชีวิตที่ไม่เหลือใครแล้วอยากตายขึ้นมา? รู้ไหม..."
อนิลหยุดคำพูดไว้ก่อนจะล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและเปิดรูปที่เขาเพิ่งถ่ายตอนพาน้ำหวานไปสระว่ายน้ำก่อนจะยกขึ้นในระดับสายตาของอีกฝ่ายและพูดต่อ
"รู้ไหม ที่ๆ แจ็คอยู่ในรูปนี้มันควรเป็นพี่นะ ถ้าพี่เห็นแก่ลูกสักนิด รักลูกได้แค่เพียงเสี้ยวหนึ่งของแจ็ค พี่จะไม่ทำผิดต่อลูกเมียแบบนี้ แล้วทุกอย่างมันก็จะไม่เดินทางมาถึงจุดนี้ เอินรู้ว่าเอินทำเกินไปแต่เพราะคำพูดของพี่มันทำให้เอินอยากทำอะไรสักอย่างให้พี่เจ็บปวด อยากให้พี่สัมผัสกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเหยียดหยามมันอยู่ เพศภาพที่เกิดมาผิดแผกไปไม่สมควรที่จะถูกใครตอกย้ำและทำร้ายเหมือนที่พี่ทำกับแจ็ค"
สิ่งที่ตอบกลับแทนคำพูดของอีกฝ่ายคือน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตากลมโตที่เหมือนกับคนรักของอนิลเหลือเกิน ยามที่กวีร้องไห้และมีสีหน้าทุกข์ใจ ในสายตาของอนิลมันไม่ต่างจากมองเห็นคนรักของเขาเลย เพราะทั่งสองช่างเหมือนกันจนเกินไป
"ฉันไม่มีทางเป็นพ่อใครได้..." เสียงสั่นเครือตอบกลับมาก่อนจะหลบตาไปแม้น้ำตายังไหลริน
"น้ำหวานยังคงเรียกพี่ว่าพ่อ เด็กคนนี้ยังรอให้พี่กลับไปหาเธอตั้งแต่เธอเกิด รอให้พี่กอดเธอและกล่อมให้เธอนอนหลับฝันดีในทุกๆ คืน พี่เป็นพ่อคนได้ถ้าพี่รู้หน้าที่ของตัวเองแต่แรก"
อนิลกลั้นใจพูดจาดีๆ ออกไปพลางนึกถึงหน้าของกวินและจินตภัทร เขาอาจจะเป๋นคนหยาบคายและใช้ชีวิตเละเทะมาก่อน แต่คนที่เขารักสองคนพยายามพูดกับเขาดีๆ ในยามที่อนิลสร้างปัญหาขึ้นมา และอนิลได้เรียนรู้จากตรงนั้นว่าโทสะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลยแถมตอนนี้ยังสร้างปัญหาให้เขาเพิ่มด้วยเพราะเขาทำกับกวีมากเกินไปจริงๆ
จู่ๆ เสียงแค่นหัวเราะของกวีก็ดังขึ้น ราวกับคนอารมณ์แปรปรวน ใบหน้าที่ยังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาหันมามองอนิลพร้อมกับคำถามที่เต็มไปด้วยปริศนา
"น่าจะมีแต่เธอคนเดียวในโลกที่ดูไม่ออก... หรือไม่ก็รักจนหน้ามืดตามัว"
"ดูอะไรไม่ออก? พูดจาให้มันดีๆ นะ นี่อุตส่าห์ใจเย็นละ" อนิลทำท่าจะวางมวยอีกครั้ง แต่แม้กวีจะพูดจาเยาะเย้ยออกมาน่าแปลกที่น้ำตายังคงไม่หยุดไหล
"หน้าที่พ่อ มันก็อยู่กับคนที่เป็นพ่อแล้วไง ฉันน่ะ.. ฉันมัน ฮึก.." เสียงสะอื้นอย่างหมดสภาพของกวีกลบคำพูดในตอนท้ายจนอนิลไม่ได้ยินมัน ร่างผอมขยับเข้าไปใกล้และดึงมือของกวีที่ยกขึ้นปิดหน้าตัวเองยามที่ร้องไห้อย่างเสียศูนย์ มือเรียวรั้งข้อมืออีกฝ่ายออกมาและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาเข้ม
"เมื่อกี้พี่พูดอะไร? ไหนพูดใหม่สิ"
"ฉันมันก็แค่ผู้ชายที่เสียชาติเกิดคนนึง ฉันเป็นหมันได้ยินรึยัง? ฉัน เป็น หมัน! เด็กในท้องพิมพ์เป็นลูกของไอ้เหี้ยบี แล้วเด็กในรูป ใช่ เด็กในรูปนี้!" เสียงสั่นเครือของกวีแผดใส่พลางใช้นิ้วจิ้มโทรศัพท์ที่เปิดรูปของกวินและน้ำหวานเอาไว้ ก่อนจะคว้ามันขึ้นมาและปาใส่ข้างฝา พร้อมคำพูดมากมายที่พรั่งพรูออกมาเหมือนคนสติหลุด คำพูดที่ทำให้อนิลรู้สึกหน้าชาไปหมด
"เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกฉัน! ไม่ใช่! เด็กในท้องพิมพ์ก็ไม่ใช่! ไม่ ไม่ ไม่! โทรถามมันสิ โทรถาม ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว! มีแต่คนหลอกลวง ฮึก ทุกคน ทุกคนเลย ฉันอยากตาย ฮือออ ให้ฉันตาย ได้โปรด ให้ฉันตาย ฮืออออ พิมพ์...พิมพ์ ทำเหมือนฉันเป็นไอ้โง่ ฉันรัก..รักไปแล้ว ฉันทิ้งทุกอย่าง แต่.. ฮึก แต่เขาหลอก...ฉัน"
เหมือนที่บางคนเคยกล่าวไว้...
