ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] All About - "JOKE" #Chansooตลกร้าย

    ลำดับตอนที่ #21 : JOKE - (8) คนระหว่างทาง 100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 759
      5
      1 ก.พ. 59

    © themy butter





    ถ้าเธอจะไปมีใจรักใครอีกคน
    ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล 
    ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอย่างนั้น

    เมื่อความเป็นจริงคือเธอรักใครอีกคน......มากกว่­าฉัน
    เราอาจเคยรักกัน ....แต่เธอคงไม่ได้รักกันมากพอ











     

     

    ช่วงสองสามวันนี้ คนไข้อาจจะมีอารมณ์แปรปรวน พูดโต้ตอบช้า เพราะสูญเสียความจำในบางช่วง แต่กรณีนี้ไม่รุนแรงครับ ประมาณ อาทิตย์นึงก็น่าจะจำได้มากขึ้นแล้วก็กลับสู่สภาวะปกติ

    เสียงแพทย์เจ้าของไข้ของพัคชานยอลเอ่ยกับคยองซูและเซฮุนที่เข้าไปรับฟังอาการของเพื่อน เซอุนจับมือคยองซูแน่นและบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ สีหน้าของเพื่อนตัวเล็กไม่ดีเลยตั้งแต่เมื่อวานที่ชานยอลตื่นขึ้นมาแล้วนั่งมองคยองซูราวกับคนไม่รู้จัก

     

    เซฮุนคิดว่ามันมีแค่ในหนังในละครที่คนประสบอุบัติเหตุจะสูญเสียความทรงจำไป เพียงแต่ชานยอลไม่ได้สูญสียความทรงจำทั้งหมด แค่บางส่วน และแค่ช่วงเวลาไม่กี่วันอย่างที่หมอบอก แต่ที่แน่ๆชานยอลจำเขากับจงอินได้ แต่เหมือนกับเป็นความทรงจำที่ไม่มีคยองซู....

     

    มีคำกล่าวไว้ว่าสมองของคนเรามีกลไกหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดด้วยการลืม......

     

     

    ......................




     

    มันเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงที่ดูเศร้าจนแทบไม่อยากตื่นจากความฝัน จงอินรู้สึกตัวขึ้นพร้อมกับอาการปวดตัวเล็กน้อยที่เกิดจากรอยฟกช้ำตามตัว เป็นครั้งแรกในรอยหลายปีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเพียงคนเดียว ไม่มีเซฮุน และไม่มีจื่อเทา

    จงอินแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกับหมอตอนที่เขาแสร้งหลับ ทุกคนแปลกใจที่เขาไม่ร้องไห้คร่ำครวญ หรือตีอกชกหัวจะเป็นจะตายกับการจากไปของจื่อเทา มันมีบางอย่างที่ทำให้จงอินรู้ว่าจื่อเทาไม่เคยจากไปไหน

    จงอินฝัน ฝันเห็นจื่อเทาทุกคืน แฟนของเขามายิ้มให้และบอกว่าไม่เป็นไร ตอนนี้สบายดี และอยากให้จงอินใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข มีความสุขโดยไม่มีจื่อเทาข้างกาย

    ไม่ใช่ไม่เศร้าและไม่รู้สึกเสียใจเลย เพราะแต่เขาเลือกที่จะไม่ร้องไห้ออกมา ก่อนที่จื่อเทาจะจากไป คนรักของเขาได้ทำหน้าที่ของแฟนที่ดีที่สุดแล้ว ด้วยการปกป้องเขา โดยไม่ห่วงตัวเองแม้แต่น้อย


     

    จงอินจำได้ว่าตอนที่จื่อเทาหักพวงมาลัยหลบแต่ไม่พ้น รถเริ่มหมุน จื่อเทาหันกลับมาปลดเข็มขัดนิรภัยของจงอินออกและเปิดประตูผลักเขาออกมา ชั่ววินาทีที่เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นภาพสโลโมชั่นที่ยังจำติดตาได้ดี 

    เขากระเด็นออกมาและมองเห็นรถกลิ้งกระเด็นลงไปจากไหล่ทางในขณะที่ตัวเขากระเด็นลงมาอยู่ที่พงหญ้า ขาขวาฟาดกับขอบไหล่ทางถนนจนรู้สึกปวดและชา


    จื่อเทาเลือกที่จะหันมาช่วยจงอินทั้งที่ตอนที่รถพลิกจื่อเทาสามารถกระโจนออกไปได้หลังจากควบคุมรถไม่อยู่.....

