คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เรื่องเก่าๆ
ชื่อตอน:
ตอนที่:
คู่:
สปอย:
ชื่อเรื่อง:Many wedding mood
ชื่อตอน:Many wedding mood[1]
ตอนที่:1
คู่:เดรโก มัลฟอย x แฮร์รี่ พ็อตเตอร์
สปอย:ถ้าเกิดซีเรียสตายไปก่อนหน้านั้นล่ะ สองปีก่อนสงคราม พินัยกรรมตระกูลพอตเตอร์ได้ถูกเปิดออก และเนื้อหาในนั้นทำเอาเขาแทบลมจับ
"แต่เพื่อได้มาซึ่งพลัง เขาก็ต้องยอมจริงๆใช่ไหมเนี่ย พ่อ แม่ ซีเรียส พวกคุณใจร้ายที่สุดเลย"กล่าวโดย แฮร์รี่ พอตเตอร์
"อะไรนะแม่ อะไรนะพ่อ อย่าโกหก มันไม่ขำเลยนะ แต่ถ้ามันเป็นจริงล่ะก็ ผมรักพ่อกับแม่ที่สุดเลยจะบอกให้"กล่าวโดย เดรโก มัลฟอย
เขาก็อยากมีบ้างนะ พ่อแม่ แต่ก็ไม่เหลือเลย แม้แต่ ซีเรียส
ดวงตาสีเขียวมรกตมองครอบครัวผ่านไปคนแล้วคนเล่า ก่อนสายตาจะทอดยาวไปไกล
"เป็นอะไรไป พอตตี้ ทำหน้าเป็นหมาเหงาเชียว"น้ำเสียงเหยียดหยาม ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครเกิน
"ขอล่ะมัลฟอย วันนี้ชั้นขออยู่เงียบๆ นายไปอยู่กับพ่อแม่นายเถอะ"น้ำเสียงเหนื่อยอ่อนพูดออกมาราวกับว่าโลกทั้งใบคือความรับผิดชอบของเขา
"พ่อแม่ชั้นไปคุยกับครอบครัวพากินสันอยู่น่ะ เป็นเรื่องธุรกิจ ชั้นเบื่อ เลยแยกตัวมา"เดรโกนั่งลงข้างๆแฮร์รี่
"แล้วนายมาบอกชั้นทำไม"น้ำเสียงยังไม่เปลี่ยนไป ใบหน้านั้นดูเศร้าๆหมองๆ
"เอาเป็นว่าเราสงบศึกกันชั่วคราวไหมล่ะ เวลาแหย่นายแล้วนายไม่ตอบสนองมันเสียความรู้สึก"เดรโกพูด
"ฮึๆ เอางั้นก็ได้"ร่างบางหัวเราะน้อยๆแล้วแท็คมือสงบศึกชั่วคราวกัน
"เป็นอะไรล่ะนาย หรือว่าคิดถึง แบล็ค"เดรโกถามแล้วสังเกตุสีหน้าที่ไม่ได้ดีขึ้นของแฮร์รี่ก็รู้สึกหงุดหงิดใจแปลกๆ
"อือ ก็นิดหน่อย"แฮร์รี่ตอบเหมือนไม่อยากตอบ เดรโกเลยเปลี่ยนเรื่อง
"นายว่าเกมควิดดิชปีนี้ใครมาแรง"เขาลองเอ่ยถามสิ่งที่เจ้าคนตรงหน้าอาจจะสนใจ
"หือ คงจะเป็นไอร์แลนล่ะมั้ง"ร่างบางมีสีหน้าดีขึ้นนิดหน่อย
"นายเชียร์ใครล่ะ"เดรโกยังถามต่อ
"ก็ไอร์แลนด์นั่นแหล่ะ แล้วนายล่ะ"แฮร์รี่หันมาถามบ้าง
"ไอร์แลนด์เหมือนกัน"ตอนนี้หน้าตาแฮร์รี่ดีขึ้นมาตามลำดับ ทั้งคู่คุยกันเรื่องควิดดิชอย่างถูกคอเพราะชอบทีมเดียวกันแถมยังมีความคิดคล้ายๆกันอีก
"ชั้นชอบแมทช์ที่ไอร์แลนด์พลิกสถานการณ์ตอนแข่งกับไอซ์แลนด์มากเลย ที่ เมทิฟ ดอร์เลน บีตเตอร์ของไอร์แลนด์ ตีลูกบลัดเจอร์ไปโดน ซีกเกอร์ของไอซ์แลนที่ชื่ออะไรน๊า..."ร่างบางทำท่านึก
"ลอนเน่ เมดิน่า ผู้ชายที่ตัวใหญ่ๆบึกๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นซีกเกอร์ได้ แต่ไวชะมัดเลยนะ ชั้นไม่ชอบตรงที่มันใช้ร่างกายที่ได้เปรียบกระแทกซีกเกอร์ของทีมอื่นแล้วคว้าลูกสนิชน่ะ"เดรโกพูดแล้วมองหน้าหวานที่ตอนนี้ยิ้มไปด้วยพูดไปด้วยแล้ว
"ใช่ๆ ชั้นถึงซะใจไง เห็นบอกว่า ไม่สามารถเล่นได้แล้ว สมน้ำหน้าชะมัดเลย แล้วเดี๋ยวควิดดิชเวิร์ลคัพของปีนี้นะ ชั้นจะเชียร์ไอร์แลนด์สุดใจเลย ชั้นชอบตรงที่พวกเขาจะใช้การประสานงานที่ดีเยี่ยมและพลิกสถานการณ์ได้ตลอด เดาไม่ถูกเลยล่ะว่าพวกเขาจะเล่นกันไปแบบไหน และชั้นก็ชอบ คีปเปอร์ของทีมนั้นด้วยนะ เหนียวมากไม่เคยให้ใครทำคะแนนได้เลย แต่เสียดายมีข่าวฉาว จากวงการ อาจจะเป็นเรื่องโกหกก็ได้ พวกหนังสือซุบซิบดารา คนดังเดี๋ยวนี้มีแต่เอามาใส่สีเติมไข่จนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมอยู่แล้ว และก็ได้ข่าวว่ารัสเซียซื้อคนของอเมริกาเข้าร่วมทีมและเก่งมาก มีบีตเตอร์สองคน คีปเปอร์อีกคนหนึ่ง บางทีนะรอบสุดท้ายอาจจะเป็นไอร์แลนกับรัสเซียก็ได้"ร่างบางจ้อไปไม่หยุดเดรโกเลิกแย่งร่างบางพูดแล้วเป็นผู้ฟังที่ดี มองใบหน้าหวานพูดเรื่องราวต่างๆที่ตนชอบไปเรื่อยๆแล้วตัวเองก็ฟังแบบผ่านๆ ใครว่าเขาเชียร์ไอร์แลนด์ล่ะ เขาไม่สนใจควิดดิชเวิร์ลคัพอยู่แล้วแต่ถ้าเป็นโรงเรียนนี้ เขาสนก็แต่ทีมที่ร่างบางอยู่ด้วยทั้งนั้นแหล่ะ
อีกด้านหนึ่ง
"ลูเซียส ดูนั่นสิ"นาซิสซ่าเมื่อเห็นว่าลูกชายคนดีของเธอหายตัวไปก็จึงมองหาเห็นนั่งคุยกับพ็อตเตอร์ย่างสนิทสนมก็เรียกให้สามีดู
"หือ ไหนบอกเป็นศัตรูกันไง สนิทกันขนาดนี้ เรื่องที่เราจะบอกคงไม่มีปัญหาแล้วมั้งน่ะ"ลูเซียสโอบไหล่ภรรยาตัวเอง
"มันก็อยู่ที่ว่า เดรโกจะชอบแฮร์รี่เขารึเปล่า แต่ดูสายตาที่เขามองแฮร์รี่สิคุณ น่ารักเชียว"นาซิสซ่าว่าพลางหัวเราะน้อยๆ
"ชั้นอยากเห็นหน้าเจ้าเจมส์ชะมัดถ้ามันมาเห็นว่าเราต้องดองกันทั้งๆที่เป็นชายทั้งคู่"ลูเซียสว่า
"แค่ไม่เป็นชายทั้งคู่ พวกนั้นก็ค้านหัวชนฝาทะลุแล้ว แต่สุดท้ายก็หงอเพราะลิลี่ยืนยันนี่ค่ะ เข้าไปในห้องโถงกันเถอะค่ะ ดัมเบิ้ลดอร์เรียกแล้ว"นาซิสซ่าว่าแล้วจูงมือสามีเข้าไปในห้องโถง
"เอาล่ะ วันนี้หลายๆคนก็ได้คุยกันอย่าสนุกสนานกับครอบครัว และ คนรู้จักกันแล้ว ตอนนี้เราจะให้นักเรียนกลับไปที่หอพัก แล้วเดี๋ยวท่านผู้ปกครองขอให้อยู่คุยกับเราซักแปปหนึ่ง...อ้อ แล้วก็ แฮร์รี่ พอตเตอร์ มีคนอยากจะพบกับเธอแหน่ะ"พูดจบก็มีก็อปลินเดินออกมาหาแฮร์รี่
"สวัสดีครับ กริ๊ปฮุก"แฮร์รี่ทักทาย
"สวัสดี มิสเตอร์พอตเตอร์"แฮร์รี่ทักทายกลับทำเอาหลายคนตกใจเพราะก็อปลินไม่ค่อยจะมีมนุษย์สัมพันธ์เท่าไหร่แท้ๆ
"มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ"แฮร์รี่ถามอย่างสุภาพ
"เรื่องพินัยกรรมที่นางและนาย พอตเตอร์ฝากไว้ให้กับคุณมิสเตอร์พอตเตอร์ และยังของตระกูลแบล็คอีก และคุณก็ต้องตรวจสายเลือดด้วยเพื่อหาคะแนนสายเลือด ไม่ทราบว่า เราจะคุยกันตรงนี้หรือจะไปหาที่คุยกันที่อื่น"กริ๊ปฮุกถาม
"คุยกันตรงนี้ก็ได้ครับ ผมไม่ถือ"แฮร์รี่ว่าก่อนกริ๊ปฮุกจะยื่นกระดาษบางอย่างให้อ่านคร่าวๆ ทำเอาแฮร์รี่ตาโตตะโกนดังลั่น
"นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!!!!!!!"ดวงตากลมโตดูตกใจ ท่าทางช็อกสุดๆเลยล่ะ
"มีอะไรรึเปล่าแฮร์รี่"เฮอร์ไมโอนี่หันมาถาม ในตาสีเจียวมรกตเสมองไปทางอื่นแล้วตอบปัดๆไป สายตาแทบทุกคนในห้องโถงมองมายังเขา
"เอ่อ กริ๊ปฮุก เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่าเนอะ"แฮร์รี่หัวเราะแหะๆพร้อมเก็บกระดาษที่ก็อบลินยื่นให้อย่างดีกลัวใครจะแอบเห็น สองสามีภรรยาตระกูลมัลฟอยแอบหัวเราะในลำคอทำเอาเดรโกมองอย่างสงสัย นักเรียนหลายคนที่อยากรู้จึงแอบตามออกไปเงียบๆ
ที่สนามหน้าโรงเรียน
"พินัยกรรมฉบับนั้นเราจะยังไม่พูดกัน เอาเป็นเรื่องทรัพย์สินก่อน"กริ๊ปฮุกบอกแอบเห็นใจที่แฮร์รี่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม
"อ่า ครับ"แฮร์รี่พยายามลืมเรื่องที่อ่านเจอแล้วสนใจเรื่องตรงหน้า
"อันนี้เป็นของตระกูลพอตเตอร์ ข้าพเจ้า เจมส์ พอตเตอร์ ขอมอบทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลพอตเตอร์ให้แก่ บุตรชายคนเดียวของข้าพเจ้า แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ ซึ่งก็มีอยู่คือ ตู้นิรภัย ลำดับที่ 213 ,532,542,654,324,079,856,486,867,0698,4870,667,777,454,665,715,343 และ 8896 ซึ่งมีทรัพสินมูลค่ารวมนับไม่ถ้วนกับบ้านที่ ก็อดดริกฮอลโลว์ และตามที่ต่างๆทั่วโลกเวทมนตร์และโลกมักเกิ้ล โดยกุญแจจะอยู่ที่ตู้นิรภัยที่ 486 ทุกหลัง และทุกดอกจะมีเขียนระบุสถานที่เอาไว้ และสร้อยคอ ที่ข้าพเจ้าได้ยืมมาจากธนาคารกริงก็อด ให้คืนแก่ธนาคาร และใช้สร้อยคอประจำตระกูลแทน พินัยกรรมฉบับนี้เป็นของจริง ลงชื่อ เจมส์ พอตเตอร์ พยาน รีมัส ลูปิน ฉายา จันทร์เจ้า"พูดจบแฮร์รี่อ้าปากค้างไปแล้ว รวมทั้งคนที่แอบฟังด้วย
"เราขอ สร้อยคืนด้วยแล้วให้คุณพอตเตอร์สวมสิ่งนี้แทน"กริ๊ปฮุกหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อเป็นสร้อยสีเงินมีจี้เป็นทรงกระบอกเล็กๆ แล้วยื่นให้แฮร์รี่ แฮร์รี่ถอดสร้อยที่คอออกคืนให้กริ๊ปฮุกแต่ที่น่าตกใจคือภาพร่างบางหลังจากถอดสร้อยออก ผมตรงยาวประบ่า ผิวขาวเนียนไร้รอยด่าง ดวงตากลมโต ไม่ว่าดูยังไงมันก็ไม่ใช่ผู้ชาย แต่เมื่อนำสร้อยที่ได้รับมาใส่ก็เป็นเหมือนเดิม
"อันนี้เป็นพินัยกรรมตระกูลแบล็ค ข้าพเจ้า ซีเรียส แบล็ค ขอมอบทรัพย์สินจำนวน สามในสี่ส่วนของข้าพเจ้าให้แก่ลูกทูนหัวของข้าพเจ้า แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ ซึ่งก็มี ตู้นิรภัยลำดับที่ 34,62,46,654,7645,45,43,908 บ้านที่กริมโมลเพล็ตหรือที่เป็นศูณย์บัญชาการของภาคี ซึ่งตอนนี้มีคนอาศัยอยู่และจะต้องย้ายออกทันทีหาก แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ ต้องการ และทรัพย์สินที่เหลือของข้าพเจ้าขอมอบให้นาง เบเลทริกซ์ เลอร์แตงส์ หากนางยังมีชีวิตอยู่หลังจากวันที่เปิดพินัยกรรม 3 ปี หากในกรณีที่นางเลอแตงส์เสียชีวิต ให้มอบให้ญาติที่เหลืออยู่ของข้าพเจ้า พินัยกรรมฉบับนี้เป็นของจริง ลงชื่อ ซีเรียส แบล็ค พยาน รีมัส ลูปิน"แฮร์รี่กลืนน้ำลายในสมองคิด ทำไมต้องให้เบเลทริกซ์แต่อะไรที่ซีเรียสทำมันต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว
"ส่วน นี่เป็น จดหมายถึงคุณ"กริ๊ปฮุกหยิบปึกกระดาษออกมาแฮร์รี่ เปิดอ่านที่ล่ะอัน
ถึง แฮร์รี่ลูกรัก
แฮร์รี่ ตอนที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้แม่คงไม่มีร่างเป็นของตัวเองแล้ว หลังจากลูกอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ซึ่งตอนนั้นคงจะกำจัดโวเดอร์มอลไปแล้ว พลังของลูกจะลดลงอย่างฮวบฮาบซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต แม่จึงได้คุยกับคุณนายมัลฟอยว่า หลังจากทุกอย่างกลับสู่สภาพปกติแล้ว 1 อาทิตย์ ให้ลูกจัดงานแต่งงานแบบพ่อมดแม่มดกับลูกคนโตของตระกูลมัลฟอย และอีกหนึ่งงานเล็กๆแบบมักเกิ้ลที่บ้านโพรงกระต่ายของตระกูลวิสลีย์(แม่คุณกับนางวิสลีย์ไว้แล้ว) และหมั้นหมายกันหลังจากเปิดพินัยกรรมฉบับนี้ได้ หกเดือน หากไม่ปฎิบัติตาม จะหมดสิทธิ์ในกองมรดกไม่ว่าจะเป็นของตระกูลพอตเตอร์หรือตระกูลแบล็คอย่างสิ้นเชิง หวังว่ลูกของเข้าใจแม่นะแฮร์รี่ลูกรัก แม่ทำเพื่อลูกนะจ๊ะ
ลิลี่ พอตเตอร์
ถึง แฮร์รี่ลูกรัก
ไงแฮร์รี่ พ่อขอโทษที่ไม่สามารถขัดค้านแม่เขาได้ แต่พ่อ เท้าปุยและจันทร์เจ้า พยายามเต็มที่แล้ว แต่อย่างว่า สองสาวช่างน่ากลัวเหลือเกิน และหากลูกข้องใจอะไรก็สามารถคุยกับพ่อแม่หรือเท้าปุยได้ ในห้องนิรภัยอันปัจจุบันที่ลูกใช้อยู่ทุกวัน มีรูปของเราสามคนที่ฝังวิญญาณลงไปอยู่และเป็นรูปเล็กสามารถพกพาได้ ถึงกระนั้น พ่อและแม่รวมถึงซีเรียสก็สามารถออกมาจากรูปได้อยู่ดี ว่าแต่ลูกได้อยู่บ้านอะไรนะ ต้องเป็นกริฟฟินดอร์แหงแซะ พ่อฟันธง และก็ต้องป่วนให้มากๆอย่าให้เสียชื่อ เจมส์ พอตเตอร์ล่ะ(ตรงนี้ลิลี่เขียนว่า อย่าไปฟังมาก พ่อของลูกบางครั้งเขาก็ตั้งใจเรียนจนน่าขนลุกเลยล่ะขอบอก แต่โดนขีดฆ่า) พ่อได้เป็นซีกเกอร์ประจำบ้าน อยากรู้จังว่าลูกรักได้เข้าควิดดิชรึเปล่า แต่พ่อหวังว่าจะได้เข้านะ เพราะเป็นลูกชายพ่อนี่ พ่อเขียนแค่นี้พอแล้วไม่มากมาย เดี๋ยวหมึกหมด ซีเรียสก็บ่นกระปอดกระแปดแล้วด้วย ขอให้ลูรู้ว่าพ่อรักลูกนะแฮร์รี่
เจมส์ พอตเตอร์
ถึง แฮร์รี่
ไงไอ้ลูกทูนหัวของชั้น สุดแสบสุดซนเลยสิ ตอนที่นายได้อ่านจดหมายฉบับนี้ชั้นคงจะตายไปแล้ว แล้วก็ขอโทษจริงๆ ชั้นพยายามที่สุดแล้ว แต่ก็อย่างที่เจมส์บอก ลิลี่กับนาซิสซ่า พวกเธอเป็นสองสาวที่น่ากลัวสุดๆ ทำเอา พวกเราสยองไม่กล้าขัดคำเธอไปเป็นปีๆ ส่วนพินัยกรรม ชั้นเดาว่าเธอต้องสงสัย แต่ก็จงสงสัยต่อไปเพราะชั้นไม่คิดจะบอก ลูกผู้ชายจะต้องหาคำตอบทุกอย่างได้ด้วยตนเอง(ถึงเธอจะหน้าเหมือนผู้หญิงก็เถอะ) และบางที พ่อและแม่ของนายอาจจะไม่ได้เขียนบอก แต่นายมีน้องสาวหนึ่งคน พี่ชายหนึ่งคนนะแฮร์รี่ พวกเขามีพลังลึกลับที่ไม่ใช่พ่อมดแม่มดและมีคนมารับพวกเขาไปตั้งแต่เด็กเพราะฉะนั้น บางที หากเธอมีชีวิตอยู่ต่อเธอก็จะได้เจอพวกเขาอีกนะแฮร์รี่ จำไว้ จงมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อคนอื่น ไม่มีใครกำหนดชีวิตเราได้ แต่ลมหายใจของเรา แม้ขาดไปเป็นห้วงสั้นๆ อาจจะทำให้หัวใจหลายดวงสลายไปเลยก็มี อ้อ แล้วก็นะแฮร์รี่ เดี๋ยวเธอตรวจเลือดแล้วจะเจอสิ่งสุดยอดที่สุด ยิ่งกว่าใดๆทั้งสิ้น เธอเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดที่มีคนเคยพบเจอ เป็นสิ่งวิเศษที่หายาก บอกไปแล้วนะว่า ลมหายใจของคนที่รักเธอขึ้นอยู่กับเธอ รักเขาให้มากๆและอย่าปฎิเสธใจตัวเอง เปิดใจให้กว้างแล้วมองให้ทั่ว อย่ามองให้ไกล เพราะบางที คนใกล้ๆ เขาอาจจะรักเรามากกว่าก็ได้
ซีเรียส แบล็ค
'พี่น้อง เขามีพี่น้องด้วยหรอ รู้สึกดีใจแหะ'แฮร์รี่ยิ้มออกมาเมื่ออ่านจบ
"เอาล่ะ มิสเตอร์พอตเตอร์เธอต้องได้รับการตรวจสายเลือด หยดเลือดลงบนกระดาษนี้ด้วย"กริ๊ปฮุกหยิบเศษกระดาษแลดูเก่าๆยุ่ยๆราวกับว่าจับแรงอีกนิดมันก็จะสลายกลายเป็นผงไปเลยทีเดียว แฮร์รี่หยดเลือดลงบนกระดาษก่อนมันจะขึ้นอักษรมาแล้ว กริ๊ปฮุกก็อ่านให้ฟัง
"พริ้น พอตเตอร์ เอฟเว่น แบล็ค เรเวนคลอ ฮัพเฟิลพัฟ กริฟฟินดอร์ สลิธีริน รอม แองเจล่า เมอร์ลิน"กริ๊ปฮุกตั้งใจอ่านดังๆให้พวกที่แอบฟังได้ยิน แฮร์รี่ตาโตแล้วขออ่านเอง
พริ้น พอตเตอร์ เอฟเว่น แบล็ค เรเวนคลอ ฮัพเฟิลพัฟ กริฟฟินดอร์ สลิธีริน รอม แองเจล่า เมอร์ลิน
อ่านวนสามสี่รอบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พระเจ้า ดูสิ เขามีสายเลือดของผู้ก่อตั้งฮอกวอตส์ครบทุกคน ไม่พอ มีของเมอร์ลินอีก แล้วพริ้นส์ รอม และแองเจล่ามันคืออะไร ไม่ไหวสมองรับข้อมูลไม่ทัน
"เราขอถือวิสาสะ นำรูปของครอบครัวพอตเตอร์และแบล็คมาให้มิสเตอร์พอตเตอร์แล้ว จากนี้ก็ไม่มีอะไรแล้ว หากต้องการสอบถามอะไรเชิญได้ที่ธนาคารกริงกอตร์"กริ๊ปฮุกเอารูปยื่นให้แฮร์รี่ก่อนจะเดินหายเข้าไปในตัวอาคาร แฮร์รี่เดินเข้าไปในห้องโถงด้วยอาการเครียดสุดๆ ส่วนดัมเบิ้ลดอร์เมื่อเห็นแฮร์รี่เข้ามาแล้วก็ให้นักเรียนแยกย้ายกันเข้าหอ
ในหอกริฟฟินดอร์
"โฮ เฮอรไมโอนี่ รอน พ่อกับแม่เขาใจร้ายกับชั้นสุดๆเลยอ่ะ"แฮร์รี่โผกอดเพื่อนทั้งสองด้วยสีหน้าราวกับโลกจะแตก
"อะไรแฮร์รี่ เกิดอะไรขึ้น"เฮอร์ไมโอนี่ลากแฮร์รี่มานั่งโซฟา
"เฮิร์ม ชั้นต้องแต่งงาน"แฮร์รี่เบ้ปาก
"เอ่อ อืม มันก็โอเคนี่ มีปัญหาตรงไหนหรอ"เฮิร์มถาม
"ก็ตรงที่ชั้นต้องแต่งกับมัลฟอยน่ะสิ โฮ"แฮร์รี่ตะโกนเสียงดังแล้วซบไหล่เฮิร์มร้องให้ ส่วนทุกคนที่ได้ยินค้างไปแล้วบางคนถึงกับสลบ
"ชั้นต้องคุยให้รู้เรื่อง"แฮร์รี่หยิบรูปออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมไม่นานวิญญาณสามตนก็ออกมา
"ไงแฮร์รี่ลูกรัก ลูกสบายด...ดี....ใช่ไหม"เจมส์พูดอย่างร่าเริงก่อนจะเห็นหน้าบูดบึ้งของแฮร์รี่ก็เงียบทันทีแล้วไปหลบหลังลิลี่
"อุ้ย แหะๆ แฮร์รี่ ไปโกรธใครมาจ๊ะ หน้านิ่วเชียว เดี๋วไม่สวย เอ้ย หล่อนะ"ลิลี่ก็พยายามพูดให้ร่างบางเลิกขมวดคิ้ว
"เป็นชั้นๆก็โกรธโดนจับคลุมถุงชนกับคู่อริตัวเองไม่พอ ยังเป็นชายทั้งคู่ด้วย เป็นชั้นนะแฮร์รี่ ชั้นจะสาปแปลงเพศมันเป็นผู้หญิงไปเลย"ซีเรียสว่า แต่หน้าของแฮร์รี่ไม่ได้เปลี่ยนไปซักนิด
"อะแฮ่มๆ พ่อว่า เราไปคุยกับครอบครัวมัลฟอยดีกว่าเนอะ"แล้วเจมส์ก็ลากลิลี่กับซีเรียสทะลุกำแพงไปอย่างรวดเร็ว
"อ่ะ ชิ ทีอย่างนี้เร็วเชียว ให้ตายเถอะ"แฮร์รี่เดินปึงปังขึ้นห้องไป
อีกด้านหนึ่ง
"เดรโกลูกต้องแต่งงานนะ"นาซิสซ่าบอกเดรโกที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หอสลิธีริน
ปึก
หนังสือเล่มหนาถูกปิดลง จับคลุมถุงชน คงไม่แคล้ว แพนซี่ พาร์กินสันแหง เพราะแม่เขาซี้กัคุณนายพาร์กินสันจะตาย เพราะฉะนั้น
"ไม่ครับ"ไม่มีการลังเลตอบไปอย่างหนักแน่น
"ถ้าคนนั้นเป็นแฮร์รี่พอตเตอร์ล่ะ"
"ยังไงก็ไม....ห๊ะ แม่พูดอีกรอบสิครับ ผมได้ยินไม่ชัด"เดรโกหันมาถาม
"ถ้าเป็น แฮร์รี่ พอตเตอร์ลูกคงไม่มีปัญหาใช่ไหม"ลูเซียสตอบ
"อ..อ..อ...อย่าล้อเล่นนะครับพ่อ แม่ ผมกับแฮร์รี่เราทั้งคู่เป็นผู้ชาย ถ้าจัดงานแต่งงานหลายคนอาจจะมองอย่างรังเกียจ เรื่องลูกนี่ก็อย่าหวัง แต่ถ้าเป้นลูกบุญธรรมล่ะไม่แน่ อ่ะ บางทีน่าจะมีคาถาทำให้ท้องได้ซักบล่ะน๊า จะได้เป็นทายาทสืบทอดตระกูลมัลฟอย"มัลฟอยพูดอย่างไม่เชื่อในตอนแรก ไหงตอนหลังๆคิดไปไกลเชียว
"อะแฮ่มๆ ถ้าคาถาทำให้ท้องน่ะมีแน่ แต่ลูกปฎิเสธเราก็คงทำอะไรไม่ได้ล่ะเนอะ นาซิสซ่า"ลูเซียสเริ่มแกล้งมัลฟอย
"นั่นสิคะ แต่ถ้าเพื่อแฮร์รี่แล้ว เราคงต้องหาครอบครัวอื่นให้แฮร์รี่แต่งตามที่เราคุยกับลิลี่เอาไว้"นาซิสซ่าทำหน้าผิดหวัง
"อ่ะ อย่านะครับ น..ในเมื่อพ่อแม่พดถึงขนาดนั้นผมจะแต่งก็ได้"เดรโกสะบัดหน้าอย่างเชิดๆแล้วพูด แต่หูนี่แดงแป็ดแล้ว สองสามีภรรยาแอบแท็คมือกันเงียบๆ
"หลังจากนี้หกเดือน เราจะหมั้น หลังจากนั้นอีกประมาณสองปีเราจะแต่ง ครึ่งเช้าเป็นแบบพ่อมดแม่มด ครึ่งบ่ายเป้นแบบมักเกิ้ล ตอนกลางคืนเป็นงานเลี้ยง"ลูเซียสบอกก่อนจะได้ยินเสียง
"ฮัลโหล ไออยู่นี่ ยูอยู่ไหน บายดีไหมยะฮู้ว"เสียงกวนประสาทของเจมส์ดังมาแต่ไกล
"เฮ้ๆ ได้ข่าวว่าเรื่องที่เราคุยกัน ดันเป็นชายทั้งคู่ ดังนั้นลูกชั้น 'รุก'นะ"เจมส์บอก
"ได้ยังไงลูกชั้นต่างหากที่จุก รุกน่ะ"ลูเซียสเถียง
"หือ ไอ้เด็กที่ซีดเหมือนพ่อนี่นะจะ รุก ไม่มีทางทำเป็นรึเปล่าเถอะ"เจมส์เถียงกลับ
"ตามหลักแล้วมันต้องเป็นอย่างนั้น ลูกนายเตี้ยกว่าลูกชั้นนะ"
"ความสูงไม่มีผลในแนวราบ หรือลูกนายชอบท่ายืน เป็นชั้นเมื่อยตายเลย"ตอนนี้เริ่มเข้าสู่โหมดใต้สะดือ
"แกเป็นผีแล้วอย่าพูดมาก บางทีลูกชั้นอาจจะลีลาเด็ดกว่าลูกนายก็ได้ เด็ดกว่านายอีกล่ะมั้ง"ลูเซียสปัดเอาคำว่าศักศรีทิ้งลงชักโครกแล้วเถียงกันไปมา
'สรุปว่ามันจะมาคุยเรื่องแต่งงานหรือจะมาอวดท่าบนเตียงกันฟระเนี่ย อนิเมจัส กลุ้ม' ซีเรียสคิดแล้วถอนหายใจ
"นี่แฮร์รี่ นายกำลังหาอะไรถึงได้มาที่ห้องสมุดแต่เช้าตรู่แบบนี้เล่า"รอนถามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ที่เขาตามมาเพราะเฮอร์ไมโอนี่ลากมา เฮอร์ไมโอนี่ลากมาเพราะเป็นห่วงแฮร์รี่
"ก็ที่ตรวจสายเลือดน่ะสิ ชั้นมีเรื่องสงสัย เกี่ยวกับ รอม แองเจลล่า และก็พริ้นส์น่ะ อยากรู้ว่ามันคืออะไร"แฮร์รี่บอกแล้วเริ่มเดินหาตามชั้นหนังสือ เฮอร์ไมโอนี่กับรอนก็ช่วยกันหา
ปึก
หนังสือนับสิบเล่มวางอยู่บนโต๊ะไม้ ทั้งสามคนนั่งลงก่อนจะเริ่มเปิดหา
"นี่แฮ์รี่ ตำนาน เกี่ยวกับ แองเจลล่า"เฮอร์ไมโอนี่บอกแล้วเริ่มอ่านให้ฟัง
"ว่ากันว่าแองเจลล่าเป็นเผ่าพันธุ์วิเศษที่ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุด แองเจลล่าไม่ว่าจะเพศะไรจะมีหน้าตาสะสวยเหมือนสาวแรกรุ่นเสมอ และแองเจลล่ามีสองชีวิต เมื่อตายไปครั้งหนึ่งแล้ว จะสามารถ คืนชีพได้จากจุมพิศราชา ปัจจุบันนับว่าหายากยิ่ง อาจจะเป็นพวกมักเกิ้ล หรือพ่อมดแม่มดก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงว่า แองเจลล่าเป็นสัตว์ไม่ใช่มนุษย์และมีความดุร้าย อย่างน่ากลัว เป็นอันตรายอย่างยิ่ง หากพบเจอ ควรฆ่าทิ้งซะ"เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าแฮรี่ เจ้าตัวดูอึ้งเล็กน้อยแต่ไม่มากเท่าไหร่
"ชั้นมีสายเลือดของแองเจลล่าด้วยนะ เฮิร์ม ใครรู้เข้า ชั้นคงต้องหนีหัวซุกหัวซุนยิ่งกว่าหนีโวเดอร์มอลอีกมั้ง"แฮรี่ก้มหัวลงโขกกับโต๊ะแล้วทำหน้าเสีย
"น่าๆ รู้สึกรอนจะเจอ พริ้นส์แล้วนะ"เฮอร์ไมโอนี่ยื่นให้แฮร์รี่ แฮรี่รับมาอ่านออกเสียงให้ทั้งสองได้ยิน
"พริ้นส์ เป็นตำนานที่เก่าแก่ที่สุดในหลายสหศวรรษ ก่อนที่เมืองพ่อมดแม่มดจะได้คึกครื้นเช่นทุกวันนี้ ว่ากันว่า พริ้นส์เป็นตระกูลผู้สร้างโลกโดยมีตำแหน่งเป็นเจ้าชายตามชื่อ อีกทั้งยังมี คิง ควีน แต่ไม่มีพริ้นส์เซส คนที่มีสายเลือดพริ้นส์สามารถได้ยินเสียงของทุกสรรพสิ่งได้ นับว่าหายากยิ่ง พริ้นส์จะมีดวงตาสีทองหนึ่งข้าง และอีกข้างก็สามารถเป็นสีอะไรก็ได้ จะมีร่างกายเล็กกว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน จะมีผิวพรรณผุดผ่องที่ไม่ว่าจะโดนหรือสัมผัสอะไรก็จะหายได้อย่างรวดเร็วเมื่อหายแล้วก็จะไม่มีเค้าโครงของบาดแผลเหลืออยู่เลย ไม่ว่าเพศอะไรก็สามารถมีทายาทสืบต่อได้ด้วยตนเอง หรืออีกนัยก็คือ สามารถตั้งท้องได้ทุกคน เอ่อ อันนี้ชั้นไม่ค่อยจะอยากมีเลยแหะ"แฮรรี่ทำหน้าตาแหยงสุดๆ รอนถึงกับกือบอ้วกเมื่อจินตนาการว่าแฮรี่ท้อง
"อันนี้ชั้นก็เจอ รอม"แฮรี่ยื่นให้เฮอร์ไมโอนี่อ่าน
"รอม คือสัตว์วิเศษของวิเศษ เป็นสัตว์ที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่ายูนิคอร์น ผู้ใดที่มีสายเลือดของสัตว์ชนิดนี้อยู่ในตัวแม้แต่เพียงซีซีเดียว ก็เท่ากับว่าคนๆนั้นเป็นรอมแล้ว และรอม จะแบ่งได้เป็นสองประเภท โรม กับ โรมี่ โรมจะเป็นฝ่ายรุกซึ่งเป็นชายหรือหญิงก็ได้ โรมี่จะเป็นฝ่ายรับจะชายหรือหญิงก็ได้เช่นกัน โรมและโรมี่จะมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนรอบข้าง เมื่อมีทายาท เราจะเรียกว่า เรมี่ หากเป็นเพศหญิง และ เรม หากเป็นเพศชาย เมื่ออายุครบ 8 ปีก็จะแสดงถึงพลังออกมาว่าจะเป็น โรม หรือ โรมี่ เมื่ออายุ 7 ปี เรมี่จะหยุดสูงที่ 170 ซ.ม ส่วนเรมจะหยุดสูงที่ 180 ซ.ม โรมี่จะตั้งครรภ์เพียง สองอาทิตย์ก่อนคลอดบุตร สภาพปกติทั่วไปเหมือนมนุษย์ แต่ร่างที่แท้จริงของโรม จะมีปีกสีฟ้า หรือน้ำเงินเข้มดั่งท้องฟ้ายามราตรีหากมีพลังเวทย์มากมีขนาดข้างหนึ่งเท่ากับส่วนสูงครึ่งหนึ่งของร่างกายตนเอง ส่วนโรมี่ จะมีปีกสีชมพูอ่อน จนถึงสีแดงเพลิงหากมีเวทย์มาก จะมีขนาดข้างหนึ่งเท่ากับส่วนสูงทั้งหมดของตัวเอง ดวงตามีขีดเล็กๆผ่ากลางนัยตา เล็บยาวและคม มีเขี้ยวยาว เหมือนเสือ เมื่อลงน้ำก็จะมีท่อนร่างเป็นปลา ท่อนบนเป็นมนุษย์ ซึ่งมีหลายคนเคยพบเห็นในโลกมักเกิ้ลแล้วเข้าใจผิดว่าเป็นนางเงือก เรมี่และเรม ตั้งแต่เกิดจนถึง 8 ปีจะมีปีกสีขาว นัยตาสีมุกมีขีดผ่ากลาง โรมจะมีนิสัยดุร้ายกว่า โรมี่ โรมี่ส่วนใหญ่จะอ่อนโยน แต่หากโกรธขึ้นมาแม้แต่ โรมก็ยังหวาดหวั่น โรมเป็นพวกี้หึงขี้ห่วงคนในครอบครัวมาก หากใครเข้ามายุ่มย่ามสามารถฆ่าได้โดยไม่ลังเล ถือว่าเป็นอันตราย พบเจอสามารถสังหารได้ทันทีหากถูกจู่โจม(กรณีที่เป็นเลือดแท้ เพราะไม่สามารถมีใครคุมได้)"เฮอร์ไมโอนี่พูด ทั้งสามคนแทบลมจับเมื่อ แต่ละอย่างที่รู้มามันไม่รู้จะดีซะกว่าอีก แฮรี่ยืมหนังสือไปอ่านด้วยเพื่อรายละเอียดที่เขาอาจจะจำเป็นต้องใช้ ส่วน เดรโก ที่ได้ยินทุกคำที่พวกนั้นพูดก็เดินยิ้มกริ่มกลับหอ จนบ้านสลิธีรินหนาวกนเข้ากระดูก วันนี้คุณชายมัลฟอย เจ้าชายน้ำแข็งหายไปไหน ไหงเหลือแต่ไอ้บ้าที่ยิ้มไม่หุบงี้ล่ะ ดูรอยยิ้มนั่นสิ สยองพิลึก
วันรุ่งขึ้น
ที่ห้องอาหาร
"เฮิร์มคาบแรกเรียนอะไร"รอนหันไปถามแฟนสาวของตัวเอง
"ปรุงยากับสลิธีริน ทั้งวันเราเจอกับสลิธีรินเกือบทุกคาบ ยกเว้นอักษรรูน"เฮิร์มบอกแฮรี่กับรอนทำหน้ามุ่ยแล้วพูดพร้อมกัน
"ไหงต้องเจอไอ้เฟอร์เร็ตซีดนี่ด้วยวะ"ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะที่พูดพร้อมกันในแบบเดียวกัน
"เฮ้ แฮรี่ ซอสเลอะแก้มแหนะ"เสียงเฟร็ดกับจอร์จที่มาขนาบซ้ายขวาพร้อม เลียซอสออกจากแก้มของร่างบาง
"เฮ้ เฟร็ด จอร์จ บอกชั้นก็ได้นี่น่าเดี๋ยวชั้นเอาออกเอง ไม่เห็นจะต้องเลียเลย มันสกปรกนะ พึ่งไปนอนกลิ้งที่ทะเลสาบมา"แฮรี่บอกแล้วเช็ดแก้ม
"ช่างเหอะๆ ขอให้โชคดี เราไปก่อนนะ พอดีคิดยาตัวใหม่ได้ขอหาหนูทดลองก่อน"เฟร็ดกับจอร์จเดินออกไป พอจะผ่านประตู ทั้งคู่หันมายกคิ้วให้เดรโกที่จ้องทั้งคู่เขม็งอย่างยียวน แล้วเดรโกก็หันไปมองแฮรี่ที่หันไปคุยกับเพื่อนๆอย่างสบายๆ ราวกับเมื่อกี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น 'ทำไมล่ะ เพราะทำบ่อยจนชิน หรือ เพราะซื่อจนไม่คิดอะไร ให้ตายสิ หัดรู้ได้ไหมว่าชั้นหึงน่ะแฮรรี่'เดรโกคิด
คาบวิชาปรุงยา
"วันนี้ให้พวกเธอจับคู่แล้วทำตัวยาตามบนกระดานให้เสร้จภายในชั่วโมงนี้ หากใครทำอะไรระเบิด หรือ ละลายอีกชั้นจะหักคะแนนบ้านนนั้นซะ"พูดจบทุกคนก็จับคู่ รอนคู่เฮิร์ม ลาเวนเดอร์คู่ปาราวตี เนวิลกับเชมัส แล้วแฮร์รี่ล่ะ
"เฮ้ แฮร์รี่เราคู่กันเนอะมันไม่เหลือใครแล้ว"ดีนพูดแล้วเดินไปหาแฮร์รี่
"อื้อ ได้สิ ชั้นก็ยังไม่มี...เหวอ"ยังพูดไม่ทันจบ ตัวร่างบางก็ปลิวไปตามแรงดึงของใครบางคน
"ทำอะไรน่ะมัลฟอย"ดีนถามอย่างเคือง อุตส่าห์จะได้อยู่ใกล้ๆแฮรี่แล้วเชียวดันมีมารมาขวางซะได้
"แฮรี่ต้องคู่กับชั้น"เดรโกพูดอย่างวางอำนาจ
"ทำไมชั้นต้องคู่กับนาย มัลฟอย แล้วใครอณุญาติให้เรียกชื่อชั้นไม่ทราบ"แฮรี่หันมามองอย่างเคือง
"ก็เราเป็นคู่หมั้นกันนี่ จะเรียกชื่อกันไม่เห็นแปลก เป็นการแลกเปลี่ยนนายจะเรียกชื่อชั้นก็ได้นะ แฮร์รี่"เดรโก จงใจพูดเสียงดังให้คนทั้งห้องได้ยินราวกับประกาศความเป็นเจ้าของ
"มันเป็นการคุยกันของแม่นายกับแม่ชั้น ไม่เกี่ยวกัน ชั้นไม่คิดว่าชั้นจะหันไปมีใจให้ไอ้ซีดอย่างนาย มัลฟอย"แฮรี่พูดกระแทกใจดำเดรโกไปหลายจุดทีเดียว
"ไม่นายพูดผิด เป็นการคุยกันระหว่าง พ่อ แม่ชั้น กับแม่นายต่างหาก แถมเมื่อวาน พ่อนายก็มาคุยกับพ่อชั้น เถียงกันเรื่องท่าบนเตียง แล้วสรุปชั้นก็เป็นฝ่ายรุกซะด้วย เพราะพ่อนายเถียงแพ้"เดรโกพูดอยากให้ร่างบางเขินอายแต่กลับไม่
"พ่อนะพ่อ เคยเถียงใครชนะบ้างไหมเนี่ย(พึมพำ) ก็ช่างสิ ถึงหมั้นไปแต่งไป ชั้นไม่คิดที่จะมีอะไรกับนายอยู่แล้วใครจะคิดยังไงก็ช่างชั้นไม่แคร์ เพราะชั้นมีคนที่ชอบอยู่แล้วด้วย ไม่สิ ชั้นกับเขาคบกันนานแล้วด้วย"จบคำนั้นทั้งห้องหันมามองแฮรี่เป็นตาเดียวไม่เว้นกระทั่ง สเนป
"ใคร แฮรี่"เสียงมัลฟอยแข็งกร้าว
"จะใครก็ช่างสิ ไม่เกี่ยวกับนายซะหน่อย"แฮรี่ทำลอยหน้าลอยตา
"แฮรี่"เดรโกตั้งท่าจะมีเรื่อง แต่สเนปพูดขัดไว้ก่อน
"เอาล่ะ ถ้าจับคู่ได้แล้วก็เริ่มทำงานได้" ทุกคนจึงหันไปทำงานโดยดีนคู่กับธีโอดอร์
สักพัก
"แต่เขาเขียนอยู่ชัดๆว่าให้หั่น"เสียงเดรโกเถียงอยู่กับแฮรี่
"แต่บี้มันให้น้ำเยอะกว่านี่ไม่เห็นต้องไปสนตำรามากก็ได้นี่น่า"พูดจบแฮรี่ก็ทำตมที่พูดแล้วมันก็ได้น้ำเยอะกว่าจริง การเถียงครั้งที่ 2 ของวัน แฮรี่เป็นฝ่ายชนะ
"อ๊ะ"เหมือนเดรโกจะจับจังหวะผิดหรือเหม่อมองแฮรี่ก็ไม่รู้ ดันไปหั่นนิ้วตัวเองเข้า
"ไม่ยักรู้ว่าคุณชายนี่ซุ่มซ่ามชะมัด"แฮรี่เหน็บไปหนึ่งดอกก่อนจะจับมือของเดรดกขึ้นมาดู แล้วเลียเลือดจากบริเวณโคนนิ้วไปจนถึงปากแผลแล้วดูดเบาๆ
"ทำอะไรของนาย"เดรโกหน้าแดงแป็ดชักมือกลับ ส่วนคนอื่นมองแฮรี่อึ้งๆ ผู้ชายหลายคนหน้าแดง หน้ามืดไปแล้ว
"ก็ ห้ามเลือดไง อ้อ ลืมไป คุณชายเลือดบริสุทธิ์ เกลียดวิถีมักเกิ้ล"แฮรี่เหน็บอีกรอบก่อนจะยื่นขวดยาขวดเล็กๆให้
"อะไร?"เดรโกถาม
"ยาสมานแผลไง ชั้นขอห้องพยาบาลมา ความจริงมีเป็นลิตร เพราะพอไปขอคุณพรอมพรี่ก็ตรวจจำนวนครั้งที่ชั้นเข้าห้องพยาบาลต่อสัปดาห์ก็ได้มาซะขวดใหญ่และบอกว่า เอาไปรักษาเองเพราะชั้นเองจะสบายขึ้นเยอะ หากคุณไม่เข้าห้องพยาบาลชั่วโมงล่ะครัง คุณพอตเตอร์"แฮรี่เลียนแบบศาสตราจารย์พรอมพรี่ซะเหมือนแดะทำเอา เดรโกหลุดขำก๊ากออกมา ก่อนทั้งคู่จะหันไปทำยาก่อน
อีกสักพักผ่านไป
"หืม งานออกมาได้ดีแบบไร้ที่ติจริงๆ คราวหลังชั้นจะให้พวกเธอสองคนคู่กันสเนปพูดทำเอาแฮรี่สะดุ้งหันขวับไปหาแต่ไม่ทัน สเนปเดินไปแล้ว
"ได้ยินไหม เราจะได้คู่กันทุกคาบแหน่ะแฮรี่"เสียงกระซิบข้างหู เล่นเอาขนลุก
"ออกไปนะมัลฟอย"แฮรี่พูดเสียงแข็ง
"ทำไมล่ะ ที่รัก เราเป็นคู่หมั้นกันนะ"เสียงพูดกวนประสาทพูดทำเอาเส้นเลือดบนหัวของแฮรี่แทบจะระเบิด ก่อนจะถอนหายใจ
"เฮ้อ บอกไปแล้วนี่ ว่าชั้นมีแฟนแล้ว"แฮรี่บอก
"ใครล่ะ"
"ไม่บอก"
"งั้นชั้นจะไปฆ่าทุกคนที่เข้าใกล้นาย"
"เฮ้ เดรโก ชั้นไม่มีวันให้นายได้ทำอะไรตระกูลวิสลีย์อีกแน่"แฮรี่หลุดปากพูดออกมา
"หือ ตระกูลวิสลีย์ ใครหรือไอ้หัวแดงนั่น"เดรโกชี้ไปที่รอน เลยโดนแฮรี่ตบหัวเข้าให้
"รอนเป็นแฟนเฮิร์ม จะมาคบกับชั้นได้ไงเล่าไอ้ซีด"
"แต่มันก็เป็นไปได้นี่"เดรโกพูดเลยโดนตบหัวไปอีกทีหนึ่ง
"บอกไว้ก่อน ถ้าชั้นเป็นแฟนกับรอนได้วันนั้นก็เป็นวันที่ดัมเบิ้ลดอร์กับโวเดอร์มอลมาฟิชาริ่ง สปาร์คกัน หรือไม่ พ่อชั้นกับพ่อนายก็จูบกันอย่างดูดดื่ม เมื่อไหร่นายจะดูออก ชั้นไม่ใช่เกย์"แฮร์รี่พูดยาวหลายคนหัวเราะก๊ากออกมากับการเปรียบเทียบของแฮรี่ แต่ถ้ามันเป็นจริงๆคงสยองพิลึก
"ทำไมนายไม่ค้านล่ะ เราก็ไม่ได้ชอบผู้ชายกันซะหน่อย"แฮรี่พูดอย่างสงสัยแล้วเซ็งจิต
"ใครบอก ชั้นชอบต่างหาก"จบเสียงนั้นทั้งห้องหันไปหาเดรโกเป็นจุดเดียวส่วนแฮรี่หันไปมองพร้อมด่า
"ไอ้เกย์"
"ชั้นปล่าวเกย์"เดรโกเถียง
"เกย์"แฮรี่ชี้ไปที่อกเดรโก
"ผู้ชาย"เดรโกตอบ
"ผู้ชายที่ชอบผู้ชายเขาเรียกว่า..."แฮรี่เว้นให้ตอบ
"...เกย์"เดรโกตอบ
"ก็รู้นี่"แฮรี่ทำหน้าประมาณว่า ก็ฉลาดนี่หว่า
"ทำไมนายทำหน้าเหมือนเห็นชั้นโง่ซะเต็มประดาอย่างนั้นเล่า"เดรโกถาม
"อ้าว ก็มันจริงนี่"เดรโกรู้สึกเหมือนโดนตบหัวไปป๊าปใหญ่ๆ
"แฮร์รี่!!!"
