ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] All About - "JOKE" #Chansooตลกร้าย

    ลำดับตอนที่ #18 : JOKE - (5) คนโง่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 763
      9
      23 ม.ค. 59


    © themy  butter




     

    “คยองซู ลูกมาแล้วหรอ”

    “ครับแม่”

    “แบคฮยอนโทรมาแหนะจ๊ะ เขาบอกว่าทำเบอร์มือถือลูกหายเลยโทรมาที่บ้าน”

     

    ร่างเล็กที่เพิ่งจะผ่านความรู้สึกแย่ๆมาพอได้ยินเสียงแม่จากในครัว คยองซูก็สูดหายใจลึกและตอบรับแม่ไป

     

    “เดี๋ยวผมโทรกลับไปครับ”

    “ไม่กินข้าวเย็นหรอลูก?”

    “ไม่ครับ ผมมีการบ้านต้องรีบทำ”

    “โอเคจ๊ะ”

     

    คยองซูพาตัวเองขึ้นมาบนห้อง ความรู้สึกบางอย่างนำให้สองขาเดินมาที่หน้าต่างห้องฝั่งติดถนน เขามองเห็นคนที่เพิ่งเดินหนีมา ชานยอลยังอยู่ตรงนั้น หน้าบ้านเขา....ร่างสูงใหญ่เดินไปเดินมาเหมือนคิดอะไรไม่ออก ชานยอลก็เป็นแบบนี้ตลอด....

     

    เป็นคนโง่.....ที่ไม่เคยรู้อะไรเลย แม้แต่ความรู้สึกของตัวเอง

    ที่ผ่านมา มีแฟนก็แค่อยากมีไว้ให้รู้ว่ามี ผู้หญิงหลายคนที่ทิ้งชานยอลไปก็ปัญหาเดิมๆคือชานยอลไม่ได้รักพวกเธอจริงเลยสักคน....นั่นคือสิ่งที่จงอินตัดสินจากการคบๆเลิกๆของชานยอลกับผู้หยิงพวกนั้น และเจ้าตัวดูจะยอมรับแม้จะน้อยใจ

     

     

    “ว่าไงแบค แม่บอกนายโทรมา”

    (ไม่ว่าไง ก็คิดถึงไงหละ) เสียงหัวเราะคิกๆของปลายสายดังขึ้น

    “ที่จีนเป็นยังไงบ้าง สนุกรึเปล่า ขอโทษนะช่วงนี้ไม่ได้โทรหาเลย”

    (ไม่สนุกหรอกที่ๆไม่มีนายหนะ คิดถึงมากเลย เดี๋ยวเสาร์นี้กลับแล้วนะ)

    “อืม...”

    (เป็นอะไร เสียงไม่ดีเลย ใครแกล้งไหนบอกสิ)

    “ไม่มีหรอก...แบคกลับมาเร็วๆนะ คิดถึงเหมือนกัน”

    (อา ต้องมีเรื่องไม่ดีแน่เลย ทำไมไม่โทรมาเล่าให้เราฟังบ้าง รู้ไหมเราเป็นห่วง ยิ่งอยู่ไกลกัน แล้วเราจะปลอบคยองซูได้ยังไงหละ)

    “เรา.....ฮึก”

     

    พออีกฝ่ายถามด้วยความเป็นห่วง เพราะน้ำเสียงที่อบอุ่นและคำพูดที่แสนดีของอีกฝ่าย มันทำให้ความเข้มแข็งของคยองซูพังทลายลง น้ำตามันไหลออกมาเพราะความรู้สึกที่น้อยใจ และเสียใจ

     

    ถ้าชานยอลดีกับเขาเหมือนที่แบคฮยอนเป็นก็คงดีไม่น้อย.....

