คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [OS] GONE
ผมยังคงคิดถึงเขา.. ยังคิดถึงอยู่ทุกวัน ทุกเวลา ทุกลมหายใจ
แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ให้ผมสัมผัสตัวได้แล้วก็ตาม
แต่เขายังอยู่.. เขายังคงอยู่ในหัวใจผม...ตลอดไป
เป็นปกติไปแล้วที่ทุกวันของนักศึกษาคณะอักษรศาสตร์อย่างอี๋เอินที่จะต้องมานั่งอ่านหนังสืออยู่ในหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย คนที่เข้ามาใช้บริการหอสมุดนี้ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็เป็นต้องเห็นผู้ชายร่างบางผมสีแดงนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างเงียบๆคนเดียวทุกครั้งไป
อี๋เอินก็แค่คนรักความสงบ รักหนังสือ รักการอ่านหนังสือ
อี๋เอินไม่ชอบพูด เขาชอบอ่าน มันรู้สึกได้ว่ามีอะไรมากกว่าการพูดออกมา
อี๋เอินไม่ค่อยมีเพื่อน จะมีก็แต่เพื่อนสนิทต่างคณะที่นานๆจะเจอกันที แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
เพราะเขามีหนังสือเป็นเพื่อนอยู่แล้ว
บรรยากาศด้านนอกท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม อันที่จริงแล้วนี่มันก็เป็นฤดูฝนถูกแล้วที่ฝนจะตก อี๋เอินกางร่มอยู่ที่ประตูทางออก มือข้างหนึ่งถือหนังสือเรียนที่นำมาอ่านวันนี้ อีกข้างยกร่มขึ้นเตรียมจะเดินกลับหอพัก
ปั๊ก !
“โอ๊ย...” อี๋เอินที่จู่ๆก็โดนใครก็ไม่รู้เดินมาชนล้มลงไป หนังสือ 5-6 เล่มในอ้อมกอดกระจัดกระจายทั้งร่มที่ลอยไปไกลรวมทั้งตัวเขาที่ล้มก้นจ้ำเบ้าไป
“เฮ้ย ดูสิว่าแจ็คสันหวังเดินชนใคร นี่มันน้องต้วนคนงามแห่งหอสมุดกลางนี่หว่า” เสียงชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น อี๋เอินเงยหน้ามองก็พบกับกลุ่มนักศึกษาชาย 3-4 คน แต่ละคนดูไม่เป็นมิตรทั้งนั้น ทั้งรอยยิ้มเยาะเย้ยที่มองมาทางเขา แต่ก็ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย สายตาที่ดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่มองมาที่เขา พร้อมยื่นมือออกมา
“ช่วยไหม ?” คำสั้นๆที่เอ่ยออกมาไม่พ้นจะต้องโดนเพื่อนแซวแต่อี๋เอินก็ไม่ได้สนใจ คลานเก็บหนังสือที่กระจัดกระจายพร้อมกับร่มที่ปลิวไป ลุกขึ้นยืนแล้วปัดตามตัวเล็กน้อยก่อนจะก้มหัวให้ชายที่น่าจะชื่อแจ็คสันหวังนั่นแล้วเดินจากไป
제발 날 봐 날 봐봐 날 봐봐
ได้โปรด มองมาที่ฉันสิ ลองมองมาที่ฉัน ลองมองมาที่ฉัน
나 이렇게 널 느껴 널 느껴 널 느껴
ยังรู้สึกถึงเธอในแบบนี้เสมอ รู้สึกถึงเธอ รู้สึกถึงเธอ รู้สึกถึงเธอ
애써 잡은 말투 애써 잡은
รู้สึกถึงคำพูดจาที่พยายามจะไขว่คว้า
미소 애써 잡은 넌데
