คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Seoul Subway กับความงงและวุ่นวายตอน 1
ถ้ายังไม่เคยสัมผัสอย่าเพิ่งเชื่อ...
มันให้ประสบการณ์มากมายที่ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
จริงๆ การรีวิวควรจะพูดตั้งแต่การเริ่มเดินทางถูกมะ? แต่ไม่...เนื่องจากความเก็บกดส่วนตัว ไม่เคยมีใครบอกเราเท่าไหร่เลยว่าคนต่างด้าวเข้าเกาหลีควรจะทำยังไงกับการเดินทางรถไฟฟ้าของเค้า... ดีที่เพื่อนเคยไปมาก่อนแล้ว และได้รู้จากคนนั้นคนนี้เพิ่มอีก รวมถึงการเสี่ยงดวงด้วยตัวเอง... วันนี้เราจะตีแตกรถซับเวย์ของเกาหลี อ่านแล้วไม่ต้องกลัวงง เพราะงงแน่นอน ฮ่าๆๆๆ (ล้อเล่น)
คือจะบอกว่าบางครั้งเรางง... ไปต่างบ้านต่างเมืองจะสื่อสารยังไงว่าเราจะไปอะไรยังไงทางไหน คนเกาบางคนเจอคำว่า Excuse me… ก็ส่ายหน้าแล้ว ยังไม่ทันพูดอะไรเลย เพราะฉะนั้นโปรดทำตัวเยี่ยงคนเกาหลี เดินชิลๆ ไปเรื่อยๆ อยากถามทาง ลบคำว่า Excuse me ไปได้เลย.... เพราะเค้าไม่ฟังคำต่อไปของเราแน่นอน (ยกเว้นกลุ่มนักศึกษานะ ถ้าเค้าพูดอิ๊งได้เค้าจะยิ้มยินดีและช่วยเหลือเราเต็มที่ค่ะ) แต่บางทีเดินไปเจอแต่ป้าแก่ๆ ลุงๆ หิ้วถุงแบกของ แล้วตรูจะถามยังไงฟ่ะ? ขืนเริ่มต้นอิ๊งใส่ ลุงแกคงโบกมือแล้วเดินหนีทันที
ในแบบฉบับของเรา... เราจะเคยได้ยินบ่อยๆ ใช่มั้ยในละคร หรือหนังหรือเอมวีเพลงอะไรแบบนั้น เวลาเราจะรบกวนอะไรใคร จะได้ยินคำว่า โทคิโอ (ไม่แน่ใจว่าสะกดจริงๆ ยังไงแต่ก็ประมาณนี้) พูดเสียงหวานๆ นิดนึงเค้าจะเข้าใจและหันมองเรา ประมาณว่าเออ...ถ้าถามตรูเป็นเกาหลีกูตอบได้ แต่เราก็โปรยทางแค่คำนั้นแหละ พอเริ่มจริงๆ ก็แค่พูดชื่อปลายทางแล้วชี้นิ้วเอาค่ะ แค่นั้นก็รู้เรื่องแล้ว 5555++
ใจจริง...สารภาพตามตรงว่าเรียนเกามาแต่เบื้องต้น รู้งูๆ ปลาๆ นิดหน่อย แต่สามารถอ่านภาษาเค้าได้ แบบอ่านเท่านั้นนะ แปลไม่ออก แปลได้แค่น้อยนิดติ่งต้อยเท่านั้น แต่เอาจริงๆ แค่อ่านออกก็โอเคมากแล้วนะเพราะว่าเราจะพอถามเค้าได้ในบางที่ๆ ไม่มีภาษาอังกฤษอยู่
ส่วนใหญ่แล้วบ้านเมืองเค้าจะมีภาษาอังกฤษปะปนอยู่ในทุกๆ ที่ ไม่ต้องกลัวว่าจะไปแล้วหาไม่เจอ แต่...มันอาจจะติดที่การออกเสียง เพราะมันจะต่างกันเยอะกับบ้านเรา อย่างคำว่าเมียงดงที่เราพูดๆ กัน จริงๆ แล้วไม่ได้เรียกว่าเมียงดง แต่มันเป็น มยองดง... เวลาเรียกรถแท็กซี่ต้องพูดว่ามยองดง พูดเร็วๆ นะอย่าบอกว่า มะ ยอง ดง แบบนั้นแท็กซี่ฟังไม่ออกค่ะ แล้วเค้าจะส่ายหน้าโบกมือและขับออกไปเลยทันที
