ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] เทาไคShota [TaoKai]

    ลำดับตอนที่ #17 : Ep.17 นีนี่หายไป ตอนจบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 475
      0
      30 ส.ค. 58





    เด็กชายตัวเล็กนั่งเงียบมาตลอดทาง วิคตอเรียรู้สึกเหมือนลูกชายของเธอถูกขโมยความรู้สึกนึกคิดและความร่าเริงไปหมดแล้วตั้งแต่จื่อเทาโดนจับไปเด็กชายไม่แม้แต่จะสบตาใคร ไม่ยอมพูดกับใครอีก คุณหมอที่กรมตำรวจแจ้งกับทั้งคู่ว่าลูกชายของเธอตกอยู่ในภาวะที่โทษตัวเอง ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับหม่นหมองและเศร้าจนเธอกับสามีเครียด จงอินไม่พูดกับใครอีกและไม่ยอมแม้แต่จะให้ปากคำอะไรกับตำรวจเรื่องจื่อเทา

    โด คยองซู ผู้ต้องสงสัยที่ลักพาตัวลูกชายเธอไปเป็นคนเอาเทปคำให้การของจงอินที่ถูกหลอกให้เล่าเรื่องระหว่างตัวเองกับน้าชายให้ฟัง จงอินเล่าออกมาโดยเชื่อว่ามันคือการแลกเปลี่ยนความลับกันระหว่างตัวเองกับคยองซู แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเอาโทรศัพท์ที่อัดเสียงของลูกชายเธอไปส่งให้กับตำรวจและหลังจากนั้นคยองซูก็อ้างว่าทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือจงอิน ทั้งตัวเด็กเองก็บอกว่าตามคยองซูมาเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงโทษคยองซูแค่สถานเบาคือปรับเงินและให้นอนที่ฝากขัง1คืน

    ส่วนจื่อเทา น้องชายแท้ๆของเธอ กลับอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีโดยถูกตั้งข้อหาเบื้องต้นว่ามีความผิดทางอาญาฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี แม้ตัวเด็กนั้นจะยินยอม ก็ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ถึงแม้ตัวเธอซึ่งเป็นแม่จะพอรู้เรื่องว่าน้องชายมีความรู้สึกดีๆให้จงอิน แต่การรับรู้ว่าลูกชายถูกกระทำอนาจารมันก็เกินรับไหว เธอจึงให้กระบวนการทางยุติทำดำเนินคดีกับจื่อเทาไปโดยไม่พูดอะไร

     

    “นีนี่” เสียงเรียกของเซฮุนไม่ได้ทำให้เด็กชายที่กำลังเดินเข้าบ้านหยุดเดินเลย เซฮุนก้มหัวให้ทั้งพ่อและแม่ของเด็กชายก่อนจะเดินตามไปรั้งแขนเล็กเอาไว้ แต่กลับถูกสะบัดทิ้ง

    “นีนี่ฟังพี่ก่อนสิ”

    ไม่มีคำตอบจากเด็กชาย ทั้งทีที่หลุดจากพันธนาการของเซฮุน จงอินวิ่งขึ้นชั้นสองโดยไม่หันกลับมามองใครทั้งนั้น วิคตอเรียได้แต่ยกมือชึ้นปิดหน้าตัวเองก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความเครียดทั้งเรื่อง น้องชายของเธอ ลูกชายของเธอ ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาจนเธอไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง ในฐานะพี่สาวเธอควรไปหาจื่อเทา แต่เธอก็ไม่รู้จะมองหน้าน้องชายตัวเองยังไงในเมื่อสังคมกำลังตราหน้าจื่อเทาว่าเป็นพวกวิปริตและทำอนาจารเด็ก

     

     

    ............................................................................

