ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] เทาไคShota [TaoKai]

    ลำดับตอนที่ #9 : Ep.9 เพื่อนชานที่รัก ภาคสอง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 735
      10
      11 พ.ค. 58





     

    ร่างสูงโปร่งเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านด้วยใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ ความรู้สึกถึงการกระทำที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่ถึง 10 นาทีผุดขึ้นมาในหัว เดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่นเห็นเพื่อนสนิทสองคนยังคงกอดคอกันร้องเพลงโหวกเหวก ส่วนหลานชายที่นั่งครึ่งหลับครึ่งตื่นก็หันมายิ้มตาหยีให้

     

    ไปไหนมา เสียงเด็กน้อยถามงัวเงีย

    ขึ้นไปส่งชานยอลเข้านอน นีนี่กลับบ้านเถอะ มันดึกมากแล้ว

    ไม่อาว

    นีนี่ไม่ดื้อน่า.... จื่อเทาพูดพลางพยายามอุ้มอีกฝ่าย ยังไม่ทันจะได้ยื้อยุดกันเสียงประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้นพร้อมกับน้องชายเจ้าของบ้านที่เดินลากขาเข้ามาด้วยสภาพเหน็ดเหนื่อย

    อ่าวกลับมาแล้วหราคุณตำรวจ เสียงลู่หานทักน้องชายออกไมค์พร้อมกับกวักมือเรียกหยอยๆ เซฮุนเดินมาพร้อมโค้งให้กับเพื่อนพี่ชายอีกสองคนก่อนจะทิ้งตัวนั่งแล้วยื่นมือมาหยิกแก้มจงอินที่นั่งตาปรือ

    ดื่มกันสนุกเลย แล้วนี่ตัวเล็กก็กินกับเค้าด้วยหรอครับ? เซฮุนถามพลางมองหน้าจื่อเทาที่กำลังยื่นเหงื่อชุ่มฝ่ามืออย่างคนมีความผิด

    เอ่อ ก็ไอ้ลู่ไงมันให้จิบ ต้องด่าไอ้ลู่นะ พี่ไม่ให้ดื่มอยู่แล้วอ่ะปกติ จื่อเทาบอกพลางนั่งลงเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตสายตาก็เหลือบมองเซฮุนที่เริ่มเปิดกระป๋องเบียร์ที่ลู่หานส่งมาให้แล้วยกขึ้นดื่ม

    ว่าแต่ผมเห็นรองเท้าอีกคู่ถอดอยู่เกินจำนวนพวกเราในนี้นี่ครับ

     

    แหม่พ่อตำรวจสมองไว....

     

    อ่อ ของชานยอลหนะ เมาหลับไปแล้ว ไอ้แบคตอบแล้วหันไปเลือกทีมนักเตะต่อ ตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนจากร้องเพลงเสียงดังมาเล่นวินนิ่งอีกรอบเพราะเกรงใจคุณตำรวจที่นั่งจิบเบียร์ข้างๆ

    หรอ แล้วนี่ตกลงพี่อนุญาตให้นีนี่ไปค่ายแล้วใช่ไหม? เห็นชานยอลส่งข้อความมาบอก

     

    แหม่ไอ้ห่า ทำกันเป็นขบวนการ........

     

    จื่อเทานั่งจิบเบียร์ต่อในขณะที่จงอินตอนนี้นอนหลับหนุนตักแบคฮยอนหลับไปแล้วไม่รู้ว่าไถตัวไปนอนโซฟาใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนลู่หานเจ้าของบ้านก็นั่งชันเข่าอยู่บนพื้น....ให้เกียรติทุกคนในบ้านยิ่งนัก



    ..
    .