รู้สึกถึงรอยยิ้มที่พยายามจะไขว่คว้า รู้สึกถึงเธอที่พยายามจะไขว่คว้า
แจ็คสัน หวังไม่เคยคิดจะมาเหยียบที่หอสมุดของมหาวิทยาลัยเลยถ้าไม่จำเป็น หนังสือเรียนน่ะอ่านที่หอก็ได้แม้ปกติก็ไม่ค่อยได้อ่านอยู่แล้ว ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะต้องมาหาข้อมูลทำรายงานเขาก็คงไม่มาเหยียบมันและได้พบกับน้องต้วนคนงามแห่งหอสมุดกลางตัวเป็นๆ
ใช่ .. นั่นคือฉายาของเขา
เพราะใบหน้าที่หวานเกินชายและการที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะเห็นต้วนอี๋เอินที่หอสมุดอยู่เสมอเขาจึงถูกหลายๆคนเรียกแบบนั้น แจ็คสันที่ไม่เคยมายุ่งกับที่นี่ก็เคยได้ยินแค่ชื่อเท่านั้น จะหน้าตาดีแค่ไหนกันเชียว ยังไงก็คงไม่สู้สาวๆในผับที่เขาไปเป็นประจำทุกคืนอยู่แล้วล่ะ
แต่บางทีแจ็คสันอาจจะคิดผิด
การเดินไม่ดูตาม้าตาเรือแล้วไปชนกับใครสักคนที่กำลังจะเดินออกจากหอสมุดจนหนังสือในอ้อมกอดของเจ้าของผมสีแดงต้องหล่นกระจายพร้อมเจ้าตัวที่ล้มลงทำให้เขารู้ว่าคนที่เขาชนนั่นแหละคือน้องต้วนแห่งหอสมุดกลาง รอให้เงยหน้าขึ้นมาแจ็คสันก็ได้รู้อีกว่าที่เขาเคยคิดว่าคนๆนี้จะหน้าตาดีสักแค่ไหนกันเชียว
จริงๆน่ารักเอามากๆเลยล่ะ
แจ็คสันรู้มาอีกอย่างว่าน้องต้วนไม่ชอบพูด เขาไม่ค่อยพูดกับใคร บางทีหน้าที่ดูโหดๆของเขาอาจทำให้อีกฝ่ายกลัว พยายามไม่ยิ้มประหลาดๆออกไป ถ้าลองพูดดีๆด้วย จะยอมตอบกลับมาไหมนะ
“ช่วยไหม?”
ปฏิกิริยาที่ได้รับกลับมาก็มีเพียงการก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินกางร่มจากไป แจ็คสันไม่ได้วิ่งตามไปกระชากตัวอี๋เอินให้อยู่ในอ้อมแขนเหมือนในละคร ทำเพียงแค่มองตามแผ่นหลังเล็กที่ค่อยๆเดินห่างเขาไปเรื่อยๆท่ามกลางสายฝนเท่านั้น
우리 함께 있던 그 공간에
ณ ตรงนั้นที่เราเคยอยู่ด้วยกัน
내가 널 닮아가던 그 순간에
ช่วงเวลาเหล่านั้นที่ฉันเข้ากันกับเธอ
빗속을 그냥 걸어도 너무 좋았던
เธอที่เดินเคียงกันแม้ท่ามกลางสายฝนก็ยังรู้สึกดี
“นี่ ทำไมถึงชอบอ่านหนังสือล่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ อี๋เอินแค่นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวเหมือนปกติทุกวัน จู่ๆชายที่น่าจะชื่อแจ็คสันหวังก็เดินเข้ามาเลื่อนเก้าอี้ด้านข้างที่ว่างอยู่แล้วนั่งลงโดยไม่ถามเขาสักนิดว่ามีคนั่งหรือไม่แม้ความจริงจะไม่มีก็เถอะ
“นี่จะไม่พูดอะไรสักอย่างจริงๆน่ะเหรอ” เสียงทุ้มนั่นอ่อนลง อี๋เอินทำเพียงแค่เหลือบตามองเล็กน้อยก่อนกลับไปมองที่หนังสือเหมือนเดิมแต่ก็พบกระดาษแผ่นเล็กๆวางอยู่แทน
“ไม่พูดงั้นเขียนก็ได้ นายชื่ออะไร?”