     

    เสียงดังสนั่นของรถบรรทุกที่พุ่งลงไปไหล่ทางอีกฝั่งและระเบิดขึ้น เรียกให้จงอินลุกขึ้นมาตอนที่ยังมีสติ รถกระเด็นออกไปไกลหลายช่วงตัว จงอินเดินลากขาที่ไม่รับรู้ความรู้สึกอะไรนอกจากชา


    เขาเรียกหาจื่อเทาและเพื่อน จนกระทั่งเดินมาถึงตัวรถ จงอินจำได้ว่าภาพตอนนั้นมันน่ากลัวจนร้องไห้ไม่ออก วินาทีที่เห็นข้อมือที่สวมนาฬิกาสีทองยื่นออกมาจากรถที่พลิกตีลังกาและหน้ารถบุบจากแรงกระแทก ที่เขาจำมันได้ดีเพราะเป็นคนไปเลือกนาฬิกาเรือนนี้กับจื่อเทาเอง แขนของจื่อเทาที่เต็มไปด้วยเลือดและคราบดิน จงอินทรุดตัวลงและจับมือนั้นไว้ มือที่ยังอุ่นอยู่ของอีกฝ่าย

    จงอินพยายามจะช่วยจื่อเทาออกมาแต่มือหนาที่ไร้เรี่ยวแรงฉุดเขาไว้พร้อมกับเสียงพูดราวกระซิบขาดๆหายๆ

     

    อย่า...พี่ไม่อยาก..ไม่อยากกลับไปแบบนี้ พี่ไม่อยาก เป็นภาระของใคร จงอินมองอีกฝ่ายที่ร่างกายท่อนล่างติดอยู่ในซากรถผ่านม่านน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าจื่อเทาเจ็บแค่ไหนกับร่างกายที่ถูกอัดทับอยู่ในซากรถราวกับตุ๊กตา

    ลมหายใจสุดท้ายของคนรักจากไปพร้อมกับรอยยิ้มที่จื่อเทามอบให้เขา แทนคำพูดบอกรักมากมายที่เขาเคยได้ยินจากปากอีกฝ่าย แทนความรู้สึกที่จงอินไม่อาจจะตอบแทนให้ได้เท่าเทียมที่จื่อเทามอบมันให้กับเขา

     

    จงอินเคยสงสัยว่าเมื่อไหร่เขาถึงจะตัดใจและปล่อยเซฮุนไปได้แล้ว เขาคิดเสมอว่ามันเป็นไปได้ยากเพราะเขายังไม่รู้สึกรักใครมากพอที่จะรักได้โดยไม่ต้องมีเซฮุนอยู่ด้วยกันอีก


    แต่ตอนนี้หลังจากที่แม่บอกเขาทั้งน้ำตาว่าจื่อเทาได้จากไปแล้ว จงอินทำได้แค่พยักหน้ารับรู้ และเข้าใจตัวเองตั้งแต่วินาทีนั้นว่า เขารักจื่อเทามากกว่าใครในโลก ถ้าไม่มีผู้ชายคนนั้น เขาคงไม่มีโอกาสได้เจอพ่อ แม่ และพี่สาวอีกต่อไปแล้ว

     

    จงอินคิดว่าเขาพร้อมแล้วที่จะปล่อยเซฮุนไป.....เพื่อที่จะรักแค่จื่อเทาคนเดียวตลอดไป



     

     

    .......................




     

     

    แบคฮยอน ลูกลืมโทรศัพม์ไว้ข้างล่างแหนะ มีคนโทรมา.... เอ๊ะ แบค....แบค!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

     

    เสียงของแม่เป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน 

    หลังจากที่กินยานอนหลับเข้าไปจนหมดขวด 

    ผมค่อยๆกินมันทีละเม็ดสองเม็ด แล้วดื่มน้ำตาม ผมแค่อยากหลับ และอยากลืม... แต่มันไม่สำเร็จ


    ผมไม่ได้อยากตาย....เพียงแต่ ผมอยากพัก ผมเหนื่อย


    ผมเหนื่อยกับการต้องเสียใจซ้ำๆ และไม่มีค่าอะไร การคบกันที่เป็นเหมือนคนระหว่างทางที่เดินเป็นเพื่อนเขาในวันที่เขาถูกทิ้งให้เดินคนเดียว....และสุดท้ายผมก็ไม่ได้ถูกเลือกให้เดินไปด้วยกัน ก็แค่คนระหว่างทางสำหรับคยองซู

    สัมผัสจากมือของคนที่นั่งมองหน้าผมอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยค่อยๆเกลี่ยน้ำตาผมออกจากแก้ม ผมเหลือบมองเขาและได้แต่สงสัยว่า โอเซฮุนมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน

     


    ทำไมทำแบบนี้ ฉันยังไม่บอกคยองซูหรอกนะและที่กำลังถามนี่ก็ไม่ได้กลัวว่าเพื่อนฉันจะเสียใจ แต่ว่านายไม่ควรทำร้ายตัวเองแบบนี้ แม่นายรับสายตอนฉันโทรหานาย เธอร้องไห้เหมือนคนเสียสติ นายทำร้ายคนที่เขารักนายขนาดนี้ได้ยังไง

     

    คิ้วหนาของเซฮุนขมวดเข้าหากันตอนที่กำลังบ่นผมอยู่ มันจริงอย่างที่เขาพูด ผมทำลงไปโดยไม่คิดถึงแม่เลย แต่ผมสาบานได้ว่าไม่ได้อยากตาย ผมแค่อยากนอน...