     

     

    “ถ้าจะให้ผมแก้ต่างให้ในคดีนี้ มันก็ไม่ยากนะครับคุณหวง เพราะตามหลักฐานที่มีแค่คลิปเสียงจริงๆ มันก็ไม่ใช่หลักฐานเลยด้วยซ้ำ ของแบบนี้มันบิดเบือนกันได้ ตอนนี้เหลืออย่างเดียวคือตรวจร่างกายเด็กเท่านั้น ตามคำร้องขอของศาลเด็กที่ดูแลคดีฝั่งนั้น”

    “ครับผมเข้าใจ”

    ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนให้คุณทนายคิม ที่รับหน้าที่เป็นทนายของเขาในคดีนี้ เมื่อครั้งแรกที่ถูกจับมาเขารู้สึกสับสนไปหมด และเมื่อทางตำรวจแจ้งว่าหลักฐานมาจากสิ่งที่หลานชายเขาเป็นคนเล่าออกมาเอง เขาได้แต่ก้มหน้ามองพื้นตลอดทางที่เดินมาห้องฝากขัง เขาขอร้องให้เซฮุนที่มาหาบอกกับพี่สาวเขาว่าอย่ามาเยี่ยม เขาไม่อยากให้พี่สาวเดือดร้อน

    ระยะเวลา14ปีที่เขาดูแลหลานชายมาด้วยความรัก มันไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ในรูปแบบที่แตกต่างนี้ให้ใครเข้าใจ จื่อเทารู้อยู่แก่ใจว่าเขาผิด แม้สายตาของเซฮุนจะเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่จื่อเทาก็ละอายใจเกินกว่าจะขอความช่วยเหลือใดใด

    ตอนนี้เขาไม่อยากเจอใครอีกแล้ว เขาอยากเจอจงอิน อยากกอดจงอิน อยากขอโทษไม่ว่าเขาจะได้รับการให้อภัยจากหลานชายไหม เขาอยากบอกว่ารัก ก่อนที่เขาจะจากไป.....ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก

     

    ..............................................................

     

    “นีนี่ กินข้าวหน่อยสิลูก” เสียงคนเป็นแม่ที่อ้อนวอนอยู่ข้างเตียงพร้อมกับถาดอาหารที่ถือมาไม่ได้ทำให้ร่างที่นอนกอดตุ๊กตาหมีขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

    “นีนี่ แม่ขอร้อง อย่าทำแบบนี้ได้ไหม หนูจะเอาอะไรบอกแม่สิลูก นะกินข้าวเถอะ”

     

    ฟังคำอ้อนวอนของแม่ร่างเล็กลอบถอนใจออกมา ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงก่อนจะหันไปสบตากับแม่ ดวงตากลมใสมีร่องรอยช้ำที่ขอบตาเหมือนร้องไห้อย่างหนัก ริมฝีปากอิ่มมีรอยฟันที่ขบกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือดค่อยๆขยับปากโต้ตอบกับแม่ด้วยเสียงแหบพร่า

    “แม่...นีนี่อยากได้จื่อเทา แม่พาเขามาได้ไหม?” ทันทีที่เอ่ยชื่อีกฝ่ายน้ำตาอุ่นก็ไหลอาบแก้มเด็กน้อยพร้อมกับเสียงสะอื้น วิคตอเรียรู้สึกเหมือนหัวใจเธอจะสลาย ใครบ้างจะอยากให้ลูกชายเสียใจ ใครบ้างจะอยากให้น้องชายตัวเองเข้าคุก

    “แม่ขอถามก่อนได้ไหม ลูกรักน้าเขาจริงๆหรอ? โลกของลูกมีแต่เขาเพราะเขาเลี้ยงลูกมาตามลำพัง แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกนะ”

    “ทำไมแม่ถึงอยากให้มันถูกต้องในเมื่อมันเป็นความรักของเราสองคน นีนี่ไม่ได้อยากเกิดมาเป็นหลานจื่อเทาสักหน่อย แม่จำได้ไหมที่นีนี่เคยถามว่าจื่อเทาเป็นน้าแท้ๆของนีนี่รึเปล่า นีนี่ถามเพราะอยากให้แม่ตอบว่าไม่ใช่ ฮึก....ใครจะอยากทำผิดกัน ถ้าเกิดมา ฮือออ ถ้าเลือกเกิดได้ ฮึก ใครจะอยากเกิดเป็นหลานของคนที่ตัวเองรักหรอแม่”                                                                                                                                                                                                            

     

    ..............................................................