    คนที่ใช่ กลับมีแต่เรื่องให้เสียใจอยู่ทุกวัน

    คนที่ไม่ใช่ กลับทำให้รู้สึกดีต่อหัวใจไปเสียทุกอย่าง

     

    คยองซูเจอแบคฮยอนครั้งแรกที่ทำงานของแม่ ช่วงปิดเทอมชั้นม.ต้น ได้เจอกันเพราะแม่เป็นห่วงไม่อยากให้คยองซูอยู่บ้านคนเดียวช่วงปิดเทอม ก็เลยพาไปที่ทำงานด้วย ที่ทำงานของแม่เป็นบริษัทเอเจนซี่ที่ดูแลนักเรียนเกาหลีในต่างประเทศ แบคฮยอนเองก็เป็นเด็กเกาหลีที่ไปเรียนที่จีนตั้งแต่เด็กๆ เขากลับมาช่วงปิดเทอมเพื่อต่อวีซ่านักเรียนเลยได้เจอกับคยองซู


    เพราะว่าได้เจอกันหลายครั้ง ทำให้แบคฮยอนตีสนิทกับคยองซูอย่างรวดเร็ว แบคฮยอนเป็นคนช่างคุยและเทคแคร์เก่งมาก ช่วงนั้นชานยอลก็มีแฟน และเซฮุนกับจงอินก็เรียนพิเศษด้วยกัน คยองซูเลยเปิดใจให้แบคฮยอนได้ไม่ยาก เพราะว่าเหงา และอยากมีเพื่อนด้วย

    แบคฮยอนออกตัวแรงตั้งแต่เริ่มต้นรู้จักกันได้ไม่กี่วัน บอกกับคยองซูตรงๆว่าชอบ ช่วงเวลาปิดเทอมสั้นๆคยองซูลองคบกับแบคฮยอนโดยที่ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้ มันเป็นช่วงเวลาที่ดีและมีความสุขจนลืมชานยอลไปได้ด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่มีใครสักคนมันดีมาก จนคยองซูคิดว่าเขาควรตัดใจจากชานยอล

     

    จนกระทั่งชานยอลโทรมาเรียกให้ไปหา ในขณะที่เขากำลังเดทกับแบคฮยอน....

    เพราะเลือกที่จะไม่บอกใคร มันเลยกลายเป็นเรื่องหนักใจ ตอนนั้นแบคฮยอนรู้ว่าคยองซูมีคนอื่นในใจแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม แต่พอเจอเข้าจังๆ ก็ไม่มีใครทนได้

     

    “ถ้าคยองซูอยากจะไปหาเขา ก็ไปเถอะ” 

    แบคฮยอนในตอนนั้นยิ้มให้คยองซูที่ร้อนรนและไม่เป็นอันกินข้าวด้วยกัน คยองซูตัดสินใจวิ่งออกจากร้านไปหาชานยอล วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่แบคฮยอนจะอยู่เกาหลีในช่วงปิดเทอม แบคฮยอนกลับไปจีนในสภาพที่แย่จนพ่อแม่เป็นห่วง หลังจากนั้นแบคฮยอนไม่กลับเกาหลีอีกเลยเป็นปี...

    จนกระทั่งโลกเหวี่ยงให้พวกเขามาเจอกันอีกครั้งในวันที่คยองซูแวะไปหาแม่และเจอแบคฮยอนกลับมายื่นขอทุนเรียนต่อมหาลัยที่เกาหลี

     

    ไม่ว่าความรู้สึกก่อนหน้านั้นจะแย่แค่ไหน แต่เมื่อเจอกันอีกครั้ง แบคฮยอนกอดคยองซูแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ถึงคราวนี้ความสัมพันธ์มันจะไม่ใช่ในรูปแบบเดิม แต่แบคฮยอนก็สัญญาว่าจะอยู่กับคยองซูไปเรื่อยๆและจะไม่หายไปอีกแล้ว

     


    ....................