    ฉันไม่ได้อยากตาย แค่อยากนอน อยากพัก....มัน....มันเหนื่อยมากเลยผมพูดออกไปด้วยเสียงที่สั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ คำว่าเหนื่อยถูกพูดออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าเซฮุนเข้าใจไหม

     

    แต่....เขาก็กอดผมไว้และลูบหลังปลอบ

     


    ไม่ควรมีใครตายเพราะอกหักนะแบคฮยอนเซฮุนบอกขณะกอดผมไว้

     

    เขารู้.....


    มันเป็นเรื่องแปลกที่ผมไม่เคยบอกเขาเรื่องคยองซูเลย ผมเป็นแฟนของเพื่อนเขา และได้เรียนห้องเดียวกับเขา นั่นทำให้ผมรู้จักกับเซฮุนและเริ่มสนิทคุ้นเคยกันในเวลาไม่นาน

     


    ในฐานะแฟนของเพื่อน และเพื่อนร่วมเอก ร่วมคลาสเดียวกัน....แค่นั้น


     

    นายตัวเล็กเท่าคยองซูเลยเซฮุนบอกขำๆ นั่นไม่สบอารมณ์ผมเท่าไหร่ แต่เพราะเขาดีกับผม เลยปล่อยไปก่อน....

    ฉันสูงกว่าเพื่อนนาย

    ความสูงที่ได้มาจากรองเท้าเสริมส้นสินะ

    กวนประสาท....คนเกิดมาสูงจะไปเข้าใจอะไร

    เวลานายโมโห มันดีกว่าเวลาที่นายทำหน้าเศร้านะแบคฮยอน ไปเถอะ แม่นายรอพานายกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันดีกว่า นายล้างท้องมาคงหิวมากคนตัวสูงกว่าผมพูดพลางถือวิสาสะตีพุงผมเบาๆ


     

    ผมไม่รู้ว่าทำไมแต่เซฮุนดูใจดีกับผมมาก อาจจะเพราะมันคือครั้งแรกที่เราคุยเรื่องของตัวเองมากกว่ากว่าเรื่องของคยองซู ที่ผ่านมาในฐานะแฟนเพื่อน ผมก็จะคุยกับเขาแค่เรื่องเพื่อนเขา เรื่องผลบอล ไม่ก็เรื่องเกม


    แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำให้ผมรู้ว่าเขารู้เรื่องของผมมากกว่าที่ผมคิด.....

     

    จริงๆวันนี้ฉันโทรหานายเพราะจะบอกว่าคยองซูจะอยู่โรงพยาบาลต่อ จากกำหนดเดิมที่กลับบ้านวันนี้

    ทำไมหละ เขาเป็นอะไรถึงต้องอยู่ต่อผมหันไปถามขณะที่เขาพยุงตัวผมให้ลุกขึ้นนั่งบนรถเข็น

    คยองซูจะอยู่ดูแลชานยอลก่อนหนะ


    ผมเงียบไปอึดใจนึงเมื่อรู้สาเหตุที่แฟนผมไม่กลับบ้านสักที ตอนแรกก็ห่วงว่าเขาจะมีอาการแทรกซ้อนอะไนเสียอีก


    ชานยอลอาการเป็นไงมั่งผมถามเสียงเรียบพยายามข่มใจตัวเองให้มากที่สุด อย่างน้อย....ชานยอลก็เป็นเพื่อนเซฮุนด้วย

    เป็นเอ๋อ มันจำคยองซูไม่ได้ แต่หมอบอกว่าคงเป็นแบบนี้สองสามวัน

    แค่คยองซูคนเดียวหรอ?” แบคฮยอนเงยหน้ามองคนที่เข็นรถเข็นให้อย่างรอคำตอบ

    อืม....แต่มั่นใจว่ามันไม่แกล้งนะ ดูมันไม่ใช่แค่จำไม่ได้อ่ะ...อาการแย่กว่านั้นอีกเซฮุนพูดแล้วถอนใจ เมื่อนึกถึงสภาพของคยองซูที่โดนไล่ตอนที่พยายามจะเดินเข้าไปหาชานยอล

     

    ถ้าแกล้งชานยอลก็คงโหดมากๆ แต่ถ้าไม่ได้แกล้ง ก็ไม่รู้ว่าจิตใต้สำนึกของชานยอลมันสร้างปมอะไรในใจเกี่ยวกับคยองซูแบบนั้น

     

     




    ..............