"ในสมองนายไม่รู้ว่ามันจทำด้วยอะไร แต่เห็นสิ่งที่มันออกมาเป็นสีซีดๆ คงจะเป็นขี้เลื่อยหรือไม่ก็ไม่มีอะไรเลย"แฮร์รี่ยังพูดต่อ
"แฮร์รี่!!!"
"ไม่งั้นก็คงจะเอาสมองไปคิดแต่เรื่องที่มันวิปริตไร้ซึ่งคุณธรรม"
"แฮร์รี่!!!"
"ไม่ต้องเรียกชื่อซ้ำก็ได้มัลฟอยชั้นยังไม่ได้ลืมชื่อตัวเองหรอกน่า หรือที่นายอยากให้ชั้นเรียกชื่อนายเพราะนายกลัวลืมชื่อตัวเอ...อุ๊บ"แฮรี่หันก็โดนเดรโกประกบปากจูบทันที ดวงตาสีมรกต เบิกกว้างดันร่างข้างหน้าให้ออกห่าง
เพี๊ยะ
มือเรียวสวยลากผ่านใบหน้าคมอย่างแรงจนหัน ดวงตาทั้งสองข้างยังคงเบิกกว้าง สิ่งที่เรียกสติเดรดกได้ดีคือน้ำใสๆที่คลอหน่วยแล้วไหลลงมาตามแก้มนวล
'นี่รังเกียจ เขามากขนาดนั้นเลยหรอ'
แฮรี่หันหลังวิ่งออกจากห้องไป
"ทำอะไรของนายมัลฟอย นั่นจูบแรกของแฮรี่นะ"เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนด่า ทำเอาเดรโกเงียบ
'นั่นจูบแรกของนายหรอ แฮรี่'
"ยืนบื้ออยู่ทำไม มิสเตอร์มัลฟอย รีบๆไปง้อเขาสิ"สเนปพูดทำให้หลายคนตกใจ
"ถ้าเธอจีบเขาติด ชั้นอาจจะได้เห็นหน้าเป็นหมาเหงาของเจมส์ พอตเตอร์ก็ได้ มันสะใจพิลึก"ได้ยินสเนปพูดอย่างนั้นเดรโกก็รีบวิ่งตามออกไป
'ขอโทษแล้วนายจะหายโกรธชั้นไหม ชั้นชอบนายนะแฮรี่ อยากจะพูด แต่ก็พูดไม่เคยออก จูบแรกเมื่อกี้ มันหวานมากๆอยากจะลองสำรวจให้ลึกกว่านี้ แต่นายคงจะโกรธชั้นเข้าไปอีกสินะ ชั้นหึงนายหวงนายราวกับว่าอยากฆ่าไอ้ตัวผู้ตัวเมียทุกตัวที่อยู่ข้างๆนาย ชั้นถ้าจะเป็นเอามาก จูบแรกงั้นหรอ ชั้นอยากเป็นคนแรกของนาย ในหลายๆความหมายจัง'
"ฮึก ไอ้บ้ามัลฟอย บ้าๆๆๆๆที่สุด นั่นมันจูบแรกของชั้นนะ ไอ้ซีด ไอ้ฟอร์เร็ต ไอ้หยิ่ง ไอ้หลงตัวเอง ไอ้เกย์"แต่ละคำด่าจนเดรโกรู้สึกอยากจะไปจูบปิดปากซะเลย ร่างสุงกำลังจะเดินเข้าไปแต่ก็ได้ยินอะไรซะก่อน
"ฮึก ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น ฮึก ทั้งที่เป็นแบบนั้น...."เท้าทั้งสองข้างหยุดกึกราวกับมีคนมาสต๊าฟเอาไว้
"...."
"ทำไมชั้นถึงเกลียดนายไม่ลงนะ ไอ้บ้าเดรโก"
"....หึ"ร่างสุงเดินเข้าไปแล้วนั่งลงข้างๆ
"อ่ะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่"แฮรี่ถาม
"เมื่อกี้ ร้องไห้ซะแล้วหรอ พอตตี้ของชั้น"เดรโกพูดแหย่
"ชั้นเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ไปไกลๆเลย"แฮรี่ซุกหน้าลงกับเข่าอีกครั้ง
"ขอโทษ"เสียงทุ้มต่ำพูดเบาๆแต่ดังพอที่คนข้างๆจะได้ยิน
"ห๊ะ...."
"บอกว่าขอโทษ"
"เรื่องอะไร"ดวงตาสีมรกตมองออกไปยังพื้นน้ำกว้าง
"เรื่อง จูบ ชั้นไม่รู้ว่ามันเป็นจูบแรกของนาย แล้วก็เรื่องทุกๆอย่าง ที่ทำให้นายโกรธ ชั้นขอโทษ"แฮรี่นิ่งไป
"อ๊ะ ดีกันนะ"มัลฟอยหันหน้าไปทางเดียวกับแฮรี่แล้วยกนิ้วก้อยข้างซ้ายไว้ระหว่างตัวเองกับแฮรี่
"หืม"แฮรี่หันมามองก่อนจะมองหน้า ใบหน้าคมเข้มสีซีด ออกสีระเรื่อแล้วหันหน้าหนี
"อืม"แฮรี่ยกนิ้วก้อยขึ้นไปคล้องเอาไว้ ในใจรู้สึกอิ่มเอมแปลกๆ ไม่สิ ไม่ใช่แค่ตอนนี้ จูบนั้นก็ไม่แม้แต่จะรังเกียจ แต่ตกใจ พอรู้ว่าเขามาตามง้อก็รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อหลายร้อยตัวบินอยู่ในช่องอก เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว จึงหลบหน้าเข้าไปอยู่ในเข่า กลัว กลัวว่าเขาจะเห็นใบหน้าที่แดงจัดอย่างนี้ นี่เรา เป็นอะไรไป
ทั้งสองนั่งมองทะเลสาปจนค่ำ
"ให้ชั้น ได้จีบนายได้ไหม"จู่ๆมัลฟอยก็พูดขึ้น ทำเอาแฮรี่หันขวับ
'ที่ผ่านมานั้นยังไม่จีบรึ'
"ยังไงดีล่ะ"แฮรี่หันไปมองดาวแล้วเอนตัวลงนอน
"จะให้ชั้นทำอะไรก็ได้ ขอให้ชั้นได้มีโอกาสแก้ตัวกับเรื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมาก็พอ"เดรโกนอนลงข้างๆ แฮรี่ยันตัวขึ้นนอนตะแคงหันไปหาเดรโก
"อืม งั้นก็เลิกเรียกเพื่อนชั้นเสียๆหาย"แฮรี่พูด
"ครับ"เดรโกตะเบะท่าเลียนแบบทหาร
"เลิกนิสัยหยิ่ง และ เหยียดหยามคนอื่น"
"จะพยายามครับ"คำนี้ทำเอาแฮรี่หลุดหัวเราะ
"ไม่แน่ใจสินะว่าจะทำได้"แฮรี่ถาม
"นายก็น่าจะรู้เด็กสลิธีรินปากแข็งกันจะตายไป"เดรโกว่าแล้วยิ้ม ทำเอาร่างบางหน้าขึ้นสี
"ปากแข็งไม่พอ พูดออกมาแต่ละคำ น่าจับเย็บปากซะให้เข็ด"แฮรี่บอกทำเอาเดรโกหนาว
"หึ พวกเราไม่รู้จักวิธีถนอมใจคนนักหรอก แต่ชั้นจะถนอมใจนายไว้อย่างดีเลยล่ะ แฮรี่"เดรโกพูด แทบจะทำให้เห็ยควันออกจากหูของแฮรี่แล้ว
"ไอ้บ้า กลับหอได้แล้ว"แฮรี่กำลังจะลุกขึ้นแต่ก็หยุดเอาไว้ก่อนแล้วหันมาประกบจูบร่างสูง ทำเอาร่างสูงอึ้ง
"ถือว่าสัญญาแล้วนะ ถ้านายทำได้ตามที่บอก ชั้นจะให้นายมากกว่านี้ก็ได้"แฮรี่รีบลุกออกจากตรงนั้นเดินลิ่วๆกลับอาคารทิ้งให้เดรโกอมยิ้มอยู่คนเดียว
"จะรักษาอย่างดีเลย สัญญาน่ะ"รอยยิ้มอบอุ่นเผยขึ้นมาบนใบหน้าคมก่อนจะเดินกลับหอ
วันรุ่งขึ้น ที่ห้องโถง
"แฮรี่!!!!!!!!!!!!!!"เสียงเข้มมาก่อนแล้วเมื่อหันไปก็พบกับหัวทองๆซีดๆวิ่งมาแต่ไกล ไม่ทันจะได้พูดอะไรหนุ่มน้อยก็โดนลากไปนั่งโต๊ะกริฟฟินดอร์เรียบร้อย
"อะไรของนายมัลฟอย ไปนั่งโต๊ะสลิธีรินสิ"แฮรี่ออกปากไล่แบบไม่รู้ตัว
"ก็ชั้นจะนั่งข้างนาย แล้วก็เรียกชั้นว่าเดรโกด้วย"นิสัยดื้อดึงพร้อมหน้าตากวนส้นเท้าใครเกินมันไหม
"...."แฮรี่เงียบกริบ คิดถูกคิดผิดที่ยอมให้มันจีบเนี่ย
"ออกห่างจากแฮรี่เดี๋ยวนี้ไอ้ฟอร์เร็ต"รอนพูดว่า
"ทำไมชั้นต้องทำด้วยไอ้...เอ่อ วิสลีย์"คำว่าหัวแดงถูกกลืนลงคอเมื่อนึกถึงสัญญาเมื่อวาน ทำแฮรี่พอใจเลกน้อยส่วนรอนอึ้งไปแล้ว
"นายจะนั่งก็ไม่ได้ว่าหรอกนะแต่อย่ามาหาเรื่องพวกเราแล้วกัน"เฮอร์ไมโอนี่บอก
"ชั้นรู้แล้วน่า ยัย...แกรนเจอร์"เหมือนครั้งที่สองเกือบหลุดทำเอาแฮรี่ยิ้มมุมปาก
"แฮรี่กินอันนี้ไหม"เดรโกลงไปนั่งป้อนแฮรี่อย่างหวานฉ่ำทำเอาหลายคนอิจฉา
'ได้ข่าวว่าเมื่อวานพึ่งทะเลาะกันไปหยกๆไม่ใช่'ความคิดของหลายๆคน
"ชั้นไม่กินไข่นะ"แฮรี่บอก
"ชั้นรู้หรอกน่า มันไม่มีหรอก"เดรโกว่า ร่างบางถึงอ้าปากกินเข้าไป
"อร่อย"ร่างบางพึมพำเบาๆ
"นายเอามาจากไหน"แฮรี่ถามตาเป็นประกาย
"ชั้นทำเอง ใช้เวลาทำทั้งคืนเลยนะ ก็นายชอบของหวานแต่กินไข่ไม่ได้ ชั้นเลยทำมาให้"คำตอบของเดรโกทำเอากริฟฟินดอร์ทั้งบ้านอึ้งไปเรียบร้อยโรงเรียนฮอกวอตส์
"ฝีมือก็งั้นๆแหล่ะ"แฮรี่ว่าก่อนจะกินต่อ
"เมื่อกี้นายว่ายังอร่อยอยู่เลยไม่ใช่หรอ"เดรโกแซวแฮรี่ทำเป็นเมิน
"พี่แฮรี่"เสียงหวานเล็กๆเรียก
"จินนี่"แฮรี่รีบลุกขึ้นไปยืนอยู่หน้าเด็กสาว
"เอ่อ..คือ"
"มีอะไร"ร่างบางถามมือเกลี่ยผมออกจากใบหน้าหวาน
'หรือนี่คือแฟนที่ว่า'
"พี่แฮรี่"เหมือนเด็กสาวจะรวบรวมความกล้าได้
"หืม..."
"เราเลิกกันเถอะ"
"...."
"หนูรู้พี่รักหนูแบบน้องสาวมากกว่าคนรัก และอีกอย่างพี่ก็มีคู่หมั้นแล้ว เราคบกันก็ไม่ได้อะไร หนูก็มีคนที่ชอบอยู่ หนูรู้ว่าพี่รู้แต่พี่ก็ไม่ว่าอะไร พูดตรงๆนะพี่"
"...."ร่างบางก้มหน้าไหล่ไหวเล็กน้อย
"พี่ดีเกินไป"สาวน้อยแสร้งบีบน้ำตา ทำหน้าเศร้าๆ ทำเอาเดรโกอยากกระชากมาตบ เขาลุกขึ้นเพื่อจะไปปลอบร่างบาง แต่แฮรี่ก็เงยหน้าขึ้น ทั้งจินนี่และแฮรี่จ้องหน้ากันซักพัก
"แฮ.."รอนเหมือนจะพูดอะไรซักอย่างแต่
"อุ๊บ คิกๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ ไม่ไหวแล้ว มาตามสูตรละครไทยในโลกมักเกิ้ลเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ คิดได้ไงจินนี่ แสดงว่าหนังที่พี่ให้คงดูแล้วสิเนี่ย ก๊ากๆๆๆๆๆๆ"ร่างบางหัวเราะจนตัวงอ ทำเอาทุกคนอึ้งส่วนจินนี่ก็หัวเราะด้วย สักพัก แฮรี่ก็ยืดตัวขึ้นแล้ววางมือลงบนผมสีแดงสวย
"พี่ไม่รั้งเธอไว้รอกพี่รู้ตัวตั้งนานแล้วว่าความรักที่พี่ให้เธอมันไม่ใช่แบบคู่รัก แล้วก็รู้ว่าเธอชอบ ดีน ใช่ไหมล่ะ"แฮรี่ยิ้มมุมปาก
"พี่แฮรี่!!!!!!"ใบหน้ามนถูกแต้มด้วยสีแดงระเรื่อ ก่อนจะแยกย้ายกันไปนั่ง
"นายไม่เศร้าสักนิดเลยหรอแฮรี่"รอนหันมาถาม
"ไม่"แฮรี่ตอบสบายๆ
"จินนี่ น้องไม่น้อยใจหน่อยหรอ"รอนหันไปถามจินนี่
"ไม่"จินนี่ตอบท่าเดียวกับแฮรี่
"โอ๊ย คนรอบข้างชั้นมันมีแต่ตัวประหลาดชัดๆ"รอนว่าก่อนจะยัดไก่เข้าปาก
"นึกว่าจะมีเฮิร์ทจะได้ปลอบซักหน่อย"เดรโกพูดเบาๆ แต่แฮรี่ได้ยิน
"ถึงชั้นจะเฮิร์ทก็ไม่ให้นายปลอบหรอก เดรโก"แฮรี่พูดทำเอาหน้าคมหงิกงอ
"ชั้นคู่หมั้นนายนะถนอมใจกันบ้างสิ"เดรโกบอก
"ฮ่าๆๆๆๆ โอ๋ๆ อย่าร้องไห้นะเด็กดี"แฮรี่ล้อ
"ชั้นไม่ใช่เด็กแล้วนะ แต่ถ้านายอยากมีเด็กชั้นช่วยเอาป่ะ"สายตาที่เจ้าเล่ห์ทำเอาแฮรี่คนลุกเกลียว
"ไม่เอาดีกว่า"แฮรี่หันไปกินต่อแล้วเลิกล้อทันที
"แน่ใจนะ ชั้นทำเก่งนะจะบอกให้"เดรโกแซวร่างบางที่หน้าแดงไปทั้งแถบ
"ไม่"
"อย่าตัดแบบไร้เยื่อใยงั้นสิ เดี๋ยวนายก็อยากได้เองแหล่ะ"เดรโกยิ้มกวนๆจึงโดนแฮรี่ตบหัวไปปาบใหญ่ๆ
"หุบปากไปซะมัลฟอย"
"มันเจ็บนะจ๊ะ ที่รัก รู้ไหมทำร้ายสามีมันบาปนะขอบอก อ่ะ ล้อเล่นๆ"เดรโกรีบปิดปากเมื่อสายตาอำมหิตกับส้อมคันงามเตียมจะกระซวกเขาอยู่แล้ว
'โหดเป็นบ้า แต่ก็นะ ชั้นรักของชั้นนี่'
และแล้วก็ถึงเวลาที่สงครามกำลังจะเริ่มต้น
"โชคดีนะแฮร์รี่"พ่อทูนหัวในร่างโปร่งแสงเอ่ยอวยพรแฮร์รี่ด้วยสายตาอาวรณ์
"ครับ ยังไงผมก็ต้องกลับมาผมสัญญา"แฮร์รี่พูดแล้วเดินออกไปกับสหายร่วมศึก
"ชั้นเป็นห่วงแฮร์รี่จังเลยเจมส์"ลิลี่พูดเสียงสั่นๆ
"ลูกผมทั้งคน ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก"เจมส์พูดปลอบแต่สายตาตัวเองก็สั่นไหวน้อยๆเหมือนกัน
ในสนามรบ
"นี่เดรโก"เสียงหวานเอ่ยเรียกชายที่กำลังต่อสู้อยู่ทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังสู้อยู่
"อะไรแฮร์รี่"ไม่บ่อยนักหรอกที่ คู่หมั้นคนสวยของเขาจะเรียกชื่อเขาอย่างนี้
"ชั้นรักนายนะ"เสียงหวานเอ่ยบอกทำเอาทุกคนหันขวับ บางคนเอาเศษผ้ามาแคะหูเผื่อว่าตัวเองฟังผิด
"มาพูดอะไรที่นี่"เดรโกหน้าแดงเล็กน้อยแต่ก็ต่อว่ากลับไป
"เพราะหลังจากนี้ชั้นคงจะไม่ได้พูดอะไรอีกแล้ว"แฮร์รี่พูดเสียงสั่นๆ
"ทำไมแฮร์รี่"เดรโกรถามอย่างตกใจ
"....."ร่างบางขยับปากตอบให้เดรโกรู้ ทำเอาร่างสูงนิ่งค้าง
"มีเรื่องจะสั่งเสียแค่นี้ใช่ไหม"เสียงของโวลเดอร์มอล์เอ่ยถามอย่างเย้ยหยัน
"แล้วแกไม่คิดจะพูดอะไรบ้างหรอ เช่น ขอโทษครับผมเป็นแค่เศษขยะแท้ๆ ขออภัยจริงๆที่หน้าด้านเกิดมา"แฮร์รี่ล้อเลียน
"ไอ้เด็กสวะ"เจ้าแห่งศาสตร์มืดร่ายคาถาใส่แฮร์รี่
"ไอ้เด็กสวะคนนี้แหล่ะจะฆ่าคุณ"แฮร์รี่พูดแล้วร่ายคาถาไปชนกันให้เกิดลำแสงสีแดงและสีเขียวเชื่อมต่อกันต่างคนต่างทุ่มพลังทั้งหมดที่มีเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย หยาดพิรุณ ไหลออกมาจากดวงตาเทาควันบุหรี่
'ชั้นเป็นฮอร์คลัก'คำพูดนั้นยังติดอยู่ในหัวของเขา งั้นไม่ฆ่าได้ไหม เจ้าแห่งศาสตร์มืดนั่น ไม่ฆ่าได้ไหม แฮร์รี่จะต้องอยู่กับชั้นตลอดไปสิ ก็สัญญาแล้วว่าจะกลับไปด้วยกันนี่ ขอร้องล่ะ อย่าผิดคำพูดนะ
จุดเชื่อมนั้นหลุดออกจากนั้น ลำแสงทั้งสองพุ่งตรงไปยังศัตรู ร่างของเจ้าแห่งศาสตร์มืดคอยๆสลายเป็นเท่าธุลีย์
"ชนะแล้วนะ"แฮร์รี่หันมาพูดก่อนหัวใจจะหยุดเต้น ลมหายใจจะเหือดหาย และร่างกายก็ล่วงหล่นลงสู่พื้นดิน ดวงตาไร้แสง รอบข้างมันคือความมืด
"แฮร์รี่!!!!"เดรโกที่อยู่ไกลที่สุดแท้ๆกลับวิ่งมาถึงกอ่นคนอื่นช้อนตัวร่างบางขึ้น ตรวจชีพจรและลมหายใจ
'ไม่เหลืออะไรเลย'
"ฮึก...แฮร์รี่"ร่างสูงสะอื้นแล้วกระชับวงแขนแกร่งแน่น
"มัลฟอย"รอนเอามือวางไว้บนไหล่หวังจะปลอบ เพราะพอรู้ว่าเป็นคู่หมั้นแฮร์รี่แล้ว ก็ได้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้เลวร้ายอะไร
"อย่ามายุ่ง"เดรโกสะบัดมือออกก่อนจะจับใบหน้าขาวซีดนั่น
"ลืมตาขึ้นมาสิแฮร์รี่ ลืมสัญญาของเราไปแล้วหรอ ไหนสัญญาว่าจะกลับไปด้วยกันไง เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ ตื่นขึ้นมาแต่งงานกันก่อนสินายกำลังทำให้ชั้นเป็นหม้ายนะให้ตายสิ ตื่นขึ้นมาเถอะ ชั้นขอร้อง"เสียงเข้มสั่นเครือพูดหวังปลุกให้คนในอ้อมแขนลุกขึ้นมาอยูกับเขาอีกครั้ง แต่ไร้ซึ่งเสียงใดๆทั้งสิ้น
"มัลฟอย"เฮิร์มนั่งลงข้างๆแล้วจับไหล่เป็นเชิงปลอบ
"บอกว่าอย่ามายุ่งไง"ร่างสูงก็สะบัดแขนอีก ไหล่สั่นเทา น้ำตาไหลไม่ขาดสาย
พรึบ พรึบ พรึบ
เสียงปีกบางอย่างมาเหนือน่านฟ้าเห็นร่างสองร่างบินมาแต่ไกลที่น่าตกใจคือ ทั้งสองมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ เมื่อเท้าแตะพื้นปีกก็หายไปร่างทั้งสองเดินมายังที่แฮร์รี่อยู่
"เขาเป็นยังไงบ้าง"เสียงหวานจากร่างที่เล็กกว่าเอ่ยถาม เฮิร์มส่ายหัว ร่างทั้งสองสะดุ้งเล็กน้อย
"เขายังไม่ตายหรอก"เสียงเข้มจากร่างที่สูงกว่าพูด เดรโกหันมาด้วยสายตาเฉยชา คิ้วเข้มขมวดแน่น
"พวกเธอไม่รู้หรอกหรอว่าเขามีสายเลือดแองเจลล่า"เสียงหวานเอ่ยก่อนจะถอดฮูดออก เป็นเด็กสาวหน้าตาคล้ายแฮร์รี่ดวงตาสีมรกตข้างหนึ่ง อีกข้างเป็นสีทอง
"เธอชื่อ เลร่า ชั้นชื่อ ฮาเวิร์ด เราเป็นพี่น้องของแฮร์รี่"อีกคนพูดแลวถอดหมวกออกหน้าตาเหมือนแฮร์รี่แต่เข้มกว่า
"แองเจลล่ามีสองชีวิต และเขาจะฟื้นได้เมื่อได้รับจุมพิศราชา เรามีสายเลือดราชาอยู่ให้เขาไปกับเราสิ แล้วเราจะช่วยเขาเอง"เลร่าพูด เดรโกลังเลนิดหน่อยก่อนจะส่งให้
"ชั้นขอไปด้วย"เดรโกพูด ด้วยสายตาดื้อดึง ทั้งสองไม่ค้านอะไรแต่หารถแถวนั้นให้ทั้งสองนั่งด้านในแล้วก็ใช้เป็นกระเช้าบินขึ้นไป
เมื่อบินมาเรื่อยๆถึงกระท่อมแห่งหนึ่ง เป็นบ้านหลังเล็กๆ หน้าบ้านมีเด็กตัวเล็กๆนั่งอยู่กับคนอีกหลายคน ทุกคนมีปีกเหมือนสองคนแรก
"กลับมาแล้วหรอฮาเวิร์ด เลร่า"ชายคนนึงทัก แต่เขามีปีกสีชมพูอ่อนๆ
'เป็นฝ่ายรับสินะ'เดรโกคิด
"จอนนี่ไปไหน เราต้องใช้สายเลือดเขา"เลร่าถาม ก่อนเด็กอายุสิบขวบจะเดินออกมาจากในบ้าน
"ผมอยู่นี่ มีอะไรครับ"เด็กคนนั้นถาม
"เราต้องใช้จุมพิศเธอ"เลร่าพูดก่อนจะให้เดรโกวางร่างของแฮร์รี่ลงบนพื้น ใบหน้าซีดเซียวแบบนี้มันไม่เหมาะกับร่างบางเลยซักนิด
"มีคนมีสายเลือดแองเจลล่าอีกหรอเนี่ย"จอนนี่พูดก่อนจะนั่งลงข้างๆแฮร์รี่ แล้วจะประกบจูบแต่เดรโกตรึงไว้ก่อน
"เขาจะฟื้นแน่ใช่ไหม"เดรโกถาม
"ถ้าเขามีสายเลือดแองเจลล่าก็แน่นอนครับ แต่ว่าก็อยู่ที่เวลาเหมือนกัน"จอนนี่จะก้มลงอีกครั้งแต่เดรโกก็รั้งไว้เหมือนเดิม
"เวลาเท่าไหร่"คิ้วเข้มขมวดแน่น
"ไม่รู้ครับ แต่ถ้าคุณรั้งผมไว้อย่างนี้ผมจะช่วยเขาได้ยังไงล่ะครับ"จอนนี่พูดอย่างเหลืออดเดรโกจึงยอมปล่อย ไปนั่งหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ จอนนี่ประกบริมฝีปากจุมพิศก่อนจะผละออก เนิ่นนานไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จนเดรโกหน้ามุ่นหนักกว่าเก่า ใจสั่นหวิวๆกัดริมฝีปากแน่นจนจะห้อเลือด แต่แล้วใบหน้าซีดก็เริ่มมีสี ดวงตาค่อยๆลืมขึ้นเดรโกพุ่งเข้าไปกอดทันที
"แฮร์รี่ นายฟื้นแล้วนายฟื้นแล้ว"น้ำตาล่วงเผลาะทันที
"อย่าร้องไห้สิเดรโก เดี๋ยวไม่หล่อนะ"แฮร์รี่แซว เขารู้เรื่องทุกอย่างอยู่แล้วเพราะตัวเขารับรู้ตอนเป็นวิญญาณ
"ขอบคุณสวรรค์ที่นายฟื้น"เดรโกประกบปากจูบสอดลิ้นเข้าไปความหาความหวานที่คุ้นเคย และลบรอยที่เด็กน้อยคนนั้นทำเอาไว้ด้วย
"อือ อือ"ร่างบางทุบอกบอกว่าลมหายใจจะหมดแล้ว
"ง่วงชะมัดขอนอนก่อนนะ"แฮร์รี่พูดแล้วหลับตา
"เดี๋ยวเราไปส่ง"ฮาเวิร์ดบอก
"ไม่เป็นไรชั้นไปเอง"แล้วปีกสีน้ำเงินเข้มยามราตรีก็ถูกกลางออกก่อนเดรโกจะช้อนแฮร์รี่ขึ้นแล้วพาบินออกไป
"อย่างน้อยเขาก็เป็นเครื่องยืนยันว่าเผ่าพันธ์เรายังมีอีกเยอะแยะในโลกเวทย์มนตร์และโลกมนุษย์"เลร่าบอกก่อนจะยิ้ม
"แต่คู่ของน้องชั้นนี่ก็หล่อดีนะ"ฮาเวิร์ดยิ้มด้วยอีกคน
"เขายังไม่ทันเห็นหนูด้วยซ้ำ"เหมือนเลร่าจะงอนเล็กน้อยก่อนจะกางปีกสีน้ำเงินเข้มออกแล้วบินหายไป ฮาเวิร์ดเองก็เช่นกัน
"เลร่าหน้าตาก็หวานไม่น่าเป็นฝ่านรุกเลย"ชายคนเดิมรำพันอย่างเสียงดายเล็กน้อย
ฮอกวอตส์
"มาแล้ว เขากลับมาแล้ว"เฮิร์มูดเมื่อเห็นเดรโกเดินมาแต่ไกล
"เขาเป็นยังไงบ้างมัลฟอย"รอนถาม
"หลับเฉยๆ เขารอดแล้ว"สายตาอันอบอุ่นส่งให้ร่างบางที่นอนอยู่
"โล่งอกไปที"ทุกคนเฮอย่างดีใจ เดรโกไม่สนใจรอบข้างได้แต่มองร่างเล็กในอ้อมแขน
'อย่าเล่นแบบนี้อีกนะแฮร์รี่ถ้ามีอีกครั้ง หัวใจชั้นได้วายตายกันพอดี'
.
.
..
.
.
.
.
.
.
.
หนึ่งอาทิตย์จากนั้น
.
.
.
.
.
..
..
.
งานแต่งของแฮร์รี่กับมัลฟอย
"จะโยนแล้วนะ"แฮร์รี่โยนดอกไม้ไปด้านหลัง รอดูคนที่ได้
"ชั้นได้แล้ว"จินนี่ชูดอกไม้แล้วกระโดดไกอดคอดีนอย่งดีใจ ทำเอาร่างสูงหน้าแดงแปร๊ด
"เอาล่ะแฮร์รี่ ได้เวลาเข้าห้องหอแล้ว"เดรโกพูดแล้วอุ้มแฮร์รี่ขึ้นในท่าเจ้าสาวก้าวฉับๆๆๆๆไปทางเรือนหอ
"เฮ้ย จะบ้ารึงไ ยังมีงานเลี้ยงอี๊ก"ร่างบางโวยวายหน้าแดงๆ ทำเอาเดรโกหน้าหงิก
"อุตส่าห์ใจจดใจจ่อรอมาตั้งนานยังต้องรออีกเรอะ"เดรโกบ่น
"บ่นไปก็เท่านั้นแหล่ะ"แฮร์รี่เดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสำหรับงานเลี้ยงช่วงเย็นงานเลี้ยงเป็นไปอย่าราบรื่น จนถึงเวลางานเลิก ตอนนี้เดรโกกำลังยิ้มแฉ่งเพราะเวลาที่ตนรอคอยใกล้จะมาถึงแล้ว
ในห้องหอ
ทั้งสองบรรเลงบทรักอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าจะให้มันเป็นค่ำคืนแห่งความทรงจำที่ทั้งคู่จะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด
ชื่อตอน:ความเป็นจริงที่เจ็บปวด
ตอนที่:1
คู่:-
และจะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออาจารย์สุดโหดดันไปรัก
ลูกศิษย์สุดโมเอะ
ปฐมบทแห่งความมึนได้เริ่มขึ้นแล้ว
จงหลงใหลและติดตาม
..........................................
ในคฤหาสน์รุ่นที่ 11
"เอาล่ะสาวๆหนุ่มๆทั้งหลาย ที่ชั้นเรียกพวกเธอมาวันนี้เพราะว่า พวกเธอต้องย้ายโรงเรียน"เสียงของนักฆ่าหนุ่มที่ตอนนี้อายุ 24 พูดขึ้นกลางห้องประชุม ในท่านั่งเอาเท้าก่ายโต๊ะซึ่งก็ไม่มีใครว่า
"ทำไมล่ะค่ะ"สาวน้อยนาม สเปลพี เพโลปี้ ที่มีผมสีขาวสั้นถามขึ้น
.............................................................................................................................................
แนะนำตัว
ชื่อ:สเปลพี เพโลปี้(CEDAF)
ลูกของ:สเปลพี สควอโล่ x นีน่า
นิสัย:วู่วาม ขี้โมโห
ฉายา:เลดี้มูนดาร์ค
อาวุธ:ดาบสองเล่ม(ตามภาพ)
ธาตุ:พิรุณ
....................................................................................................................
"ก็เพราะมีใครแถวๆนี้ดันไปเล่นสนุกจนโดนหมายหัวน่ะสิ"คำพูดของรีบอร์นทำเอาหลายคนสะอึก
"แล้วเราจะไปไหนหรอค่ะอา"เด็กสาวอีกคนถาม
"ไปไทยน่ะ แล้วก็โคโนมิ เธอต้องดูแลพวกเขานะ"รีบอร์นสั่ง
..............................................................................................................................
ชื่อ:ซาวาดะ โคโนมิ(ว่าที่บอสวองโกเล่รุ่นที่ 11)
ลูกของ:ซาวาดะ สึนะโยชิ x คิสะ
นิสัย:อ่อนโยน เป็นคนที่โชคดี รักสัตว์ทุกชนิด ตั้งแต่มด ยันไดโนเสาร์(?)
ฉายา:ท้องนภาที่โปรดปราน
อาวุธ:สร้อยกางเขน(?) ปืน
ธาตุ:นภา
.............................................................................................................
"ค่ะอา แล้วจะไปเมื่อไหร่ค่ะ"
"ตอนนี้เลย ชั้นจะไปด้วยแต่คงอยู่กับพวกเธอไม่ได้ตลอดหรอกนะ"รีบอร์นพูดแล้วลุกขึ้น
"..."
"ตอนหกโมงเย็นมาเจอกันที่ลานหน้าปราสาท ใครที่เก็บของเสร็จแล้วจะไปที่นั่น ชั้นก็ไม่ว่าหรอกนะ"รีบอร์นเดินออกจากห้องไปทุกคนนิ่งก่อนจะค่อยๆลุกไปเก็บเสื้อผ้าแล้วไปที่ๆหนึ่ง
.
.
.
.
คฤหาสน์รุ่นที่สิบ
"สวัสดีครับพ่อ ผมมาลา เดี๋ยวเราจะไปเมืองไทยกันนะครับพ่อ คุ้มครองผมด้วยนะครับ"เด็กหนุ่มผมสีคาราเมลพูดกับอากาศธาตุ
....................................................................................................................
ชื่อ:ซาซางาวะ เรียวสึกิ(ผู้พิทักษ์อรุณ รุ่นที่ 11)
ลูกของ:ซาซางาวะ เรียวเฮ x เอลีน่า
นิสัย:กวนพระส้นเท้าเบื้องล่าง
ฉายา:แสงอรุณในความหม่นหมอง
อาวุธ:ขา(พ่อเก่งหมัด ลูกเก่งเตะ คิดถึง ซันจิในเรื่องวัน-beep-)
ธาตุ:อรุณ
.....................................................................................................
"พ่อค่ะ อีกไม่นาน หนูจะกลับมาหาพ่อนะคะ"เด็กสาวผมสีไพลินพูดเช่นกัน
...........................................................................
ชื่อ:โรคุโด มาโมริ(ผู้พิทักษ์ พิรุณ รุ่นที่ 11)
ลูกของ:โรคุโด มุคุโร่ x อพอลลีโอน่า(ลีน่า)
นิสัย:บ้าๆบอๆ แต่แอบเจ้าเล่ห์เงียบ
ฉายา:ม่านหมอกแห่งหายนะ
อาวุธ:เชือก โบว์ผูกผม(?)
ธาตุ:สายหมอก
....................................................................................................................................
แล้วต่างคนต่างก็พูดกับอากาศ
"ลาก่อนนะคะ/ครับ พ่อ"แล้วทั้งหมดก็เดินมาที่ลานหน้าปราสาท ถ้าสังเกตุดีๆแล้ว ด้านหลังมีโลงศพสีดำสนิท เจ็ดโลงเรียงรายอยู่ และมีสัญลักษณ์ประจำวองโกเล่ติดอยู่
ลานหน้าปราสาท
"โชคดีนะลูก อย่าทำอะไรให้คุณรีบอร์นเขาต้องเหนื่อยล่ะ"คิสะพูดกับลูกสาวตัวน้อยของเธอ
"ค่ะ แม่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะคะ"โคโนมิพูดแล้วกอดมารดาตน
"อย่าเที่ยวไปใช้ภาพลวงตาแกล้งใครในห้องนะ มาโมริ"ลีน่าพูดแล้วขยี้ผมลูกสาว
"หนูไม่ใช่คนอย่างนั้นซะหน่อย"เด็กสาวทำหน้างอนๆ
"คอยเตือนสติพวกเขาดีล่ะ อย่าให้ไปทำอะไรผลีผลามนะ"ชิโระสั่ง
"รับทราบค่ะ แม่"คาโอรุตะเบะท่าทหาร
........................................................................................................................................
ชื่อ:ฮิบาริ คาโอรุ(ผู้พิทักษ์เมฆา รุ่นที่ 11)
ลูกของ:ฮิบาริ เคียวยะ x ชิราโอะ
นิสัย:นิ่งๆเงียบๆ แต่อ่อนโยน เป็นคนที่คอยพูดเรียกสติทุกคน คล้ายๆฮิบาริเวอร์ชั่นอ่อนโยนกว่า
ฉายา:เมฆาบริสุทธิ์
อาวุธ:ทอนฟา
ธาตุ:เมฆา
............................................................................................................................................
"ร่าเริงเข้าไว้ให้เหมือนพ่อของลูกนะ"อิสึมิลูบหัวลูกชายเบาๆ
"แน่นอนครับผม"เคียวอิจิพูดอย่างร่าเริง
..............................................................................................................................
ชื่อ:ยามาโมโตะ เคียวอิจิ(ผู้พิทักษ์พิรุณ รุ่นที่ 11)
ลูกของ:ยามาโมโตะ มาเคชิ x อิสึมิ
นิสัย:ร่าเริง(ได้จากพ่อ)เหมือนพ่อทุกประการ
ฉายา:กรงจักรล่องหน
อาวุธ:กรงจักรรูปเล็บ
ธาตุ:พิรุณ
...............................................................................................................................
"อย่าไปมีเรื่องกับใครเขาอีกล่ะรู้ไหม"รีนะสั่ง
"คร๊าบๆๆ จะพยายามครับ"เด็กหนุ่มพูดยานคาง
........................................................................
ชื่อ:โกคุเทระ โคจิโร่(ผู้พิทักษ์วายุ รุ่นที่ 11)
ลูกของ:โกคุเทระ ฮายาโตะ x รีนะ
นิสัย:วู่วาม ใจร้อน เสียงดัง ชอบการชกต่อย ไม่ชอบการพ่ายแพ้
ฉายา:เครื่องจักรสังหาร
อาวุธ:ระเบิด แซ่
ธาตุ:วายุ
..........................................................................................................
"เราอย่าไปกวนใครเขาให้มากนะเดี๋ยวก็โดนหามส่งโรงพยาบาลเข้าสักวันหรอก"เอลีน่าพูดอย่างเป็นห่วง
"หะ อะไรนะ ผมไม่เห็นจะได้ยินเลย"เด็กหนุ่มกวนแม่ของตน
"ผมสนนะครับ เรื่องอื่นน่ะ แค่ไม่บอกให้ใครรู้ว่าผมสนเท่านั้นเอง มันเป็นการปกปิดใบหน้าครับ"ลูกชายตัวดีดันแถจนสีข้างถลอกปลอกเปิก
........................................................................................................
ชื่อ:โบวีโน่ พรีโมล่า(ผู้พิทักษ์อัสนี รุ่นที่ 11)
ลูกของ:โบวีโน่ แรมโบ้ x เอนีเซีย
นิสัย:ไม่ขี้แย แต่ชอบขนมเป็นชีวิต ตายได้เพื่อได้กินขนม
ฉายา:อัสนีสีเลือด
อาวุธ:มีดสั้น
ธาตุ:อัสนี
.......................................................................................................................................
"โอ๊ย รีบๆขึ้นรถได้แล้วค่าคุณท่านทั้งหลาย เครื่องบินมันจะบินหนีไปแล้วค่า"เสียงเด็กสาวนาม เฟนรีย์พูด
.........................................................................................................................................
ชื่อ:เฟนรีย์(CADAF)
ลูกของ:แซนซัส x อลิซ
นิสัย:ขี้โมโห อารมณ์เสียงง่ายในที่แคบๆ ชอบสังสรรค์
ฉายา:นภาต้องสาป
อาวุธ:ปืน
ธาตุ:นภา
......................................................................................................................................
"จริงที่เฟนรีย์ว่า รีบๆไปกันเถอะ ส่วนพวกเธอน่ะ เลิกเศร้าได้แล้ว สักวันทุกๆอย่างมันจะดีขึ้นเองล่ะ"รีบอร์นหันไปพูดกับแม่ๆ ทำให้หลายคนตกใจก่อนจะยิ้มให้
"สักวันเจ้าพวกนั้นต้องกลับมา กลับมาชดใช้ในสิ่งที่พวกนั้นทำให้พวกเธอเสียใจเชื่อชั้นสิ"รีบอร์นพูดเบาๆไปกับสายลมซึ่งไม่รู้ว่าใครจะได้ยินรึเปล่าก่อนจะขึ้นรถไปไทย
ประเทศไทย(โอ๊ยถึงไวปานฟ้าแลบ)
"ทามมายมานร้อนอย่างเน่"เรียวสึกิพูด ตัวเองแทบจะละลายไปกับพื้นอยู่แล้ว
"กินน้ำหน่อยไหม โคโนมิ"รีบอร์นยื่นน้ำไปให้เด็กสาวดื่ม
"โห คุณรีบอร์น ลำเอียงนี่ค่ะ ให้แต่บอสคนเดียวอ่ะ"มาโมริบ่น
"พวกเธอก็ไปซื้อเอาเองสิ ฝากซื้อเอสเพรสโซ่ด้วย อีกห้านาทีรถจะมารับ"รีบอร์นไล่เชิงขู่ให้ทุกคนรีบวิ่งไปก่อนจะโดนลูกปืน
"แต่ก็นะ มันร้อนจริงๆแหล่ะ"รีบอร์นถอดสูทกับเนกไทออกแล้วปลดกระดุมสองสามเม็ดบน ให้สาวน้อย สาวใหญ่ กระเทย เก้งกวาง มองกันตาเป็นมัน
"คุณรีบอร์นค่ะ ติดกระดุมไปเลยค่ะ"โคโนมิติดกระดุมให้ผู้ที่เป็นทั้งอา ทั้งอาจารย์ของพอเธอและของเธอ
"ทำไมมันร้อนนี่"ถึงจะบ่นแต่ก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
"ก็คนอื่นเขามองมาหมดแล้วไม่เห็นรึไงค่ะ"รีบอร์นมองไปรอบๆมีคนมองอยู่เยอะจริงๆ
"ทำไม หึงรึไง"รีบอร์นถามขำๆแต่ทำให้โคโนมิหน้าแดงแล้วหันหนี
"(อ้าวเฮ้ย หยอกเล่นๆ ดันเป็นจริง O//////////O ไม่ได้ๆ นั่นเด็กอายุ 16 รีบอร์นเอ๋ยจงยับยั้งใจ แถมยังเป็นลูกเจ้านั้นอีก ถ้ารู้ถึงหู ได้โดนแช่แข็งแน่ตรู อย่าหวั่นไหวสิเฟ้ย!!!!!)"รีบอร์นด่าตัวเองในใจแล้วเอาหมวกมาปิดหน้าทำป็นหลับ ไม่นานรถก็มาถึงทุกคนก็ขึ้นรถไป
"ว้าว หรูจังเลยค่ะ"คาโอรุพูด
"ใช่ไหมล่ะ เจ้าสึนะมันทำเอาไว้น่ะ เผื่อมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจะได้มีที่กบดาน"รีบอร์นพูด
"พ่อ....อย่างนั้นหรอ"โคโนมิทำหน้าเศร้า
"ชั้นว่าพ่อของพวกเธอคงไม่อยากให้เราอดตายหรอกใช่ไหมล่ะ"รีบอร์นไปค้นตู้เย็น(รถมีตู้เย็นด้วยO[]O)
"อยากกินอะไรก็เชิญนะ ชั้นง่วงขอนอนก่อน"แล้วรีบอร์นก็เอนตัวนอนไปกับเบาะคนอื่นๆก็หาอะไรกินกัน เพื่อฆ่าเวลา
"เอาล่ะ ปีนี้จะมีนักเรียนจากญี่ปุ่นเข้ามาเรียนด้วยนะ"อาจารย์สุดโหดพูดแล้ว ห้าสาว สี่หนุ่มก็เดินเข้ามา
"สวัสดีค่ะ ซาวาดะ โคโนมิค่ะ"โคโนมิค้อมตัวอย่างสุภาพแล้วยิ้ม
"สวัสดี สเปลพี เพโลปี้"เพโลปี้แนะนำตัว
"สวัสดีค่ะ โรคุโด มาโมริค่ะ"มาโมริแนะนำตัวแล้วยิ้มโปรยสเน่ห์
"ฮิบาริ คาโอรุ"คาโอรุพูดปัดๆ
"เฟนรีย์"เฟนรีย์พูดแล้วใช้หางตาจิกจนหลายคนหนาวไปถึงกระดูก
"โกคุเทระ โคจิโร่"โคจิโร่พูดแล้วถอนหายใจรอบที่ร้อยของวัน
"ชั้นชื่อ โบวีโน่ พรีโมล่า เรียกว่าพรีโมก็ได้นะ"พรีโมล่าพูดแล้วกินขนมในมือต่อ
"ชั้นยามาโมโตะ เคียวอิจิยินดีที่ได้รู้จักนะ"เคียวอิจิยิ้ม
"ชั้น ซาซางาวะ เรียวสึกิ ขอฝากตัวและหัวใจด้วยนะ"เรียวสึกิเริ่มปล่อยมุข
"กรี๊ดดดดดดดดดด ได้เลยค่ารับไว้ด้วยความเต็มใจ"เด็กสาวกรี๊ดกันดังสนั่น
"เอาล่ะๆ พอได้แล้ว โคจิโร่ พรีโมล่า เคียวอิจิ เรียวสึกิ พวกเธอไปนั่งเก้าอี้ตรงแถวที่สองนั้นนะ ส่วนพวกเธอ เพโลปี้ นั่งหน้า เคียวอิจินะ คาโอรุ นั่งหน้าเรียวสึกิ มาโมรินั่งหน้าพรีโมล่า เฟนรีย์นั่งหน้าโคจิโร่นะ ส่วนโคโนมิ เธอนั่งโต๊ะถัดจากเฟนรีย์นะที่ตรงข้ามกับโต๊ะครู"อาจารย์อธิบาย
"และก็เราจะมี คุณครูประจำชั้นคนใหม่"ร่างสูงชุดสูทที่ดำ เสื้อซับข้างในสีส้มและหมวกทรงสูงเดินเข้ามา
"ว่าไงเด็กๆทั้งหลาย ชั้นรีบอร์นจำใส่กะโหลกเน่าๆของพวกแกไว้ซะด้วยล่ะ"รีบอร์นแนะนำตัวอย่าง......โคตรแมน แต่
"กรี๊ดดดดดดดจะจำไว้ในหัวใจเลยค่า"ส่วนพวกผู้ชายที่มีน้อยนิดในห้องก็ทำหน้าประมาณว่า
'แค่มันหรอกว่า-ูก็ไปกรี๊ดมันซะและ'ประมาณนั้น
คาบว่าง
ในชั่วโมงว่างก็มีเด็กหนุ่มเข้ามาจีบเหล่าห้าสาว
"เธอนี่น่ารักมากเลยนะ คาโอรุ"เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยแต่ก็ต้องชะงักเดินหนีไปเมื่อรับรู้ถึงอากาศที่อึดอัดส่งมาจากด้านหลัง
"เธอสวยสุดๆไปเลยล่ะ เฟนรีย์ อ่ะ ขอโทษครับ"แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็หนีไป เฟนรีย์มองไปทางโคจิโร่ที่แผ่จิตสังหารออกมาไม่รู้ตัว
"มาโมริเธออายุเท่าไหร่ เรามาแล.....ขอโทษครับ"เด็กหนุ่มคนนั้นหนีไป เพราะรังสีน่าอึดอัดที่ถูกปล่อยออกมาอย่างท่วมท้นทั้งๆที่เจ้าตัวยังนั่งกินขนมอยู่
"มีพินบีบีไหม เรามาแลกกันนะ...ไม่เป็นไรดีกว่า"ชายคนนั้นเดินหนีเพโลปี้ไปเพราะเคียวอิจิส่งยิ้มเย็นๆมาให้
"โคโนมิ เธอโสดอยู่ไหม เรามาลองค......ขออภัยอย่างสูงครับ"เด็กผู้ชายคนนั้นวิ่งออกจากประตูไปโดยมีรีบอร์นจ้องอย่างหมายหัวตามหลังไปในมือขัดปืนอย่างเมามันส์(?)
