ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] เทาไคShota [TaoKai]

    ลำดับตอนที่ #1 : Ep.1 นีนี่โดดเรียน #เทาไคShota

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 58


     





    กว่า 25 ปีที่ผมดำเนินชีวิตมาโดยผ่านชายหญิงมากหน้าหลายตา เสปคเลอค่าจนกระทั่งถึงพวกหน้าไม่ให้แต่ลีลาเร่าร้อน ผมนับเป็นเสือในหมู่มวลชายผู้รักในกิจกรรมบนเตียงเป็นที่สุดที่ผ่านมาทั้งการเป็นวันไนท์แสตนด์หรือกิ๊กรักยามผัวเผลอของใครหลายคน

     

    ใครจะรู้ว่าวันนึงผมจะพ่ายแพ้ให้กันเด็กตัวเล็กๆที่สูงแต่เอว....

     

    “จื่อเทา! ตื่นเร็ว นีนี่จะไปเรียนบัลเล่ต์สายแล้วนะ!!!!!!!!!!!!!!!

    เสียงตวาดจนร่างสูงสะดุ้งพรวดขึ้นมานั่งบนเตียงคิงไซส์ หัวเหอฟูฟ่องเหมือนโดนระเบิด เหลือบมองเด็กตัวเล็กในเสื้อแขนกุดสีขาวกางเกงขาสั้นแค่เข่าสีน้ำเงินพร้อมถุงผ้าสายรูดแบบสะพายหลัง ยืนจ้องเขาอย่างกินเลือดกินเนื้อ

    “เรียกน้าก่อน”

    “ใช่เวลาไหมหละ!

    “นีนี่...เรียกน้า”

    “โถ่เว้ยก็ได้ น้าเทาๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้หน้าเทาเร็วๆเข้า! เดี๋ยวโทรไปฟ้องแม่เลย!

     

    คุณเคยมีความรู้สึกอยากจับลูกของพี่สาวรวบขาแล้วเหวี่ยงติดข้างฝาไหมครับ?

     

    เด็กนี่แม่งลามปามผมตั้งแต่พูดได้ ไม่เคยสักครั้งจะเรียกผมว่าน้าเพราะพี่สาวบังเกิดเกล้าดันข่มผมต่อหน้าหลานตั้งแต่มันเกิด ใช่ซี๊ ผมมันก็แค่น้องชายหน้าตาหล่อคนนึง

     

    “ไอ้น้าจะลุกยัง?”

     

    ดูมัน....พอให้เรียกน้าแม่งก็มีคำว่าไอ้นำหน้าอีก

     

    “ใจเย็นโรงเรียนมันไม่หนีไปไหนหรอกนะ”

    “ก็คิดแบบนี้ไงถึงเรียนไม่จบสักที เค้าไปรอที่รถนะ” สะบัดตูดจากไปทิ้งไว้เพียงคำจิกด่าน้าในไส้(?)

    เวรกรรมอะไรที่แม่งต้องมาเลี้ยงหลานอยู่คนเดียวหนะหรอครับ..........

     

    พี่สาวผมหย่าไง มีลูกกับผัวเกาหลีได้จนไอ้เด็กปากร้ายอายุได้3ขวบแล้วก็หอบลูกไปจีน ผมก็ช่วยพี่เลี้ยงหลานมาจนมันโตพอจนเรียกผมว่า “จื้อเจาๆ” เสียงอาโนเนะแบบเด็กฟันเพิ่งขึ้น แล้วพี่สาวผมก็โดนดีเข้าเพราะพี่เขยผมไม่ยอมฟ้องร้องจะเอาลูกกลับมาเกาหลี สนธิสัญญาระหว่างประเทศก็เกิดขึ้นเพราะทั้งคู่แม่งก็ไม่ต้องการให้ลูกไปอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง สรุปภาระเลยมาตกที่ผม

    พี่สาวพี่เขยทิ้งเรือนหอที่เกาหลีไว้เป็นบ้านเพื่อให้ผมเลี้ยงหลาน ส่วนเขาสองคนก็ต่างฝ่ายต่างทำมาหากิน ผมก็มีหน้าที่รับเงินเดือนค่าเลี้ยงหลานไป หลานบังเกิดเกล้าที่พร้อมจะตบกบาลผมได้ทุกเมื่อเวลาขัดใจ ถอนหงอกจนหัวกูจะล้านแล้ว...