     

    เวลาผ่านไปจนเข้าเช้าวันใหม่ที่จื่อเทาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองมานอนหนุนไข่ลู่หานอยู่ที่พื้น แล้วมีแบคฮยอนนอนกอดเป็นโคอาร่าอยู่ข้างๆ หรี่ตามองรอบๆพบว่าพวกเขาสามคนนอนพื้นกันหมด มีแต่หลานคนดีที่นอนอยู่บนโซฟาหลับอย่างสบายใจอยู่คนเดียว ไม่มีเซฮุนอยู่ที่นี่ สงสัยเจ้าตัวจะขึ้นไปนอนขึ้นบน....

     

    นอนชั้นบน!!!!!!

    จื่อเทานึกถึงชานยอลขึ้นมาก็สะดุ้งพรวดขึ้นมาก่อนจะพุ่งตัววิ่งขึ้นไปชั้นสอง เขาค่อยเดินช้าลงเมื่อมาถึงหน้าห้องนอนจื่อเทาได้ยินเสียงคนคุยกัน ชายหนุ่มแทบหยุดหายใจเมื่อรู้ว่าคนในห้องตื่นแล้ว จะทำยังไงดี...ถ้าหากชานยอลจำได้แล้วบอกเซฮุนชีวิตเขาคงจบในตารางด้วยวัยเพียง30ปี

     

    พี่ขอโทษ....

     

    เสียงเซฮุนดังมาจากให้ห้อง แม้จะไม่ได้ดังมากแต่คนที่ยืนเอาหูแนบประตูอย่างเสือกๆก็ได้ยินชัดเจน......

    จื่อเทาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแถมยังสับสนเล็กน้อยแต่ก็ตัดสินใจพุ่งตัวลงไปชั้นล่างเมื่อได้ยินเหมือนคนในห้องกำลังเดินเข้ามาใกล้

    ใช้ความเร็วเหมือนเทเลพอร์ตได้ชั่วพริบตา ร่างของชายวัย 29 ย่าง 30 ก็มายืนดื่มน้ำอยู่หน้าตู้เย็น เหลือบตามองโอเซฮุนที่เดินลงมาจากห้องหน้าเครียด จื่อเทากลืนน้ำลงคออย่างยากลำบากรู้สึกอยากจะกระโจนออกจากบ้านลู่หานเสียตอนนี้ ถ้าแม่งเดินเข้ามาล็อคกุญแจมือเขาจะทำยังไง.....

    เซฮุนเดินเข้ามาในครัว ใบหน้าดูเคร่งเครียดจนจื่อเทาไม่กล้าทัก พยายามจะเดินตัวลีบๆเพื่อเบี่ยงตัวหลบออกมาแต่ข้อมือก็ถูกคว้าเอาไว้พร้อมเสียงของเซฮุนพูดเหมือนกระซิบ

     

    พี่...ผมขอคุยด้วยแปบได้ไหม

    จื่อเทารู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นลม สัมผัสของเซฮุนที่ข้อมือเหมือนสัญญาณบอกว่าเวลาชีวิตของโชตะค่อนอายุ29กำลังจบลงแล้ว... จื่อเทาหันกลับไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยใจระทึก ตั้งใจฟังคำพิพากษาราวกับถูกตรึงขาไว้ด้วยเหล็กลูกตุ้มและโซ่หนัก...

     

    เซฮุนนั่งลงที่เก้าอี้ตัวสูงตรงบาร์เล็กข้างตู้เก็บจาน หน้าตาซีเรียสเงยหน้าขึ้นมองจื่อเทาพร้อมสูดหายใจเข้าเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ก่อนจะเริ่มต้นบทสนทนา

    คือเมื่อคืนผม...

    .......... จื่อเทาก้มหน้าคางติดหน้าอกเหมือนเด็กทำความผิด หลับตาปี๋ด้วยความระทึกขวัญ

    ผมเมามากแล้วก็...ผมคิดว่าผมกับชานยอล...

