คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Episode 2 (100%)
“เจ้ามาที่นี่อีกทำไม
ฮวังมิยอง” เสียงทุ้มถามด้วยโทนเสียงนิ่งจนน่ากลัว ราวกับคนที่เกลียดชังกันก็ไม่ปาน ทำให้ร่างเล็กที่ได้ฟังเงียบนิ่งไป รู้สึกใจหาย ที่คนร่างโปร่งไม่ได้มีรอยยิ้มให้ตนเมื่อพบเจอกันเหมือนแต่ก่อน
‘รอยยิ้มนั้นหายไปแล้ว
มีแต่ความเฉยชา’
‘มันก็คงไม่ใช่ความผิดของเจ้า ที่จะเฉยชาต่อข้า
เพราะถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงจะเกลียดคนที่ทำร้ายข้าเหมือนกัน’ ร่างเล็กได้แต่นิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถามที่ร่างโปร่งได้เอ่ย ทำให้คนร่างโปร่งรู้สึกโกรธอย่างมาก
“ทำไม ..ทำไมรึ พอเจ้าได้คนที่รวยกว่า ดีกว่า เพียบพร้อมกว่าข้า เจ้าก็ไม่คิดจะเหลียวแล หรือแม้แต่เอ่ยปากพูดอะไรสักคำกับคนต่ำๆอย่างข้า อย่างนั้นใช่หรือไม่ !...” ร่างโปร่งตะโกนใส่อย่างเหลืออด แต่ร่างบางก็ยังคงเงียบต่อไป
‘พอเถอะ ..พอทีแทยอน เพียงแค่นี้ ข้าก็รู้สึกผิด จนพูดกล่าวอะไรไม่ออกอีกแล้ว เจ้าอย่าทำให้ข้าเป็นคนเลวไปมากกว่านี้เลย’
“ตอบข้ามาสิ มิยอง ! ตอบข้าสิ” ร่างโปร่งเขย่าตัวร่างเล็ก คนร่างเล็กกระชากมือของคนร่างโปร่งออกอย่างรุนแรง พร้อมมองหน้าคนร่างโปร่งด้วยสายตาเย็นชา เหยียดหยาม
“ข้าไม่ใช่ฮวัง มิยองของเจ้าอีกต่อไปแล้ว ! เลิกพูดไร้สาระเสียที !” ร่างเล็กหันหลังให้ร่างโปร่ง เพราะน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า
ไม่อยากให้เห็น ไม่อยากให้ร่างโปร่งเห็นเลย ว่าตนเองกำลังอ่อนแอ
“เจ้า
” ร่างโปร่งอึ้งกับการกระทำของร่างเล็ก เข้าใจไปต่างๆนานา ว่าคนร่างเล็กรังเกียจตน
“เจ้ายังไม่ลืมใช่ไหม เจ้ายังจำได้ เจ้าแค่แกล้งทำไปอย่างนั้น เจ้ามีเหตุผลที่ต้องไปแต่งงานกับชายผู้นั้น แต่เจ้ายังรักข้าอยู่ใช่ไหม ใช่ไหม ..ฮือ ..ตอบข้าสิ”ร่างโปร่งเริ่มฟูมฟาย ปล่อยความอ่อนแอที่เก็บงำไว้มานานด้วยความเสียใจ ฝ่ายร่างเล็กอึ้งเงียบ น้ำตาไหลออกอย่างไม่ขาดสาย รู้สึกผิดต่อร่างโปร่งเหลือเกิน
“เลิกหลอกตัวเองเสียที ข้าไม่ได้รักเจ้าแล้ว ข้าลืมไปหมดแล้ว ข้าแต่งงานกับเขาเพราะข้ารักเขา ไม่ใช่เจ้า!”
