ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] All About - "JOKE" #Chansooตลกร้าย

    ลำดับตอนที่ #20 : JOKE - (7) จากลา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 664
      6
      26 ม.ค. 59


    © themy  butter

     


     

     




     

     

    “ไอ้แว่นมึงวางหนังสือก่อนได้มะ แล้วตอบกูมาว่าจะไปไม่ไป?” คิมจงอินชักจะหมดความอดทนกับไอ้แว่นที่ตอนนี้กลายเป็นชื่อของพัคชานยอลไปแล้ว

    “ไม่ไปหรอก กูไปเกะกะเปล่าๆนะ” คนใส่แว่นกรอบดำเอ่ยด้วยท่าทางคิดมาก

    “งานฟรีเลี้ยงตลอดทริปนะ กูชวนมึงเองนี่ให้เกียรติมากนะ” สายตาของคนชวนจ้องอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง จงอินอยากจะบ้าตายจริงๆ อกหักทีเดียวพัคชานยอลก็กลายเป็นพวกเนิร์ดไปเลย

    นอกจากจะหนีไปเรียนเอกกีตาร์คลาสสิคแทนที่จะเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เหมือนที่คุยกันไว้ แถมวันๆเอาแต่อ่านหนังสือและขลุกตัวอยู่ในห้องซ้อม ชวนไปไหนไม่ไป นี่ขนาดเขาเดินมาชวนถึงที่ยังจะมาโยเยใส่อีก

    “ใครไปมั่ง”

    “ก็ไปกันหมด อีคยองกะผัวมัน กูพี่จื่อเทา เซฮุน และมึง”

    “คือทุกคนมีคู่กันหมด.....”

    “มึง...เลิกพูดจาน้อยใจชีวิตแบบนี้นะ มึงเองที่ไม่คบใคร ไม่ใช่ความผิดพวกกูที่มีแฟน จำใส่กะโหลกไว้ด้วย วันเสาร์นี้นะ  เดี๋ยวกูเอารถไปรับที่บ้าน พี่จื่อเทาเอารถตู้ไป มึงไปกับกู ส่วนเซฮุนมันขับรถไปเอง”

     

    “อ่าวงั้นกูไปกับเซฮุนดิจะได้ไม่ต้องรบกวนรถแฟนมึงอีกอย่า...คยองซูพาแบคฮยอนไปด้วยใช่ป่าว” พู

    ดชื่อออกมาก็รู้สึกอึดอัดแทบบ้า ถึงจะถูกจัดไว้ให้อยู่ในตำแหน่งเพื่อนแต่มันก็เจ็บแปลบทุกทีที่เจอคยองซูเดินอยู่กับแบคฮยอนในมหาลัย นี่แหละสาเหตุที่ชานยอลเรียนเสร็จก็เข้าห้องซ้อมไม่เคยไปกินข้าวโรงอาหารเลย

    “ผิดเว้ย เซฮุนขับรถตามไปทีหลังกับแบคฮยอนเพราะเอกจีนมีสอบเช้าวันเสาร์ ส่วนอีคยองไปกับกู”

     

    ชานยอลฟังแล้วก็ได้แต่นิ่ง ทั้งที่เลี่ยงมาตลอด เพราะไม่อยากให้คยองซูอึดอัด ตั้งแต่วันที่เคลียร์กันไป ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายกลัวถูกคยองซูเมิน แต่พอหลังจากที่คยองซูบอกกับเขาว่าคงให้ได้แค่ฐานะเพื่อน เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเลิกกับแบคฮยอนแล้วอีกอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือคยองซูบอกว่าความรู้สึกที่เคยชอบเขามันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว...ก็เลยกลายเป็นเขาที่ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมไป ทั้งที่หลังจากนั้น แบคฮยอนจะไม่ได้ติดใจอะไรเวลาเจอหน้ากันก็ตาม แต่เขาไม่สามารถสบตาคยองซูได้เหมือนเดิม

     