     

    อาการกัดเล็บไม่ใช่วิสัยของคนที่เคยมั่นใจในตัวเองอย่างพัคชานยอล แต่ตอนนี้เล็บของเขากุดไปสามนิ้วแล้วหลังจากที่ถูกทิ้งไว้หน้าบ้านคยองซูเมื่อเดือนก่อนและตามมาด้วยการย้ายที่นั่งของโดคยองซูที่ย้ายไปนั่งหน้าสุดด้วยข้ออ้างว่าสายตาไม่ดี

     

    รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่บ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงกับคนตรงหน้าที่สร้างความหงุดหงิดเล็กน้อยให้คิมจงอิน ความจริงเขาอารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้เซฮุนไม่มาโรงเรียน เพราะต้องไปดูหอพัก

    หลังจากเหตุการณ์ที่เซฮุนสารภาพกับจงอินตรงๆถึงสิ่งที่อยู่ในใจ เซฮุนดูเหมือนจะตั้งใจทำตัววุ่นวายและไปในที่ๆจงอินไปไม่ได้เช่นไปกินข้าวกับที่บ้าน ไปช่วยงานที่บ้าน รวมทั้งไปสอบตรงมหาลัยที่พ่อแม่หาไว้ให้และเป็นคณะที่จงอินไม่เคยรู้มาก่อนว่าเซฮุนอยากเรียนอย่างคณะอักษรเอกภาษาจีน....


    ทั้งที่ตลอดมาพวกเขาคุยกันว่าจะสอบเข้าวิทยาศาสตร์การกีฬาเพราะชอบเตะบอลด้วยกันบ่อยๆ แต่กลายเป็นว่าเซฮุนไม่พูดถึงมันอีกเลย เหมือนตั้งใจจะเลี่ยงที่จะต้องอยู่กับเขา แต่จงอินพูดอะไรไม่ได้

    พอมีแฟนแล้วจะไปวอแวกับเพื่อนมันก็น่าเกลียด เขายังคบกับพี่จื่อเทาและรักกันดี แต่พอเซฮุนเริ่มตีตัวออกห่าง ความรู้สึกของคนที่เคยมีเพื่อนสนิทอยู่ข้างๆตลอดก็กลายเป็นหงุดหงิดง่ายๆ และคนที่จะรองรับอารมณ์เขาคงมีแต่ชานยอล

     

    ปึ๊ก!!!

    “โอ้ย”

    จงอินเอาเท้าถีบหน้าแข้งคนที่นั่งตรงข้ามอย่างแรง ชานยอลสะดุ้งและร้องออกมา สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ในสายตาจงอินก็เหมือนไอ้โง่คนนึงที่น่ารำคาญ

    “ปัญญาอ่อน มึงจะนั่งกัดเล็บทำห่าอะไร เหมือนเด็กปัญญาอ่อน”

     

    ชานยอลเอามือลงแล้วได้แต่นั่งขมวดคิ้ว ตั้งแต่คยองซูปลีกตัวออกไปจากกลุ่ม เขาก็ไม่มีปากจะพูดอะไรโต้ตอบจงอินอีก....


    “ถ้ามึงหงุดหงิดเรื่องเซฮุนมึงน่าจะโทรไปหามันไม่ใช่มาลงที่กู” ชานยอลบอกแล้วยกเท้าหนีก่อนที่จะโดนถีบอีกรอบ

    “โทรหาเหี้ยไรหละ มึงจัดการเรื่องตัวเองไปเหอะ กูให้คุยกับคยองซูมึงคุยรึยัง?” จงอินระบายอารมณ์ใส่พร้อมตีแขนเพื่อนตัวโตกว่าแรง

    “มันไม่คุยกะกู...” 


    ชานยอลสารภาพออกมา เรื่องนี้แหละที่ทำให้เขาต้องมานั่งกัดเล็บแบบนี้ เขาพยายามแล้วที่จะพูดกับคยองซูแต่มันไร้ประโยชน์ เหมือนว่าทุกครั้งที่เขาจะเดินเข้าไปหา คยองซูจะต้องไม่ว่าง และที่เขาไม่ชอบเลยคือช่วงนี้คยองซูติดโทรศัพท์มาก ทั้งรับสาย ทั้งแชท กับใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่ม (เพราะชานยอลถามแล้วไม่มีใครคุยกับคยองซูในเวลาเดียวกันกับที่เห็นคยองซูนั่งยิ้มกับโทรศัพท์เลย)


    “ควาย...” จงอินสบถและทิ้งตัวลงนอนฟุบหน้ากับแขนตัวเอง

     

