คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เกาหลีมาแล้วจ้า ตอน 1
เกาหลีมาแล้ว ^ ^
ในชีวิตหนึ่งๆ การที่คนเราจะได้ไปต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่อยากไปนี่ก็มีหลายเหตุผล บางคนอาจจะรวยเลยไปได้เรื่อยๆ หาเงินเก่งเลยได้ไป แต่กับเรา... มันมางงๆ แบบบอกไม่ถูกเหมือนกัน ตอนแรกแค่พูดเล่นๆ เพราเห็นว่าเพื่อนจะไป เลยคิดว่าเออ...ไปด้วยดีมั้ย ตอนนั้นก็มีตังอยู่ คำนวณคร่าวๆ แล้วคงไม่หมดเยอะเท่าไหร่
ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นว่า เอาจริงเว้ยเฮ้ย... ในความรู้สึกเราการไปเกาหลีครั้งแรกนี้ มาแบบไม่ตั้งตัวแต่รู้สึกดีใจมากได้ไป ฮี่ๆ ไม่เสียใจเลยที่เกิดอาการมึนงงตกลงจะไปจริงๆ
บอกไว้ก่อนว่าค่าใช้จ่ายโดยรวมของเราที่ไปทั้งหมด 8 คืน 10 วัน เอาแบบช็อป กิน เที่ยวไปเรื่อย หมดไปประมาณ 40000 บาทค่ะ ของเราค่อนข้างเยอะเพราะช็อปแหลกลาญไปเลย ฮ่าๆๆ
ค่าตั๋วเครื่องบินแบบถูก สนนไปแล้วหมื่นห้า บวกกับค่าเลื่อนไฟล์ทอีกสองพัน ตั๋วไปกลับของ MU นะคะ แวะเปลี่ยนเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ แต่ไม่ต้องซีเรียสน้า เราไม่ได้เอากระเป๋าลงมาแบกใหม่หรอก แต่เอาตัวเองเนี่ยเปลี่ยนไปนั่งอีกเครื่องเฉยๆ ค่ะ กระเป๋าจะไปรอเราที่ปลายทางคือเกาหลีเลย ประหยัดงบกว่าบินตรงเยอะพอสมควร
แต่ก็มีอีกเช่นกัน ตั๋วบินตรงที่ถูกลงมาหน่อย ราคาใกล้เคียงกับบินเวีย แต่... สายการบินชื่อไม่ดังมาก เราก็ต้องลองสอบถามลองเสี่ยง หรือถ้ามีเอเจนซี่ก็จะสบายไป แต่ส่วนใหญ่ถ้าเราจะทำอะไรก็ต้องผ่านเค้าตลอด บางทีก็ไม่ดีค่ะ เพราะเค้าอาจจะบวกค่าใช้จ่ายเราเพิ่ม
เช่นของเราเปลี่ยนไฟล์ท ถ้าเปลี่ยนเองกับสายการบินเสีย 2000 บาท จะเปลี่ยนไปยังไง วันไหนหรือกี่ครั้งก็ได้ ขอให้อยู่ในกำหนดและเป็นชั้นประหยัดเหมือนกัน แต่ถ้าผ่านเอเจนซี่ เค้าอาจชาร์จเพิ่มอีก 500 หรือไม่ชาร์จก็มี แล้วแต่ที่ค่ะ