    เขาเลือกที่จะแก้ปัญหาให้ตัวเองไม่ให้ไปวอแวอีกฝ่ายด้วยการตั้งใจเรียนแล้วก็เปลี่ยนจากที่จะสอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์การกีฬาคณะเดียวกับจงอิน ไปเรียนดนตรีซะ โชคดีที่เขามีทักษะดนตรีมาจึงทำให้การสอบไม่ได้ยากเย็นมาก จนกระทั่งเลือกวิชาเอกเขาก็เลือกที่จะเรียนกีต้าร์คลาสสิค แทนกีต้าร์สากล เพราะมันยากกว่าและทำให้ตัวเองได้จดจ่อกับการเรียนมากขึ้น

    ชานยอลเปลี่ยนมาใส่แว่นทั้งที่ตัวเองไม่ได้สายตาสั้น แต่มันช่วยพลางหน้าตาได้ไม่ให้ใครมาสนใจเขานัก รวมทั้งพวกผู้หญิงด้วย ชานยอลตัดขาดการมีความสัมพันธ์ในแบบคนรัก ไม่คบใคร ไม่นอนกับใครอีก ราวกับคำพูดของคยองซูเป็นคำสาปที่ทำให้เขาเปลี่ยนชีวิตตัวเองไป

     

    “ลองเป็นแบบเราดู แล้วจะรู้ว่าทำไมเราถึงไม่อยากกลับไปจุดเดิมอีกแล้ว”

     

    มันก็พูดลำบากว่าชีวิตที่ผ่านมาคยองซูลำบากขนาดไหน ที่สำคัญคือชานยอลรู้สึกผิดมากที่พูดกับคยองซูไม่ดี เพราะคิดว่าคยองซูหลอกตัวเองมาตลอด ว่าชอบกันแต่กลับคบแบคฮยอนมานาน แต่กลายเป็นว่าคยองซูไม่คบใครเลย ชานยอลมารู้เอาทีหลังว่าแม่คยองซูเข้าใจผิด

    แบคฮยอนเป็นคนบอกกับเขาเองในวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมเพราะคยองซูมาเล่าให้ฟัง แบคฮยอนบอกว่าไม่อยากให้คยองซูดูแย่ และความจริงก็คือแบคฮยอนเพิ่งขอคยองซูคบอีกครั้งก่อนที่ชานยอลจะทะเลาะกับคยองซู ที่ผ่านมาที่แม่คยองซูเข้าใจว่าคบกันมันไม่ใช่เลย พวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตลอดหลังจากที่เลิกกันไปตอนช่วงม.ต้นที่คบกันไม่ถึงเดือน

     

    ชานยอลคิดว่าเขาพลาดหลายอย่าง.....กว่าจะตั้งสติได้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไปแก้ตัวใหม่ เลยได้แต่ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เปลี่ยนนิสัยเดิมๆและพยายามทำตัวให้ดีขึ้น เหมือนกับใช้เวลาเพื่อรอ รอบางอย่างโดยไม่รู้จุดหมาย

     

     

    ....................................

     

     

     

    “หวัดดี...”

    คำทักทายโง่ๆที่ไม่รู้จะพูดอะไรเมื่อเจอคยองซูที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังในรถตู้ขนาด 6 ที่นั่งของพี่จื่อเทาที่ขับมารับ

    จงอินมารับเขาถึงบ้านหลังจากโทรบอกว่ากำลังจะเลี้ยวเข้าซอยบ้านเข้าแล้วเพียง 10 นาที ชานยอลโดนมัดมือชกด้วยคำว่า “คยองซูมาด้วยกูไปรับมันก่อน ถ้าไม่เกรงใจกูก็เกรงใจมันหน่อย” เขาจึงไม่อาจจะปฏิเสธออกไปได้

    เพราะว่าไปค้างแค่สองวันชานยอลเลยเตรียมเสื้อผ้าไปไม่กี่ชุดและหยิบกีต้าร์โปร่งไปด้วยตามคำสั่งของเซฮุนที่บอกมาทางแชทก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าสอบ ชานยอลจำใจต้องทำตามเพื่อนและพบว่าตัวเองแทบจะนั่งกลั้นหายใจตลอดทางที่นั่งรถ

     

    เสียงจื่อเทากับจงอินคุยกันร้องเพลงกันขณะที่ขับรถไปเรื่อยๆ ในขณะที่ชานยอลนั่งเงียบและมองเงาของคยองซูที่สะท้อนกับกระจกแทนการมองตรงๆ อีกฝ่ายนั่งหัวเราะจงอินบ้าง ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์บ้าง บางทีก็นั่งหลับตาเอนเบาะลงนอน ชานยอลไม่รู้ว่าตัวเองควรเริ่มคุยอะไร