     

    นายควรกินให้หมดนะ

    จงอินอยู่ไหน

     

    คยองซูก้มหน้ามองเพียงเท้าตัวเอง ตอนนี้เขาถอดเฝือกคอออกแล้วแต่เหลือแค่แขนที่ใส่เฝือกอ่อนอยู่


    คนบนเตียงที่กำลังถามหาจงอินตอนนี้อยู่ในสภาพใส่เฝือกขาและดามหลังไว้ แต่โชคดีที่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้กินข้าวได้แต่ไปห้องน้ำลำบากหน่อย

    จงอินกลับไปตอนนายหลับ เขาบอกให้นายกินเยอะๆคยองซูโกหกเล็กน้อยเพราะหลายครั้งที่บอกว่าจงอินสั่ง ชานยอลจะทำตามโดยไม่เกี่ยงงอน และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ได้ พอบอกว่าจงอินให้กินเยอะๆ ชานยอลก็ตักข้าวใส่ปากคำโตก่อนจะเหลือบมองเขา


    จงอินไม่อยู่ ....ออกไป

     

    คำพูดไล่เขาอย่างไร้เยื่อใยเอ่ยพลางถอนใจเบื่อหน่ายออกมา คยองซูคิดว่ามันคงเป็นบททดสอบของพระเจ้าที่ให้เขามาอยู่ในจุดที่ชานยอลออกปากไล่ขนาดนี้ แต่มันก็แค่ไม่กี่วัน....ถ้าเป็นไปตามที่หมอบอก

     

    ราวกับสิ่งที่เขาพูดกับชานยอลมันย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง

    ที่บอกว่าให้ชานยอลลืม....ตอนนี้ก็ลืมสมใจอยากแล้ว ลืมไปหมดแม้แต่ความรู้สึกแบบเพื่อน


     

    ฉันจะดูนายกินให้หมดก่อนสรรพนามที่เคยพูดกูมึงกันอย่างสนิทสนมก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

    ฉันไม่ชอบ

     

    คยองซูได้แต่ลอบถอนใจนิดๆเขาไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากอดทน อดทนให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปหวังว่าชานยอลจะหายเร็วๆและกลับมาเป็นคนเดิม เขามีเรื่องมากมายอยากจะบอก และหนึ่งในนั้นคือ

     

    อยากให้ชานยอลรู้ว่าตลอดเวลาเขาไม่เคยลืมอีกฝ่ายเลย ไม่เคยรักชานยอลน้อยลง 

    และรับรู้ว่าชานยอลเป็นแบบนั่นเพราะอะไร มันดีใจตอนที่อีกฝ่ายยอมรับว่าชอบ 

    แต่เขาแค่อยากจะแก้แค้นและอยากให้ชานยอลเจ็บบ้าง 

    การคบแบคฮยอน ความรู้สึกที่มีให้แบคฮยอนมันอาจจะไม่แฟร์ แบคฮยอนดีกับเขามาก มากจนรู้สึกผิด

    บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ต้องขอโทษแบคฮยอนแล้ว.......

     

     



    ………………….

     



     

     

    “มึงกินน้อยนะมีอะไรรึเปล่า?”

    เซฮุนถามพลางเอียงคอมองจงอินที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย

    “มึงไม่จำเป็นต้องมาเฝ้ากูขนาดนี้ก็ได้นะ เดี๋ยวพ่อแม่กูก็มารับแล้ว”

    “จะกลับไปอยู่บ้านหรอ?”

    “อืม”

    “.......แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่”

    “คงไม่...กูให้แม่ไปลาออกแล้ว ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกมึงก่อน กูจะไปหาพ่อแม่พี่จื่อเทาที่จีนแล้วค่อยคิดว่าจะทำอะไรต่อหลังจากนั้น ตอนที่พวกเขามารับพี่จื่อเทากูก็ไม่ได้สติ ไม่ได้เจอพ่อแม่พี่เขาเลย กูอยากไปหาพ่อแม่เขา ไปขอโทษพวกเขาที่กูช่วยพี่เขาไม่ได้ แล้วก็......เรื่องของเรา”

     