ร่างเล็กเอ่ยทั้งน้ำตา ไม่หันไปสบตาพบหน้าร่างโปร่งแม้แต่น้อย กลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้ร่างโปร่งรับรู้ พร้อมเดินจากไปอย่างช้าๆ ทิ้งให้ร่างโปร่งผู้เคยเข้มแข็งหลั่งน้ำตาอย่างไม่ขาดสาย
‘เจ้าไม่รักข้าแล้ว
เจ้าไม่รักข้าแล้ว มิยอง’
‘ข้ารักเจ้าเสมอ
ข้าไม่เคยลืมเจ้าได้เลย ข้าขอโทษ ข้าขอโทษจริงๆแทยอน’
ตู้ม !!!!
เสียงน้ำกระจายอย่างรุนแรง จนทำให้ร่างเล็กตกใจจนรีบวิ่งไปที่บึงน้ำทันที
ร่างเล็กก้มดูในบึงน้ำ ก็พบเห็นร่างโปร่งอยู่ในน้ำเสียแล้ว ร่างเล็กตกใจมากแต่ก็ตั้งสติ รีบกระโดดลงบึงน้ำ และช่วยคนร่างโปร่งขึ้นมาจากน้ำทันที การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากคนร่างโปร่งตัวใหญ่กว่ามาก แต่ก็สามารถประคองขึ้นมาจากบึงน้ำได้ ตอนนี้คนร่างโปร่งหมดสติไปแล้ว เนื้อตัวเปียกชุ่มไปหมด ร่างเล็กจึงพยุงคนร่างโปร่งขึ้นบกทันที พร้อมตบเบาๆที่หน้าสองสามครั้ง เพื่อให้ร่างโปร่งได้สติ
“ฮือ
ฟื้นสิแทยอน ฮือ ๆ ฟื้นสิ เจ้ามันบ้าจริงๆ”ร่างเล็กร่ำไห้อย่างหนัก กลัวเหลือเกิน ว่าร่างโปร่งจะเป็นอะไรไป ถ้าร่างโปร่งเป็นอะไรไป จะไม่ยอมให้อภัยตนเองเลย ที่พูดจาทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัส แบบนั้น
ร่างโปร่งก็ไม่ได้สติเลยแม้แต่น้อย ร่างเล็กพยายามทุกอย่าง เพื่อเรียกสติคนร่างโปร่ง แต่ก็ต้องหมดหวัง เพราะร่างโปร่งไม่ได้สติเลย
“แล้วข้าจะทำเช่นไรเล่า” หมดทุกวิธีแล้ว ก็ยังไม่ฟื้น
ไม่ฟื้นเสียที
อยู่ๆพลันนึกไปสมัยตนเองยังเด็ก ที่คุณครูสอนไว้
‘เขาบอกว่าให้ผายปอด...’
“หวา
ไม่เอาหรอก” ร่างเล็กนึกเขินอายขึ้นมาทันที แค่จับเนื้อต้องตัวขนาดนี้ก็อายจะแย่แล้ว ถึงแม้ในอดีตจะเคยกอด หรือแม้แต่จูบแล้ว ก็ยังไม่ชินอยู่ดี
แต่ถ้ามัวอายต่อไป แทยอนแย่แน่ๆ อีกอย่าง ร่างโปร่งหมดสติขนาดนี้
‘จะรู้ได้อย่างไรเล่า ว่าข้าทำอะไรลงไป’
ทันใด ก็รวบรวมความกล้า ร่างเล็กค่อยๆจับคางของร่างโปร่งเบาๆเพื่อให้ริมฝีปากอ้าออก ร่างเล็กค่อยๆนำริมฝีปากของตนครอบลงบนริมฝีปากของร่างโปร่งเบาๆ ก่อนจะเป่าลมหายใจลงไป เพื่อให้ร่างโปร่งคืนสติ
“แค่กๆๆ อื้ม แค่กๆ
” ร่างโปร่งสำลักน้ำออกมาอย่างมาก ร่างเล็กรีบเงยหน้าขึ้นทันที ใบหน้าแดงก่ำ เช็ดริมฝีปากตนเองเบาๆไปมา อย่างเขินอาย “นี่ข้าทำอะไรลงไปนี่
”
และแล้วมันมาอีกแล้ว
ความรู้สึกเมื่อครั้งวันวาน
ที่ร่างเล็กไม่เคยลืมเลยแม้แต่น้อย
‘มิยอง คิดถึงเจ้าจริงๆ’ ‘คิดถึงรึ ข้าไม่เชื่อหรอก’