ไอ้ก่อนไปนี่เราก็พยายามเตรียมตัวทุกอย่าง ไปซื้อของ เสื้อผ้าหนาๆ เพราะไฟล์ทครั้งแรกก็ปะทะความหนาวแบบติดลบเลยค่ะ เดินทางคืนวันที่ 13 ถึงเที่ยงของวันที่ 14 กลับตอนเย็นของวันที่ 22 ถือว่าระยะยาวใช้ได้ อยู่จนคุ้มเลย ฮิฮิ เราก็ขนซื้อรองเท้าบูธ โค๊ทตัวหนา ลองจอน เลกกิ้ง เสื้อขน ผ้าพันคอ เอาแบบครบเซต หมดตังไปใช่น้อย ต้องไปแลกเงินมาเตรียมไว้ด้วยน้า เรทที่ถูกๆ ก็เจ้าประจำที่แสนคุ้นเคย Superich ประตูน้ำ
คนนั้นคนนี้ฝากซื้อของก็โทรตาม โทรถามกันให้วุ่น ได้รายการมาบานตะไทเลยค่า ไปช่วงเอสเจออกปฏิทินออฟฟิเชียลพอดี เพื่อนก็ไปขนของกลับมา งานนี้สนุกแน่
เรื่องที่พักก็นั่งหารีวิวกันเยอะพอควร แต่พ่อเพื่อนเค้าขอให้โทรกลับบ้านได้ เลยเลือกที่สามารถโทรตปท.ได้ฟรี เค้าก็มีบริการนะ แต่ละที่ก็ดีต่างกันตรงย่านที่อยู่ ระยะทางใกล้ไกลซับเวย์ รวมถึงมีลิฟต์หรือไม่มีค่ะ
เราไปพักที่ นัมซานเกสเฮาส์สาม มีลิฟต์ โทรตปท.ได้ แถมยังใกล้เมียงดงและซับเวย์มากๆๆๆๆๆๆ ด้วย เดินออกไปแป๊บเดียวถึง ช็อปมันทุกวันเลย 555
เพื่อนเราส่งเมล์ไปจองเอง พอไปถึงค่อยเอาตังไปจ่ายเค้าค่ะ เค้ามีสตาฟคนไทยด้วยนะ พอคุยกันได้ แต่ภาษาอังกฤษของสตาฟเค้าก็โอเค เลยไม่คิดว่าลำบากเท่าไหร่
พอถึงวันเดินทาง..เราก็พยายามยัดทุกอย่างลงกระเป๋า คือสภาพลูกผู้หญิงหนึ่งคนที่กลัวหนาว มีเท่าไหร่เอาไปหมดเลยค่า น้ำหนักกระเป๋าจำกัดที่ 20 กิโล ปกติขาไปเค้าก็ไม่ค่อยเยอะกันเท่าไหร่ 10 กว่าโล แต่ของเราพุ่งไป 19.9!
โอ้ยยยยยยยยยย ตาโตกันแทบตาย คือทั้งขำทั้งหน่ายตัวเอง ไม่รู้จะขนอะไรไปเยอะแยะ เพื่อนที่ไปด้วยกันนี่มองหน้าเลย ฮ่าๆๆ จริงๆ เค้าไม่อยากให้ขาไปเยอะมากเพราะขากลับต้องขนของเยอะอยู่แล้ว แต่ก็นะ...ก็คิดว่ากลับคงจะได้ทิ้งอะไรเยอะอยู่ คาดว่าน่าจะทำน้ำหนักได้ (ไม่รู้คิดได้ยังไง ลืมไปชั่วขณะว่านิสัยตัวเองชอบซื้อของ)
เราไปถึงสนามบินตั้งแต่ 3 ทุ่มเลยค่า ทั้งที่เช็คอินห้าทุ่ม ก็นั่งรอนั่งคุยนั่งกินกันไปจนได้เวลาเช็คอิน เห็นตัวเลขตอนยกน้ำหนักกระเป๋าขึ้นชั่งก็ขำสุดๆ ไฟล์ทแรกที่ไปตปท. เราก็ต้องไปลงเซี่ยงไฮ้ก่อน ใช้เวลาบินประมาณ 4ชม. แต่รวม GMT ที่ต่างกัน 1 ชม. ด้วยก็เป็น 5 ชม. นะคะ