แม้แต่คนที่เลวร้ายที่สุด ชั่วร้ายที่สุด ก็ยังต้องการความรัก
อนิลเพิ่งเข้าใจในวันนี้เองว่าทำไมกวีถึงนอกใจภรรยามาตลอด การอยู่อย่างไร้ความไว้เนื้อเชื่อใจ และรู้อยู่แก่ใจมาตลอดว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกตัวเอง หากกวีรู้มาก่อนหน้านี้ ก็แสดงว่าไม่คิดเอาผิดน้องชายเลย แต่สิ่งที่อนิลสามารถปะติดปะต่อได้ตอนนี้จากความเสียใจของกวี คือพิมพ์ ผู้หญิงใจร้ายที่จากไปพร้อมกับทิ้งความเจ็บช้ำไว้ดูต่างหน้าให้คนมากมาย
พิมพ์คงหลอกให้กวีทำอะไรเพื่อตัวเองด้วยการบอกว่าเธอท้อง แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงคนอย่างกวีไม่น่าจะพลาดจนไม่เช็คเลยว่าหญิงสาวท้องจริงหรือเปล่า...แล้วถ้ามันเป็นจริงและพ่อของเด็กคือบีตามที่กวีด่าทอออกมา
เขาคงปล่อยให้กวีพูดออกไปไม่ได้...
เขาไม่สามารถจะปล่อยให้เรื่องในอดีตกลับมาทำลายความสุขของจินตภัทรได้
เพื่อนของเขาไม่สมควรจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
เพราะอดีตก็คืออดีต เช่นเดียวกับเรื่องของน้ำหวาน
เขาจะไม่ถามกวิน จะไม่ถามว่าทำไมมีลูกแล้วไม่บอก ทำไมน้ำหวานถึงเกิดมาในท้องของพี่สะใภ้
มันมีหลายเหตุผลที่อนิลคิดไว้ เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้ว กวินก็เคยบอกเขาว่าพี่สะใภ้กับพี่ชายมีปัญหาเรื่องมีลูกยาก
เขาเชื่อใจกวิน เชื่อว่าคนรักของเขาไม่ได้อยากโกหก
แม้จะเป็นความงมงายที่เขาปักใจเชื่อมั่นในคนรัก
แต่....เพราะว่ารักมาก ก็ย่อมเชื่อใจมาก ไม่ต่างจากกวีที่เชื่อใจพิมพ์และมีชีวิตที่น่าสงสารแบบนี้
เสียงร้องไห้ของกวีค่อยๆ เบาลง และเงียบหายไปพร้อมกับลมหายใจที่ขาดห้วงไปเพราะสัมผัสของมือเรียวที่เอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ และเมื่อสบตากันถึงได้เห็นว่าอนิลเองก็กำลังร้องไห้อยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าร่างผอมบางตรงหน้าร้องไห้เพราะอะไร และเพื่อใคร..ก่อนที่ความสงสัยจะถูกจินตนาการไปไกล ริมฝีปากอิ่มแดงก็เอ่ยถ้อยคำที่ทำให้กวีรู้สึกกลัวจนจับขั้วหัวใจออกมาทีละคำ
"เก็บสิ่งที่พี่รู้ให้มันตายไปกับตัวพี่ดีกว่านะ ถ้าพี่จะตายเอินจะไม่ห้าม แต่ถ้าพี่เปลี่ยนใจจะมีชีวิตอยู่ต่อ...เอินอยากให้พี่จำเอาไว้ว่าถ้าปากเน่าๆ ของพี่พูดเรื่องที่พิมพ์ท้องกับคนอื่นแม้แต่คนเดียวละก็ เอินจะทำให้พี่มีชีวิตอยู่อย่างทรมานที่สุดจนพี่ต้องขอร้องให้ฆ่าพี่ทิ้งไปเสียที พี่รู้ใช่ไหมว่าเอินไม่ได้พูดเล่น"
..................