    เสียงสั่นเครือของจงอินขาดหายไป น้ำตาไหลอาบแก้มใสและสะอื้นน้อยๆ เซฮุนเม้มปากแน่นขณะยกถาดอาหารออก ข่มใจไม่พูดอะไรออกไป เขาไม่อยากรับฟังอะไรมากไปกว่านี้ เขารู้สึกเสียใจเรื่องพี่จื่อเทา แต่เขาไม่คิดว่าจงอินจะทิ้งเขาไปแบบนี้....อย่างน้อยก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กจนเข้ามหาลัย ถึงจะหมั่นไส้จงอินมากแค่ไหนเขาก็ไม่คิดว่าจะต้องจากกันแบบนี้

     

    จงอินยื่นมือมารั้งข้อมือหนาของเซฮุนไว้ไม่ให้เจ้าตัวเดินหนี

     

    “ตอนนี้กูรู้แล้วว่ากูรักเขามากแค่ไหน กูมารู้เอาตอนที่กูไม่มีเขาแล้วอ่ะมึง ฮือออออออ กูขอโทษนะ กูขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ฮึก ขอโทษที่ทำเหมือนล้อเล่นกับความรู้สึกของมึง แต่กู...ตอนนี้กูคงกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว กูรู้สึกผิดกับพี่เขา แล้วก็คิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่กูจะปล่อยมึงไป”

     

    จงอินจับมือเซฮุนและบีบเบาๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยมืออีกฝ่าย เซฮุนมองหน้าคนที่เป็นทั้งคนรักและเพื่อนสนิทของตัวเอง เซฮุนยิ้มออกมาน้อยๆและยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย

     

    เขาคิดว่าตอนนี้มันคงหมดหน้าที่ของเขาแล้ว หน้าที่ของคนระหว่างทางของจงอิน

    แม้ว่าพี่จื่อเทาจะไม่อยู่แล้ว แต่จงอินยังคงรักพี่จื่อเทามากจนสามารถปล่อยเขาไปได้

    ก็ไม่มีอะไรต้องอธิบายซ้ำ ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ใครคือคนในใจของจงอิน

    ถึงตอนนี้จะไม่ใช่เขา...แต่อย่างน้อยก็ยังมีช่วงเวลานึงที่จงอินเคยชอบเขา


    “กูรักมึงนะ...ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา” เซฮุนเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอ จงอินยิ้มให้เซฮุนและเอ่ยขอบคุรอย่างแผ่วเบา ก่อนที่มือทั้งคู่จะปล่อยจากกันไป เซฮุนเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองจงอินอีก

    นั่นคือสิ่งที่จงอินต้องการ และเซฮุนรู้ รู้ดีกว่าใครๆ.......

     

     

    ........................



     

    “แบคฮยอนไม่มาเมื่อวาน เป็นอะไรรึเปล่า เราโทรไปก็ไม่รับ” คยองซูถามอีกฝ่ายขณะที่มานั่งที่คอฟฟี่ชอปในโรงพยาบาล

     

    แบคฮยอนจิบกาแฟก่อนจะยิ้มให้ คำโกหกที่คิดเอาไว้แล้วถูกถ่ายทอดออกมาด้วยรอยยิ้มที่เสแสร้ง

     

    “อ้อ พอดีเมื่อวานโทรศัพท์เสียหนะเอาไปซ่อมพอดี กว่าจะเสร็จก็เลยเวลาเยี่ยมแล้ว นี่คยองซูจะออกจากโรงพยาบาลวันไหนหรอ?”

    “เอ่อ..คือเราจะอยู่ต่ออีกสักพักหนะ” พอโดยถามกลับไม่ทันตั้งตัวคยองซูก็ได้แต่ตอบอ้อมๆแอ้มๆ

    “คยองซูไม่สบายตรงไหนอีกหรอ? จงอินจะออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ คยองซูยังเจ็บตรงไหนอยู่หรอ?”

     


    คำพูดที่ดูราวกับประชดประชันทำให้คยองซูถึงกับไปต่อไม่ถูก คำว่า คยองซูยังเจ็บตรงไหนหรอ? เหมือนเน้นย้ำและบีบให้อีกฝ่ายพูดความจริงออกมา ความจริงที่คยองซูไม่คิดจะพูดมันตอนนี้

     

    “เรา....” คยองซูเอ่ยอย่างลำบากใจ เขาไม่รู้จะเริ่มมันตรงไหนดี ไม่รู้จะพูดยังไงให้ทุกอย่างมันไม่เลวร้าย

    “ไม่ต้องรู้สึกแย่ขนาดนั้นก็ได้นะ” แบคฮยอนพูดออกมา น้ำเสียงที่เริ่มแหบพร่าบอกให้คยองซูรู้ว่ามันหมดเวลายื้อแล้ว...ที่คิดว่าจะแค่ขอโทษและขอเวลามันคงไม่ใช่ในสถานกาณณ์นี้แล้ว