‘ได้ งั้นข้าจะจูบเจ้าให้รู้กันไปเลย ว่าข้าคิดถึงเจ้าเพียงไหน มามะๆ ฮ่าๆ’
‘บ้าน่า อย่านะ อุ้บ ! อื้มมม
แฮ่กๆ โอ้ย ! เจ้านี่มันทะลึ่งที่สุดเลย นี่ๆๆ’ ‘ฮ่าๆ อย่าตีสิ ฮ่าๆ ข้าเจ็บนะ~’
“โอ่ย
แค่กๆๆๆ อืม แค่กๆๆ” เสียงจามของร่างโปร่งทำให้ร่างเล็กตื่นจากภวังค์ความคิดในอดีต หันไปมองร่างโปร่งที่จามแล้วจามอีกจากการสำลักน้ำ ใบหน้าซีดเซียวไปหมด
“แทยอน แทยอน
เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ร่างเล็กประคองร่างโปร่งขึ้น
ร่างโปร่งค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นร่างเล็กประคองกายของตนอยู่ จึงค่อยๆลุกขึ้น ร่างเล็กช่วยประคองร่างโปร่งอย่างอ่อนโยน เบามือ
ร่างโปร่งมองไปที่ใบหน้าของร่างเล็ก ก็สามารถรับรู้ทันที ว่าร่างเล็กเป็นคนช่วยตนเอาไว้ เพราะใบหน้าที่เปียกชุ่ม เส้นผมที่ถูกดัดลอนเป็นทรงลู่ตามใบหน้า เสื้อผ้าอันงดงามที่ร่างเล็กสวมใส่เปียกโชกไปหมด
“แค่กๆ
” ร่างโปร่งสำลักเล็กน้อย ร่างกายตอนนี้ช่างอ่อนล้า แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้
มันยังรู้สึกดีใจ ดีใจจริงๆ ที่ร่างเล็กยังช่วยเหลือตน
ร่างเล็กค่อยๆลูบหลังร่างโปร่งที่กำลังจามเบาๆอย่างเป็นห่วงและ อ่อนโยน
ร่างโปร่งค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมองหน้าร่างเล็กช้าๆ ก่อนจะหลบตาลง แล้วเอ่ยถามอย่างประชดประชัน
“เจ้ามาช่วยข้าทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้ข้าตายๆไป”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าข้าช่วยเจ้าไว้ทำไม น่าจะปล่อยให้ตายๆซะก็ดี” ร่างเล็กเอ่ยประชดซ้ำ เบี่ยงใบหน้างามไปทางอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการสบสายตา
“
” ทั้งคู่เงียบเป็นเวลาสักพัก ต่างฝ่ายต่างคิดนู้นคิดนี่ไปเรื่อยๆ สถานการณ์ที่อึมครึม และเงียบงัน จิตใจของทั้งคู่เต้นโครมครามโดยไม่รู้สาเหตุของมัน
“ใช่! เอ่อ ใช่ ๆ ข้าต้องไปแล้ว เจ้าอย่า
เอ่อ อย่าทำอะไรแบบนี้อีกนะ เจ้าสัญญาได้หรือไม่” ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง ลุกขึ้นยืนอย่างลุกลี้ลุกลน
“เจ้าจะห้ามข้าทำไม ข้าจะไปฆ่าตัวตายที่ไหน จะอยู่หรือตายก็เรื่องของข้า” ร่างโปร่งประชดประชันอีกครั้ง สร้างความไม่พอใจให้กับร่างเล็กอย่างมาก อุตส่าห์มาช่วยแท้ๆ แต่ร่างโปร่งกับพูดเช่นนี้ มันน่าน้อยใจนัก
“อืม ใช่ มันเป็นเรื่องของเจ้า ข้าจะไม่มายุ่งให้รำคาญอีก !” ร่างเล็กเอ่ยอย่างน้อยใจ แล้วรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ร่างโปร่งนั่งอยู่ที่เดิม เนื้อตัวยังเปียกชุ่ม แอบยิ้มบางๆ กับตนเองเล็กน้อย