ระหว่างรอก็ไปหาที่นั่งชิวๆ วันนั้นสนามบินคนน้อยมากไม่รู้ทำไม ไอ้เราก็นั่งง่วงแทบหลับ กว่าจะได้ขึ้นเครื่อง คนเต็มไฟล์ทนะคะ ของ MU จะเป็นสายการบินชั้นประหยัดที่คนค่อนข้างนิยม โดยเฉพาะพวกที่ชอบขนของไปขาย เพราะเค้าหยวนเรื่องน้ำหนักมากพอสมควร นน.กระเป๋าเกินมานิดหน่อยก็ให้ได้ ไม่ว่ากัน แต่ที่อื่นนี่ต้องเสียค่าน้ำหนักกระจุยเลย
ที่นี่อนุญาตให้พกขึ้นเครื่องได้ 7 โลและโหลดอีก 20 โล แต่ขึ้นเครื่องนี่เค้าไม่ชั่งนะ เอาแบบพอดีๆ ถ้าดูแล้วคงไม่เกินมากก็ไม่เป็นไร
เครื่องของ MU จะมีกิตติศัพท์นึงร่ำลือกันมากๆ ใครบินกับสายการบินนี้จะต้องพูดถึง...นั่นคือ
สจ๊วตหล่อค่ะ 55555555555555555555555
ไอ้เราก็คาดหวังไปเต็มที่ กะว่าเค้าต้องหน้าตาดีแน่ๆ เลย แล้วผลที่ออกมาก็...
ไม่ผิดหวังเลยจ้า โอยยยยยยยยยยยยย สี่ชม.ที่อยู่บนเครื่องไปเซี่ยงไฮ้ ได้นอนชั่วโมงเดียวเอง นอกนั้นนั่งส่องสจ๊วตตลอดทางเลย แอบถ่ายรูปเก็บมาด้วย 555 แต่พี่แกไม่ขึ้นกล้องอย่างแรง ภาพแอบถ่ายเลยไม่หล่อ เรางดลงรูปนะ ไม่งั้นจะเสียชื่อเสียงความหล่อหมด 555
ไฟล์ทนี้มีสจ๊วตสองสามคนได้ งืมมมมม มีความสุขมากเวลาเค้าเข็นรถมาเสิร์ฟ ครุคริ ไอ้เราก็นั่งส่องไปเพลินอย่างมีความสุข ขึ้นมาได้สักพักก็จะเริ่มเดินเช็คช่องเก็บของด้านบนว่าโอเคมั้ย เรียบร้อยดีมั้ย อ่ะตอนนี้ก็หนึ่งรอบ
สักพักเครื่องขึ้นแล้วก็เสิร์ฟน้ำ อ๊ะ....อันนี้ก็อีกรอบ ฮี่ๆ
เสิร์ฟน้ำแล้วก็มาเก็บแก้ว.... แล้วก็เสิร์ฟข้าว แล้วก็เก็บจานข้าว โอยยย สุขีสโมสร ลืมเอสเจไปชั่วขณะเลยจ้า วินาทีนั้นจับมือถือไว้แน่น ทำทีเป็นเล่นเกมส์แต่ตามส่องกล้องเพื่อจะแอบถ่ายอย่างสนุกสนาน 555555555555
ถึงกับบอกเพื่อนเลยว่า...ถ้ายังไม่ได้ถ่ายรูป ฉันจะไม่ลงจากเครื่อง ก๊ากกกกกกกกก
เพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็รู้ใจเหลือเกิน พอช่วงจังหวะเรากำลังจะหลับมั่งอะไรมั่ง สะกิดตลอดดดดดดดดดด มีตอนนึงกำลังเคลิ้มจะหลับ เพื่อนสะกิด เพราะสจ๊วตเดินออกมา 55555555 สรุปว่าเป็นเอามากทั้งคู่ ได้นอนจริงๆ ก็ตอนใกล้ๆ ถึงโน่นเลย สรุปว่าหลับไปชั่วโมงนิดๆ