เด็กสาวมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจคิดว่า
'ไม่เลิกสักทีนะไอ้นิสัยหวงเพื่อนเนี่ย'(แน่ใจหรอว่าแค่หวงเพื่อน ไม่ได้ หึงน่ะ หึหึหึหึหึ)
และไม่นานก็มาเริ่มเรียนกันต่อ
หลังเลิกเรียน หอพักหญิง
หอนี้จะมีทั้งหมดสี่ชั้น ชั้นหนึ่งมีห้าห้อง(เข้าใจห้องมันใหญ่)ห้องหนึ่งมีห้าห้องย่อยๆอาศัยได้ห้าคน
ในห้องของห้าสาว
"นี่มันโรงเรียนบ้าอะไรเนี่ย!!!"เพโลปี้บ่น
"มาวันแรกไหงการบ้านบานเป็นดอกเห็ดอย่างนี้!!!!!"โคโนมิคร่ำครวญ
"ไม่ต้องทำมันแล้วเผาแล้วบอกว่าอุบัติเหตุก็พอ"แล้วคาโอรุ และมาโมริก็ต้องงล๊อกแขนไม่ให้เฟนรีย์เผาหนังสือเรียน
"ถ้าพวกเธอเลิกบ่นแล้วรีบๆทำเดี๋ยวมันก็เสร็จเองล่ะ ขนาดชั้นยังทำเสร็จตั้งแต่ในห้องเลย"คาโอรุพูดก่อนจะสำนึกได้ว่าพูดอะไรออกไป
"หืม...เมฆา ทำเสร็จแล้วหรอ^^"โคโนมิส่งยิ้มเย็นๆไปให้
"อ...เอ่อ...ค..คือ...อ...อืม"คาโอรุกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
"ขอลอกหน่อยสิ!!!!"เพโลปี้กระโดดใส่คาโอรุ
"ยัยพวกบ้าชาตินี้เคยทำอะไรเองบ้างไหมฮะ!!!"คาโอรุบ่นๆๆๆๆทั้งๆที่ไม่ใช่นิสัยแต่อยู่กับแฟมิลี่ต้องเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย
หอพักชาย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
หอพักชายเงียบกริบ มีร่างชายสี่คนกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ถ้าใครเห็นก็ต้องพูดได้เลยว่าเป็นเด็กที่เรียนเก่งจริงๆ แต่ถ้าซูมเข้าๆไปไกล้ๆจะเห็นเหงื่อผุดตามใบหน้าทั้งๆที่เปิดแอร์ และถ้าซูมอกมาอีกหน่อยก็จะเห็นร่างสูงในชุดสูทนั่งอยู่บนโซฟาอันใหญ่และขัดปืนอย่างขมักเขม้นแล้วใช้ตาจิกดูคนที่อู้อยู่บ้าง(เวรกรรมของพวกผู้ชายนั่นแหล่ะเนอะ)
วันรุ่งขึ้น คาบแนะแนว
"ใกล้จะถึงวันพ่อแล้ว ให้ทุกคนเขียนเกี่ยวกับพ่อกันนะจ๊ะ"ครูแจกกระดาษรายงาน เหล่านักเรียนใหม่ก็ได้แต่มองไม่หยิบปากกาออกมาเขียนสักนิด
"ทำไมไม่เขียนล่ะ พวกเธอไมสนิทกับพ่องั้นหรอ"อาจารย์เดินเข้ามาถาม
"เปล่าค่ะ .... แค่มันเขียนไม่ออก .... เท่านั้นเอง"โคโนมิทำหน้าเศร้า อาจารย์มองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลากเก้าอี้มานั่ง
"พ่อของพวกเธอเขาคงจะไปเที่ยวกันอยู่สินะ เที่ยวในที่ๆพวกเธอไม่วันไปด้วยได้ใช่ไหม"
"..."ทุกคนเงียบ
"พ่อครูเองก็เหมือนกัน พ่อของครูน่ะ ท่านเสียไปตอนครูอายุได้สิบขวบเอง"
"..อ...อาจารย์"
"แต่ไม่ว่ายังไงพวกเธอก็ต้องเขียน นึกถึงเวลาดีๆที่ได้อยู่กับพ่อแม่เธอ นึกถึงเวลาดีๆที่เธอมีความสุขกับท่าน แล้วบรรยายออกมานั่นเป็นวิธีการระบายความอัดอั้นในใจอย่างหนึ่งนะ ครูว่าพวกพ่อๆของเธอคงไม่ดีใจนักหรอกนะ ถ้าเขาทำให้เธอร้องให้น่ะ"อาจารย์พูดแล้วทุกคนก็คิดได้ เริ่มจับปากกาขึ้นมาเขียนบรรยาย
'รู้สึกเจ็บเหมือนกันแหะ ที่เห็นหน้าเศร้าๆของพวกเธอ แต่เพื่อความอยู่รอดต้องทนให้ได้ คุฟุฟุฟุฟุ'อาจารย์คิดในใจ(เฮ้ยๆ มันคุ้นๆไหม คุ้นๆนะ)
ตอนกลางวัน ที่โรงอาหาร
"เป็นยังไงบ้างล่ะวันนี้"รีบอร์นถามก่อนจะฉกลูกชิ้นของเคียวอิจิมากินหน้าตาเฉย ส่วนคนโดนแย่งก็รีบย้ายที่หนี
"ก็ดีค่ะ มีอาจารย์คนหนึ่งเขามาเรียกสติพวกเราไว้ได้ ถึงจะเศร้าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาใช่ไหมค่ะ สิ่งที่ คุณรีบอร์นอยากจะบอก"เพโลปี้ถาม
"อืม...ก็ประมาณนั้นแหล่ะ(อาจารย์คนหนึ่งงั้นหรอ สงสัยจะเป็นเจ้านั่นแหงๆเฮ้อ เป็นห่วงเกินไปรึเปล่าเนี่ย)"รีบอร์นตอบแล้วโซ้ยก๋วยเตี๋ยวต่อไป
"จะว่าไปวันพ่อคือวันอะไรหรอ"เรียวสึกิถาม
"ไม่รู้สิ บอสรู้ไหม"มาโมริถามโคโนมิ
"ไม่รู้ อาล่ะ"โคโนมิถามรีบอร์น
"อย่างชั้นมีหรอจะไม่รู้"รีบอร์นยิ้มมุมปาก ทุกคนลุ้นคำตอบ
"...."
"นี่เด็กคนนั้นเธอน่ะนั่นแหล่ะ มานี่สิ"รีบอร์นเรียกเด็กคนหนึ่งมาทำให้ทุกคนสงสัยว่าเรียกมาเพื่อ...?
"วันพ่อคือวันอะไรบอกพวกสมองกลวงพวกนี้หน่อยสิ"รีบอร์นสั่งทุกคนก็มองประมาณว่า'ไม่รู้แล้วทำเก่งนี่หว่า'
"วันพ่อคือวันที่ลูกๆจะละรึกถึงบุณคุณของพ่อ อาจจะพาพ่อไปเที่ยว กราบพ่อ กอดพ่อ หรือดูแลท่าน แล้วก็จะมีงานโรงเรียนให้นักเรียนขึ้นไปกราบพ่อที่บนเวที"นักเรียนคนนั้นบอกแล้วก็เดินไป
"เข้าใจรึยังเจ้าพวกสมองกลวง ความจริงชั้นก็รู้อยู่แล้วล่ะ แต่ขี้เกียจอธิบายให้มันเปลืองน้ำลาย"รีบอร์นแถ
"สีข้างถลอกหมดแล้วครับคุณรีบอร์น"เรียวสึกิพูดหน่ายๆ
"แล้วจะทำไม"รีบอร์นมองด้วยหางตา
"ไม่มีอะไรครับ!!"เรียวสึกิตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ
"(วันพ่องั้นหรอ เด็กพวกนี้จะทนได้สักกี่น้ำนะ แต่ก็เอาเถอะ มันใกล้ถึงเวลาที่เจ้าพวกนั้นจะกลับบ้านได้ซักที เล่นออกไปเที่ยวซะนานเชียว เจ้าพวกตัวป่วนเอ๊ย)"รีบอร์นคิด
"อาเหม่ออะไรค่ะ"โคโนมิถาม
"เปล่า ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะแหล่ะ ชั้นไปตรวจงานก่อนนะ"รีบอร์นขอแยกตัวไปทำงาน
"นี่ๆพอได้แล้วน่า นายกินขนมเยอะมันไม่ดีต่อร่างกายนะ"เคียวอิจิแย่งขนมจากพรีโม
"อย่ามายุ่งน่า ชั้นจะกินมันก็เรื่องของชั้นไปไกลๆเลยไอ้กรงจักรเล็บแมว"พรีโมถีบเคียวอิจิออก
"แกว่าใครกรงจักรเล็บแมวห๊า"เคียวอิจิปากรงจักร์ใส่พรีโม่แต่พลาดไปโดน โคจิโร่(ตอนนี้มาโมริใช้มายาบังอยู่)
"แกอยากตายมากสินะใช่ไหม"โคจิโร่หยิบแส้ออกมา
"โว้วๆ ระวังหน่อยสิมันจะฝาดหน้าชั้นอยู่แล้วนะ"เฟนรีย์บ่นเมื่อแซ้เฉีดหน้าเธอไปนิดเดียว
"ก็กะว่าจะให้โดนอยู่หรอก"โคจิโร่ฝาดแซ่ไปโดนจานข้าวของคาโอรุ
"ว๊า ชั้นยังไม่อิ่มเลยนะ"คาโอรุหยิบทอนฟาออกมาแต่จังหวะหยิบดันไปเสยปลายคางมาโมริเข้าให้
"อุ๊บส์โทษที สายหมอก"คาโอรุขอโทษแบบผ่านๆ
"ไม่เป้นไรหรอกจ๊ะ ไม่เจ็บเลยซักนิสสสส"ถึงปากพูดแต่ เชือกในมือเอามาจากใหน!!!!
"โว้ยยยย มันหนวกหู ไปเล่น(?)กันไกลๆเลยนะพวกแก"เพโลปี้ลุกขึ้นตวาด
"ไม่!!!!!!!!!!!!"ทุกคนตอบกลับ ทำให้เส้นอารมณ์ของเพโลปี้ขาดผึง
"เฮ้ๆใจเย็นๆก่อนสิทุกคน"โคโนมิเข้าไปห้ามแต่เหมือนจะโดนลูกหลงอะไรซักอย่างเป็นเข้าไปฟัดพวกผู้ชายจนสี่สาวที่เหลือต้องมารั้งไว้แทน
"(รีบๆกลับมาล่ะกัน เจ้าพวกแสบ ก่อนที่ชั้นจะตายเพราะลูกๆตัวแสบของพวกแก)"รีบอร์นคิดอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินไปห้องพักครู(ไม่คิดจะช่วยซักนิด-_-)
หน้าเสาธง
"ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้จะมีงานประจำโรงเรียนที่เราจะทำกันทุกๆปีในอาทิตย์แรกของการเรียนการสอน ของปีนี้ช่วง 12:00-06:00จะเป็นงานแฟนซีส่วน 7:00-00:00จะเป็นงานราตรีเต้นรำ เพราะฉะนั้นสองวันนี้อนุญาติให้หยุดเพื่อเตรียมตัวได้ อ้อ... เป็นงานเลี้ยงหน้ากากนะ ตอนกลางคืนน่ะแล้วเที่ยงคืนเราจะถอดหน้ากากออกให้ใส่ชุดสีขาวตามนี้นะ เอาล่ะแยกย้ายกลับหอได้"ครูใหญ่พูดแล้วลงจากหน้าเสาธง หัวข้อคุยวันนี้ก็ไม่พ้น เรื่อง งานประจำปีอยู่ดี
"เฮ้อ...แล้วเราจะเอาชุดแฟนซีแบบไหนดีล่ะ"เรียวสึกิเริ่มคิดแต่ไม่ทันจะได้พูด
"ชั้นจัดการให้แล้วล่ะ พวกเธอก็จัดการแค่ชุดไปงานเลี้ยงกับหน้ากากเท่านั้น อ้อ...อย่าให้ใครรู้ล่ะ แม้แต่พวกเธอๆกันเองด้วย"รีบอร์นยิ้มอย่างนึกสนุก
'จะเล่นอะไรพิเรณๆอีกล่ะเนี่ย'ทุกคนคิดอย่างสยอง
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ รับลองไม่มีอะไรหรอก"รีบอร์นยังคงยิ้ม แต่ไอ้คำว่า ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติดี ไม่มีปัญหา และอีกร้อยแปดคำของเจ้าตัวมัน
....
..
.
..
.
..
อันตรายล้วนๆ หลายคนเริ่มหน้าสันหลังกันแล้ว
"อาค่ะ งั้นวันนี้พวกหนูจะไปห้างใกล้ๆนี่นะคะ"โคโนมิพูด
"ก็แล้วแต่พวกเธอสิ ชั้นไม่มีอำนาจที่จะรั้งเธอไว้ได้นี่น่า"รีบอร์นพูดแล้วก็นอนลงบนโซฟาในห้องตัวเอง
คนที่เหลือแยกย้ายกันไป ทำธุระของตัวเอง
วันอาทิตย์(ป๊าดดดด ไวปานวอก)
"อาค่ะไหนล่ะชุดแฟนซีของพวกหนู"โคโนมิถาม
"เอ้านี่รุ่นที่เก้าอุตส่าห์ส่งมาให้เชียวนะ"รีบอร์นโยนกล่องให้ ทุกคนหยิบออกมาดูก่อนจะอึ้งและมองรีบอร์นอย่างตัดพ้อ
"ไม่มีขัดข้องรีบๆใส่เข้า หรืออยากได้เครื่องกระตุ้น"รีบอร์นไม่ทันจะหยิบปืนพวกที่เหลือก็พุ่งเข้าห้องแต่งตัวกันหมดแล้ว
"(เจ้าพวกนี้มันไวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่างเถอะเพราะพวกมันมีครูที่ทั้งหล่อทั้งเก่งก็อย่างนี้แหล่ะ)"ดูเขาชมตัวเอง
ไม่นานก็ออกมา
"ไม่เลวเอาล่ะไปกันเลย"รีบอร์นเดินออกไปในชุดสูทธรรมดาของตน แต่พวกของ โคโนมินี่สิ โคโนมิเป็นกางเกงหนังขาสั้นสีดำคล่องตัวเสื้อหนังแขนกุดสีดำเหมือนกันกับเสื้อคลุม(ของสึนะแบบที่เป็นของรุ่นที่หนึ่ง) ส่วนผู้พิทักษ์ที่เป็นผู้หญิงก็เป็นแบบเดียวกันแต่ไม่มีเสื้อคลุม พวกผู้พิทักษ์ผู้ชายเป็นเสื้อคลุมยาวถึงเข่าสีดำมีขอบปกสีแดงติดกระดุมและปล่อยคอเสื้อตั้งสูงโปร่ง กางเกงสีดำรองเท้าเงาวับ
'โอ้พ่อจ๋าช่วยหนูด้วยไอ้บ้าอดีตอัลโกบาเลโน่มันแกล้งหนู'ทุกคนคิดในใจขณะคนที่โดนกล่าวถึงเดินผิวปากอย่างสบายอารมณ์นำหน้าไปอยู่
"เอาล่ะ สูดหายใจลึกๆ เสริมปูนซีเมนเข้าไปซะ"รีบอร์นพูดแล้วเปิดประตูร่างทั้งหมดเดินเข้าไปคนที่อยู่ในหอประชุมมองร่างทั้งหมดอย่างอึ้งทึ้งเพราะว่า
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หล่อได้ใจเลยค่า"
"วีดวิ้ว จะน่ารักไปไหนจ๊ะ"เอาเข้าไป ตอนนี้รีบอร์นเริ่มฉุนๆซะแล้วหันไปมองโคโนมิที่นั่งทำหน้าปานโลกจะแตกอยู่ขาเรียวยกขึ้นไขว่ห้างให้เห็นขาอ่อน กรุมเสื้อที่ไม่ได้ติดสองสามเม็ดก็โปร่งจนเกือบเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น
"คลุมผ้าไปซะ"รีบอร์นสั่ง
"ทำไมค่ะอา มันร้อนนี่น่า"(เอ๊ะฉากนี้มันคุ้นๆนะเออ งั้นเราดัดแปลงซะหน่อย)
"ก็คุณรีบอร์นเขาหึงเธอไงล่ะคลุมๆไปเหอะน่า"เพโลปี้เข้ามาแหย่
"เพโลปี้...เจอะหูไม่พอ อยากเจาะหัวหรอจ๊ะ"รีบอร์นยิ้มเหี้ยมไปให้
"อุ๊บส์....สงสัยจะแทงใจดำนะครับเนี่ย"เรียวสึกิล้อ
"ไปตายซะ"รีบอร์นตั้ง่าจะยิงใส่เรียวสึกิ
"เด๊่ยวค่ะอา นี่กลางไอประชุมนะ"โคโนมิรีบมารั้งไม่งั้นเดี๋ยวเพื่อนเธอจะหนีไปเจอพ่อซะก่อน
"ชิ ไว้กลับห้อง พอจะยิงให้พรุนเป้นรังผึ้งเลยคอยดู+_+"รีบอร์นหมายหัว ตอนนี้ในหัวของเรียวสึกิคิดคือ
'หนีไปนอนที่อื่นดีกว่าแหะเพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง'
แล้วงานก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นแม้ว่า
.
.
.
.
โคจิโร่กับเฟนรีย์จะตีกันจนข้าวของกระจุย
พรีโมล่าก็เดินยืดขนมไปทั่วงานจนเขาทำมาให้ไม่ทัน
เรียวสึกิเดินไปสะดุดปลั๊กไฟจนไฟฟ้าลัดวงจร
เพโลปี้นึกครื้มไปจับกีต้าร์มาดีดอย่างเมามันส์
คาโอริกับมาโมริก็ฟัดกันด้วยทั้งปากทั้งอาวุธ
และรีบอร์นก็ยิงปืนให้หยุด แต่เหมือนจะไปกระตุ้นความอยาก(สู้)ของเคียวอิจิเข้าเลยเข้าไปแจมด้วย
(มันราบรื่นตรงหน๊ายยยยยย ช่วยบอกเท๊!!!!!!!!!!!!!!!!)
"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะเราจะเป็นงานเลี้ยงหน้ากากแล้ว"รีบอร์นสั่งแล้วตัวเองก็แยกไปเปลี่ยนบ้าง
ในงานเต้นรำ
เสียงเพลงบรรเลงไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เด็กสาวทั้งห้าอยู่ในงาน ผู้ชายในงานส่วนใหญ่ใส่สูทสีขาวเหมือนกันหมดมีบางคนจะแซมชมพูบาง ฟ้าบาง ครีมบ้าง หรือเนกไทสีดำบ้าง
ไม่นานก็มีผู้ชายชุดสูทสีขาวผมสีคาราเมลใส่หน้ากากปิดครึ่งหน้ามาขอ คาโอรุ เต้นรำ และมีบางสิ่งที่ทำให้เธอตอบตกลง
หลังจากนั้นก็มีผู้ชายใส่สูทสีขาวแซมเทาเล็กน้อยเข้ามาขอเฟนรีย์เต้นรำเช่นกันและเธอก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลโดยไม่ทราบสาเหตุ
จากนั้นก็เป็นชายใส่สูทสีครีมเนกกไทสีดำเข้ามาขอเพโลปี้เต้นรำ ตอนแรกเธออึกอักก่อนจะตกลง
จากนั้นชายผมสีดำๆเทาๆสูทสีขาวแซมฟ้าอ่อนๆเข้ามาขอมาโมริเต้นรำ
เพราะฉะนั้นตอนนี้จึงเหลือแค่โคโนมิที่ยืนกินของว่างและมองเพื่อนๆของเธอเต้นรำอยู่แต่แล้วจู่ๆ
"ให้เกียรติผมซักเพลงนะครับ คุณหนู"มีผู้ชายใส่สูทสีขาวไปทั้งตัวหมวกทรงสูงสีขาวและหน้ากากปิดครึ่งหน้าด้านซ้ายเข้ามาขอโคโนมิเต้นรำ เธอไม่รู้เพราะอะไรแต่มันรู้สึกปลอดภัยและคุ้นเคยมาก
"ค่ะ"โคโนมิตอบรับและเริ่มเต้นรำอย่างชำนาญเพราะการฝึกฝนจึงไม่ให้มีพลาด
"เต้นเก่งนะ"ชายคนนั้นกระซิบบอก
"ได้อาจารย์ดีค่ะ"โคโนมิตอบ
"อย่างนั้นหรอ วันนี้เธอสวยมากนะ"ชายหนุ่มยังคงพูดต่อไป
"คุณพูดเหมือนเคยเห็นชั้น"โคโนมิถามอย่างไม่เข้าใจ
"เห็นสิ เห็นมาตลอด แต่ไม่อาจทำอะไรได้ ได้แค่เฝ้ามองเธอเติบโตขึ้นโดยที่ไม่อาจเข้าไปรั้งเธอไว้ได้"ร่างนั้นยังคงบอก
"พูดอย่างนี้ คิดจะจีบหนูรึยังไงค่ะ"โคโนมิถามลองเชิง
"อยากจีบก็อยากอยู่แต่คงทำไม่ได้ เพราะมันมีกำแพงขวางอยู่"ร่างนั้นก็ยังคงพูดต่อไป
"มากับหนูหน่อยค่ะ"แล้วโคโนมิก็ลากชายคนนั้นออกไปไหนซักที่
ด้านเฟนรีย์
"วันนี้เธอสวยมากๆเลยนะ"ชายคนนั้นพูด(มาแนวเดียวกันอีกและ)
"ไม่นึกว่านายจะพดแบบนี้กับเขาเป็นด้วย"เฟนรีย์พูดขำๆ
"ชั้นพูดกับเธอคนเดียวนั่นแหล่ะ"
"เป็นนายจริงๆด้วยใช่ไหม"
"ไม่รู้สิ"
"คิกๆ อายงั้นหรอ"
"ใครจะไปอายคนโหดๆอย่างเธอ"
"ชอบชั้นรึยังไง"เฟนรีย์ถามให้ฝ่ายนั้นสะดุ้ง
"...."
"...."
"...."
"....เฮ้ เป็นอะไรไป"เฟนรีย์ถามเมื่อเห็นว่าเงียบไป
"ไปที่หนึ่งกับชั้นหน่อยสิ"แล้วชายคนนั้นก็ลากเฟนรีย์ไป
ด้านคาโอรุ
"ฮ้าว...ง่วงจัง"คาโอรุหาวเล็กน้อย
"รู้ไหมตอนเธอหาวน่ะ น่ารักมากเลยนะ"ร่างสูงกระซิบบอก
"มันเป้นธรรมชาติชั้นไม่ได้ไปบังคับมันซักหน่อย"คาโอรุพูดเพราะไม่ชินกับการโดนชม
"เธอน่ะไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักในสายตาชั้นเสมอแหล่ะ"
"หืม...พูดอย่างกับมองมาตลอด"
"ใช่แอบมองเธอมาตลอด มองเธออยู่ห่างๆมาตลอดตั้งแต่เมื่อ สิบปีก่อนแล้ว"
"...นึกว่าใครนายนี่เอง"คาโอรุถอนหายใจ
"แล้วไงล่ะ ที่ชั้นพูดน่ะจริงๆนะ"
"..."
"ที่คอยแอบมองเธอมาตลอด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้แต่น้อย ไม่ได้แม้แต่ชวนคุยก็ไม่กล้า"
"ตอนนี้กล้างั้นสิ"
"จะกล้ากว่านี้ ถ้าเธอมากับชั้นหน่อย"ร่างนั้นลากคาโอรุไปนอกลาน
ด้านมาโมริ
"นายเล่นอะไรของนายอยู่น่ะ"มาโมริถามคนที่กำลังเต้นรำด้วย
"เปล่าเล่นซะหน่อยแล้วเธอรู้ได้ไงว่าเป็นชั้น"
"คนที่พกขนมใส่ทุกกระเป๋าเสื้ออย่างนายจะมีซักกี่คนเชียว"
"สังเกตุด้วยหรอ ดีใจจัง"
"ทำไมล่ะ"
"ก็มีคนน่ารักๆอย่างเธอคอยเอาใจใส่ เป็นใครก็ชอบกันทั้งนั้นนี่น่า"
"พูดอะไรของนาย"
"เธอน่ะ เหมือนขนมของชั้นล่ะนะ"
"ยังไง?"
"ก็เธอน่ะ เป็นสิ่งที่ชั้นขาดไม่ได้ ต้องการอยู่ตลอดเวลา ไม่อาจละสายตาจากเธอได้เลย"
"-//////-"
"มานี่กับชั้นหน่อยสิ"แล้วมาโมริก็โดนลากออกไปอีกคน
ด้านเพโลปี้
"เป็นอะไรไปน่ะ หือ"ร่างสูงถามเพโลปี้
"เพื่อนๆน่ะ หายไปทีล่ะคู่ๆ"
"เป็นห่วงเพื่อนหรอ"
"ก็นิดหน่อย"
"มากๆเลยต่างหาก เธอเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วนี่"
"เจอกันครั้งแรก"
"ใช่เจอกันครั้งแรก เมื่อสิบปีก่อนไง ไม่ว่าเมื่อไหร่ชั้นก็ไม่เคยลืมใบหน้าของเธอได้"
"...หรือว่านาย....."
"และอีกอย่างพ่อเธอน่ะดุยิ่งกว่าไทไรโนซอรัสกลับชาติมาเกิด ชั้นก็สนิทด้วยไม่ได้"
"เด็กที่ยิ้มร่าได้ตลอดเวลาอย่างนายน่ะนะกลัว ไม่น่าเชื่อ"
"มีอีกหลายอย่างที่เธอจะไม่เชื่อในตัวชั้น"
"มานี่ชั้นมีที่อยากให้ดู"แล้วเพโลปี้ก็ลากชายหนุ่มไป
กลับมาทางเฟนรีย์
"นายจะพาชั้นไปไหนน่ะ"เฟนรีย์ถามอย่างตระหนกเพราะที่ๆเธอถูกพามานั่นมืดและปลอดคน
"กลัวหรอ"น้ำเสียงที่อบอุ่นฟังแล้วช่วยคลายกังวลได้บ้าง
"นิดหน่อย"ถึงไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมล่ะนะ
"ไม่เป็นไรชั้นไม่ทำอะไรที่เธอไม่ต้องการแน่"มือหนาเปลี่ยนจากจับข้อมือเป็นจูงมือเธอไป จนถึงที่ๆคิดว่าเป็นดาดฟ้า
"ว้าวสวยจัง"เฟนรีย์มองดาวที่สุกสกาวอย่างหลงใหล
"นอนลงสิ"แล้วทั้งคู่ก็นอนดูดาวกัน
"นับดาวกันนะ 1...2...3...4...5...ช่วยกันนับหน่อยสิ"เฟนรีย์หันมาหาร่างสูง มือสากจากการฝึกฝนไล้ไปตามใบหน้าของเฟนรีย์
"1..2..3..4..5..6..7..8..9......100"ร่างนั้นนับ
"โคจิโร่ ชั้นให้นับดาวนะดาวอยู่บนฟ้า ไม่ใช่หน้าชั้น-////////////-"เฟนรีย์พูดอายๆ
"ก็เธอน่ะสวยกว่าดาวตั้งเยอะนี่น่า"โคจิโร่ม้วนปอยผมดำเล่นอย่างสนุกมือก่อนจะเริ่มดม(โรคจิตป่าวหว่า)
"ชั้นน่ะชอบผมเธอนะ"
"ผมงั้นหรอ??"
"ใช่ ผมเธอสวย ผมเธอหอมชั้นชอบ"
"...(ชอบแค่ผมงั้นหรอ)"
"ชั้นชอบเวลามันอยู่กับเธอ"
"..."
"ชอบเวลาที่มันอยู่กับใบหน้าสวยๆของเธอ"
"...-///-..."
"ชอบทุกๆอย่างที่เป็นเธอ"
"...-////////////-..."
"ชั้นรักเธอนะเฟนรีย์"แล้วโคจิโร่ก็ประทับริมฝีปากบรรจงจูบอย่างอ่อนหวานและเนิ่นนาน
"ชั้นก็รักนายโคจิโร่"
"..."
"ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่แต่พอคิดๆดูแล้วถ้าหากขาดนายไปชั้นคงจะอยู่ไม่ได้ มันอาจเป็นความผูกพันธ์ตั้งแต่เด็กของพวกเรา"
"..."
"..."
"...คบกับชั้นนะเฟนรีย์"โคจิโร่พูด
"อืม..."แล้วทั้งคู่ก็จูบกันท่ามกลางแสงดาวดุจว่าดวงดาราจะเป็นพยานให้สองเรา
แชะ!!!เสียงชัตเตอร์เบาๆดังขึ้นที่มุมหนึ่ง
"ว้าว ได้ภาพเจ๋งๆไปฝากพ่อด้วยล่ะ ฮิๆๆๆๆ"เสียงหนึ่งเอ่ย(ใครฟระ!!!)
ทางคาโอรุ
"หืม ที่นี่ สวยจังเลย"คาโอรุพูดอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นหินสะท้อนแสงที่เรียงรายอย่างสวยงามสะท้อนแสงจากดวงจันทร์
"ใช่มันสวยมาก แต่มันสวยไม่เท่าเธอหรอก"
"เรียวสึกิ...-///-"
"เธอน่ะไม่ว่าจะยามไหนชั้นก็คิดว่าเธอน่ารักที่สุดแล้ว"
"บ้า..."
"ไม่ได้บ้านะ ที่ชั้นเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอไม่ใช่รึไง"
"..."
"เวลาไม่เห็นหน้า ใจมันจะขาด"
"..."
"เวลาเห็นคนอื่นมายุ่งกับเธอรู้สึกเหมือนมันหงุดหงิดอยากจะฆ่ามันให้ตายคาฝ่าเท้าชั้น"
"..."
"ชั้นอยากให้เธอยิ้มให้แค่ชั้น คุยแค่ชั้น ชั้นชอบแบบนั้น"
"..."
"ใครจะว่าชั้นเห็นแก่ตัวชั้นก็ไม่สน"
"..."
"ขอแค่มีเธออยู่ข้างๆก็พอ ชั้นรักเธอนะคาโอรุ"
"ร...ร...เรียว...สึกิ"น้ำตาคาโอรุเริ่มไหล
"อ่ะ อย่าร้องสิ ถ้าเธอไม่ชอบก็ไม่เป็นไรหรอกนะไม่ต้องลำบากใจไปหรอก"เรียวสึกิเช็ดน้ำตาให้คาโอรุทั้งๆที่ตัวเองก็แทบจะร้องให้เหมือนกัน
"ไม่ใช่ๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้น ชั้นร้องให้เพราะดีใจต่างหากล่ะ"
"..."
"ชั้นดีใจที่นายชอบชั้นรักชั้น"
"..."
"เพราะชั้นก็รักนาย"
"คาโอรุ..."แล้วทั้งคู่ก็กอดกัน
"คบกับชั้นนะ คาโอรุ"เรียวสึกิขอ
"จ๊ะ"แล้วทั้งคู่ก็จูบกัน
แชะ(ตกลงมันใครวะเนี่ย)
ด้านมาโมริ
"นายพาชั้นมาที่นี่ทำไม"มาโมริถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นบ้านขนมปังอยู่ตรงหน้า
"ไม่เคยได้ยินตำนานหรอ"
"ตำนานอะไร"
"มานี่ก่อน"แล้วชายคนนั้นก็ลากมาโมริมานั่งบนโต๊ะ
"อะไรพรีโม"
"ช่วยชั้นนับดาวหน่อย ห้ามนับ 100 นะ"ถึงจะงงๆแต่ทั้งคู่ก็นับดาวต่อไป
"98"
"99"
"หนึ่งร้...อุ๊บส์"ไม่ทันที่มาดมริจะพูดจบ พรีโมล่าก็ชิงปิดปากซะก่อนด้วยปากของตนเอง
"บอกว่าอย่าพูดหนึ่งร้อย"
"O//////////////O"
"จะบอกให้นะอย่างแรก ความหมายของการนับดาว 99 ดวงกันสองคน"
"..."
"มันหมายความว่าใครคนใดคนหนึ่งที่ชวนคนนั้นกำลังรักคนที่นับเป็นเพื่อนอยู่"
"...O/////////////////////////////////////////////O"
"และก็ตำนานที่ว่าน่ะก็คือ..."
"..."
"เมื่อก่อนมีเด็กสาวอยู่คนหนึ่ง เธอป่วยหนักอยู่ได้อีกไม่นาน และก็มีเจ้าชายคนหนึ่งมาเล่นกับเธอ พามาที่บ้านขนมปังนับดาวกันไปเรื่อยๆจนดวงที่หนึ่งร้อยทั้งคู่ก็จูบกัน เป็นคำสาบาณว่าจะรักกันตลอดไป แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็หายไปพร้อมกับความรักที่แสนหวานและไม่มีอะไรมาพังทลายมันลงได้"
"..."
"ชั้นจะรักเธอคนเดียวตลอดไป คบกับชั้นนะ"
"....จ๊ะ...ชั้นจะคบกับนาย พรีโม"แล้วทั้งคู่ก็จูบกันอีกรอบ
แชะ!!!(ตกลงอีนี่มันเป็นคร๊ายยยยยยยยยยยย)
ทางเพโลปี้
"สระน้ำที่นี่สวยไหม เคียวอิจิ"เพโลปี้ถาม
"สวยมาก มานี่สิ"เคียวอิจิถลกขากางเกงขึ้นก่อนจะหย่อนขาลงไปแช่ในสระโดยมีเพโลปี้นั่งข้างๆ
"นี่นายจะทำอะไร"เพโลปี้ถามเมื่อเคียวอิจิจับมือตนไปวางบนผิวน้ำ
"ลองทำใจสงบๆแล้วฟังเสียงของน้ำสิ"เมื่อได้ยินดังนั้นเพโลปี้ก็ทำตาม
"ถ้าสงบแล้วลองฟังเสียงหัวใจชั้นสิ"เคียวอิจินำมือเพโลปี้มาทาบไว้บนอก
"ทำไมมัน....."
"มันเต้นแรงใช่ไหมล่ะ ทุกครั้งที่อยู่หน้าเธอมันเต้นแรงอย่างนี้มาตลอด"
"..."
"มันแทบจะระเบิดออกมานอกอกอยู่แล้ว"
"..."
"มันเป็นอย่างนี้มาทุกครั้งตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว"
"..."
"ชั้นเลยแค่อยากจะบอกเธอ แต่ถ้าเธอไม่ชอบก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ ชั้นอยากบอกว่าชั้นรักเธอ"เคียวอิจิปล่อยมือเพโลปี้ลงแล้วคอตกทำหน้าเศร้าๆจะเดินออกไป
"..."
"..."
"เดี๋ยว เจ้าบ้าเคียวอิจิ"แล้วเพโลปี้กเข้าประกบจูบเคียวอิจิทันที
"...พ...เพโลปี้"
"เจ้าบ้ามาทำให้คนอื่นหวั่นไหวแล้วจะหนีไปทำไมล่ะ บ้าที่าสุดเลย ไอ้บ้าๆๆๆๆๆๆๆ ตั้งแต่เมื่อตอนนั้นแล้วแกเป็นอย่างนี้มาตลอดชั้นรอให้แกมาพูดกับชั้นเล่นกับชั้นคุยกับชั้นแกก็ไม่มาไอ้บ้าๆๆๆๆๆๆๆ ไอ้บ้าเคียวอิจิ ชั้นก็รักนายไอ้บ้าๆๆๆ"เพโลปี้ทุบอกเคียวอิจิอย่างอัดอั้น
"เพโลปี้"
"..."
"คบกับผมนะ"
"มันก็ต้องแหงอยู่แล้วสิ"เคียวอิจิยิ้มก่อนจะประกบจูบอย่างอ่อนหวาน
แชะ!!!(โว้ยยยยยย ตกลงมันเป็นใคร จะได้ไปขอภาพถูก(อ้าวเฮ้ยที่โวยวายคือเรื่องนี้หรอ))
กลับมาตัวเด่นของเรา โคโนมิ
โคโนมิลากชายคนนั้นมาถึงสวนดอกไม้ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
"เธอพาชั้นมาที่นี่ทำไม"ชายคนนั้นถาม
"คิดว่าหนูไม่รู้หรอค่ะว่าคุณเป็นใคร,Insegnante"
"ว้า...ความแตกซะและ เธอรู้ได้ยังไง"
"ก็จอนม้วนๆหมวกสูงๆแบบคุณอามีคนเดียวนี่ค่ะ"
"นั่นสินะ"
"และก็อีกอย่าง"
"หืม"
"มือของอาที่จับมือหนู เสียงของอาที่พูดกับหนู...."
"..."
"สายตาของอาที่มองหนู มันยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง"
"..."
"และเป็นสายตาที่ไม่ใช่อาจารย์มองลูกศิษย์หรืออามองหลานหรอกนะค่ะ"
"..."โคโนมิเข้าไปกอดคอรีบอร์นจูบส่วนเจ้าตัวก็อึ้ง
"ใช่ไหมค่ะ อารีบอร์น"
"โค....โนมิ"รีบอร์นเข้าไปจูบเด็กสาวอีกครั้งเมื่อร่างในอ้อมแขนจะหมดลมหายใจก็ปล่อยออกให้หายใจก่อนจะประกบเข้าไปใหม่ทำอยูหลายครั้งจนพอใจ
"คุณอา..."
"เรียกชั้นว่า รีบอร์นสิ"รีบอร์นกระซิบ
"รีบอร์น"
"ชั้นรักเธอโคโนมิ"รีบอร์นกอดโคโนมิอย่างห่วงหาราวกับจะหลุดหายไป
"หนูก็รักคุณอ....รีบอร์นค่ะ"แล้วทั้งสองก็นอนดูดาวกัน
"รู้ไหมค่ะว่าทำไมต้องเป็นแปลงดอกไม้ตรงนี้ที่หนูพาคุณมา"
"เพราะความหมายมันใช่ไหม"
"ใช่ค่ะ ความรักของชั้นกำลังผลิบานโปรดถนอมหัวใจของชั้นด้วย"
"ชั้นก็มีดอกไม้จะให็เธออาจจะ เละไปหน่อยเพราะล้มตัวลงเมื่อกี้แต่มันก็ยังสวย"รีบอร์นเอาดอกกุหลาบสีขาวออกมา
"รีบอร์น...."
"ชั้นรักเธอด้วยใจที่บริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน"รีบอร์นพูด
"..."
"คบกับชั้นนะ"
"ค่ะ"
"ชั้นรักเธอที่สุดเลย โคโนมิ"รีบอร์นพูดแล้วจูบโคโนมิอีกครั้ง
แชะ!!!(อีกแล้ววววววว)
"นั่นใครน่ะ"รีบอร์นชี้ปืนไปทางต้นไม้
"หวา อย่ายิงนะ"โคจิโร่กับเฟนรีย์ เดินออกมาจากหลังต้นไม้
"มาแอบดูคนอื่นเขาจูบกันเสียมารยาท"
"ว่าแต่พวกหนูไม่ได้นะค่ะ"แล้วเฟนรีย์ก็เขย่าต้นไม้นิดหน่อย
ฟ้าว
ตุ๊บ
แอ่ก
"แหะๆ โดนจับได้ซะแล้ว"พรีโมล่าเกาหัวทั้งๆที่ล่วงลงมาหน้าคว่ำมี มาโมรินั่งทับอยู่
"ไม่ใช่แค่นี้นะค่ะ"แล้วมาโมริก็ปาก้อนหินไปทางต้นไม้อีกต้นหนึ่ง
แซ่กๆ
ฟ้าว
ตุ๊บ
แอ่ก
"อุ๊บส์ แย่ล่ะสิ"เคียวอิจิพูดบนตักมีเพโลปี้นั่งอยู่
"อุ๊ยตาย มีงานงอกมาอีกกระทงแล้วไงตรู"เรียวสึกิพูด โดยมีคาโอรุนอนทับอยู่ด้านบน
"อยากโดนมากใช่ไหม Loro piantagrane."รีบอร์นคิ้วกระตุกจนหลายคนเหงื่อตก
"แต่วันนี้ชั้นอารมณ์ดีจะเว้นให้วันหนึ่งล่ะกัน"รีบอร์นพูดแล้วฉุดโคโนมิให้ยืนขึ้นหลายคนถอนหายใจอย่างโล่งอก
"แล้วคิดบัญชีเอาพรุ่งนี้รวดเดียว"แล้วรีบอร์นก็เดินหายไปในงานกับโคโนมิปล่อยให้คนที่เหลือยืนคร่ำครวญให้กับตัวเอง
'ไม่น่าไปยุ่งกับเขาเลย'
"ฮิๆๆๆๆๆ จะคิดถึงกันไหมนะ พวกท้องฟ้าเอ๋ย ฮิๆๆๆๆๆๆ"เสียงลึกลับพูด
งานวันพ่อ
เหล่าวองโกเล่และ เชเดฟรุ่นที่สิบเอ็ดนั่งอยู่หน้าชายทั้งเก้าคน
"รุ่นที่เก้า..."โคโนมิมองชายชราตรงหน้าใาตาพร่าด้วยน้ำใสๆ
"ชั้นก็เป้นพ่อบุญธรรมให้เธอได้นะ โนมิจัง"รุ่นที่เก้าลูบหัวอย่างอ่อนโยน
"ว่างมากหรือไงไอ้ม้าแหย"คาโอรุพูดอย่างเซ็งๆ
"ก็นะ เคียวยะฝากเธอไว้กับชั้นนี่น่า"ดีโน่หัวเราะถ้าสังเกตุดีๆข้างหลังมีโรมาริโอ้มาพลุบๆโผล่ๆแอบมองอยู่(ถึงว่าไม่ตกเวทีตายไป)
"ชั้นไม่อยากรับนายเป็นพ่อบุญธรรมเลยให้ตายสิ"โคจิโร่บ่นใส่ฟง
"ปากร้ายนะครับ จะว่าไปเหมือนพ่อคุณนะครับ"ฟงพูดแล้วยิ้มเย็นๆ
"เฮ้อ อย่ามาบ่นเรื่องเงินให้ผมฟังอีกนะ"พรีโมล่าพูดเซ็งเป็ดสุดๆ
"ไม่ให้บ่นได้ยังไงวันหนึ่งแกกินขนมกี่ถุงๆละเท่าไหร่รวมเป็นเดือนเป็นีมันตั้งเท่าไหร่ ถ้าแก......บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"มาม่อนเริ่มบ่น
"อาจารย์สบายดีไหมครับ"เรียวสึกิพูด
"สบายดีหายห่วงเว้ยเห้ย ชั้นไม่ตายง่ายๆอยู่แล้วเว้ยเห้ย"โคโรเนโร่พูดแล้วยิ้มทำท่าลิโพ(ชูสองนิ้ว)
"ตอนนี้ศึกษาเรื่องอะไรอยู่ล่ะค่ะ ลุงเวลเด้"มาโมริถาม
"ก็เกี่ยวกับสสารบางอย่างนั่นแแหล่ะ พ่อเธอเคยบอกไว้"เวลเด้ตอบ
"ยังไม่ตายใช่ไหมครับ"เคียวอิจิถาม
"ชั้นไม่ตายง่ายๆหรอกเฟ้ย คนอย่างพี่สคัล ได้ฉายาว่าอมตะเชียวนะเฟ้ย"สคัลพูดอย่างมั่นใจ
"พ่อหัดมาเที่ยวหาหนูบ่อยๆบ้างสิ เดี๋ยวหนูก็ลืมหน้าพ่อเข้าสักวันหรอก"เฟนรีย์บอก
"ก็พวกชั้นทำงานหาเงินมาเลี้ยงแกนี่ แต่จะโทรหาบ่อยๆนะ"แซนซัสกอดลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน
"แค่โทรมาหาบ่อยๆมันจะพอรึไงค่ะ แวะมาเยี่ยมแม่บ้างก็ได้นี่น่า"เพโลปี้พูด
"โอเคๆ จะรับงานน้อยลงแล้วไปเที่ยวหาพวกแกเยอะขึ้นก็ได้ดีไหม"สควอโล่ถามแล้วขยี้ผมลูสาวให้ฟูฟ่อง
"พรุ่งนี้เราจะกลับอิตาลีกัน เราได้วันหยุดอาทิตย์หนึ่ง ชั้นมีของขวัญให้พวกเธอด้วยนะ ไปเตรียมตัวซะไป"รีบอร์นยิ้มเจ้าเล่ห์(อีกครั้งในฟิคนี้) ทุกคนก็ไปเก็บของแล้วเตรียมตัวไปวันรุ่งขึ้นทุกคนก็ไป
คฤหาสน์รุ่นที่ 10
หลังจากมาถึงบ้านก็เห็นเหล่าแม่ๆร้องไห้ทุกคนเข้าไปถามก็บอกว่าไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจ ทุกคนจึงแยกย้ายมาเยี่ยมหลุมศพพ่อแล้วพูดคุยกับอากาศธาตุไปเรื่อย
แล้วจู่ๆทุกคนก็มองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจแง้มฝาโลงเล็กน้อยแล้วยื่นมือเข้าไปหวังจะจับมือบิดาตนแต่ก็ต้องตกใจเพราะข้างในนั้นมัน
.