     

    เขาไม่ได้คุยกับคยองซูเป็นกิจลักษณะมานานมาก ตั้งแต่เรียนจบแล้วมาเรียนต่อมหาลัย

    ข้อแรกก็เพราะเลี่ยงที่จะคุยด้วยเองเพราะทุกครั้งที่เจอคยองซูก็จะเจอแบคฮยอน

    และข้อสองคือคยองซูแตกต่างจากตอนเรียนมัธยมทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งการแต่งตัว และรูปร่างหน้าตา ผอมลง แต่งตัวเก่งขึ้น และผมสีอ่อนที่รับกับใบหน้าน่ารักและคอนแท็คเลนส์สีที่รับกับสีผม ทุกอย่างที่เปลี่ยนไปชานยอลรู้ว่าอิทธิพลมาจากแบคฮยอน เพราะแฟนเป็นคนแต่งตัวเก่งคยองซูก็เลยเหมือนมีสไตลิสส่วนตัว

     

    “มึงพูดมั่งก็ได้นะ” จงอินบอกขณะที่หันมามองชานยอลด้วยสายตาจับผิด

    “ให้กูพูดอะไรหละ มึงพูดซะเยอะเลย” ชานยอลบอกพลางถอนใจ เสียงหัวเราะของคยองซูดังขึ้นหลังจากที่เขาพูดจบ นั่นทำให้ชานยอลรู้สึกใจเต้นแรง และหันไปมองคนที่นั่งข้างๆเต็มตาเป็นครั้งแรก

     

    ชานยอลเลือกที่จะนั่งแถวกลางริมหน้าต่างฝั่งเดียวกับประตูรถ ในขณะที่คยองซูนั่งแถวเดียวกันแต่ชิดหน้าต่างอีกฝั่งพวกเขานั่งห่างกันสองที่นั่ง โดยมีกีตาร์ของชานยอลวางกั้นไว้

     

    “มึงเอากีตาร์กันคยองซูมันทำมะ ไปนั่งฝั่งเดียวกันไป แล้วเอากีตาร์มาวางไว้แทนที่นั่งมึง” คนเจ้ากี้เจ้าการบอกด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งสุดฤทธิ์ ชานยอลทำตามอย่างเสียไม่ได้ เพราะคนพูดมันก็ถือสิทธิ์ว่าตัวเองเจ้าของรถ

    ชานยอลขยับมานั่งข้างคยองซูที่หันมายิ้มให้ ริมฝีปากอิ่มสีแดงเรื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดีที่ทำให้ชานยอลหัวใจพองโต

     

    “คาดเข็มขัดด้วยนะ”

    ชานยอลพยักหน้าอย่างเงอะงะ และคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างว่าง่าย ในหัวกำลังคิดว่าจะเริ่มพูดอะไรดี จะเริ่มตรงไหนดี ทุกอย่างมันเคอะเขินไปหมดราวกับเขาไม่เคยรู้จักคยองซูเลย

    “ผมสีนี้สวยดี” ชานยอลเอ่ยเบาๆ ก้มหน้าอายๆ

    “ทำนานแล้ว มึงเพิ่งเห็นหรอ ตอนกัดสีโคตรแสบเลย” คยองซูบอกพลางออกท่าออกทาง กลายเป็นว่าคยองซูเองเสียอีกที่ไม่รู้สึกเคอะเขินอะไรเลยและสามารถคุยกับชานยอลได้อย่างเป็นกันเอง

    “งั้นหรอ กูชอบนะ เดี๋ยวเอาไว้อยากทำสีแล้วจะถาม” ร่างสูงยิ้มและมองสบตาคยองซู พอได้คุยกันในช่วงเวลาที่ไม่มีแบคฮยอนอยู่ข้างๆ เขารู้สึกว่าคยองซูก็ไม่ได้เกร็งหรือฝืนที่จะคุยกัน

     

    มันเป็นแค่ความคิดของชานยอลคนเดียวมากกว่าที่คิดว่าเวลามีแบคฮยอนอยู่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าคยองซู

