คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : [HATA Fic] : Howashi
::HATA COMPANY::
[Howashi]
ก่อนอื่นอยากจะบอกว่า
นี่เป็นนิยายฮาต้าที่วาชิแต่งขึ้นเอง(อ่านเอง)
เพื่อความบันเทิงส่วนตัวล้วนๆ 55+
นี่เป็นยำๆฮาต้านะ เพียงแต่ไม่ใช่ฟิคแต่เป็นนิยาย
แถมไร้พล็อต!! ^[ ]^ 555+
(อ้างอิงจากนิสัยชาวฮาต้าจากข้อมูลและจากที่ได้คุยๆกันทุกวันๆ)
#########################################
“ตื่นได้แล้วว๊อย!!! จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนวะ!!” เด็กสาววัยประมาณสิบห้า ปีตะโกนลั่นห้องนอนห้องหนึ่งในหอพักหญิง เส้นผมสีดำขลับเงางามยาวถึงสะโพกถูกหวีไว้เป็นทรง ดวงตาสีน้ำเงินดั่งท้องฟ้ายามมืดมิดฉายแววหงุดหงิดระคนท้อใจอยู่ภายในลึกๆ
ผัวะ!!
“ยัยบ้าชิซาเกะแกเอาส้นตีนมาฟาดก้านคอพี่ทำไม!!” นามางาสะ อายะที่โดนท่าละเมอเตะเข้าก้านคอของชิซาเกะเข้าไปกุมคออย่างเจ็บปวด พลางตะโกนด่าอีกที คราวนี้เจ้าของขาที่ประทุษร้ายอายะลุกขึ้นมานั่งอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“อ้าว.. เจ๊อายะกุมคอทำไม นอนตกหมอนหรอ” อิลิเกะ ชิซาเกะลุกขึ้นมานั่งเมาขี้ตาพลางมองอายะอย่างสงสัย อายะได้แต่ถอนหายใจปลงๆแล้วไล่ให้ชิซาเกะไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน ชิซาเกะเดินคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วตรงเข้าห้องน้ำ พอดีกับที่ซายูมากิ มิซึยะเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนักเรียน
“ชิซาเกะจังอรุณสวัสดิ์จ้ะ” มิซึยะทักทายด้วยไปหน้าที่สดใส
“อรุณสวัสดิ์ๆ” ชิซาเกะยิ้มตอบเล็กน้อย
“แล้ววาชิจังล่ะคะ พี่อายะ” อายะชี้ไปทางเด็กสาวที่นอนกลิ้งโค่โร่ไปมาอยู่บนพื้นกระเบื้องปราศจากผ้าปูรองตัว “พี่ถีบมันตกเตียงก็แล้ว เขย่าจนแขนจะหลุดก็แล้วมันก็ยังไม่ตื่น”
“แหะๆๆ งั้นลองอย่างนี้มั้ยจ๊ะ” มิซึยะเดินเข้าไปข้างๆคนหลับลึกนาม คิโทระ โฮวาชิ ก่อนจะกระซิบเบาๆ “ถ้าตื่นเดี๋ยวเย็นนี้จะเลี้ยงขนมปังกระเทียมชีสแบบไม่อั้นจ่ะ”
เท่านั้นแหละ คนหลับลึกก็กระเด้งตัวขึ้นมาทันที
“เลี้ยงจริงดิ” โฮวาชิถาม มิซึยะส่ายหัวน้อยๆ
“ไม่จริงหรอกจ่ะ อย่าลืมสิวันนี้เราเปิดเทอมวันแรกนะจ้ะ แล้วก็อรุณสวัสดิ์จ่ะ” โฮวาชิตีหน้าเบ้
“โกหกใช่มั้ย อืมๆราตรีสวัสดิ์” ว่าแล้วคนพูดก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร อายะเลยเริ่มแผ่รังสีนางมารร้ายออกมา
“อีกสิบนาทีจะเริ่มเรียน ถ้าไม่ตื่นก็ไม่ต้องตื่นตลอดไป๊!!” อายะวิ่งไปเอามีดอีโต้ออกมาจากห้องครัว โฮวาชิลุกขึ้นมายิ้มท้าทายให้เล็กน้อยก่อนจะวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดออกมาเพื่อเตรียมเข้าห้องน้ำ ส่วนชิซาเกะที่ออกมานานแล้วก็นั่งกินข้าวเรียบร้อย
2 นาทีผ่านไป
“น้ำเย็นเป็นบ้าว่ะ” โฮวาชินั่งกินข้าวไปบ่นไปอย่างใจเย็น โดยมีพวกอายะคุมอยู่ข้างๆ และแล้วโฮวาชิก็เลิกเมื่อชิซาเกะหมดความอดทนแล้วบีบซอสมะเขือเทศลงในอาหารด้วยความสะใจ
“แว๊กก!! ชิซซี่เธอทำบ้าอะไรว๊า” โฮวาชิโวยวาย แต่ยิ่งเป็นการจุดชนวนความโกรธของชิซาเกะขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินชื่อที่โฮวาชิเรียกเธอ
ชิซซี่
. ทุเรศ!!!