เรื่องภาษานี่เยอะเพราะเกาหลีพูดทับศัพท์อังกฤษได้.... มาก คือแบบ...แทบไม่เชื่อว่ามันคือคำนี้
ยกตัวอย่างเช่นวง M-Blaq บ้านเราก็จะบอกว่า เอมแบลค
แต่พูดแบบนี้ที่เกาเค้าอาจไม่เข้าใจ คำนี้ในภาษาเกาหลีเขียนเป็นคำอ่านได้ว่า... เอม บึล แรค .... ตามนี้เลยจริงๆ ค่ะ
ครั้งแรกเราขำมาก มีหลายคำเลยที่เค้าแปลงได้หฤหรรษ์สุดๆ บางคำแทบฟังไม่ออกว่าทับศัพพ์อังกฤษมา 555 แต่เอาจริงๆ พอไปเกาแล้วขำไม่ออกนะ เพราะชื่อโรงแรมเป็นอิ๊ง ถ้าพูดไม่ถูกเค้าไปผิดที่ จะซวยมหันตภัยได้เลย (เราเกือบโดนมาแล้ว ที่พักเราอยู่มยองดง ใกล้ๆ โรงแรมแปซิฟิค แต่ต้องพูดว่า... แพ ซิ ฟิ ทึ โฮ เทน.... อื้อหือ... ขุดกันมาเลยแบบว่า มีอะไรห้อยหน้าห้อยหลังเอามาใส่หมด ต้องตั้งสติก่อนพูดด้วยนะ 55555555++
เอาล่ะ...มาเข้าเรื่องซับเวย์ซะที ไหลไปนอกโลก วนรอบพลูโตได้สามรอบแล้วยังไม่มาถึงเลย - -
เริ่มแรกของการเดินทางรถไฟของเค้า ต้องเข้าใจก่อนว่ารถซับเวย์นี้มีหลายร้อยสถานีทั่วกรุงโซลและบางสายต่อออกไปเมืองข้างเคียงได้อีก สายต่างๆ ก็จะปรากฏเป็นสีพร้อมระบุตัวเลขว่าสีไหน สายอะไร แต่บางสายก็จะบอกเป็นชื่อแทน
ซึ่ง... สิ่งนี้ทุกคนต้องมีเลย นั่นคือแผนที่รถไฟฟ้าค่ะ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวเค้าจะมีให้หยิบฟรีแถวๆ สถานที่เที่ยวต่างๆ หยิบมาได้เลย รับรองว่ามีสถานีพวกนี้บรรจุอยู่แน่นอน แต่ถ้าอยากพกไปเองแบบโหลดเก็บในไอแพดหรือมือถือก็เข้าเวบของเค้าได้เลย http://www.seoulmetro.co.kr/station/eng/linemap.action ตามนี้ค่ะ จริงๆ ควรจะเข้าเวบของเค้านะเพราะสถานีอะไรใหม่ๆ อัพเดทล่าสุดเค้าจะใส่ไว้ให้แล้ว จะได้ไม่งงค่ะ
ในเวบนั้นสามารถหาเส้นทางและเวลาที่เร็วที่สุดในการเดินทางจากที่หนึ่งไปยังที่หนึ่งได้ด้วยนะ ดูแถวบนๆ จะมีคำว่า you can search for station name เราก็เลือกสถานีต้นทางก่อน ตามด้วยปลายทาง เค้าจะบอกเส้นทางที่เร็วที่สุดในให้ค่ะ