     

    อ้อ ลืมบอกไป เด็กลูกกรอกตัวเท่าเอวของผมชื่อ “คิมจงอิน” ปีนี้ก็ 10ขวบพอดี ส่วนชื่อนีนี่ได้มาจากแม่มันเรียกลูก จงอินนี่ อินนี่ ไปๆมาๆเป็นนีนี่ตัวมันเองก็เรียกตัวเองว่านีนี่ ใครไม่รู้คิดว่าผมมีหลานสาว แต่ไม่...มันคือสิ่งมีชีวิตมีจู๋เหมือนกันผม

     

    ผมเดินล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ไปที่รถมอเตอร์ไซค์ฮาเล่ย์ลูกรักสีเขียวอี๋ ก่อนจะอุ้มไอ้เด็กหน้ามึนขึ้นมานั่งด้านหน้าตักตัวเอง มือเล็กจัดการเกาะที่ถังน้ำมันเอนหลังมาพังอกผมสบายใจฉิบขาเล็กๆแกว่งไปมา

     

    “จื่อเทาแวะ7-11หน่อยสินีนี่อยากกินสเลอปี้”

    “โวยวายว่าจะไปเข้าคลาสสายแต่จะแวะ7-11หวะ คนอาไร๊”

    “นี่เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชม.”

    “แล้วทำไม่ให้น้านอน”

    “คุณไม่ได้รับสิทธินั้น...”

     

    หมั่นเขี้ยวไอ้เด็กแก้มยุ้ยจับฟัดแก้มไป2ทีถ้วน หอมซ้ายหอมขวาจบแก้มโย้ เป็นอันเสร็จภารกิจการเต๊าะหลานในเช้าวันนี้ มันก็ไม่ว่าอะไรนะ ผมถือคติไม่พูดแปลว่าชอบ ขับมาถึง 7-11 ขาเล็กๆพยายามตะกายลงจากมอไซค์เองหัวเกือบทิ่มลงพื้นซีเมนต์

    “ใจเย็นไอ้เสือ” ผมว่าพลางอุ้มมันลง

    “ตังค์...”

    “เงินค่าขนมอาทิตย์นี้ให้ไปแล้วถึงวันอาทิตย์เว้ย นี่วันเสาร์”

    “ใจคอน้าจะให้เค้าจ่ายทุกอย่างเองหรอ ถึงว่าหละแม่บอกว่าเลี้ยงน้านี่มันเสียข้าวสุกจริงๆ

     

    อืม ไอสัด..........

     

    ผมจำใจควักแบงค์ 1000 วอนให้มัน 3 ใบ ยื่นให้มันเสร็จได้รับการตอบแทนเป็นรอยยิ้มจนแก้มบุ๋มก่อนจะวิ่งโด๊ะๆๆๆ เข้าไปใน 7-11 ผมกลัวมอไซค์หายเลยนั่งรอ ไอ้ตัวเล็กหายเข้าไปสักพัก ผมเริ่มเป็นห่วง ชะเง้อคอมองไม่เห็น พอเห็นคนเปิดประตูร้านสะดวกซื้ออกมาผมก็เห็นไอ้หลานยืนงอแงอยู่ตรงเค้าเตอร์จ่ายเงิน

     

    “เห้ยน้องพี่ฝากมอไซค์แปบนะ” ว่าพลางยื่นเงินให้ไอ้เด็กที่ขายคิมบับเจ้าประจำ หน้า7-11 ก่อนจะเดินกึ่งวิ่งเข้าไปในร้าน

     