.
.
.
.
.
.
ว่างเปล่า!!!!!!
ครืนนนน
ทุกคนโยนฝาโลงออกไม่มีอะไรอยู่ในโลงนอกจากดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธ์
"พ....พ่อหายไปไหนน่ะ"โคโนมิเริ่มจะร้องให้ ทุกคนวิ่งกลับคฤหาสของตัวเองหวังจะไปบอกมารดาแต่เมื่อไปถึง
ก็เห็นร่างทมึนคลุมชุดดำอุ้มมารดาที่ไม่ได้สติของตน
"แกเป็นใครจะทำอะไรแม่เราน่ะ!!!!!!"โคอิจิที่รักมารดามากที่สุดตะโกนร่างเหล่านั้นไม่ตอบแต่แยกย้ายไปคนละทาง
"เธอสองคนอยู่ตรงนี้แม่เราเราจัดการเอง"โคโนมิวิ่งตามแม่ของตนไป
ด้านเคียวอิจิ กับอิสึมิ
"ปล่อยแม่ชั้นลงนะ"เคียวอิจิคว้ากรงจักรออกมา
"ฮ่าๆๆๆๆๆ น่ากลัวเชียวนะ เคียวคุง"เมื่อได้ยินน้ำเสียงนั่น เคียวอิจิก็ชะงัก น้ำตาไหล ปากสั่น
ด้านเรียวสึกิ กับเอลีน่า
"ปล่อยแม่ชั้นลงนะ แกไม่มีสิทธิ์แตะต้องแม่ชั้น"
"แน่ใจหรอว่าชั้นไม่มีสิทธิ์ นายนี่มันสุดขั้วววววว"เมื่อได้ยินเสียงนั้น วิธีการพูดนั่น เข่าก็อ่อน ทรุดลงไปกับพื้น
ด้านโคจิโร่ กับรีนะ
"ดับไปซะ"โคจิโร่โยนระเบิดใส่ แต่มีเกราะมาบังก่อน
"อ่อนหัดน่า โคจิโร่"เสียงนั้นบอก โดยมีซิสเท็มม่า ซีเอไอ บังระเบิดอยู่ โคจิโร่อึ้ง
ด้านพรีโมล่า กับเอนีเซีย
"Tempesta elettrica.(พายุไฟฟ้า)"พรีโมล่าโยนมีดสั้นที่มีไฟดับเครื่องชนติดอยู่ไปแต่ร่างนั้นกระโดดหลบอย่างง่ายดาย
"ไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมเลยน๊า เอาเวลาไปกินขนมอยู่ล่ะสิ"เสียงนั้นพูดล้อๆ แต่ทำให้พรีโมล่านิ่งค้างไป
ด้านมาโมริ กับลีน่า
"วาง แม่ ชั้น ลง"มาโมริพูดอย่างกดดัน แล้วคว้าเชือกมาเตรียมตัว
"ทำตัวน่ารักจริงๆเลยนะ มาโมริจัง คุฟุฟุฟุฟุฟุฟุ"เมื่อสิ้นเสียงมาโมริก็ทรุดฮวบไปกับพื้น แล้วน้ำตาเอ่อ
ด้านคาโอรุ กับชิโระ
"ปล่อยแม่ชั้นไม่งั้นชั้นจะ ขย้ำคุณ"คาโอรุกระชับทอนฟา
"ว้าว ท่าทางเก่งขึ้นนะแม่หนูน้อยของชั้น"ร่างนั้นพูด ทอนฟาของคโอรุหล่นลงพื้น น้ำตาไหล
ด้านโคโนมิ กับคิสะ
"ปล่อยแม่ชั้นลงไม่งั้นแกได้แหลกเป็นจุลแน่"โคโนมิอัดไฟเข้าไปในปืน
"แน่ใจหรอว่าเธอจะทำชั้นได้ โนมิจัง"เท่านั้นโคโนมิก็ทรุดลงพื้นปิดปากร้องไห้
ตอนนี้หลังจากทุกคนเริ่มรู้ว่าใครคือคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้นแล้วก็มารวมกันที่ห้องนั่งเล่น พวกแม่ๆที่ฟื้นแล้วก็ไปทำขนมอยู่
"ตกลงพวกคุณไม่ตายใช่ไหม"เพโลปี้ถาม
"อืม...ก็ประมาณนั้น"
"..."ทุกคนเงียบ
ตึกๆๆๆ
พลั๊ววววววว
โคจิโร่วิ่งไปทางโกคุเทระแล้วต่อยไปเต็มแรงก่อนจะกระชากเสื้อเขย่าๆๆๆ
"แล้วพวกแกหายไปไหนตั้งหลายปีสนุกมากนักรึไงให้ยัยบอสบ้านี่ร้องไห้อยู่ทุกวันฮะ!!!"โคจิโร่ตะคอก
"วายุ!!"โคโนมิปราม
"อะไร บอสไม่เคยร้องสักหน่อย"เรียวสึกิพูดอย่างสงสัย
"คิดว่าชั้นไม่รู้รึไงยัยบอสงี่เง่า ว่าเธอน่ะ แอบออกมาร้องให้อยู่คนเดียวเสมอเลยน่ะ ชั้นเป็นแฟมิลี่ของเธอนะ ถึงไม่เห็นแต่แขนเสื้อเธอเปียก ชั้นรู้"โคจิโร่พูด
"บ...บอส"ทุกคนมองโคโนมิ
"...."พวกสึนะก็นิ่งค้างไปแล้วเพราะลูกสาวเขาทำไมจะไม่รู้ เด็กคนนี้ไม่เสียน้ำตาง่ายๆ
"แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ"โคโนมิพูดแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน
"บอส..."
"มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรอที่พ่อกลับมา นายเองก็ร้องไห้เหมือนกันไม่ใช่รึไง ตอนที่รู้ว่าพ่อกลับมากระทั่งตอนนี้ นายก็ดีใจไม่ใช่รึไงล่ะ"โคโนมิยิ้ม โคจิโร่หน้าแต้มแดงเล็กน้อย
"พูดอะไรของเธอชั้นดีใจซะที่ไหน"โคจิโร่เดินไปนั่งที่ส่วนยามาโมโตะเข้าไปประคองโกคุเทระที่มึนๆจากหมัดอยู่
"แล้วเรื่องราวเป็นยังไงค่ะ"เฟนรีย์ถาม
"ก็......."
----------------------------------------------
หลังจากประชุมเสร็จ
"ฮ้าว กลับบ้านกันเถอะผมคิดถึงคาโอรุจังจะแย่อยู่แล้ว"ฮิบาริรีบเดินขึ้นรถ
"นั่นน่ะสิ ปานนี้คงนอนกลางวันกันอยู่ล่ะมั้ง"มุคุโร่ขึ้นตาม
"โนมิจังจ๋าพ่อมาแล้วจ้า"สึนะกระโดดขึ้นรถทำให้ทุกคนคิด
'ที่ประชุมเมื่อกี้กับตอนนี้ต่างกันราวฟ้ากับโคตรเหวลึกเลยนะ'
"รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวพรีโมก็แย่งขนมผมกินหมด"แรมโบ้ก็ขึ้นรถ
"ไม่เห็นอยากจะไปหาเจ้านั่นเลย"ถึงปากพูดแต่แกขึ้นรถไปคนแรกเลยนะเฟ้ย
"เร็วๆสิชั้นคิดถึงกับข้าวฝีมือเคียวคุงกับอิสึมิแล้วนะ"ยามาโมโตะเร่งคนขับรถ
"ลูกชั้นต้องรอสุดขั้วววววว"เรียวเฮพูด
"เดี๋ยวก่อนค่ะ"เสียงเด็กสาวปราม
"มีอะไรหรอยูนิจัง"สึนะถาม
"คือ......."
โครมมมมมม
รถที่รับส่งพวกสึนะเบรกแตกแล้วพุ่งลงเหวไป โดยมีพวกเอวาเน่มองดูอยู่ และพวกสึนะที่อยู่อีกมุมหนึ่ง
"โชคดีที่ยูนิบอกไว้ก่อนไม่งั้นล่ะก็...ไม่อยากจะคิด"สึนะทำท่าขนลุก
"แต่ไอ้เจ้าเอวาเน่แฟมิลี่มันจะไม่เลิกจองล้างจองผลาญเราจริงๆสินะ"
"นั่นสิ เฮ้อ อย่างนี้เราก็ไม่ได้เห็นหน้าพวกนั้นอีกนานเลย"
"น่าๆเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเราต้องไปซ่อนตัวก่อนไปเถอะไป"สึนะดันหลังเพื่อนๆที่คอตกอย่างเศร้าไปทั้งที่ตัวเองแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว
------------------------------------------------
"อ๋อ เรื่องเป็นอย่างนี้นี่เอง"รีบอร์นทำท่าเข้าใจ
"ไม่ต้องมาอ๋อเลย รีบอร์นรู้อยู่แล้วนี่"โคโนมิพูดงอน รีบอร์นชำเลืองก่อนจะหยิกแก้มอย่างหมั่นเขี้ยว
"คงงั้นมั้ง"รีบอร์นยักไหล่
"ทำไมโนมิจัง เรียกอาเข้าห้วนๆอย่างนั้นล่ะ ไม่น่ารักเลยนะ เรียกอย่างกับเป็นแฟนกันอย่างนั้นแหล่ะ"สึนะพูดอย่างสงสัยพบกที่เหลือก็หัวเราะคิกคัก ส่วนสองคนนั้นหน้าก็แดงหน่อยๆ
"เอ๋ ชั้นพูดอะไรผิดไปรึเปล่า"สึนะถาม
'ไม่ผิดแต่ตรงประเด็นเลยต่างหาก'ทุกคนคิด
"คือ...เอ่อ...เจ้าสึนะ ชั้นกับ...เอ่อ...โคโนมิ...ลูกแกเรา....."รีบอร์นพูดอย่างติดขัดทำให้หลายคนเริ่มเดาได้ยกเว้นไอ้จอมบื้อ
"อะไรหรอ"
"คุณรีบอร์นกับบอสเป็นแฟนกันค่ะ"เพโลปี้บอก
ผึง
"ว่าไงนะ เขาพูดจริงหรอโนมิจัง"สึนะหักนิ้วแล้วเหล่ไปมองทางรีบอร์นแล้วยิ้มเย็นๆไปให้รีบอร์นเหงื่อตกเล่น(?)
"จริงค่ะ"โคโนมิตอบ
"ไปตายซะไอ้โลลิค่อน"สึนะเริ่มไล่รีบอร์น
"เฮ้ใจเย็นก่อนเซ่"รีบอร์นกระโดดหลบพวกที่นั่งอยู่ก็หัวเราะ
"อยากแฉกันนักใช่ไหมได้ คาโอรุ กับเคียวอิจิ และก็มาโมริกับพรีโมเป็นแฟนกันเหมือนกันนะเว้ย"รีบอร์นตะโกนบอก
"อ้าวเฮ้ย"ทั้งสองหนุ่มที่มีชื่อเหงื่อแตกพลั่กๆ
"ผมจะขย้ำคุณ"
"คุฟุฟุฟุ สนใจไปทัวร์พิภพที่หกกับผมไหมครับ คึหึหึหึหึหึ"แล้วทั้งสองก็หนีทอนฟากับสามง่ามกันจ้าละหวั่นจนได้ไปแผลสองแผล แต่รีบอร์นรู้จังหวะลูกศิษย์ตัวเองจึงปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นแม้จะโดนสึนะจิกตาอย่างหวงลูกอยู่บ้างก็ตาม ทุกคนก็กินข้าวเย็นกันอย่างครื้นเครง
..............................
สนามบิน
"พ่อค่ะ ปล่อยขาหนูเถอะ"โคโนมิบอกสึนะที่กอดขาตนเองแน่นราวกับกลัวมันจะปลิวหายไป
"ไม่อ๊าวววว ToT พ่อพึ่งจะได้เจอโนมิจังเองนะ จะหนีพ่อไปไหนอ่ะ ไม่อ๊าวๆๆๆ อยู่กับพ่อก่อนเซ่"สึนะรั้งไม่ให้เด็กสาวขึ้นเครื่องใครมาเห็นคงขำมากเพราะ บอสรุ่นที่สิบ เกาะติดลูกสาวอย่างกับปลิง
"หนูต้องไปเรียนค่ะพ่อ"โคโนมิใช่พลังแงะพ่อตัวเองออกจากขาและพื้น
"ไปตั้งไทยไม่เอาอ่า เรียนที่นี่เถอะน๊าาาา"ตอนนี้บรรดาลูกน้องมองบอสอย่างระอา คนที่เดินไปมาก็หยุดดู
"พ่อค่ะ คนเขามุงเต็มไปหมดแล้วหนูอาย"โคโนมิพยายามสลัดแต่ก็ไม่หลุดซักที
"ไม่อ๊าว"ตอนนี้พวกผู้พิทักษ์มาช่วยกันงัดกันดึงออกเพราะเดี๋ยวจะตกเครื่อง พอหลุดแล้วโคโนมิก็วิ่งปรู๊ดขึ้นเครื่องทันทีโดยมีเสียงของสึนะไล่หลังมา
"ไม่น๊าาา อย่าป๊ายยยยยยยยย"และในที่สุดเครื่องก็ออกจากสนามบิน
บนเครื่อง
"ดูสิ พ่อจะยึดอะไรนักหนาแดงหมดเลย"โคโนมิบ่นเพราะขาของเธอแดงเพราะแรงยึดของสึนะ
"คิๆ คุณสึนะน่ะหวงมากๆเลยล่ะ สงสัยอยู่ถ้าหลุดออกมาจากพวกพ่อได้ ไม่บินมาหาเธอรึไง"เพโลปี้พูดขำๆแต่ทุกคนคิด
"นั่นดิ อย่าให้มาล่ะกัน แล้วก็คุณรีบอร์น ชิงหลับหนีความผิดไปหมดเลยด้วย"เฟนรีย์มองรีบอร์นที่หลับเป็นตายอยู่ที่โต๊ะข้างหน้า
"ช่างเถอะ เห็นบอกว่าโดนคุณสึนะแกล้งเลยนอนไม่หลับทั้งคืน"เรียวสึกิพูด ทุกคนก็แยกไปนั่งพักผ่อนเพื่อไปเรียนต่อ
วันหนึ่งในห้องเรียน
"เอาล่ะ จะมีครุคนไหม่มาสอนพวกแกนะ"รีบอร์นบอกแล้วหนุ่มผมสีขาวสว่างก็เดินเข้ามา
"สวัสดีจ๊ะ ชั้นชื่อ เบียคุรันนะ"ทั้งห้าสาวหันไปมองอย่างเร็วจนคอแทบเคล็ดแล้วอยากจะร้องให้
'ไอ้บ้าโอโม่มันมาได้ยังง๊ายยยยยยยย'
"แล้วอาจารย์สอนวิชาอะไรค่ะ"เด็กคนหนึ่งถาม
"วิชามาเฟียจ๊ะ"พูดจบ สี่หนุ่มถไลพรืดไปกับโต๊ะ ห้าสาวสำลักน้ำลายตัวเอง
"เป็นยังไงค่ะ"
"มาเฟียที่พวกเธอเห็ในหนังน่ะ มันไม่เหมือนของจริงหรอกนะ เธอต้องเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติของมาเฟียก่อน แล้วก็เรื่องของแหวน จากนั้นก็กล่อง และการป้องกันตัว"
"ขอข้ามไปเรื่องแหวนกับกล่อเลยได้ไหมครับ"เด็กนักเรียนคนหนึ่งถาม
"ได้ แต่เธอต้องหารายงานตามนี้มาให้ครูนะ
1.สเตลล่าแฟมิลี่กับ วองโกเล่แฟมิลี่ มารวมกันได้ยังไง
2.วองโกเล่แฟมิลี่ มิลฟิลโอเล่แฟมิลี่ และอัลโกบาเลโน่ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
3.วองโกเล่แฟมิลี่ ตั้งแต่รุ่นที่ 1-10 มี ความคล้ายคลึงกันอย่างไร
4.มิลฟิลโอเล่แฟมิลี่คือแฟทิลี่อะไรมารวมกัน
5.วองโกเล่แฟมิลี่ ตั้งแต่รุ่นที่ 1-11 ชื่ออะไรบ้าง และมีเกร็ดเสริมอะไรบ้าง
6.ผู้พิทักษ์มีธาตุอะไรบ้าง
7.บอสของวองโกเล่แฟมิลี่ ทุกรุ่นใช้อาวุธอะไรบ้าง
8.ท่าไม้ตายของวองโกเล่รุ่นที่สิบคืออะไร และเกิดจากอะไร
9.มิลฟิลโอเล่ครอบครองแหวนอะไร วองโกเล่ครอบครองแหวนอะไร และอัลโกบาเลโน่ครอบครองอะไร
10.บอสของมิลฟิลโอเล่คนปัจจุบันชื่ออะไร
11.เอารูปของ ส่วนที่ลึกที่สุดของคุกวินดีเช่มาให้ดู
ทำได้ไหม"เบียคุรันยิ้มส่วนคนที่เหลือเหงื่อตก
"ภายในวันพรุ่งนี้ เที่ยงถ้าพวกเธอหามาไดหมดล่ะก็ ชั้นจะสอนเรื่องแหวนกับกล่องเลย"แล้วเบียคุรันก็เดินออกไปทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ รีบอร์นมองขำๆ
ตอนกลางวัน
เด็กนักเรียน เข้าไปมุงอยู่ในห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบพอออกมาก็เห็นพวกเด็กใหม่นั่งหัวเราะอย่างสบายใจ
"พวกเธอทำเสร็จแล้วหรอ"เด็กสาวคนหนึ่งถาม
"ก็ยังอ่ะนะ แต่ก็รู้คำตอบหมดแล้วนี่น่า"โคโนมิพูดแล้วตักเค้กเข้าปาก
"บอกหน่อยสิ"
"เอางั้นก็ได้ แต่รอบเดียวนะ"แล้วโคโนมิก็หันมาหาพวกนั้น
1.บอสของสเตลล่าแฟมิลี่กับวองโกเล่แฟมิลี่แต่งงานกัน
2.เกี่ยวข้องกันเพราะเป็นทรูรินีเซ็ตเต้
3.มีไฟดับเครื่องชน
4.เจสโซ่แฟมิลี่กับจิสโรเนโร่แฟมิลี่
5.รุ่นที่หนึ่ง จิอ๊อตโต้
รุ่นที่สอง คอนเชเล่ หรือ ริคาโด้
รุ่นที่สาม ถึง ห้าเป็นปริศนา
รุ่นที่หก ซิโมร่า
รุ่นที่เจ็ด แฟบิโอ
รุ่นที่แปด แดนิเอล่า เป็นบอสผู้หญิง คนแรกของวองโกเล่
รุ่นที่เก้า ทิมอเทโอ
รุ่นที่ิสิบ.......สึนะโยชิ
6.วายุ พิรุณ อรุณ อัสนี สายหมอก เมฆา
7.รุ่นที่หนึ่ง ถุงมือ
รุ่นที่สอง มือเปล่า
รุ่นที่สาม มีด
รุ่นที่สี่ ส้อม
รุ่นที่ห้า กรรไกร
รุ่นที่หก บูมเบอแรง
รุ่นที่เจ็ด ปืน
รุ่นที่แปด หน้าไม้
รุ่นที่เก้า ไม้เท้า
รุ่นที่สิบ ถุงมือ
รุ่นที่สิบเอ็ด ปืนและสร้อย
8.x - burner เกิดจากใช้ไฟอ่อนช่วยพยุงด้านหลังแล้วปล่อยไฟแข็งออกมาด้านหน้ามีแรงปะทะให้ไหม้เกรียม
เดือดทะลุจุดสูญ แช่แข็งไฟธาตุ
9.มิลฟิลโอเล่ครอบครองแหวนมาเลย์ริง วองโกเล่ครอบครองแหวนวองโกเล่ริง และอัลโกบาเลโน่ครอบครองจุกนม
10.เบียคุรัน
11.เอารูปของ ส่วนที่ลึกที่สุดของคุกวินดีเช่มาให้ดูไม่ได้เพราะใครเผยแพร่ จะโดนขังซะเอง"โคโนมิพูดแล้วกินเค้กต่อพวกที่จดกันยิกๆก็อึ้ง
"ทำไมเธอรู้ดีจัง"
"ก็ชั้นคนณี่ปุ่น - อิตาลีนี่น่า"โคโนมิยิ้มแฝงความไว้
คาบ วิชามาเฟีย
"ส่งครบทุกคน เหนือความคาดหมายใครช่วยรึเปล่าเนี่ย"ดวงตาสีม่วงแหล่มองโคโนมิที่ยิ้มแห้งๆมาให้
"เอาล่ะตามสัญญา เราจะเรียนเรื่องแหวนกับกล่องกัน"
"นั่นมันแหวนธรรมดาไม่ใช่หรอครับ"นักเรียนถาม
"ไม่ใช่หรอกแหวนวงละไม่กี่บาททำแบบนี้ไม่ได้"แล้วเบียคุรันก็จุดไฟที่แหวนนักเรียนเริ่มสนใจ
"แหวนมีทั้งหมด เจ็ดธาตุ การจุดไฟที่แหวนต้องใช้ความตั้งใจ ว่าเธอตั้งใจจะทำอะไร เอาล่ะมาลองดูสิว่าพวกเธอมีธาตุอะไรกันบ้าง"เบียคุรันพาเด็กๆลงไปข้างล่างแล้วเริ่มลองให้จุดไฟที่แหวน
"แต่ละธาตุมีคุรสมบัติแตกต่างกันไปนะ
นภา ผสมผสาน
วายุ แตกสลาย
พิรุณ ระงับ
อรุณ กระตุ้น
อัสนี แข็งแกร่ง
สายหมอก สร้าง
เมฆา เพิ่มพูน
บังคับไฟดีๆระวังมันจะลวกหน้าเธอเอง"แล้วทุกคนก็ลองจุดไฟ
"พวกเธอมีแหวนส่วนตัวใช่ไหม จุดแหวนกันเองนะ"เบียคุรันบอกพวกโคโนมิ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำตามอย่างช่วยไม่ได้
"คราวนี้ มาถึงกล่องบ้างล่ะ กล่องจะมีหลายแบบ คือ อาวุธและสัตว์ พวกเธอทำได้มานี่สิ"เบียคุรันเรียกพวกโคโนมิที่กำลังด่าตัวเองในใจให้ออกมา
"อืม เอาใครก่อนดีน๊า เธอโคจิโร่เปิดกล่องอาวุธอันนี้สิ ชั้นไปยืมจากวองโกเล่มา"เบียคุรันยื่นกล่องของ โกคุเทระให้ ทุกคนมอง
'มันไปเอามาทำม๊ายยยย'
"เปิดกล่อง"แล้วแฟรมแอโร่ก็ออกมาติดอยู่ที่แขน
"ก็อย่างที่เห็น"เบียคุรันเคาะ
"อย่าเคาะสิมันหนักนะเฟ้ย"โคจิโร่บ่น
"และก็กล่องสัตว์อ่ะนี่"แล้วทุกคนก็ต้องจำใจเปิดกล่องออกมา
"ว่าไงนัตสึ ไม่ได้เจอกันนานนะ"โคโนมิทักทายสิงโตน้อย
"แล้วก็จะมี เปลี่ยนสัตว์เป็นอาวุธ"
"นี่มันมากไปแล้วรึเปล่าครับ คุณเบียคุรัน"เคียวอิจิถาม
"น่าๆ เจ้าของเขาอนุญาติแล้ว"ทุกคนก็ต้องจำใจ(อีกครั้ง)พูด
"แคมบิโอฟลอม่า"
"ของนภานี่จะมีสองโหมดไหนลองโหมดต่อสู้สิ"
"นัตสึ แคมบริโอฟลอม่า โหมด แอ็ทแท็ก โก"จากนั้นก็เปลี่ยนจากผ้าคลุมเป็นถุงมือ
"งั้นต่อจากนี้ก็...."
"ถ้าคุณจะให้เราทำอะไรงี่เง่าๆอย่างเช่นสู้กันล่ะก็ชี่นจะรัดคอคุณด้วยกุญแจมือนี่"คาโอรุพูดแล้วเพิ่มจำนวนของกุญแจมือที่แกว่งอยู่ในแหวน
"หรือไม่ชั้นก็จะมองคุณผ่านเลนส์ปีศาจนี่จะได้ไปลอยอืดอยู่ในทะเล"มาโมริพูด
"ผมว่าช๊อตให้ตายดีกว่า"พรีโมเริ่มสร้างไฟฟ้าสถิต
"เอาน่าๆ ไม่สู้ก็ได้เก็บได้แล้ว"ทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเบียคุรันก็อธิบายนู้นนี่จนหมดคาบ ทุกคนกลับห้องแต่ ห้าสวสี่หนุ่มถูกเรียกรั้งเอาไว้
"ของขวัญ ใกล้จะปีใหม่แล้วนี่"เบียคุรันยื่นกล่องที่ไม่ใช่กล่องวองโกเล่ ให้พวกโคโนมิ ซึ่งก็รับมางงๆแล้วก็กลับห้องเรียนตัวเอง
"เดี๋ยวเจ้าพวกนั้นก็จะได้มาดูความสำเร็จของลูกตัวเองแล้ว"เบียคุรันพูดแล้วกินมาชเมลโล่ต่อ ยิ้มอย่างสว่างไสว จนรอบข้างดูมืดลงไปทันตาเลยทีเดียว
...................................
ณ สวนรกร้างหลังโรงเรียน
"เอาล่ะนะ เปิดเรียงไปเลยล่ะกัน ชั้นเริ่มก่อน"โคโนมิพูดแล้วหยิบกล่องขึ้นมาถือไว้
"เปิดกล่อง"
โคโนมิเปดกล่องออกมาเป็นสิงโตนภาสีขาวตัวเล็กกว่าเบสเตอร์(ไลเกอร์ของแซนซํส)หน่อยนึง
"เปิดกล่อง"
โคจิโร่เปิดกล่องออกมาเป็น Cheetah tempesta หรือ ชีต้าร์วายุ มีไฟติดที่ขาทั้งสองคู่และหาง
"ตาชั้นล่ะ เปิดกล่อง"
เคียวอิจิเปิดกล่องออกมาเป็น เหยี่ยวพิรุณ ตัวเท่าแขน มีไฟติดที่ตัว
"อืม ชั้นงั้นหรอ เปิดกล่อง"
มาโมริเปิดกล่องออกมาเป็นกระรอกสายหมอกตัวเท่าฝ่ามือ
"...."
คาโอรุเปิดกล่องออกมาเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่ ลายตามตัวมีลักษณ์คล้ายก้อนเมฆ
"เปิดกล่อง"
เรียวสึกิเปิดกล่องออกมาเป็น ลิง หรือค่าง ก็ไม่รู้(อ้าว)
"เปิดกล่อง"
พรีโมเปิดกล่องออกมาเป็น Elettrico Rabbit หรือกระต่ายไฟฟ้า เป็นกระต่ายขนสีขาวสองตัวนุ่นิ่มน่ารัก
"เปิดกล่อง"
ของเฟนรีย์เป็นไลเกอร์ แต่เป็นแค่ลูกไลเกอร์ตัวไม่ใหญ่มาก สีทอง
"เปิดกล่อง"
เพโลปี้เปิดกล่องออกมาเป็นปลาเทวดาลายขาวสลับดำฝูงหนึ่ง
"เจ้านี่ชื่อ สกาย ดวงดาวของท้องนภาที่โปรดปราน"แล้วโคโนมิก็ลูบแผงขนสกายอย่างสนุกมือ
"เจ้านี่ชื่อ คันดะ"โคจิโร่บอกแล้วแหย่สัตว์กล่องของตนเองเล่น
"เจ้านี่ชื่อ คาอาชิล่ะกัน"เคียวอิจิบอก
"งั้นของชั้นชื่อ มิส (Mist)"มาโมริตั้งชื่อได้ตรงตัวสุดๆ
"เดธ"คาโอรุพูดน้อยมาก
"ชื่อคอนไปเลยล่ะกันแก"เรียวสึกิกำลังเล่นอยู่กับลิงของตัวเอง
"ซอฟ ล่ะกัน ตัวนุ่มดี"พรีโมก็ตั้งชื่อง๊ายง่าย
"รอทโต้"เฟนรีย์ตั้งชื่อซะ....
"ก๊อท ล่ะกัน"เพโลปี้ก็ตั้งเป็นพระเจ้าเฉยเลย
"แหมๆ ลูกๆนี่ตั้งชื่อได้ อเมซิ่งมากเลยนะ"เสียงทุ้มหวานขี้เล่นแบบนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
"พ่อ!!!!!!!!!!!"
..............................................................
ชื่อตอน:เปิดตัวนา(ย)งเอกสุดโมเอ้
ตอนที่:1
คู่:-
สปอย:เมื่อผู้จัดการโฮสต์คนเก่าหายหัว ผู้จัดการคนใหม่สุดโมเอะจึงมาแทน
............................................
หาดทรายสีสวย
มันเป็นอะไรที่รื่นลม
กลิ่มของน้ำเค็มลอยมาแตะจมูก
เสียงคลื่นซัดฝั่ง
เปลือกหอยสีสวยงาม
ปลาน้อยใหญ่ว่ายในธารา
นี่แหล่ะสวรรค์ของชั้น
หลุดพ้นจากเจ้าพวกนั้นซักที!!!
(จบการบรรยายของกระเทยสาว)
--/-/-/-/-/-/-/-/-/-/--
"นี่เจ๊แกไปไหนของแกน่ะครับ คลับเราปิดมาสามวันแล้วเดี๋ยวก็เจ๊งเอาหรอก"เด็กหนุ่มผมสีไพลินทรงแปลกตาเอาคางเกยกับโต๊ะแล้วพูดอย่างเบื่อหน่าย
"กลัวตกงานรึไงไอ้สวะ"ชายหนุ่มตาสีแดงพูด
"เฮ้อ ชั้นไม่อยากสุมหัวนานๆนักนะ"หนุ่มผมสีรัตติกาลพูด
"ชั้นอยากกินกาแฟ"หนุ่มจอนม้วนอีกคนพูดแล้วแทบจะถไลไปกับพื้น
"อย่าทำตัวเหมือนไม่มีอะไรทำมาเป็นปีอย่างนั้นสิ"หนุ่มผมสีทองฟูฟ่องเรียกสติทุกคน
"ก็นะ มันไม่มีอะไรทำ อ่ะนะ จะให้อยู่เฉยๆมันน่าเบื่ออ่ะนะ ลองโทรไปถามเขาดูดีกว่าอ่ะนะ อยู่อย่างนี้ไปก็ไม่เห็นจะได้เรื่องอะไรอ่ะนะ"หนุ่มผมเขียวพูด
"นั่นสิ โทรหาเขาดีกว่า"หนุ่มผมครีมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดอย่างชำนาญ
[ฮัลโหล]
"อ่า ฮัลโหล นี่ผู้จัดการของเราหายไปไหนคุณรู้ไหมครับ"
[อ๋อ โทษที ลืมบอกพวกเธอไปสินะ เดี๋ยวลูกชายชั้นเขาจะไปเป็นผู้จัดการแทนน่ะ]
"ลูกชายหรอครับ"
[ใช่ พอดีพึ่งเรียนจบมาน่ะ เขาจะออกไม่ค่อยรับผิดชอบหน่อยนะเพราะโดนบังคับให้ทำงานนี้น่ะ]
"ครับๆ แล้วจะมาเมื่อไหร่หรอครับ"
[ก็ออกไปนานแล้วล่ะ เดี๋ยวก็คงถึง (ถ้าไม่หลงซะก่อนนะ)]
"อย่างนั้นหรอครับ งั้นเดี๋ยวพวกผมจะรอล่ะกัน"
[อ่า ฝากด้วยนะ]
ตู้ดๆๆๆๆๆๆ
"เขาว่าไงบ้างอลาว"หนุ่มผมทองถาม
"เขาบอกว่าลูกชายเขาจะมาเป็นผู้จัดการให้เราแบบจำใจน่ะ"
"จำใจ?"
"เห็นว่าโดนบังคับมาทำน่ะ"
"เป็นลูกคุณหนูคิดจะอยู่สุขสบายอ่ะนะ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากทำงานหรอกอ่ะนะ"ชายผมเขียวถอนหายใจก่อนจะค่อยๆไหลลงไปกับพื้นช้าๆ ด้วยความเซ็ง
กริ๊งๆๆๆๆ
เสียงกระดิ่งดังทุกคนจึงลุกไปดู แล้วก็ต้องอึ้งเล็กน้อย เพราะผมสีน้ำตาลที่ดูฟูฟ่องนั่น กับดวงตาที่ฉ่ำปรือ พร้อมจะหลับเต็มที่นั่น น่ารักเหลือเกิน
"ฮ้าว...นี่ใช่ นามิโมริโฮสต์คลับรึเปล่าครับ"ร่างเล็กถาม ทุกคนตกใจเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นผู้ชาย
"ใช่"อลาวตอบก่อน
"ผมซาวาดะ สึนะโยชิครับ จะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของพวกคุณฮ้าว...."ร่างเล็กแนะนำตัวแล้วหาวอีกครั้ง
"นายไปง่วงที่ไหนมากันนักกันหนา"หนุ่มจอนม้วนถาม
"ก็ผมหลงทางวนอยู่ที่เดินตั้งสามสิบรอบแถมพอออกไปก็เจอหมาไล่มาอีก ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้นอนเลยฮ้าว..."ทุกคนอึ้ง ใครมันจะซวยปานนนั้น
"เข้าไปพักข้างในก่อนสิ"อลาวชวน
"ไม่ๆ ผมจะไปพักกับเพื่อนที่หอข้างๆนี่เดี๋ยวผมมาแล้วกัน"แล้วร่างเล็กก็เดินลากกระเป๋าไป
"ชั้นนึกว่าผู้หญิงซะอีกนะนั่นน่ะ"หนุ่มผมสีไพลินพูด
"ก็แค่สวะตัวหนึ่งเท่านั้นแหล่ะ"หนุ่มตาสีแดงพูด
"อย่าเล่นตัวหน่อยเลยครับแซนซัสถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เมื่อกี้คุณเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปด้วยนี่น่า"หนุ้มผมน้ำเงินทรงประหลาดยังล้อต่อไป
"แกเข้าใจผิดไปหน่อยแล้วล่ะ ไอ้สวะหััวสัปรด"แซนซัสเดินเข้าไปข้างใน
"อู๊ย จี๊ดเลย"สัปรดก็เดินกลับเข้าไปข้างใน ตอนนี้ในหัวทุกคนมีแต่ภาพร่างบางเท่านั้น
....................................................
เมื่อสึนะไปพักผ่อนที่บ้านพักของเพื่อนกลับมาทุกคนก็แนะนำตัว
"ผมชื่อ โรคุโด มุคุโร่ครับ"ชายผมสีไพลิน ทรงล้ำสมัยพูดแล้วหวังจะจับมือร่างบาง
"ชั้นชื่อ แรมโพ อ่ะนะ"ชายผมสีเขียวเข้ามาแทรกแล้วจับแทน
"ชั้นแซนซัส"หลังจากดัน(ถีบ)แรมโพออกให้พ้นทางแล้วชายตาสีแดงก็เข้ามาแนะนำตัว
"ชั้นชื่อ จิอ๊อตโต เรียกจ๊อตโต้ก็ได้นะ"ชายผมสีทองเข้ามาแทรกแล้วดันแซนซัสออก
"ชั้นชื่อรีบอร์น"ชายจอนม้วนเตะส่งจ๊อตโต้แล้วเข้ามาแนะนำตัว
"ชั้นฮิบาริ เคียวยะ"ชายผมสีรัตติกาลเป็นคนแรกที่เข้ามาคุยโดยไม่ดันใครออก
"ชั้นชื่ออลาวดี้"ชายหนุ่มผมสีครีมล๊อกคอ ฮิบาริออกไปแล้วเข้ามาแนะนำตัวเองแทน
"ผม ชื่อซาวาดะ สึนะโยชิ เรียกแค่ สึนะก็ได้ครับ^^"สึนะยิ้มให้หลายคนใจเต้น
"ตามสบายนะ ที่นี่เราอยู่กันง่ายๆนั่นห้องพักของนาย"รีบอร์นพาสึนะขึ้นมาดู เป็นห้องขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยสีทองและขาว เตียงสี่เสา ไซส์เบ้อเร่อ พรมสีแดงอย่างดี หน้าต่างติดกระจกทำพิเศษ สรุปรวมๆก็ โคตรหรู......แต่ว่าร่างเล็ก ทำหน้าขยะแขยงแล้วไม่เข้าไกล้ เดินออกห่างไปสุดทางเดินทำให้หลายคนคิด
'หรูขนาดนี้ยังไม่ถูกใจงั้นหรอ จะคุณหนูไปไหน'
"แล้วนี่ผมต้องทำอะไรบ้างครับ"สึนะถาม
"อ๋อวันนี้เป็นวันหยุดไม่มีอะไรหรอก จะออกไปไหนไหมล่ะ"จ๊อตโต้ถาม
"ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมไปนั่งเล่นนอนเล่นที่บ้านเพื่อนดีกว่า"สึนะเดินออกไปทำให้หลายคนสงสัยอีกว่า
'ที่หรูขนาดนี้ไม่อยู่แต่ไอยู่บ้านเพื่อน มันจะหรูขนาดไหน ลองตามไปดูดีกว่า'
.
.
.
.
.
ในความคิดของทุกคนมันต้องยิ่งใหญ่อลังกาฬการสร้างมากใช่ไหม แต่คุณคิดผิด
เพราะอาคารที่อยู่ตรงหน้าเป็นแค่บ้านธรรมดาๆตามกำแพงมีรอยร้าวและตะไคร่น้ำขึ้น ทุกคนเข้าไปไกล้ๆเพื่อจะแอบดู
"สควอโล่ อย่าจับสิ ตรงนั้นมัน อ๊า.... เจ็บนะสควอโล่"เสียงชวนจิ้นทำให้ทุกคนขยับเข้าไปไกล้ขึ้น
"อยู่เฉยๆสิจะได้ไม่เจ็บ อย่าเกร็ง"เสียงเข้มอีกเสียงพูดชวนจิ้นไปถึงดาวเนปจูน ตอนนี้ทุกคนเบียดกันดู แต่ปรากฏว่าผิดคาด เห็นร่างสูงผมสีเงินยาวกำลังพันแผลที่นิ้วให้ร่างบาง(มันร้องซะ...)
"มันเจ็บอะสควอโล่T^T"ร่างเล็กพูด
"แค่มีดบาดร้องแหกปากจะเป็นจะตาย ถ้าโดนแทงไม่ขาดใจตายรึไงวะฮะ ไอ้เปี๊ยก"สควอโล่ขยี้ผมฟูๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว
"แล้ว เบลกับฟรานไปไหนซะล่ะ"สึนะถาม
"อ๋อ เจ้าพวกนั้นมันไปส่งต้นฉบับน่ะ แล้วที่ทำงานแกเป็นไงบ้างล่ะ"สควอโล่ถาม
"ก็โอเคนะ ไม่มีอะไรมากยกเว้นห้องพักชั้น เห็นแล้วขยะแขยงจะหรูเอาโล่รึไงแหวะ"สึนะทำหน้าสยอง
"ฮ่าๆๆๆ เพิ่งเคยเห็นนี่แหล่ะ คุณหนูไฮโซเกลียดของหรูๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ"สควอโล่หัวเราะ สึนะหมั่นไส้เอาสำลียัดปาก
"อำอะไออองแอไอเอี๊ยก(ทำอะไรของแกไอ้เปี๊ยก)"สควอโล่พูดอู้อี้
"หัวเราะอยู่ได้ แบร่ สมน้ำหน้า"สึนะแลบลิ้นปริ้นตาใส่ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไป
"หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ยไอ้เปี๊ยก มาให้ลงโทษซะดีๆ"สควอโล่ตะโกนแล้ววิ่งขึ้นไปตามหลังจากเอาสำลีออกจากปากแล้ว ไม่นานก็มีเสียงออกมา
"คิกๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ สควอโล่ยอมแล้วๆ พอเถอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ มันจั๊กจี๋ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ หัวใจจะวายแล๊วววว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"
"หยุดเขาจะเรียกว่าลงโทษหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ"ร่างสูงมองหน้ากันก่อนจะเดินกลับที่โฮสต์มีความรู้สึกเกิดขึ้นในใจ รู้สึก...........................................
...............................................
...............................................
..............................................
..............................................
........................อิจฉา
อิจฉาที่คนๆนั้นได้อยูใกล้ร่างบาง
อิจฉาที่คนๆนั้นคุยอย่างสนิทสนมกับร่างบาง
อิจฉาที่คนๆนั้นทำให้ร่างบางยิ้ม
อิจฉาที่คนๆนั้นทำให้ร่างบางหัวเราะ
อิจฉาที่คนๆนั้นได้แตะตัวร่างบาง
อิจฉาที่คนๆนั้นทำให้ร่างบางมีความสุข
อยากอยู่ใกล้ร่างบางบ้าง
อยากคุยอย่างสนิทสนมกับร่างบางบ้าง
อยากทำให้ร่างบางยิ้มบ้าง
อยกทำให้ร่างบางหัวเราะบ้าง
อยากแตะตัวร่างบางบ้าง
อยากทำให้ร่างบางมีความสุขบ้าง
แต่ยังทำไม่ได้
เพราะเพิ่งได้รู้จักไม่นาน
เพราะอย่างนี้จึง
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อิจฉา
อยากทำบ้างจะได้รึเปล่า
............................................................................
"เอ่ แล้วคนนี้จองคนนี้ แล้วคนนี้ก้จองคนนี้อ่ะ เวลามันเคลื่อนนี่น่างั้นก็ต้องย้ายคนนี้มาตอนนี้"สึนะพึมพำแล้วจัดคิวให้เหล่าหนุ่มโฮสต์อย่างขมักเขม้น
"อืม คนนี้ถูกใจคนนี้งั้นหรอ แต่ไม่ว่างงั้นจัดแยกออกก่อนล่ะกัน"สึนะก็ยังคงพึมพำต่อไปอีก ราวๆชั่วโมงหนึ่ง
"เอาล่ะ เสร็จแล้ว ของอาทิตย์นี้"สึนะพูดแล้วบิดขี้เกียจ
"ที่เหลือก็ดูแลพวกเขาสินะ"สึนะเดินลงมาจากห้องแล้วก็ได้ยินเสียง
"นายไม่มีสิทธิ์มาว่าชั้นน่ะ"เสียงเข้มๆแฝงแววข่มขู่เสมอของฮิบาริพูด
"ชั้นมีสิทธิ์ มีมากกว่านายทุกๆอย่าง เพราะชั้นเป็นลูกที่เกิดอย่างถูกต้องตามกฏหมายของคุณพ่อ!!"เสียงของอเลาดิตะคอกกลับ
"หยุดพูดนะ"เสียงโลหะแกว่งในอากาศทำให้รู้ว่าเกิดการปะทะขึ้น
"นายมันก็แค่เด็กที่เกิดจากชู้ของคุณพ่อ!!"เสียงนั้นยังคงดำเนินว่าร้ายต่อไป
"หุบปากของแกไปซะ!"แล้วก็มีเสียงตึงตังงโครมครามของการต่อสู้ขึ้น สึนะที่ยืนฟังก็นิ่งไป
'รู้สึกปัญหาภาายในจะมีอยู่แหะ'สึนะคิด
"เจ้าสองคนนั้นมันทะเลาะกันประจำแหล่ะ"เสียงเข้มเอ่ยขึ้นข้างหันไปมอง บุรุษผมดำและจอนม้วนที่ดูมีเสน่
"อย่างนั้นหรอครับ"สึนะพูดเบาๆ
"ปัญหาทางบ้านน่ะ แม่ของฮิบาริเป็นนักร้องโอเปร่า และพ่อของเจ้านั่นก็ไปถูกใจเข้าก็เลย...อย่างที่รู้ๆล่ะนะแล้วเจ้าฮิบาริก็เกิดมา แต่พ่อของเจ้าพวกนั้นมีครอบครัวแล้วก็คืออลาวดี้ สองคนนี้ไม่ถูกกันตั้งแต่เจอหน้า ฮิบาริโทษพ่อและอลาวดี้ที่ทำให้แม่ตัวเองตาย เพราะช้ำใจน่ะ"รีบอร์นอธิบาย
"..."
"ไม่ได้มีแค่เจ้าพวกนี้หรอก"
"เอ๋"
"ก็มุคุโร่จะเอาแต่ใจนิกนึง เจ้าแรมโพนั่นก็ ติดขี้เบื่อและก็ซึมเศร้า ชั้นกับแซนซัส และก็จ๊อตโต ก็ทะเลาะกันบ่อยๆ พวกเราสี่คนเป็นเด็กกำพร้าน่ะ แต่พ่อนายให้เรามาทำงานที่นี่ก็เลยพออยู่ได้"รีบอร์นอธิบาย ขณะที่สึนะฟังแล้วเหมือนจะตัดสินใจบางอย่างแล้ว รีบอร์นก็พอจะรู้จึงยิ้มมุมปากเล็กน้อย
"แต่ก่อนอื่น....."
