คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [The Wolf Boy] Chapter 3 : Change
ร่างสูงกำลังง่วนอยู่กับการเก็บสัมภาระที่จำเป็นของตัวเองลงกระเป๋าเป้ใบโต เวลาผ่านไปพักใหญ่ กว่าร่างสูงจะจัดกระเป๋าของตัวเองจนเสร็จ
"เฮ้อออ เสร็จสักที"
เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมแบกกระเป๋าลงไปชั้นล่าง เพื่อไปหามารดาของตนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม
"แม่ครับ ผมมีบางอย่างต้องบอกแม่"
เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา ดวงตากลมจ้องมองผู้เป็นแม่ด้วยความแน่วแน่
"หืม มีอะไรชานซอง"
คนเป็นแม่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่บ่อยนักที่ชานซองจะมีท่าทางแน่วแน่เช่นนี้
"ผมกำลังถูกตามล่า ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นใคร ผมกลัวว่าถ้าพวกเขามาตามหาผมที่นี่แล้วแม่จะเป็นอันตราย แม่ไปกับผมได้มั้ย ผมจะปกป้องแม่เอง"
ร่างสูงพูด ดวงตากลมจ้องใบหน้าผู้เป็นแม่ไม่กระพริบ ลำแขนหนาทั้งสองข้างโอบร่างของแม่ไว้แน่น
"แม่ไปไม่ได้หรอก ลูกไปเถอะ ที่นี่ก็ยังมีหมาป่าอยู่อีกมากที่จะสามารถปกป้องแม่ได้ อีกอย่าง ถ้าลูกไม่อยู่นี้ มันคงไม่มาถึงที่นี่หรอก"
เสียงนุ่มเอ่ย กอดตอบร่างสูงตรงหน้า ใช้มือลูบหัวผู้เป็นลูกอย่างแผ่วเบา ยิ้มอย่างอ่อนโยน
"..."
"ลูกหน่ะต้องไปทำหน้าที่ของลูก ต้องไปปกป้องเขาไม่ใช่หรือไง หืม"
มือเรียวลูกแก้มผู้เป็นลูกอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มหวานยังไม่จืดจางจากใบหน้าใจดีนั้น
"ผมต้องดูแลเขา แต่ผมก็ต้องดูแลแม่ด้วย.."
"แต่ที่นี่ก็มีหมาป่าที่เป็นพวกเราอยู่ตั้งเยอะแยะ ลูกไม่เห็นจะต้องกังวลเลยชานซอง ไม่เป็นไรหรอก แม่อยู่ได้หน่า รีบไปได้แล้วเดี๋ยวก็มืดค่ำเอาหรอก"
ผู้เป็นแม่จุมพิตลงบนหน้าผากลูกชายของตน แล้วเอ่ยบอกลาด้วยรอยยิ้ม
"งั้นผมไปนะ"
ร่างสูงเอ่ยลา ก่อนที่จะเดินออกจากคฤหาสน์ไป
....................................................................................................
"ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ.."
ร่างเล็กที่นั่งเท้าคางอยู่บนเคาเตอร์หน้าร้านเอ่ย พร้อมมองออกไปนอกกระจกใสหน้าร้าน มองหาร่างของชายหนุ่มที่คุ้นเคย
"เฮ้อออ.."
ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะอยู่ๆตัวเองก็รู้สึกเป็นห่วงอีกคนอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งๆที่เพิ่งพบกันแต่ตนเองกลับรู้สึกเป็นห่วงร่างสูงเหมือนกับเคยผูกพันธ์กันมานาน ดวงตาเรียวเหม่อลอยมองนาฬิกาบนฝาผนังอย่างช่วยไม่ได้
'จะสองทุ่มแล้วนะ.. ทำไมยังไม่มาอีก'
"รอใครอยู่หรอจุนโฮ.."
เสียงทุ้มกระซิบข้างหู พร้อมรู้สึกถึงไอความร้อนด้านหลังทำให้ร่างเล็กสะดุ้ง หันกลับไปมองร่างที่ยืนอยู่ข้างหลังอย่างรวดเร็ว
"คุณชานซอง!! ผมตกใจนะครับ"
ร่างบางเอ่ยเอ็ดร่างสูง ใบหน้าบูดบึ้ง มือเรียงตีลงบนลำแขนอีกคนเบาๆ
"นายยังไม่ตอบเลยว่ารอใคร"
ใบหน้าคมเริ่มขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ร่างเล็กขยับถอยหนี แต่เพราะติดเคาเตอร์ทำให้ถอยหนีได้ไม่มากนัก
"อ..เอ่อ เปล่าครับ"
ใบหนาที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อบริเวณแก้ม ทำให้ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะแกล้งร่างเล็กตรงหน้าต่อ
"หรือว่า.. นายรอฉัน?"