และอย่าลืม...สิ่งสำคัญในการไปแต่ละที่ หากไม่คิดจะขึ้นรถบัสแล้ว ควรจะเตรียมตัวเดินให้พร้อม เพราะมันจะเดินเยอะมากกกกกกกกกกกกกก เอาแต่เดินวนในสถานีเดียวก็มากพอแล้ว ถ้าต้องเปลี่ยนสายแล้วเดินต่อไปยังที่ปลายทางเราอีกก็ยิ่งบานตะไท เราไม่นั่งรถเมล์เพราะกลัวงง อาศัยเดิน เดิน เดิน และเดินอย่างเดียวจนขาฟิตมาก 55555
เริ่มแรกของการใช้งานก็คล้ายๆ BTS บ้านเรา ถ้าไปแบบเดินทางไม่บ่อยก็ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวจะคุ้มกว่า แต่ถ้าไปอยู่นานๆ ขึ้นซับเวย์บ่อยสักสิบเที่ยวนี่แนะนำว่าควรซื้อ T-money ค่ะ มันคือการ์ดใบหนึ่งที่มีเงินในนั้น เหมือนบีทีเอสที่เราเติมเงินเข้าไปแล้วเอาไว้ใช้นั่นแหละ เวลาจะไปไหนมาไหนก็แค่แตะเข้าแตะออก ไม่ต้องซื้อตั๋วใหม่ทุกรอบ ใช้ง่าย สะดวกสบายและประหยัดอีกนิดนึงด้วยล่ะ
ในโซลจะมีการใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเป็นหลักกันเยอะเพราะมันไปหมดทุกที่ เวลาที่รถจะเต็ม คนแน่นตู้ก็คือเวลาทำงานดีดีนี่เอง เก้าโมงสิบโมงกับช่วงห้าโมงหกโมงหลังเลิกงานคนจะเยอะมากกก ถ้ามีการ์ดติดตัวไว้เลยก็จะเพิ่มความเร็วในการเดินทางอีกขั้นด้วยค่ะ
T-money จะมีขายในร้ายสะดวกซื้อทุกยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น GS – 25 / 7-11 / Family mart มีหมดเลย ทั่วไปแล้วมีสองแบบคือแบบการ์ด... ขนาดเท่าบัตรเอทีเอมทั่วๆ ไป ราคาย่อมเยาคือ 2500 – 3000 วอน ซื้อมาแล้วเอาไปเติมเงินใช้ได้เลย แต่ถ้ากลัวหายพกไม่ถนัดจะมีแบบการ์ตูน เหมือนที่ห้อยมือถือรูปต่างๆ คิตตี้เอย มิกกี้เมาส์ ว่ากันไป แต่ราคาจะแพงขึ้น แล้วแต่รูปแบบและสีสันประมาณ 6000 วอนขึ้นไป ก็เอามาเติมเงินได้เลยเหมือนกัน
ค่าเดินทางต่อเที่ยวของซับเวย์บอกได้เลยว่ามันเป็นค่าครองชีพที่ถูกที่สุดแล้วค่ะ ในเกาหลีค่าอาหารต่างๆ ก็แพง น้ำดื่มอะไรแบบนี้ก็แพงหมดเลย เราไปแล้วพบว่าอย่างเดียวที่ถูก...นอกจากเครื่องสำอางและสินค้าของศิลปินก็เห็นจะเป็นค่ารถไฟฟ้านี่แหละ ตอนนั้นเราไปเกาะนามิ ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมง แบบผ่านแปดร้อยสถานีได้อ่ะ ยาวนานมากกกกกกก ค่ารถแค่ 1800 วอนเอง (ประมาณ 48 บาท)
ถ้าสถานีใกล้ๆ แบบห่างกันไม่เยอะก็ตก 1000 -1500 วอน แค่นั้นเอง... ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับรถเมล์ที่รูดสถานีเดียวก็ 1000 วอนแล้ว