“กินให้หมดเลยนะว๊อย!!”
“แต่เธอก็รู้ว่าฉันกินซอสไม่ได้”
“กินไป ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวแล้วจับยัดปากเธอ!!”
“เอ่อ
” มิซึยะที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เอ่ยขึ้นมา
“ไม่ต้องห้ามชิซาเกะหรอกมิซึ” อายะเอ่ยขึ้นเบาๆ พลางยิ้มอย่างสะใจ
“เปล่าค่ะไม่ได้ห้าม
แค่จะบอกว่าอีก 5 นาทีเข้าเรียนค่ะ”
“หา!!!!” ผู้ฟังทั้ง 3 คนร้องขึ้นพร้อมกัน
“เพราะเธอแหล่ะยัยบ้า!!” ชิซาเกะโวยวายพลางใส่รองเท้านักเรียนคู่สวยอย่างเร่งรีบ
“อ้าว
ก็ไม่ได้บอกว่าให้รอซะหน่อย” โฮวาชิเถียงทันควัน
“โอ๊ย!หุปปากกันซะทีดิพวกแก จะไปมั้ยโรงเรียนน่ะ” อายะบ่นพลางขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซต์คันสีน้ำเงินหรูหรา “วันนี้ฉันไม่ไปกับแกนะชิซาเกะ”
“อ้าวไมอ่ะเจ๊” ชิซาเกะขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ก็แกอารมณ์เสียอยู่นี่ปกติก็ขับเร็วจนแขนฉันจะหลุดติดล้อรถข้างๆอยู่แล้ว ขืนเป็นแบบนี้แขนขาฉันคงปั่นจนละเอียดกลืนได้กับล้อรถกันพอดี”
“พอเถอะเจ๊จะอ้วก” โฮวาชิเอามืออุดปากทันควัน
“ชิ!งั้นเธอมากับฉันยัยวาชิ ฉันจะเอาเธอไปปั่นในล้อรถ” ชิซาเกะว่าพลางดึงโฮวาชิขึ้นรถมอเตอร์ไซต์สีดำของตน
“ขอบคุณนะ ฉันโครตซึ้งเลยว่ะ”
“งั้นพวกเราไปก่อนนะจ๊า” มิซึยะที่ซ้อนมอเตอร์ไซต์ของอายะหันมาโบกมือลาก่อนที่อายะจะซิ่งมอเตอร์ไซต์ไป
“วันนี้เหยียบสองร้อยละกันนะ” ชิซาเกะเลียปากก่อนจะบิดคันเร่งด้วยความเร็วสูง จนผู้เคราะห์ร้ายที่นั่งซ้อนท้ายแทบจะกระเด็นออกจากเบาะนั่ง
“รอให้ฉันตั้งหลักก่อนดิวะ”
“หุบปากน่า ฉันไม่อยากไปสายตั้งแต่เรียนวันแรกนะเว้ย!!” ชิซาเกะตะโกนแข่งกับลมที่พัดมาปะทะกับใบหน้าสวยๆของเธออย่างรุนแรง
“เธอไม่อยากไปสาย แต่ฉันไม่อยากไปเลย!!”