    “อะไรอ่ะ ก็ซื้อแก้วเดียวทำไมต้องจ่ายราคาสามแก้ว!”  นั่นเสียงหลานผม

    “น้องครับกดกินฟรีๆไปสามรอบแล้วนะ พี่ก็ต้องคิดราคา3แก้วสิ” นั่นพนักงาน7-11

    “นีนี่...” ผมเรียกหลานเบาๆก่อนจะวางเงินให้พนักงานก่อนจะกล่าวขอโทษ ไอ้เด็กนี่ก็ดิ้นปัดๆๆๆ ไม่พอใจที่ผมจ่ายเงินแล้วอุ้มมันออกมาจากร้าน

    “ทำไมต้องจ่ายอ่ะ เค้าซื้อแค่แก้วเดียว ไอ้พี่นั่นมันขี้โกงเรานะ”

    “ใครกันแน่ขี้โกง กดดื่มของเค้าไปตั้งสามรอบ”

    “อะไรหละ ไหนป้ายห้าม ไม่มีซักหน่อย!

    “คิมจงอิน! อย่าให้น้าฟ้องแม่ใช่ไหมว่าเป็นเด็กขี้โกง กินของคนอื่นฟรีๆแบบนี้ไม่มีใครรักหรอกนะ!

    ผมหันไปดุหลานโชว์สาวแถวป้ายรถเมล์ หึ ต้องให้กำหลาบไม้แข็งดื้อนักหลานใคร

    ปากเล็กๆสั่นระริกก่อนจะแผดเสียงออกมา ผมนี่มองบนเลย มารยาเด็กประถมชัดๆ

    “ฮึก...ฮืออออออออออออออออออออออ”

     

    “อุ๊ยร้องไห้เลย น่าสงสารจังเลยอ่ะ คนอะไรใจร้ายจัง”  สาวๆที่ป้ายรถเมล์ซุบซิบกันนินทาผมที่ดุหลานจนร้องไห้ ผมทำหน้าเมื่อยก่อนจะอุ้มมันขึ้นรถทั้งที่แหกปากร้องแต่มือนี่กอดแก้วสเลอปี้แน่นเชียวนะ

    มันยังคงมั่นคงที่จะแหกปากร้องไห้สลับกับดูดสเลอปี้ดังครอกกกกกก พอมอไซค์กำลังขี่ๆไปมันก็เอามือมาตีแขนผม ตอนที่ชะลอจอดไฟแดง

     

    “ไม่อยากไปเรียนแล้วเค้าอารมณ์ไม่ดี”

    “เกเร จะฟ้องแม่”

    “เอะอะก็ฟ้องแม่ โตปะเนี้ยจื่อเทา”

     

    แล้วมึงนี่โตมากเลยสิ หำเท่าหัวแม่ตีนกูเนี้ย......

     

    “ไม่เรียนแล้วจะไปไหน”

    “กินติม”

    “ชวนเดทหรอ?”

    “อื้อ เดทกัน”

    แม่งเข้าใจคำว่าเดทป่ะเนี้ย? ผมไม่ว่าอะไรเลี้ยวรถกลับไปที่ห้างพาไอ้ตัวเล็กไปกินไอติม แค่เรียนพิเศษบัลเล่ต์โดดมั่งก็ไม่มีปัญหาอะไรนอกจากให้แม่มันเสียตังค์เล่นเท่านั้น พอจอรถได้ ผมก็อุ้มไอ้หลานเข้าเอวก่อนจะเอากระเป๋าเป้เล็กๆของมันเก็บใต้เบาะ นี่ก็กอดเป็นลิงเลย ผมเดินเหมือนทหารโดนกับระเบิดเสียขาข้างนึงเพื่อดันลูกลิงที่เกาะแน่นไม่ยอมปล่อยไม่ให้ตก  เวลางอแงนี่แม่งอ้อนระดับทำลายล้างมาก

     

    “ช็อคมิ้นต์สามลูก!