แกล้งเอามือทั้งสองข้างคร่อมร่างบางกับเคาเตอร์ไม่ให้หนีไปไหน ดวงตาคมโตที่เคยเป็นสีน้ำตาลอ่อนบัดนี้กลายเป็นสีชมพูเข้มราวกับทับทิมประกาย จ้องมองไปยังดวงตาเรียวที่ห่างกันเพียงคืบ
"เปล่า ผมไม่ได้รอคุณสักหน่อย"
ร่างเล็กแปลกใจ กับสีที่นัยน์ตาของร่างสูงที่มันเปลี่ยนไป รวมถึงความขัดเขินที่มีอยู่แล้วทำให้ร่างบางทำตัวไม่ถูก จะมองดวงตาคมให้เห็นชัดๆก่อนก็เขิน ร่างเล็กจึงตัดสินใจเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ทำให้ปลายจมูกโด่งเป็นสันของร่างสูง แตะลงบนแก้มใสของร่างบางเพียงแผ่วเบา กลิ่นหอมหวานที่ปกติได้กลิ่นชัดอยู่แล้ว ตอนนี้มันได้กลิ่นชัดซะจนอย่างจะหอมแก้มลงไปแรงๆสักทีสองที แต่ร่างสูงก็ทำได้เพียงแต่สูดกลิ่นนั้นเข้าไปให้เต็มปอดเท่านั่น
"ไม่รอก็ไม่รอ กินข้าวเถอะ ฉันซื้อมาเผื่อนายด้วย"
ร่างสูงเอ่ย เอามือที่คร่อมร่างเล็กไว้ลง แล้วดึงมือเล็กเข้าไปยังห้องครัว
"ค.. ครับ"
ร่างเล็กเอ่ยตอบแผ่วเบา ความขัดเขินที่ยังไม่หายไปทำให้ร่างบางทำตัวไม่ถูก ทำได้เพียงเดินตามแรงจูงของร่างสูงเท่านั้น
ร่างสูงหยิบถุงอาหารมากมายขึ้นมาให้ร่างบาง มีทั้งขนมหวาน อาหารคาว ถ้าร่างเล็กอยู่คนเดียวทุกสิ่งเพียงพอสำหรับอยู่ได้โดนไม่ต้องไปซื้อของอีกสองสามวัน แต่เพราะร่างสูงมาอยู่ด้วย อาหารทั้งหมดรวมถึงในตู้เย็นที่เก็บเอาไว้หมดอย่างรวดเร็ว
"นี่คุณชานซองกินหรือยัดกันแน่ครับ ฮ่าๆๆๆ"
"ก็หิวหนิ วันนี้ไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน"
ร่างสูงตอบ ก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าต่อ
ด้วยความสงสัยที่ยังคงไม่จางหาย ตาเรียวเล็กแอบลอบมองไปยังดวงตาคม เพื่อจับผิดว่ามันมีการเปลี่ยนสีอีกหรือไม่
"มีอะไรหรอ"
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็ก ทำให้จุนโฮสะดุ้ง ดวงตาคมที่จ้องมองเขาทำให้เขาเห็นมันอย่างชัดเจน ว่าบัดนี้ มันกลับกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆเหมือนเดิมแล้ว
"ดวงตาคุณมัน.. เปลี่ยนสี"
คิ้วบนใบหน้าหวานขมวด เพ่งสายตามองไปยังนัยน์ตาของร่างสูงอีกครั้ง
"นายตาฝาดรึเปล่า มันอาจจะเป็นแค่แสงสะท้อนก็ได้"
ร่างสูงทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก้มหน้าหลบตาร่างบางแล้วกินอาหารตรงหน้าต่อ
"งั้นหรอครับ.."
"กินข้าวต่อได้แล้ว"
ร่างสูงเอ็ดอีกคน ก่อนที่คนตัวเล็กจะสังเกตอะไรในตัวเขาไปมากกว่านี้ มือหนาคีบชิ้นเนื้อในชามของตัวเองให้จุนโฮ
"แต่ผมอิ่มแล้วหนิ.."