“เธอเป็นโรคโฮมซิกหรือเปล่าวะ”
“ง่ายๆคือติดเกมส์ซินะ”
“โฮมซิกบ้าอะไรกัน ฉันเป็นเกมส์ซิกต่างหากว๊อย!! ที่โรงเรียนมันไม่มีเกมส์ให้ฉันเล่นนะ” โฮวาชิโวยวายพลางตบตักตัวเองไปมาเหมือนกับเด็กที่ไม่ได้ซื้อของเล่นที่อยากได้
เอี๊ยดดด!!
“เฮ้ย!/แว๊ก!” ชิซาเกะกับโฮวาชิร้องพร้อมกัน เมื่อแรงกระแทกจากอะไรบางอย่างทำให้รถของพวกเธอเกือบพลิกคว่ำ แต่ยังดีที่มันก็วิ่งต่อได้อย่างปาติหาริย์
“เมื่อกี้ชนอะไรน่ะชิซาเกะ” โฮวาชิชะเง้อหน้ามาถามขณะที่เกาะตัวชิซาเกะไว้แน่น
อย่างน้อยถ้าชนอีกก็ปลิวคู่ มีเพื่อนตายล่ะวะ!
“ไม่รู้แต่เมื่อกี้ทางมันโล่งมากนะ ไม่มีแม้แต่มดเดินสักตัวเลยมั้ง เอ้าลงถึงโรงเรียนแล้ว” ชิซาเกะพูดพลางโดดลงจากมอเตอร์ไซต์ ก่อนโฮวาชิจะโดดลงตามมา
“เวอร์ว่ะ ฮ่าๆๆ ว่าแต่พวกมิซึยังมาไม่ถึงสินะ” โฮวาชิพูดพลางนั่งลงที่ม้าหินอ่อนแถวนั้น ชิซาเกะก็ตามมานั่งข้างๆ
“เจ๊เค้าไม่ขับรถเร็วหรอก”
“แปลกนะที่เธอไม่หลงทาง”
“เจ๊อายะเค้าคุมเข้มฉันให้ฝึกจำเส้นทางมาเป็นร้อยรอบแล้วมั้ง จำไม่ได้ให้มันรู้ไป” โฮวาชิพยักหน้ารับรู้
“เอ้อ
ไอ้โรงเรียนที่พ่อแม่เราบอกว่ามันดีนักหนาถึงขนาดทิ้งลูกสี่คนให้มาอยู่ด้วยกันเองในหอพักเนี่ยมันสอนเกี่ยวกับอะไรวะ แถมเป็นโรงเรียนที่เรียนชั้นเดียวกันได้โดยไม่จำกัดอายุด้วยนี่” ชิซาเกะหันไปถามโฮวาชิ ซึ่งเธอก็ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธทันที
“เรียนบ้าอะไรก็ช่างมันเถอะ ว่าแต่เจ๊ช้าจัง”
“อ่ะ นั่นไงมากันแล้ว” ชิซาเกะลุกขึ้นโบกไม้โบกมือให้อายะและมิซึยะ
“รีบไปกันเร็วไม่ทันแล้ว เลยมาตั้งเจ็ดแปดนาทีแน่ะ” อายะวิ่งปรื๋อขึ้นบันไดด้วยท่าทีทะมัดทะแมง
“นี่เจ๊เค้ามาสำรวจเส้นทางก่อนแล้วรึไงอ่ะ” โฮวาชิถามพลางวิ่งตามขึ้นไป
“คงจะเป็นอย่างนั้นน่ะจ่ะ” มิซึยะยิ้มหวานตามฉบับเจ้าตัวทำให้ไปหน้าน่ารักดูน่ารักขึ้นไปอีก
ห้องเรียน
พรึ่บ!