    “ไม่เอาลูกเดียวพอ กินไม่หมดหรอกเดี๋ยวก็เหลือ”

    “จื่อเทาช่วยเค้ากินสิ”

    “ไม่เอาน้าดื่มกาแฟอย่างเดียว”

    “กินเถอะน่า พี่สาวฮะเอาช็อคมิ้นต์สามลูก”

    ดูแม่ง....สั่งเสร็จสรรพ พอไอติมมาก็ยิ้มหวานเชียว ผมยื่นมือไปดึงแก้มนุ่มนิ่ม1ที ไอ้เด็กแก้มตุ่ยก็เอาช้อนเข้าปากตัวเองคำนึง ปากผมคำนึง แลกน้ำลายกันเป็นทายาทอสูรเลย

     

    “ปากเลอะหมดแล้ว” ผมที่กำลังนั่งอ่านข่าวในสมาร์ทโฟนกำลังจะหยิบทิชชู่มาเช็ดปากตัวเองเพราะเสียงหลานบอกว่าปากเลอะ

    แต่มือมันก็ชะงักค้างอยู่กลางอากาศเพราะใบหน้าเล็กๆยื่นเข้ามาใกล้ก่อนจะเลียมุมปากผมพร้อมดูดดึงริมฝีปากล่างอีก1ทีเสียงดังจ๊วบ ผมเลยจูบตอบไปอีก1จ๊วบอย่างเคยชิน

    ครับเราเคยชินทำแบบนี้กันที่บ้านเท่านั้น.........

    แต่นี่แม่งกลางห้าง สายตานับร้อยหันมามองผมกับหลานที่เพิ่งผละออกจากกัน ชิบหายสิครับ....

     

    ได้ยินเสียงโซ่ตรวนมาแต่ไกล..........ขากูก้าวเข้าคุกแล้ว1ขา ข้อหาพรากผู้เยาว์

     

    รีบจ่ายตังแล้วเผ่นพร้อมหิ้วไอ้ตัวเล็กออกจากร้าน ชีวิตแม่งงงงงงง ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมเล่นกะหลานแบบนี้มานานแล้วอ่ะ!

     

    หอบหิ้วกันกลับมาบ้านอย่างไว หนึ่งก็เพราะกลัวโดนรุมประชาทัณฑ์ สองก็คือ...ไอ้หลานมันยั่วยุกิเลสขั้นสุด ผมบอกมันแล้วอย่าทำแบบนี้นอกบ้าน ไม่ใช่ว่าอาย แต่เวลาของขึ้นแล้วมันลงยาก ผมจูงมือเล็กๆให้เดินตามเข้ามาในบ้านอย่างด่วนจงอินไม่พูดอะไร เดินกอดถุงขนมที่เราแวะซื้อหน้าปากซอยมาแล้วเคี้ยวขนมเยลลี่หยับๆอย่างมีความสุข

    “น้าบอกแล้วอย่าทำนอกบ้านไง” ผมหันมาโวยวายใส่ไอ้เด็กที่กระดึ๊บตัวไปนั่งบนโซฟาห้อยขาต่องแต่ง

    “ไม่เห็นต้องโกรธ อยู่บ้านก็ทำ”

    “แต่ข้างนอกเราตกลงกันแล้วว่าไม่ได้ทำไง”

    จงอินมองหน้าผมนิ่งริมฝีปากเล็กงับเยลลี่สีม่วงก่อนจะดึงขาดออกจากกันแล้วยัดส่วนที่เหลือใส่ปากผม

    “กินซะจะได้อารมณ์ดี”

    “ไม่ดีด้วยอ่ะ” ผมตอบงอนๆ อะไรที่เคยสอนกันนี่ไม่เคยจะฟังเลยจริงๆ  ผมหันหนีเมินไอ้ตัวเล็ก สัมผัสนุ่มนิ่มที่แก้มพร้อมเสียงจุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ จากแก้มละเลงไปทั่วหน้า...วิธีง้อเดิมๆของเด็กชายคิมจงอิน

     

    “เหม็นน้ำลายหมดแล้ว” ผมบึนปากใส่หลานที่ยืนยิ้มให้จนแก้มบุ๋มเห็นลักยิ้มสองข้างแก้ม

    จงอินวางถุงขนมลงข้างๆแล้วโถมตัวกอดผมเป็นลำดับต่อมา รู้มากนักเชียว หัวกลมๆซุกอยู่ซอกคอผมเอาหัวไถไปมา เสียงเล็กๆกระซิบแผ่ว