"หืม..."
"หิวข้าวจังเลย"สึนะลอยไปหาห้องครัวทิ้งให้รีบอร์นหัวเราะน้อยๆกับอาการแบบนั้น พลางภาวนา
'ช่วยรักษาให้เจ้าพวกนั้นมันกลับมารักกันด้วยเถอะ'
ในห้องนั่งเล่น
หลังจากร่างเล็กต้มม่าม่ากินเสร็จแล้วก็มานั่งพิมพ์งานอยู่บนโซฟา
"หืม ทำอะไรอยู่น่ะครับ สึนะคุง"มุคุโร่ที่เดินผ่นมาเห็นเข้ามาทัก
"งานนิดหน่อยน่ะครับ"สึนะตอบก่อนจะเซฟแล้วปิดโน๊ตบุ้ค
"ว่าแต่...ว่างไหมครับ"
"ผมว่างแต่พวกคุณไม่หรอก อีกเดี๋วก็ได้เวลาพวกคุณแล้วไปแต่งตัวเร็วสิเร็วๆๆ"สึนะดันมุคุโร่ไปแต่งตัวแล้วตัวเองมาดูความเรียบร้อยของร้าน
เวลาเปิดร้าน
"สวัสดีครับ จากนี้ถึงตีหนึ่ง หัวใจของคุณจะเป็นของเรา"สโลแกนชวนอ๊วกถูกเอื้อนเอ่ยต้อนรับลูกค้าก่อนจะพาแยกกันไปนั่งที่ เพื่อปรนนิบัติลูกค้า สึนะที่อยู่ตรงเคาร์เตอร์มองทุกคนดูแลลูกค้าแล้วคิดว่า
'ตอนดูแลลูกค้ากับตอนอยู่ปกติ ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยแหะ'แล้วสึนะก็เริมดูความถนัดของแต่ล่ะคน
ฮิบาริที่ไม่ชอบสุมหัวก็รับแขกไม่เกินสองคนที่นั่งก็ต้องอยู่มุมสุด
อเลาดิก็เหมือนกันแต่รับได้เยอะกว่านิดหน่อย
แรมโพต้องมีลูกค้าที่คุยสนุกเพราะเจ้าตัวขี้เบื่อ
จ๊อตโต นี่ร่าเริงรับลูกค้าได้ทีเป็นคณะ
แซนซัสจะรับลูกค้าแรงๆที่เป็นประเภทสาวเปรี้ยว กินแอลกอลฮอลไปด้วยคุยไปด้วย
มุคุโร่ จะรับแขกได้ทีละเยอะๆเพราะความเจ้าเล่ห์นิดหน่อยบวกกับรอยยิ้ม พิมใจนั่น
รีบอร์นรายนี้ ขี้รำคาญนิดนึง แต่ก็ดูแลลูกค้าได้ดี
อืมจะมีอยู่สองพวกสินะงั้นเอาเป็น
ไวท์สเปล=แรมโพ จ๊อตโต มุคุโร่
แบล๊คสเปล=ฮิบาริ อลาวดี้ แซนซัส รีบอร์น
สึนะจดยิกๆลงในกระดาษแล้วเริ่ม สเก๊ตภาพห้องโฮสต์ที่จะเปลี่ยนใหม่ สึนะนั่งคิดโดยไม่รู้ว่าเหล่าโฮสต์แอบมองอยู่เป็นระยะๆ
"ราตรีสวัสครับ"ทุกคนลาลูกค้าชุดสุดท้ายแล้วล้มตัวลงบนโซฟากลางห้อง
"เหนื่อยชะมัดเลย"มุคุโร่บ่น
"แต่ก็ดีกว่าที่ยัยกระเทยปากมากนั่นจัดให้ล่ะกัน"รีบอร์นพูดแล้วคว้ำหน้าลงกับโซฟา
"น่าเบื่ออ่ะนะ ว่าแต่สึนะวาดรูปอะไร เมื่อกี้เห็นจดยิกๆอ่ะนะ"แรมโพถาม
"ก็เป็นแปลนห้องนี้นะครับ ผมว่าจะลองปรับเปลี่ยนอะไรใหม่ๆดู"สึนะโชว์รูปที่พึ่งวาดเสร็จให้ดู
"ว้าว สวยจังเลยครับ"มุคุโร่ชม
"แล้วผมจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกก็จะเป็นประเภทที่รับคนได้เยอะหน่อย กลุ่มที่สองก็จะเป็นพวกที่รับคนได้น้อยลงมาแต่จะไปเพิ่มเกี่ยวกับสไตล์ของแต่ล่ะคน เสื้อผ้า อืม ต้องเปลี่ยนใหม่ เอาล่ะทุกคนไปนอนเถอะ เดี๋ยวเที่ยงผมจะพาไปห้าง"สึนะพูดแล้วทุกคนก็ลากสังขารที่เกือบจะหมดแรงกลับห้องไป
แล้วสึนะก็โทรหาคนๆหนึ่ง
"ฮัลโหล ฟรานครับ ผมมีเรื่องให้ช่วยหน่อยน่ะ"
[มีอะไรว่ามาเลยครับสึนะคุง]
"ฟรานช่วย ติดต่อทางนั้นให้หน่อยสิครับว่าผมจะไปซื้อของ"
[ได้เลยครับสึนะคุง]
"ขอบคุณมากเลยครับ"
ตู้ดๆๆๆๆๆ แล้วสึนะก็ขึ้นไปนอนเหมือนกัน
.................................................................................................
ตอนเที่ยงวัน
ณ ห้างใหญ่ในเมือง
ร่างเทพบุตร เอ๊ย ชายหนุ่มรูปงาม นามหลากหลาย เดินย่างกราย ตามหลังร่างอรชรน่ารักน่าฟัด อย่างว่าง่าย
"เอ้า ถึงแล้วครับ"สึนะบอกแล้วเดินเข้า/ไปในร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ทุกคนมองหน้ากันก่อนจะเดินเข้าไปตาม
"คิดถึงจังเลยฟราน"สึนะกระโดดกอดชายหนุ่มที่มีส่วนสูงไม่ห่างกันมากนัก ผมสีเขียวที่มีหน้าตายด้านตลอด
"มุมสุดนั้นเลฃย ไปเลือกสิ"ฟรานบอกแล้ว สึนะก็ลากโฮสต์ทุกคนไป นั่ง แล้วมองก่อน
"อืม...เริ่มจาก แซนซัสก่อนแล้วกัน" สึนะค้นของนู้นนี่ แล้วก็เอามาให้แซนซัสลอง ซึ่งก็ลองอย่างว่าง่าย
พอออกมาสึนะก็จัดการปลดกระดุมออกหมด แล้วก็เอาเสื้อออกนอกกางเกง ใส่ต่างหูข้างหนึ่งและสร้อย
"โอเคเลย ต่อไป รีบอร์น"
ของรีบอร์นไม่มีอะไรมากเพราะตัวเองชอบใส่สูทดำอยู่แล้ว แค่ปลดเนกไทน์ลงหน่อย ปล่อยกระดุมให้มันหลุดอีกนิดใส่สร้อย อะไรประมาณนั้น
"อืม ก็ดี แรมโพ"
ของแรมโพ สึนะให้ใสเสื้อเชิ้ตสีขาวเอาใส่ในกางเกงครึ่งหนึ่งอีกครึ่งปล่อยชายเสื้อออกมา กระดุม สองเม็ดแรกปลดออก ใส่สร้อย
"จ๊อตโตครับ"
จิอ๊อตโต้ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวครีมๆกางเกงสีครีม เป็นสูทผูกไท อย่างเรียบร้อย
"มุคุโร่"
มุคุโร่เป็นเสื้อยืดสีเทา สวมทับด้วยเสื้อสีขาว กับกางเกงสามส่วน
ฮิบาริเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำ ผูกไทหลวมๆ จบพิธี
อเลาดี้เป็นเสื้อ โค้ตสีดำ กับ เสื้อกล้ามซับในสีเทาๆ
"เอาล่ะ เรียบร้อยไปเรียกเร๊ตติ้งกันหน่อย"แล้วเหล่าหนุ่มหล่อก็โดนลากออกไปหน้าร้าน ตอนแรกที่งงๆก็ต้องตกใจเมื่อร่างเล็กตะโกน
"เอาล่ะครับ พี่น้องผองเพื่อน นามิโมริโฮสต์คลับของเรา นำสุดหล่อ ทั้งหลายมาออกตัวเรียกเรทติ้งกันแล้วนะครับ เชิญซื้อดอกกุหลาบด้านซ้ายมือผมแล้วมอบให้แด่คนที่คุณชอบเลยครับ และใครบริจาคให้คลับเราสูงสุดในครั้งนี้ เชิญเดทกับ เจ็ดหนุ่มสุดหล่อ พาไปทานอาหารกลางวันในห้างสุดหรูได้เลยครับ"
เหล่าร่างสูงมองร่างเล็กอย่างตะลึงงัน
"ทำอะไรของนาย"รีบอร์นถาม
"ก็เรียกเรทติ้งไง โชคดีนะ"สึนะแยกตัวออกไปแล้วสาวๆสวยๆก็เข้ามามะรุมมะตุ้นให้ดอกไม้ร่างสูงกันไม่ขาดมือ แย่งกันบริจาคและประมูลเหล่าร่างสูงด้วย
"เอาล่ะครับ คุณแพทตี้ให้เรา สูงสุดขณะนี้ สามพันเยน ใครจะให้สูงสุดกว่านี้ไหมครับ"
"สามพันยูโร1"
"ห้าพันยูโร"
"เอาล่ะครับ คุณสตรอเบอรี่ให้เรา ห้าพันยูโรแล้วนะครับ"
"หนึ่งหมื่นยูโร"
"ว้าว มาแล้วครับ คุณ สึบาสะให้เราหนึ่งหมื่นยูโร มีใครจะ ให้สูงกว่านี้ไหมครับ"
"หนึ่งหมื่นยูโรครั้งที่หนึ่ง
หนึ่งหมื่นยูโรครั้งที่สอง
หนึ่งหมื่นยูโรครั้งที่สาม
คุณสึบาสะได้เดทกับเจ็ดหนุ่มสุดหล่อของคลับเรานะครับ เราจะพาคุณไปกินข้าวกลางวัน เชิญทางนี้เลยครับ"แล้วสาวๆทั้งหลายก็ต้องเดินคอตกมองเหล่าเทพบุตรตาละห้อยแบบทำอะไรไม่ได้
"ลัลลา ลัลลา"สึนะยิ้มไม่หุบนับเงินในมืออย่างมีความสุข
"คุณนี่เล่นอะไรแปลกๆนะครับ"มุคุโร่บอก
"อ้าวยังอยู่หรอ นึกว่าไปแล้ว"สึนะถาม
"เราลงมติว่า ถ้าเราไปคุณต้องไปด้วยครับ"แล้วสึนะก็โดนลากไปด้วย
"ไงจ๊ะ สึบาสะ"สึนะทัก
"ดีค่ะ พี่ชาย"สึบาสะตอบ
"พี่ชาย?"ทุกคนทวนคำแล้วสึบาสะก็ถอดหมวออกให้เห็นใบหน้าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ แต่แววตาเจ้าเล่ห์กว่า
"นี่ ซาวาดะ สึบาสะ น้องสาวผมเอง"สึนะตอบแล้วเข้าไปกอดสึบาสะ
"เอาเถอะค่ะ ไปกินข้าวกัน สึหิวแล้วอ่ะ"แล้วสึบาสะก็ลากสึนะไปกินข้าว คุยกันอย่างสนุกสนาน กับทุกๆคน จนตกเย็นก็ขอแยกตัวกลับบ้านส่วนคนที่เหลือก็กลับคลับ สึนะก็กลับบ้านพักไปพักบ้านเพื่อนเช่นเคย
"อ้าวๆ ไอ้เปี๊ยก แกไม่ไปทำงานหรอวะ"สควอโล่ที่เดินลงมาก็เห็น ร่างบอบบางกำลังแย่งสมบัติอันล้ำค่าที่มืชื่อว่า 'มาม่า'ของตนกินอยู่ จึงเดินลงมาแย่งเข้าปาก
"ก็ที่ร้านตกแต่งอยู่ สควอโล่ ชั้นอุตส่าห์ต้มเองเลยนะ"สึนะแย่งเข้าปากเหมือนเดิน ทั้งคู่แข่งกันกิน
"ไอ้เจ้าบ้า ทำไมไม่ไปหัดซื้อมาต้มเองวะ"ฉลามหนุ่มเขกหัวทูน่าน้อยไปทีจนเห็นดาว
"มันเจ็บนะสควอโล่"สึนะทำแก้มป่องๆน่าหมั่นไส้ ฉลามหนุ่มจึงหยิกเข้าให้
"สควอโล่เสียงดังจังเจ้าชายยังนอนไม่อิ่มเลยนะ"ร่างผมสีทองอร่ามเดินลงมาอย่างงัวเงียมงกุฏบนหัวอยู่ในองศาที่พอเหมาะ สวมชุดนอนลายกบ
"จะว่าไปช่วงนี้สควอโล่ว่างๆใช่ปะล่ะ"สึนะถาม
"อืม พึ่งส่งต้นฉบับล่าสุดไป ต่อจากนี้ก็คงว่างยาวจนกว่าจะคิดพล๊อตเรื่องออกมาใหม่ได้"ฉลามหนุ่มตอบแล้วล้างจานต่อ
"เบลด้วยใช่ไหม ฟรานด้วย"
"อืม/ครับ"ทั้งสองตอบ
"งั้นช่วยอะไรหน่อยได้รึเปล่า"สึนะถาม ทุกคนมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเห็นสายตาอ้อนๆก็ต้องยอมสยบ
"ว่ามาสิ"สควอโล่เลิกล้างจานหันมาคุยแทน
"ก็อยากให้ไปช่วยเสิร์ฟเครื่องดื่มหรือขนมขบเขี้ยวอะไรพวกนี้ให้แขกน่ะ ได้รึเปล่า"สึนะทำหน้าอ้อนอีกครั้ง
"ทำไมเลือกพวกชั้นล่ะ"
"ก็ถ้าไปจ้างใครท่ีไหนก็ไม่รู้ก็ไม่ดีเท่าไหร่ แถมจุดขายต้องอยู่ที่หน้าตา และต้องเป็นผู้ชายเท่านั้นด้วย ก็เลยเห็นว่าพวกนายเหมาะดี"สึนะตอบ
"จะชมว่าพวกเราหน้าตาดีว่างั้นสิ"
"ใช่ใง"สึนะยิ้มกว้างจนคนมองอดรู้สึกขำกับความน่ารักสดใสนี้
"เออ เอางั้นก็ได้ แต่เบื่อเมื่อไหร่ชั้นออกทันทีนะ"ฉลามซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ต้องยอมสยบให้ทูน่าแสนโมเอะคนนี้จนได้ ไปไม่รอดครับท่าน
ณ โฮสต์คลับ
สึนะเดินกลับมา แล้วเริ่มตัดสินใจอะไรบางอย่างว่าตนจะไม่จัดการเกี่ยวกับการทำงานเพียงอย่างเดียวจะจัดการปัญหาภายในด้วย เริ่มจากสองพี่น้องสุดโหดก่อนล่ะกัน
"ทุกคนครับผมจะไปซื้อของอะไรหน่อย คุณอลาวกับคุณฮิบาริไปส่งหน่อยได้ไหมครับ"สึนะเดินเข้ามาถาม ส่วนสองหนุ่มที่มีชื่อทำหน้าเซ็ง
"ชั้นไม่ไป"อลาวบอก
"นะครับ นะ"สึนะยกมือขึ้นมาประสานกันแล้วเอียงหัวเล็กน้อยทำตาหวานๆ เรียกสกิลโมเอะระดับห้าเข้ามาช่วย
"ป...ไปก็ได้"ทั้งคู่หยิบโค๊ตออกแมาแล้วเดินไป
ณ ห้างใจกลางเมือง
สึนะกำลังเลือกหาขนมที่คิดว่าจะเป้นขนมขบเคี้ยวให้กับลูกค้าได้ เลือกไปเลือกมาเริ่มเพลินจนลืมจุดประสงค์หลักไปซะและ(อ้าว) พอเลือกเสร็จก็เอาตัวอย่างออกไป ก่อนสายตาจะไปหยุดที่กล้องวีดีโอ แล้วแอบแวบไปซื้อมา
"กินไอติมกันนะครับ นะๆๆๆ"สึนะใช้ลูกอ้อนอีกครั้งเพื่อกินสเวนเซ่น แล้วก็จัดการป้อนทั้งคู่ไปด้วย ตอนแรกก็อึกอักไม่อยากกิน แต่พอสึนะทำหน้าหงอยๆก็คว้าเข้าปากแทบไม่ทัน ทำให้สึนะอดหัวเราะไม่ได้ และจากเอกสารที่ได้อ่านมาก็ได้รู้ว่าอีกไม่นานก็จะเป็นวันเกิดคนแถวนี้แล้ว จึงบอกให้ฮิบาริรอในร้านแล้วตนกับอลาวดี้ก็ออกไปซื้อของขวัญ
"คุณอลาวรู้ไไหมครับ ว่าเขาชอบอะไร"สึนะหันไปถาม เพราะตนไม่รู้รสนิยมใคร
"เจ้านั่น มันเป็นพวกอนุรักษ์นิยมน่ะ ลองซื้อพวกโอบิหรือยูกาตะให้มันสิ"อลาวตอบ สึนะมองแล้วคิดในใจ
'ปากบอกไม่สนใจ แต่รู้สึกจะรู้เรื่องของน้องดีเหลือเกิน'
"คุณอลาวก็ซื้อให้เขาด้วยสิครับ"สึนะเสนอ น่าจะกระชับอะไรได้บ้าง
"ของขวัญจากชั้น เจ้านั่นมันไม่ต้องการหรอก"พูดจบก็ลากสึนะไปดูยูกาตะ แล้วจ่ายเงินพอกลับมาถึงอลาวก็แยกตัวไปเข้าห้องน้ำ สึนะจึงคุยกับฮิบาริ
"คุณอลาวจะให้อะไรคุณฮิบาริเป็นวันเกิดนะ"สึนะพูดลอยๆ
"อย่างมันจะซื้ออะไรให้ชั้น เหอะ"ฮิบาริยิ้มสมเพซ
"......คุณฮิบาริ เอง ก็อยากได้ของขวัญจากคุณอลาวเหมือนกันใช่ไหมล่ะ"สึนะเริ่มจะรู้อะไรบ้างแล้ว
"ใครไปอยากได้ของจากเจ้านั่นกัน"ฮิบาริยังไม่ยอมลดทิฐิตัวเองลง
"....."
"ของขวัญชั้นยังไม่เคยได้จากมันซักครั้งแล้วชั้นก็ไม่เคยให้มันด้วย"ฮิบาริตอบแล้วลุกขึ้นยืนไปจ่ายตังเมื่อเห็นอลาวเดินมาแต่ไกล
'นึกอะไรออกแล้ว'
สึนะคิดแล้วยิ้มให้กับความคิดของตนเองก่อนจะไปสั่งของที่ขนส่ง เพื่อสั่งของได้เยอะๆ ให้ไปส่งที่คลับ แล้วเริ่มเตรียมแแผนการอะไรบางอย่างไว้ในใจ แต่ไม่แสดงออกมาให้ใครรู้ แผนของเขา เขาต้องรู้คนเดียว เดี๋ยวแผนแตกมันจะจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
.................................................................................................
5 พฤษภาคม วันเกิดพ่อนกของเรา
ในทางเดินอันเงียบสงัดของโฮสต์คลับ เงียบ จนน่าขนลุก ขนชัน ขนตั้งเป็นแถวเมื่อกล้องซูมไปยังห้องครัว ก็จะเห็นแสงไฟลอดออกมา เสียงอุปกรณ์ในครัวกระทบกันเกร๊งกร๊าง ถ้าเราเข้าไปไกล้อีกนิดก็จะได้ยินเสียง
"แล้วใส่ไอ้นี่ลงไปตอนไหนอ่ะ"เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมชูอะไรซักอย่างขึ้น
"ใส่ตอนตกแต่ง ไอ้เบลบ้า อย่ากินของตกแต่งหมดเซ่"เสียงทุ้มแหบเอ่ยด่าแล้วเคาะกระโหลกหนุ่มผมทอง
"สควอโล่อย่าทำตัวเหมือนมาม่อนหน่อยเลยน่า"คนชื่อเบลตอบแล้วคว้าอะไรซักอย่างเข้าปาก
"สึนะโยชิ เอาเข้าไปอบเลยไหม"เสียงหนุ่มผมสีครีมถาม เสียงเหมือนจะเรียบร้อยแต่ถ้ามองดีๆจะเห็น ซากอารยธรรมของเค้กสีน้ำตาลดำๆอยู่เต็มถังขยยะไปหมด งั้นเราละจากทางนี้ไปดูสถานที่จัดดงานมั่ง
.
.
.
.
.
.
.
ริ่งๆๆๆๆ
เงียบกริบ ไม่มีใครจัดเลยหร๊อ สถานที่จัดงานก็มีแค่เสื่อ ทาทามิ กล่องของขวัญ ชา เป็นอันจบพิธี เราตัดไปฉากเจ้าของงานเลยล่ะ กัน ดูอย่างนีแลวปวดตูด(เกี่ยว?)
ร่างผมสีรัตติกาล เดินตามระเบียงทางเดินที่เงียบกริบ ไม่รู้ว่าใครมันตัดไฟซะได้ หรือว่า ผู้จัดการคนใหม่ลืมจ่ายค่าไฟ ร่างสูงเดินมาที่ห้องรับรองหวังว่าจัดไปหาอะไรสนุกๆทำ(สนุกของพี่แกก็หาคนทะเลาะด้วย)มือสากยกขึ้นจับประตูแล้วถอนหายใจพลางคิด
ป่านนี้พวกนั้นอาจจะหาอะไรทำกันแล้ว ก็นะโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวมาตลอดนี่น่า วันนี้วันเกิดเขาไม่รู้จะมีใครจำได้รึเปล่า ไม่เคยจัดซักที
มือหนาดันประตูให้เปิดออก
ปัง!!ๆๆๆ
เนตรสีรัตติกาลเบิกกว้างอย่างตกใจ สายรู้หลากสีโปรยลงมา
"สุขสันต์วันเกิด ฮิบาริ!!!!!"เสียงทุกเสียงเอ่ย สึนะจัดการลากฮิบาริ ที่ยืนค้างอยู่มานั่งที่แล้วเป่าเค้ก
"นี่เค้กพวกผมทำเองนะครับ นี่ของขวัญของพวกผมครับ"แล้วก็แกะของขวัญทีละชิ้นจนมาถึงชิ้นสุดท้าย
"คุณอลาวครับ ยื่นให้คุณฮิบาริสิครับ"สึนะบอก อลาวถอนหายใจก่อนจะยื่นให้แล้วเบือนหน้าแดงๆหนี(เพราะอาย)
ฮิบาริแกะกล่องออก
สิ่งแรกที่เห็น มันมีสีเหลือง
สิ่งที่สอง มันนุ่ม
สิ่งที่สามมันมีหูมีตา
สิ่งที่สี่ มันมีปีก
สิ่งที่ห้า มันคือหมอนนก
ปุ
หมอนนุ่มๆถูกโยนใส่หน้าคนให้อย่างแรงพร้อมหมัด
ผลั้ววว
สึนะอึ้ง
"คิดว่าชั้นอายุเท่าไหร่แล้วฮะ"ฮิบาริบอกก่อนจะหยิบหมอนกับเค้กชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วจะเดินออกไป
"เคียวยะนายเอาหมอนไปไหน"อลาวถาม
"แกไม่มีสิทธิ์ทวงคืน"แปลง่ายๆก็ 'มันเป็นของชั้นแล้ว'
"ฮ่าๆๆๆๆ นึกว่าอะไร"สึนะหัวเราะแล้วกุมท้อง
"อะไรล่ะเจ้าเปี๊ยก"สควอโล่ถามอย่างไม่เข้าใจ
"ก็แค่ คนซึนเดเระ คนหนึ่งเท่านั้นแหล่ะ"สึนะบอกแล้วเดินไปหยิบขนมกิน ก่อนที่ทุกคนจะกินเลี้ยงกันโดยที่ไม่มีเจ้าภาพ แต่อย่างน้อยเจ้าภาพก็ยอมเอาของขวัญชิ้นหนึ่งไปล่ะนะ ถือว่า ภารกิจแรก เสร็จสมบูรณ์ แม้จะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ภารกิจใหญ่ยังรออีกเยอะ
.................................................................................................
เวลา สี่ทุ่ม
ในตัวอาคารที่ถูกดัดแปลงใหม่ให้เป็นสองฝากฝั่ง ครึ่งหนึ่งมีกำแพงและพื้นเป็นสีขาว มีฟอร์นิเจอร์เป้นสีดำ และมีชายหนุ่มชุดสีขาวนั่งอยู่ในเซ๊ทโซฟาสีดำสามเซ๊ต เซีตละคน อีกฝั่งเป็นกำแพงสีดำ พื้นสีดำ มีฟอร์นิเจอร์สีขาว และมีชายหนุ่มชุดสีดำสี่คนนั่งอยู่ที่โซฟาประจำโต๊ะของตัวเอง ตรงกลางมีบาร์วงกลมสีที่ถูกตกแต่งด้วยสีเทา เต็มไปด้วยเครื่องดื่มแอลกอล์ฮอลและกับแกล้มไม่ว่าจะเป็นขนมขบเคี้ยวหรือของหวาน มีชายสองสามคนในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาไม่ติดกระดุมและกางเกงยีนส์ขายาว ถือถาดเสิร์ฟของอยู่ ภายในบาร์มีร่างเล็กที่กำลังจดรายละเอียดต่างๆและผลสำริดในการดัดแปลงครั้งนี้ ร่างเล็กสวมชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว ทับด้วยเสื้อกักสีเทาและกางเกงสีดำ ผมฟูฟ่องมัดรบไว้ด้านหลัง
"ไอ้เปี๊ยก เอาเตกี่ล่า สองขวด ยิน และก็ รัม"ร่างสูงผมสีเงินที่มัดรวบเป็นหางม้าเดินมาสั่ง
"เตกีล่าสองขวด ยิน และรัมได้แล้วครับ และก็ฮอล กับ เลย์ไปด้วย"สึนะจัดให้พร้อมของแภม สควอโล่เดินไปเสิร์ฟ
"ฟรานครับ เอาเค้กวานิลาให้คุณหนูท่านนั้นหน่อยสิครับ"สึนะเอาเค้กให้ฟรานไปเสิร์ฟให้แก่เด็กสาวที่นั่งคุยกับจิอ๊อตโต้
ในร้านที่ได้อับเกรดเป็นบาร์เล็กๆก็เป็นธรรมดาที่จะมีชายสองสามคนมานั่งดริงค์ด้วยกัน และเป็นธรรมดาที่ถ้าเจอบาร์เทนเดอร์สวยๆก็จะจีบ
"น้องสาวเป้นบาร์เทนเดอร์ที่นี่เงินอาจจะได้ไม่ดี มาเป็นเมียพี่ดีไหมจ๊ะ"ชายหนุ่มป้อนคำหวาน
"ขอโทษนะครับแต่ผมเป็นผู้ชาย"สึนะพูดหน่ายๆแล้วผสมค๊อกเทล
"เป็นผู้ชายพี่ก็เอา ถ้าหน้าตาน่ารักอย่างน้องเนี่ย"ชายคนนั้นยังไม่หยุด
"ผมอาจจะเป็นให้ก็ได้นะครับ ถ้าคุณรอดออกไปจากร้าน น่ะ พ่อหนุ่ม น่าสงสารจัง"สึนะเอามือลูบไล้ใบหน้าเบาๆ ยั่วเล็กน้อยก่อนจะเดินไปจัดของต่อ ส่วนชายที่กำลังเคลิ้มก็โดนสะกิด
"ขอความกรุณาไปหลังร้านด้วยกันซักครู่นะครับ เรามีของ-สม-ม-ณา-คุณให้"ฟรานและเบล เข้ามาเชิญชายคนนั้นไปหลังร้าน หลังจากนั้น สองสามชั่วโมงทั้งสองก็ออกมาส่วนชายคนนั้นก็หายสาปสูญ
ตีหนึ่งครึ่ง
"เฮ้อ เหนื่อยชะมัดเลยอ่ะนะ"แรมโพบิดขี้เกียจ
"ลัลล้า ฮัม ฮา ดีด๊า ดัม "สึนะฮัมเพลงอย่างมีความสุขแล้วนับเงินไปด้วย
"มีความสุขจังนะ"รีบอร์นแซว
"ก็แหม ดูซิ ได้เงินมากกว่าที่คาดไว้ตั้งเยอะ บางทีผมอาจจะลดคิวให้พวกคุณก็ได้จะได้ไม่เหนื่อยมากอ้อ ตามที่ตกลงกันไว้ เอาเงินทิปครึ่งหนึ่งมา"สึนะแบมือ ร่างสูงค่อยๆเอาเงินค่าทิปครึ่งหนึ่งให้อย่างอาลัยอาวรณ์
"ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยังไงวันยนี้ก็เป็นทั้งเปิดโฮสต์รูปแบบใหม่และก็เงินทะลุยอดเลยแจ๊คพอต มากินเลี้ยงกันไหม"สึนะชวน
"โอ้!!!!"ได้รับการเห็นด้วยอย่างยิ่ง สึนะเดินไปดูข้าวของหลังร้านแล้วเอามาจัด
"พวกนายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนเถอะเดี๋ยวจะอึดอัดเอาสึนะพูดแล้วเทบางอย่างลงในจาน หลังจากนั้นก็เดินไปเปิดเพลงมันส์และเตรียมเหล้าอีกหลายขวด
ไม่นานทุกคนก็ลงมาในชุดเสื้อยืดสบายๆและกางเกงขาสั้นโล่งๆ กินกันไปซักพักเบลก็เสนอขึ้น
"เจ้าชายมีเกมส์ให้เล่นด้วยเอารึเปล่า ชื่อเกมป๊อกกี้"เบลพูดออกมาทุกคนดูสนใจ
"เล่นง่ายๆ ก็แค่ส่งป๊อกกี้ไปปากต่อปากโดยปากห้ามแตะกันและต้องมีป๊อกกี้ในปากคนล่ะนิดด้วยใครทำแค๊กเกอร์ตกล่ะก็ กินเตกีล่าเพียวๆแก้วหนึ่ง"เบลอธิบายกติกา
"น่าสน เอาด้วยสิ"ทุกคนมานั่งเรียงกันแล้วก็เริ่มส่งป๊อกกี้ต่อกันมาเรื่อยๆจนมาถึง แรมโพต้องป้อนให้สึนะและป๊อกกี้เหลือแค่นิ้วสองข้อนิ้วนั้นทำให้ปากเกือบจะแตะกันแต่ก็ผ่านมาได้ ต่อไปก็สึนะต้องส่งให้คนแรกซึ่งก็คือ มุคุโร่ ด้วยความเจ้าเล่ห์และเอาแต่ใจของเข้าตัวก็งับป๊อกกี้ไปเกือบครึ่งจนเหลือแค่ไม่กี่มิลปากก็จะแตะกันอยู่แล้ว แต่สึนะกัดก่อน โอกาสจึงเลยหายวับไปกับตาร่างสูงที่ใจหายก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
รอบแรก มุคุโร่เป้นคนกิน เพราะทำตก ไม่กล้าส่งต่อให้ฮิบาริ
รอบสอง ฮิบาริเป็นคนแรกและสึนะเป็นคนที่สอง ด้วยสาเหตุอะไรไม่ทราบ ฮิบาริ หักป๊อกกี้ทิ้งไปเกือบครึ่งแท่งแล้วงับไปครึ่งของครึ่งแท่งแล้วส่งให้สึนะ ซึ่งสึนะ หน้าแดงแล้วปล่อยป๊อกกี้ตกปาก เตกีล่าเพียวๆก็ต้องไปอาศับอยู่ในกระเพาะน้อยๆของเจ้าตัว
รอบสาม สึนแพ้
รอบสี่ แซนซัส
รอบห้า จีอ๊อตโต เจ้าตัวคว้ามากิน ส่วนคนอื่นก็มองอย่างตกใจและระแวง
รอบหก อเลาดิ
รอบเจ็ดฟราน
รอบแปดสึนะ
รอบเก้าสควอโล่
รอบสิบ เบล
รอบสิบเอ็ด สึนะ
รอบสิบสอง แซนซัส
รอบสิบสาม จิอ๊อตโต
รอบสิบสี่สึนะ
"เอาอีกแก้ว"สึนะพูดตอนนี้เจ้าตัวเมาแล้วเซ็กซี่อย่างไม่รู้ตัว เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดออกสองสามเม็ด เนกไทก็รูดลงหลวมๆ เสื้อกั๊กโยนทิ้งไปไหนไม่รู้แล้ว เจ้าตัวไปเร่งเสียงเพลงแล้วกระโดดขึ้นไปเต้นบนโต๊ะ กางเกงยีนส์ขายาวถูกฉีกจนเหลือสั้นแค่ไม่กี่คืบ เท้าไฟก็ออกลาย ร่างเล็กส่ายสะบัดโยกย้ายสะโพกไปตามเสียงเพลง ใบหน้าหวานแดงๆ ตาฉ่ำปรือ ปากเผยอเล็กน้อยมันยั่วโดยไม่รู้ตัวแซนซัสกับรีบอร์นที่ไม่ค่อยเมา เพราะคอแข็งก็นั่งดูน้ำลายหยด แล้วรีบอร์นก็ขอตัวขึ้นไปนอนแซนซัสเห็นว่ามันเช้าแล้วจึงอุ้มร่างเล็กขึ้นไปบนห้องเพื่อจะให้พักผ่อนเนื่องจากเมาจึงจะดูจนกว่าจะเข้า ร่างเล็กเข้าไปในห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำ
ชั่วโมงผ่านไป
เมื่อร่างเล็กไม่ออกมาจากห้องน้ำสักทีแซนซัสจึงเปิดเข้าไปดู แล้วก็พบว่า ร่างเล็กอยู่ห่างไกลกับคำว่า อันตรายมาก ผิวสีขาวอมชมพูแช่อยู่ในอ่าง มือเรียวถูสบู่ไปตามขา เพียงเท่านั้นแซนซัสก็วิ่งออกจาำกห้องไปห้องตนเองทันที
อยู่นานกว่านี้มีกดชัวร์
ร่างสูงคิด
12:00 A.M
แสงแดดส่องผ่านม่านสีแดงปักลิ้มทองเข้ากระทบใบหน้าหวานหยดย้อย ร่างเล็กบนเตียงใหญ่บิดกายไปมา
"ฮ้าว...ปวดหัวจังแหะ"ร่างเล็กบิดขี้เกีนจแล้วเดินลงจากเตียง
สายตาเหลือบไปเห็นแก้วน้ำส้มและยาหนึ่งเม็ดที่โต๊ะ และมีกระดาษวางไว้อยู่
สึนะหยิบยาแล้วน้ำขึ้นดื่มแล้วเดินไปอาบน้ำ อาจมีเซเล็กน้อยแต่ก็ถึงห้องน้ำอยู่ดี
ขณะแช่น้ำอยู่ในใจก็พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากปิดร้านแล้วก็กินเลี้ยง แล้วเบลก็ชวนเล่นเกมส์ แล้วก็แพ้
จากนั้นก็.........จำไม่ได้ ร่างเล็กล้างจัวแล้วมายืนอยู่หน้ากระจก
"โทรมจังแหะ"ร่างเล็กพึมพำเมื่อตัวเองเริ่มมีรอยใต้ตาแล้ว
สงสัยจะเป็นเพราะนอนไม่พอ ร่างเล็กแต่งตัวและเดินออกจากห้องมา
โครก คราก
เสียงร้องคำรามบอกว่าถึงเวลาอาหารเช้า+อาหารกลางวันแล้ว
สึนะจึงตรงดิ่งไปยังห้องครัวที่มีกลิ่นอาหารหอมฉุย น่ารับประทานโชยออกมา
"อรุรสวัสดิ์สควอโล่ ทำอะไรกินหรอ"สึนะเดินเข้าไปถาม
"อรณสวัสดิ์เจ้าเปี๊ยก ว่าจะทำมีตบอลน่ะ และก็สลัด กับ
ขนมปังด้วย"ฉลามหนุ่มร่ายออกมาแต่ละอย่างชวน ทูน่าน้อยน้ำลายยืด
"มีอะไรให้ชั้นช่วยไหม"ใบหน้าหวานอกแววกระตือรือร้น
"ไม่มีหรอกไปนั่งรอเถอะ"สควอโล่บอก
ขืนให้ช่วย จะเสร็จช้ากว่าเดิมล่ะมั้ง
ฉลามหนุ่มคิดในใจก่อนจะกลับไปสนใจ มีตบอลในหม้อต่อ
ทูน่าเมื่อได้ยินดังนั่นก็แหวกว่ายออกจากห้องครัว
ไปห้องอาหารเพื่อรอกินทันที ผ่านไปสักพัก
ร่างเทพบุตรทั้งหลายก็ลากสังขารของตนเองลงมา
"นายดูโทรมๆนะสึนะ"รีบอร์นพูดแล้วจับใบหน้าหวานหันไปมา
"ก็นอนไม่ค่อยพอน่ะ เดี๋ยวจัดอะไรๆลงตัวแล้ว
ชั้นก็คงจะได้พักผ่อนมากขึ้น"สึนะตอบแล้วบอกให้ทุกคนนั่ง
เบลกับฟราน ที่เมื่อคืนค้างที่นี่ก็เดินไกปช่วยสควอโล่ยกกับข้าวออกมา
ทุกคนลงมือกินอาหารอย่างไม่มีใครรอใคร เพียงไม่ถึง ชั่วโมง
อาหารทุกอย่างก็หมดเกลี้ยง ไม่เหลือให้ใคร จนแทบไม่ต้องล้างจาน
"โอย อิ่มชะมัด ขืนกินไอ้พวกนี้ทุกวัน ชั้นได้อ้วนแน่ๆ"จิอ๊อตโต้
พูดแล้วดื่มน้ำตาม
"นี่ เจ้าเปี๊ยก แล้วพล๊อตเรื่องใหม่ของแกเป้นยังไง"สควอโล่ที่
เก็บจานเสร็จแล้วเดินมาถาม
"เกี่ยวกับความรักที่เป็นไปไม่ได้น่ะ ชื่อเรื่องก็ Forbidden love."
สึนะตอบ
"แล้วเป็นยังไง"เบลถาม
"ก็เป็นเจ้าหญิงเมืองหนึ่งหลงป่า และก็ไปเจอกับมนุษย์ที่ต่างเผ่าพันธุ์ออกไป
แล้วรักกัน แต่มันเป็นไปไม่ได้ เอาอย่างเช่นนะ ประโยคที่เคยแต่งไปแล้ว......
ข้ามิอาจตัดใจจากเจ้าได้ แต่ข้าก็มิอาจรักเจ้าได้เช่นกัน เราทั้งสองเปรียบดั่ง
ความเหมือนที่แตกต่าง ข้านั้นเต็มไปด้วยความสกปรกโสมม
แปดเปื้อนอะไรมามากมาย แต่เจ้านั้นบริสุทธิ์และสะอาด
ข้าไม่อาจดึงให้เจ้าจมอยู่กับความมืดมิดเช่นข้าได้....
ประมาณนี้แหล่ะ"สึนะบอก
"อ้าว สึนะเป็นนักเขียนหรอ"แรมโพหันมาถามอย่างสงสัย
"ใช่ นามปากกา ท้องนภาอันอบอุ่น น่ะ"สึนะตอบแล้วลุกขึ้นเดินไปห้องรับรองพร้อมๆกับคนอื่นๆ
"พวกเราเคยอ่านหนังสือของนายนะ เป็นแฟนคลับเลย จะมีเล่มหนึ่งที่มีเนื้อหาว่า....
แม้อาชีพของเราจะดูต่ำต้อย ดูน่ารังเกียจ แต่เราก็รักใจอาชีพของเรา
อาชีพของเราไม่ได้ไปทำร้ายให้ใครเจ็บตัว เดือดร้อนอย่างมิจฉาชีพ
เราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาๆ ที่ชะตากลั่นแกล้งสารพัด เราจึงหางานที่เรารักทำ
อาชีพของเราไม่ใช่ขายตัวให้เปื้อนราคี แค่แสดงความบันเทิงให้หลายๆคนได้รื่นเริงไป
กับมันเท่านั้น
นี่แหล่ะ มันตรงกับพวกเราดี"จ๊อตโตบอก
"หรอครับ ดีจัง พ่อไม่ค่อยปลื้มให้ผมไปเป็นนักเขียนนัก"สึนะมีสีหน้าหมองลง
วูบหนึ่งก่อนจะกลับมาร่าเริงอีกครั้ง
"พี่ค่ะ!!!!!"เสียงหวานใสตะโกนเรียกพี่ชายตั้งแต่หน้าประตูกระโจนใส่สึนะทันที
"อ้าว สึบาสะ ไปนั่งกับพี่ๆเขาก่อนเดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้"สึนะเดินไปเอาน้ำให้น้องสาว
สึบาสะก็หันมาทำน้าบึ้งตึงใส่พวกที่เหลือทันที
"นี่พวกพี่น่ะ หนูไม่เห็นว่าจะมีใครสักคนรุกพี่ชายหนูซักที"สิ้นเสียงนั้น
รีบอร์นสำลักกาแฟแรมโพตกเก้าอี้หนังสือในมือจีอ๊อตโตล่วงลงพื้น
O///////////////O
"อย่าบอกนะว่าพวกพี่จีบใครไม่เป็น"สึบาสะพูด
"จีบผู้หญิงน่ะจีบเป็นแต่ให้จีบผู้ชายมันก็ทำอะไรไม่ถูกน่ะครับ"มุคุโร่ตอบ
"อ๋อ ถ้าอย่างนั้น พวกพี่อยากจีบพี่ชายหนูไหมล่ะ"สึบาสะถาม
"อยาก!!!"ทุกคนพูดพร้อมกัน
"งั้น ซาวาดะ สึบาสะคนนี้ จะช่วยเอง!!!!!!!!!^^"
T(s)una say
สวัสดีครับในที่สุดผมก็ได้พูดซักทีนะครับ รอมาตั้งนานแล้ว เมื่อวานหลังจากที่ผมไปเอาน้ำมาให้น้องสาวผม ซาวาดะ สึบาสะ น่ะครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมหน้าพวกเขาแต่ละคนแดงเถือกเป็นมะเขือเทศขนาดนั้น ไม่สบาย หรือ อากาศมันร้อนเกินไปรึเปล่า แต่แอร์ก็อยู่ในองศาที่พอเหมาะนะครับ และสึบาสะก็อีกคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับถูกรางวัลที่หนึ่ง และมีเหตุการณ์ สดๆร้อนๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี่ครับ ย้ำว่ามันชวนอเมซิ่งมากครับ แซนซัสชวนผมไปสวนสนุก!!!! ตอนเขาชวนผมต้องถามย้ำตั้งหลายรอบ แทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยซักนิสสสส แต่มันเป็นความจริง ตอนนี้ผมอยู่หน้าสวนสนุกครับ ชื่อว่า มัชเมลโล่ แลนด์ มันก็ดูแปลกตาดีนะครับ ผมอยู่ในชุดเสื้อยืดสีฟ้าคอวี ลายเหมือนผูกเนกไทกับการเกงขาสั้นสีขาว หมวกแก๊ปสีขาวรองเท้าแตะ แซนซัสอยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำลายเส้นสวยๆ กับกางเกงยีนส์ สีซีดๆ ขาดนุู่นิดนี่หน่อย ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาดี คนแถวนี้คงคิดว่าขอทาน และก็ใส่รองเท้าผ้าใบสีดำ เขาไม่ใส่หมวกก็หมวกเขาอยู่บนหัวผมนี่ไง
"แซนซัส เล่นอะไรดีครับ"ผมหันไปถาม ผมมากับเขาแค่สองคนเพราะคนอื่นๆจู่ๆก็ไม่ว่างพร้อมกันหมดเฉยเลย
"แล้วแต่"ดูเขาตอบสิ เดี๋ยวผมก็ชวนเล่นม้าหมุนซะหรอก งั้นเสี่ยงดวงดูล่ะกัน
"เล่นอันนั้น"ผมชี้นิ้วไปมั่วๆแล้วมองหน้าเขา เขาแสยะยิ้มด้วยผมมองตามนิ้วตัวเองไป
ชิบหาย นิ้วพาซวย ไหงประเดิมด้วยไวกิ้งเลยวะ แต่ไม่ทัน เขาลากผมไปแล้ว
หมดหนึ่งรอบ
"ไหวแน่นะ"เขาถามผมยืนหน้าซีดปากสั่นแมร่งน่ากลัวชิบ
"ไหวแน่นอนครับ"ผมตอบไปผมไม่ให้เขามาเสียเที่ยวแน่นอน
"งั้นเล่นอะไรต่อดี"เขายื่นหน้ามาใกล้ๆผม จมูกโด่งๆ ตาคมๆ ปากสีซีดๆ ผิวคล้ำ มีแผลนิดหน่อยนั่น ทำไมทำให้ผมใจเต้นแรงนะ
"เอาอันนั้น"ด้วยความเขินผมชี้มั่ว(อีกแล้ว)ก่อนจะหันไปมองตามนิ้วตัวเอง
ซวยเช็ดเลยครับ นิ้วพาซวยรอบสอง คราวนี้เป็น บ้านผีสิง โอ้ พระเจ้าจ๊อด ต่อไปนี้ผมจะไม่ใช้นิ้วชี้อะไรอีกแล้วครับY^Y
"แน่ใจหรอ"เขาหันมาถาม แต่ผมเป็นคนหนักแน่น ชี้แล้วยังไงก็ต้องเอา
"ครับ"แล้วคราวนี้ผมก็ลากเขาเข้าไป แม้ขาจะสั่นอยู่เลยก็เหอะ ได้ยินเสียงเขาหัวเราะน้อยๆด้วย ก็ใช่สิ ไม่เป็นผมแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าความกลัวมันทรมานขนาดไหน เชอะ -^-!!!!
ผมกับเขาเดินเข้ามา ในตัวบ้านผีสิงแล้วครับ ผมกอดแขนเขาแน่นเลยเผลอจิกลงไปด้วยแอบได้ยินเขาซีดปากด้วยสงสัยผมจะจิกแรง แต่ผมไม่สน สนหาทางออกจากที่นี่มากกว่า แมร่งหน้ากลัวโคตรอ่ะ
ตุ๊บ
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด"ผมกรี๊ดแล้วกระโดดกอดเขาเลย ตัวเขาแข็งทื่อเลยจะเป็นอะไรไหม แต่ผมไม่สนอีกนั่นแหล่ะใครก็ได้บอกที ทางออกมันอยู่ไหน ผมคิดก่อนจะสลบไปและได้ยินเสียง
"เฮ้ยไอ้สวะอย่างเพิ่งเป็นลม"ไม่ทันและผมไปเยี่ยมพระอินทร์ก่อนล่ะ
.