    ชานยอลได้แต่นั่งให้เพื่อนด่า เขากลายเป็นควายจริงๆ เพราะตอนนี้คยองซูกลายเป็นคนที่เขาไม่รู้จักไปแล้ว คยองซูมีโลกที่เขาเข้าไม่ถึง มีคนที่คุยได้ทุกวันโดยไม่เบื่อนอกจากเพื่อนโง่ๆแบบเขา...การโดนทิ้งไม่ใช่เรื่องตลกสักนิด และเขาใกล้ถึงจุดที่ทนไม่ไหวขึ้นทุกที

     

    ดวงตากลมโตเหลือบเห็นคนที่คิดอยู่ในใจเดินสะพายเป้ลงมาจากอาคารเรียน คยองซูไม่แวะมาโต๊ะกลุ่มอีกแล้ว ตั้งแต่วันนั้น ชานยอลเคยส่งผู้กล้าอย่างเซฮุนไปถามและได้คำตอบกลับมาว่าอยากอ่านหนังสือเงียบๆคนเดียวเพราะใกล้สอบตรงของคณะบริหารแล้ว คณะที่คยองซูอยากเข้า...

    พอเอาเรื่องเรียนมาเป็นข้ออ้าง ทุกอย่างมันก็ง่ายขึ้นที่จะหนีหน้ากันไปง่ายๆ

     

    “กูกลับแล้วนะ” ชานยอลบอกก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าวิ่งตามคยองซูไป และมีเสียงจงอินตะโกนไล่หลังมา

    “ไปกันให้หมดเลยไอ้เหี้ย! กูเอาแม่ชีกูออกจากิลด์แน่!

     

     

     

     

    ชานยอลเดินกึ่งวิ่งตามมาจนถึงหน้าประตูโรงเรียน ดูเหมือนคยองซูจะนัดใครไว้ เพราะท่าทางตอนที่รับโทรศัพท์แล้วมองซ้ายมองขวาหาใครสักคน

     

    ร่างสูงกำลังจะเดินไปทักคยองซู แต่ในจังหวะเดียวกันก็มีรถมินิคูเปอร์สีเขียวขี้ม้าขับมาจอดเทียบแล้วคยองซูก็ขึ้นรถไปทันที ชานยอลมองไม่ทันว่าคนในรถหน้าตาเป็นยังไง แต่เขาเห็นเต็มสองตาว่าคนขับเอี้ยวตัวมากอดคยองซูอย่างสนิทสนม


    ความรู้สึกของร่างกายที่ร้อนเป็นไฟในวินาทีที่รถเคลื่อนตัวผ่านไป สมองสั่งให้สองขาของชานยอลวิ่งตามรถไป วิ่งไปจนสุดกำลังจนกระทั่งรถค่อยๆชะลอที่สี่แยกไฟแดงใกล้ๆ

    กำปั้นหนาทุบเข้าที่กระจกรถฝั่งคนขับอย่างลืมตัว เหมือนคนบ้าที่ยืนอยู่กลางถนนและพยายามเรียกคนในรถให้ออกมา


    “เป็นบ้าอะไรวะคุณ” เจ้าของรถเปิดประตูลงมาคุย สัดส่วนความสูงที่ไม่ได้มากนักแต่ก็สูงกว่าคยองซูพอสมควร คนแปลกหน้าที่ชานยอลไม่รู้จัก

     

    “ผะ...ผมจะคุยกับคยองซู” คนที่วิ่งมาถึงกับอึ้งไปกับคำถาม เขาไม่ได้คิดไว้ก่อนว่าจะพูดอะไร เขาแค่คิดว่าจะวิ่งตามมาดูเฉยๆ

    “คุณเป็นอะไรกับเขาหละ? ทำไมต้องคุยตอนนี้?” คำถามที่ชัดเจนจากคนที่ไม่มีท่าทีลังเลเลยสักนิกมันทำให้เขากลัว....กลัวที่จะต้องตอบคำถาม

     

    “แบคมีอะไรอ่ะ?” คยองซูเปิประตูออกมาจากรถและมองแบคฮยอน โชคดีที่รถยังติดไปแดงอยู่

    “เพื่อนตัวเองรึเปล่าอ่ะ?” แบคฮยอนถามพลางพยักเพยิดไปทางคนบ้าที่ยืนมองคยองซูอยู่

    “ไม่ใช่อ่ะ ไปเถอะหิวแล้ว” คยองซูตอบออกมาทั้งที่ไม่มองหน้าชานยอลด้วยซ้ำ....