อะไรกันนะคนๆนี้
“รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“รู้แค่ฉายา ไม่รู้ชื่อจริงสักหน่อย ฉันชื่อแจ็คสัน หวังนะ นายชื่ออะไร”
จะอยากรู้ไปทำไมกัน
“อี๋เอิน ต้วนอี๋เอิน”
“ชื่อน่ารักจังนะ เหมาะกับนายดี” อี๋เอินไม่ตอบอะไร แจ็คสันนั่งมองแก้มที่เริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้อยู่อย่างนั้นก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างลงกระดาษอีกครั้งหนึ่ง
“อ่านด้วยได้ไหม?” อี๋เอินนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเขียนตอบกลับไป
“แล้วแต่สิ ไม่ได้ห้ามสักหน่อย”
จริงๆแล้วอี๋เอินก็แค่คนไม่ชอบพูด ไม่ใช่คนหยิ่งอะไรอย่างที่เพื่อนของเขาเล่ามาเสียหน่อย
กลายเป็นภาพแปลกตาที่ดูจะชินชาไปเสียแล้วสำหรับคนในมหาวิทยาลัยหรือคนที่มาใช้บริการหอสมุดจากที่ปกติจะเห็นอี๋เอินนั่งอ่านหนังสืออยู่เพียงคนเดียวแต่ตอนนี้กลับมีคนที่คอยอยู่ข้างกายเขาเสมออย่างเพลย์บอยวิศวะ แจ็คสัน หวัง
มันเป็นเรื่องแปลกที่คนอย่างแจ็คสันจะไปยุ่งเกี่ยวกับคนเงียบๆที่มีดีแค่หน้าตาจนถูกคนอื่นว่ากันว่าเป็นคนที่หยิ่งน่าดูอย่างต้วนอี๋เอิน
ถ้าเอาแต่มองอี๋เอิน ไม่ลองเข้าไปทำความรู้จัก แจ็คสันก็คงคิดว่าอี้เอินหยิ่งอย่างที่ใครๆเขาว่า แต่ในเมื่อความจริงที่เขาได้มารู้จักคนๆนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาจะไปสนใจคนอื่นทำไมกัน
“นี่...เราจะพูดกันดีๆสักทีไม่ได้เหรอ” แจ็คสันเขียนลงในกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆที่ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ต้องพกมันติดตัวตลอดเพื่อใช้คุยกับคนข้างๆ
“ทำไม นายเบื่อแล้วเหรอ เบื่อแล้วจะเลิกก็ได้นะ” อี๋เอินส่งกระดาษกลับพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักเบาๆที่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับมันจากเขา
“ไม่เบื่อสิ ฉันแค่อยากได้ยินเสียงนายบ้างก็เท่านั้นแหละ” แจ็คสันหน้างอ มันดูไม่ค่อยเหมาะกับคนแบบเขาแต่ถ้าการที่เขาทำหน้าแบบนี้แล้วอี๋เอินจะส่งยิ้มให้เขาก็ยอมนะ
“ไว้ก่อนแล้วกันนะ ไว้ฉันพร้อมก่อน แบบนี้ก็สนุกดีนะ” ถ้าจะไม่ได้ยินเสียงกันแล้วได้เห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นแบบนี้ไปเรื่อยๆล่ะก็.. ยอมก็ได้
เปาะ แปะ
“อ๊ะ .. ฝน” จาดท้องฟ้าที่มีแดดจ้า จู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว นั่นก็ทำให้แจ็คสันได้ยินเสียงทุ้มๆที่มีเสน่ห์ของอี๋เอินอีกครั้งหลังจากที่ไม่เคยได้ยินเลยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน
“ในที่สุดนายก็พูดแล้ว” เสียงของแจ็คสันดังขึ้นพร้อมๆกับร่มที่นำขึ้นมากางเพื่อกันฝนให้ทั้งสองคน
“...”
“ขอโทษสำหรับวันนั้นนะ”แจ็คสันตัดสินใจพูดแทนที่จะใช้กระดาษเขียน ในเมื่อมีโอกาสได้พูดแล้วก็ขอพูดหน่อยเถอะ
“...”
“นี่จะไม่พูดอะไรจริงๆน่ะเหรอ...” มือใหญ่เอื้อมไปสัมผัสที่มือเล็กของอีกคนที่อยู่ข้างตัว สะกิดนิดๆเพื่อเป็นการขออนุญาต เมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาอะไรที่ดูจะเป็นการปฏิเสธเขาก็เลื่อนมือไปเกี่ยวนิ้วทั้งห้านิ้วของอีกคนให้มากุมมือกัน
“นี่...”