พอเครื่องมาถึง...ตอนที่รันเวย์ไปจอดแบบเอื่อยๆ กัปตันจะพูดแนะนำว่าตอนนี้อยู่ไหน ต้อนรับสู่สนามบินปูดอง (pudong) เราเรียกปูดองกันหมดเลย 55555 ไอ้เราก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่ ไปจับคำพูดได้อีกทีตอนที่บอกว่า temperature is 4 Celsius ….. เรานี่ตาโต หะ? ว่าไงนะ ตรูฟังไม่ผิดใช่ป่ะ นี่เพิ่งเซ่ยงไฮ้เอง ทำไมอุณหภูมิสี่องศาแล้วง่ะ
เราก็หันไปสะกิดเพื่อนบอกว่าเมื่อกี๊เธอได้ยินมั้ย เพื่อมันบอกไม่ทันได้ฟัง = = โฮ.... ถ้าไปถึงเกาตรูจะหนาวตายมั้ยเนี่ยยยยย แล้วสนามบินที่นี่ประหลาดอย่างนึง ไม่มีงวงช้างมาจุ๊บต่อให้เข้าเกทนะคะ
เค้าจะให้เราลงมันกลางรันเวย์นั่นแหละ แล้วเดินไปขึ้นรถบัสภายใน เค้าจะขับพาไปส่งที่ตม.
แล้วเราก็อยากจะบอกว่า... ตอนเดินออกมาปะทะอากาศ 4 องศาครั้งแรกในชีวิตนั้น โฮววววววววววววววววววววว เหมือนอยู่ในตู้เย็นเลยจ้า หนาวมาก! มองหน้ากับเพื่อนแล้วรีบจ้ำเข้ารถบัสเลย คือปกติแล้วไม่เคยเจอหนาวขนาดนี้ มากสุดที่เคยก็ตอนไปภูกระดึง 7 องศา แต่นี่มันอารายยยยยยยยยยยย
แค่คิดถึงเกาหลีจิตใจก็ไหวสั่น ตุ้มต่อมมากว่าตรูจะรอดกลับไทยมั้ยเนี่ย TT
มาถึงที่นี่ไม่มีอะไรมาก เพื่อนเค้าก็เคยไปเกามาแล้วแต่ยังไม่เคยบินเวียเซี่ยงไฮ้ ก็ช่วยกันงมๆ ไป เขียนใบผ่านเข้าเมือง ออกเมือง ไปยืนหนีห่าว เซี่ยเซี่ยให้ตม.เค้าพิจารณาหน้าตา คือเราก็พยายามยิ้มหวานๆ เพราะพาสปอร์ตเล่มใหม่นี้ยังไม่มีตราประทับของที่ไหนเลยจ้า เล่มเก่าก็มีแต่ลาว เขมร เวียดนาม ไม่ช่วยอะไรต่างด้าวเข้าเมืองเล้ยยยยยยย
แต่ที่นี่มันแปลกมาก! เค้าจะมีเส้นทางเฉพาะให้พวกบินเวียเดินไป คือมันก็ไม่มีอะไรนะ เราผ่านตม.เข้าเมืองมาแล้วก็เดินตามป้าย Transfer ไปเรื่อยๆ ซึ่งมันยาวมาก ไม่รู้จะยาวไปไหน เดินเข้านั่นออกนี่ ขึ้นบันไดเลื่อน ลงบันไดไปเจอป้าย Transfer Hall ตัวเบ้อเริ่ม แต่...ไม่มีใครอยู่เลย เอ่า แล้วจะให้ตรูไปไหนยังไงฟร่ะ
ยืนทำหน้างงๆ เอ๋อๆ ได้แป๊บนึงก็จะมีพนักงานเค้ามากวักมือเรียก เราก็เดินตามไป คือหน้าตาตรูคงบอกยี่ห้อมากว่าอินี่ต่างด้าว เดินตามป้าย transfer เข้ามาแล้วรอในนี้ชัวร์