     

    “ดีใจนะที่มึงมาด้วย ตอนแรกคิดว่ามึงจะไม่มาแล้ว ไปเที่ยวคราวที่แล้วมึงก็ไม่ยอมมา เพราะกูใช่ไหม?” คยองซูเริ่มบทสนทนากับสิ่งที่คิดไว้ในใจ เขาอยากรู้ว่าทำไมชานยอลถึงเลี่ยงที่จะเจอะกัน ทั้งที่เจ้าตัวเป็นคนขอร้องเขาเองว่าไม่ให้เมิน แต่ดูเหมือนไปๆมาๆ ชานยอลจะเป็นฝ่ายหลบหน้าเขา

    “ขอโทษนะ...คือกู” ชานยอลเอ่ยขอโทษราวกระซิบ เขาไม่รู้จะอธิบายยังไง เขาไม่อยากโกหกว่าไม่ว่าง ทั้งที่ความจริงมันเป็นเพราะเขาไม่สะดวกใจที่จะเจอคยองซูมากกว่า

    “ไม่เป็นไร กูเข้าใจ กูเคยเป็นแบบมึงมาก่อน”

     

    คำพูดที่เหมือนไม่มีอะไรแต่กลับเหมือนมีดที่แทงลงที่หน้าอกข้างซ้ายของชานยอลโดยไม่ทันได้ตั้งตัว คำว่า “กูเคยเป็นแบบมึงมาก่อน” มันคือคำพูดตอกย้ำว่าเมื่อก่อนคยองซูเคยรู้สึกยังไง...ตอนที่เขามีแฟน

     

    “เอ่อ...กูไม่ได้ตั้งใจจะว่านะ แค่จะบอกว่าเข้าใจ” ร่างเล็กเพิ่งนึกได้ว่าคำพูดตัวเองมันหมายถึงอะไรก็ตอนที่เห็นสีหน้าชานยอล อีกฝ่ายก้มหน้าและเงียบไปและคยองซูก็เพิ่งเก็ทว่าชานยอลซึมไปเพราะอะไร

    “อืม ไม่เป็นไร กูคิดมากไปเองแหละ” ชานยอลเอ่ยเบาๆและถอนใจเล็กน้อย

     

    “บางทีมึงควรเลิกคิดได้แล้ว กูไม่ได้โกรธมึงแล้วนะ เรื่องเมื่อก่อนก็คืออดีต กูอยากให้มึงลืมไปได้แล้ว” คยองซูพูดออกมาด้วยสีหน้าเป็นห่วง ในขณะที่เขาเปลี่ยนไปแล้วทุกอย่างแม้แต่นิสัยและวิธีคิด แต่ชานยอลกลับเหมือนคนที่ติดอยู่กับอดีตและเอาแต่ลงโทษตัวเอง

    “คงไม่ได้...จนตอนนี้ กูก็ยังชอบมึงอยู่เลย ตลกใช่ไหมหละ...ในขณะที่มึงลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว”

     

    เสียงทุ้มพยายามแค่นหัวเราะออกมากับคำพูดของตัวเอง ชานยอลรู้ว่าเขากำลังพูดประชด มันเป็นนิสัยแย่ๆที่เขาพยายามทำให้มันน้อยลง แต่จนแล้วจนรอด ชานยอลก็รู้สึกว่ามันเจ็บปวดเกินไปกับการที่จู่ๆคยองซูก็บอกให้เขาลืม...

     

    “กูไม่ลืมหรอก แต่กูต้องอยู่กับปัจจุบัน....ขอโทษนะ” คยองซูเอ่ยก่อนจะหันหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆสถานการณ์มันถึงได้น่าอึดอัดแบบนี้นะ

     

    มือหนาเอื้อมไปจีบมือนิ่มที่วางอยู่ที่หน้าตักของคยองซู และบีบมันเบาๆ พร้อมกับเสียงกระซิบที่ต้องการให้ได้ยินกันสองคน

     

    “ขอโทษนะ แต่อย่าบอกให้กูลืมเลย ต่อให้ตอนนี้มึงลืมไปแล้วว่าเคยรู้สึกแบบไหนกับกู แต่กูรอได้ ไม่เป็นไร วันไหนมึงอยากกลับมาชอบกูอีก กูก็อยู่ที่เดิม”