    ห่ะ? ใบหน้าเหรอหราเงยพรวดขึ้นมาทำตาโตใส่เซฮุน

    คือผมไม่ได้ตั้งใจอ่ะพี่ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรบ้าง แต่...มันก็ทำไปแล้ว

    นายแน่ใจหรอว่าทำ? ไม่ใช่ละเมอ? ฝันป่าว? คนถามทำหน้าตาเหมือนลุ้นหวยทุกจังหวะที่ถามออกไป

    ทำจริงอ่ะพี่คือ...แม่งเละเทะมาก ผมก็ไม่รู้ว่าทำไปได้ไง คือเรานอนอยู่บนเตียงไม่มีเสื้อผ้ากันทั้งคู่ คือมันกระจัดกระจายแล้ว...พี่ผมควรทำไงดีน้องพึ่ง14เอง

     

    จื่อเทาอ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน เขาแน่ใจว่าก่อนออกมาจากห้องเขาเก็บหลักฐานหมดแม้แต่เสื้อผ้าเขาก็ใส่ให้ชานยอลครบ ดวงตากลมโตเหลือมองหน้าตาอมทุกข์ของเซฮุนพลางคิด .....

    ถ้าเซฮุนเข้าไปแล้วโบ้มขนาดนี้แสดงว่าต้องเกิดเดจาวูกับดากชานยอลแน่นอน...แปลว่าแม่งโดนเยสองรอบจากคนสองคน โถ .......ชีวิตไอ้เด็กหูกางแม่งน่าสงสารน้ำตาจะไหล

     

    เห้ย ใจเย็นๆ ทุกอย่างมีทางออก จื่อเทาตบบ่าเซฮุนแต่ตัวเองแทบเก็บซ่อนรอยยิ้มของผู้รอดชีวิตแทบไม่อยู่

    ขอต้อนรับสู่ดินแดนโชตะค่อนไอ้น้อง......

    แล้วชานยอลเป็นไงบ้าง

    นิ่งไปเลยอ่ะพี่...น้องเค้าไม่พูดอะไรเลยสักคำ ตอนผมออกมาน้องก็เอาแต่นอนคลุมโปงไม่ยอมพูดอะไรเลย

    "อ่าวแล้ว...น้องมันไม่ได้ฟูมฟายแล้วนายมาเครียดไรวะของงี้มันพลาดกันได้"

    "พี่ นี่ผมพลาดกับเด็ก.ต้นนะ"

     

    ตอนกูพลาดกะเด็กอนุบาลกูยังชิลๆ ไม่พลาดด้วยกูตั้งใจเลย....

     

    เกือบชม.ที่จื่อเทานั่งฟังและให้คำปรึกษาเซฮุน เหมือนบาทหลวงฟังคนมาสารภาพบาป จนกระทั่งเซฮุนตัดสินใจว่าจะรับผิดชอบดูแลชานยอลเพราะเขาทำให้เด็กคนนึงหมดอนาคต...ซึ่งจื่อเทาก็เห็นด้วย....แต่ใจนึงก็อยากบอกว่า เด็กมันไม่ซิงแล้วมึง กูจิ้มไปแล้วทีนึงแหนะ .....

     

    ไม่นานลู่หานกับแบคฮยอนก็ตื่นขึ้นมาอย่างมึนๆงงๆเพราะอาจจะดื่มเยอะไปหน่อย  แต่ดูท่าทางหลานเขาเองที่น่าเป็นห่วงเพราะรายนั้นนอนไม่ตื่นเลย โดนปลุกก็บ่นว่าอยากนอนต่อ จื่อเทาต้องเป็นฝ่ายอุ้มกลับบ้านไปทั้งๆที่หลับอย่างนั้น

    จื่อเทาไม่รู้ว่าเซฮุนขึ้นไปคุยกับชานยอลยังไง เขาเองยังเสียวๆสันหลังอยู่เพราะไม่แน่ใจว่าชานยอลจำอะไรได้บ้าง ไอ้ลำพังจะดีหน้าซื่อเดินไปหาก็ยังไม่กล้า สรุปก็คือพอหลังจากแบกหลานกลับบ้านมา ก็มองเห็นจากหน้าต่างว่าชานยอลนั่งรถออกไปกับเซฮุน