     


    คำตอบที่ทำเอาพัคชานยอลแทบทรุดลงไปนั่งกลางถนน พร้อมกับแบคฮยอนที่ส่ายหัวเหมือนรำคาญแล้วกลับขึ้นรถไป

     

    เสียงแตรดังลั่นจากรถที่อยู่ด้านหลังทำเอาชานยอลวิ่งขึ้นฟุตปาธแทบไม่ทัน...รถคันนั้นไปแล้ว พร้อมกับคยองซูที่ไม่ใช่เพื่อนเขาอีกต่อไป.....

     


     

    .......................


     

    “แฟนมันมั้ง” คำตอบห้วนๆจากคนที่โดนโทรจิกจนต้องมานั่งกินข้าวด้วยไม่ได้ทำให้จงอินหายหงุดหงิดได้เลย

    จงอินได้รับข้อความจากชานยอลไม่กี่นาทีที่แล้วว่าคยองซูไปกับผู้ชายคนนึงที่เขาไม่รู้จัก จงอินเองก็ไม่รู้ว่าคยองซูทีเพื่อนที่ไหนอีก แต่พอถามเซฮุนคำตอบที่ได้รับมันก็คือการเดาอีกนั่นแหละ


    “มีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อนสักคำ?” ถามกลับก่อนจะยื่นตะเกียบไปฉกหมูทอดในจานเพื่อนมา

    “ลำบากใจที่จะพูดมั้ง” เซฮุนพูดก่อนจะยื่นมือไปคีบกุ้งทอดในจานจงอินมากินแทนหมูที่ถูกขโมยไป

    “มึงห้ามทำแบบคยองซูนะ ถ้ามีแฟนต้องบอกกู” คำสั่งของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามไม่ได้ทำให้เซฮุนรู้สึกทุกข์ร้อนอะไร ช่วงนี้จงอินวอแวกับเขามาก ทั้งๆที่มีแฟนแล้ว แต่ก็ยังจิกให้เขาไปไหนมาไหนด้วยจนเขาเกรงใจพี่จื่อเทา

    “ไม่มีหรอก” เซฮุนตอบแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

     

    เขามานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนจงอินที่บ้าน แน่นอนว่ามันไม่ไกลจากบ้านเขานัก แต่ก็แปลกตรงที่จงอินเรียกเขามาบ้านแทนที่จะไปหาเขาที่บ้านอย่างที่เคยเป็น อาหารญี่ปุ่นที่มาเป็นเซ็ทข้าวกล่องนี่ก็เงินเซฮุนเพราะจงอินสั่งให้เขาแวะซื้อก่อนมา

    “มึงไม่ชวนพี่เขามาวะ ชวนกูมาทำไม” คนถูกบังคับสารพัดอย่างเอ่ยถามขณะที่ลุกขึ้นเก็บซากข้าวกล่องใส่ถุงขยะแล้วหนีไปนั่งเล่นเกมที่โซฟาใกล้ๆ เจ้าของบ้านเดินตามมาทิ้งตัวนอนหนุนหัวที่ตักเซฮุนหน้าตาเฉย

     

    “ชวนพี่เขามาก็โดนเยไหมหละ กูยังไม่อยากเสียตัวตอนนี้เว้ย” จงอินบอกพลางบึนปากใส่คนถาม เรื่องอะไรเขาจะอยู่กับจื่อเทาสองคน ตอนไปดูหนังด้วยกันหรือไปเที่ยวกันสองต่อสองก็เสี่ยงจะโดนกดไม่รู้กี่รอบแล้ว

    “แฟนกันจะมีอะไรกันมันก็เรื่องปกติ” เสียงทุ้มว่าพลางกดจอยเลือกตัวนักเตะในจอ

    “มึงสนับสนุนให้กูนอนกับคนอื่นคือไรวะ? อยากให้กูเสียตัวมากนักไง?” เสียงงอแงดังขึ้นพร้อมกับร่างที่โถมเข้าใส่เซฮุนที่พยายามเบี่ยงตัวหลบแต่จงอินก็ดื้อดึงที่จะกระโดดมาคร่อมเขาเหมือนเด็กๆ


    “ถามทำไม กูเป็นอะไรกับมึงถึงต้องห้ามมึงเสียตัวให้แฟนตัวเองวะ?” 


    เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดจนจงอินผงะไปเล็กน้อย แต่คิ้วเรียวก็กลับมาขมวดเข้าหากันอีกครั้งแล้วจิกคอเสื้อเซฮุนไว้

    “มึงไม่เหมือนเดิมอ่ะ มึงกำลังจะเทกูใช่ปะ?” จงอินที่นั่งคร่อมตักจิกคอเสื้อเซฮุนแล้วเขย่าๆ

    “มึงลงไปปะ ไปนั่งดีๆ ขี้เกียจเถียงไอ้เหี้ยเอาแต่ใจอยู่นั่นแหละ เรียนจบก็หมดเวรหมดกรรมกูแล้วเนี้ยอีวาวา” เซฮุนว่าแล้วผลักหัวอีกฝ่ายจนหน้าหงายลงไปนอน เรียวขาเล็กถีบเท้าใส่เซฮุนรัวๆอย่างไม่พอใจ

    “เพื่อนเหี้ยๆๆๆๆ ทิ้งกูไปเรียนที่อื่น” ด่าไปก็รัวเท้าถีบใส่ไป

     

    ป๊าบ!!!!

    มือหนาฟาดก้นจงอินแรงจนเจ้าตัวสะดุ้ง

    “โอ้ย ตีกูไม”


    “ดื้อนักอีห่า อะไรก็ไม่เอา มีผัวแล้วยังมาวอแวกับกับกูอีก อยากมีผัวสองคนรึไงอีวาวา!


    เซฮุนหันมาด่าเสียงดังแล้วยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิ และตั้งใจเล่นเกมอีกครั้ง


    จงอินได้แต่คลำก้นตัวเองป้อยๆแล้วมุดหัวเข้าไปใต้แขนเพื่อนที่จับจอยเกม นอนสงบนิ่งหัวหนุนตักเซฮุนเงียบๆเพราะกลัวโดนตีก้นอีก และเพราะคำขู่ของอีกฝ่ายมันทำให้เขินแปลกๆยังไงไม่รู้....ก็เลยไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

     


    ......................

     


    “อ้าวชานยอล ช่วงนี้ไม่เจอกันเลย มาทำอะไรจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนที่ลงจากแท็กซี่ทักเพื่อนของลูกชายที่นั่งอยู่กับพื้นข้างเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน สักพักแล้วที่เธอไม่เจอชานยอล

    “ผมมารอคยองซูครับ” ชานยอลเอ่ยอย่างเก้อๆ เขารอคยองซูมาเกือบสี่ชั่งโมงแล้ว

    “โอ้ย วันนี้เขาไม่กลับหรอกลูก คยองซูไปนอนบ้านแฟน ช่วงนี้กำลังเห่อละมั้ง”

    คนเป็นแม่พูดไปก็ขำลูกชาย ตั้งแต่แบคฮยอนกลับมาก็ตัวติดกันอย่างกับคนคบกัน บางวันก็ไปนอนคอนโดแบคฮยอน บางวันแบคฮยอนก็มานอนที่นี่ ถึงขั้นเอ่ยปากขอซื้อเตียงให้ใหม่เป็นเตียง6ฟุตที่นอนได้สองคนแทนที่จะให้แบคฮยอนนอนพื้นเหมือนที่ชานยอลเคยนอน มาขั้นนี้แล้ว ถ้าแบคฮยอนไม่ใช่แฟนแล้วจะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง


    “ครับ?” ชานยอลยื่นเบิ่งตาและทำหน้าเหมือนที่จงอินชอบบอกว่า “หน้าโง่ๆ” เวลาตกใจ

    “แฟนคยองซู ชานยอลไม่รู้จักหรอ? แบคฮยอนไง คิดว่ารู้จักกันเสียอีก ก็คบกันมานานแล้วนะแต่แม่พึ่งรู้ว่าเขาจริงจังกันนี่แหละ” เธอพูดอย่างอารมณ์ดี

    “อ้อ ครับๆ ขอบคุณครับ” ชานยอลที่เหมือนกับถูกน้ำสาดหน้ารู้สึกมึนงงไปหมด คบกันนานแล้วหรอ....


    ก่อนที่แม่ของคยองซูจะเดินเข้าบ้านไป เด็กหนุ่มก็หันกลับมาอีกครั้ง

    “คุณแม่ครับ เอ่อ ที่บอกคบมานานแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับ?”

    “โห ก็นานแล้วนะ ช่วงปิดเทอมก่อนขึ้นม.ปลายละมั้ง แล้วแบคฮยอนก็ไปเรียนที่จีน แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่ นี่ก็กลับมาเรียนมหาลัยที่นี่เลยดีหน่อยไม่ต้องคอยโทรทางไกลหากัน เอ้อ ว่าแต่เพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มไม่ได้เข้ามหาลัยเดียวกับคยองซูหรอลูก”


    “คือ...ผมยังไม่รู้ครับ ก็รอๆสอบอยู่” ชานยอลฝืนใจตอบออกมาทั้งที่รู้สึกเหมือนกำลังจะล้มทั้งยืน

    “อ๋า ถึงว่าสิเห็นคยองซูเขาเปรยๆว่า พอเข้ามหาลัยแล้วจะไปอยู่คอนโดแบคฮยอนเลยเพราะอยู่ใกล้มหาลัยมากกว่า”

    “อ๋อครับ เอ่อ รักษาสุขภาพด้วยครับผมขอตัวกลับก่อน” ชานยอลก้มหัวให้ก่อนจะค่อยๆถอยหลังช้าๆ

    “จ้าเช่นกันจ๊ะ กลับดีๆลูก”

     


    หลังจากที่แม่ของคยองซูเข้าบ้านไป ชานยอลก็เดินเหม่อมาจนถึงซอยเปลี่ยวที่ไร้ผู้คน ขาที่ไร้เรี่ยวแรงทรุดตัวลงและทิ้งตัวลงนอนกับพื้นราวกับคนจรจัด

    ชานยอลรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าแรงๆไม่รู้กี่ครั้งในวันนี้ ตั้งแต่เจอแบคฮยอน ตั้งแต่คยองซูบอกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนแล้ว และ......ตอนนี้ที่ได้รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคยองซูมีคนอื่นมาตลอด โดยที่เขาไม่เคยรู้


    มันไม่ใช่ความผิดคยองซู อีกฝ่ายมีสิทธิที่จะมีคนอื่น แต่ว่า....

    ถ้ารักคนอื่นแล้ว ทำไมถึง.....บอกว่าชอบเขา

    ทำไมถึงบอกว่าชอบ และไม่ว่าจะถามกี่ครั้ง คยองซูก็บอกว่าชอบเขา

     

    “รู้สึกเหมือนถูกหักอกอีกแล้ว.....แต่ทำไมมันเจ็บกว่าที่เคยเจอวะ..”

    ชานยอลพึมพำกับตัวเองก่อนที่ภาพดวงไฟข้างถนนจะพร่าเลือนไปเพราะม่านน้ำตา.....

    มันคงเป็นอีกครั้งที่เขาร้องไห้เพราะคยองซู แต่คราวนี้เขารู้สาเหตุแล้วว่าทำไม....

     

    คำตอบมันอยู่ในใจเขามาตลอดแต่เขาไม่เคยยอมรับมันต่างหาก

    ว่าเขาเองก็ชอบคยองซูเหมือนกัน.....

     

     

     

    TBC #Chansooตลกร้าย

    ความรักทำให้คนบางคนดูโง่ได้เสมอ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×