อ้อ... บัตร T-money ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์และรถแท็กซี่นะคะ เค้าจะมีที่แตะให้หมดเลย สะดวกไปอีกแบบ ถ้าไม่ชอบพกเงินเยอะแต่กลัวกลับบ้านไม่ได้ก็เติมเงินไว้ในนั้นเลยเยอะๆ เพราะมันไม่มีวันหมดอายุ เอามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้
โดยปกติทั่วไปรถไฟฟ้าซับเวย์จะเปิดเวลา ตี 5 และปิดตอนเที่ยงคืน แต่รถไฟที่วิ่งเที่ยวแรกและเที่ยวสุดท้ายของแต่ละสายจะไม่เท่ากัน บางที่เริ่มเที่ยวแรกตอนตีห้านิดๆ บางที่ก็เกือบหกโมงไปแล้วโน่น โดยเค้าจะมีตารางเวลาบอกให้ค่ะ หน้าตาจะงงๆ แต่ดูแล้วเข้าใจได้ง่ายอยู่ ตรงกลางจะเป็นตัวเลข เริ่มที่ 05 จบที่ 23 นั้นคือชั่วโมง ตัวเลขที่ยาวไปตามช่องด้านข้างก็คือนาที เราก็เทียบไปเลยว่าคันต่อไปจะมาตอนไหน
เอาล่ะ... เกริ่นไปยาวมากมาเข้าเรื่องกันเถอะ
การเริ่มต้นเดินทาง ถ้าคุณมีเป้าหมายในใจแล้วว่าจะไปสถานีไหน ปลายทางสายอะไร ทางออกที่เท่าไหร่ก็เดินลงไปสถานีต้นทางได้เลย ในกรณีมีบัตรทีมันนี่ก็เฉิดฉายมาแตะบัตรได้เลย (อย่าลืมเติมเงินก่อน) แต่ถ้าไม่มี หรือยังไม่เติมเงินก็วิ่งไปที่ตู้อเนกประสงค์ หน้าตาจะประหลาดนิดๆ เพราะค่อนข้างใหญ่ หน้าจอจะมีปุ่มใหญ่ๆ สี่ปุ่มให้สัมผัส สามารถแตะสิ่งของแทนนิ้วมือได้ (ไม่เหมือนหน้าจอมือถือที่ต้องเป็นนิ้วแบบไม่มีอะไรเคลือบเท่านั้น ตอนหน้าหนาวสั่นงกๆ มือแข็งแล้วยังต้องถอดถุงมือมาจิ้มไอแพดดูเส้นทาง แต่เครื่องนี่ไม่ต้องค่ะ ใส่ถุงมืออยู่ก็แตะได้เลย)
เลือกภาษาอังกฤษก่อน ถ้าจะเติมเงินก็ปุ่มสุดท้าย จะเขียนว่า Reload money กดแล้วก็วางบัตร กดจำนวนเงินที่จะเติม สอดธนบัตร รอตังค์ทอนและรอเงินโหลดเข้าบัตรเอา เท่านั้นก็เรียบร้อย แต่ถ้าจะซื้อตั๋วเที่ยวเดียวมันจะมีคำว่า 1 single tickets อยู่ หรือบางสถานีตู้จะเขียนว่า destination ก็กดเลย
เค้าก็จะให้เราเลือกสถานีปลายทาง สามารถค้นหาจากตัวอักษรได้ ก็เลือกไป กดว่าจะเอาบัตรกี่ใบ ก็หยอดเงินตามนั้น ถ้ามีตังค์ทอนก็รอ แต่ตู้นี่ฉลาดกว่าบ้านเรานะ สามารถทอนเงินเป็นธนบัตรได้ บ้านเรานี่หยอดแบงค์ร้อย เหรียญมาเต็มกำมือเลย แต่ที่นี่ไม่ค่ะ เครื่องสามารถทอนแบงค์พันหรือแบงค์ห้าพันได้ ไม่ต้องกลัวหนักกระเป๋า