.
.
.
.
.
โอย นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย
ดวงตากลมโตก็ค่อยลืมขึ้นแล้วกระพริบเพื่อปรับโฟกัส
จำได้ว่าเข้าบ้านผีสิงไงมาโผล่ สวนสาธารณะในสวนสนุกได้เนี่ย
"ตื่นแล้วไง?"ผมมองไปตามเสียง
พบร่างสูงกำลังจ้องมองมาจากเหนือหัว เห้ย มองมุมนี่ หล่ออ่ะ-////////-
"ผมเป็นอะไรครับ"ผมทำท่าจะลุกขึ้น
"ค่อยๆลุก เดี๋ยวหน้ามืด นายกลัวผีจนเป็นลมไปเลย"อ้าว
หน้าอายไหมเนี่ย พึ่งเล่นของเล่นได้สองอย่างผมเป็นลมซะและ
ตอนนี้ก็เย็นแล้วด้วยสิ
"เออ เย็นแล้วกลับกันก่อนไหมครับ
เดี๋ยวแซนซัสจะเข้างานไม่ทันนะ"ผมพูดอย่างเป็นห่วง
"ไปนั่งชิงช้าสวรรค์กัน"ดูเขาชวน
ได้ยินที่ผมพูดไหมครับเนี่ย
"แซนซัสครับ....."ผมมองหน้าเชาถอนหายใจ
คนควรถอนมันผมไม่ใช่?
"เล่นเสร็จแล้วกลับโฮสต์ โอเคไหม แค่อันเดียว"
เขาหันมาอ้อนผมด้วย น่ารักวุ้ย-/////-
"ค...ครับ-///////-"ผมพูดหน้าแดงๆ
"เป็นอะไรหน้าแดงๆ"ผมเห็นเขากระตุกยิ้มนิดหนึ่งด้วย
พูดก็พูดเถอะ เขารู้อยู่เต็มอก"เขินหรอ"ถามอย่างเดียวได้ไหม
อย่าเอาหน้าหล่อๆมาไกล๊โผ๊มมมมมมมมมม
แล้วผมก็โดนลากไปขึ้นชิงช้าสวรรค์ ผมมองชมวิวไปข้างนอก
ว้าว สวยสุดๆไปเลยอ่ะ อย่างกับเมืองแห่งแสงดาวแหน่ะจะว่า
ผมบ้าก็ได้นะแต่มันสวยจริงๆ แสงไฟระยิยระยับเต็มอาคารบ้านเรือนไปหมด
"นี่"เขาเรียกผม ผมจึงกลับไปนั่งทำหน้าเจี๊ยมเจียม อยู่ที่เดิม
กระเช้าหยุดอยู่บนจุดนูงสุดแล้ว เขาเข้ามานั่งข้างๆผมแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ
ราวกับตกอยู่ในภวังค์ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
"ชั้น"เขาพูดค้างแล้วเลื่อนเข้ามาใกล้อีก อีกแต่คืบเดียวปาก
เราจะแตะกันอยู่แล้วขอรับท่าน
"ชอบ"เขาพูดลากเสียงยาวกว่าเดิมแล้ว หน้าเราห่างกันไม่กี่เซนต์
"ชิ!!!"เขาสบถเล็กน้อยเมื่อม้าหมุนมันเริ่มหมุนอีกครั้ง พอลงจากกระเช้าแล้ว
เขาก็บอกให้ผมรออยู่ตรงนั้นก่อนจะวิ่งไปไหนไม่รู้ ไอ้มัชเมลโล่แลนด์ก็แปลกนะ
ถึงจะมืดแล้วคนแมร่งยังเยอะดีจริงๆ อุ๊บส์ ผมป่าวอยาบคายนะ
"อ่ะ ไอ้สวะชั้นให้"ดอกลิลลี่สีแดงมาจ่ออยู่ที่หน้าผม
ตอนแรกผมก็รับมางงๆก่อนจะเดินไปคิดไป
ว่าเขาให้ทำไมแต่พอนึกถึงความหมายของมันได้
เลือดลมสูบฉีดครับความร้อนระอุทั้งร่างกายของผมไปรวมอยู่ที่ใบหน้าหล่อๆ(?)ทันที
'ประกาศให้โลกรู้ว่ารักเธอแค่ไหน'
โอ้แม่เจ้าพ่อแก้วแม่แก้ว คนหล่อ(?)อายสิครับ
ผมเดินลีบๆหน้าแดงๆกลับโฮสต์กับแซนซัสอย่างสำรวมกายวาจาใจที่สุด
จนผมกับเขาจะแยกไปแต่งตัวเขาก็หันมาบอกว่า
"ความหมายของมันชั้นรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ"เท่านั้แหล่ะครับผมวิ่งเข้าห้องเอา
จัดใส่แจกันเลยแถมยังกระโดดกอด ชักหน้า เอ่อ ตุ๊กตาหมีตัวโปรดผมครับ
ที่เรียกว่าชักหน้า เพราะราคาเฉียดแสน แถมสคอโล่ซื้อมห้ เพีงตัวเดียว
สควอโล่ชักหน้าไม่ถึงหลังเลยทีเดียง แต่ผมมีหมีอีกเยอะไว้ว่างๆผมจะมาแนะนำให้ฟัง
ตอนนี้ผมอาบน้ำดีกว่า ไปล่ะ ผมเดินลิ่วลงจากเตียงไปห้องน้ำแล้วทำงานตามปรกติทันที
ถึงแม้จะมีแอบอายอยู่บ้างก็เถอะ แต่ลองนึกเรื่องราววันนี้ดูดีๆ เหมือนเห็นคนคุ้นตาหลายคนจัง
ในอีกด้าน
"สึนะร้อนแรงชะมัดม่ถึงล่อเรือเลยอ่ะ"จ๊อตโตพูดจากจุดแอบดู
"ฮัลโหลๆ สัปรด ตอนนี้ทั้งคู่เป็นไง"แรมโพติดต่อเรียกมุคุโร่ในชุดมาสคอร์ดหมีชิว
"ยังโอเคตอนนี้เข้าบ้านผีสิงไปแล้ว"แล้วทุกอย่างก็เงียบไปพักใหญ่
งั้นเราจะใช้เวลานี้บอกตำแหน่งทุกคนล่ะกัน
จ๊อตโต ใช้กล้องส่องทางไกลอยู่ที่มุมสูงของยอดตึกๆหนึ่ง
แรมโพ เป็นพนักงานตรวจตั๋ว อยู่ที่หน้าประตู
มุคุโร่ เดินแจกลูกโป่งอยู่ในชุดหมีชิว ใกล้ๆกับ ฟรานในชุดเคโรโระแจกลูกอมอยู่ หน้าบ้านผีสิง
อเลาดิ กับ ฮิบาริ เป็นคนขายน้ำอยู่ใกล้ๆกับชิงช้าสวรรค์
เบล กับ สควอโล่ แอบมองจากมุมใกล้ๆ
"ออกมาแล้ว"รีบอร์นที่มองอยู่ที่ร้านกาแฟ(แมร่งโคตรสบาย)พูด
แล้วทุกคนก็แทบจะหลับรอสึนะฟื้นกันเลยทีเดียว เอิ่ม
เรียกว่าหลับไปแล้วดีกว่า พอตื่นแล้วเห็นท้องฟ้าจะมืด
จึงกลั้นใจกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้างาน ส่วนเจ้าของแผนการ
นอนตีพุงกินเค้กสบายใจเฉิบอยู่ที่ห้องนู่นแหล่ะ
เหล่าเมะแอบเขม่นใส่แซนซัสบ่อยๆเมื่อ
แซนซัสมองสึนะแล้วสึนะม้วนอายแบบนั้น ในใจทุกคนคิด
'นี่ตูพลาดอะไรไปรึเปล่า'
Tsuna say
เอาอีกแล้วครับท่าน เมื่อวานแซนซัสพาผมไปเที่ยวสวนสนุกใช่ไหมครับ ถ้าใครจำไม่ได้ก็ย้อนไปอ่าน หลังจากนั้นก็ไปทำงานฟผมตื่นขึ้นมาอีกวันหนึ่ง จ๊อตโต้ ชวนไปเดินตลาดนัดครับ(สมมุติว่ามันมีนะ) แต่เห็นบอกว่ามันมีแต่ของถูก ไฮโซ สามัญชนอย่างผม มีหรือ จะไม่ไป ผมกำลังแต่งตัวอยู่ครับ ผมใส่ยืดสีขาวทับด้วยเสื้อแขนกุดสีส้มมีฮูด กางเกงขาเดฟและก็ลองเท้าผ้าใบครับ ผมเดินลงมาข้างล่าง จ๊อตโต รออยู่แล้วในชุดแบบว่า ชิวมาก เสื้อแขนกุดสีขาวกับกางเกงสามส่วน รองเท้าแตะครับแต่ก็นะครับ คนหล่อแต่งอะไรก็เข้าเห็นแล้วมันอิจฉาครับ โคตรอิจฉา ชิ
"ไปกันเร็ว เดี๋ยวมันจะมืด ไม่ได้เดินกันพอดี"เขาพูดแล้วตบเบาะมอร์เตอร์ไซต์คันเก่งของเขาผมก็ควบสิครับ ไปๆมาๆ รู้สึกเหมือนเป็นสก๊อยยังไงไม่รู้ เฮียเขาจงใจบิดสุดแล้วให้ผมผวากอดเขาน่ะสิ แถมยังหัวเราะชอบใจอีก ถ้าไม่ติดที่ว่าหน้าตาดี รับแขกเยอะ ไล่ออกซะนี่
แล้วพวกผมก็เดินเข้ามาดูที่ตลาดนัดแล้ว มันไม่มีอะไรมากเลยครับ ก็มีพวกอาหารและเสื้อผ้าขาย(สมมุติว่ามันเหมือนตลาดบ้านเรา) จ๊อตโตเขาสนใจอาหารญี่ปุ่นเกือบทุกอย่าง ผมหัวเราะจนท้องแข็งตอนเขาบอกว่าไม่รู้จักราเม็ง แถมในตานี่เป็นประกายเชียว ผมว่าผมทำตัวเด็กแล้วนะ เฮียแกจัดมาเด็กกว่าอีก ผมเดินผมเจออะไรชอบผมซื้อหมดแหล่ะ ผ่านเครปซื้อเครป ผ่านซูชิ ผ่านทาโกยากิ ผ่านโซบะ ซื้อหมดครับ คนออกตังก็ข้างๆผมนี่แหล่ะ ผมกับเขาเดินอยู่ข้างๆกัน ผมแอบมอง ดวงตาคมสีทองอร่าม จมูกโด่ง ปากสีซีด ดูน่าลิ้มลอง ผมขาวนวล ผมสีทองฟูฟ่อง หล่อโคตรอ่ะ-//////////-
ผมกับเขาเขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้น มือของเราปัดผ่านกันไปมา เมื่อแตะผมก็รีบหลบเหมือนมันเป็นของร้อน เขาใช้นิ้วก้อยค่อยๆเขี่ยนิ้วก้อยผม ไปๆมาๆ ผมก็จับมือกับเขาเดินดูไปทั่วเลย
"สึนะ หันไปหน่อยสิ"เขาเรียกผม ผมหันไปแล้วเขาก็ทำอะไรบางอย่างกับคอของผม
"..."
"สวยไหม?"ที่คอผมเป็นสร้อยคอเส้นเล็กๆมีจี้เป็นทรงหัวใจสีขาว
"ครับ จ๊อตโต ซื้อให้ใครครับ"ผมถามเพื่อความแน่ใจ เพราะสร้อยแบบนี้เขาให้ซื้อให้คนที่รัก
"ให้นายนั่นแหล่ะ"
"สร้อยแบบนี้เขาให้ซื้อให้คนรักนะครับ-////-"
"อ...อ้าว หรอ-/////-"
"...."
"แต่ช่างเถอะยังไงมันก็ไม่ผิดหรอก"เขาคว้ามือผมไปเดินต่อ ไม่ผิดอะไร ไม่ผิดที่ผมเป็นคนที่เขารัก หรือว่าจะซื้อให้ใครก็ไม่ผิด เอิ่ม น่าจะเป็นอันหลังแหะ เพราะเขาคงไม่หันมามองคนอย่างผมหรอก เนอะ
"กลับโฮสต์กัน"ผมชวนเพราะนี่ใกล้จะได้เวลาเปิดโฮสต์แล้วด้วยเดี๋ยวไปช้า คนที่เสียผลประโยชน์มากที่สุดคือเขา รองมาก็ผม ผมก็ซ้อนมอร์ไซต์คันเก่าแต่ครั้งนี่เขาขับช้าๆเหมือนยังไม่อยากกลับ แต่จะเหลวไหลไม่ได้เพราะมีงานต้องทำ พอมาถึงเขาเอารถไปเก็บแล้วก็จูงมือผมเข้าไปในที่พัก
"ขอบคุณสำหรับสร้อยนะครับ"ผมพูดเขามองผมแล้วยิ้ม โอยยยยย หล่อสุดๆ ผมเห็นออร่าความหล่อเป็นประกายออกมาเลย
"ขอเป็นอย่างอื่นได้ป่ะ"อ้าว เขาต้องการอะไรอ่ะ หรือว่าขึ้นเงินเดือน เสียใจย่ะ
เขาเดินเข้ามาใกล้ๆผม โน้มหน้าลงมาใกล้ ใจผมแทบตกไปอยู่ตาตุ่ม มันเต้นแรง จนน่ากลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน อีกไม่กี่มิลปากผมกับเขาก็จะแตะกันแล้วผมเอามือทาบอกเขาจะดันออก แต่รู้สึกถึงหัวใจเขา เต้นแรงไม่แพ้ผมเลยอ่ะ แล้วเขาก็โน้มไปข้างๆ
ฟอดดดดดด
หอมแก้มผมฟอดใหญ่แล้วเดินหนีเลย -/////////////////////////////////////////////-พูดตรงๆโคตรอาย ผมกุลีกุจอเอาของขึ้นไปเก็บแล้วแต่งตัวลงมาทำงาน ตลอดเวลาที่ทำงาน เขาชอบแอบหันมายักคิ้วใส่ผมด้วย คราวนี้หยิบผิดหยิบถูกตั้งหลายรอบ ถึงผมเป็นผู้ชายก็ไม่ได้หมายความว่าจะอายไม่เป็นนี่น่า ใช่ไหมล่ะครับ
อีกด้านหนึ่ง
"จ๊อตโตร้ายชะมัดเลย ปวดหัวจัง"มุคุโร่กุมหัวตัวเอง ตอนนี้ทุกคคนอยู่ในห้องรับรองไม่ได้ตามไปสังเกตุการณ์ เพราะว่า จ๊อตโตวางยาสลบแล้วหนีออกไปเที่ยวกับสึนะ จึงไม่มีใครตามไป
"ชิ พลาดจนได้ให้ตายสิ"รีบอร์นบ่นแล้วสบัดหัวไล่ความมึนเมาก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงาน แถมยังต้องทวีความสงสัยไปอีกเมื่อ สึนะที่ถูกจ๊อตโตยักคิ้วใส่หลายรอบ หยิบของผิดๆถูกๆไปหมด แถมคอยังห้อยสร้อยไวอยู่
'ตูพลาดอะไรอีกแล้วเนี่ย'
เอาอีกแล้วครับ วันนี้เป็นวันหยุดใช่ไหมล่ะครับ
ตอนแรกผมกะว่าจะนอนตีพุงอยู่บ้าน
แต่โดนคุณมุคุโร่ลากอกมาตอนช่วงสองทุ่ม
แถมยังปิดตาไม่ใหผมรู้อีกว่าจะพาไปไหน
"มุคุโร่ครับ ถึงรึยัง"ผมถามอีกครั้งเพราะเรา
เดินมาไกลมากแล้วผมเหนื่อย
"อีกนิดเดียวครับสึนะคุง รับรองคุณต้องชอบแน่ๆ"เขา
พูดแล้วให้ผมยกขาขึ้นแล้วก็ลอดบางอย่าง
ก่อนผมจะได้กลิ่นหญ้าสดๆลอยมาตามลมกับกลิ่นสะอาดๆ
"เอาล่ะครับ ค่อยๆลืมตาได้"เขาปล่อยมือออกจากตาผม
ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาออก
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำผมช๊อกมาก
กลางลานโล่งๆที่มีหญ้าปกคลุม
มองขึ้นไปเหนือหัวมีดาวที่เปร่งประกาย
อย่างสวยงามและดูเหมือนไกล้จนสามารถเอื้อมมือไปหยิบได้
มุคุโร่ฉุดมือผมให้ลงไปนั่งอยู่ข้างๆเขาก่อนจะเอียงตัวนอน ผมก็นอนตาม
"สวยใช่ไหมครับ"มุคุโร่ถาม
"ใช่ครับ"มันสวยๆมากจริงๆ"คุณมุคุโร่รู้จักที่นี่ได้ยังไงครับ"ผมถามออก
ไปเพราะดูเหมือนจะเป็นที่ลับไม่น่าจะมีใครเข้ามาได้
"ผมเจอตอนมาทำงานโฮสต์ใหม่ๆน่ะครับ
เดินเล่นเพลินๆก็มาโผล่นี่แล้ว"เอิ่ม เดินเล่นแบบไหนวะ แต่ช่างเถอะ
"มันสวยมากเลยนะครับ สวมมากจริงๆ"ผมพูด
แล้วเอียงไปซบอกเขาไม่ใช่อะไรหรอกนะ ผมปวดหลังเวลานอนพื้นหญ้า
"แต่อีกไม่นานก็จะมีคนมาทำลายส่วนนี้ทิ้งสร้างโรงแรมแล้วครับ"เสียงพูดเขาหงอยๆ
"หวา แย่จัง"ผมทำแก้มป่องๆ นึกงอนคนที่จะมาทำลายที่นี่
เผาพริกเกลือแช่งซะดีไหม
"เวลาผมมีเรื่องอะไรผมก็มักจะมานั่งคิดอยู่ที่นี่แหล่ะครับ
มันก็เลยเป็นเหมือนบ้านของผมที่หนึ่งเลย"แววตาเขาดูเศร้าจัง
ผมเอื้อมมือสองข้างไปโอบกอดเขาไว้
ตอนนี้เหมือนผมจะทับเขาอยู่หน้าผมอยู่ระดับอกเขา
ผมเงยขึ้นมอง เห็นเขาทำหน้าอึ้งๆ
"ผมจะช่วย ผมจะรักษาบ้านของมุคุโร่ไว้ให้ ผมสัญญา"ผม
พูดทำหน้าจริงจัง เขาระเบิดเสียงหัวเราะใหญ่เลย
"ครับๆแล้วผมจะคอยดู"แล้วผมก็หันไปนั่งปกติ
จู่ๆเขาก็จับมือผมขึ้นชูไปบนฟ้าก่อนจะลากมือผ่านข้อมือผม
ปรากฏเป็นสร้อยข้อมือเงินเส้นโล่งๆเส้นหนึ่งแล้วเขาก็ทำ
เหมือนลากดาวมาติดเอาไว้แล้วลากมือปัดผ่านอีกครั้ง
กลายเป็นสร้อยข้อมือที่ประกอบจากรูปดาวหลายๆดวงต่อกัน
"ว้าว"ผมอุทานออกมามันสวยมาก สวยมากจริงๆ
"ของสวยๆ สำหรับ คนน่ารักๆอย่างคุณไงครับ สึนะคุง"
เขาพูดแล้วเลื่อนหน้ามาไกล้ผมเรื่อยๆ ผมแม้นปากแน่น
ด้วยสัญชาติญาณส่วนตัวผมยกมือขุ้นกั้นปากผมกับเขา
เขามองก่อนหัวเราะร่วน
"หวงตัวจังนะ ผมว่าเรากลับกันเถอะคุณคงอยากพักผ่อนบ้าง"เขาชวน
"อย่างเพิ่งกลับสิ อยู่นี่ก่อน"ผมบอกก่อนจะล้มตัว
ลงนอนดูดาวไปเรื่อยๆ ไม่ว่าดูกี่ครั้ง มันก็สวยชะมัดเลย
อีกด้านหนึ่ง
ทางด้านนี้ก็ต้องหัวเสียเพราะมุคุโร่จ้างคนมา
ปลอมแปลงเป็นตัวเองกับสึนะก่อนจะล่อพวกที่เหลือไปอีกทาง
"คุณฮิบาริครับจะพาผมไปไหนเนี่ย"ร่างเล็กร้อง
โอดครวญเมื่อตอนนี้ซ้อนท้ายมอร์เตอร์ไซต์มาได้หลายชั่วโมงแล้ว
"ถึง แล้ว"สิ้นเสียงนั้นดวงหน้าหวานก็หันไปมอง
กลิ่นเค็มๆของทะเล เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่ง
ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยสีส้มของยามเย็น
ต้นมะพร้าวเอนเอียงสบัดพริ้มไปตามแรงลม
ผู้คนมากหน้าหลายตากำลังนั่งเล่นหรือเดินเล่นอยู่บริเวญนั้น
"ว้าว..."
"พระอาทิตย์ตกสวยไหม"ฮิบาริถามแล้วจูงมือร่างบางลงไปนั่งที่ชายหาด
มือของทั้งสองกุมกระชับกันอย่างแนบแน่นซึ่งดูโรแมนติกจากใครหลายๆคน
"สวยครับ อุตส่าห์พาผมมาถึงทะเลขอบคุณนะครับ"สึนะหันไปยิ้มอย่างอ่อนโยน
รอยยิ้มนั้นเหมือนเป็นแสงสว่างเปร่งประกายจ้าจนแสบตา
"ไม่ต้องขอบคุณหรอก ถ้าจริงๆอยากได้อย่างอื่นมากกว่า"ประโยคหลังเขาพูดเบาๆกับตัวเอง
"อะไรนะครับ"ร่างเล็กหันไปมองอย่างสงสัย
"เปล่า"ฮิบาริพูดแล้วมองไปที่พระอาทิตย์ด้านหน้า
ที่กำลังเคลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ
"นานๆได้มาเห็นอย่างนี้แล้วผ่อนคลายดีนะครับ"สึนะพูด
ด้วยสีหน้าที่พอใจจนคนมองยังแอบปลื้มกับตัวเองอยู่เล็กๆไม่ได้
"นายคิดว่างั้นหรอ"ถึงปากพูดไปอย่างนั้นใบหน้าคมก็แอบยิ้มอยู่ลึกๆ
"ครับ ดวงอาทิตย์จะคอยสาดแสงอันอบอุ่นให้แก่เรา
ปรากฏภาพที่สวยงามเกินบรรยาย"ร่างบางร่าย
คำที่อยู่ในใจออกมาตามแบบของนักเขียน
"...แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังส่องแดดแผดเผาสิ่งชั่วร้าย
ขับไล่ความมืดมิดและหนาวเหน็บออกไป"ร่างสูงพูด
ตามที่ตนเองคิดว่าน่าจะต่อด้วยกันได้
"คิกๆ ครับ คุณฮิบาริพูดได้ดีมากเลยครับ"สึนะหัวเราะน้อยๆอย่างยิ้มแย้ม
"นายเองก็เหมือนกันนะ"มือหนาเคลื่อนไปขยี้ผมฟูๆของร่างเล็กให้ฟูฟ่องยิ่งกว่าเดิม
"ผม เป็นนักเขียนนี่ครับเรื่องแบบนี้ผมคิดได้อยู่แล้ว"สึนะตอบยิ้มๆ
มือสากของฮิบาริจับคางมนให้หันมาหาตน ใบหน้าทั้งสองตรงกัน
สายตาก็ประสานเข้าด้วยกันร่างสูงค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าไปไกล้ๆร่างเล็กทีละนิด
ด้วยแสงของอาทิตย์ยามเย็นขับใบหน้าหวานให้ดูดีขึ้นอีก
"คุณฮิบาริครับ"สึนะเขย่าตัวร่างสูงให้รู้สึกตัวและผละออกไป
"โทษทีนะ เผลอไปหน่อย"พูููดจบแล้วก็มีแต่ความเงียบเข้าครอบคลุม
ร่างทั้งสองก็ทอดมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะเร้นกายใต้ผืนสมุทร
ไม่มีสุรเสียงใดๆปรากฏออกมาจากปากของทั้งคู่ จนเวลาล่วงเลยไปนานพอสมควร
"ชั้นน่ะ ไม่ชอบทำอะไรหวานๆเลี่ยนๆหรอกนะ"จู่ๆฮิบาริก็พูดขึ้น
"เอ๋"
"แต่ อยากให้นายรู้เอาไว้ ว่าความรู้สึกที่ชั้นมีให้นายมันมากมายเกินบรรยายเลย"พูด
จบร่างสูงก็ลุกขึ้น เดินตรงไปที่รถ สึนะมองตามแผ่นหลังนั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
'ช่างเถอะ อย่างน้อยก็ไม่ได้ถูกเกลียดว่าแต่ที่พูด มีความนัยอะไรรึเปล่านะ'
สึนะซ้อนท้ายหนุ่มจอมซึนเพื่อกลับไปยังโฮสต์คลับของตัวเอง
ชื่อตอน:ลูฟี่มาแล้วจ้า
ตอนที่:2
คู่:-
สปอย: หนุ่มน้อยนาม มังกี้ ดี ลูฟี่ ถูกปู่ที่รักแสนรัก(ประชด)จับให้แยกกับพี่ชายที่เป็นมาเฟียเพื่อจะให้ตัวเขาเป็นตำรวจ นำเขามาฝากไว้กับโรงเรียนห่วยๆที่หนึ่ง มีแต่คนน่าตาน่ากลัวทั้งนั้น แต่พออยู่ด้วยนานๆ พวกเขามีบุคลิคที่แตกต่างกันจริงๆ เนี่ยหรอที่ปู่บอกให้ฝึกใช้ชีวิตกับพวกเนี่ยหรอ ให้ตายก็ไม่เอาหรอก เป็นตำรวจไม่เห็นจะเท่ มาเฟียเท่กว่าเยอะเลย ฮ่าๆๆๆๆ ชั้นจะเป็นมาเฟียให้ได้ แต่เอสบอกต้องเรียนให้จบ แล้วอีกกี่ปีฟระนั่น
....................................................
ณ ดินแดนแห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้แบ่งย่อยๆได้เป็นห้าส่วน ส่วนเหนือ ส่วนใต้ ส่วนตะวันออก ส่วนตะวันตก และส่วนเหมือนใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง ส่วนของเมืองใหญ่เป็นส่วนรวมของผู้มีฝีมือต่างๆมารวมกันมีทั้งที่ทำงาน โรงเรียน มหาลัย แต่ก็เป็นแหล่งรวมพวกเศษเดนของสัคมด้วยเช่นกัน ส่วนตะวันออกถูกปกครองโดย ตระกูล D ทางตะวันตก ถูกปกครองโดย แชงคูส ผมแดง ส่วนเหนือ ปกครองโดย ดองกี้โฮเต้ ส่วนใต้ เป็นของตระกูล D
ณ โรงเรียนที่เมืองใหญ่
"เซ็นโงคุ ฝากเจ้าหลานชั้นเข้าเรียนที่ห้องนั้นด้วยสิ"การ์ฟพูดทำเอากาแฟที่เซ็นโงคุกำลังกินพุ่งออกไปหมด
"หลาน เจ้าชายน่ะนะจะมาเรียนที่นี่นายเอาสมองส่วนใหนคิด โรงเรียนดีๆมีเยอะแยะไป"เซ็นโงคุพยายามเกลี้ยกล่อม
"ไม่เอาให้ไปอยู่ที่แบบนั้นมันจะรู้จักโลกได้ยังไงล่ะมันยิ่งซื่อบื้อๆอยู่"การ์ฟว่า
"เฮ้อ เอางั้นก็ได้แล้วจะให้เข้าเรียนวันไหนล่ะนี่ก็เริ่มสอนพิเศษแล้วนะ"เซ็นโงคุนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง แล้วคิดว่าถึงเถียงไปก็ไร้ประโยชน์
"ก็วันนี้เลยไง"คราวนี้ตกเก้าอี้ไปเลย อะไรมันจะรวดเร็วปานนั้น
"ไหนล่ะหลานนาย"เซ็นโงคุถาม
"ลูฟี่ เข้ามาได้แล้ว"การ์ฟตะโกนเรียก
เงียบ
"ลูฟี่"
เงียบ
"เจ้าหลานบ้าหลับแน่เลย"การ์ฟลุกออกไปนอกประตูก่อนจะได้ยินเสียง
โป้ก!!!!
"โอ้ย ปู่ จะอะไรนักหนาเนี่ยมันเจ็บนะ"เสียงแว่วหวานเอ่ยบ่นก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมกับการ์ฟ
"เจ้านี่ไง"การ์ฟบอกขณะที่เซ็นโงคุกำลังอึ้งค้างมองลูฟี่อยู่
'เด็กผู้ชายอะไรจะน่ารักขนาดนี้ ไม่เหมือนปู่มันซักนิด'
"เซ็นโงคุ!!"
"หะ ห๊ะ อ้อ การ์ฟ เดี๋ยวชั้นจะพาไปห้องเรียนล่ะกัน"เซ็นโงคุว่าแล้วลุกขึ้นยืน ชายวัยเกือบชราทั้งสองเดินไปคุยกันไปถึงเรื่องเก่าๆ จนมาถึงห้องๆหนึ่ง
ก็อกๆๆ
ครืด
"สโมคเกอร์ เดี๋ยวฝากเด็กอีกคนหนึ่งนะ"เซ็นโงคุว่า
"หืม ไม่เห็นมีบอกก่อนนี่น่า"ชายหนุ่มมีสีหน้างงงวยและไม่เข้าใจ
"พอดี มันฉุกละหุก เอาเป็นว่าให้เธอ เอ้ย เขาเรียนด้วยแล้วกัน"เซ็นโงคุว่าก่อนจะเปิดทางให้ลูฟี่เข้ามา ร่างบางเป่าหมากฝรั่งจมันแตกแล้วก็เคี้ยวทำแบบนี้อยู่เรื่อยๆคล้ายรออะไร
ผลั้ววว ฝ่ามืออรหันตบลงบนกระบาลน้อยๆด้วยความตกใจลูฟี่เผลอกลืนหมากฝรั่งเข้าไปมันจึงติดคอร่างบาง
"อล่วก แค่ก อ่อก"ร่างบางสำลักและทำท่าจะขาดใจแต่การ์ฟเตะที่ด้านหลังไปทีหนึ่งทำให้ลูฟี่หมากฝรั่งหลุดออกมาลูฟี่ก็เคี้ยวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมกร่นด่าการ์ฟอยู่เบาๆ
"ยังไงก็ฝากด้วยล่ะกันสโมคคุง ไปกันเถอะเซ็นโงคุ ไปกินเหล้าระลึกความหลังกัน"แล้วการ์ฟก็กอดคอเซ็นโงคุออกไป พอออกจากประตูไปแล้วทุกคนก็ได้เห็นภาพที่น่ารักน่าชังของเด็กหนุ่มตรงหน้าแลบลิ้นปริ้นตาใส่ประตูที่พึ่งปิดไป แต่จู่ๆประตูก็เปิดออกอีกครั้งเจ้าตัวรีบหันมาหน้าห้องเหมือนเดิมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"เอ้า กระเป๋า สโมคคุง เดี๋ยวให้เจ้านี่นอนที่นี่นะ"พอบอกว่าจะให้นอนที่นี่ลูฟี่ก็ตาวาวยิ้มอย่างดีใจเข้าไปถามปู่
"ปู่จะให้ผมนอนที่นี่จริงๆหรอ อย่าโกหกกันนะ ถ้าโกหกมันไม่ขำเลยนะ"ลูฟี่เข้าไปเขย่าคนที่ขึ้นชื่อว่าปู่จน การ์ฟหมั่นไส้
"ไอ้ท่าทางดีใจออกนอกหน้านี่มันหมายความว่าไงอยากอยู่ห่างจากปู่ขนาดนั้นเชียวเรอะ"การ์ฟถามเหมือนงอนเล็กน้อย
"ก็ใช่อ่ะดิ"พูดจบลูฟี่ก็โดนกำปั้นแห่งรักเขกเข้าให้จนไปนั่งกุมหัวอยู่บนพื้น
"ไอ้ปู่งี่เง่า"ลูฟี่พึมพำ
"อะไรน๊ะ"การ์ฟที่ได้ยินอะไรงี่เง่าๆก็ถามขึ้น
"เปล๊า ไม่มีอะไร๊ ปู่รีบๆไปเหอะ จะไปกินเหล้าไม่ใช่เรอะ ไปเร็วๆสิ ชักช้าอะไร ไปเร๊ว"ลูฟี่พยายามดันปู่ตัวเองไล่ออกจากห้องไป
"ฟู่"ร่างเล็กถอนหายใจก่อนจะกลับมามองคนในห้องที่กำลังอึ้งค้างกับหลายๆอย่าง ทั้งผิวสีขาวอมชมพูดูน่าฟัด ร่างเพรียวบางดูแลกลัวจะปลิวไปตามลม ดวงตากลมโตแวววาวราวกับสาวน้อย ปากนิดจมูกหน่อย ริมฝีปากอิ่มดูน่าลิ้มลอง
"เฮ้ เป็นอะไรกันรึเปล่าครับ"เสียงแว่วหวานไพเราะเสนาะหูเอ่ยขึ้นทำให้คนที่อึ้งอยู่ยิ่งหลงเข้าไปใหญ่
ปัง
เสียงตบโต๊ะดังลั่นเรียกสติของทุกคนให้เข้าที่
"อ..อะ ..อ่อ เอ่อ ไปนั่งที่สิ"สโมคเกอร์ที่ได้สติแล้วก็บอกให้ลูฟี่ไปนั่งที่ๆว่างอยู่เพราะห้องนี้ทั้งใหญ่แถมนักเรียนน้อย ที่ว่างหลังห้องก็เอาไว้เก็บโครงเตียงเหล็กและเบาะนอน
"อ่า งั้นเราก็จะพูดถึงการใช้ชีวิตกันที่นี่ก่อนนะ เราเริ่มเรียนกันตอนเก้าโมง เลิกบ่ายสาม เราจะจัดที่นอนตอนหกโมงเย็น ตู้เสื้อผ้าอยู่มุมห้องฝั่งนั้น เอาเสื้อผ้าไปเก็บไว้ตรงนั้นได้ที่ตู้มันว่างๆ ส่วนเบาะนอน จะมีชื่อเจ้าของติดอยู่อันไหนว่างก็เอาอันนั้นล่ะกัน เพราะมันใหม่อยู่"ลูฟี่หันไปมองเห็นเตียงสีขาวสะอาดจนแสบตา เบาะดูนิ่มๆหลายเบาะ นั่นแหล่ะที่เขาไม่ชอบ ของติดหรู ชิ
"อ้อ ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนี่น่า เดี๋ยวชั้นจะบอกให้ล่ะกันไล่ไปตามแถวเลยนะ"สโมคเกอร์บอกก่อนจะมีคนแย้งขึ้นมา
"เฮ้ๆอะไรกันเนี่ย สโมคคุง ไหงพูดซะสุภาพแบบนั้นล่ะที่พวกชั้นเอาแต่ตะคอกเอาๆ"ขนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวสวมแว่นตาดำเลนส์ทึบแสงรูปร่างแปลกๆเอ่ย
"หุบปากของนายไปซะโดฟลามิงโก้"สโมคว่าก่อนจะเอ่ยกับลูฟี่
"คนมุมประตูนั่น ดองกี้โฮเต้ โดฟลามิงโก้"ลูฟี่หันไปมอง คนนั้นน่ะหรอราชาแห่งฟากนอร์ธบลู
"ถัดมาก็ คร็อกโคไดล์ จูราเคล มิฮอว์ค ยูสทัส คิด ทราฟาลก้า ลอว์"สโมคเกอร์แนะนำ ลูฟี่ก็มองตามมือไปจำหน้าแต่ละคนไว้ ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าจำยังไงก็ไม่ได้ในครั้งเดียว
"ชั้น มังกี้ ดี ลูฟี่ ยินดีที่ได้รู้จัก"ร่างบางแนะนำตัวแล้วยิ้มจนหลายคนแทบจะอุดเลือดกำเดาแทบไม่ทัน
"โห เจ้าชายลูฟี่ แห่งตระกูลดี มาอยู่ที่นี่ทำไมไม่ทราบ"ลอว์ที่รู้สึกแปลกๆในใจตั้งแต่เห็นร่างบางตรงหน้าพูดเพราะความไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง
"เจ้าชายอีกแล้วหรอ อะไรๆก็เจ้าชายๆ ชั้นไม่อยากเป็นเจ้าชายซะหน่อย ให้ตายสิ"ลูฟี่บ่นพึมพำพร้อมทำหน้าหงิกงออย่างงอนๆแล้วนั่งลง ทำให้คนที่กล่าวด่าไปรู้สึกสองอย่างภายในใจ
เจ้าชายที่ไม่อยากเป็นเจ้าชาย คนแบบนี้จะมีด้วยเหรอ ไม่มีทาง และทำไมตอนเห็นใบหน้าเอาแต่ใจนั่น หัวใจถึงได้เต้นระรัวไม่หยุดกันนะ(ลอว์)
ลูฟี่ ชื่ออย่างกับผู้หญิงเป็นเจ้าชายงั้นหรอ คงจะมีท่าทีผยอง เอาแต่ใจ หลงตัวเองสิ แต่นี่อะไร ทั้งน่ารัก เฟรนรี่ แถมยังไม่ถือตัวอีกต่างหาก ทำเอาใจเราสั่นไปหมด(คิด)
อะไรกันเด็กคนนี้ใบหน้าหวานนั่น ทำใจเราปั่นป่วนไปหมด ให้ตายสิ(ตาเหยี่ยว)
อะไรน่ะ ท่าทางซื่อแบบนั้น มาอยู่ในดงของสัตว์ป่าแบบนี้ มันก็เหมือนกับลูกแกะในฝูงหมาป่า ไม่สิ บางทีเด็กคนนั้นอาจจะมีอิทธิพลต่อใจเราทุกคน ยามเห็นหน้าใจมันเต้นระรัวสั่นจนเจ็บอกไปหมด บางทีอาจจะเป็น ราชสีห์ในฝูงหมาป่าก็ได้(สโมคเกอร์)
ท่าทางน่าชังนั่นมันอะไร ยิ้มที่สว่างไสวนั่นเหมือนกับแหที่เหวี่ยงคลุมพวกเราจนดิ้นกันไม่หลุด เหมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดรอบด้าน เหมือนบุพผางามกลางทะเลทราย(คร็อกโคไดล์)
ของเล่นชิ้นใหม่นี้น่าสนใจ จะรับน้องด้วยวิธีอะไรดีนะ เอาแบบใส่ชุดมินิเกิร์ส บันนี่เกิร์ลดีรึเล่าจะได้แกล้งสโมคคุงด้วยท่าทางจะสนใจเด็กใหม่อยู่ไม่น้อย หึๆ หลุมพรางได้ถูกขุดแล้ว แต่ เขาจะตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดขึ้นมารึเปล่านะ(โดฟลามิงโก้)
.................................................................................................................................................
ตอนกลางคืน ในห้องน้ำรวม
ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งกระสับกระส่าย มองร่างบางที่ขาวอมชมพูกำลังล้างสบู่จากฝักบัว ทุกคนกำลังหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรที่มันวิปริต จนร่างบางเดินออกมามือบางคว้างผ้าเช็ดตัว ทุกคนไล่สายตามองไปยังบริเวณสะโพกกลมกลึงและบั้นท้ายที่น่าจะขยุ้มมันให้แหลกคามือ คิดที่อยู่ใกล้ร่างบางสุดแหล่มองด้วยสายตายากจะคาดเดา ร่างบางผมสีดำเห็นทุกคนเงียบจึงเข้ามาใกล้ แถมยังยื่นหน้าข้าไปไกล้ๆกับ คิด อีกต่างหาก
"น..นายจะทำอะไรน่ะ"คิดถามเสียงแผ่วเรียกทุกคนออกจากภวังค์มองมาที่ร่างบางอย่างอึ้งๆส่วนคิดหน้าแดงเป็นตำลึงสุกไปแล้ว
"ในห้องน้ำนี่ก็ไม่ร้อนนี่ ทำไมเลือดนายไหลอกจากจมูกล่ะไม่สบายรึเปล่า"มือเล็กๆยกขึ้นทาบบนหน้าผากร่างสุงแล้วจ้องอย่างตั้งใจคล้ายว่าจะดูไอความร้อนที่แผ่ออกมาให้เห็น
"ก็ไม่มีไข้นี่น่าทำไมหน้าแดง ทุกคนด้วย"ร่างเล็กถามอย่างสงสัยพร้อมเอียงหัวอย่างน่ารัก
"ม..ไม่มีอะไร นายออกไปแต่งตัวเถอะเดี๋ยวเราตามไป"คิดตอบแล้วรีบล้างตัว เจ้าตัวขี้สงสัยก็ไม่ว่าอะไรต่อแต่เดินออกไปโดยดี
"ชั้นคงตายสักวันเพราะเด็กคนนี้"คร็อกโคไดล์ว่าแล้วลุกไปล้างตัว ส่วนคนอื่นๆก็ล้างตัวตามและออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดคลุมอาบน้ำซะส่วนใหญ่เพราะไม่มีใครเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนข้างใน ออกมาก็ต้องช๊อก ร่างบางแม้เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแต่มันก็แค่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว สิ่งที่เขาอุตส่าห์อดทนในห้องน้ำต้องมาอดทนต่อในห้องนอนอีกเรอะ ทุกคนผินตามองไปยังจุดเล็กๆสองจุดที่น่าอกก่อนจะขัดตา สงสัยและตกใจรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่กลางอก
"นายไปโดนอะไรมา"ลอว์ที่อยู่ใกล้ที่สุดเหมือนตัวเองจจะเคลื่อนไหวไปเองจับร่างบางให้หันมาพร้อมกับสัมผัสรอยแผลนั้นอย่างแผ่วเบา
"ไฟลวกน่ะ โดนตอนที่ชั้นจะฉุดพ่อเอาไว้ก่อนพ่อจะหายไป"ร่างบางมีสีหน้าเศร้าลงแวบหนึ่งก่อนจะใสซื่อเหมือนเดิมแถมยังหัวเราะ แหะๆ อีก
"ไปโดนอีท่าไหนล่ะ"ลอว์ยังคงถามสายตายังไม่ละไปจากบาดแผลซึ่งดูท่าว่ามันจะเจ็บมาก
"ก็ชั้นนอนไม่หลับเลยไปหาอะไรกินก็ว่าจะทอดไข่ไงแต่ชั้นมองออกไปทางหน้าต่างก็เห็นพ่อกำลังจะไปพอดีเลยเอื้อมมือไปจับไว้ ตัวชั้นก็เลยตรงอยู่ที่เตาแก๊สพอดี เอสก็มาช่วยเอาไว้ ถ้าไม่ได้เขาชั้นคงตายไปแล้ว"ร่างบางพูดด้วยสายตาห่วงหาและอบอุ่นยามพูดถึงชายที่ชื่อเอส แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร
"เมื่อกี้นายทำอะไรอยู่"สโมคเกอร์ถาม
"ก็หาเบาะนอนไง ส่วนของพวกนายชั้นว่างๆเลยจัดวางให้เรียบร้อยแล้วล่ะ ตามชื่อน่ะ"ร่างบางผินกายมามองด้วยรอยยิ้มน่ารัก
"แต่นายยกเองหรอ"โดฟลามิงโก้ถามอย่างไม่อยากเชื่อ ตัวแค่นี้เองนะ ขนาดพวกเขาของตัวเองก็หนักจะบ้าไม่มีใครเขาช่วยใครหรอก
"อืม ของหนักกว่านี้ช้ันก็ยกมาแล้ว โดนปู่ฝึกมาตั้งแต่เด็กน่ะ แต่ไม่รู้ทำไมกล้ามมันไม่ขึ้นสักที"ร่างเล็กทำปากยู่แล้วตบท้องตัวเองก่อนจะหันไปเลือกเบาะต่อ คนอื่นๆก็เดินไปที่เตียงองตัวเอง น่าแปลกที่ร่างบางวางตำแหน่งทุกๆอย่างไว้ลงตัวและพวกเขาก็ถูกใจมากๆด้วย
"บนเตียงนายก็มีเบาะแล้วนี่"ลอว์บอกหลังจากมองไปยังที่ว่างอีกที่
"ก็มันไม่ถูกใจเลยว่าจะหาใหม่แต่คงไม่มีแล้วล่ะ"ลูฟี่เดินมาแล้วนั่งลงบนเบาะพร้อมทำหน้ายู่
"ถ้านอนไม่ได้มานอนกับชั้นก็ได้นะ"โดฟลามิงโก้พูดเสียงทะเล้น แต่ร่างบางไม่ติดใจอะไร เดินไปยังเตียงของร่างสูงโปร่งซึ่งตัวใหญ่จนเกือบมิด ร่างบางจึงตรวจความนุ่มของเบาะโดนการเอามือทาบไปบนที่ว่างที่เหลือ จนกลายเป็นว่าร่างบางกำลังเอามือทาบคร่อมตัวราชาเดรสโรซ่าอยู่ จนเจ้าตัวมองอย่างอึ้งๆ ร่างบางทำท่าพินิจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอยออกมาแล้วส่ายหน้า
"ไม่เอาอ่ะ มันนุ่มไป"ร่างบางพูดก่อนจะจำใจนอนลงบนเตียงทุกคนก็ปิดไฟนอน แต่ก็มีคนหนึ่งที่นอนไม่หลับเพราะร่างบางเตียงข้างๆเขานั้นดิ้นไปมาพร้อมครางเสียงอู้อี้อย่างลำบาก แถมละเมอ เหมือนฝันร้าย เขาทนไม่ไหวจึงเดินไปเขย่าตัวปลุกร่างบาง
"หือ อะไรหรอ"ลูฟี่ที่รู้สึกตัวมองชายในตาคมกริบอย่างสงสัย
"นายฝันร้ายหรอ เห็นดิ้นไปมา"ชายหนุ่มร่างหนาถามพร้อมปัดผมที่เปียกไปด้วยเหงื่อของร่างบางออกอย่างถนุถนอม
"อืม ถ้าทำให้ตื่นก็ขอโทษนะ"ลูฟี่พูด
"นายไม่ได้ทำให้ข้าตื่นแต่ทำให้ข้านอนไม่หลับต่างหาก เป็นอะไรไปล่ะ หรือต่างที่"
"เปล่า ที่นอนมันนุ่มไปน่ะ แถมปกติถ้านอนที่นอนนุ่มๆไม่พ่อ ก็เอส หรือปู่จะกอดชั้นนอนน่ะ ไม่งั้นจะฝันร้าย"ร่างบางตอบเสียงอู้อี้
"งั้นให้ข้ากอดนอนเอาไหม"ร่างนั้นพูดอย่างไม่คิดอะไรแต่เมื่อรู้ว่าพูดอะไรออกไปก็หน้าแดง
"ถ้ามันรบกวนก็ไม่เป็นไรนะ แต่ถ้าได้ก็ดี"ร่างบางตอบ สายตาคมดุจพยาเหยี่ยวมองร่างเล็กที่ขดตัวเพราะความกลัวหรือหว้าเหว่ ใบหน้าหวานเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะตัดสินใจแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนใหญ่แล้วโอบกอดร่างเล็กเอาไว้ ร่างบางก็ขดตัวเข้าหาอกอุ่น
"กอดของนายเหมือนของเอสเลย มันอบอุ่น"ร่างบางพูดเสียงเบาขึ้นเรื่อยๆจนหลับไป
"อบอุ่นหรอ งั้นจำเอาไว้ กอดนี้จะเป็นของนายคนเดียว"ร่างสุงพึมพำให้กับร่างบางที่เข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว ก่อนจะก้มลงมองริมฝีปากอิ่มนั่นอยากจะลิ้มลองดู เจ้าตัวหลับอยู่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ตาเหยี่ยวก้มตัวลงไปประกบริมฝีปากกับร่างเล็กก่อนจะดุนดันลิ้นเข้าไปชิมความหวานของปากบางๆนั้น
ช่าง หอมหวาน เสียจริงๆ
"อือ"เสียงร่างบางละเมอประท้วงเมื่อจะขาดอากาศหายใจ ชายตรงหน้าจึงผละตัวออกมองสีหน้าของลูฟี่ที่เมื่อเริ่มหายอึดอัดก็แย้มยิ้มบางๆออกมาพร้อมละเมอคำบางคำ
"เอส.."ความสงสัยพุ่งเข้ามาทันที ใครคือเอส เห็นพูดชื่อตั้งหลายรอบแล้วแววตาเวลาพูดนั้น ต้องมีความผูกพันธ์กันมากแน่ๆ หรือว่าจะเป็น คนรักงั้นหรอ เมื่อคิดได้ดังนั้นตาเหยี่ยวยิ่งกระชับอ้อมกอดละทิ้งความคิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหัวแล้วจมลงสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกับกลิ่นหอมๆที่ลอยออกมาจากร่างเล็กในอ้อมกอด
..............................................................................................................................