     

    ผ่านไปสามวัน ก็ถึงวันที่จงอินจะต้องไปเข้าค่าย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเขาช่วยหลานชายจัดของเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือคนที่สะพายเป้ใบใหญ่มายืนอยู่หน้าบ้านของเขา ณ เวลานี้

     

    “อ่าว ชานยอลมาแล้วหรอ” เสียงน่ารักของลูกชายเจ้าของบ้านเอ่ยอย่างตื่นเต้นขณะที่น้าชายที่ยืนเปิดประตูให้ยืนนิ่งเป็นหินสลัก

    “จื่อเทาคืนนี้ชานยอลจะมานอนกะเค้านะ เพราะบ้านชานยอลอยู่ไกลอ่ะ พรุ่งนี้ออกแต่เช้าเลยว่าจะไปพร้อมพี่เซฮุนเลย”

    “อืม...”

     

    ใจจริงจื่อเทาอยากจะถามว่าทำไมชานยอลไม่นอนที่บ้านนู้นกับเซฮุน แต่ก็นึกได้ว่า เรื่องที่เซฮุนมาปรึกษานั้นเป็นเรื่องส่วนตัว เขาทำเป็นไม่รู้เสียจะดีกว่า แต่ท่าทางเซื่องๆซึมๆของไอ้เด็กหูกางดูจะสร้างความหงุดหงิดให้เขามากกว่าตอนที่ต่อปากต่อคำกันซะอีก เพราะสายตาที่มองเขามันเหมือนกำลังตำหนิเขาอยู่ตลอดเวลาจนเข้ารู้สึกได้....

     

    “กินไรมารึยังอ่ะ น้ากำลังจะทำข้าวกลางวันให้นีนี่จะกินด้วยกันไหม?”

    “ไม่ครับขอบคุณ”

    เด็กชายตัวสูงตอบเสียงเรียบไม่มีท่าทีพยศอะไรเหมือนเมื่อก่อน แถมนั่งเหม่อลอยไม่สนใจทีวีตรงหน้า ในขณะที่เพื่อนตัวเล็กหลานชายของจื่อเทานั่งดูไปกินขนมไปหัวเราะไปไม่สนใจเพื่อนข้างๆเลย

    จื่อเทาปลีกตัวออกมาทำกับข้าวให้หลานในครัว วนนี้ไอ้ตัวเล็กบ่นอยากกินสปาเก็ตตี้คาโบร่าซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับน้าชายที่เลี้ยงหลานมาคนเดียว 14 ปี เพราะอาหารที่อีกฝ่ายรีเควสมาในแต่ละครั้งก็เป็นอาหารเดิมไปไม่กี่เมนูที่เขาก็ทำเป็นทั้งสิ้น

     

    ลวกเส้นเสร็จหมุนตัวกลับมาที่เค้าเตอร์ข้างๆอ่างล้างจานจื่อเทาถึงกับสะดุ้งจนเกือบทำชามแก้วใส่เส้นสปาเก็ตตี้หล่น ชานยอลนั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกฝั่งของเค้าเตอร์ ใบหน้าเรียบเฉยมองเขาเงียบๆ

     

    “ปกติอยู่บ้านใครทำกับข้าวให้กิน?” คนอายุมากกว่าเปิดบทสนทนาเพื่อหนีจากสถานการณ์น่าอึดอัด

    “ซื้อกินข้างนอกครับ”

    “อ่าวแล้วพ่อแม่ไปไหน?”