     

    “โดนล่อตูดมั่งยังมึง ในนั้นมีแต่นักโทษตัวหยั่งควายเลย” เสียงกวนประสาทพูดพลางหัวเราะออกมา เรื่องตลกอุบาทว์แบบนี้คงจะมีแค่คนๆเดียวที่กล้าพูดกับจื่อเทาคือ ลู่หาน

    หลังจากแต่งงานและไปฮันนีมูนกันได้แค่เดือนเดียวทั้งที่วางแผนไว้ว่าจะไปร่อนสักสามเดือนอยู่แถวยุโรป  แต่พอลู่หานเค้นถามเรื่องจื่อเทาจากเซฮุนเพราะไม่เห้นจื่อเทามางานแต่งตามที่ส่งการ์ดเชิญไปให้ ถึงได้รู้ว่าไอ้เพื่อนข้างบ้านเข้าซังเตไปแล้วตามที่ลู่หานเคยคาดการณ์ไว้ว่าไอ้น้าลามกนี่จะต้องโดนจับเข้าให้สักวัน แต่ถึงอย่างนั้นเขากับแบคฮยอนร้อนใจจนต้องบินมาเกาหลีทั้งที่ฮันนีมูนจบไปประเทศเดียว เพราะตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาคดี จื่อเทาเลยถูกเอาไปฝากขังที่เรือนจำกลางก่อน

     

    “ยังไม่มีใครล่อกู แล้วมึงกับเมียนี่ยังไง มีความสุขกันดี?” จื่อเทาถามพลางอมยิ้ม แบคฮยอนไม่ได้โผล่มาเพราะดูท่าทางเพื่อนตัวเล็กของเขาจะไม่ยอมให้เขาติดคุกง่ายๆเลยขอตัวไปคุยกับทนายเขาก่อน

    “ดีจนปวดหรรมไปหมด ถ้ากูรู้ว่าอีแบคมันเด็ดขนาดนี้กูล่อแม่งตั้งแต่เรียนละ ไม่ไปต่อปากต่อคำให้เสียเวลา” พูดถึงเมียรักแบบติดตลกจนจื่อเทาพลอยขำไปด้วย

    “ลืมไปเลยนะว่าเคยเกลียดขี้หน้ากัน อีแบคตกถังข้าวสารเป็นคุณนายลู่ไปแล้วสิ”

    “บางวันกูก็คิดนะว่าทำไมกูถึงเกลียดมัน สุดท้ายก็หาคำตอบไม่ได้ ตอนนั้นกูอาจจะหมั่นไส้ความดัดจริตของแม่งละมั้ง แต่ตอนนี้ก็กลายเป็นชอบไปแล้ว ตอแหลแค่ไหนก็เมียกูนะ ห้ามหลอกด่า ฮ่าๆๆๆ” ลู่หานหัวเราะเสียงดังจนหน้าเน่อยับไปตามแรงดึงดูของโลก นี่คงเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีญาติมาเยี่ยมแล้วจื่อเทาได้หัวเราะออกมาบ้าง เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วที่เขาถูกเอาตัวมาฝากขัง มีเพียง เซฮุนและพี่เขยเท่านั้นที่ใจแข็งพอที่จะเข้ามาเยี่ยมเขา

    “อืม มึงมีความสุขก็ดีแล้ว ดูแลอีตุ๊ดดีๆ” จื่อเทาฝากฝังเพื่อนพลางยิ้มบาง

    “มึง กู....กูไปเจอหลานมึงมา กูเห็นหน้ามึงแล้วก็อดจะเล่าไม่ได้หวะ หลานมึงอ่ะกูได้ข่าวว่าไม่ไปโรเงรียนเลยนะ ไม่เรียนหนังสือ ไม่ยอมกลับบ้าน บางวันก็อยู่แต่ร้านเกม พอไม่มีมึงแล้ว น้องนีนี่กลายเป็นเด็กแว้นซ์ไปเลยนะ กูว่าแม่งกำลังต่อต้านพ่อแม่สุดตีนอ่ะ”

    “อืม พี่จงแดเล่าแล้ว แต่กูจะทำไรได้ กูอยู่ในนี้” ตอบพลางยกข้อมือที่ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ

    “มึงรู้ยังว่าตอนที่ทางสิทธิเด็กขอให้จงอินเข้าตรวจร่างกาย เด็กนั่น...ไม่ยอมตรวจ”

    “อืม กูรู้ เซฮุนบอกกูแล้ว น้องชายมึงมาหากูบ่อยเหมือนเป็นเมียกูเลยนะ” พูดติดตลกพลางนึกถึงท่าทางเซฮุนที่ช่วงนี้เริ่มมีท่าทางแปลกๆที่เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซฮุน เพราะดูๆไปช่วงนี้จากคุณตำรวจสุดหล่อกลับมีออร่าน่ารักขึ้นมาซะงั้น