"อีกชิ้นเดียว รีบๆกินซะ ฉันอุตส่าห์คีบให้เชียวนะ จะไม่รักษาน้ำใจหน่อยหรือไง"
"คร้าบบ กินก็กิน"
มือบางคีบชิ้นเนื้อที่ร่างสูงคีบให้เข้าปาก แก้มตุ่ยเคี้ยวชิ้นเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าหวานยกยิ้มให้ร่างตรงหน้า
"..."
ร่างสูงไม่ตอบ แต่กลับอมยิ้มให้ภาพน่ารักตรงหน้า
"หมดแล้ว ผมไปอาบน้ำนะครับ"
ร่างเล็กยิ้มสดใสให้ร่างหนา แล้วเดินขึ้นชั้นบนของบ้าน เข้าห้องอาบน้ำด้วยอารมณ์ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
"ทำไมเต้นเร็วแบบนี้นะ.."
มองหน้าตัวเองที่ขึ้นสีระเรื่อผ่านกระจกเงา มือบางทาบลงบนหน้าอกข้างซ้าย สัมผัสถึงการเต้นของหัวใจที่มันรัวเร็วเหมือนจะระเบิดออกมา สงบอารมณ์แล้วอาบน้ำจนเสร็จ
....................................................................
เมื่อร่างเล็กเดินขึ้นชั้นบนไป ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล จุนโฮจะรู้รึยังนะว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ถ้ารู้แล้วจุนโฮจะหวาดกลัวเขามั้ย แล้วถ้าจุนโฮยังไม่รู้จะบอกให้รู้ความจริงดีหรือไม่ หรือจะปิดบังความจริงต่อไปให้นานที่สุด คิดอยู่นานสองนาน ก่อนจะตัดสินใจทำความสะอาดจานชามที่อยู่บนโต๊ะ สะพายกระเป๋าแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อไปยังห้องนอน ร่างสูงนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม เป็นจังหวะเดียวกับที่ร่างบางออกมาพอดี
"กินข้าวเสร็จแล้วหรอครับ"
ร่างเล็กเอ่ยถาม พร้อมกับร่อยเดินเข้ามานั่งข้างๆร่างสูง มือข้างหนึ่งใช้ผ้าขนหนูขยี้เช็ดลงบนปอยผมที่เปียกน้ำของตนเอง
"อ..อืม"
ร่างสูงมัวแต่มองร่างเล็กน่ารักตรงหน้า จนลืมตอบคำถาม
"วันนี้ไปไหนมาครับ ทำไมมีกระเป๋าด้วย"
ร่างบางมองกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของชานซองก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"อ่อ แอบกลับไปบ้านมาหน่ะ ตอนกลางวันไม่มีคนอยู่"
ร่างสูงเลี่ยงตอบความจริง
'โกหก โกหกจุนโฮอีกแล้ว.. แย่ชะมัด'
"คุณไม่ควรหนีออกมา.. พ่อแม่คุณจะเป็นห่วงเอานะครับ"
ใบหน้าหวานฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาเรียวเริ่มร้อนผ่าว
"แล้วนายหล่ะ มาอยู่คนเดียวแบบนี้พ่อแม่นายไม่เป็นห่วงหรือไง"
ร่างสูงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะท่าทีของร่างเล็กที่เปลี่ยนไป
"ผมไม่มีพ่อแม่หรอก.."
ร่างเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า ทำให้ชานซองรู้สึกผิดอย่างช่วยไม่ได้
"ฉันขอโทษนะจุนโฮ"
ฝ่ามืออุ่นร้อนของร่างหนาตรงหน้ายกขึ้นลูบศีรษะเล็ก มองใบหน้าหวานด้วยความรู้สึกผิด
"จริงๆแล้วพ่อแม่ของผมประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตตั้งแต่ผมยังเด็ก แต่คุณแม่บุญธรรมของผมเค้าก็เลี้ยงผมมาจนโต ท่านเห็นผมรักสัตว์ก็เลยส่งให้เรียนสัตวแพทย์จนผมได้มาเปิดโรงพยาบาลสัตว์นี่แหละ.."
ร่างเล็กยิ้มบางๆ ค่อยๆเล่าเรื่องของตัวเองให้ร่างสูงตรงหน้าฟัง
"แล้วตอนนี้ท่านอยู่ไหนหล่ะ?"