    “พ่อกับแม่เสียนานแล้ว ตอนนี้อยู่กับพี่สาวแล้วก็พี่เขย...เขาไม่ค่อยอยู่บ้าน”

    “อ่า เสียใจด้วยนะ”

     

    จู่ๆความรู้สึกผิดกระประดังประเดเข้ามาในใจจื่อเทาหลังจากจบบทสนทนา เด็กกะโปกที่เขาหมั่นไส้ดูจะมีชีวิตที่ดราม่ามาก แล้วไหนจะเรื่องของเซฮุนอีก ไม่รู้ว่าตกลงกันยังไง ถ้าจะถามก็ดูจะไร้มารยาทไปสักหน่อย

     

    “คุณรู้เรื่องผมกับพี่เซฮุนใช่ไหม”

    ไม่ทันจะตัดใจจากความเสือกที่มี อีกฝ่ายก็เริ่มประเด็นที่เขาอยากรู้ทันที จื่อเทาเหลือบมองไปทางหลานชายที่ยังนั่งจ้องการ์ตูนตาเขม็งแล้วเบนสายตามามองหน้าชานยอลตรงๆ

     

    “อืม ก็ว่าจะถามแต่ก็มันเรื่องส่วนตัวของพวกนายใช่มะ”

    “หน้าคุณมีคำว่า อยากรู้ เขียนอยู่กลางหน้าผากเลยนะครับ”

     

    โดนเข้าให้แล้ว คนขี้เสือกนี่มีคำว่า ขอเสือกหน่อย เขียนบนหน้าผากเลยสินะ จื่อเทายิ้มเจื่อนๆพลางจัดจานอาหารไป ชานยอลถอนใจออกมาเล็กน้อย

     

    “เรื่องของผม คุณจะไม่บอกจงอินหรอกใช่ไหม?”

    “เรื่องทำไมถึงกลัวจงอินจะรู้?” จื่อเทายิ้มมุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า แต่ก็เจื่อนลงเมื่อฟังประโยคต่อมาของชานยอล

    “แล้วคุณว่าพี่เซฮุนควรรู้เรื่องของคุณกับจงอินไหมครับ?”

    “มันต่างกันยังไงเรื่องนายกับเซฮุน กับเรื่องของฉัน? นายก็สิบสี่ ที่นั่งอยู่นั่นก็สิบสี่”

     

    จื่อเทาคิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้วเขาไม่มีอะไรต้องปิดบังเด็กตรงหน้าอีกต่อไป ไหนๆชานยอลก็คงรู้อะไรเป็นอะไรแล้ว

     

    “ต่างกัน ผมกับพี่เซฮุนเป็นแค่คนอื่น ถ้าพี่เซฮุนเขาจะแสดงความรับผิดชอบอะไร ผมก็เป็นแค่เด็กอายุ14คนนึง ในขณะที่จงอินเป็นหลานแท้ๆของคุณ”

    “หลานแล้วยังไง เรารักกัน นายถามจงอินก็ได้นะถ้าอยากถาม ฉันไม่ได้ทำอะไรที่เขาไม่ชอบแล้วก็ไม่ได้บังคับให้เขาทำอะไรสักอย่าง ต่อให้นายบอกว่าจงอินยังเด็ก แล้วนายไปแจ้งความฉัน นายว่าเพื่อนนายจะโอเคไหม? ถามเขาก่อนไหมว่าต้องการแบบนั้นรึเปล่า”

     

    เป็นครั้งแรกที่จื่อเทาพูดทุกอย่างในใจออกมาจนหมด เขาไม่เคยบอกใครถึงสิ่งที่เขาคิด แต่เขาก็เตรียมคำตอบไว้ตลอดหากวันนึงเขาจะต้องสารภาพกับพี่สาวหรือพี่เขย ความรักของเขามันเลวร้ายในสายตาคนอื่นเพราะเขาเกิดมาเป็นน้าแท้ๆของจงอินงั้นหรอ?

     

    ชานยอลมองเขาตาปริบๆ ไร้ซึ่งคำพูดจากเด็กอวดดีที่เพิ่งขู่คนตรงหน้าไป มือทั้งสองข้างกำแน่นหลังจากตั้งสติได้ ชานยอลรู้สึกโกรธอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ข้ออ้างของจื่อเทา มันไม่ต่างจากคนบางคนที่เคยทำร้ายเขา...