เราก็เดินตามพนักงานเค้าไป เค้าจะให้เราออกอีกประตูนึงที่ต้องใช้บัตรรูด ซึ่งก็ออกมาตรงทางผู้โดยสารขาเข้าญาติๆ พ่อแม่พี่น้องเค้าก็มายืนรอกันตรงนี้บ้าง... แล้วยังไงคะ? เราก็ต้องเดินขึ้นไปอีกชึ้นเพื่อเช็คอินในฐานะผู้โดยสารขาออก เพราะเราต้องบินต่อไปเกาหลี
โถถถถถถถถถถถถ ก็ถ้าจะให้ขึ้นชั้นสาม ทำไมไม่ให้ไปต่อจากชั้นสองล่ะค๊า จะให้ลงมาเดินเล่นใน Transfer Hall ชั้นหนึ่งก่อนทำไม
คือ...เข้าใจอารมณ์มั้ยคะว่าต่างด้าวอย่างเราๆ นี่งง... เพราะเค้าก็ไม่ตรวจอะไรเลย ให้เราเดินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุดท้ายก็ไปเจอที่เช็คอินขาออกอยู่ดี เมื่อยมาก เดินในสนามบินปูดองนี่เกือบกิโลได้ ดีนะกระเป๋าหิ้วขาไปเรายังไม่หนัก ส่วนของเพื่อนก็ล้อลากเลยพอจะชิวกันได้
เค้ามีทรานสิทให้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก่อนที่เครื่องไปเกาจะออก ตอนเราเช็คอินจากสนามบินของไทยเค้าจะให้ตั๋วเครื่องบินเรามาสองใบเลยนะคะ คือถ้าทำหายก็ซวยค่ะไม่ได้ขึ้นเครื่องแน่ๆ
ไอ้ชั่วโมงกว่าๆ ที่ให้มาเนี่ย คือเผื่อเวลาเดินสินะ... จะไปซื้ออะไรกินก็ไม่ได้ ไม่มีเงินหยวนติดตัว เลยได้แต่กินน้ำฟรีที่เค้ามีบริการกับขนมบนเครื่องที่กินไม่หมด หอบใส่กระเป๋ามาด้วย ฮ่าๆๆๆ เราก็นั่งรอหน้าเกทไปเรื่อยๆ แอบแสดงความบ้านนอกด้วยการเดินลงไปด้วยนะ เพราะเห็นเค้าเขียนป้ายว่าเกทนี้ให้เดินลงไป สรุปว่า...มันให้รอข้างบนนั่นแหละ ข้างล่างมีแต่ทางเดินไปขึ้นเครื่องกับเลานจ์ของเฟิร์สคลาส ต้องเดินกลับขึ้นมาเสนอความหน้าแตกของตัวเองให้ชาวบ้านรับรู้ ก๊ากกกกกกกกก เกรียนแตกจริงๆ ไปตปท.รอบนี้ ฮาตัวเองหลายอย่างเลย
พอขึ้นมานั่งรอข้างบนก็หยิบหาอะไรทำไปเรื่อย อุ๊ย...มีไวไฟฟรี เสร็จโจร กะว่าจะอัพทวิตเล่นนั่นนี่ซะหน่อย
แต่...ลืมไปรึเปล่าว่าที่จีนเค้าบล็อกทวิตเตอร์และเฟสบุ๊ค เออ...เจริญจ้า สรุปว่าทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งจิ้มเอสเจเขย่าไปพลางๆ เพลงก็ยังไม่ได้ซื้อ ตรูกดเล่นอยู่สองเพลงเนี่ยจนจะจำแป้นมันได้หมดแล้ว เล่นแบบเอ็กตรีมได้เอด้วยนะเออ