“ขอโทษค่ะที่มาสาย” อายะเปิดประตูเข้าไปแล้วก้มหัวขอโทษอาจารย์ผู้สอนวิชาแรกที่ยืนชักสีหน้าถมึงทึงมองพวกเธออย่างจะกินเลือดกินเนื้อทันที
“พวกเธอ!รู้มั้ยว่าเวลาหนึ่งนาทีมีค่าแค่ไหนน่ะ แต่นี่พวกเธอกลับไม่รู้คุณค่าของมันกินเวลาคาบสอนไปเกือบสิบนาที” อาจารย์เดินเข้ามาใกล้พลางชี้ชิ้วเรียวสวยของคนวัยสาวใส่หน้าพวกอายะ อายะถ่อยล่นไปอยู่หลังสุด ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เธอกำลังซุบซิบอะไรบางอย่างกับชิซาเกะอยู่ต่างหาก
“สักวันฉันจะไปจุดไฟเผาบ้านมัน” อายะพูดพลางเลียริมฝีปากบาง
“ฉันจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้แหล่ะ ไม่ต้องรอสักวันหรอก เอาให้หน้าสาวๆเยินไม่มีชิ้นดีเลยคอยดู” ชิซาเกะเตรียมกำหมัดพร้อมจะลงแรงทันทีถ้าหากมีอะไรมาสะกิดต่อมหมันไส้ของเธออีกนิดเดียว
“ใจเย็นน่า” อายะกระซิบเบาๆที่ข้างหู เมื่อเห็นรุ่นน้องกำลังจะโชว์มาดนักเลงหน้าห้องเรียน ซ้ำยังจะโชว์ให้อาจารย์ดูอีกต่างหาก
“เอ่อ อาจารย์คะพวกหนูขอโทษนะคะสำหรับการมาสายครั้งนี้น่ะค่ะ” มิซึยะพูดอย่างใจเย็นด้วยรอยยิ้มก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเปื้อนยิ้มเป็นสีหน้าเย็นชาในชั่วพริบตา “
แต่การที่มาชี้หน้าพี่สาวของหนูเมื่อกี้น่ะ
หนูไม่ยอมนะคะ”
ผู้ดูเหตุการณ์ทุกคนตกอยู่ในความตกใจ เมื่อจู่ๆสาวน้อยที่ดูเรียบร้อยที่สุดกลับเป็นฝ่ายดึงมีดสั้นออกมาจากผ้าพันขาแล้วยื่นมันมาตรงหน้าอาจารย์สาวปากเสียผู้เคราะห์ร้ายด้วยความรวดเร็ว
“น
นี่เธอ!”
“อย่าพูดมากที่กว่าน่าอาจารย์ถ้าไม่อยากคอหอยทะลุ
เฮ้ย!!” โฮวาชิโพล่งออกมาด้วยความตกใจเมื่อเงยหน้ามองกระดานที่เขียนด้วยปากกาขนนกขนาดยักษ์ โดยไม่มีคนบังคับมัน
“นี่มันอะไรกันฟะ” โฮวาชิยังโวยวายไม่เลือก
“วิชาว่าด้วยมนตร์ดำ”มิซึยะที่เลิกเอามีดจ่อคอหอยอาจารย์ชะเง้ออ่านข้อความบนกระดาน ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากอย่างตื่นตกใจ
“นี่เราฝันกันอยู่หรือไง” อายะเดินเข้ามาดูบ้าง
“นี่พวกเธอพูดถึงอะไรกันน่ะ ทำเหมือนไม่เคยเรียนวิชาพื้นฐานกัน”
“ว
วิชาพื้นฐาน” ชิซาเกะอ้าปากค้าง
“เออๆ ช่างมันเถอะมาเรียนกันเถอะ นี่มันเป็นความฝันของฉันน่ะต้องให้มันสนุกๆหน่อย ฮ่าๆๆ” โฮวาชิหัวเราะร่า
“ฝันบ้าบออะไรของเธอ นี่น่ะความจริง นอกจากนี้ยังมีวิชาเวทมนตร์ขาว สมุนไพร เดินป่า ต่อสู้มือเปล่า ต่อสู้ใช้อาวุธแล้วก็อีกเยอะแยะเลยนะ ไม่เคยเรียนจริงหรอ พวกเธอมาจากไหนกันเนี่ย” อาจารย์สาวร่ายยาวจนทั้งสี่อ้าปากค้างไปตามๆกัน
“นี่ฝันอะไรมันจะสมจริงปานนี้เนี่ย!” โฮวาชิพูดกับตัวเอง
“ก็บอกว่าไม่ใช่ฝันไงยะ!” อาจารย์สาวเริ่มหมดความอดทน
“พวกเรามาประเทศญี่ปุ่นน่ะ” อายะถามคำถาม
“มันอยู่ส่วนไหนของอาณาจักรเอลิโอเวียเนี่ย?” อาจารย์จับคางทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะตะครุบปากและเบิกตาโพลงด้วยความตื่นตระหนกตกใจทันที “ยะ