ตื่นเช้า
"...."ตอนนี้ทุกคนตื่นมากันแล้วยกเว้นแต่ร่างบางตัวเล็กที่หลับอุตุอยู่ ส่วนตาเหยี่ยวก็หลับอยู่ข้างๆนั้นแหล่ะ มือใหญ่ยังพันธนาการร่างเล็กเอาไว้ เสียงกรนเบาๆพอบอกให้รู้ว่ายังหลับอยู่ แถมร่างเล็กยังซุกตัวเข้าหาอกอุ่นอีก ทุกคนนั่งมองทั้งคู่มาจากเตียง รู้สึกไม่ชอบใจ โมโหทั้งๆที่ไม่รู้จะโมโหทำไม โดยเฉพาะโดฟลามิงโก้ 'เมื่อวานยังปฏิเสธจะนอนกับเขาอยู่เลยไหงกอดไอ้เหยี่ยวนั่นซะแนบสนิท มันดีกว่าตูตรงไหนก็แค่อายุมากกว่าปีหนึ่งเองนะเว้ย' แล้วร่างเล็กก็ยิ่งขดตัวซุกเข้ากับอกแกร่งแล้วพึมพำชื่อ
"เอส ซาโบ"เสียงแว่วหวานเอ่ยเบาๆแต่ตอนนี้ทุกคนกำลังเงียบจึงได้ยินชัดเจน คำถามมากมายก่อตัวขึ้น
ใครคือเอส
ใครคือซาโบ
เป็นอะไรกับลูฟี่
ทำไมไอ้ตาเหยี่ยวถึงได้นอนกอดลูฟีซะแนบแน่นแบบนั้น
ทำไมลูฟี่ถึงยอมให้กอดแบบนั้นแถมยังขดตัวเข้าหา
ทั้งคู่ไปกระชับความสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อไหร่
และเมื่อไหร่มันจะตื่น!!!!
แล้วทุกคนก็เห็นตาเหยี่ยวตื่นขึ้นมาเจ้าตัวผงะเล็กน้อยเมื่อรู้ถึงสายตาที่พร้อมจะฆ่าเขาได้ทุกมื่อจ้องมองอยู่แต่ก็ลุกขึ้นตามปกติ
"ทำไมจ้องข้าราวกับจะจับข้าไปแล่เนื้ออย่างนั้นล่ะ หรือว่าอิจฉา ข้าได้นอนกอดตุ๊กตาชั้นเยี่มเลยล่ะตัวทั้งนุ่มทั้งหอมแถมยังหวานอีกต่างหากข้ายังติดใจรสชาติอยู่เลยตรงนี้น่ะ"มิฮอว์คเอานิ้วจิ้มที่ปากและพูดเหมือนว่า
ข้าได้จูบลูฟี่ไปแล้ว
ไอ้ตาชี้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
"อืม งืมๆ เนื้อย่างติดมันอยู่ไหน พวกนายกินไปแล้วหรอ"ลูฟี่ตื่นขึ้นมาโดยมีน้ำลายไหลที่มุมปาก มือเล็กๆขยี้ตาอย่างน่ารักน่าชัง
อะไรมันจะน่ารักปานน๊านนนนนนนนน
"ลูฟี่ทำไมนายไปนอนกับไอ้นี่ได้ล่ะ"สโมคเกอ์เข้าประชิดตัวถามพร้อมกับสำรวจร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าทุกอย่างปกติไม่มีรอยจูบเสื้อผ้าอยู่ครบ โอเคประตูหลังยังปลอดภัย
"หืมก็เวลานอนเตียงนุ่มๆแล้วชั้นจะฝันร้ายน่ะ ถ้าเป้นปกติก็จะมีพ่อ หรือไม่ก็เอส ซาโบ หรือปู่นอนกอดเอาไว้จะได้ไม่ฝันร้าย เมื่อคืนมิคเขาเลยอาสากอดนอนให้แล้วก็ฝันดีมากเลยล่ะ"ร่างเล็กว่าแล้วยิ้ม
เจิดจ้าเหลือเกิน
หลายคนเลือดกำเดาไหลกันเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวนะ
"ทำไมนายเรียกหมอนี่ว่ามิคล่ะ"ลอว์ถาม
"ก็มันเรียกง่ายกว่ามิฮอว์คอีกนี่น่า และดูน่ารักดีออก"ร่างเล็กยิ้มอีกแล้วทำอาคนถูกชมแทบจะลงไปดิ้นพราดๆกับพื้นเสียให้ได้
"และดอฟฟี่เองก็เหมือนกัน"ทุกคนสงสัยใครวะดอฟฟี่ พอเห็นเครื่องหมายคำถามลอยวนอยู่ลูฟี่ก็ชี้ไปที่โดฟลามิงโก้
"นี่ไงดอฟฟี่ มันเรียกง่ายใช่ม๊า น่ารักจะตายไป"ทำเอาคนตัวสูงแทบอยากจะกระโดดเข้าไปจูบเสียให้ได้
"ระหว่างชั้นกับเจ้านี่นายชอบใครมากกว่ากัน"มิคเข้ามาถาม
"ชั้นใช่ไหมนายต้องชอบชั้นมากกว่าอยู่แล้ว"ดอฟฟี่เบียดเข้ามาถาม
"ต้องชั้นต่างหาก"มิคหันไปกัดกับดอฟฟี่แล้ว
"ชั้น"
"ชั้น"
"ชั้น"
"ชั้น"ทั้งค่เริ่มลงไม้ลงมือกันเสียงดังโครมคราม
"เกิดอะไรขึ้น"เสียงเข้มๆของหนึ่งในสามอาจารย์ปกครองสุดโหดเอ่ยขึ้นพร้อมมองไปที่สองหนุ่มที่กัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
"พวกเธอสองคนก่อเรื่องทะเลาะวิวาท ตามชั้นมา"อาโอคิยิกล่าว
"เอ่อ พวกเขาไม่ผิดหรอก ผมเป็นต้นเหตุเองครับ"ลูฟี่เข้ามาขวางเอาไว้
"หือ เธอนักเรียนใหม่ที่เซ็นโงคุพูดถึงสินะ น่ารักดีนะ น่ากินดีนี่น่า"คิซารุพูดเสียงล้อๆตามสไตล์
"แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น"อาคาอินุถาม
"เอ่อ อ้อ พอดีผมหกล้มแล้วมิคเขาก็บอกว่าเป็นฝีมือดอฟฟี่ เลยทะเลาะกันครับ"ร่างบางแหลกันสดๆ
"ถ้าจะทำโทษทำที่ผมเถอะครับ"ร่างบางออกตัวรับแทนส่วนคนอื่นไม่อาจขัดสายตาทีสั่งให้พวกเขาอยู่นิ่งๆได้ส่วนสองคนต้นเหตุยืนจ๋อยสนิทไปแล้ว
"งั้นกอดอก"อาคาอินุว่าแล้วหยิบไม้เรียวมา ตีวงกว้างพร้อมจะสวิง แล้วเหวี่ยงลงมาเต็มแรง
เหมือนภาพสโลโมชั่น ที่ไม้เรียวบางเฉียบซึ่งแลดูแล้วว่าคงเจ็บแน่ถ้าโดนเข้า วาดตีวงกำลังพุ่งตรงไปที่บั้นท้ายน้อยๆ เจ้าตัวหลับตาปี๋หลายคนมองอย่างเสียวแทน อีกไม่กี่เซนต์ไม้นั้นจะประทับเข้าที่ร่างบาง แต่กลับหยุดชะงัก อาคาอินุ วาดวงสวิงขึ้นใหม่อีกครั้งแลดูจะแรงกว่าเดิม และก็เหวี่ยงน้ำหนักลงมาเมื่อใกล้จะถึงก็ชะงัก เป็นอย่างนั้นอยู่สองสามรอบนกระทั่ง
เป๊าะ
อาคาอินุหักไม่เรียวของตัวเองออกเป็นสองท่อนแล้วโยนออกทางหน้าต่าง ส่วนคนอื่นอ้าปากค้างอย่างงงๆกันแล้ว
"ชั้นมีวิธีทำโทษเธอที่ดีกว่านี้"ว่าแล้วอาคาอินุก็ลากลูฟี่ออกไปจากห้องในคณะที่คนอื่นๆยังงงอยู่
วันนี้จารย์มาแปลก ไม่แปลกธรรมดา แปลกมากกกกกกกกกกกก
ในห้องพักอาจารย์
"เอาชุดนี้ไปใส่ซะเธอไม่มีสิทธิที่จะทักท้วงเพราะเธอยอมรับข้อหาเอง"อาคาอินุยื่นชุดๆหนึ่งไปให้ลูฟี่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อยืด(ที่สโมกเกอร์บังคับให้ใส่เมื่อคืน)กับกางเกงบ๊อกเซอร์(หมดเค้าเจ้าชาย) ลูฟี่ก็รับมางงๆก่อนจะเริ่มเปลี่ยนตรงนั้นๆ
"เดี๋ยวๆไปเปลี่ยนในห้องน้ำสิ"อาโอคิยิว่า อาจารย์ทั้งสามหน้าแดงเป็นตำลึงสุก(หมดมาด'จารย์จอมโหด)ซึ่งใครมาเห็นคงฮาก๊าก
ลูฟี่ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ในที่มืดๆ จึงไม่ได้สังเกตุตัวเองในกระจกว่าจะน่ารักแค่ไหน
"เสร็จแล้วครับอาจารย์"เสียงหวานเอ่ยพร้อมเดินออกมาจากห้องน้ำ ทำเอาอาจาร์อึ้งหน้าแดงก่อนจะกระแอมแล้วพาไปส่งชั้นเรียน
ในห้องเรียน
"ลูฟี่จะโดนอะไรบ้างเนี่ย"คิดพูดลอยๆ
"เพราะแกคนเดียวโดฟลามิงโก้"สโมกเกอร์หันไปโทษโดฟลามิงโก้
"ชั้นคนเดียวที่ไหน ไอ้เหยี่ยวนี่ด้วย"โดฟลามิงโก้โยนไปหามิอว์คซึ่งรายนั้นไม่ชอบเถียงอยู่แล้วจึงเงียบ
ตึกๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงเท้าตบกระแทกพื้นดังขึ้นติดๆ
"นายเลิกทำตัวเป็นคนอยู่ไม่สุขสักทีได้ไหมลอว์ คร็อกโค"คิดหันไปด่า
"ใครว่า นี่มันเป็นจังหวะ"ทั้งคู่ตอบ
"ไม่ใช่นักกลองนะ"สโมกเกอร์ตบมุขอย่างสวยงาม
"หวังว่าคนไม่โดนทำอะไรแบบว่ามัน...."คิดพูดแล้วทำหน้าจิ้นไปไกลทำเอาหลายคนคิดตามจนฟหน้าแดงกันเป็นแถบๆ
ครืดดดดด
"มาแล้วมาแล้ว"คิดว่าแล้วลุกคนแรก
"อะไรทำไมไม่สอนต่อล่ะขาดเด็กคนเดียวถึงกับสอนไม่ได้เลยรึไง"คิซารุพูด
"เอ่อ นักเรียนยังไม่ทันจะกินข้าวเลยนะ"สโมกเกอร์ตอบทำเอาคิซารุหน้าแตก
"ลูฟี่ อยู่ในชุดนี้ทั้งวันนะ"ทุกคนได้ยินเสียงอาคาอินุพูดกับลูฟี่
"เอ่อ ครับ"เสียงแว่วหวานเอ่ยตอบทำให้หลายคนใจชื้น
'ยังครบสามสิบสองสินะ'
"แล้วก็อย่าถอดนะ อย่าให้ใครถอดด้วย เข้าใจไหม"เสียงอาโอคิยิพูด
"ครับ คุซัน"เสียงหวานตอบ เดี๋ยวนะ
'ไหงเรียกกันหนิดหนมอย่างนั้นวะ!!!'
"เฮ้ย พวกในห้องมันจะลงแดงกันหมดแล้ว"คิซารุพูดทำให้ทั้งสองยอมปล่อยลูฟี่เข้ามา ทำโทษลูฟี่ ไหงตัวเองแทบจะบ้าตายซะงั้น ส่วนเจ้าตัวมันก็ไม่สนอะไรเลย
ร่างบางย่างเท้าเข้ามาในห้องในชุดเสื้อแขนกุดมีฮูดสีฟ้าตัวโปร่งๆกับกางเกงขาสั้นคืบหนึ่งสีดำรองเท้าบูทยาวสีดำขอบขาว ผมมัดเป็นแกละข้างๆหัวติดโบว์
'อย่างกับตุ๊กตา'
พรวด
สโมกเกอร์ โดฟลามิงโก้ คิด ลอว์ เลือดกำเดาทะลักล่วงลงจากเก้าอี้ส่วนคนที่เหลือก็กำเดาไหลอย่างเงียบเชียบพร้อมชูนิ้วโป้งอีกต่างหาก
"เป็นอะไรกันน่ะ มัน...ดูแย่ขนาดนั้นเลยหรอ"ร่างบางทำหน้าผิดหวังเศร้าๆทำเอาคนที่เลือดกำดาทะลักรีบฟื้นขึ้นมาแทบไม่ทัน
"เปล่ามันดูดีมากต่างหาก"สโมกเกอร์พูดแต่เมื่อมองเห็นน้ำตาคลอหน่วยก็ล่วงลงไปอีก
"จริงหรอ"ร่างบางยิ้มร่า แววตาสดใส
'เลือดจะหมดตัวก็วันนี้แหล่ะ'
"งั้นไปกินข้าวกัน ชั้นหิวข้าวแล้ว"ร่างบางลูบท้องตัวเองอย่างน่ารักทำเอาหลายคนแบจะพาบินตรงถึงโรงอาหารเลยทีเดียว
ณ โรงอาหาร
เสียงคึกคักดังกระหึ่มห้องอาหาร แต่เพียงเมื่อ ลูฟี่เปิดประตูเข้ามา ดวงตาวาว ทำท่าน้ำลายไหล จนทั้งห้องอาหารเงียบสงัดก่อนจะมีเสียงซุบซิบเพราะร่างบางวิ่งนำหน้าเหล่าตัวแสบของที่นี่แถมยังคุยอย่างสนิทสนมอีก
"อ่ะ จริงสิ ผมชื่อ มังกี้ ดี ลูฟี่ ยินดีที่ได้รู้จักฮะ"ลูฟี่กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วพูด ไม่มีคำว่าผมล่ะกหลายคนคงคิดว่าเป็นผู้หญิงไปแล้ว เมื่อรายงานตัวเสร็จหลายคนก็เข้ามารุมโดยไม่สนใจเหล่านักเรียนชายกันเลยทีเดียว
"ทำไมเธอนามสกุลเหมือนเจ้าชายแห่งตระกูลดีเลยล่ะ"เสียงหนึ่งถาม
"ก็ผมเป็นเจ้าชายนี่ครับ"ร่างบางยิ้ม ทำเอาหญิงสาววิ่งเข้ามากอดอย่างนัวเนียลืมยศถาบรรดาศักดิ์กันเลยทีเดียว
"นี่ๆทุกคนครับ ขอผมกินข้าวหน่อยได้ไหม ผมหิวข้าวอ่ะ"ร่างบางช้อนตามองทุกๆคนรอบข้างเอานิ้วแตะปากมือลูบท้อง
'ทำไมมันน่ารักอย่างเน้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!'
"ได้เลยจ๊ะจะเอาเท่าไหร่ก็ได้ม่อั้นเลยนะ"เสียงป้าร้านขายข้าวแกงบอกลูฟี่ด้ยินอย่างนั้นก็ตาวาว เดินไปเลือกทันที
ชื่อตอน บอสหาย
ตอนที่ 1
คู่ x27 แถม S80 6918 56R ฯลฯ
สปอย -
............................................................
"ไอ้บอสเวรตะไลมันหายหัวไปไหนโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"เสียงดัง 1800 เดซิเบลตะโกนดังลั่นเมื่อ บอสหายไป
"สควอโล่เสียงดังจังนะ ชิชิชิชิ"เบลพูดอย่างสนุกสนานที่บอสหายไป(?)
"รุ่นพี่ครับ Me ว่ารุ่นพี่หุบปากที่หอมเท่ากับคนไม่แปรงมาสองปีนั่นลงเถอะครับ"ฟรานพูดด้วยหน้าตายด้าน
"แหมๆสควอโล่ก็ อย่าเสียงดังซิฮ้า"เสียงกระเทยสาวพูด
"ฮึก บอสครับ บอสอยู่หน๊ายยย"เสียงของเลวี่คร่ำครวญกวนประสาทให้หลายคนอยากกระโดดถีบให้พ้นลูกตา
"ไอ้คุณบอส กลับมาเมื่อไหร่พ่อจะเชือดให้ดูเลยโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"เสียงสควอโล่ดังจนทำให้นกแตกรังกันทั้งป่า แล้วต้นเหตุล่ะ แซนซัสหายไปอยู่ไหน เรามาดูกันดีกว่า
ณ เมืองนามิโมริ
"แซนซัสครับ แซนซัส"เสียงหวานของสึนะโยชิ เอ่ยเรียกคนที่มาสลบอยู่หน้าบ้าน
"อือ..."ร่างหนาแค่ครางนิดหน่อยลืมตามาแล้วก็สลบไปต่อ
"เอาวะ สึนะสู้ๆ"สึนะก็จัดการลากแซนซัสเข้าไปในบ้าน
"เจ้าห่วยสึนะ ไปดักตีหัวใครแล้วลากเข้ามาล่ะนั่น"รีบอร์นทักทายได้น่าตบมาก
"ใช่ที่ไหนล่ะฟระ"สึนะโมโหเผอปล่อยแซนซัสหลุดมือหัวกระแทกขอบปูนดัง
ปั๊ก
แต่หัวไม่ยักกะแตก(หนังเหนียวชิบ)
"อ้าวซือคุงลากใครมาล่ะลูก"นานะเดินออกมาเห็นจึงถาม
"เขาสลบอยู่หน้าบ้านครับแม่"แล้วสึนะก็จัดการลากแซนซัสเข้ามาในบ้านได้สำเร็จโดยที่คนอื่นได้แต่มองอยู่เฉยๆ(ไร้น้ำใจ)
"ซือคุงเดี๋ยวแม่กับรีบอร์นคุงจะไปตลาดฝากดูเขาด้วยนะจ๊ะ"นานะบอกแล้วเดินออกไป สึนะจึงต้องดูแลแซนซัสเพียงลำพัง
"เฮ้อ แล้วเป็นอะไรไปเนี่ย"สึนะเดินเข้ามา จับหน้าผากเบาๆ
"ตัวก็ไม่ได้ร้อน สงสัยจะหิวแล้วเป็นลมไปแหงๆ"สึนะบ่นนิดหน่อยก่อนจะหาผ้ามาห่มให้แล้วตัวเองเดินไปทำกับข้าวรอ
"ฟุดฟิดๆ"เมื่อได้กลิ่นหอมๆของแกงกะหรี่
"อ้าวตื่นแล้วหรอครับ แซนซัส กินข้าวก่อนไหม"สึนะถามเมื่อเห็นร่างหนาเดินเข้ามาในครัว
"กิน"สึนะเลยจัดชุดใหญ่ให้แล้วก็กินเกลี้ยง
"ฝีมือก็งั้นๆล่ะวะไอ้สวะ"แซนซัสบอก
"คร๊าบๆๆ ก็ผมมันห่วยนี่"สึนะพูดแล้วล้างจาน
"...ทำไมแกไม่ฆ่าชั้น"แซนซัสถาม
"...."
"ถึงชั้นจะเก่งแต่ตอนชั้นอ่อนแอแกน่าจะฆ่าชั้นได้นี่น่า"
"....ก็เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการไงล่ะครับ"
"หืม...."
"ผมไม่อยากฆ่าใครหรอกนะ แค่ต่อสู้ผมก็ไม่ต้องการแล้ว"สึนะตอบแล้วมือสั่นเมื่อนึกถึงการต่อสู้อันเลวร้ายนั่น แต่แล้วมือใหญ่ก็มากุมเอาไว้ไม่ให้มันสั่นก่อนจะเอาจานในมือไปวางให้เป็นที่
"อ่อนจริงนะแกน่ะ เอาเถอะ ชั้นขอพักอยู่ที่นี่สักพักแล้วกัน"แซนซัสตอบ
"ถึงเมื่อไหร่ล่ะครับ"สึนะถาม
"ก็คงจนกว่า เจ้าพวกนั้นจะมาตามกลับนั่นแหล่ะ"แซนซัสตอบ
"ก็ได้ครับแซนซัสไปอาบน้ำสิครับเดี๋ยวผมหาชุดให้ แซนซัสน่าจะใส่ของพ่อได้"สึนะเดินไปเตรียมชุดแล้ว แซนซัสก็ไปอาบน้ำ
ในห้องน้ำ
แซนซัสกำลังนอนคิดบางอย่างอยู่
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโต
.
.
.
ริมฝีปากนุ่นิ่มน่าจับจูบ
.
.
.
ผมสีโกโก้ฟูฟ่อง
.
.
.
ตัวก็เล็ก
.
.
.
ขาก็สั้น
.
.
.
ใจอ่อน
.
.
.
มันไม่เหมาะเป็นมาเฟียเลยซักนิดนี่หว่า
"แซนซัสคร๊าบ ชุดอยู่หน้าห้องนี่นะครับ"สึนะตะโกนทำเอา แซนซัสสะดุ้งเฮือก ก่อนจะครางตอบไป
"อือ.."ไม่นานก็ออกมาต่งตัวเป็นเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาว พอดีตัว แซนซัสเดินขึ้นไปถึงห้องของสึนะก็เห็นเจ้าตัวนอนอยู่ที่ฟูกข้างล่างโดยที่มีเตียงวางข้างๆ
'บ้านตัวเองแท้ๆ กลับนอนข้างล่างให้ผู้อาศัยนอนสบายๆบนเตียง เป็นเด็กที่แปลกจริงๆ'แซนซัสขำในใจก่อนจะเดินไปดูใกล้ๆก็พบว่าร่างบางนั่นได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อยแล้ว หน้าต่างก็ไม่ปิดีกต่างหาก
"สะเพร่าจังนะแก"แซนซัสส่ายหัวก่อนจะลุกไปปิดหน้าต่าง ปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆสึนะโดยไม่แตะต้องเตียงเลย
(อ้าวไหงงั้นอ่ะ แล้วรีบอร์นกับนานะไปไหนว๊าาาาาาาาา)
ตื่นมาสึนะก็ต้องเครียดกับจดหมายที่แปะไว้ว่า
ฝากดูมันด้วยล่ะกัน แซนซัส
รีบอร์น
"ช่วยไม่ได้ ก็แค่มีสวะเพิ่มมาอีกตัวช่างมันเถอะ"แซนซัสตอบก่อนจะไล่สึนะขึ้นไปเก็บกระเป๋า แล้วเดินออกมานอกบ้าน เดินร่อนไปเรื่อยๆเหมือนไม่รู้จะไปไหน แล้วจู่ๆ ก็มีลมพัดจนสึนะแทบจะปลิวแต่ดีที่แซนซัสรั้งไว้ทันไม่งั้นปลิวไปไกลแน่(แกเห็นสึนะเป็นอะไรวะ) พอเงยขึ้นมองก็เห็นเฮลิคอปเตอร์สลักลายวาเรียไว้ที่ลำตัว เห็นผมสีเงินปลิวสบัดอยู่กับใบหน้าที่คมเข้ม มาพร้อมเสียงที่เฮลิคอปเตอร์ก็กลบไม่หมด
"มารับแล้วโว้ยไอ้คุณบอส!!!!!!!!!!!!"เสียงที่ดังขนาดเฮลิคอปเตอร์ยังกลบไม่หมดคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก
"คุณสควอโล่"สึนะพึมพำออกมาแต่ไม่กล้าส่งเสียงดังออกไป บรรไดลิงถูกโยนลงมาแซนซัสหิ้วสึนะเหน็บเอวไว้แล้วปีนขึ้นไป
ด้วยมือข้างเดียวหลังก็สะพายกระเป๋าทีมีสมบัติอันน้อยนิดของสึนะไปด้วย
"อ้าวไอ้เปี๊ยกหวัดดี มาด้วยหรอ"สควอโล่ทักอย่างสนิทสนมแต่เสียงดังจนสึนะสั่นงกๆ แซนซัสเดินไปนั่งบัลลังค์ตัวเองเรียบ
ร้อยแล้ว สึนะก็หาที่นั่งแถวๆนั้นนั่งเล่นเกมส์บอยไป
"ไอ้บอส ไหงแกหิ้วมันมาด้วยเนี่ย"สควอโล่ถามแล้วมองสึนะด้วยสายตาประหลาดใจที่จู่ๆก็ยิ้ม เดี๋ยวก็โกรธของร่างบาง
"ก็ไอ้สวะรีบอร์นมันฝากมาก็เลยรับไว้เท่านั้นเอง"แซนซัสตอบเนือยๆแล้วเทเตกีล่าใส่แก้ว
"แต่สังเกตุดีๆแล้ว วองโกเล่นี่น่ารักนะ"เบลพูดแล้วเท้าคางมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาน่าขนลุก
"นายอย่าทำสายตาแบบที่นายมองฟรานมองวองโกเล่สิ เขาไม่ได้มีภูมิต้านทานโรคจิตเหมือนฟรานนะ"มาม่อนบอกแล้วจดยุ
กยิกกับเครื่องคิดเลขต่อ
จู่ๆร่างบางก็ลุขึ้นชูมือขึ้นสูงแล้วเดินไปมาหาสัญญาณแต่เหมือนจะไม่มองทางเลยก้าวพลาดตกเครื่องไป
"ว๊าก!!!!!!!!!!!"
"เฮ้ย!!!"ทุกคนร้องแซนซัสไปคว้าแขนไว้ทัน เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมายิ้มแหยๆให้
"ไม่ต้องมายิ้มเลย บ้ารึเปล่า ไม่มองทางเดี๋ยวก็ตกลงไปกลายเป้นอาหารปลาทูน่าเข้าหรอก"แซนซัสเหน็บ ส่วนร่างบางทำหน้า
จ๋อยๆสำนึกผิด ทุกคนมองแล้วคิดเหมือนกันหมดว่า
'ท่าทางน่ารัก น่าถนุถนอมแบบนี้ มันจะเป็นบอสได้จริงหร๊อ'สึนะเลยเลิกล้มความคิดที่จะโทรหามือขวาตัวเองแล้วลงไปนั่งเล่น
เกมส์บอยต่อ แต่ครั้งนี้นั่งบนตักแซนซัสเพราะร่างสูงกลัวตกลงไปอีก ลูกน้องมองบอสแล้วแอบหัวเราะกันก่อนจะไปนั่งเล่นอี
แก่กินน้ำกัน
สักพัก
สึนะก็เดินเข้าไปดูการเล่นด้วย ดูท่าตอนนี้ฝ่ายที่เสียเงินน่าจะเป็นมาม่อนเพราะเหงื่อไหลพลั่กๆเป็นแอ่งน้ำแล้ว เมื่อสึนะอ้อมไป
ด้านหลังแล้วก็เรียงไพ่ให้ใหม่คราวนี้เงินเข้ากระเป๋าจนเจ้าตัวยิ้มกริ่ม จนถึงจับไพ่ของคนอื่น ร่างบางก็กระซิบเบาๆว่า
"ไพ่ที่เขากลัวว่าจะเอาไปคือใบที่เขามองก่อน และเป็นใบที่เขาจะเพ่งมากหากเราเอื้อมมือไปจะจับ"เสียงกระซิบหวานแหววได้พา
เอาหัวใจคนขี้งกเต้นโครมครามแต่ก็ทำตามที่สึนะบอกแล้วก็เป็นฝ่ายชนะไป
"เล่นเก่งนี่วองโกเล่"เบลชม
"ไม่ใช่ผมหรอก ดวงต่างหาก ว่าแต่เรียกผมว่าสึนะสิ เรียกวองโกเล่แล้วมันขนลุก"ร่างบางทำท่าประกอบ ทำเอาคนอื่นขำก๊าก
ก่อนจะโดนแซนซัสเรียกให้ไปนั่งที่เดิม
แล้วสักพักผ่านไป
เครื่องก็โคลงเคลง
"เฮ้ย ไอ้ฮ็อก ขับให้มันดีๆดิ"สควอโล่ตะโกนด่าเพราะตัวเองเล่นไพ่ไม่ได้ ไร้ซึ่งเสียงตอรับจู่ๆร่างของคนขับก็ร่วงไป้านข้างทำ
เอาหลายคนตกใจ มันมีใครขับคอปเตอร์เป็นไหมแซนซัสลองไปจับนู่นจับนี่ดูแล้วจับยกคันบังคับขึ้น แต่มันติด จึง
กระชากอย่างแรง
'อ้าว ตายห่า ไหงมันติดมือมางี้'แซนซัสโยนซากคันบังคับไปโดนหัวสควอโล่แล้วตัวเองไปนั่งจิบวายต่อทั้งๆที่เครื่องจะตกอยู่แล้ว
"ไม่มีคันบังคับแล้วมันจะขับได้ยังไง๊"สควอโล่ตะโกนเสียงดัง
"บอสทำพังไปแล้วอ่า"เบลพูดหน้าซีด
"เอ่อ ทำไมไม่ให้คุณมาม่อนสร้างภาพลวงตาให้ล่ะครับ"สึนะถาม
'จริงด้วย'มาม่อนก็สร้างคันบังคับใหม่ แต่ก็ไม่มีใครขับคอปเตอร์เป็นอยู่ดี เมื่อไม่ห็นมีใครทำอะไรสึนะจึงไปนั่งฝั่งคนขับแทน
แล้วเริ่มจับนู่นี่ก่อนจะบังคับเครื่องใหบินขึ้น เครื่องหยุดโคลงเคลงแล้ว
"นายขับคอปตอร์เป็นด้วยหรอ"สควอโล่ถาม
"ต้องเป็นสิครับ เพราะเจ้ารีบอร์นมันเอาผมไปทิ้งไว้ในป่ากับคอปเตอร์เครื่องหนึ่งถ้าผมขับไม่ได้ผมก็ไม่ได้มายืนต่อหน้าพวก
คุณหรอก"สึนะบอกแล้วเลี้ยวเล็กน้อยเมื่อมองเห็นปราสาทวาเรียแล้ว มองจากมุมด้านบน อย่างกับปราสาทร้างที่หลุดมาจาก
เทพนิยายยังไงอย่างงั้น เครื่องยนต์ลงจอดอย่างนุ่มนวล ส่วนตัวสึนะลงมานั่งคลื่นไส้อยู่ที่พื้น
"เมาเครื่องบินรึไง"แซนซัสถาม
"ถ้าผมเป็นคนขับไม่ว่าจะเป็นอะไรผมเมาหมดแหล่ะ"สึนะพูดเสียงเหมือนวิญญาณออกจากร่าง
"ชักช้าไปเร็ว"แล้วแซนซัสก็หิ้วเอวสึนะอีกครั้งเพื่อจะไปส่งที่ห้อง
"อย่าหิ้วผมนักสิครับเดี๋ยวผมก็เป็นง่อยกันพอดี"สึนะโวยวายเล็กน้อยแต่ก็เงียบทันทีที่เจอสายตจาดุๆส่งมา แซนซัสพาสึนะไป
ส่งถึงบนเตียงก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้สึนะแลบลิ้นปริ้นตาใส่ประตูที่พึ่งปิดไปก่อนจะจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ ร่างบางไปอาบน้ำแล้ว
พักผ่อน
ก๊อกๆๆๆ
มาม่อนที่ถูกใช้ให้ขึ้นมาเรียกสึนะลงไปกินข้าวเคาะประตูห้องสองสามครั้งแล้วชะงักรอ ว่าจะมีเสียงตอบรับหรือประตูจะเปิดไหม
แต่ไร้ซึ่งทั้งสองอย่าง มาม่อนจึงลองบิดลูกบิดดู
ล็อก
แต่เนื่องจากเขาเป็นคนที่เก็บกุญแจของห้องในปราสาททุกห้องเขาจึงไขแล้วเปิดเข้าไปดู เห็นร่างบาง อยู่ในห้วงแห่งความฝัน
ใบหน้ามน สีน้ำนม ตัดกับ ผมสีน้ำตาลยาวพอประมาณแต่ฟูฟ่องเต็มใบหมอน ริมฝีปากอิ่มชวนลิ้มลอง แพขนตาปิดสนิท ลำคอ
ระหงค์ราวกับสาวน้อย ร่างเพรียวบางไร้ซึ่งกล้ามเนื้อที่ดูน่าเกลียด
'จะเหมือนผู้หญิงอะไรขนาดนี้'ผู้พิทักษ์สายหมอกคิดก่อนจะตัดสินใจปลุกร่างเล็กออกจากห้วงนิทรา
"วอ...สึนะ สึนะ"มือหนาเอื้อมไปจับไหล่มนเขย่าเบาๆ
'แค่ไหล่ยังนิ่มชะมัด'มาม่อนคิด
"หือ มีอะไรหรอ"ร่างบางตื่นมาด้วยท่วงท่าน่ารัก ขยี้ตาพร้อมเอียงหัวเล็กน้อย
"บ..บ..บ..บอสเรียกไปกินข้าว"มาม่อนบอกเสียงสั่นๆ
"หรอ งั้นชั้นหวีผมแปปนึง"ร่างเล็กเดินข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำก่อนจะเดินมาหน้ากระจกหวีผมแล้วรวบขึ้นเป็นหางม้า ปล่อยให้
มันลอนเกยบ่า
"ไปกันผมหิวแล้ว"ร่างบางพูดพร้อมลูบท้อง
'ไอ้ท่าทางน่ารักนั่นมันอะไร๊'มาม่อนรู้สึกเหมือนตัวเองจะตายเอาก็คราวนี้
"ทางนี้"มาม่อนเดินนำไปห้องอาหารกลางพราะเกรงว่าหากเดินไปคนเดียวคงจะไม่ถึง คงหลงซะก่อน
"มาแล้วบอส"มาม่อนผลักประตูแล้วบอก
"มาช้าชะ.....มัด"แซนซัสที่กำลังจะโวยวายก็หยุดกึกเมื่อร่างบางเดินเข้ามาในห้อง ตอนอยู่ที่บ้านมันไม่ค่อยได้สังเกตว่าผมมัน
ยาวขนาดที่มันรวบแบบนั้นได้ อยู่บนฮอร์มันก็ใส่หมวก แล้วพอมาดูตอนมัด ยิ่งเหมือนผู้หญิงเข้าไปใหญ่
"ขอโทษครับ ที่มาช้า"สึนะค้อมตัวขอโทษ ร่างบางอยู่ในชุดเสื้อแขนกุดมีปกสีดำกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ถึงแม้จะเป็นชุด
ผู้ชายแต่กลับทำให้ร่างบางกลายเป็นผู้หญิงเข้าไปอีก
"นั่งนั่นสิ"สควอโล่ที่หายอึ้งแล้วก็บอกให้สึนะไปนั่งข้างๆหนุ่มผมสีเขียวสวมหมวกกบ ตรงข้ามกับสควอโล่ ติดกับหัวโต๊ะที่แซ
นซัสนั่ง
"สวัสดีครับคุณเอ่อ..."สึนะเอียงคออย่างสงสัยชื่ออะไรน๊า เคยเจอตอนสู้กับไอ้โอโม่เท่าที่จำได้ แต่ดันจำชื่อไม่ได้
"ฟรานครับ"ใบหน้าหวานเข้มแอบหวานตอนด้วยหน้านิ่งๆ
"ผมสึนะโยชิครับ"สึนะตอบแล้วส่งยิ้มเป็นประกายวิ้งๆไปให้
"ครับ"ฟรานหน้าแดงเล็กน้อย
"หมวกน่ารักดีนะครับ"สึนะชมทำเอาฟรานทำอะไรไม่ถูกแทบจะมุดเข้าไปใต้โต๊ะอยู่แล้ว สึนะกินนู่นกินนี่แบบไม่ห่วงอ้วน กิน
ชนิดที่ทุกคนมองอึ้งๆ
"อร่อยจัง"ร่างบางทำหน้าตาน่ารักเมื่อลิ้นสัมผัสถึงความนุ่มของเนื้อปลา รสชาติที่เข้ากัน อะไรจะสวรรค์ปานนี้ ส่วนแซนซัสกิน
ข้าวไม่ลงเลยทีเดียว เอาแต่นั่งหน้าแดงมือสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่นั่นแหล่ะ
"แซนซัสไม่กินหรอครับอร่อยนะ"ร่างบางถามทั้งๆที่ส้อมคาปาก
"เรื่องของชั้นน่า"แซนซัสพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ทำไมไอ้ก้อนเนื้อในตัวถึงได้เต้นไม่เป็นระส่ำแบบนี้ สงสัยคงต้องเข้าโรง
พยาบาลก็คราวนี้
"อืม ลองชิมสิครับ"สึนะจิ้มอะไรซักอย่างรู้สึกจะป็นเนื้อแกะส่งให้แซนซัสเหมือนจะป้อน
"อะไร"แซนซัสมองอย่างไม่เข้าใจ
"กินซิครับ นะๆๆๆ ผมอยากให้แซนซัสกิน นะๆๆๆๆๆๆนะครับ *v*"ร่างบางอ้อนแล้วเอียงหัว แซนซัสจึงยอมกินเข้าไป ไม่รู้ทำไมอาหารมันถึงอร่อยกว่าปกติ เพราะมีเจ้านี่ป้อนหรอ ไม่หรอกมั้ง คงเป็นเพราะยัยกระเทยนั่นเปลี่ยนสูตรใหม่แหงๆ
"อร่อยใช่ไหมครับ"สึนะถาม แววตามีความหวัง
"อืม"เสียงเข้มพึมพำตอบ ส่วนคนที่นั่งมองอยู่หันไปหัวเราะกันแบบชนิดจิ้นไปไกล
"แล้วเจ้าหนูดาบญี่ปุ่นเป็นไงบ้างล่ะ"เบลถามทำเอาสควอโล่สะดุ้ง
"ยามาโมโตะ ก็ไปแข่งเบสบอล ระดับจังหวัด เห็นว่าเป้นการแข่งครั้งสุดท้ายก่อนจะรามือ ถึงเขาจะดูมีความสุขก็เถอะ แต่เขารัก
เบสบอลที่สุดเลยนะ ที่เขาต้องเลิกเพราะผมแท้ๆ"สึนะทำหน้าจ๋อยๆเศร้าๆก่อนจะยิ้มอีกครั้ง
"แต่เขาบ่นถึงสควอโล่ให้ฟังทุกวันเลยนะ เรื่องดาบก็สควอโล่อย่างนู้นสควอโล่อย่างนี้ ช่วงวาเลนไทน์ปีก่อนก็บ่นว่าสควอโล่ไม่
ยอมมาหา พาลงอนพวกผมไปด้วย พอสควอโล่ไม่โทรไปหาก็ขอให้ผมมาส่งหาถึงอิตาลี ท่าจะเป็นเอามาก"สึนะพูดแล้วทำท่า
คิดไปด้วย แต่ละอย่างทำเอาฉลามหนุ่มหน้าแดงจนถึงหู แล้วทุกคนก็ทยอยออกไป สึนะอาสาช่วยล้างลูซซูเรีย ล้างจาน
"สึนะจังไม่ต้องมาช่วยเจ๊ก็ได้นะฮ๊า"ลูซพูดน้ำเสียงเกรงใจ
"ไม่หรอครับ ผมกินผมก็ต้องเก็บ ผมทำเลอะ ผมก็ต้องล้าง ผมไม่ทำทิ้งๆขว้างๆหรอกครับ"สึนะสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายดอกไม้
"เป็นหัวหน้าไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้นี่ฮ๊า ทำตัวอ่อนโยนแบบนี้ใครเขาจะเชื่อฟังล่ะฮ๊า"ลูซยังถามต่อไป
"คุณลูซซูเรีย เคยเห็นยอดไม้ไหมครับ"สึนะถาม
"เคยสิฮ๊า"ลูซตอบงงๆ
"แล้วเคยเห็นยอดไม้มันแข็งกระด้างไหมครับ"สึนะถามอีก
"ไม่เคยฮ๊า"ลูซยังงอยู่
"คนเป็นหัวหน้าก็เหมือนยอดไม้นั่นแหล่ะครับ เมื่อฝนตกยอดไม้ก็จะรู้ก่อนเพราะอยู่สูงสุด เมื่อฟ้าผ่ายอดดไม้ก็จะโดนก่อน
เพราะอยู่สูงสุด ยอดไม้นั้นจะอ่อนเสมอ เหมือนคนเป็นหัวหน้า ที่จะต้องอ่อนโยนเสมอ เมื่อลูกน้องมีภัย คนที่แก้ก็คือหัวหน้า
เมื่อหัวหน้ามีอะไรที่ดีก็จะแบ่งปันให้ลูกน้องเสมอ คอยมองทุกๆคนจากที่สูงแล้วช่วยเหลืออย่างเงียบๆ นั่นแหล่ะ หัวหน้าในแบบ
ที่ผมคิด"สึนะหันมายิ้มให้ลูซซูเรียที่อึ้งไปแล้ว
'ความคิดความอ่านดีสุดยอด'คนที่แอบดูยังทึ่ง
"เอาล่ะครับล้างเสร็จแล้วผมขอไปเดินเล่นหน่อยนะครับ"สึนะถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเดินออกนอกปราสาท เดินเล่นไปตามทุ่ง
หญ้า บริเวณรอบนอกก็มีป่าไม้ บรรยากาศก็ดีนี่ ร่างบางเดินไปที่ต้นไม้สูงๆแห่งหนึ่งแล้วเริ่มปีนขึ้นไป ปีนไปด้วยมองวิวไปด้วย
ปีนสูงขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ
"ว้าว สวยจัง"ตอนนี้สึนะขึ้นมาสูงสุดแล้วทอดสายตามองไปรอบๆ ทางซ้ายมือมีแม่น้ำและภูเขา มีหมอกลอยอยู่ป็นบางที่ มีคน
กำลังเอาผ้าไปซักที่แม่น้ำอยู่ ฝั่งขวา เป็นหมู่บ้านเล็กๆเห็นเด็กวิ่งเล่นกั้นเป็นจุดๆ ผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกันบ้าง ข้างหน้มภีร์คลิาเป็นภาพ
ของพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน ภูเขาใกล้จะกลืนกินมาลงไป ลมอ่อนๆพัดเอากลิ่นหญ้าสดๆมาด้วย
"วิวดีจัง ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่น่า"สึนะคิดแล้วเอนตัวพิงกับต้นไม้แล้วนั่งบนกิ่งไม้ที่ยื่นออกมา มือบางล้วงกระเป๋าเอาหนังสือเล่ม
เล็กที่เขียนว่า พระคัมภีร์คริสตศาสนา ออกมาอ่าน
"..."โซโล นักดาบหัวเขียวกำลังจ้องเขม็งไปที่ใครคนนึง
"..."ซันจิ พ่อครัวคิ้วม้วนจ้องไปในทิศเดียวกัน
"..."ต้นหน เรือนามิ พลยิงอุซป คุณหมอเรนเดียร์ช๊อปเปอร์ มนุษย์โครงกระดูกบรูค ไซบ๊อคแฟรงกี้ หมีกังฟูเบโปะ และลูกเรือ ตอนนี้กำลังไปกองกันอยู่ริมของเรือ เพื่อหลบหนีรังสีฆ่าฟันที่สามคนแผ่ออกมา
"นายมาที่นี่ทำไม"ซันจิเปิดปากถาม
"เรื่องของชั้น"ลอว์ หมอศัลกรรมแห่งความตายตอบอย่างไม่ยี่ระ
"แกอยากมีเรื่องใช่ไหม"โซโลพูดเสียงแข็ง ทั้งสามอยู่ในสภาพเตรียมสู้
"คุณหมวกฟางอยู่ไหน"ลอว์หันไปถามอุซป
"ย....ย...ย..อยู่...ห...ห้อง...น...นั้น"อุซปพูดสั่นๆทั้งร่าง เมื่อได้ยินดังนั้น ลอว์ก็หันหน้าไปทางห้องที่อุซปชี้ก่อนจะเดินเข้าไป
"ลูฟี่ไม่สบาย ห้ามใครเข้าไปในห้องยกเว้นหมอ"ซันจิพูดดักทาง
"หือ หมวกฟางไม่สบายหรอ พวกนายดูแลเขายังไงทำไมถึงปล่อยให้เขาไม่สบาย ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นตอนนี้จะเป็นยังไงไม่มีใครสู้ไหวแน่ ยิ่งพรรคนี้พลเอกกองทัพเรือออกตามหาพวกนายกันให้ควัก ถ้าคุณหมวกฟางไม่สบายก็อาจจะเสียท่ามันง่ายๆก็ได้ คุณหมวกฟางก็สู้ไม่ได้ คุณกุ๊กกับคุณนักดาบเองก็จะเอาแต่ห่วงเรื่องคุณหมวกฟางคนที่สู้ได้ดีก็มีแต่ นิโค โรบิน คนอื่นๆสู้ระดับพลเอกไม่ได้หรอก"ลอว์บ่นยาวแล้วเดินไปจับลูกบิด
"บอกแล้วไงเขาไปได้เฉพาะหมอ"โซโลพูดหลังจากหายอึ้ง
"ก็ชั้นนี่แหล่ะหมอ"พูดจบลอว์ก็เปิดประตูเข้าไปเลย
"กัปตัน บ่นเป็นชุดเลย เรื่องคุณหมวกฟางทีไรบ่นจนน้ำไหลไฟดับทุกที"เบโปะพูด
"หุบปากไปไอ้หมีพูดได้"โซโลที่กำลังโมโหเพราะเถียงอะไรไม่ได้พูด
"ขอโต้ดครับ"เบโปะัจ๋อยสนิท
"ชั้น เหม็นขี้หน้าเจ้าบ้านั่นชะมัดชิ ถ้าไม่ห่วงเรื่องสุขภาพลูฟี่ชั้นจะเข้าไปอัดมันถึงห้องเชียว"ซํนจิพูดแล้ว เลี่ยงเดินเข้าห้องครัวไป
ในห้อง
ร่างอรชร นอนแผ่อยู่บนเตียง ใบหน้าแดงก่ำด้วยพิษไข้ ร่างบางหอบอ่อนๆ
"หมวก ฟาง..."ลอว์เดินลงไปนั่งข้างๆร่างบางแล้วจ้องมองอย่างอ่อนโยน ใช้มือปัดผมที่ปรกหน้าออกก่อนจะไล้ไปตามหน้าเรียว ใบหน้าใสไร้สิ่งแปลกปลอมจะขัดก็ตรงรอยแผลเป็นที่ใต้ตาซ้าย กับกลางอก มือหนาไล้ตามลำคอมาที่แผลเป็นนั้นแผลไฟลวกเพราะลาวาของพลเอกซาคาซึกิ ถ้าเขาเก่งกว่านี้เขาจะไปฆ่ามันด้วยมือของเขาเองแล้ว บังอาจมาทำให้ร่างกายอันสวยงามนี้มีร่องรอย ลอว์ก้มลงลากลิ้นสากๆไปตามรอยของแผลนั่น
"เจ้าลอว์มันเข้าไปทำอะไรนักหนา ทำไมป่านนี้ยังไม่ออกมาอีก"โซโลกับซันจิเดินสวนกันไปมาเป็นวงกลมจนคนมองยังหน่าย
"อ่ะออกมาแล้ว"ลอว์เดินออกจากห้องมาโดยที่ไม่ใส่เสื้อสรอยคอสีเงินรูปหัวใจครึ่งเสียวก็ห้อยอยู่ที่คอ
"แกเข้าไปทำอะไรลูฟี่ ถอดเสื้อทำม๊ายยยยย"ซันจิแทบจะคลั่ง
"ก็แค่...ฉีด..ยาให้เท่านั้นเอง กลับกันเถอะเบโปะั"ลอว์กระโดดลงเรือดำน้ำไป
ปึงฃ
เสียงประตูห้องลูฟี่เปิดออก
"ลอว์ เอาเสื้อชั้นม๊าาาาา"แต่ไม่ทันแล้วเรือของลอว์อยุ่ห่างออกไปโดยที่เจ้าตัวชู เสื้อสีแดงของร่างบางไว้แล้วโบกไปมาก่อนจะวิ่งเข้าไปในตัวเรือพร้อมดำน้ำ ลูฟี่ฟึดฟัดเข้าห้องไป
"สร้อยที่คอ กัปตันของเราเหมือนของคุณกัปตันคนนั้นเลยนะ"โรบินพูด
"..."โซโลกับซันจิลงไปนั่งเขียนเครื่องหมายอินฟินิตี้อยู่บนพื้นด้วยความจ๋อยสนิท
"เสร็จมันจนได้"ทั้งสองพึมพำออกมา ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนที่เหลือ
ชื่อตอน:การเป็นโฮสต์
ตอนที่:1
คู่:-
สปอย:สามหนุ่มหรือสาว สอบชิงทุนเข้ามาเรียนในโรงเรียนระดับชาติแต่ไม่นานก็ทำเรื่องจนต้องเข้าไปเป็นเบ๊ในชมรมโฮสต์คลับ ความน่ารักและใสซื่อทำให้หนุ่มหล่อหลงรักเธอจนหมดใจ ความรักค่อยๆก่อตัวเบ่งบานออกมาเรื่อยแล้วพวกเขาจะรู้สึกยังไงหากรู้ว่าทั้งสามคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ปกติเป็นเด็กที่เกิดมาจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง พวกเขาจะรับได้ไหม
............................................................................................................................................