     

    ดวงตากลมโตของร่างเล็กเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา คยองซูค่อยๆเอนหัวมีซบไหล่ชานยอลและหลับตาลงอย่างพยายามตั้งสติและหาเรื่องอื่นมาคุยกัน เรื่องที่เขาจะสามารถคุยกับชานยอลได้โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายแย่ไปกว่านี้

     

    คยองซูกำลังจะเปิดปากเอ่ยถามเรื่องกีตาร์ที่อีกฝ่ายเอาติดมาด้วย แต่ยังไม่ทันที่จะพูดออกมา เสียงสบถของจื่อเทาก็ดังขึ้น และในขณะเดียวกันคยองซูก็โดนชานยอลคว้าตัวไปกอดเอาไว้แน่นจนมองไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับรถ

    ใบหน้าของคยองซูจมอยู่กับอกอีกฝ่าย มือเล็กจิกเสื้อชานยอลเอาไว้โดยอัตโนมัติ ทุกอย่างหกคะเมนตีลังกาไปหมด เสียงดังลั่นจนหูอื้อ ร่างกายที่ถูกเหวี่ยงไปมา เสียงดังโครมครามหลายนาที จนกระทั่งทุกอย่างหยุดลง และตามมาด้วยเสียงระเบิดจากที่ไกลๆ

     

    สิ่งสุดท้ายที่เห็นเพียงเลือนลาง คือใบหน้าของชานยอลที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจกั้น ที่หัวของชานยอลเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดข้นที่น่ากลัว คยองซูพยายามเรียกชานยอลแต่เปร่งเสียงไม่ออก สิ่งสุดท้ายที่รู้สึกได้ชัดเจนก็คือแขนของอีกฝ่ายยังกอดเขาเอาไว้....จนกระทั่งสติดับวูบไป

     

     

     

     

     

     

    กลิ่นฉุนของยาฆ่าเชื้อคือสัมผัสแรกที่คยองซูรับรู้ ดวงตาค่อยๆปรือขึ้นมอง ความรู้สึกราวกับผ่านการนอนมานานเกินไป นอนมากเลยปวดหัว และปวดตัวไปหมด

    มองแวบเดียวก็รู้ว่ากำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล คยองซูพยายามทบทวนเหตุการณ์ในขณะที่ปรับโฟกัสสายตาให้คุ้นชินกับแสงไฟ

     

    “คยองซู” เสียงเรียกจากคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง ใบหน้าเล็กพยายามหันไปมองแต่กลับถูกยึดไว้ด้วยเฝือกดามคอ

    “เซฮุน...” เสียงแหบแห้งเรียกอีกฝ่ายที่จำเสียงได้ เจ้าของชื่อลุกขึ้นยืนให้คยองซูมองเห็นหน้า ดวงตาของเซฮุนแดงช้ำและสีหน้าเหมือนคนอดนอน ไรหนวดขึ้นเขียวครึ้ม

    “กูใจไม่ดีเลยรู้ไหม มึงหลับไปสองวันเต็มๆ” เซฮุนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ จับมือคยองซูแน่น

    “คนอื่นเป็นไงบ้าง”

     

    คำถามของคยองซูช่างบีบหัวใจจนเซฮุนเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไว้ มือเล็กยกขึ้นแตะใบหน้าอีกฝ่ายอย่างอ่อนล้า คยองซูน้ำตาไหลออกมาอย่างใจเสีย เขากลัว...กลัวแทบขาดใจ

     

    “ทำไม....เกิดอะไรขึ้น”

    “ชานยอลยังไม่ฟื้นเลย หมอบอกว่า....หัวมันกระแทกแรงมาก มันเข้าห้องผ่าตัดไปสองรอบแล้ว ตอนนี้กำลังดูอาการกันอยู่ ส่วนจงอินตอนที่รถพลิกตกเขาตัวมันกระเด็นออกมาจากรถ โชคดีที่มันกระเด็นไปในพงหญ้าข้างทางเลยไม่เป็นไรมาก แค่ขาหักแล้วก็มีรอยถลอก แต่...”