“....ได้ไหม” เสียงที่เบาเหลือเกินถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากที่กำลังสั่นระริกด้วยความหนาวจากฝนที่กำลังตก
“อะไรนะ เสียงเบาจังฉันไม่ค่อยได้ยิน” ไม่ได้คิดจะแกล้ง แต่เสียงของอี๋เอินเบาจริงๆ
“หนาวเหรอ...” ไม่ต้องรอให้ได้รับคำตอบแจ็คสันใช้แขนโอบไหล่เล็กๆของอี๋เอินให้เขามาชิดตัวมากขึ้นจนทั้งสองคนไหล่ชนกัน ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกพรำๆนี่ ยังมีเสียงหัวใจอีกสองดวงที่เต้นแข่งกันไม่หยุด ราวกับมันจะหลุดออกจากร่างกายได้ยังไงยังงั้น
“รอวันเกิด... เราได้ไหม” ในที่สุดอี๋เอินก็ตัดสินใจพูดมันออกมา เขาหันไปมองหน้าของแจ็คสันที่กำลังมองเขาอยู่ไม่ต่างกัน เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้หน้าของทั้งคู่เริ่มเลื่อนเข้าหากัน ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆจนไม่เหลือที่ว่างให้ริมฝีปากห่างกันอีกแล้ว
บางที่อะไรบางอย่างนั่น... มันอาจจะเป็นความรัก
니가 없다 니가 없다
ไม่มีเธออีกแล้ว ไม่มีเธออีกแล้ว
어떻게 나 혼자서 널 지우고 살아
จะให้ฉันลืมเลือนทุกอย่าง แล้วใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเพียงผู้เดียวได้อย่างไร
너무 그리워
คิดถึงเหลือเกิน
“ถ้าวันนั้นฉันไปให้เร็วกว่านี้ .. วันนี้เราคงฉลองวันเกิดนายอยู่ที่หอสมุดหรือเปล่านะ อี๋เอิน” ดอกลิลลี่สีชมพูสื่อถึงความรักที่เขามีให้กับคนที่เหลือไว้เพียงร่างที่ถูกฝังอยู่ใต้หลุมศพนี้ถูกวางลงไปที่หน้าป้ายสลักหินอ่อน
“ต้วน อี๋เอิน”
“สุขสันต์วันเกิดนะ .. ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ?”ไม่มีเสียงตอบกลับ แต่แจ็คสันก็ยังคงเลือกที่นั่งอยู่หน้าป้ายนั่น นั่งจ้องมองรูปของคนที่เขารักอยู่แบบนั้น
“นี่ แม้จะเรียนจบไปแล้ว แต่ทุกวันนี้ฉันยังไปหอสมุดอยู่เลยนะ นายอยากไปไหม?”
“เรากลับไปหอสมุดกันเถอะ”
겨우 허락된 너의 이름
ไม่มีวันลบเลือนชื่อของเธอออกไปได้เลย
지울 수 없어 너만이 부른
ชื่อของฉันที่เธอเรียกขาน
나의 이름이 여기 잠자고 있어
ก็ยังคงหลับใหลอยู่ที่ตรงนี้
หอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยยังคงเหมือนเดิมแม้เขาจะเรียนจบแล้วก็ตาม ทางเข้าที่เขาทั้งสองคนได้พบเจอกันเป็นครั้งแรกยังเหมือนเดิม ภายในห้องสมุดที่เขาและอี้เอินมานั่งอ่านหนังสือกันก็ยังเหมือนเดิม ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
แจ็คสันเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมที่เคยนั่ง บรรยากาศด้านนอกไม่ต่างจากวันนั้นเท่าไหร่ ท้องฟ้าเริ่มครึ้ม เค้าฝนเริ่มมา แจ็คสันหันไปมองเก้าอี้ด้านข้าง มันยังอยู่ แม้ตัวของเขาจะไม่อยู่ที่นี่แล้วแต่ภาพของเขา ภาพของต้วนอี๋เอินที่นั่งอ่านหนังสือที่ตนรักอย่างตั้งใจยังคงอยู่ตรงนี้...
“บอกได้หรือยัง ทำไมชอบอ่านหนังสือ” กระดาษแผ่นเล็กถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับคนสองคนในทุกๆวัน
“ทำไมต้องบอกด้วยล่ะ?”