    “พูดถึง...กูเริ่มหนักใจละ นี่กำลังคิดอยู่ว่ากูจะแจ้งความไอ้เด็กโย่งในบ้านยังไง มีข้อหาเด็กอายุต่ำกว่า 15ปีทำอนาจารผู้ใหญ่อายุ 23 ไหมวะ”

    “ฮ่าๆๆๆ กูว่ามึงได้น้องเขยรุ่นลูกแล้วหละลู่หาน”

    “ไอ้เหี้ยอุตส่าส่งแม่งเรียนตำรวจแบบแมนๆ เสือกเสียท่าอ้าขาให้เด็กซะได้ แม่กูคงใจสลายอ่ะ”

    ทั้งสองคนหัวเราะออกมาก่อนที่จะหมดเวลาเยี่ยม บางทีจื่อเทาก็คิดว่าการที่เขาเข้ามาอยู่ในนี้อาจจะทำให้ได้มองเห็นอะไรมากมายในมุมมองใหม่ ความเปลี่ยนไปของเซฮุนและชานยอล ความมีน้ำใจของพี่เขยที่ยังคงมาเยี่ยมและเข้าใจเขา รวมทั้งความก้าวร้าวของคิมจงอินที่เขาไม่เคยได้สัมผัส บางทีก็ควรให้พี่สาวเขาได้เรียนรู้ที่จะเลี้ยงลูกเพียงลำพังโดยไม่มีเขาบ้าง

     

    ........................................................................

     

     

    แสงแดดแรกของวันส่องตาจนคนที่เดินออกมาพิงรั้วหินขณะใหญ่ต้องหรี่ตา รถสีดำคุ้นตาจอดรอเข้าพร้อมกับเด็กหูกางที่ยื่นหัวออกมาจากฝั่งที่นั่งข้างคนขับ

    จื่อเทายกยิ้มก่อนจะเดินไปหารถคันนั้น ถึงจะรู้ว่าคนที่อยากเจอที่สุดไม่ได้มารับ แต่จื่อเทาก็ยังดีใจที่ได้ออกมาจากที่ฝากขัง เป็นเวลาเดือนกว่าที่เขาต้องอยู่ในนั้น ถึงแม้จะมีเพื่อนที่เข้าอกเข้าใจความหื่นเด็กคล้ายๆกัน แต่ไม่ใช่สังคมที่ดีงามเท่าไหร่ ตอนนี้คดีของเขาสิ้นสุดลงแล้วเพราะตามรูปคดีแล้วนอกจากคลิปเสียงที่ถูกอ้างก็ไม่สามารถเป็นหลักฐานที่เพียงพอจะฟ้องเขา ไหนจะคนที่มาเป็นพยานจากหมายเรียกแต่ละคน ลู่หาน ชานยอล และพ่อแม่ของจงอิน ทุกคนให้การว่าไม่รู้เรื่องและไม่เคยเห็นการกระทำอันเข้าข่ายการละเมิดหรือล่วงเกิดจงอินแม้แต่น้อย คดีสิ้นสุดแต่โดยเร็วเพราะหลักฐานที่ไม่มากพอนั่นเอง (เพราะไรเตอร์ก็ขี้เกียจจะบรรยายด้วยจบคดีเถอะ อีน้ามันเป็นพระเอกนะใครจะทำร้ายมันได้ลงคอ จริงไหม)

     

    เสียงดังในร้านเกมทำเอาชายหนุ่มถึงกับนิ่วหน้าเพราะหนวกหู กวาดตามองไปทั่วบริเวณที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งเรียงกันเป็นตับ เสียงโหวกเหวกสลับกับเสียงเกมต่างๆตีกันมั่วไปหมด ดวงตาคมกวาดตามองสองรอบและเดินวนไปวนมา จนกระทั่งเจอเด็กตัวเล้กที่เป็นเป้าหมายนั่งจมอยู่กับเก้าอี้นวมใหญ่สายตามองจอเกมไม่สนใจอะไร ชุดนักเรียนหลุดรุ่ย แถมผมที่เคยเป็นสีน้ำตาลเข้มก็กลายเป็นสีเทาหม่นเพราะการกัดสีและย้อมจนดูแปลกตา ถึงจะยอมรับว่ามันทำให้ “นีนี่” ของเขากลายเป็นเด็กชายแก่นเซี้ยวเสียจนจำไม่ได้ รวมทั้งคำบอกเล่าของลู่หานว่าหลานเขากลายเป็นเด็กแว้นซ์ไปแล้วภายในเวลาเกือบสองเดือนที่เขาไม่อยู่