อย่าบอกนะว่าพวกเธอ
”
“พวกเธอ
พวกเธออะไรคะ” อายะถาม อาจารย์สาวไม่ตอบแต่กลับเดินสวนออกจากห้องไป แล้วหันมาพูดกับพวกเธอเบาๆ
“ตามฉันมา
” ทั้งสี่เดินตามออกไปอย่างว่าง่าย เพราะพวกเธอเองก็งงกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ในที่สุดพวกเธอก็เดินตามอาจารย์สาวมาจนถึงหน้าประตูขอบทองขนาดยักษ์
“นี่ๆมิซึไอ้ประตูบานเนี้ย ไม่น่าเชื่อเลยเน๊อะว่าจะอยู่ในโรงเรียนได้ ฮะๆๆ ฝันครั้งนี้แปลกดีแหะ” โฮวาชิสะกิดมิซึยะก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ มิซึยะที่หน้าซีดเล็กน้อยหันมาพูดกลับโฮวาชิ
“แต่ฉันว่ามันไม่น่าจะใช่ฝันแล้วล่ะจ่ะ”
ก๊อกๆๆ อาจารย์สาวเคาะประตูห้อง สี่สาวสะดุ้งเฮือก ไม่ใช่เพราะตกใจเสียงเคาะที่ดังสนั่น แต่ตกใจที่มือของอาจารย์ยังไม่ได้สัมผัสกับประตูบานนั้นเลย
แล้วเสียงดังได้ยังไง?...
แล้วไม่กี่อึดใจประตูบานยักษ์ก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ มองเข้าไปไม่ใกล้มากนักก็พบทหารร่างพอๆกับประตูสองนายกำลังยืนอารักขาชายชราก็มีหนวดเครายาวรุงรังอยู่ อาจารย์สาวบอกให้พวกเธอเดินเข้าหาชายชราคนนั้นก่อนจะดีดนิ้วแล้วหายไปกับธาตุอากาศ โดนไม่ลืมที่จะฝากข้อความเอาไว้ให้พวกเธอได้เก็บไปครุ่นคิด
“เป็นคนพิเศษก็ต้องลำบากอย่างนี้แหล่ะ
”
“นี่มันวังชัดๆ ให้ตายสิ” โฮวาชิเดินแบบหลั่นล้าไม่แคร์ใคร มือเล็กชี้นู่นนี่ไปมาตามประสาเด็กไฮเปอร์ที่อยู่นิ่งๆแล้วเหมือนจะขาดใจจนชิซาเกะต้องตะครุบตัวไว้ให้เงียบ
“เลิกชี้ได้แล้ว เดี๋ยวนิ้วจะกุดเอา” ชิซาเกะว่า โฮวาชิทำหน้ามุ่ยแล้วเดินกอดอกอย่างเด็กเอาแต่ใจ
“ไม่ได้ชี้สายรุ้งนิ้วจะกุดได้ไงล่ะ” โฮวาชิยังคงเถียง
“ฉันตัด!” ชิซาเกะเอ่ยเรียบๆ โฮวาชิแสร้งทำท่ากลัวแล้วถอยหลังไปหลบข้างมิซึยะ ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกว่าทางที่เดินอยู่มันไกลเกินกว่าที่ตาเห็นมากเลยทีเดียว ชิซาเกะ อายะและมิซึยะก็ดูท่าจะคิดแบบเดียวกัน ทั้งสี่เลยหันมามองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย
“รู้สึกว่าไกลเหมือนกันหรอ” มิซึยะถามขึ้นเป็นคนแรก ชิซาเกะพยักหน้ารับ
“จากที่เจ๊คำนวณระยะทางดูนะเราเดินกันมาเกือบห้าร้อยเมตรแล้วเพิ่งได้ครึ่งทางเอง” อายะพูดพลางมองไปข้างหน้า ภาพของชายชราชัดเจนขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ระยะทางที่ต้องเดินไปยังคงอีกไกลโขตามความรู้สึกของเธอ
“โว๊ย!! ขี้เกียจเดินว๊อย อีกตั้งห้าร้อยเมตร ลุงหงอกที่นั่งรอเราคงแก่ตายก่อนละมั้ง” โฮวาชิบ่น อีกสามสาวมองเธออย่างปลงๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนโฮวาชิก็ยังคงปัญญาอ่อนได้ตลอดเวลาจริงๆ “ว๊าก!ไม่ไหวแล้ว ไปถึงลุงหงอกนั่นเร็วๆทีเซ่!!”