    “ขอโทษนะแบคฮยอน”

    “เราบอกแล้วไงไม่ต้องรู้สึกแย่ขนาดนั้น เราเป็นคนขอคบคยองซูเอง คิดเอง เออเองว่าคยองซูอยากกลับมาคบกับเรา คิดว่าคยองซูอาจจะหันมาชอบเราบ้าง มันไม่ใช่ความผิดคยองซูเลยนะ”

     

    คยองซูได้แต่นั่งเงียบและก้มหน้ามองเพียงแค่จานรองแก้วตรงหน้า เขาไม่กล้ามองหน้าแบคฮยอนตอนนี้ เสียงของอีกฝ่ายทำให้รู้ว่าแบคฮยอนคงกำลังร้องไห้อยู่ มันเป็นความผิดเขาเอง....

     

    “เราไม่น่าขอคยองซูคบเลย ก็รู้อยู่แล้วว่าตอนนั้นคยองซูมีปัญหาแต่เราก็แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรแล้วก็ขอคบไปแบบนั้น...ฉะนั้นไม่ต้องรู้สึกผิดกับเราหรอกนะ เราต่างหากที่ต้องขอโทษที่ยื้อเวลามาจนป่านนี้”

    “แบค....”

    “ถ้ารักชานยอลก็ควรคบกับชานยอลนะ อย่าพยายามแก้แค้นเขาทั้งที่ตัวเองก็เจ็บแบบนี้ ไม่ต้องห่วงเรา เราไม่ตายเพราะแค่อกหักจากคยองซูหรอก”

    แบคฮยอนฝืนยิ้มออกมาหลังจากพูดจบ เขาเอื้อมมือไปแตะหลังมือคยองซูเบาๆก่อนจะลุกไปจ่ายเงินและเดินออกจากร้านไป ทิ้งคยองซูไว้ตรงที่เดิม


    เขารู้ดีว่าคนแบบคยองซูคงไม่มีคำพูดอะไรมาโต้แย้ง แต่การกระทำมันเด่นชัดอยู่แล้วว่าคยองซูคิดอะไรและอยากทำอะไร

     

    แบคฮยอนคิดว่าสู้เป็นคนลุกขึ้นและเดินจากไปก่อน มันจะเจ็บน้อยกว่ารอให้คยองซูเป็นฝ่ายบอกเลิกตรงๆ

    เขาโดนคยองซูทำแบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว มันไม่ต่างจากเดิมที่เขาเป็นคนบอกให้คยองซูไป เป็นอีกครั้งที่เขาต้องเป็นฝ่ายตัดสินใจให้

     

    เป็นอีกครั้งที่ความรักของเขากับโดคยองซูไปไม่รอด..........

    แต่มันคงไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว

     

     

    ......................

     

     

     

    “ผมเห็นเบอร์คุณเป็นเบอร์สุดท้ายที่เขาโทรออกหนะครับ”

     

    เจ้าของเต้นท์ขายอาหารบอกด้วยท่าทางเกรงใจ เซฮุนงงมากที่มันเป็นอีกครั้งที่เขาต้องมารับแบคฮยอน ครั้งแรกก็ตอนแม่แบคฮยอนรับสายเขาแล้วบอกว่าแบคฮยอนพยายามกินยาเพื่อฆ่าตัวตาย และตอนนี้ก็โดนโทรเรียกเพราะอีกฝ่ายเมาเละจนพูดไม่รู้เรื่องอยู่ในเต้นท์ขายอาหารข้างทาง

    เซฮุนก้มหัวให้เจ้าของร้านอย่างมีมารยาทก่อนจะย่อตัวลงไปช้อนตัวแบคฮยอนที่นอนขดอยู่กับพื้นร้านอย่างกับลูกหมา เสียงงึมงำดังออกมาฟังไม่ได้ศัพท์

     

    พอจับแบคฮยอนใส่รถได้เขาก็สตาร์ทรถแล้วมองไปที่คนหลับไม่รู้เรื่อง เขาไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายเมาเละขนาดนี้....เพราะก่อนหน้านี้แบคฮยอนโทรมาหาเขาและบอกว่าจะบอกเลิกคยองซูด้วยตัวเอง นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเบอร์ของเซฮุนจึงเป็นเบอร์ล่าสุดที่แบคฮยอนโทรหา