เสร็จจากนั้นก็มาแตะบัตรเข้าเหมือนปกติ... มันจะมีสองช่องคือเงินที่หักกับเงินที่เหลือ... เราก็จะรู้ได้ว่าเงินเราเหลือเท่าไหร่ ซึ่ง...การเดินทางโดยใช้ทีมันนี่ จะประหยัดกว่าซื้อตั๋วใหม่เที่ยวละ 100 วอน คือราคาจะต่ำกว่าทุกเที่ยว
เช่นพาเพื่อนไปซื้อของ เรามีบัตรแต่เพื่อนซื้อตั๋วเที่ยวเดียว เพื่อนจ่าย 1200 เราจ่ายแค่ 1100 วอน โดยตั๋วเที่ยวเดียวจะต้องจ่ายเหมือนเป็นค่ามัดจำตั๋วเพิ่มอีกใบละ 500 วอน พอมาถึงสถานีทางออก เราก็แตะบัตรออก เหลือเงิน 0 วอน ก็เอาบัตรไปเข้าเครื่องคืนเงิน จะได้คืนมา 500 วอน พอหักลบแล้วมันก็จะแพงกว่าเดินทางด้วยทีมันนี่อยู่ 100 วอนในทุกๆ เที่ยว
เอาล่ะ...พอแตะบัตรเข้ามาแล้ว ทีนี้ล่ะ ต้องตั้งใจดีดีเพราะคนเราจะหลงทางได้ตั้งแต่เดินเข้าไปเลย
การเดินทางก็จะมีแบบธรรมดาคือไปในสายสีเดียวกัน เช่นไปจากสาย 4 สีฟ้ามยองดง ลงปลายทางที่สาย 4 สีฟ้า ทงแดมุน แบบนั้นก็ง่ายไม่ต้องเปลี่ยนสาย (เปิดแผนที่ใหญ่ประกอบได้ค่ะ)
และข้อดีของซับเวย์ที่นี่คือ... รถไฟสีอะไร ป้ายและสีที่ใช้มันจะเป็นสีนั้นหมดเลย อย่างสีฟ้าเราก็จะเห็นป้ายสีฟ้า เส้นสีฟ้า ลูกศรสีฟ้า ทำให้เรารู้ว่า เออ ตอนนี้เราอยู่สาย 4 สีฟ้านะ
ถ้าต้องเดินทางแบบเปลี่ยนสาย มันก็จะเป็นแถบยาวๆ สีนั้น ให้เราเดินตามเส้นไปเลย ก็จะเจอสีนั้นๆ ในสถานีค่ะ ทำให้ไม่ค่อยงงเท่าไหร่
แต่...มันก็เหมือนบ้านเราตรงที่รถไฟมันจะขึ้นตรงหัวว่าคันนี้จะไปทางไหน มันจะบอกสถานีปลายทางของสายนั้นๆ อย่างบ้านเราก็จะเป็นหมอชิต ทั้งที่ยืนอยู่สยามจะไปอารีย์เราก็ต้องขึ้นคันที่บอกว่าไปหมอชิต เพราะเรารู้ว่าคันนี้มันไปทางนั้นอะไรแบบนี้
ซึ่ง...ในสถานีจะมีป้ายบอกทางเป็นอิ๊งควบคู่เกาทุกป้าย แต่...จากที่เริ่มต้นแตะบัตร มันจะบอกเป็นสถานีปลายทางแทน ถ้าสถานีที่เราจะไปไม่ใช่ปลายทาง... แค่เดินเข้าไปก็จะงงแล้วว่า...เอ้า แล้วตรูต้องไปทางไหน? คือเราจำว่าจะไปทงแดมุน ทงแดมุน แต่เงยหน้ามองป้ายมันไม่มีชื่อนี้... เทียนแนะนำว่าควรจะดูสถานีปลายทางของทงแดมุนซะว่าออกไปทางนั้น ปลายทางคือที่ไหน ซึ่งดูจากแผนที่ปลายทางก็คือ Danggogae
รับประกันเลยว่าเงยหน้าแล้วต้องเจอชื่อนี้แน่นอน... เดินเลยค่ะ ตามมันไปเลย มันจะพาขึ้นเขาลงห้วย บันไดเลื่อนร้อยขั้น ลงบันไดธรรมดาอีกยี่สิบอะไรก็ตามป้ายไป พอเข้าใกล้ตัวรถไฟแล้วจริงๆ เราถึงจะเจอชื่ออีกชื่อ...
