ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] เทาไคShota [TaoKai]

    ลำดับตอนที่ #23 : [Special] LuBaek

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 369
      2
      12 ก.ย. 58




    (พี่ไม่ต้องโทรมาอีกแล้วนะ)

    “มิงซ็ก...”

    (แล้วอีกเรื่อง......กูชื่อมินซ็อก! ไม่ใช่มิงซ็ก!)

     

    ผมได้แต่นั่งมองจอโทรศัพท์ที่ค่อยๆดับลง ความรู้สึกในใจมันสับสนไปหมด ผมไม่เข้าใจ.....

    เพราะอะไร... ผมแค่อยากถาม ถ้าเรื่องที่บอกว่าผมทำให้เขาอึดอัด ทั้งหมดนั่นมันน่าอึดอัดยังไง ผมรักมินซ็อกมากกว่าใคร ผมยอมทุกอย่างขอแค่ให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน ผมยอมทำงานอยู่บ้านไม่ห่างเขา ไม่ว่าเขาขออะไรผมก็ให้ทุกอย่าง ผมไม่รู้ว่าผมบกพร่องตรงไหน...ไม่เคยรู้เลยเพราะมินซ็อกไม่เคยพูด จนกระทั่งวันที่เขาจะไป

     

    “เกอขี้หึงมากไปป่ะ เค้าก็พี่ชางมินเราไม่ได้มีไรกัน”

    “ไม่จริงหรอกคนเราอยู่ด้วยกันเป็นวันๆ แตะเนื้อต้องตัวกันตลอด เกอรู้มิงซกไม่ต้องมาโกหกเลย”

    “พอเหอะเลิกพูด”

    “ถ้ามิงซกไม่เลิกไปเรียนกะไอ้ครูนั่น เราเลิกกัน”

    “เกอ อย่าพูดพล่อยๆนะ”

    “ไม่พูดเล่น เกอไม่ชอบ มิงซกทำตัวแบบนี้เกอก็รับไม่ไหวนะ เลิกกันไปเหอะ”

     

    ผมพาลผมพูดออกไปทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่กล้าเลิกกับเขา แต่สุดท้าย...

     

    มิงซกกกกกกก อย่าไปนะ ฮือออออ มิงโซ้กกกกกกก ผมกอดกระเป๋าเดินทางคนที่ผมรักเอาไว้ ยื้อทุกอย่างแม้แต่ขว้างรองเท้าของเขาออกไปไกลๆ แต่มันก็ไม่เป็นผล

    ปล่อยนะ! ถอยไป!

    มิงซกกกกก เกอขอโทษอย่าไปเลย แง๊ มิงซกกกกก

    บอกให้ถอยไปไง!

     

    เท้าขาวๆของมินซ็อกถีบยอดหน้าผมจนหน้าหงาย เป็นครั้งแรกที่เขาทำร้ายผม....แล้วเขาก็จากไปกับไอ้ครูสอนโยคะกล้ามเท่าหัว ผมพยายามวิ่งตามแล้วแต่ส้นตีนหรือจะสู้ Ferrari 458 Speciale เครื่องยนต์ 8 สูบได้

     

    ผมรู้สึกหมดหนทาง รู้สึกเหมือนชีวิตไร้ทิศทาง ผมคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าทำไมคนดีๆอย่างผมถึงต้องอกหักถูกแฟนทิ้ง...สายตามองไปที่บ้างข้างๆ เสียงหัวเราะร่าเริงของหลานตุ๊ดมันแล้วก็คิดว่าถ้าไปหามาชีวิตอาจจะดีขึ้นก็ได้ จื่อเทามันเป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่สมัยเรียน ถึงมันจะไม่เคยบอกว่ามันเป็นเพื่อนกับผมก็เถอะ

     