    ไม่ให้สัญญาณใดๆ แขนแกร่งยกตัวเด็กที่นั่งเล่นเกมไม่ระวังตัวขึ้นมาก่อนจะจับพาดไหล่กว้างจนเด็กนั่นหัวทิ่มแล้วเดินแบกอาดๆออกมาท่ามกลางสายตาเด็กในร้านและเจ้าของร้านที่มองอย่างตกใจ เงินจำนวนนึงถูกวางที่เค้าเตอร์ จื่อเทาแบกหลานชายออกมาจากร้านที่อบอวนไปด้วยกลิ่นเด็กหนีเรียนตัวเหม็นเขียว

    ไม่มีการโต้ตอบของเด็กที่ถูกลักพาตัวมา จนกระทั่งถูกจับนั่งที่ฮาเล่ย์คันเดิมก่อนที่คนเป็นน้าจะขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ซ้อนหลังเด็กน้อยและสตาร์ทรถมุ่งไปทางกลับบ้าน

    นานมาแล้วที่จงอินไม่ได้นั่งมอเตอร์ไซค์แบบนี้ พอโตขึ้นจื่อเทาก็เลือกที่จะขับรถยนต์ไปส่งมากกว่าพาเขาควบเจ้าฮาเล่ย์สีเขียวไปไหนมาไหน สายลมที่พัดผ่านเย็นสบายจนจงอินหลับตาลงและสูบหายใจลึก ระหว่างที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านจงอินเหลือบเห็น 7-11 ที่ตัวเองเคยไปก่อคดีกดกินเสลอปี้กินจนท้องอืดแล้วขำออกมาคนเดียว นานมากที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องตอนเด็กเลย เพราะเขาไม่เคยมีเรื่องทุกข์ใจมาก่อน ทำให้จงอินไม่เคยเห็นคุณค่าของช่วงเวลาที่ผ่านเลยไป

    ตั้งแต่จื่อเทาไม่อยู่ทุกอย่างในชีวิตของคิมจงอินก้าวกระโดดจากการทำอะไรที่มีน้าคอยดูแล เขาต้องดูแลตัวเอง แถมเขาทะเลาะกับแม่บ่อยๆเพราะแม่ไม่เคยเลี้ยงเขามาก่อน แม่เลยไม่รู้ว่าจงอินใช้ชีวิตมาแบบไหน อะไรที่แม่อยากให้ทำ จงอินไม่อยากทำ จนกลายเป็นว่าเขาไม่อยากไปเรียนหนังสือแล้ว เพราะอยากประชดแม่ เขาอยากให้แม่รู้ว่าการไม่มีจื่อเทามันลำบากแค่ไหน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาแม่ไม่เคยเลี้ยงเขาเลย แม่เลยไม่รู้จักจงอินเลยแม้แต่น้อย

     

    พอถึงบ้านไม่มีใครพูดอะไร จื่อเทาลงจากรถก่อนจะหันหลังให้ เด็กน้อยที่รู้งานกระโดดขี่หลังแขนเล็กกอดคออีกฝ่ายแน่นใบหน้าซบลงที่ไหล่กว้าง วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเพราะแม่กับพ่อไปทำงานต่างจังหวัด หลายวันมานี้จงอินต้องอยู่บ้านดูแลตัวเองคนเดียว แถมหลายอาทิตย์ผ่านมาไม่กล้าไปรบกวนบ้านพี่เซฮุนอีกเพราะเคยเข้าไปจะถามการบ้านชานยอลครั้งนึงก็เจอชานยอลกับพี่เซฮุนกำลังนัวเนียกันอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ทำเอารีบถอยหลังออกมาแทบไม่ทัน ตั้งแต่นั้นมาจงอินก็เริ่มเหินห่างกับชานยอลเพราะไม่อยากทำตัวเป็นก้างขวางคอใคร ถึงจะรู้สึกแปลกใจที่เห็นสองคนนั้นพลอดรักกัน แต่ก็เข้าใจ....ว่าบางทีความรักมันก็เข้ามาตอนที่เราไม่รู้ตัวเสมอ และมาในรูปแบบที่เราไม่สามารถกำหนดได้