ยอมรับเลย
ว่ารู้สึกดีใจ ที่ร่างเล็กช่วยตน เอาไว้ แต่ใจหนึ่งก็รู้สึกเจ็บซ้ำเจ็บซาก เมื่อนึกหวนไป สิ่งที่ร่างเล็กได้พูดกับตนไว้อย่างแข็งกร้าว สายตาที่เหยียดหยาม
เขาไม่รักเราแล้ว
เขามาช่วยก็เพราะแค่จิตสำนึก ไม่ได้ช่วยเพราะความรัก
“แล้วอย่างนี้ จะช่วยข้าทำไม ปล่อยให้ข้าตายๆไปเสียดีกว่า
”
แค่เขาบอกว่าไม่รักก็เจ็บพอ
ยังจะอ่อนแอให้เขาเห็นอีก ศักดิ์ศรีไปไหนกันหมด
“ถ้าข้ามีชีวิตอยู่ ข้าไม่อาจรับได้เลย ที่ต้องเห็นเจ้ารักใคร่กับคนอื่น เป็นเพราะเขา จึงทำให้เจ้าเปลี่ยนไป”
“ข้าทนไม่ได้
ข้าอยากจะแย่งเจ้ากลับคืนมา ข้าอยากจะแย่งเจ้ามา เหมือนที่เขาแย่งเจ้าไปจากข้า!”
---------------------------------50% นะคะ เดี๋ยวมาอัพ YULSIC ต่อ---------------------------------------------
ต่อๆๆๆๆ
ณ พระราชวังที่ประทับของราชวงศ์ ควอนนัมพยอล
เจ้าหญิงเจสสิก้าและนางข้าหลวงได้ช่วยกันนำข้าวของส่วนตัวของเจ้าหญิงเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ร่างบางกล่าวขอบใจนางข้าหลวงอย่างเป็นมิตร ก่อนจะนั่งพักเหนื่อย และเดินชมข้าวของตกแต่งที่ดูแปลกตาภายในห้อง
“สวยจังเลย
หืม !~ สวยจังเลย ~”ร่างบางของเจ้าหญิงเจสสิก้าวิ่งไปวิ่งมาเพื่อสำรวจข้าวของตกแต่งภายในห้องประทับของตนเองอย่างน่าเอ็นดู
ใครได้มาเห็นเข้า ก็คงต้องไม่อาจละสายตาได้แน่ๆ
ใบหน้างดงามยิ้มอย่างตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกาย
ช่างเป็นเจ้าหญิงที่ไร้เดียงและอ่อนโยน
“เอ
วันนี้ตอนค่ำมีงานเลี้ยงต้อนรับข้านี่
แล้วข้าจะใส่ชุดอะไรดี
ไหนดูซิ” ร่างบางคว้าชายกระโปรงแล้ววิ่งไปยังตู้เสื้อผ้าของตน คว้าชุดออกมาหลายชุด นำมาเทียบกับตนเองอย่างเพลิดเพลิน
เหมือนว่าร่างบางจะเพลิดเพลิน
เพลิดเพลินเกินไป จนไม่รู้ว่าใครเข้ามาในห้องของตน
“อืม
ชุดไหนดีนะ ~” ร่างบางพึมพำ
“เอาชุดด้านซ้ายมือของเจ้า สวยดี” เสียงปริศนาดังขึ้น แต่ร่างบางก็ไม่สนใจ
“งั้นหรือ
ข้าก็ว่าอยู่ มันดูสง่าดี” หนำซ้ำ เพลินจนโต้ตอบเสียงปริศนาไปอย่างไม่คิดสงสัย
“อืมใช่ ชุดนั้นนี่แหละ ดูเหมาะกับเจ้า” ผู้ส่งเสียงปริศนาอมยิ้มเล็กน้อย กอดอก แล้วรอบมองร่างบาง
“แน่ใจรึว่าชุดนี้สวยสุดแล้ว”ร่างบางถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ
“แน่สิ ชุดนี้แหละ เชื่อข้า” เสียงปริศนาตอบ
“แน่นะ”ร่างบางย้ำ