    เหมือนตอนนี้เขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องคยองซูดีที่สุด และแบคฮยอนไว้ใจที่จะปรึกษาเรื่องนี้ด้วย เขาไม่ได้บอกแบคฮยอนเลยว่าวันนี้ตัวเองก็โดนทิ้งเหมือนกัน มันตลกดีที่วันนี้มันเป็นวันที่พวกเขาทั้งคู่โดนบอกเลิก (ถึงแบคฮยอนจะชิงบอกเลิกก่อนก็ไม่ต่างกัน)

    เซฮุนขับรถไปเรื่อย จุดหมายคือบ้านของแบคฮยอน แต่เสียงแปลกๆของคนที่นั่งข้างก็ดังเรียกความสนใจ แบคฮยอนทำท่าเหมือนจะอ้วก เซฮุนรีบจอดข้างทางแล้วคว้ากล่องทิชชู่ที่จงอินเป็นคนซื้อให้มารองไว้แทบไม่ทัน แบคฮยอนสำรอกของที่กินเข้าไปออกมาจนหมด เซฮุนถึงกับจะอ้วกตาม หันหน้าหนีไปก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นโรงแรมเล็กๆที่อยู่ทางขวามือ

     

     

     

     

    “ขอโทษนะ เดี๋ยวฉันซักเสื้อให้” แบคฮยอนที่ตอนนี้สติกลับมาเกือบ100เปอร์เซนต์แล้วนั่งทำหน้าแหยๆเมื่อเซฮุนเดินถือเสื้อที่เละเทะไปด้วยของเก่าที่แบคฮยอนฝากไว้เตรียมเดินเข้าไปซักในห้องน้ำหลังจากรอแบคฮยนอาบน้ำเสร็จและนุ่งเสื้อคลุมอาบน้ำออกมา

     “ค่าล้างเบาะรถด้วยนะ เห้อ กินอีท่าไหนวะ เมาหัวทิ่มขนาดนี้ ไม่เคยกินเหล้าหรอ?”

    “เคย....แต่ไม่เยอะ”

    “โวะ บ้าจริง นี่ถ้าที่ร้านไม่โทรมาหาฉัน นายคงโดนปล้นไปแล้ว นอนเละเทะอยู่ข้างทางเลย วันหลังจะดื่มก็โทรบอกสิเดี๋ยวไปเป็นเพื่อน” เซฮุนเอ่ยอย่างไม่คิดอะไรพลางถอดเสื้อกล้ามออกแล้วเดินไปอาบน้ำ

     

    แบคฮยอนนั่งเช็ดผมอยู่ที่เตียงข้างห้องน้ำพอดี หลังจากสร่างก็มีอาการปวดหัวนิดหน่อย คนตัวเล็กกดปิดมือถือที่แบตใกล้หมดแล้วเสียบชาร์จไว้หัวเตียงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองกระจกข้างเตียงด้วยท่าทางตกใจสุดขีด

     

    กระจกตรงหน้าเป็นกระจกที่พอคนในห้องน้ำเปิดไฟก็กลายเป็นกระจกเงาที่มองได้สองทาง คือคนด้านนอกสามารถเห็นคนในห้องน้ำได้อย่างชัดเจน

     

    ถ้าเรามองเห็นเซฮุนอาบน้ำ....เขาก็เห็นเราอาบน้ำเมื่อกี๊สิ

     

    แบคฮยอนนั่งตัวแข็งท่อและก้มหน้าก้มตา แม้จะเห็นจากหางตาว่าเซฮุนหุ่นดีจนใจเต้นแรงก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เขาไม่เคยรู้สึกเขินกับผู้ชายคนไหนมาก่อนเพราะตัวเองก็เป็นรุกมาตลอดชีวิต

     

    ทำไมต้องอายวะ....

    แบคฮยอนคิดแล้วก็ลุกลี้ลุกลนไปหมด ลุกๆนั่งๆ พยายามหันหนีแต่พอหันมาอีกฝั่งก็มีกระจกบานใหญ่สะท้อนเงาคนในห้องน้ำที่กำลัง......... หันมามองสบตาเขาแล้วยิ้มกวนใส่

     

    แบคฮยอนยืนหน้าแดงอย่างเขินอาย เขารู้ว่าเซฮุนมองไม่เห็นเขาแน่ๆ แต่อีกฝ่ายรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ากระจกมันมองเห็นจากด้านนอก ถึงได้หันมายิ้มล้อเลียนเขา

     

    ไอ้บ้าเอ้ย....