     

    เข้าบ้านมาจื่อเทาก็ค่อยๆย่อตัวลงให้จงอินขาพอถึงพื้นและลงจากหลังไป ร่างสูงใหญ่ที่เคยเจอเมื่อเกือบสองเดือนก่อนตัวหนาขึ้นมากเพราะพี่เซฮุนเคยบอกว่าจื่อเทาอยู่ในนั้นไม่มีอะไรทำเลยออกกำลังกายแล้วก็มีเวลาดูแลตัวเองมากขึ้น อาจจะเพราะช่วงเวลาที่อยู่กับเขา จื่อเทาต้องดูแลจงอินเลยไม่มีเวลาสนใจตัวเองเท่าไหร่ แต่ไม่ว่ายังไงจื่อเทาก็ยังดูดีสำหรับจงอินเสมอ

     

    “กินอะไรรึยัง?” เสียงทุ้มแบบที่จงอินชอบถามพลางหันมายิ้มให้ เด็กที่ยืนมองอยู่ไม่ห่างไม่ได้ตอบอะไร สีหน้าเรียบเฉยดวงตากลมใสจ้องมองอีกฝ่ายก่อนที่สองขาจะก้าวไปข้างหน้าช้าๆ จื่อเทายืนเท้าแขนกับโต๊ะมองหลานชายค่อยๆเดินเข้ามาหาจนกระทั่งคอเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มถูกกระชากโน้มคอลงมา ริมฝีปากอิ่มประกบจูบเรียวปากของน้าชายก่อนที่ร่างผอมบางจะถูกยกตัวขึ้นขาเพรียวบางทั้งสองข้างกอดเอวหนาไว้พร้อมกับแขนเล็กที่คล้อยคออีกฝ่ายไว้ เรียวลิ้นเล็กเป็นฝ่ายรุกล้ำหยอกล้อลิ้นหยุ่นของคนอายุมากกว่า ตวัดเกี่ยวเอียงใบหน้าตอบรับจูบอีกฝ่ายเหมือนวัดใจว่าใครจะหมดลมหายใจก่อน จนกระทั่งจื่อเทาต้องยอมแพ้ถอนจูบออกมาก่อน

    “ถามว่ากินอะไรมารึยังทำไมต้องจู่โจมขนาดนี้เนี้ย” บอกพลางทำท่าปาดเหงื่อใส่

    “ก็ยังอะ ที่ทำนี่แปลว่าหิวมากไม่รู้หรอ?” จงอินยิ้มจนแก้มบุ๋มพลางเอียงคอมองอีกฝ่ายกัดปากอย่างยั่วยวน

    “อ่อ....หรา” จื่อเทาแกล้งทำหน้าเอือมใส่ ใจคอหลานชายจะนำพาให้เขาเข้าคุกอีกรอบรึไง คราวนี้ถ้าพี่เขยเกิดติดกล้องวงจรปิดไว้ในบ้านนี่ไม่ต้องสืบเลยนะว่าติดคุกกี่ปี

    “แล้วจื่อเทากินไรมายัง?”

     

    คำถามชวนให้คิดไม่เท่ากับเด็กพิเรนท์ที่ตั้งใจเบียดเอวใส่เป็นจังหวะเหมือนแกล้ง ผู้ชายอายุ 25 จะทนเด็กน้อยอายุย่าง 15 คนนี้ได้อีกนานเท่าไหร่ ถึงจะบอกกับตัวเองว่าจะพยายามห้ามใจจนกว่าหลานจะเข้ามหาลัยตามคำขอที่พี่เขยบอกไว้ก่อนที่เขาจะออกมา แต่ดูจากสิ่งยั่วยวนใจตรงหน้าสงสัยเขาคงต้องผิดสัญญาซะแล้ว.....

    “ยังไม่ได้กิน แล้วก็หิวมาก จนจะกินเด็กได้ทั้งตัวแล้ว” แกล้งกระซิบตอบเสียงกระเส่าจนจงอินหดคอเพราะจั๊กจี๋ ริมฝีปากร้อนที่พรมจูบซอกคอเนียนทำเอาหน้าร้อนไปหมด

     

     







    ---------------------อย่าลืมกลับมาคอมเม้นท์นะจ๊ะ-----------------------






    ลิ้งสั่งจอง > http://goo.gl/forms/uyvelh3abk
     
    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×