“แน่สิ !” คนปริศนาผู้นั้นแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“อืม งั้นข้าเชื่อเจ้า เอาชุดนี้ ขอบใจเจ้านะที่ช่วยนึก
เอ๊ะ
ว้าย !!!! นั่นใครน่ะ !!??” ร่างบางเพิ่งจะรู้ตัว ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น แล้วหันไปดูต้นตอเสียงทันที
“ฮะๆๆๆ ข้าเอง ตกใจรึ” เจ้าของเสียงปริศนา ก็คือ “เจ้าหญิงยูริ” นั่นเอง ฝ่ายร่างสูงนั้นยังหัวเราะ ส่วนฝ่ายร่างบางนั้นทั้งโมโห ทั้งอาย ก้มหน้างุดๆทำสายตาค้อนไปมา
“เจ้านี่มัน
เข้ามาในห้องข้ามีธุระอันใด ! หนำซ้ำ ไม่ยอมบอกข้าก่อน เอะอะก็เข้ามา !” ร่างบางไม่ยอมหยุดว่าร่างสูง บ่นพึมพัมๆอย่างหงุดหงิด
“โถ ใครบอกว่าข้าไม่บอกเจ้า เรายืนคุยด้วยกันตั้งนานสองนาน เจ้าเองต่างหากที่ไม่รู้ตัว”ร่างสูงเถียงหน้าตาเฉย ร่างบางแทบจะลุกขึ้นแล้ววิ่งไปตีเจ้าคนนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอด
“เจ้ามีเหตุอันใดถึงเข้ามาในห้องข้า !!!!“ ร่างบางตะโกนใส่ร่างสูงเสียงดัง
“ก็เปล่า แค่มาบอกให้เจ้ารีบเตรียมตัว อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงงานเลี้ยงต้อนรับเจ้าแล้ว หากเจ้าแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ ก็นั่งรอในห้องไป เดี๋ยวจะมีนางข้าหลวงมาเรียก ข้าไปล่ะ ยัยบ้า !”ร่างสูงยิ้มทะเล้นใส่
“ฮึ่ย
!” ร่างบางหงุดหงิด กระฟัดกระเฟียดไปมาด้วยความโมโห ที่ร่างสูงคอยมากวนอารมณ์อยู่เรื่อย
“ข้าไม่ส่งไม่ใส่มันแล้ว ชุดนี้ !” ร่างบางปาชุดสวยลงพื้น ก่อนจะทำหน้างอหงิก
.
แต่แล้วสุดท้ายก็
“ใส่ก็ได้ ! เห็นว่ามันสวยหรอกนะ ไม่ใช่เพราะเจ้าบอกแต่อย่างใด หึ
” ร่างบางค่อยๆวิ่งมาหยิบชุดสวย ก่อนจะรีบสวมใส่มันทันที ร่างบางค่อยบรรจงหวีผมสวยสีทอง ประทินโฉมด้วยเครื่องสำอางที่ทำจากสมุนไพรโบราณและ
สีจากดอกไม้
........
ก๊อกๆๆ
“ถึงเพลาแล้วเพคะเจ้าหญิง” นางข้าหลวงมาเคาะประตูเพื่อบอกกล่าวว่าถึงเวลางานเลี้ยง
“อืม ข้าเสร็จแล้ว รอประเดี๋ยว” ร่างบางเอ่ยไป ก่อนส่องกระจกดูตนเองอีกครั้ง
ผมยาวสลวยสีทองอร่ามถูกรวบขึ้นสูงเป็นมวย ปอยผมลู่หล่นพองาม สวมใส่มงกุฎเพชรอันไม่ใหญ่มาก เครื่องประดับดูเข้ากันไปหมด สุดเกาะอกสีน้ำเงินเข้มดูขับผิวร่างบางให้งามยิ่งขึ้น กระโปรงไม่บานมากจนเกินไป แต่ลากยาว ดูสง่างาม ทุกอย่างดูสวยงามไปหมด
ร่างบางค่อยๆก้าวออกจากห้อง นางข้าหลวงเห็นก็ถึงกับตะลึงงัน
“สวยจริงๆเพคะ” นางข้าหลวงยิ้มชม “จริงรึ” ร่างบางย้ำอีกที พร้อมยิ้มตอบ
“เพคะ” นางข้าหลวงกล่าวอย่างเอ็นดู ก่อนจะพาเจ้าหญิงลงไปสู่งานเลี้ยงที่ห้องโถง
..