ชั่ววูบหนึ่งกากเพชรสีโลหิตที่โปรยลงมารอบตัวพวกเธอทั้งสี่ ก่อนจะไปปรากฏตัวอย่างกะทันหันข้างหน้าชายชราที่ลืมตาขึ้นมามองก่อนจะกระคุกยิ้มที่มุมปากเหมือนกับว่าพอใจในอะไรสักอย่าง
“ยินดีที่ได้จักพวกเธอนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงอำนาจ “ฉันเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเอลิเวียสแห่งนี้ ชื่อว่าไพทา ว่าแต่พวกเธอสี่คนชื่ออะไรกันบ้าง”
“ซายูมากิ มิซึยะค่ะ ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่แต่ก็ฝากตัวด้วยค่ะ” มิซึยะแนะนำตัวอย่างนอบน้อม ไพทามองดูเธอพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“อิลิเกะ ชิซาเกะ” ชิซาเกะแนะนำตัวสไตล์สาวห้าว สั้นๆห้วนๆแต่ได้ใจความ ไพทาพยักหน้าก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ
“นางามาสะ อายะค่ะ” อายะแนะนำตัวต่อ เธอยิ้มแล้วก้มหัวอย่างสุภาพ ในขณะที่หัวสมองกำลังคิดถึงสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ ‘โรงเรียนเวทมนตร์ ทหารอารักขาตัวเท่าบ้าน ทางเดินที่ยาวกว่าที่เห็น(มาก) กากเพชรที่ทำให้โผล่พรวดมาดื้อๆ
แล้วต่อไปฉันจะเจออะไรอีกวะเนี่ย?’
“ฮ
โฮวาชิ” โฮวาชิแนะนำตัวตื่นๆ เธอยังตกใจกับการโผล่พรวดแบบเมื่อตะกี้ไม่หาย “คุณรู้มั้ยว่าตะกี้มันคืออะไร? ลุงหงอ
เอ๊ย!คุณไพทา” ไพทามองเธอยิ้มๆแล้วตอบคำถามของเธอ
“เวทมนตร์ไงล่ะ”
“ฮ่าๆๆ น่าสนใจดีถ้านี่ไม่ใช่ฝันก็เจ๋งไปเลยเนอะ” โฮวาชิหัวเราะร่าหันไปหามิซึยะที่เริ่มขมวดคิ้วแปลกๆ
“มันไม่ใช่ฝันนะ นี่น่ะของจริง” ไพทาพูดก่อนจะเสกไฟสีทองขึ้นมาในมือ แล้วยื่นไปใกล้ๆหน้าโฮวาชิ “นี่สำหรับคนที่ไม่เชื่อในเรื่องจริงอย่างพวกเธอลองแตะดู”
โฮวาชิยื่นมือเข้ามาเป็นคนแรก เธอสัมผัสมันได้เพียงแค่ปลายนิ้วก็ต้องชักมือออกอย่างรวดเร็ว “ร้อนมากๆ เหมือนหนังฉันจะไหม้เลย!” เธอพูดพลางอมนิ้วที่เพิ่งโดนไฟลวกมาสดๆร้อนๆ ชิซาเกะอยากพิสูจน์บ้างจึงลองเอามือจุ่มเข้าไปดูบ้าง ใบหน้าเธอดูชิวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งๆที่ไฟก็ลวกเธอไปครึ่งค่อนมือแล้ว สักพักจากไฟสีทองก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มที่พัดโชดช่วง เท่านั้นแหล่ะชิซาเกะเลยชักมือออกอย่างรวดเร็ว “ฉันโดนแล้วไม่ร้อน แต่มันเปลี่ยนสีว่ะ!”