มันคือสถานีต่อไปที่ถัดจากมยองดง...
หน้าตาของสถานีมยองดง.... ในรูปจะแอบเห็นลูกศรชี้ไปทาง ชูงมูโรนะคะ
คือเราจะไปทงแดมุนใช่มั้ย? เราก็ดูว่าตอนนี้อยู่มยองดง ไปทางนั้นต้องเจอชุงมูโรก่อน แล้วต่อไปเรื่อยๆ ถึงเจอทงแดมุน
เราก็จะเจอป้ายชุงมูโร ...ก็ต้องไปทางนั้น อีกด้านมันจะบอกว่าไปฮเยฮยอนก็ช่างมัน ทางตรงข้ามไม่ต้องสนใจ
เราก็จะนึกได้ว่า อ่อ...ทางนี้ ตรูต้องไปชุงมูโรก่อน
ก็ไปยืนรอรถไฟตามปกติได้เลยค่ะ...
ในสถานีแต่ละที่ กว่าจะมีแผนที่ทั้งหมดแบบละเอียดให้ดูก็เดินเข้าข้างในลึกๆ แล้วนะ แถวนอกๆ ตรงแตะบัตรนี่จะไม่มีเลย มีแค่ป้ายบอกสถานีปลายทางเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีแผนที่แบบพกได้ไปด้วยก็จะค่อนข้างสับสนได้ง่าย ฉะนั้นควรพกไป หรือโหลดเก็บในมือถือ แบบหยิบออกมาดูได้ทุกเมื่อจะดีมาก
พอเดินไปเรื่อยๆ จนเข้าใกล้รถไฟเราถึงจะเจอป้ายบอกสาย 4 สีฟ้าที่เราอยู่ล้วนๆ ป้ายมันจะติดบนกระจกหรือเสา พร้อม You are Here และลูกศรบอกทางที่รถไฟจะไป หรือบางที่ก็จะติดไว้สลับกับแผนที่สถานีทั้งหมดทุกสายค่ะ
แต่...เดินทางครั้งแรกมันก็อาจจะมีหลง มันงุนงงกันบ้าง ถ้าหากไปผิดทางก็มองรอบตัว... แล้ววิ่งออกไปยังด้านที่ถูกต้อง
ถ้าโชคดี... สถานีนั้นจะมีรถไฟที่ไปอีกทางรออยู่ด้านหลัง แค่กลับหลังหันก็ไปต่อแถวได้เลย อารมณ์มันแบบสวนทางกันโดยมีเรายืนตรงกลาง แต่บางสถานี... มันจะมีรางอื่นคั่นกลาง ไม่สามารถวิ่งลัดไปยังฝั่งตรงข้ามได้ทันที ต้องเดินย้อนออกมายังทางแยกอีกครั้งและเดินเลี้ยวไปอีกทางเลยค่ะ ไกลพอควร ฉะนั้นเราต้องมั่นใจว่าไปถูกทาง จะได้ไม่ต้องมาวิ่งย้อนกลับให้เสียเวลา
ต่อจากนี้พอได้ขึ้นรถไฟแล้วก็หาที่นั่งที่ยืนว่ากันไป โดยทุกๆ ขบวนจะมีที่นั่งสำหรับ เด็ก คนแก่ คนท้องและคนพิการ... บางขบวนก็กันไว้เป็นโบกี้เลยก็มี เตือนไว้ว่าถ้าคนเยอะๆ อย่าไปนั่งเป็นอันขาดแม้ว่ามันจะว่างอยู่ก็ตาม คือ...มันเป็นที่เฉพาะของเค้า ถ้าไม่มีป้ายบอกเราก็นั่งได้เลยตามปกติค่ะ