แต่ให้ตายเถอะมันน่าเบื่อจริงๆ จอร์จ = = นั่งเล่นจนไม่มีอะไรจะทำเลยลองนั่งดูสภาพอากาศเล่นๆ อุ๊ย...กำลังดีเชียว 3 องศา... อยากจะโดลงสระว่ายน้ำน้ำแข็งให้รู้แล้วรู้รอด เช็คอากาศที่เซี่ยงไฮ้ไม่เท่าไหร่ กระแดะไปเปิดดูของเกาหลี โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เช้าตรู่แบบนี้กำลังติดลบเลย เลยสวยๆ น่ารัก ลบหนึ่งลบสอง
เอาให้เพื่อนดูแล้วก็มองหน้ากัน ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากกอดโค๊ทที่ซื้อมาแน่นๆ เพราะว่ามันคือที่พึ่งพิงของเรา ฮ่าๆๆ
พอได้เวลาขึ้นเครื่องก็ยื่นตั๋วตามปกติค่า ขามาจากไทยเราได้นั่งคู่กับเพื่อน แต่ขากลับนี่ไม่ได้เพราะคนจองหมดก่อนแล้ว เลยนั่งแยกกันค่อนข้างไกล อ่ะไม่เป็นไรไม่ซีเรียส แค่ชั่วโมงครึ่ง แป๊บเดียวก็ถึง
ไม่ทันได้หลับหรอก นั่งทำนั่นนี่ไปเรื่อยก็หมดเวลาแล้ว เค้าแจกข้าวด้วยนะ ฮี่ๆ ได้กินข้าวสองมื้อเลย ดีใจมาก อิ่มและเปรมสุดๆ นี่ถ้าบินตรงก็คงได้อาหารมื้อเดียว กับข้าวเค้าก็หน้าตาแปลกดี เป็นข้าวผัดแบบมีน้ำซุปเนื้อราดมา ตามรูปถ่ายล่ะจ้า อร่อยดี แต่เค้กเราไม่กิน ไม่อร่อยอ่ะ เลยซดน้ำส้มสนุกสนาน แอร์ก็น่ารักสดใส มีคนนึงน่ารักมากกกกกกกก หุ่นดีสุดๆ ใส่เสื้อคนจีนกับกระโปรงสีดำ แค่นั้นเองแต่ดูน่ารักและสวยมาก ชอบๆๆๆ
เสียดายอย่างนึง...ไฟล์ทไปเกานี้ไม่มีสจ๊วตให้ส่องแล้ว โฮววว ห่อเหี่ยวเลย คนข้างๆ ก็ไม่หล่อ เป็นอันพับไป นั่งหลับตาไปเรื่อยๆ งีบได้ครึ่งชั่วโมงก็ถึง
คราวนี้กะว่าจะตั้งใจฟังกัปตันประกาศสภาพอากาศจะได้เตรียมตัวได้ แต่...ฟังไม่ทันอ่ะ มัวแต่ส่องสนามบินอินชอนอยู่เลยลืมเลย พอเครื่องลงมาถึงก็เดินๆ อกมา คราวนี้โอเคหน่อยมีงวงช้างมาต่อ เลยไม่ต้องออกไปเผชิญสภาพหนาวชั้วโลกเร็วนัก
เดินเข้ามาเราก็แวะห้องน้ำ คือ...พื้นที่มันคงเยอะมากจนใช้สอยไม่หมดสินะ ห้องน้ำถึงได้กว้างอลังการขนาดนี้ แบบนอนได้เป็นยี่สิบคนอ่าค่ะ อดไม่ได้เลยต้องถ่ายรูปมาด้วย
พอออกมาก็เดิน เดิน เดิน เดิน ไกลเหมือนกันเพราะเกทของไฟล์ทพวกนี้จะอยู่ค่อนข้างไกล สไลด์วอล์คก็เชื่องช้าตามประสานิสัยมัน เลยเดินมั่งเร่งมั่ง จนมาถึงที่ให้กรอกใบเข้าเมือง