.
ฝ่ายร่างสูงได้อยู่ในห้องโถงแล้ว ร่างสูงนั้นดูสง่าราวชายชาตรีเลยก็ว่าได้ ร่างสูงสวมใส่ชุดฮันบกสีทองแบบเต็มยศด้วยท่าทางของร่างสูงที่เหมือนชายชาตรี ทำให้จิตใจของบรรดานางระบำทั้งหลายเต้นอย่างรุนแรง
“นั่นเจ้าหญิงยูริใช่หรือไม่ ดูสง่ายิ่งกว่าชายชาตรีเสียอีก” “ใช่ ข้าจิตใจมิอยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้วสิ”
ฝ่ายร่างสูงไม่สนใจเสียงพูดของใครทั้งนั้น เพียงแต่มองหาร่างบางของตนเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ชักช้าจริง ทำไมยังไม่มาอีก”ร่างสูงบ่นพึมพำ
“เจ้าหญิงเจสสิก้า เสด็จ !” ขุนนางผู้หนึ่งประกาศเสียงดัง ทุกสายตาหันไปจับจ้องร่างบาง โดยเฉพาะร่างสูงที่หันไปอย่างรวดเร็ว
เพียงก้าวเดียวเท่านั้น บรรดาผู้คนต่างเงียบสงัด เหมือนต้องมนตร์สะกดของร่างบางเสียแล้ว
ร่างบางดูสง่างามเหลือเกิน จนร่างสูงมองตาไม่กระพิบ ฝ่ายร่างบางเดินอย่างสง่างามต่อไปเพื่อเข้าไปยังงานเลี้ยง สายตาหวานใสแอบเหลือบมองร่างสูงบางครั้งคราว ก่อนร่างบางจะย่อทำความเคารพพระราชาและพระราชินี จากนั้น ร่างบางจึงไปนั่งประจำที่ของตนเองซึ่งอยู่ติดกับร่างสูง
ร่างสูงมองร่างบางไม่ยอมหยุด ร่างบางรู้ตัวจึงหันไปค้อนใส่ร่างสูง ร่างสูงจึงแอบแลบลิ้นใส่ไปหนึ่งที สร้างความหงุดหงิดแก่ร่างบางอีกครั้ง
การแสดงต่างๆเริ่มขึ้น เหล่าบรรดานางระบำฟ้อนรำกันอย่างงดงาม ดนตรีบรรเลงอย่างไพเราะ ทุกคนต่างให้ความสนใจที่การแสดง แต่ร่างสูงเปล่าเลย สนใจแต่ร่างบางเพียงเท่านั้น
ไม่รู้เพราะเหตุอะไร ถึงคนร่างบางคนนี้ถึงทำให้ร่างสูงเคลิบเคลิ้มได้ถึงขนาดนี้
เพราะดวงหน้าที่สวยงามนั่นหรือ
เพราะดวงตาที่หวานฉ่ำนั่นหรือ
เพราะผิวพรรณนวลงาม หรือ รูปร่างแสนอรชร
ตอนนี้ร่างสูงไม่ใส่ใจเหตุผลใดๆ ได้แต่แอบมองและเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเท่านั้น
..................
..........
....