    ตอนแรกผมคิดว่าผมจะได้บันเทิงเพิ่มขึ้นแต่กลับกลายเป็นปวดหัวมากขึ้น.... พยอนแบคฮยอน อีตุ๊ดที่ผมเกลียดและหมั่นไส้มากสมัยเรียนมันโผล่หน้ามาสังสรรค์ด้วย ตอนแรกผมจำมันไม่ได้ พอเสนอหน่ามาเท่านั้นแหละ ทุกอย่างแม่งก็ย้อนกลับมา สิ่งที่เก็บไว้ในความทรงจำ ระหว่างผมกับอีตุ๊ด เรื่องนี้จื่อเทามันไม่เคยรู้ มันมารู้ก็ตอนผมกับแบคฮยอนเกลียดกันไปแล้ว

     

     

     

    หลายปีก่อน

     

    “อีนั่นแม่งแรดขาดใจเลย” ไอ้เพื่อนหน้าโหดของผมพูดขึ้นขณะที่เราเฮโลกันมาไนท์คลับใหญ่ที่มันเป็นเจ้าของเพื่อสังสรรคืกันหลังงานรับน้อง ผมมองไปตามสายตาว่าเพื่อนผมพูดถึงใครเห็นร่างอ้อนแอ้นผิดกับเพศสภาพกำลังแดนซ์ไฟแล่บอยู่กลางฟลอร์ ผมจำได้ดี อีนี่ชื่อแบคฮยอน มันเป็นเพื่อนของเพื่อนผมอีกที ไอ้หวงตัวเขียวมันกบฏวิศวะ สารแนไปลงเรียนขับร้องอยู่เทอมนึงเลยได้อีแบคมาเป็นเพื่อน ตอนแรกก็คิดว่าเพื่อนผมชอบกินของแปลก เพราะอีนี่ขึ้นชื่อว่าควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้าเลย

     

    “พาไปแอ้วสักคืนดีไหมวะ”

    “มึงคิดดีแล้วหรอ ระวังติดโรคนะ” ผมเตือนเพื่อนเพราะได้ยินชื่อเสียงแบคฮยอนมาไม่น้อย

    “เห็นมีแต่คนบอกว่ามันเด็ด”

     

    หลังจากคืนนั้นเพื่อนผมก็กลายเป็นทาสอีแบคไปตามระเบียบ ของมันแรงจริงๆ ไอ้หน้าโหดเพื่อนผมถึงกับเทียวรับเทียวส่งไปไหนก็ยืนรอ ไปเรียนก็รอกลับพร้อมกัน จนกระทั่งวันนึง

    “ลู่...กูรู้สึกเหมือนจะตาย”

    “เห่ย ทำไมมึงเป็นเงี้ยอ่ะซางวุค”

    หลังจากพูดคุยกับมัน ทุกอย่างก็กระจ่างและไม่ต่างจากที่ได้ยินมา แบคฮยอนมีคนใหม่ แน่นอนว่าคนที่เป็นฝ่ายบอกเลิกก็คือแบคฮยอน

     

    ผมไม่รู้สาเหตุจริงจังที่มันถูกบอกเลิกแต่ที่แน่ๆ แบคฮยอนยังคงหน้าระรื่นเมื่อมาเชียร์ผมลงแข่งบอล เขาดูตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆผมก็ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

     

    “เหี้ยลู่มึงเป็นห่าไรวะ ไปทำหน้าบึ้งใส่อีแบคมัน”

    “เกลียดแรด”

    “เห้ย ขนาดนั้น มึงชอบมันหรอ?”

    “บอกกูบอกเกลียดมึงแปลยังไงว่ากูชอบว่าจื่อเทา”

    “แบคมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นป่ะมึง” ไอ้เพื่อนตัวเขียวบอกผมด้วยท่าทางคิดหนัก ผมทำเป็นไม่รับไม่รู้ และเมื่อลงสนามผมเห็นอีแบคมันส่งสายตาวิบวับมาทางผม มันเป็นลีดคณะด้วย ยอมรับว่ามันน่ารักบางมุมก็สวยกว่าผู้หญิง แต่ยังไงผมก็ไม่ชอบนิสัยของเขา

     

    “ไอ้เหี้ยเอ้ย” หลังเลิกเรียนในวันนึงผมวิ่งเอางานเข้าไปส่งแล้วก็เสือกจอดรถไว้ตรวที่ห้ามจอดโดยไม่ทันระวัง ผลคือโดนล็อคล้อภายในไม่เวลาไม่ถึงชม.ทั้งที่มันก็ดึกแล้ว

    ปี๊น!