เค้าจะให้เขียนด้วยนะว่าพักที่ไหน อยู่กี่วัน เอาเงินมาเท่าไหร่ (เทียบหน่วยเป็น $ ก็ไม่ยากค่ะ แค่เอาเงินวอนทั้งหมดมาตัด 0 ออกสามตัว ก็จะเป็นหน่วย $ แล้ว) เค้าจะมีตรวจสอบค่ะ ถ้าเอาเงินเข้าประเทศเกิน 10000$ หรือสิบล้านวอน
แต่เพื่อนเราพาเขียนเป็นหน่วย KRW เราก็ใส่ไปล้านสี่หมื่นวอน คือทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่นั้น นอกนั้นก็เป็นบัตรวิซ่ากับมาสเตอร์การ์ด ตม.เข้าเมืองของที่นี่เค้าจะแยกกันนะคะ ถ้าเป็นพลเมืองถือพาสปอร์ตเกาหลีก็จะมีช่องทางแยก เอาพาสปอร์ตไปติ๊ดกับเครื่องได้เลย แถวมันเลยไปเร็ว โล่งมากๆๆๆ แต่สำหรับพวกต่างด้าวเข้าเมืองนี่สิ... แถวยาวมาก รอนานมากด้วยเพราเค้าตรวจสอบเยอะ กะว่าถ้าไม่ชอบมาพากลก็เข้าห้องเย็นไปตรวจสอบเลยจ้า
เราก็เตรียมมาเต็มที่ พาสปอร์ตทั้งเล่มเก่าเล่มใหม่ ใบรับรองงาน และหน้าตาอันยิ้มแย้มของหญิงไทย ก๊ากกกกกกกกก แต่พอเอาเข้าจริงๆ ไม่ตรวจอะไรมาก ไม่ถามด้วย เค้าคงรู้เพราะเพื่อนเราโชว์ใบจองที่พักไปก่อนแล้ว เค้าก็ปั๊มให้ง่ายหน่อย
เลยเดินสบายๆ ออกมาก็ไปเอากระเป๋า ซึ่งถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยวข้างสายพาน = =
คือทำงานเร็วไปนะคะ รอตรวจคนเข้าเมืองแป๊บเดียว กระเป๋าระเห็จไปไกลมาก เพื่อนบอกว่ามันก็แบบนี้แหละ ถ้าหมดไฟล์ทนี้แล้วกระเป๋ามาลง ถ้าไม่มีคนมาเอาจะแยกไว้อีกด้าน ให้เราตามหาเอาเอง บางทีไปเจอพนักงานกวนทีนก็มีนะ ทำเอาอารมณ์เสีย แค่ถามว่ากระเป๋าไฟล์ทนี้ไปเอาที่ไหนเค้าก็จะด่าว่าทำไมมาเอาช้า
เอ่า...ก็ตม.คุณเมิงตรวจช้านี่ ตรูจะมาก่อนเวลาได้ไง
พอลงมาก็ตามหากระเป๋าแสนรักแล้วก็จับมันขึ้นรถเข็นออกมาข้างนอก ก็สภาพปกติทั่วไป คราวนี้ก็ซื้อของได้แล้วเพราะมีวอน ฮ่าๆๆๆๆ แต่อยากบอกว่าน้ำที่นี่แพงมาก TT ตัดใจซื้อยากเหลือเกิน มาถึงแล้วเราก็ไม่ออกไป นั่งกินน้ำเล่นเน็ตฟรี เช็คอินกันไปเรื่อย อันนี้คือเก็บกดจากจีน ตรูเข้าทวิตไม่ได้ ใจจะขาด ก๊ากกกกกกกกกกกกกก
พอสักพักเลยไปซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมือง บอกปลายทางแล้วก็จำนวน เค้าก็จะบอกเงินให้จ่าย เอาตั๋วให้พร้อมกับชานชาลา ซึ่งมันจะเรียงรายอยู่ด้านนอก...