“มิซึพี่ชักอยากลองแล้วสิ
” อายะเข้ามากระซิบข้างตัวมิซึ ก่อนจะเดินเข้าไปหาไพทาแล้วเอามือจุ่มไฟอย่างใจเย็นไฟสีเพลิงที่เป็นผลจากการกระทำของชิซาเกะกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มและให้ความรู้สึกหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ อายะอึ้งไปสักพักก่อนจะถอยหลังกลับมาบอกมิซึยะโดยที่มือยังคงกุมอกซ้ายไว้แน่น “ต่อไปตาเธอนะมิซึ”
“อ
เอ๋ ฉันด้วยหรอคะ” ไม่ทันได้ปฏิเสธอายะก็ผลักเธอไปหาผู้อำนวยการไพทาทันที มิซึเอามือจุ่มไฟสีน้ำเงินเข้มมันค่อยๆแปลเปลี่ยนเป็นสีฟ้า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเธอ แต่อายะที่กำลังใจสั่นระรัวและโฮวาชิที่กำลังเจ็บนิ้วมือเพราะไฟร้อนกลับรู้สึกถึงกระแสลมอุ่นๆที่พัดผ่าน ไม่นานนักความรู้สึกเจ็บปวดต่างๆก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“มิซึ เธอสุดยอด!” อยู่ๆโฮวาชิก็โพล่งขึ้นมา มิซึยะสะดุ้งเฮือก “มาอยู่นี่แค่ไม่กี่นาทีเธอใช้เวทมนตร์เป็นแล้วหรอ?”
“ห
เห! ฉันเปล่าใช้นะจ๊ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ” มิซึยะส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความเร็วสูง
“แล้วลมอุ่นๆตะกี้นี้ล่ะไม่ใช่ฝีมือเธอแล้วเป็นฝีมือใคร” อายะถาม ไพทายิ้มน้อยๆ ชิซาเกะทำหน้างุนงงก่อนจะโพล่งออกมา
“ลมอะไรทำไมฉันไม่รู้เรื่องล่ะ” เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสี่สาว ไพทาตบมือเสียงดังสามครั้งเพื่อเรียกสติของทุกคนให้กลับคืน
“เมื่อกี้เป็นเวทย์รักษาน่ะ มิซึยะมีเวทย์ด้านนี้” ไพทาอธิบายสั้นๆ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยให้ทั้งสี่เข้าใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย “เมื่อกี้เป็นการทดสอบแรก ต่อไปพวกเธอจะต้องเจอการทดสอบที่สองยากกว่าการทดสอบนี้ร้อยเท่าเห็นจะได้ นั่งพักไปกันก่อนนะ เดี๋ยวฉันมาเมื่อนั้น
การทดสอบที่เดิมพันด้วยชีวิตก็จะเริ่มขึ้น” คำพูดสุดท้ายของเขาทำเอาพวกเธอขนลุกเกลียวไปตามๆกัน
เดิมพันด้วยชีวิต
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องนี้จบบริบูรณ์(บ้านป้าแกสิ!)
ล้อเล่นๆ 55+ ปั่นมาเพิ่มแล้ว
ดูเหมือนจะเยอะเพราะเพิ่มขนาดฟอนต์ 55+
แนะนำให้อ่านใหม่แต่แรก เพราะรีไรท์เยอะ
ถ้ามีตรงไหนแหม่งๆก็บอกด้วยนะ(เมา) ^[ ]^
แล้วก็อยากถามว่าห้องฮาต้าบทความ บลาๆๆเนี่ย
เก็บรูปวาดที่เกี่ยวกะฮาต้าไว้ด้วยดีมั้ย??
ไม่รู้แหล่ะ ใครไม่ตอบกัดคอ =3= (โดนรุมสหบาทา)
Loma_
p
ความคิดเห็น