ปอลู เพื่อนเราที่ไปด้วยกันวันนึงเค้าเล่าให้ฟังว่า เค้าอยู่ในโบกี้สำหรับคนธรรมดา แบบไม่มีป้ายนะ แต่เจอคนแก่มายืนใกล้ๆ เค้าเลยลุกให้คนแก่นั่ง (แต่แถวนั้นไม่มีป้ายที่นั่งคนแก่ติดไว้) ผลปรากฏว่า...คนมองกันเต็มเลยแบบว่าเหมือนเราทำอะไรผิดหรือแปลกไปเลยอ่ะ... เพราะบางทีที่นั่งคนแก่มันก็ไม่พอ แค่ลุกให้นั่งนี่ถึงกับมองว่าแปลกเลยทีเดียว ฮ่ะๆๆ
รายละเอียดอื่นๆ ในรถไฟ ขณะที่เราไปมันก็จะมีเสียงประกาศเป็นเกาหลีและอังกฤษ บอกว่าตอนนี้อยู่ไหน สถานีต่อไปอะไร ก็ตามนั้น... หรือเราสามารถดูได้จากจอที่ติดไว้ในรถไฟค่ะ มันจะมีรถสองแบบ แบบติดจอตรงกลาง กับติดจอตรงขอบซ้ายขวา และข้างในก็จะมีแผนที่สำหรับสายนั้นๆ โดยเฉพาะพร้อมสถานที่สำคัญแนะนำไว้ด้วย ทำให้เราอ่านได้เผื่อเจอสถานที่น่าสนใจแล้วอยากไปก็จดไว้ได้ว่าอยู่สถานีไหน สายสีอะไร
ตัวอย่างป้ายไฟที่บอกสถานีในรถ... มันจะมีภาษาเกาหลีสลับอังกฤษค่ะ
จากตัวอย่างถ้าจากมยองดง เราก็จะต้องออกไปทางชุงมูโร แล้วก็ทงแดมุน History แล้วก็ต้องลงที่ทงแดมุน ก็จะผ่านสี่สถานี พอมาถึงก็ลงแล้วเดินตามลูกศรออกไปทางออกที่เราต้องการได้เลย โดย...อย่าลืมแตะบัตรขาออกด้วยน้า พอแตะเสร็จถ้าเป็นตั๋วเที่ยวเดียวก็เอาไปหยอดตู้คืนเงินได้เลยค่ะ
ข้อสังเกตอีกอย่างสำหรับสถานีที่มีตัวเลขด้วย เช่นสาย 4 สีฟ้า... ทุกๆ สถานีของสายนี้ก็จะขึ้นต้นด้วยเลข 4 ค่ะ มันก็จะเรียงกันไป (ดูในแผนที่ได้เลย) ถ้าสาย 5 สีม่วงก็จะขึ้นต้นด้วยเลข 5 เป็นแบบนี้หมดเลย ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย
ฉะนั้น... ข้อควรจำของการเดินทางซับเวย์ คือเราต้องรู้ว่า
ตอนนี้เราอยู่ไหน สายสีอะไร จะไปลงปลายทางที่ไหน
และถ้าเอาแบบชัวร์จริงๆ ก็ต้องจำว่า
สถานีต่อไปที่เราจะผ่านคืออะไร สถานีปลายทางของสายที่เราจะไปชื่ออะไร
ถ้าได้แบบนี้จนครบรับรองว่าไม่หลงแน่นอนค่ะ (ถ้าไม่อ่านลูกศรผิดน่ะนะ)
ตอนนี้เอาไปแค่เดินทางสายเดียวกันก่อน... รอตอนเปลี่ยนสายรถไฟที่ตอนหน้าเน้อ ~
ถ่ายรูปต่างๆ ในสถานีมาไม่เยอะมาก... แต่จะเอามาลงให้เรื่อยๆ เน้อ ~~
ความคิดเห็น