     

    “ผู้ใหญ่ก็เป็นแบบนี้ มองเห็นแต่ความสุขของตัวเอง วันนึงคุณแต่งงานคุณก็จะทิ้งเขาไป ในที่สุดเขาก็เป็นแค่เด็กคนนึงที่มีตราบาปไปตลอดชีวิตโดยไม่มีทางเลือกอะไร”

    “ฉันไม่รู้ว่านายเคยเจอประสบการณ์แบบไหนมานะชานยอล พูดตรงๆนายดูอคติกับฉันเหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์มากกว่าจะรับฟังฉันด้วยเหตุผล  นายถามจงอินได้นะว่าเขารู้สึกยังไง นายกล้าถามเขาไหมว่าเขารู้สึกแบบไหนกับฉัน”

    “รู้สึกแบบไหนแล้วสังคมจะเข้าใจเขาหรอ? ต่อให้เขารักคุณมากแค่ไหน แต่ในสังคมภายนอกไม่มีใครเข้าใจ มันจะมีประโยชน์อะไรกัน คุณไม่สามารถจูบเขา กอดเขา หรือแม้แต่จับมือเขาต่อหน้าคนในครอบครัวคุณด้วยซ้ำ!

     

    ชานยอลร้องไห้ออกมาพร้อมกับตวาดใส่จื่อเทา จงอินรีบวิ่งมาหาเพื่อนของตัวเองอย่างตื่นตระหนก มองหน้าจื่อเทาอย่างกังวลแล้วกอดชานยอลเอาไว้

     

    “จื่อเทา...มีอะไรหรอ”

    “นีนี่ขึ้นห้องไป น้ามีเรื่องต้องคุยกับชานยอล”

    “ตะ..แต่”

    “นีนี่ เอาจานขึ้นไป กินมื้อเช้าซะแล้วอย่าลงมาจนกว่าน้าจะขึ้นไปเรียก”

     

    จงอินมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างชั่งใจ ชานยอลไม่ได้รั้งเขาไว้ มือเล็กๆหยิบจานของตัวเองไปและเดินขึ้นไปชั้นสองเงียบๆ สายตายังคงมองจื่อเทาอย่างสับสน ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน จื่อเทาเงยขึ้นไปสบตาก่อนจะขยับปากพูดไร้เสียงว่า “ไม่ต้องห่วง” จงอินพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินขึ้นห้องไป

     

    “เล่ามาให้หมด...อย่าถามว่าทำไมฉันต้องรู้ เพราะนายคงไม่มีอีกใครแล้วที่จะรับฟังเรื่องนี้หรอกใช่ไหม?”

     

     

    Chanyeols Story.

     

    หลังจากที่พ่อแม่เสีย พัคยูราคือญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตของชานยอล พี่สาวคนดีที่เป็นทุกอย่างของเด็กวัย 8 ขวบ ยูราอายุห่างจากถึงชานยอล 12 ปี ในขณะที่พี่สาวคนสวยโตพอที่จะมีครอบครัว แต่ชานยอลกลับอยู่เพียงแค่ชั้นประถมเท่านั้น ในวันที่ยูราบอกกับเขาว่ามีผู้ชายคนนึงพร้อมที่จะดูแลเธอกับชานยอล

    และเธอกำลังจะแต่งงานกับเขา ชานยอลเข้าใจตามประสาเด็กว่าพี่สาวมีแฟนแล้วจึงไม่ได้มีความเห็นอะไรมาก เพราะอะไรที่พี่ทำ เขาก็ทำได้เพียงรับรู้ตามประสาน้อง จนกระทั่งคนๆนั้นย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน ชีวิตของชานยอลก็เปลี่ยนไป

     