ร่างสูงฟังเรื่องราวจากคนตัวเล็กอย่างตั้งใจ เอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ เขาไม่ได้กลิ่นอื่นเลยนอกจากกลิ่นของจุนโฮ ส่วนกลิ่นอื่นๆก็จะลอยจางอยู่แค่บริเวณชั้นล่างเท่านั้น อาจจะเป็นกลิ่นของเจ้าของสัตว์ที่พาสัตว์เลี้ยงของตนเองมาให้จุนโฮรักษา
"ท่านอายุมากแล้ว สุขภาพไม่ค่อยดีหน่ะครับ ตอนนี้ท่านก็เลยอยู่ที่โซลกับลูกชายแท้ๆอีกคน"
“อ่อ..”
“...”
ไม่มีเสียงสนทนาใดดังขึ้นระหว่างนั้นเลย ทำให้ภายในห้องนอนของทั้งคู่อยู่ในความเงียบสงัด เสียงลมพัดแรงจากนอกหน้าต่างเป็นสัญญาณบอกว่าฝนกำลังจะตกในไม่ช้า
“ฉันไปอาบน้ำนะ”
ร่างเล็กไม่ตอบ แต่กลับยิ้มบางๆให้กับร่างสูงก่อนที่อีกคนจะหอบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป มือเรียวเช็ดปอยผมของตัวเองจนเริ่มแห้งนั่งรอเวลาที่ร่างสูงจะอาบน้ำเสร็จ
20 นาทีผ่านไป..
“บรู๋ววววววว~”
เสียงหมาหอนลอยมาตามกระแสลม ทำให้ร่างบางที่นั่งอยู่บนโซฟาสะดุ้งตกใจ เสียงฝนที่กำลังตกอยู่ด้วยนอกก็ดังมากซะจนเขากลัว ร่างเล็กนั่งกอดเข่าของตนเอง เม้มริมฝีปากแน่นพลางมองไปที่ประตูห้องน้ำ
‘เมื่อไหร่จะออกมานะ’
.................................................................................
เสียงหมาหอนดังก้องอยู่ในโสตประสาท ทำให้ร่างที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้องน้ำชะงัก มีวันเดียวที่หมาป่าจะหอนพร้อมกันดังระงมแบบนี้ ‘คืนพระจันทร์เต็มดวง’
“เวรแล้ว..”
ร่างสูงที่อยู่ในห้องน้ำรีบวิ่งออกมาด้านนอก ทำให้ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟาสะดุ้งอีกครั้ง ขายาววิ่งไปที่หน้าต่างพยายามมองหาพระจันทร์เพื่อให้แน่ใจว่าคืนนี้เป็นคืนดวงจันทร์เต็มดวงจริงๆ
“จุนโฮ.. ดวงจันทร์ ดวงจันทร์อยู่ไหน”
ร่างสูงเริ่มมีท่าทางรีบร้อน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กังวลไปหมด เพราะถ้าหากคืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงจริง เขาจะต้องกลายร่างเป็นหมาป่า และแน่นอนว่าจุนโฮจะต้องตกใจกลัวแน่
“ฝนตกหนักแบบนี้ เมฆมันบังนะครับ จะมองเห็นดวงจันทร์ได้ยังไง”
ร่างบางที่นั่งอยู่บนโซฟาเดินเข้ามาหาร่างสูงที่พยายามมองขึ้นไปบนฟ้า
“ไม่.. ต้องเห็นสิ”
“คุณจะมองหาดวงจันทร์ไปทำไมกัน”
ร่างสูงกระสับกระส่าย ความกลัวก่อขึ้นในใจ มองร่างบางข้างๆอย่างแน่วแน่ อุณหภูมิภายในร่างเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆเป็นสัญญาณบอกว่าคืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงจริงๆ
“จุนโฮ ฉันมีบางอย่าง.. ต.. ต้องบอก”
เสียงทุ้มเอ่ยกับร่างบางตรงหน้าด้วยความยากลำบาก เพราะมวลความร้อนภายในร่างเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ มือหนาจับเข้ากับมือเล็กแน่น พยายามอดกลั้นให้มากที่สุด
“ทำไมครับ คุณชานซอง เป็นอะไร”
ร่างเล็กเริ่มเห็นท่าทางที่ไม่มีของร่างสูง เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นตามหน้าผากของอีกคน ดวงตาคมเริ่มเปลี่ยนสีอีกครั้ง มันเป็นสีเป็นสีเหลืองนวลเหมือนดวงจันทร์ที่กำลังสาดส่องแสง ร่างสูงยืนโงนเงนด้วยความไม่มั่นคง ในที่สุดก็ล้มลงไปกับพื้นต่อหน้าต่อตาร่างบาง
“ถอย.. ถอยออกไปก่อน”
ดวงตาคมสีเหลืองนวลปิดแน่นสนิท พยายามอดกลั้นมวลความร้อนในร่างอีกครั้ง เป็นเพราะอากาศข้างนอกที่หนาวเหน็บกับอุณหภูมิที่กำลังพุ่งสูงขึ้น ทำให้เกิดไอร้อนจางๆลอยออกจากแผ่นหลังกว้าง อาการปวดหัวรุนแรงแทรกเข้ามาในหัวทำให้มือใหญ่ยกขึ้นกุมที่หัวตนเองโดยอัตโนมัติ
“ทำไม..”