เรื่องนี้เป็น Au fic y and normal
ตัวเอก
มังกี้ ดี ลูฟี่
อุซึมากิ นารุโตะ
ซาวาดะ สึนะโยชิ
(อายุ 16)
คุโรซากิ อิจิโกะ(18)
ตัวละครที่ได้รับเชิญ
หนุ่มหล่อในโฮสต์
(วันพีช)
ทราฟาลก้า ลอว์(18)
ดองกี้โฮเต้ โดฟลามิงโก้(18)
จูราเคล มิฮอว์ค(18)
(นารูโตะ)
ซาบาคุ โนะ กาอาระ(16)
นารา ชิกามารุ(16)
อินุซึกะ คิบะ(16)
(รีบอร์น)
รีบอร์น(17)
โคโลเนโร่(17)
ฟง(17)
(บลีช)
อาบาราอิ เร็นจิ(17)
กริมจอว์(17)
อุลคิโอร่า(17)
คุจิกิ เบียคุยะ(18)
อาจารย์และตัวละครอื่นๆ
อาคาอินุ ซาคาซึกิ
อาโอคิยิ คุซัน
คิซารุ
ฮาตาเกะ คาคาชิ
อูมุอิโนะ อิรุกะ
จิไรยะ
จามาล
(อาจารย์ทุกคนอายุ 20 )
มังกี้ ดี ดราก้อน(ผ.อ)
มังกี้ ดี การ์ฟ(ผ.อ สูงสุด)
ซาวาดะ นานา-อิเอมิสึ
อุซึมากิ มินาโตะ-คุชินะ
จะเม้นก็ได้ไม่เม้นก็ไม่ว่า แต่ตอนแรกกับตอนสุดท้ายนี่ขอเม้นให้หน่อย
จะติจะชมก็ได้ไม่ได้ห้าม แต่อย่าเกรียนหรือดราม่า
ลูกโซ่อย่าเอามา ไม่งั้นจะให้ตาเหยี่ยวตัดให้ขาด
หากเรามีคำถามช่วยร่วมมือตอบแล้วโหวตให้หน่อยเพราะเนื้อเรื่องจะเป็นยังไงต่อไปมันอยู่ที่คะแนนที่พวกคุณคลิก
จะจบตอนนี้ก็ช่วยอ่านฟิคอื่นๆด้วยนะครับ
...................................................................
โรงเรียนเซนต์ดาโกลิคเป็นศูนย์รวมเหล่าลูกผู้ดีมีตระกูลทายาทมหาเศรษฐี แต่ทั้งนี้ในโรงเรียนก็มีเด็กหนุ่มหน้าหวานอยู่สามคน ที่เป้นนักเรียนทุน ที่สอบชิงทุนเข้ามา แต่ก็ไม่ได้บอกนะ ว่าพวกเขาจะไม่รวย
"ลูฟี่ เราออกไปหาที่อื่นอ่านหนังสือกันเถอะ ที่นี่เสียงดังชั้นไม่มีสมาธิ"ร่างหนุ่มหน้าหวานผมสีน้ำตาลโกโก้ ตาสีเปลือกไม้แวววาวราวสาวน้อย เอ่ยถาม เด็กหนุ่มหน้าหวานอีกคน ผมสีดำสนิท ตาสีน้ำตาล ใบหน้าหวานหยดแต่จะขัดก็ตรงแผลเป็นที่ใต้ตาซ้าย
"เอางั้นก็ได้ ไปกันนารูโตะ"เด็กหนุ่มผมดำนามลูฟี่หันไปถามหนุ่มน้อยน่ารักผมทอง ตาสีฟ้าสดใส บนใบหน้ามีขีดคล้ายหนวดแมวเสริมความโมเอะเข้าไปด้วย
"อืม ลองเดินดูไปเรื่อยๆก็แล้วกัน"นารูโตะบอกแล้วทุกคนก็เก็บของก่อนจะเดินมองหาห้องเงียบๆ เมื่อเรียงจากความสูง ดูเหมือนว่า นารูโตะกับหนุ่มผมน้ำตาลนามสึนะ จะมีส่วนสูงเท่ากัน ส่วนลูฟี่มีส่วนสูงมากกว่านิดหน่อย ทั้งสามเดินไปตามระเบียงทางเดิน ตลอดทางที่ผ่านมามีแต่คนที่มองอย่างดูถูกเพราะการแต่งตัวของพวกเขา ทุกคนใส่แว่นตาเฉิ่มๆทรงกลม ดูน่าเกลียด เสื้อผ้าใส่ชุดไปรเวทไม่ใช่เครื่องแบบนักเรียน ลูฟี่ใส่เสื้อกั๊กสีแดงกับกางเกงสามส่วน สึนะใส่เสื้อกันหนาวสีขาวสลับส้ม และกางเกงยีนส์สีดำ นารูโตะใส่ชุดสีส้มประจำตัว
"หืม ห้องโถงเก่า ห้องนี้เอาไหม น่าจะไม่มีคนใช้นะ"นารูโตะเสนอ ทั้งสองคนหันไปตาม ประตูไม้สีขาวมุกกับด้ามจับสีทอง
"เอาสิ ชั้นเปิดก่อนแล้วกันเวลามีอะไร พวกนายจะได้ปลอดภัย"ลูฟี่บอกแล้วเปิดประตูออก พอให้เห็นด้านใน เป็นลานขนาดกว้างและมีโซฟาอยู่หลายชุด ดูหรูหรา ตกแต่งอย่างหรู จนดูเกินตัว พื้นเป็นไม้ลามิเนต กำแพงสีครีมดูเข้ากับเครื่องเรือนต่างๆ คนสร้างตกแต่งมีรสนิยมที่ดีใช้ได้เลย
"หืมอะไรเนี่ย ดูดีชะมัด"นารูโตะเดินไปแล้วมองรอบๆ
"ยินดีต้อนรับสู่โฮสต์คลับครับ คุณลูกค้า"เสียงเอ่ยขึ้น ทั้งสามหันไปก็พบหนุ่มหล่อหลายคนนั่นโพสต์ท่าอยู่ ถ้าเป็นสาวน้อย คงจะละลายไปกับรัศมีความหล่อแล้ว แต่กับทั้งสามนี่ไม่ใช่ ทั้งสามทำหน้าตาตายด้านสุดๆ
"อะไรเนี่ย ผู้ชายหรอกหรอ"คนผมสีเหลืองทอง และแว่นตาดำทรงแปลกชื่อโดฟลามิงโก้ว่าแหยงๆ
"พวกนี้มันนักเรียนทุนห้องเดียวกับพวกนายนี่"คนหน้าตาดูดีอีกคนหนึ่งชื่อ ลอว์หันไปถามเด็กหนุ่ม อีกสามคน
"ก็พวกนี้มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยดี เราเลยไม่สนใจ"หนุ่มผมดำยาวดูเถื่อนๆชื่อคิบะตอบ
" น่าเบื่อจะตาย"เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยาวแต่รวบเอาไว้ชื่อ ชิกามารุพูดแล้วหาว ส่วนหนุ่มผมแดงอีกคน ก็เงียบเหมือนเดิม
"นักเรียนทุน ที่ว่าชาติหนึ่งจะมีที แต่นี่มีตั้งสามคนเชียวหรอ"หนุ่มผมทอง แววตาสีฟ้าซุกซนชื่อโคโลเนโร่ว่าแล้วยืนมองตรงหน้าทุกคน
"ดูเฉิ่มชะมัด"หนุ่มผมดำจอนม้วนชื่อรีบอร์นพูด
"เขาว่าเด็กเรียนมักเป็นโฮโมนะครับ"ชายผมดำชื่อ ฟง อีกคนพูด ส่วนชายตาเหยี่ยวมองแล้วก็เงียบ
"นายชอบแบบไหนล่ะ คนแก่กว่าปี หรือสองปี หรือคนอายุเท่ากัน เงียบๆ เฟรนรี่ หรือขรึมๆ หรือว่าจะเอาชั้นดีล่ะ"คนที่ชื่อรีบอร์นเดินไปหาสึนะแล้วจับปลายคางให้อยู่นิ่งๆก่อนจะประทับจูบลงไป
"ฮึก ฮึก ฮืออออ"ร่างบางถึงกับร้องไห้ออกมาทำเอาคนจูบงงเป็นไก่ตาแตก ส่วนลูฟี่ก็กำลังโดนนารูโตะล็อกไม่ให้พุ่งไปฆ่าไอ้คนจูบ
"ไอ้เวร ออกห่างสึนะเดี๋ยวนี้นะ โฮโมบ้าบออะไร จะบอกเอาไว้ให้ ชั้นแค่จะมาหาที่เงียบๆอ่านหนังสือ คิดว่าตัวเองหล่อตาย ไอ้หน้าปลาจวดเอ้ย ไอ้พวกหลงตัวเองไปตายซ๊าาาา"หมัดตรงพุ่งเข้าเต็มหน้าหนุ่มจอนม้วนอย่างแรงจนหลังไปกระแทกแจกันตกมาหลายใบก่อนจะเข้าไปดูสึนะ
"ไม่เอานะ ไม่ร้องนะ ถือว่าทำทานไปสึนะไม่เป้นไร อย่าร้องนะ"ลูฟี่กับนารูโตะเข้าไปปลอบ
"เอ่อ"โคโลเนโร่เหมือนจะพูดอะไรแต่โดนสองสายตาอาฆาตตะหวัดมามอง
"เฮือก นายทำแจกันแตก ชดใช้ด้วยนะ นะนั่นเป็นของเก่าซะด้วย ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมดหรอก นายจะเอาไง อิจิโกะ"โคโลเนโร่หันไปถามหนุ่มผมสีส้มที่นั่งมองอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้
"จ่ายด้วยเงินไม่ได้ก็จ่ายด้วยร่างกายซะ ต่อไปนี้พวกนายสามคนมาเป็นเบ๊ของพวกเรา"อิจิโกะว่า
"อย่างนี้มันมัดมือชกนี่หว่า"นารูโตะว่า
"แต่อยู่ที่นี่เราก็มีเนื้อหรือราเม็งให้กินไม่อั้นเลยนะ"อิจิโกะว่า
"เราไม่ได้เห็นแก่กินขนาดนั้นซะหน่อย"ลูฟี่ว่า
"...."
"...."
"จะ จะได้กินจริงๆหรอ"ทั้งสองพูดแล้วน้ำลายจะไหล
"อืม แน่นอน"
"เอางั้นก็ได้ แต่ชั้นไม่ได้เห็นแก่กินนะ"นารูโตะพูดแล้วเชิด
สองชั่วโมงต่อมา
"นายเอาเค้กมาเสิร์ฟหน่อยสิ"รีบอร์นเรียกสึนะที่ประจำรถเข็นขนเค้ก ให้มาใกล้ๆ
"นี่ครับ"สึนะเข็นไป แต่ตอนนี้หนุ่มๆหลายคนเริ่มเห็นปัญหาแล้วเพราะ ทั้งสามเดินไปทางไหนทุกคนก็มองด้วยสายตารังเกียจ เหมือนเป็นขยะ
เลิกโฮสต์
"ไอ้พวกผู้ดี ตรีนแดง ตะแคงตรีนเดินเอ๊ย โด่ แค่แต่งตัวไม่ดูหรูก็ดูถูกกูคนนะเว้ยไม่ใช่ขยะ"นารุโตะที่นั่งอยู่ตรงระเบียงบ่น
"น่าๆ ก็เราอยากทำแบบนี้เองนี่น่าต้องรับผลที่ตามมาสิ แต่ว่านายเข้ามาเถอะเดี่ยวก็ตกลงไปหรอก"ลูฟี่หันไปบอกสึนะที่นั่งตามนารูโตะ
"งั้นนายก็จับชั้นไว้สิ นั่งแบบนี้ลมเย็นดีออก"สึนะบอกลูฟี่เป็นห่วงจึงกอดเอวไว้หลวมๆพลางบ่นไปด้วย
"หิวข้าวจัง"ลูฟี่พูดแล้วท้องร้อง
"พวกนายน่ะ เข้ามาสิ"อิจิโกะเรียก ทั้งสามเดินเข้าไป
"ชั้นว่านายน่าจะไปเปลี่ยนลุคซะก่อนนะ เพราะจากที่เห็นวันนี้แล้ว มันเฉิ่มสุดๆ"อิจิโกะว่าแล้วมองทั้งสามคนตั้งแต่หัวจรดเท้า
"ก่อนอื่นต้องเอาแว่นเฉิ่มๆนี่ออกก่อน"อิจิโกะถอดแว่นของสึนะออก โดยมีชิกามารุ กับ มิฮอว์ค ถอดแว่นของนารูโตะกับลูฟี่ออก
"...."
"O_O"
".....-_-++"
"O_O"
"เฮ้ย ลอว์ ดอฟฟี่ มิค ไปจัดการเรื่องคอนแทคเลนส์ ชิกามารุ คิบะ กาอาระ ไปเตรียมสถานที่รู้นะว่าอะไร รีบอร์น โคล่อน ฟง ไปจัดการเรื่องเสื้อผ้า เดี๋ยวชั้นจัดการเรื่องทรงผมเอง"พูดจบทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามงานที่ได้รับมา
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น
"คิกๆ นายดูแปลกตาชะมัดเลยลูฟี่"เสียงคิกคักดังมาจากในห้องนั่น
"นายก็เหมือนกันแหล่ะ ไม่ยักรู้นะว่าพวกนายน่ารักกันขนาดนี้"เสียงหวานอีกเสียงเอ่ย
"อ่ะ ลูฟี่อย่าจับตรงนั้นสิ มันเสียวนะ"เสียงนี้ทำให้หลายคนหูผึ่ง
"ตรงไหน ตรงนี้น่ะหรอ"
"อ่ะ ซื้ดดดด"
"ฮ่าๆๆๆ เพิ่งจะรู้จุดอ่อนนายนะเนี่ย"
อีกสักพัก
"อ่ะ ลูฟี่ มันเจ็บนะ อ่ะ อึ๊"เสียงนี้ยิ่งเริ่มจิ้นกันอีก
"นายก็อยู่เฉยๆสิ ท่านี้ชั้นไม่ถนัดนะ มันจะเจ็บแป็ปเดียวเอง ครั้งแกมันก็เจ็บเป็นเรื่องธรรมดา เดี๋ยวชั้นก็ทำท่าที่มันเจ็บกว่านี้ซะหรอกฮ่าๆๆ"เสียงหวานหัวเราะกันอีกซักพักก่อนอิจิโกะจะเริ่มรำคาญเปิดเข้าไปอย่างพรวดพราด ให้เห็นลฟี่กำลังคร่อมสึนะอยู่ ใบหน้าหวาห่างกันไม่ถึงครึ่ง
"พวกนายทำอะไรกันน่ะ"อิจิโกะถาม พอมองนารูโตะยิ่งแล้วใหญ่รายนั้นแตงัวเสร็จแต่หลับไปแล้ว
"ก็ใส่คอนแท็คไง เจ้านี่มันไม่ยอมใส่สักทีนี่น่า"ลูฟี่ถือโอกาสตอนสึนะมองอิจิโกะใส่คอนแทคเลนส์เข้าไปจนครบก่อนจะลุกขึ้นมาใส่เสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย แล้วเดินออกมาพร้อมๆกับอิจิโกะ โดยมีนารูโตะเดินงัวเงียตามมา
"เสร็จแล้วหรอ"ดอฟฟี่หรือโดฟลามิงโก้รีบลุกขึ้นอย่างไว
"อืม ดูซะผลงานอันเยี่ยมยอดของชั้น"อิจิโกะ เดินเลี่ยงให้เห้นสามหนุ่มหน้าหวานหยดจนอยากจะตะครุบเข้าเสียให้ได้ ทำเอาหลายคนตาค้างปากอ้ากว้างกันหมด และเสียงที่เอ่ยออกมาพร้อมกันอย่างไมได้นัดหมายจาก เก้าหนุ่ม ก็คือ
...................................................
โดยปกติแล้วจะมีชายเพียงแค่สิบคนเพื่อมาพูดคุยฆ่าเวลากับสาวน้อยทั้งหลาย แต่วันนี้กลับมีชายทั้งหมด สิบสามคน ผู้มาใหม่ทั้งสามนั้นมีหน้าตาหวานจนน่าอิจฉา ทั้งสามยังรู้สึกเกร็งๆอยู่เพราะไม่รู้จะทำยังไง
"ชื่อ สึนะโยชิหรอ ขอเรียกสึนะคุงล่ะกันนะ"เสียงเด็กสาวคนหนึ่งที่รุมสึนะอยู่ถาม
"อ๋อ ได้สิครับ ผมไม่ค่อยมีเพื่อนอยู่แล้วมีคนมาพูดด้วยก็ดีใหญ่เลยล่ะครับ"ร่างเล็กบอกแล้วยิ้มอย่างสว่างไสว จนหลายคนจะตกหลุมรัก
"เห็นพวกเธออยู่ในห้องเงียบๆไม่นึกเลยนะจ๊ะว่าจะหน้าตาดีกันขนาดนี้"เสียงเด็กสาวอีกคนหนึ่งที่รุมนารูโตะพูด
"จะพูดอย่างนั้นก็เกินไปครับ คุณเองยังดูน่ารักจนผมใจสั่นไปหมดเหมือนกัน"นารูโตะลอกมุขจีบสาวที่เคยได้ยินมาใช้ ทำเอาวาสเจ้าแทบจะกรี๊ดลงไปดิ้นพราดๆกับพื้น
"แล้วพวกเธอเป็นเพื่อนกันมานานแล้วหรอจ๊ะ"สาวอีกคนที่รุมลูฟี่ถาม
"อ๋อ พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เกิดแล้วล่ะครับ พ่อแม่พวกเราเป็นเพื่อนกัน แต่ว่าตอนพวกผมอายุได้ 7 ขวบพวกท่านก็ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ ผมรักพวกเขาเหมือนพี่น้องแท้ๆของตัวเอง ครั้งนั้นพ่อผมไม่ได้ไปด้วยเขาจึงยังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นคนที่ดูแลพวกเรามาจนถึงตอนนี้ แต่ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ทั้งสองคนเขาก็ยังไม่เลิกโทษตัวเองที่เร่งให้พ่อกับแม่กลับมาเร็วๆทั้งๆที่ฝนมันตก พวกเขาบอกว่าเป็นเพราะพวกเขา พ่อกับแม่เลยต้องตายไป"ลูฟี่พูดแล้วส่งสายตาอ่อนโยนไปให้ทั้งสองคน
"แล้วพวกเธออยู่ด้วยกันหรอจ๊ะ ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้"เด็กสาวคนหนึ่งถึงกับน้ำตาซึม ลูฟี่หยิบผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาซับให้
"เพราะอย่างนั้นผมถึงต้องดูแลพวกเขาในส่วนของพ่อแม่เขาไงครับ เพราะอย่างน้อยผมยังเหลือพ่อ แต่พวกเขาไม่เหลือใคร"ลูฟี่พูดแล้วจับแก้มหญิงสาวเบาๆ
"พรุ่งนี้ชั้นขอจองเธอได้ไหมจ๊ะ"
"ชั้นด้วยจ๊ะ"
"ชั้นด้วยๆ"
"ถ้าได้ก็ดีเลยสิครับ^_^"ทั้งสามหนุ่มพูดแล้วยิ้มทำเอาสาวๆแทบจะละลายลงไปกองกับพื้น
"หมดเวลาแล้วครับ ขอบคุณที่ใช้บริการครับ"อิจิโกะลุกขึ้นแล้วบอกว่าหมดเวลาโฮสต์แล้ว สามหนุ่มรีบเก็บของแล้วจะออกไปจากโฮสต์
"จะรีบไปไหนล่ะพวกนาย"คิบะถาม
"ก็ไปเรียนน่ะสิ ชั้นไม่ได้ว่างเหมือนพวกนายนะ"นารูโตะว่า
"แต่นี่มันเลิกเรียนแล้วนะ"รีบอร์นถามงงๆ
"พวกเราเรียนพิเศษด้วย จนถึงสองทุ่ม"สึนะตอบ
"รีบไปกันเถอะเดี๋ยวก็สายเอา อาจารย์อาคาอินุยิ่งโหดๆอยู่"ลูฟี่เร่ง
"ถึงพูดอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยทำโทษนายนี่ แถมยังมองนายด้วยสายตาแลกๆอีกต่างหาก"นารูโตะบอก
"จะอะไรก็ช่างเหอะน่า เรามีเวลาอีกแค่ยี่สิบนาทีเองนะเร็วเหอะ"แล้วลูฟี่ก็วิ่งนำให้สองคนวิ่งตาม
"...."ทุกคนมองแผ่นหลังบางๆวิ่งออกไปเกือบลับสายตา เหมือนอาวรณ์
"จะลองตามไปไหม ชั้นรู้สึกไม่ค่อยสบายใจไอ้ครูที่ชื่ออาคาอินุเท่าไหร่"อิจิโกะว่าด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใยนิดหน่อย
"ไป!!!"ทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียงจนอิจิโกะอดรู้สึกหมั่นใส้ไม่ได้
ณ โรงเรียนสอนพิเศษ ตอนสองทุ่ม
หนุ่มหล่อทั้งสอบแอบมองอยู่ซอกตึกหนึ่งแล้วก็เห็นร่างบางทั้งสามออกมา พร้อมๆกับอาจารย์อีกคนดูหน้าตาดี ตัวใหญ่ๆ อาจารย์คนนั้นไล่นารูโตะกับสึนะให้ไปที่รถก่อน แล้วก็คุยกับลูฟี่
"ลูฟี่คุง เธอน่ะ ทำคะแนนได้ดีแล้วนะ น่าจะหาเวลาพักผ่อนบ้างชั้นเป็นห่วง บ้านเธอเองก็อยู่ไกลทั้งโรงเรียนนี้และก็โรงเรียนเซนต์ แต่บ้านชั้นอยู่ใกล้ๆลองย้ายมาอยู่กับชั้นดีไหม"บางพดมือก็เลื่อนไปจับเอวอย่างเนียนๆ
"ไม่ล่ะครับถ้าผมไปก็ไม่มีคนดูแลพวกเขาผมเป็นห่วง"ลูฟี่บอก
"ก็ให้พวกเขามาอยู่ด้วยก็ได้นี่"อาคาอินุยังไม่ยอมแพ้
"อืม ผมไม่อยากรบกวนน่ะครับ"ลูฟี่ก็พยายามปฏิเสธ
"ไม่รบกวนเลย ชั้นอยู่กับคิซารุ และก็คุซันกันแค่สามคนก็เหงาๆเหมือนกันนะ"
"อืม เดี๋ยวผมขอคิดดูก่อนแล้วกันนะครับ"ลูฟี่บอกอย่างนั้นอาคาอินุถึงยอมปล่อย แต่พอไปแล้ว ทั้งสิบหนุ่มก็เห็นอาคาอินุเอามือที่จับร่างบางขึ้นมาดม อย่างกับโรคจิต
"ชั้นอยากได้นายชะมัดเลยลูฟี่ ตัวนายนี่หอมชะมัด ถ้าได้ชิมได้ดมตรงๆ คงจะดีไม่น้อย"อาคาอินุพูดเบาๆแต่สิบหนุ่มได้ยิน สามในนั้นแทบจะพุ่งไปกระทืบแต่โดนล็อกเอาไว้ก่อน
"ใจเย็นๆหน่อยสิพวกนาย"อิจิโกะว่า
"จะใจเย็นได้ไงวะ ไม่ได้ยินที่มันพูดรึไง ไอ้แก่หัวงูเอ๊ย มันบอกว่าจะเอาลูฟี่กูไม่ยอมหรอก"โดฟลามิงโก้โวยวาย
"และแกเป็นอะไรกับลูฟี่เขาล่ะ"คำถามนั้นทำเอาดอฟฟี่สะอึก
"ก็...เปล่า"
"แล้วจะโวยวายทำไม และอีกอย่างมับอกว่าอยากได้ แต่มันก็ไม่ได้ได้ซะหน่อย เอาไปกลับบ้านไปได้แล้ว หรือว่าจะตามไดูห้องของสามคนนั้น"อิจิโกะถาม
"ไป!!!"ตอบพร้อมกันอีกแล้ว สรุปก็เลยไปกันหมด
ณ บ้านพัก
ในห้องนอน
ตอนนี้ไฟปิดหมดแล้วแต่มีคนหนึ่งทียังไม่นอน ร่างทั้งสิบก็มองอยู่ ร่างบางเดินไปค้นบางอย่างในเกะออกมามันเป้นเหมือนหลอดอะไรสักอย่าง มีประมาณหกหลอด เมื่อดูจำนวนแล้วร่างบางก็ดูปฏิฐินคิ้วเรียวขมววดเข้าใบหน้าดูเครียดอย่างชัดเจน ก่อนจะจัดหลอดนั้นเป็นสองชุด ชุดละสามอัน และเอาในชุดนั้นอย่างละอัน เหมือนจะไปทำอะไรซักอย่างกับสองคนที่นอนอยู่แต่ด้วยสภาพแบบนี้จึงมองไม่ค่อยเห็นแค่มองได้ชัดๆก็นับว่าบุญโขแล้ว
"มันไม่พอจริงๆด้วยสินะ แต่ถ้าตัดของชั้นออกไป พวกนายก็จะพอ เฮ้อ หวังว่าคงทันอยู่นะ"ลูฟี่ว่าก่อนจะเขยิบเข้าไปนอน ทุกคนมองหน้ากันอย่างสงสัย แต่ก็เก็บไว้ในใจแล้ว กลับบ้านนอน
...................................
วันรุ่งขึ้น
ถึงแม้ลูฟี่จะมาทำงานแต่ก็ดูเหนื่อยอ่อนง่ายผิดปกติ หลายคนสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนรึเปล่า และยิ่งเย็นเท่าไหร่ เวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูแย่และตอนนี้ ใบหน้าหวานที่เคยเป็นสีอมชมพูกับขาวซีดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับกระดาษ
"ลูฟี่ นายได้รับน้ำมันรึยัง"เสียงหวานๆของสึนะเอ่ยถาม คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน แต่คำพูดทำให้หลายคนสงสัย
"เปล่า"เสียงแหบแห้งราวกับคนหมดแรงเอ่ยทำเอาสามหนุ่มใจหาย
"ทำไมล่ะ!!!!"ดวงตาสีโกโก้เบิกกว้างอย่างตกใจ
"ก็มันไม่พอ ถ้าชั้นใช้มัน พวกนายก็จะอยู่ไม่ได้ถึงวันพรุ่งนี้ และตอนนี้มันก็หมดแล้วด้วย"เสียงลูฟี่เบาลงเรื่อยๆ ก่อนจะเซล้มลงไปดีที่มิฮอว์ครับไว้ทัน
"นายนอนซะเถอะเดี๋ยวเชื้อเพิงจะหมดเอา เดี๋ยวชั้นจะหาทางแก้กันเอง"นารูโตะว่า
"หึ"ดวงตาสีน้ำตาลปิดลงช้าๆพร้อมๆกับรอยยิ้มที่มุมปากตกลง
"นี่มันเรื่องอะไรกัน ลูฟี่เป็นอะไร อะไรคือน้ำมันชั้นงงไปหมดแล้ว"อิจิโกะว่าอย่างหัวเสีย แต่สึนะบอกให้ทุกคนนั่งลง
"ถ้าผมบอกว่าพวกผมไม่ใช่มนุษย์ที่เกิดมาจากมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์เต็มร้อย พวกคุณจะว่ายังไง"ทุกคนมีสีหน้าตกใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลายเป็นความสงสัย
"ก็ไม่ได้ว่าไงนี่ พูดต่อสิ"รีบอร์นว่า
"พวกผมเป็นสิ่งประดิษฐ์ของนักวิทยาศาสตร์ ในบริษัทหนึ่ง พวกเขาจะสร้างมนุษย์ที่เป็นสัตว์ประเสริฐอย่างแท้จริง พวกเขาจะสร้างมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์ทุกคน เป็นได้ทั้ง เครื่องจักรสังหาร ของเล่น แม่บ้าน คนทำงาน หรือแม้แต่...นางบำเรอ"หลังจบคำนั้นหลายคนตาเบิกกว้าง
"แต่แล้วงานวิจัยของพวกเขาก็ยังไม่สำริดผลแต่เนื่องจากทุ่มเทให้กับงานมากจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง จึงหัวใจวายตายในห้องทดลองนั้น พวกผมเป็นสิ่งประดิษฐ์ชุดที่สามสิบสอง ในวันสิ้นสุดงานวิจับ เราอายุได้ 5 ขวบ ความจำเราดี เราสามารถตอบสนองทุกคนได้ตั้งแต่เกิ...ไม่สิ ตั้งแต่ออกมาจากหลอดทดลอง พวกเราอยู่ได้เพราะน้ำมัน"นารูโตะพูดต่อ
"น้ำมัน?"อิจิโกะถาม
"เดี๋ยวจะบอก หลังจากออกมาได้แล้ว เขาก็เอาพวกเราไปส่งให้กับบ้านต่างๆที่ได้ให้ความร่วมมือกับการทดลอง พวกเราโชคดีที่ได้ไปอยู่กับบ้านที่เป็นต้นแบบของพวกเราเองและเขาก็เลี้ยงเรามาอย่างเด็กคนหนึ่งจนพวกเขาหมดวาระ"สึนะบอก
"น้ำมัน คือสิ่งที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อได้ ทุกการเคลื่อนไหว เหงื่อทุกหยด เลือดทุกหยาดหรือแม้แต่ลมหายใจของเราก็ขึ้นอยู่กับน้ำมันตัวนี้ มันเป็นของที่ผลิตมาจากร่างกายมนุษย์ พวกเราจะอยู่ได้จากเซลล์ที่จะกลายเป็นทารกในอณาคต ไม่ว่ามันจะเข้าไปในร่างกายเราทางไหน ไม่ว่าจะปาก ตา จมูก ผิวหนัง ร่างกายเราจะดูดซับไม่ใช้อัตโนมัติ"สึนะอธิบาย
"เดี๋ยวนะ เซลล์ที่จะกลายเป็นทารกในอณาต นายหมายถึง...."โคโลเนโร่เว้นว่างไว้
"สเปิร์ม"กาอาระที่เงียบมานานพูดพร้อมหน้าแดงหน่อยๆ
"ใช่ แล้วปกติ ทางบริษัทเราจะจัดส่งมาให้ แต่เมื่อเราโตขึ้นร่างกายก็จะต้องใช้มากขึ้นเพื่อที่จะใช้ได้อย่างทั่วถึง และคิดว่าครั้งนี้มันคงจะไม่พอ ลูฟี่ถึงเอาส่วนของตัวเองมาใส่ให้เรา"สึนะว่า
"อ่า แล้วเดี๋ยวนะที่นายว่านายไม่ใช่มนุษย์ร้อยเปอร์เซ็น แล้วทุกทีนายจะรับไอ้น้ำมันของนายเข้าไปทางไหน"ฟงถาม
"เรามีร่างกายบางส่วนเป็นเหล็กบ้าง พลาสติกบ้าง แก้วบ้าง ตามที่ศาสตราจารย์ต้องการ และทุกทีเราจะได้รับน้ำมันจากทางนี้"นารูโตะเลิกเสื้อขึ้นเล็กน้อยดึงกางเกงลงหน่อย เผยให้เห็นบริเวณสะโพกมีขีดวงกลมเล็กๆอยู่เมื่อเกี่ยวเปิดออกก็จะเห็นเป็นช่องอะไรบางอย่าง
"ผิวหนังของพวกเราคือผิวหนังของมนุษย์แต่ของลูฟี่ เป็นยาง เขารู้ในจุดนี้ว่าพวกเราต้องการมันมากกว่าเขาเลยเสียสละส่วนของตัวเอง"สึนะว่า ตอนนี้หลายคนช็อกไปแล้ว เรื่องมันเยอะกินจะรับไหว
"อ่า เฮ้อ สมองชั้นมันยังจัดเก็บข้อมูลไม่ค่อยได้แล้วเอาเป็นว่าพวกนายนอนที่หอเราก่อนก็แล้วกันเพราะ บ้านพักพวกนายอยู่ไกลกว่าจะถึงลูฟี่ได้ตายพอดี"อิจิโกะว่า ก่อนจะสั่งให้โดฟลามิงโก้ไปส่งลูฟี่ที่ห้องส่วนคนที่เหลือให้ทำความสะอาดห้องโถงก่อน โดฟลามิงโก้ก็ทำอย่างไม่แย้งมีแต่อีกสองคนที่ทำหน้าไม่พอใจมาให้
ในห้องพัก
โดฟลามิงโก้ ยืนมองร่างเล็กที่บัดนี้ซีดเซียวสุดๆพลันคิดถึงคำต่างๆที่ได้ฟังมา
'พวกเราจะอยู่ได้จากเซลล์ที่จะกลายเป็นทารกในอณาคต'
และมันก็คือสเปิร์ม
'ไม่ว่ามันจะเข้าไปในร่างกายเราทางไหน ไม่ว่าจะปาก ตา จมูก ผิวหนัง ร่างกายเราจะดูดซับไม่ใช้อัตโนมัติ'
แล้วถ้าเป็นทางนั้นล่ะ
ในตาคมผินไปมองยังบั้นท้ายกลมกลึง ก่อนจะเริ่มลงไปนอนข้างๆ ริมฝีปากประกบจูบไปทั่วร่างของลูฟี่
หวานจัง
มือหนาเริ่มชอนไชไปทั่วร่าง
อ๊ะ เราไม่ใช่เกย์นะ
(แล้วที่ทำอยู่นี่มันอะไร)
แค่จะช่วยหมอนี่เฉยๆ
(แล้วไม่สนใจมันหรอกหรอ)
สนสิ
(แต่หมอนี่มันเป็นผู้ชายนะ)
รู้
(นายก็เป็นผู้ชายนะ)
ก็ใช่
(งั้นนายก็เป็นเกย์สิ)
ชั้นไม่ใช่เกย์
(ผู้ชายชอบผู้ชายมันคืออะไรล่ะ)
เกย์
(นั่นไง นายเป็นผู้ชายชอบหมอนี่ที่เป็นผู้ชาย แปลว่าไงล่ะ)
...ชั้นเป็นเกย์
(ใช่)
แล้วทำไมมันพึ่งมาออกตอนนี้ล่ะ
(เพราะนายเป็นเกย์เพราะลูฟี่ไงล่ะ)
...
แต่ว่าทำอย่างนี้ดีแล้วหรอ(แองเจิ้ล)
ดีแล้วสิ นายเองก็อยากได้หมอนี่อยู่แล้วไม่ใช่รึไง จัดการไปเลย ได้สองเด้ง(เดวิล)
แต่ถ้าลูฟี่ตื่นมาอาจจะรับไม่ได้แล้วนายอาจจะถูกเกลียดก็ได้นะ(แองเจิ้ล)
ไม่หรอกมั้ง ถือว่าช่วยๆกันไง คงไม่ถึงกับเกลียดหรอกนะ(เดวิล)
ก็แล้วแต่ล่ะกัน จะว่าไปมันก็ดีนะ นายจะได้สลักความเป็นเจ้าของเขาคนเดียวกักขังหน่วงเหนี่ยวเขาด้วยพันธะทางกาย(แองเจิ้ล)
ชั้นว่าอย่าดีกว่า นายอาจจะโดนเกลียดจริงๆก็ได้นะถ้าทำอย่างนั้น รอยยิ้มสดใสนั่นจะไม่มีให้นายนะ(เดวิล)
ไม่ต้องไปสนใจมัน ทำไปเลย(แองเจิ้ล)
แต่ว่า...(เดวิล)
หุบปากนายไปซะ ทำเลย ตาใจนายอยากจะทำเอาเลย(แองเจิ้ล)
(ตกลงใครเดวิล ใครแองเจิ้ลกันแน่ฟระ)(เดวิลคิด)
ชั้นแค่อยากจะช่วยเท่านั้น
เมื่อได้ข้อสรุปแล้วร่างสูงก็ขึ้นคร่อมทับประกบปากเรียวจูบควานหาความหวานในช่องปาก
"อือ"ร่างข้างใต้รู้สึกถึงความอึดอัดค่อยปรือตาขึ้นมามองเห็นชายหนุ่มกำลังไล้เลียร่างกายตัวเองอยู่ก็ตกใจแต่ไม่มีแรงจะทำอะไรได้แต่สงเสียงห้าม
"นายจะทำอะไร หยุดนะ"เสียงแหบพร่านั่นยิ่งไปกระตุ้นอารมณ์ชายด้านบนเข้าไปอีก
"นายต้องการไม่ใช่หรอ สิ่งที่ชั้นจะหลั่งออกมาหฃังจากนี้ ชั้นช่วยนายนะ"ร่างสูงนำแก่นกายที่ตั้งตระหง่านสั่นระริกด้วยความต้องการจ่อที่ปลายทางรักก่อนจะชะงัก
จะเจ็บรึเปล่านะ...อ๊ะ ทำไมเขาต้องเป็นห่วงด้วยล่ะ
'ลูฟี่ เป็นยาง'
คงไม่เจ็บมั้ง
เมื่อได้คำตอบแล้วร่างสูงก็ทำตามอำเภอใจอีกหลายๆครั้งจนหมดแรง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"แฮ่กๆๆๆ"เสียงหอบของทั้งสองดังประสานกัน
"นายหายแล้ว คงได้น้ำมันใช้ไปทั้งอาทิตย์เลยล่ะมั้งเนี่ย"ร่างสูงกระซิบหยอกล้อ กับร่างข้างใต้ ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ
"บ้าที่สุด ดอฟฟี่ก็"ร่างบางมุดหน้าเข้ากับอกแกร่ง
"นอนเถอะลูฟี่ ชั้นรักนายนะ"ร่างสูงบอกทำเอาร่างบางอึ้งก่อนจะตอบในลำคอ
"อือ"แล้วทั้งคู่ก็หลับไปด้วยกัน
หลังจากทุกคนกลับมาจาก คลับเสร็จก็จะมาดูอาการของลูฟี่ ประตู
บานเล็กๆเปิดออกช้าๆ แม้เป็ระยะทางเพียงสั้นๆแต่หลายคนรู้สึกว่ามัน
ช่างไกลเหลือเกิน ไหนจากประตูห้องไปยังห้องนอนอีก เมื่อประตูห้อง
นอนเปิดออก ทำเอาทุกคนช็อก
"อ้าว ทำความสะอาดเสร็จแล้วหรอ ทางนี้ก็จัดการเรียบร้อยแล้วเหมือน
กัน"โดฟลามิงโก้พูดอย่างล้อเลียน ในขณะที่มือรูดซิบกางเกง ทุกคน
หันไปมองยังร่างบางถึงจะแอบดีใจลึกที่ไม่มีท่าทีซีดเผือดเหมือนเมื่อ
ไม่นานที่ผ่านมา แต่สภาพทีสิ เปลือยอยู่ชัดๆ
"น..น..น..นี่นาย"ลอว์ชี้หน้าโดฟลามิงโก้ด้วยโทสะ
"อ๋อ อยากได้คำอธิบายภาพด้วยงั้นหรอ อืมยังไงดีล่ะ ชั้นได้ช่วยชีวิต
ลูฟี่เอาไว้ด้วยการ...ก็อย่างที่รู้ๆกันแหล่ะ แล้วชั้นก็ได้....ไปเรียบร้อย
แล้ว"โดฟลามิงโฏ้พูดอย่างไม่อายปาก จนหลายคนยืนอ้าปากค้าง
'มันช่างกล้า'
สึนะกับนารูโตะรีบเข้าไปประชิดตัวลูฟี่ดูอาการ ตรวจนู่นนี่
"ชีพจรคงที่ หายใจปกติ ใบหน้ามีสีเลือดแล้วตัวอุ่น ปลอดภัยแล้ว
ล่ะ"นารูโตะพูดอย่างโล่งอก
"แต่ติดตรงที่ มีรอยแดงๆเป็นจ้ำๆไปดดนอะไรมานะ"สึนะสังเกตุดู
แล้วขมวดคิ้ว
"เอ่อ...ชั้นทำให้ดูไหมล่ะกับนายน่ะ"โคโลเนโร่อาสาจะทำให้ดูแต่ถูก
รีบอร์นดึงข้อเสื้อไว้
"อย่าพึ่งหน้าหม้อ เดี๋ยวชั้นดีกว่า"พอรีบอร์นจะออกไปแทนฟงก็ลาก
กับมาพร้อมนำหน้าไปด้วย
"ผมดีกว่าครับ"แต่ทังสามโดนอิจิโกะหยุดเอาไว้
'ช่วย้วยคร๊บ เจ๊เค้าโหด'
"อาเป็นว่ามันไม่เป็นอันตรายอะไรล่ะกันนะ"อิจิโกะว่า
"อ่า ครับ"สึนะขานรับอย่างงงๆ แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ตอนนี้ทุกคนมา
นั่งล้อมเตียงส่วนเสื้อผ้า นารูโตะก็ใส่ให้ลูฟี่แล้วซึ่งเจ้าตัวยังหลับอยู่
"แต่มันน่ามหัศจรรย์มากเลยนะเนี่ย ดูดิ หนังยืดได้ด้วย"อิจิโกะดึง
เนื้อของลูฟี่ยืดออกมาซะยาวแล้วดีดกลับ
"เฮ้ อย่าทำให้มันช้ำไปมากกว่านี้เซ่"ลอว์ประท้วงก่อนจะส่งสายตา
ไม่พอใจไปให้โดฟลามิงโก้ซึ่งกำลังเครียดอยู่กับสายตาปานจะแล่
เขาออกเป็นแผ่นๆของมิฮอว์ค
"เอาช่างเถอะๆ พวกนายไปนอนกันได้แล้ว เดี๋ยวเด็กพวกนี้นอน
เตียงเดียวกับชั้น"อิจิโกะบอกก่อนจะจัดแจงตัวเองเข้าห้องน้ำไป
ทุกคนก็แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะเข้านอนและหลับไป
บางครั้งก็ได้ยินเสียงพึมพำเพราะละเมอของลูฟี่ออกมาว่า
"ชั้นชอบพวกนายชะมัดเลยจะบอกให้ ดูแลน้องๆชั้นให้ดีล่ะ ง่ำๆๆๆๆ เนื้อจ๋าเนื้อ"
...................TBC.
ความคิดเห็น