    ผู้ชายคนนั้นเข้ามามีบทบาทในชีวิตชานยอลมากขึ้น ตั้งแต่ช่วยดูแลเรื่องที่โรงเรียน คอยสอนการบ้าน และเป็นเพื่อนเล่นของเขาแทนพี่สาว ชานยอลผูกพันกับพี่เขยมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพระเจ้าเล่นตลกกับเด็กอายุ 8 ขวบ ในคืนที่พี่สาวเขาไปต่างประเทศ

     

    “พี่จะทำอะไรอ่ะ”

    “ชู่ว... เด็กดีหลับตาซะ”

    “พี่...ผะ...ผมเจ็บ”

     

    ทุกอย่างเริ่มต้นในคืนนั้นและคืนต่อๆมา...ชานยอลยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เขายังคงร่าเริงเสมอเพราะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองและพี่เขยเป็นแค่เกมความลับที่รู้กันสองคน...

    ชานยอลเริ่มคุ้นชินกับความสัมพันธ์ที่หลบๆซ่อนๆระหว่างเขากับพี่เขย ทุกอย่างยังคงดำเนินไปโดยที่พี่สาวของเขาไม่เคยรู้ ชานยอลเริ่มแน่ใจว่าตัวเองรู้สึกบางอย่างกับพี่เขย เขาพยายามแสดงออกถึงความรักแบบเด็กๆออกมาจนกระทั่งอีกฝ่ายต้องห้ามปราม

     

    “ชานยอล อย่าทำแบบนี้ได้ไหม อย่ามานั่งเบียดพี่ตอนยูราอยู่ แล้วก็อย่ามากอดพี่เวลาเดินข้างนอกด้วย เราไม่ใช่เด็กแล้ว 10ขวบ แล้วนะ คนอื่นจะมองพี่ยังไง”

    “ทำไมหละ?

    “เพราะว่าสังคมไม่เข้าใจความรักแบบนี้ไง”

     

    ตั้งแต่วันนั้นพี่เขยก็ตีตัวออกห่างเขาไป ผู้ชายคนนั้นไม่ค่อยกลับบ้าน และตามติดพี่สาวเขาราวกับเงา ยูราไปไหน พี่เขยก็จะไปด้วย และทิ้งชานยอลเอาไว้เหมือนกลัวที่จะต้องเจอหน้าชานยอล แรกๆชานยอลรู้สึกเหมือนถูกรังเกียจ และถูกผลักไสให้ไกลออกไปจากคนที่บ้าน เขาเริ่มใช้ชีวิตคนเดียว เติบโตมาด้วยอินเตอร์เน็ตและเว็บหนังผู้ใหญ่ที่เสิร์ชเจอมั่วๆ เสพติดเรื่องเซ็กซ์ทั้งที่อยู่แค่ชั้นประถม และถูกจับย้ายโรงเรียนกะทันหันก่อนที่จะขึ้นป.4เพราะครูประจำชั้นแจ้งผู้ปกครองว่าชานยอลพยายามทำอนาจารเพื่อนผู้ชายคนนึงในชม.ว่ายน้ำ โชคดีที่พี่เขยเป็นคนที่ไปแสดงตัวเป็นผู้ปกครอง ยูราจึงไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมสามีของเธอจึงทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้น้องชายเธอกะทันหัน โดยบอกเธอเพียงแค่ว่า โรงเรียนเดิมสอนไม่ได้เรื่อง...