    ผมสะดุ้งแล้วหันกลับไปมองรถซีคลาสสีเงินด้านหลัง ตอนแรกก็งงคิดว่าตัวเองยืนขวาถนน

    “ติดรถเราไปป่าว?” เสียงน่ารักดัดจริตนั่นผมใจได้ดี เพื่อนแบคของไอ้จื่อเทานั่นเอง

    ตอนนั้นมันก็สามทุ่มแล้วผมเลยเออๆออๆนั่งรถไปด้วยกัน เพราะคอนโดมันก็ใกล้ๆกับบ้านผม รู้ตัวอีกทีก็เสือกลืมกุญแจบ้านไว้ที่รถอีก ผมหันรีหันขวางอยู่หน้าบ้านตัวเองตอนนั้นเกือบห้าทุ่มแล้ว โชคดีที่แบคฮยอนยังไม่ขับรถออกไป

    “อ่าว เข้าบ้านไม่ได้หรอ?”

    “เออ ลืมกุญแจบ้านไว้ในรถ เดี๋ยวนั่งแท็กซี่ไปเอา”

    “ลำบากไปป่าว จากนี่ไปถึงกี่โมงพรุ่งนี้นายเรียนเช้านี่”

    “เอ่อ....”

     

    สุดท้ายผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากไปค้างกับแบคฮยอน บอกตรงๆตอนนั้นผมกลัวใจตัวเองมาก พอได้มาอยู่ใกล้ๆแล้วผมก็เข้าใจเลยว่าทำไมใครๆถึงชอบแบคฮยอนมาก ทำไมมีผู้ชายไม่ซ้ำหน้ามาติดกับอีแรดนี่....เพราะมันเป็นคน่ารักจริงๆ ความเฟรนด์ลี่ของแบคฮยอนมันทำให้ผมเองก็เผลอไผลไม่ได้สติไปด้วยอีกคน

     

    “ใส่เสื้อไซส์เดียวกันแหละ ลู่หานสูงกว่าเรานิดเดียวเอง” เสียงเจื้อยแจ้วบอกพลางยิ้มหวานมาให้ตอนที่ส่งชุดนอนมาให้ผมพร้อมกับเสื้อผ้าใส่ไปเรียนวันพรุ่งนี้

    “อืมขอบใจ”

    ผมอึกอักไม่น้อยเมื่อเจอรอยยิ้มพิฆาตเข้าไปจังๆ ทำเอาต้องรีบหันหนีไป หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมเดินถือผ้าเช็ดผมออกมาแล้วมานั่งอยู่ปลายเตียงดูทีวีไปเรือยไม่ทันมองแบคฮยอนที่เดินมาข้างหลัง มือนิ่มๆแตะที่หลังมือผมเพื่อขอผ้าขนหนู

    “เราเช็ดให้” เสียงกระซิบทำเอาผมใจสั่น เหมือนมีเวทมนต์บางอย่างทำให้ผมกระดิกตัวไปไหนไม่ได้

    “ลู่หานผมสวยจัง ทำสีแล้วยังดูไม่เสียเลยอ่ะ ผมเรานะทำสีปั๊บก็แห้งมากๆเลย”

    “หรอ..”

    ผมตอบเพียงแค่นั้น ตอนนั้นผมเคลิ้มไปกับมือที่ค่อยๆขยี้ผมให้อย่างเบามือ แบคฮยอนเป็นคนเอาใจเก่งแล้วก็พูดเพราะ ผมนั่งฟังเขาคุยไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งตอนนอน เราสองคนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเดียวกันเพราะผมคิดว่าตัวเองไม่ได้คิดอะไรกับแบคฮยอน ตอนผมไปค้างกับไอ้จื่อเทา ผมก็นอนเตียงเดียวกับแม่งมาตลอด

    แต่ผมคงคิดผิด.....