ใช่แล้วค่า.... มันอยู่ข้างนอกก็แปลว่ามันหนาว แล้วตารางเวลาก็อยู่ตรงป้ายรถของมัน ถ้าไม่ไปก็ไม่เห็น เลยนั่งทำใจกันก่อน เราก็เดินออกไปชิมลางละ โอ้ววววววววว สดชื่นนนนมาก อากาศแบบ 2-3 องศา กำลังน่ารัก เดินกลับมาหาเพื่อนด้วยหน้าตาท่าทางแจ่มใส บอกเพื่อน “เฮ้ยเธอ มันโอเคนะ สดชื่นมากอ่ะ เราชอบๆๆๆๆๆ”
อินี่กระดี๊กระด๊าใหญ่โต เป็นคนบ้านนอกสักพักก็เดินออกไปนั่งรอรถข้างนอก เหวยๆๆๆๆๆๆๆๆ แค่เดินออกมาห้านาทีก็จะวิ่งกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง ทำไมมันหนาวแบบนี้ว่ะคะ!
มิน่าไม่มีคนเดินออกไปรอข้างนอกเลย แต่เราต้องจำทนค่าไม่งั้นจะพลาดรถไม่ได้ไปจากที่นี่สักที เลยแข็งใจนั่งรอมันข้างนอก ลมหนาวพัดกรูมาแต่ละทีนี่ โอ้ยยยยยยยยยยยยยยย แม่เจ้าโว๊ยยยย หน้าจะชาไปหมดแล้ว!
ข้างนอกนั่นจะมีลุงยืนอยู่สองสามคน คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย พ่นควันกันตลอดเวลา เหอๆ อย่าว่าแต่ลุงเลย พวกหนูนี่ก็พ่นกันจนจะเป็นที่ปล่อยควันอัตโนมัติละ ได้แต่เอากระเป๋ามาบังหน้าและหลบหลังไปเรื่อยๆ พอรถมาถึงก็วิ่งแจ้น ลุงๆ ก็เข้ามาช่วยเอากระเป๋าใบใหญ่ของเราไปไว้ข้างใต้...เลยรู้หน้าที่ของแกก็ตอนนี้ คือขนกระเป๋าขึ้นลงให้ผู้โดยสาร ไอ้เราก็คนไทยน้ำใจงาม
โค้งหัวสวยๆ พร้อม กัมซาฮัมนีดา อย่างดี ...แต่อิลุงทำหน้าแบบเออ รู้แล้ว แถมยังบอกว่า อารัดซอ อารัดซอ ประมาณว่าเออน่า รู้แล้วๆ รีบๆ ขึ้นไปเลยไป คือลุงแกคงโดนแบบนี้มาเยอะแล้ว เพราะถ้าเป็นคนต่างชาติก็คงจะขอบคุณแกหมดอ่ะ แต่นั้นก็หน้าที่แกนี่นา เราเลยงงไปนิดหน่อย
พอขึ้นมาได้ก็ไปเลยนั่งหลังสุด อาว์ อากาศในรถอบอุ่นมาก สบายจังเลย เราเลยนั่งข้างหลังสุดกันกะว่าจะชมวิวอินชอน แต่ที่นี่คนขับรถเค้าดีมากๆ ค่ะ ก่อนจะออกรถยังเดินมาตรวจผู้โดยสารให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกคน คือมันมีทุกที่นั่งอ่ะ เราก็นั่งงงแบบ เออดีเว้ย ที่นี่ไม่ต้องมีคนเก็บตัง เพราะมันจะมีกล่องให้หยอดเงิน หรือไม่ก็แตะ T-money ได้เลย สบายไปอีกแบบ (การใช้ T-money โปรดกลับไปอ่านซับเวย์ที่รักตอนแรก)
ฮุ่ว....เหนื่อยพิมเยอะละ เมื่อยนิ้ว เดี๋ยวมาต่ออีกทีเน้อ
ความคิดเห็น