     

    น้ำตาของเซฮุนหยดลงบนแก้มคยองซู พร้อมกับเสียงร้องไห้โฮ มือเล็กลูบใบหน้าเพื่อนเบาๆอย่างปลอบโยน ขณะที่เซฮุนเอ่ยสิ่งที่น่ากลัวออกมา

     

    “ฮึก....มึง พี่จื่อเทาเสียแล้ว....กูไม่รู้จะบอกจงอินยังไงมึง ฮึก มันตื่นมาก็ถามถึงพี่เขา แต่กูก็ไม่พูด....ไม่รู้จะพูดยังไง กูไม่กล้าบอกมัน กูควรทำยังไงดี” เซฮุนพูดปนสะอึกสะอื้นออกมาและจับมือคยองซูไว้แน่น

    คยองซูเข้าใจความรู้สึกของเซฮุนดี ถ้าเป็นเขาเอง เขาคงไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกจงอินยังไงเหมือนกัน

     

    “ตอนนี้จงอินอยู่ไหน...”

    “มันอยู่ที่ห้องพัก ตอนนี้พ่อกับแม่มันมาเยี่ยม กูไม่กล้าเข้าไป ....ตอนนี้มันคงรู้เรื่องพี่จื่อเทาแล้ว กูให้พ่อแม่มันเป็นคนบอก กูไม่กล้า” เซฮุนเอ่ยอย่างยากเย็นและทิ้งตัวลงนั่งซบหน้ากับหลังมือของคยองซู

     

    การสูญเสียใครสักคนมันน่าใจหายเสมอ ถึงแม้จะไม่ใช่คนที่สนิทกันก็ตาม แต่พี่จื่อเทาก็เป็นคนที่คยองซูเจอบ่อยและเห็นกันมาตั้งแต่ตัวเองเรียนมัธยม จงอินเองก็รักพี่จื่อเทามาก คยองซูนึกภาพไม่ออกเลยว่าจงอินจะเสียใจขนาดไหนถ้ารู้ว่าคนที่รักได้จากไป อย่างไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว....

     

     

    ...........................

     

     

    แบคฮยอนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน..ถึงมันจะเป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัว แต่หลังจากที่เกิดเหตุรถบรรทุกขับมาขับรถตู้ที่แฟนและเพื่อนของแฟนเขากำลังจะไปเที่ยวกันจนตกไหล่ทางและพลิกคว่ำ

     

    เหตุการณ์นี้ทำให้แบคฮยอนก็ได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา คยองซูไม่เคยลืมชานยอลอย่างที่ปากพูดเลย

    เขายืนมองคยองซูอยู่ห่างๆ ผ่านช่องกระจกประตู ห้องที่ชานยอลนอนอยู่ คยองซูนั่งอยู่นานมากแล้วและจับมือชานยอลไว้ วันนี้เป็นวันที่สองหลังจากที่หมออนุญาตให้คยองซูนั่งรถเข็นมาเยี่ยมชานยอลได้

    คยองซูพูดอะไรบางอย่างกับคนที่นอนหลับอยู่สลับกับร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร แบคฮยอนทำได้แค่เข็นรถมาส่งคยองซูและเดินออกมารอหน้าห้อง ไม่บอกก็รู้ดีว่าคยองซูอยากใช้เวลาอยู่กับชานยอลมากกว่าเขา

     

    เข้าใจว่าชานยอลป่วยและยังไม่ได้สติเลยหลังจากผ่าตัด แต่แบคฮยอนก็อดน้อยใจไม่ได้....ความสำคัญของเขามันลดลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับเดจาวู เหตุการณ์เดิมที่เขาเคยเลิกกับคยองซูมันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

     

    แบคฮยอนตัดสินใจถอยออกมา เขาส่งข้อความไปบอกเซฮุนว่าขอกลับก่อนและฝากดูคยองซูด้วย เขาไม่ใจแข็งพอที่จะต้องทนมองเห็นคยองซูที่มีสายตามองแค่ชานยอลคนเดียวอีกแล้ว ตอนนี้มันคงหมดเวลาสำหรับเขาแล้ว....

     






     

    TBC #Chansooตลกร้าย

     

    ลาก่อนจื่อเทาที่แสนดีของแม่...... T_____T แต่งไปร้องไห้ไป ฮือออออ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×