"คุณรู้ใช่ไหมว่าลูกผมเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงและมีแฟนนิยายมากมายที่รักเขาและชื่นชมผลงานเขา"
เสียงของคุณเจริญที่เอ่ยขึ้นมาทำเอาจอมพลทำหน้าไม่ถูก เขาไม่รู้จุดประสงค์ที่ถูกเรียกมาคุยกันตามลำพังโดยไม่มีจินตภัทร เหมือนว่าคนเป็นพ่อจะจงใจที่จะสับขาหลอกบอกลูกว่าตัวเองกลับเชียงใหม่แล้ว แต่โผล่มาเจอจอมพลที่บริษัทของเขา แถมนัดคุยในที่ลับตาคนด้วย เพราะคุณเจริญสั่งให้ว่าที่ลูกเขยขับรถมารอในลานจอดรถบริษัทตัวเอง จนเผลอคิดไปว่า
นี่ถ้ากูโดนพ่อตาดักยิงกบาลคงไม่มีใครช่วยกูทัน...
"ครับ ผมทราบครับ"
"ตัวคุณเองก็มีชื่อเสียง เป็นนักร้องดัง อยู่ในวงการบันเทิงคนหน้าตาดีๆ เยอะแยะ ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงชอบจีน หรือตั้งใจเข้ามาเพื่อหาประโยชน์อะไรจากลูกชายผม แต่ที่แน่ๆ ถ้าวันใดคุณทำให้จีนเสียใจหรือทำอะไรที่กระทบกับงานของจีน ผมจะพูดกับสื่อทุกสื่อในประเทศนี้ให้รู้ถึงพฤติกรรมของคุณ"
อันนี้พ่อน้องจีนหรือแม่แอ๊วของขวัญอุ ลูกเลิกกับผัวต้องสัมฯสื่อทุกช่องถูกไหม? นี่ถ้าขอแต่งจะเรียกสินสอดกูแปดสิบล้านไหมยังไง
ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะเริ่มแก้ข้อกล่าวหาที่อีกฝ่ายกล่าว
"ผมไม่เคยคิดหาประโยชน์อะไรจากจีนเลยครับ อย่างที่คุณพ่อรู้ ผมกับจีนเราชอบกันมานานแล้ว แต่เพราะ..."
แต่จอมพลก็ถูกขัดขึ้นแทบในทันทีที่เริ่มอธิบาย
"ผมไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิต ถึงลูกผมเขียนนิยายแต่ผมไม่ใช่คนเพ้อเจ้อ"
เสียงดุๆ พูดจบพร้อมกับหันมามองจอมพลตาขวาง
"ผมไม่รู้ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเอง แต่ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้จีนเสียใจแน่นอนครับ" สองมือที่ชื้นเหงื่อประสานกันไว้ที่ตักขณะที่ให้คำมั่นสัญญา
แต่ก็โดนคำถามจัดหนักสวนกลับมาอีกครั้ง..
"พวกนักร้องนักดนตรีนี่ไม่ใช่ว่าแอบมีลูกมีเมียอยู่แล้วเหรอ? ไปจังหวัดไหนก็ไข่ทิ้งไว้"
คำสบประมาทที่คุณเจริญพูดถึงนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เพราะนักร้องส่วนหนึ่งก็มีชีวิตแบบนั้นจริงๆ แต่ไม่ใช่เขา..
"เอ่อ...สาบานได้ครับผมไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นแน่ๆ ถึงผมจะเคยมีแฟนมาก่อน แต่ผมไม่มีทางไปไข่ทิ้งไว้ที่อื่นแน่นอน"
แน่ล่ะ นอกจากพิมพ์แล้วเขาก็ไม่มีอะไรกับผู้หญิงอื่นเลย ต่อให้เป็นผู้อุปการคุณตั้งแต่เด็กสาวจนถึงป้าแก่ๆ ก็ไม่เคยลงทุนเสียตัวให้เด็ดขาด ถ้าจะทำใครท้องได้ก็คงมีแต่พิมพ์เท่านั้น ซึ่งทุกครั้งที่มีอะไรกันพิมพ์ก็กินยาคุมกันไว้ตลอด
"จีนเป็นคนหัวอ่อนและเชื่อคนง่าย ผมไม่ต้องการให้เขาต้องเจอเรื่องแย่ๆ ในชีวิตอีก แค่เรื่องเบญคนเดียวก็กลายเป็นบาดแผลในใจของจีนแล้ว อย่าทำให้ลูกผมต้องเสียใจเพราะคุณอีกคน ไม่งั้นผมจะส่งรูปคุณไปให้ซุ้มมือปืนแถวบ้าน...เข้าใจไหม?"