ดวงตาเรียวเล็กเริ่มร้อนผ่าว ตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บและความหวาดกลัว แต่ก็ยังไม่ถอยห่างออกกจากร่างสูง ความสงสัยมากมายเข้าปะทะเต็มหัว ทำให้เขาทำตัวไม่ถูก
“บอกให้ถอยไปไงเล่า!!!”
เสียงทุ้มเอ่ยตวาด ร่างของคนตัวเล็กสะดุ้งแล้วรีบทำตามที่ร่างสูงบอก น้ำตาเริ่มไหลออกจากตาเรียวเล็ก เพราะความกลัว กลัวว่าร่างสูงจะเป็นอะไรไป และเสียใจที่ชานซองตวาดเขาแบบนี้
“ฮึก.. คุณกำลังทำให้ผมกลัว”
ร่างเล็กเอ่ยเสียงสั่น ถอยห่างร่างสูงไปเรื่อยๆจนชิดกับผนังห้องอีกด้าน
“ฉ..ฉันขอโทษ ฉันจะบอกนาย.. จริงๆแล้ว.. ฉันไม่ใช่มนุษย์แบบนาย อย่ากลัวเลยนะจุนโฮ ได้โปรด..”
ร่างสูงหายใจถี่ เพื่อระบายความร้อนออกจากร่าง ซึ่งมันไม่มีท่าทีที่จะลดลง ฝ่ามือเริ่มมีขนสีขาวขึ้นรวมถึงส่วนอื่นๆของร่างกาย ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่าง เสียงทุ้มร้องลั่นด้วยความจับปวดลั่นห้อง ในที่สุดร่างของชายหนุ่มก็กลับกลายเป็นหมาป่าตัวสีขาวสะอาด ระยะห่างระหว่างเขากับจุนโฮที่ตอนแรกยาวเกือบ5เมตรกลับลดเหลือไม่ถึง2เมตรเพราะความยาวของลำตัวที่เพิ่มมากขึ้น ดวงตาสีเหลืองนวลจดจ้องไปที่ร่างเล็กอย่างไม่ลดละ ขาหน้าก้าวเข้าหาคนตัวเล็กไม่ถึงก้าวกลับทำให้กงเล็บแหลมของหมาป่าห่างจากฝ่าเท้าเล็กของจุนโฮไม่ถึงคืบ ร่างเล็กที่สั่นด้วยความกลัวไม่กล้าขยับตัวเมื่อร่างของหมาป่าตัวที่ใหญ่เคลื่อนเข้ามาใกล้ เป็นหมาป่าที่ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น ดวงตาเรียวปิดสนิทด้วยความหวาดกลัวเมื่อหน้าเรียวยาวของหมาป่ายื่นมาใกล้ ปลายจมูกนั่นพ่นลมหายใจร้อนออกมาทำให้ร่างบางอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมอง
ดวงตาสีเหลืองนวลจ้องมองมาที่ตาเรียวอย่างไม่กระพริบ ทันที่ที่ร่างบางมองกลับมาที่เขา นัยน์ตาสีเหลืองนวลกลับกลายไปเป็นสีน้ำตาลอ่อนประกายแวววาว เป็นแววตาที่ร่างบางคุ้นเคย
“คุณชานซอง..”
To Be Continued
………………………………………………………………………………………………….
cinnamon
ความคิดเห็น