     

    หลังจากที่ผมหลับไปได้ชม.เดียวก็รู้สึกเหมือนถูกสวมกอด แอบหรี่ตามองก็เห็นแบคฮยอนขยับมากอดแล้วนอนซบอกผมไว้ เหมือนลูกหมา.... เขานอนกอดผมเฉยๆ ไม่ได้ซุกซนอะไรไปมากกว่านั้น

    ที่พีคกว่าคือตัวผมเองนี่แหละที่ห้ามใจไม่อยู่ กลิ่นแชมพูหอมๆคละเคล้ากับกลิ่นแป้งเด็กนั่นต่างหากยั่วยวนใจผม กลายเป็นผมเองที่ตบะแตก

    ผมก้มลงไปจูบหน้าผากนิ่มเบาๆ แล้วเมื่อแบคฮยอนขยับตัวผมก็พลิกตัวไปคร่อมอีกฝ่ายพร้อมป้อนจูบนัวเนีย ตอนนั้นสติสัมปชัญญะผมอยู่ครบดี ไม่ได้เมา ไม่ได้ฝัน แบคฮยอนหวานไปหมดทั้งตัวจนผมยอมรับว่าคลั่งไปเลยเมื่อได้สัมผัสผิวนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย

     

    “ลู่หาน..” เสียงนั้นเรียกชื่อผมแผ่วเบาก่อนที่ใบหน้าของผมจะเลื่อนลงไปที่หน้าท้องขาว มือเล็กๆจับไหล่ผมไว้

    “อะไร?”

    “คือ....”

    ผมเริ่มสับสนตอนนี้เขาทำให้ผมมีอารมณ์จนฉุดไม่อยู่แล้ว แต่กลับมายื้อไว้คืออะไร?

    “เรามีแฟนแล้วอ่ะ” แบคฮยอนบอกก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า มันทำให้ผมโกรธจนอยากจะจับอีกฝ่ายกดละกระแทกกายใส่ให้มันจบๆ นี่มันบ้าอะไรวะ

    “แล้วไงวะ? มึงไม่ได้นอนกับทุกคนหรอ? กูก็เห็นมึงไปกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว?” ผมตวาดใส่ด้วยอารมณ์ตอนนั้นมันไม่มีความรู้สึกเลยว่าคำพูดตัวเองมันแรงในเมื่อสิ่งที่ผมรู้มาคือแบคฮยอนเองมันก็แรด

     

    เพี๊ยะ!!!!

    ผมโดนอีกฝ่ายตบจนหน้าหัน กลับมามองอีกทีแบคฮยอนก็นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น

    “เราไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะ ฮึก ลู่หานใจร้ายทำไมว่าเราแบบนี้อีก ออกไปเลยนะ เราไม่ให้ค้างแล้ว”

     

    ถ้อยคำที่ฟังแล้วปวดใจแปลกๆ ผมถึงกับพูดไม่ออก ตอนนั้นโกรธแบคฮยอนมากที่ทำผมค้าง หลังจากเตลิดออกมาจากห้องแบคฮยอนตอนตีสอง ผมก็มานั่งดื่มที่บาร์แก้เซง และวันนั้นเองผมถึงได้เจอมินซ็อก บาร์เทนเดอร์ตัวเล็กน่ารัก ที่กลายเป็นคนรักของผมตั้งแต่ตอนนั้น

     

    หลังจากวันนั้นผมกับแบคฮยอนเลี่ยงที่จะเจอกันตลอด จนกระทั่งเรียนจบเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่ง....