คุณเจริญข่มขู่อีกครั้ง แต่มันเป็นน้ำเสียงที่อ่อนลงไม่เกรี้ยวกราดเหมือนตอนแรก
"ขะ เข้าใจครับ"
"เอาล่ะ ผมจะกลับแล้ว ยังไงก่อนไปขอถ่ายรูปคู่หน่อย"
"ห่ะ?"
เดี๋ยวนะครับโผ้มมมม จะถ่ายรูปไปให้มือปืนตามมายิงกูทีหลังงี้ไม่ได้นะครับโผ้มมม
ก่อนที่ชายหนุ่มจะคิดวิตกไปไกล คุณพ่อก็รีบเฉลยจุดประสงค์ของตัวเองให้ฟัง ซึ่งคิดไปคนละทางกับจอมพลโดยสิ้นเชิง
"ไม่ต้องห่ะ ผมไม่ได้บ้าดารา เมียผมสั่งให้ถ่ายรูปคู่แฟนน้องจีนแล้วส่งไปให้เธอดู เออนี่ ช่วยทำหน้าตาให้มันร่าเริงเหมือนเราสนิทกันด้วย ผมไม่อยากให้เมียเข้าใจผิดว่าผมมาข่มขู่คุณ..."
ว่าจบว่าที่พ่อตาก็เปิดประตูรถออกไปยืนตรงที่สว่างๆ ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดกล้องหน้า ส่วนจอมพลก็ต้องกุลีกุจอเปิดประตูรถวิ่งหูตูบมาเข้าเฟรมด้วยสีหน้าที่จำเป็นต้อง "ร่าเริง" ทั้งๆ ที่โดนคำขู่ไปหยกๆ
หลังจากที่ส่งคุณพ่อขึ้นแท็กซี่ไปสนามบินดอนเมืองเรียบร้อย จอมพลก็รีบบึ่งรถไปรับแฟนที่สำนักพิมพ์ทันที เพราะวันนี้จินตภัทรต้องเข้าไปประชุมเกี่ยวกับแผนโปรโมตนิยายเรื่องใหม่ ช่วงนี้เพราะที่บ้านของกวินมีปัญหาขลุกขลักหลายอย่าง ทำให้จอมพลต้องขับรถไปทำงานเอง เขามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองขณะที่รอไฟแดงแยกอโศกที่นับถอยหลังจากร้อยห้าสิบวินาที เขายังเหลือเวลาอีกนิดหน่อยที่จะแวะซื้อกาแฟให้ตัวเองและซื้อวนิลาลาเต้ให้จินตภัทร
ชายหนุ่มมองถนนและผู้คนที่เดินข้ามทางม้าลายตรงหน้าระหว่างที่รอคอย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวในเดรสสีชมพูอ่อน ผมยาวสลวยและเสี้ยวหน้าที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคย...
เธอค่อยๆ เดินมาหยุดหน้ารถของเขาไปพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมกอด
หัวใจของจอมพลเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
ทุกอย่างรอบตัวพลันหยุดเคลื่อนไหว ในวินาทีที่สบตากัน
เธอยิ้มให้เขา..รอยยิ้มแสนหวานและสวยงามที่ยังคงตราตรึงในความทรงจำของเขา
มือหนาแตะลงที่ประตูรถก่อนจะเปิดออกไปอย่างรีบร้อนโดยไม่มองรถมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งตะบึงเข้ามาจากด้านหลัง
แตรรถมอเตอร์ไซค์แผดเสียงดังลั่นก่อนจะเบรคจนล้อเสียดสีกับพื้นถนนจนเกิดประกายไฟ เสียงกรีดร้องของคนที่วิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่งด้วยความตื่นตระหนก
ทั้งโลกกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง...
แต่ร่างของชายหนุ่มกลับนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน
เลือดสีแดงฉานค่อยๆ ขยายวงกว้างขึ้น....ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
...........TBC..........
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อนิลรักจีนมากอะ ทำทุกอย่างเพื่อให้เพื่อนมีความสุข
นี่ว่าถ้าบีทำพิมพ์ท้องจริงๆแล้วจีนรู้ จีนก็สามารถมีเหตุผลมากพอแล้วก็เข้าใจบีได้อะ จีนเป็นคนมีเหตุผลมากๆคนนึง