“ก็อยากรู้ บอกมาเร็วๆ”
“ทำไมต้องเร่ง เร่งแล้วไม่บอก”
“ไม่เร่งก็ได้ บอกหน่อยนะครับ” อี๋เอินอมยิ้มเล็กๆก่อนจะเขียนตอบกลับไป
“ก็หนังสือเป็นเพื่อนของฉัน”
หนังสือเป็นเพื่อนงั้นเหรอ...
“งั้นให้ฉัน .. เป็นเพื่อนของอี๋เอินอีกคน .. จะได้ไหม?”
우리 함께 있던 그 공간에
ณ ตรงนั้นที่เราเคยอยู่ด้วยกัน
함께 걸었어야 할 시간에
ช่วงเวลาเหล่านั้นที่สมควรจะต้องได้เดินเคียงข้างกันไป
나 혼자 붙잡고 있어 우리 미래도
มีเพียงฉันที่ยังคงยึดเหนี่ยวมันเอาไว้
“ตอนนี้เราก็เป็นมากกว่าเพื่อนแล้วนี่ ..ใช่ไหม” แจ็คสันก้มลงไปพูดไอพอดทัชเครื่องเล็กที่มีไฟล์เสียงของอี๋เอินถูกอัดเอาไว้ ประโยคที่อี๋เอินอยากจะพูด และแจ็คสันอยากจะฟังมาตลอด
“อี๋เอินรักแจ็คสันนะ”
“แจ็คสันก็รักอี๋เอิน”
“ขอบคุณที่มาเดินชนอี๋เอินนะ คิก ... ทำให้เราได้รู้จักกัน”
“ขอโทษที่เดินชนอีกครั้งนะ”
“อี๋เอินไม่ชอบพูดแจ็คสันก็รู้ แต่นี่อี๋เอินพูดแล้วก็เพื่อแจ็คสันเลยนะ !”
“อืม .. รู้แล้ว พยายามมากเลยล่ะสิ”
“ขอบคุณที่เข้ามาในโลกที่มีแต่หนังสือของอี๋เอินนะ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วอ่า”
“ไม่รู้จะพูดอะไรหยุดพูดก็ได้นะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะแจ็คสัน... รักแจ็คสันมากนะ รักมากที่สุดในโลกเลย”
รักอี๋เอินเหมือนกันนะ รักมากที่สุดในโลกเลย
나의 바램도 멈춘 자리에
ณ ตรงนี้ที่อนาคตของเราสิ้นสุดลงไป ความหวังของฉันสิ้นสุดลงไป
“กลับบ้านกันเถอะ อี๋เอิน” ร่มคันเดิมที่เคยใช้เมื่อครั้งยังอยู่มหาวิทยาลัย คันเดิมที่เคยใช้กางให้คนที่รักถูกนำออกมากางอีกครั้งในวันสำคัญแบบนี้ ร่มคันเดิม ทางเดินเส้นเดิม คนๆเดิม กับหัวใจดวงเดิม
ที่ยังรักเพียงคนๆเดิม...คนเดียวเท่านั้น
나 서있고 너만 없다
ฉันได้แต่ยืนอยู่โดยไม่มีเธอ
FIN.
--------------------------------------
มาตอนแรกก็ดราม่าซะละ จังรุยๆๆๆๆ 5555555
จริงๆกะจะเอาแบบละมุนๆง่ะ แต่พอกำลังหาเพลงฟังตอนแต่งไปเจอเพลงนี้ อารมณ์หน่วงมันเข้าสิง OTL
นั่นแหละค่ะ เอาเป็นว่าฝากบทความนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจแม่ยกแจ็คมาร์คด้วยนะคะ หาอ่านยากเสียเหลือเกินค่ะ แต่งเองซะเลย....
เรื่องไหนจบในตอนถือว่าเป็น OS เรื่องไหนที่มันยาวเกิน 1 ตอนถือเป็น SF ละกันโน๊ะ ♥
ฝากแท็กด้วยน้า สกรีมกันด๊าย ; v ; #JMROOM
1st 25/06/14
2nd 19/02/15
edit mark's name 3rd 13/04/15
ความคิดเห็น