     

    เหตการณ์ปัจจุบัน

     

    “ลู่หานหลับยัง”

    “อือ”

     

    เสียงแบคฮยอนดังขึ้นหลังจากที่ทุกคนหลับกันหมด ผมมองเห็นจื่อเทานอนอยู่ที่ปลายเท้า หลานตุ๊ดมันนอนอยู่บนโซฟา ขณะที่แบคฮยอนนอนหันหน้ามาทางผม ดวงตารีเล็กที่สุขสกาวคู่นี้ผมไม่เห็นมามาเกือบ 5ปี

    เรานอนมองหน้ากันจนกระทั่งแบคฮยอนเป็นฝ่ายลุกขึ้นและดึงมือผมให้ลุกตาม ตอนนั้นผมก็มึนๆเพราะฤทธิ์เบียร์เป็นสิบกระป๋องที่ดื่มเข้าไปแต่ก็ไม่ถึงกับเมา

     

    เราสองคนเดินมาหยุดคุยกันในครัว ห้องครัวบ้านผมมันอยู่จุดที่ไม่มีใครมองเห็นเพราะประตูทางเข้าครัวอยู่ใต้บันไดขึ้นชั้นสอง อีกฝั่งนึงของห้องรับแขก ตอนนั้นผมเดินตามแบคฮยอนมาทั้งที่สมองว่างเปล่ามาก คิดไม่ออก ตอนนั้นมีแต่เรื่องมินซ็อก เสียใจ และ ผิดหวัง

     

    “คิดถึงนะ”

    เสียงกระซิบพร้อมกับวงแขนนุ่มนิ่มของแบคฮยอนกอดผมเอาไว้ มันเป็นอ้อมกอดที่ผมเคยได้รับในแบบเดียวกันนี้จากมินซ็อก มือเล็กๆลูบหลังผมเหมือนปลอบใจ ผมซบลงที่ไหล่แบคฮยอนอย่างเหนื่อยล้า ไม่ว่าดื่มไปเท่าไหร่ ผมก็ยังทำใจเรื่องมินซ็อกไม่ได้

    “อย่าคิดมาก ถ้าเค้ารักลู่หาน เค้าต้องกลับมาแน่ๆ” เสียงกระซิบปลอบใจดังขึ้นในความมืด มือทั้งสองของของผมโอบรอบเอวบางของแบคฮยอนไว้และกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอย่างลืมตัว เรายืนกอดกันเหมือนกับผมต้องการพลังจากอีกฝ่าย เหมือนผมมายืนชาร์ตไฟ แบคฮยอนทำให้ผมดีขึ้นจริงๆ ไม่รู้ทำไมพอได้กอดกันแล้วในหัวของผมตอนนั้นสามารถลืมเรื่องมินซ็อกไปได้ชั่วขณะ เรากอดกันอยู่หลายนาที....และเป็นอีกครั้งที่ผมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ผมเงยหน้าที่ซบไหล่เล็กขึ้นและกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากอิ่ม ริมฝีปากที่เคยสัมผัสเมื่อนานมาแล้ว แบคฮยอนเหมือนจะตกใจนิดๆ แต่ผมไม่หยุด ดันหลังอีกฝ่ายจนขึ้นไปนั่งอยู่ที่ขอบซิงค์ล้างจาน

     

    “ขอนะ” ผมกระซิบบอกพร้อมหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ แบคฮยอนพยักหน้าพลางเกาะไหล่ผมไว้ขณะที่ผมค่อยๆถอดกางเกงยีนส์สีซีดออกจากบั้นท้ายดึงออกจากเรียวขาขาวหลุดร่วงลงมากองที่พื้น 

     

    (30%ที่หายไปอยู่ในเล่ม)



     

    ปีกว่าที่ผมใช้ชีวิตอยู่ที่ปักกิ่งกับแบคฮยอน หม่าม้าผมงอนมากที่ผมไม่ยอมกลับไปอยู่บ้าน ไม่ใช่ว่าผมไม่เปิดตัวแบคฮยอน พวกเขาเจอกันแล้วในอาทิตย์แรกที่ผมเริ่มคบกับแบคฮยอนผมก็พาเขาไปหาครอบครัวแล้ว คงมีแต่เซฮุนที่ผมไม่คิดจะบอกอะไร รายนั้นผมเอาไว้ก่อน

     

    “เฮีย เค้าไปจะออกไปซื้อของจะไปด้วยไหม?” เสียงคุ้นเคยแต่สรรพนามที่เปลี่ยนไปเรียกผมให้หันจากจอที่มีแต่ตัวเลขและราคาหุ้นวันนี้

    “อืม แต่งตัวเสร็จแล้วหรอ?”