     

    “นอนเอาผ้าห่มคลุมโปงขนาดนั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกตายหรอก” เสียงเซฮุนดุพลางดึงผ้าห่มออก แต่แบคฮยอนกลับยื้อมันไว้

    “ไม่เอา หนาว....” คำโกหกคำโตพูดออกมาเพื่อปิดบังความรู้สึกแปลกๆในใจ

    “เดี๋ยวลดแอร์ให้อ่ะ”

    “มะ ไม่ต้อง....” เสียงอู้อี้ตอบแล้วค่อยๆดึงผ้าห่มออกเห็นแต่ตา

     

    เซฮุนสวมบ๊อกเซอร์ตัวเดียวนอนเพราะว่าชุดคลุมอาบน้ำในห้องที่มีตัวเดียวแบคฮยอนเอาไปสวมแล้ว

     

    “เป็นไร? ไม่สบายตัวหรอ? เอายาแก้แฮงค์ป่ะ? ฉันมีนะ” เซฮุนเป้นคนรอบคอบแล้วก็พบของใช้จำเป็นเสมอ เพราะเวลาที่อยู่กับจงอินเขาต้องเตรียมพร้อมไว้ เพราะจงอินก็เป็นพวกคออ่อนเหมือนกัน

    “เปล่า....นอนขยับไปอีกหน่อยได้ไหม”

    “โห ขยับอีกก็ตกเตียงแล้ว ฉันตัวโตกว่านายสามเท่านะ” เซฮุนเอ่ยแล้วแกล้งขยับไปเบียดแบคฮยอนมากกว่าเดิม

    “ทำไมเมื่อกี๊ถึงไม่บอกเรื่องกระจกห้องน้ำ” แบคฮยอนถามออกมาอย่างหงุดหงิดกับการกระทำของอีกฝ่าย

     

    เซฮุนหัวเราะจนตาหยีแล้วนอนตะแคงมองแบคฮยอนด้วยรอยยิ้มขี้เล่น

     

    “นายก็หุ่นดีนะ ถึงจะไม่มีกล้ามเลยก็เถอะ” เซฮุนแซวออกมาทั้งที่ความจริงเขาเห็นแบคฮยอนเปลือยเปล่าเพียงแว่บเดียวแล้วรีบก้มหน้าก้มตาเล่นเกมมือถือจนกระทั่งอีกฝ่ายดินออกมาจากห้องน้ำ

    “เป็นโรคจิตหรอ แอบดูคนอื่นอาบน้ำหนะ” มือของแบคฮยอนเอื้อมไปชกไหล่เซฮุนแรงๆ

    “แล้วตอนฉันอาบนายไม่ได้ดูหรอ? แหนะหน้าแดง ก็แสดงว่าแอบดูเหมือนกันหนิ ก็เจ๊ากันดิต่างคนต่างดู”

     

    คำพูดของเซฮุนทำเอาแบคฮยอนเขินแทบบ้า แบคฮยอนไม่รู้ตัวเลยว่ามันเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่าเซฮุนไม่เหมือนคนอื่น และไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมยามที่อยู่กับเซฮุน ความรู้สึกแย่ๆที่เจอมาก็มลายหายไปจนหมด 

    ทั้งที่วันนี้เขาเสียใจเรื่องคยองซูมากจนไปนั่งดื่มคนเดียว มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เซฮุนอยู่ข้างๆเขาในวันที่มืดมน แล้วก็ทำให้ทุกอย่างมันดีราวกับมีเวทมนต์


    “นายเป็นพ่อมดหรอ....” จู่ๆแบคอยอนก็พูดออกมาขณะจ้องหน้ากวนๆของอีกฝ่าย

    “หืม?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นงงๆ

    “เวลาอยู่กับนาย ฉัน...สบายใจ ทั้งที่วันนี้ฉันเสียใจจนอยากจะตายอีกรอบ....” แบคฮยอนเสียงสั่นมากจนเซฮุนสงสาร แขนแกร่งขยับมาโอบกอดอีกฝ่ายไว้ เซฮุนติดนิสัยชอบโอ๋มาจากการอยู่กับจงอิน เขาเทคแคร์จงอินจนติดเป็นนิสัย ตอนแรกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำแบบนี้กับใคร...จนกระทั่งเริ่มสนิทกับแบคฮยอน


    “บอกแล้วไงไม่มีใครตายเพราะอกหักหรอก”เซฮุนเอ่ยและลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ แบคฮยอนก้มหน้างุดอย่างทำตัวไม่ถูกเสียงพูดที่สั่นเล็กน้อยเอ่ยออกมาด้วยท่าทีขัดเขิน

    “แล้ว มีใครเคยตายเพราะเขินรึเปล่า....”

     

    เซฮุนหลุบตามองอีกฝ่ายยิ้มๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบเบาๆข้างหูแบคฮยอน

     

    “น่าจะนาย คนแรก ”

     






    TBC #chansooตลกร้าย

     




    เขินกันยัง?

     

    เดี๋ยวมาแก้คำผิดพรุ่งนี้นะคะ คืนนี้ง่วงแล้ว บะบัย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×