     

    ในโรงเรียนใหม่ชานยอลได้เจอจงอิน เพื่อนคนแรกที่ทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาไม่ใช่เรื่องแปลก ชานยอลสังเกตเห็นร่องรอยที่ตัวจงอิน มันเหมือนกับที่เขาเคยมี... และรวมทั้งความรู้สึกทางเพศที่ไวกกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ชานยอลเหมือนเจอโอเอซิส จงอินคือพวกเดียวกันเขา

     

    จงอินทำให้ชานยอลไม่รู้สึกแปลกแยกกับคนอื่น หนำซ้ำยังกลายเป็นว่ามีเพื่อนที่เข้าใจและรู้ใจกันดี หลายปีผ่านไปจากวัยประถมจนเข้าเรียนชั้นมัธยม  เมื่อขึ้นชั้นมัธยมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก็กลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ชานยอลไม่เต็มใจ เขาโตพอที่จะรู้แล้วว่าสิ่งที่พี่เขยทำมันเป็นเรื่องผิดต่อพี่สาวของเขาแม้พี่เขยจะเอ่ยคำว่ารักซ้ำๆเพื่อผูกมัดเขาไว้ แต่มันสายไปแล้ว เพราะในวันที่ชานยอลต้องการความรักจากพี่เขย แต่คนๆนี้กลับตีตัวออกห่างและสร้างบาดแผลไว้ให้เขาจนมันต่อไม่ติด

     

    หลังจากวันนั้นชานยอลต้องระเห็จตัวเองออกมาเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านจนกว่าพี่สาวจะกลับเพราะกลัวพี่เขยจะเข้ามาหาอีก บางวันแทบจะกินนอนอยู่ร้านเกม และบางคืนที่ไม่มีเงินเขาวัดใจด้วยการปีนเข้าบ้านจงอิน ซึ่งเพื่อนสนิทของเขาไม่เคยว่า แต่หลังจากทำไปสี่ห้าครั้งจื่อเทาก็จับได้...ในช่วงปิดเทอมเมื่อรู้ว่าญาติห่างๆกำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นชานยอลก็ขอไปด้วยเพราะกลัวที่จะต้องอยู่บ้านตามลำพังกับพี่เขย...

     

    ตอนที่เซฮุนยื่นข้อเสนอให้หลังจากที่อีกฝ่ายพร่ำเอ่ยคำว่าขอโทษเพราะเมาจนไม่รู้ว่าทำอะไรลงไปบ้าง ชานยอลไม่รู้สึกตกใจแม้แต่น้อย เขากลับรู้สึกดีใจมาก จนกลัวเก็บสีหน้าไม่อยู่และเอาผ้าห่มคลุมตัวเองไว้หลังจากที่เซฮุนบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง อย่างน้อยเซฮุนก็บอกให้เขามาอยู่ด้วย ถึงเขาจะไม่เคยรู้สึกพิเศษอะไรกับเซฮุน แต่การออกมาจากบ้านหลังนั้นคือสิ่งที่ชานยอลวิงวอนต่อพระเจ้าในทุกๆวัน

     

    หลังเกิดเรื่องเซฮุนไปที่บ้านของชานยอล พี่เขยหน้าซีดทันทีที่รู้ว่าเซฮุนเป็นตำรวจ เซฮุนยื่นข้อเสนอว่าอยากให้ชานยอลมาค้างกับเขาเพื่อติวก่อนที่ชานยอลจะเข้าสอบเป็นตำรวจอีกในฐานะน้องชายที่สนิทสนมกัน ถึงแม้พี่เขยจะไม่เข้าใจว่าสองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหน...อีกอย่างบ้านของชานยอลก็ไกลโรงเรียนมากเซฮุนบอกว่าคงดีกว่าถ้าชานยอลจะไปอยู่กับเขา ที่บ้าน พร้อมรับรองความปลอดภัยด้วยตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง

    นั่นก็แค่ข้ออ้างที่เซฮุนคิดขึ้นมาหลังจากถามชานยอลว่าอยากให้เขารับผิดชอบยังไง ชานยอลบอกเซฮุนว่า “ผมอยากไปอยู่กับพี่” ซึ่งเซฮุนไม่ขัดข้องและพร้อมที่จะทำทุกอย่างโดยไม่ถามชานยอลเลยสักคำว่าทำไมถึงไม่อยากอยู่บ้าน....

     

    ………………TBC………………

     

     


    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×