    “เสร็จแล้วเฮียอ่ะไปชุดนี้เลยป่าว เดี๋ยวป๋ายไปสตาร์ทรถรอนะ”

    “อืมๆ”

     

    ทุกวันนี้เราอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เราจะห่างกัน แบคฮยอนของผมมีชื่อน่ารักที่หม่าม้าผมตั้งให้ว่าป๋ายเซียน หลังจากเราแต่งงานกัน แบคฮยอนก็เรียกผมว่าเฮียตามที่คนส่วนใหญ่เขาเรียกสามีแบบนั้น แต่แบคฮยอนน่ารักกว่าที่คิด ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะทำใจไม่ได้ที่จะต้องมาอยู่บ้านผม แต่กลายเป็นว่าเขากลับเข้ากับเหล่าญาติผมได้เป็นอย่างดี

     

    “หม่าม้า ป๋ายไปซื้อของกับเฮียนะ หม่าม้าอยากได้อะไรเพิ่มป่าวจ๊ะ?”

    “ไม่เอาๆ นี่เฮียเค้าตื่นแล้วหรอ?”

    “ตื่นแล้ว มีไรหรอหม่าม้า”

    “จดหมายมาจากเกาหลี เหมือนจะของอาซื่อชุน หม่าม้าไม่รู้เอาแว่นไปไว้ไหน ป๋ายเซียนอ่านให้ฟังสิ ตอนแรกจะรอเฮียมันลงมาอ่านให้”

    แบคฮยอนพยักหน้าพลางรับจดหมายมา จากเซฮุนจริงๆด้วย มันแปลกมากที่บ้านนี้ไม่ยักกะใช้วิธีส่งอีเมลหรือข้อความแชทในเรื่องสำคัญๆ

     

    ถึง หม่าม้า

    หม่าม้าจ๋า หนูคิดถึงหม่าม้าจังเลย แต่ไม่อยากส่งไลน์ไปนะ เดี๋ยวหม่าม้าเขิน ฮี่ๆ หนูแค่อยากบอกเรื่องสำคัญให้รู้ ตอนนี้หนูมีแฟนแล้วนะหม่าม้า แต่ว่า....คือเค้าเป็นกว่าหนูประมาณสิบปีได้ เค้าเป็นคนน่ารักมากๆอยากพาไปให้หม่าม้าเจอจังเลย จริงเรื่องนี้เฮียเค้ารู้แล้วหละ แต่หนูก็คิดว่ามันคงไม่ดีถ้าหนูไม่บอกหม่าม้าด้วย (จริงๆที่เฮียรู้หนูก็ไม่ได้อยากบอกนะเอาจริง อีเฮียมันขี้เสือกอ่า) แฮะๆ แฟนหนูชื่อชานยอลจ๊ะ เป็นหนุ่มเกาหลี หนูส่งรูปมาให้ดูด้วยนะ แฮะๆ หม่าม้าว่าเค้าหล่อป่าว? แต่คงไม่ละมั้งเพราะยังไงหม่าม้าก็ชอบบอกว่าเฮียหล่อคนเดียวอ่ะในโลกใบนี้

     

    หนูมีเรื่องบอกแค่นี้แหละ หลังจากที่หนูเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าทีมสืบสวนแล้วหนูจะพาชานยอลไปหานะ

     

    รักหม่าม้ามากๆ รักเท่าฟ้าเลย

    ซื่อชุนคนเดิม เพิ่มเติมคือมีแฟนแล้ว >__<

     

     

    จบตอน

     

    จองฟิคกันได้แล้ววันนี้
    http://t.co/7Cbw2ZAXDN


     

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×