     

    “จื่อเทาอย่างอนซี่ เลี้ยงเสียข้าวสุกนะแบบนี้”

     

    เมื่อไหร่มันจะเลิกเอาคำที่แม่มันสอนมาพูดซักทีวะเนี้ย เสียอารมณ์โม้ดดดดดดดดดดดดดด

     

    “ไม่พูดด้วยหรอ ปากเป็นไรไหนดูสิ” ไอ้เด็กรู้มากพูดต่อแล้วจะใช้สองมือจับแก้มผมแล้วค่อยๆอ้าปากเล็กงับริมฝีปากผม ลิ้นเล็กๆแลบเลียเหมือนลูกแมว ขี้อ้อน มันคือสิ่งที่ผมสอนมาทั้งนั้น เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อตอนที่จงอินอายุ 8 ขวบ

     

    --------------------CUTสิครับลงในนี้ก็โดนแบนสิ---------------------


     

    “แค่ก แค่ก”

    ผมเผลอปล่อยลูกที่ไม่ได้เกิดเป็นล้านตัวเข้าไปในปากหลานชายที่กำลังสำลักคราบน้ำสีน้ำนมที่เลอะปากเล็กไหม แถมไหลอาบคอขาวจนเสื้อยืดที่เจ้าตัวใส่แฉะแหมะ  ผมสวมกางเกงก่อนจะอุ้มไอ้ตัวเล็กพาดบ่าไปห้องน้ำก่อนที่มันจะเปิดปากด่าอะไรออกมา พามายืนบนเก้าอี้เตี้ยประจำตัวหน้าอ่างล้างหน้าแล้วยื่นแก้วน้ำให้นีนี่บ้วนปาก จับล้างหน้าถอดเสื้อแล้วลงอ่างน้ำอุ่นที่เปิดไว้ หลานตัวเล็กดูสนุกมากกับการเล่นน้ำฟองสบู่ เขาไม่พูดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเลยไม่ถาม ไม่พูดอะไร มันคือความเคยชิน ที่ผมค่อยๆสอนให้เขารู้จัก

     

    “จื่อเทากอดหน่อย” ไอ้ตัวนุ่มนิ่มตะกายขึ้นมาบนเตียงหลังจากแปรงฟันเสร็จ โถมตัวใส่ผมที่นอนหงายอ่านหนังสืออยู่

    “กอดหน่อย” หัวกลมซุกมาที่อกผมแล้วเอามือเล็กตะกุยแผ่นอกผมเบาๆ ผมถอนใจก่อนจะวางหนังสือลงแล้วโอบกอดเด็กน้อยไว้ในอ้อมแขน

    “จื่อเทา”

    “อะไร”

    “เมื่อไหร่เราจะทำแบบนั้นได้หรอ?”

    “แบบไหน?”

    “เมื่อวานเค้าเห็นพี่ลู่หานกับพี่มินซ็อกอยู่ตรงระเบียง พี่เค้าไม่ใส่เสื้อผ้าแล้วก็ทำอะไรแปลกๆด้วย พี่ลู่หานกอดพี่มินซ็อกจากข้างหลังแล้วก็ชนก้นพี่มินซ็อกใหญ่เลย”

    ผมนี่.....อยากเผาบ้านไอ้เจ๊กข้างบ้านจริงๆเลยครับ แม่งเหี้ย ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศก็ไม่แครืสายตาประชาชนเล้ย

    “เอาไว้โตก่อน”

    “ต้องอายุเท่าไหร่อ่ะ?”

    “เอาไว้สูงถึงอกน้าก่อน”

    “หง่อว งั้นต้องกินนมเยอะๆแล้วหละ”

     

    พูดจบเสียงหายใจเป็นจังหวะคงที่ตามมา ไอ้ตูดหมึกหลับไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความคิดฟุ้งซ่านของผม

    มีอะไรที่ให้เด็ก 10 ขวบกินแล้วโตอายุ 14 ได้ภายในวันพรุ่งนี้ไหมครับ?





    จบตอน




    สครีมในทวิต  
    #เทาไคShota

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×