"ยูริ ...ยูริ ยูริ!" ร่างสูงสะดุ้ง
"ตะโกนทำไมเล่า มีอะไร" ร่างสูงตอบร่างบาง
"ก็เจ้าเล่นมองหน้าข้าไม่หยุด มีอะไรติดหน้าข้ารึ" ร่างบางถาม
"เปล่า ข้าไม่ได้มองเจ้า ข้ามองอาหารที่กำลังจะนำมาถวายต่างหากเล่า ข้าหิวชะมัด"ร่างสูงกล่าวพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปทางพระกระยาหารที่จัดเตรียมถวาย ร่างบางหันไปมองแล้วพยักหน้าเออ ออตามร่างสูง
'เชื่อด้วย เจ้านี่มันไร้เดียงสาจริงๆ'ร่างสูงคิดและรอบหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะวางมาดขรึมอีกครั้ง
"แต่เมื่อครู่ เจ้าเรียกข้าว่ายูริเฉยๆอีกแล้ว เจ้าบังอาจอีกแล้วนะ" ร่างสูงแกล้งพูดขู่ร่างบางเบาๆ
"ข้าขอโทษๆ" ร่างบางกล่าวด้วยน้ำเสียงแบบจำใจ ส่วนร่างสูงก็ทำเมินเฉย แต่สายตาก็แอบรอบมองร่างบางอยู่ตลอด
'คนอะไร ถือตัวจริงๆ'
พอการแสดงจบลง ทุกคนต่างปรบมือชื่นชม และมีการนำอาหารมาแจกจ่ายแก่นางข้าหลวง ขุนนาง ทหาร และนางระบำ และนำพระกระยาหารที่ถูกเตรียมไว้โดยเฉพาะมาถวายแก่กษัตริย์
ร่างสูงก็ลงมือกับอาหารทันที แล้วมองไปที่ร่างบางที่จ้องตนเองอยู่ ด้วยสีหน้าเหมือนเด็กๆ จึงหลุดขำออกมาแล้วถามร่างบาง "ทำไมเจ้าไม่กินล่ะ จ้องข้าอยู่ได้ ทีนี้เจ้านั่นแหละที่จ้องข้า ไม่ใช่ข้าจ้องเจ้า"
"เปล่า ก็...ก็ข้าไม่รู้ว่าไอนี่มันใช้อย่างไร" ร่างบางเอ่ยพร้อมยื่นตะเกียบขึ้นมา
"งั้นข้าก็ไม่บอกเจ้า" ร่างสูงแกล้งร่างบาง พร้อมทำท่าทีไม่สนใจ ใยดี ร่างบางเบะหน้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ก่อนจะพยายามพูดออดอ้อนร่างสูง
"เจ้าอย่าทำเยี่ยงนี้สิ ข้าหิวจะแย่" ร่างบางตีแขนร่างสูงเบาๆ ร่างสูงไม่สนใจ ตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับอาหารต่อไป ร่างบางจึงพยายามคีบอาหารตามที่ร่างสูงทำ แต่ก็ไม่สำเร็จ
"ช่วยข้าหน่อยเถิด นะ ๆๆ" ร่างบางตีแขนร่างสูงไปด้วย ร่างสูงได้ทีจึงแกล้งร่างบางทันที
"โอ้ย ข้าเจ็บนะ กะจะสอนเจ้าสักหน่อย แต่ในเมื่อเจ้าตีข้าเจ็บแบบนี้ ข้าก็ไม่สอน ข้าโกรธเจ้า !"
ร่างบางตกอกตกใจ ขอโทษขอโพยร่างสูงใหญ่ แต่ร่างสูงก็ทำไม่สนใจ ร่างบางจนปัญญา จึงนั่งใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวเล่นไปเรื่อยๆ
"เอาล่ะ ข้าจะปิดงานแล้ว ทุกคนอิ่มกันแล้วหรือยัง"
"พะย่ะค่ะ/เพคะ"
เมื่อร่างบางได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะยังไม่มีอะไรตกลงถึงท้องของตนเลย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปได้แต่พึมพำกับตนเอง
"แล้วข้าจะทำอย่างไรดี ข้าหิวจะแย่แล้ว" ร่างบางพูดพึมพำในลำคอ
ร่างสูงตกใจเล็กน้อย เนื่องจากต้องให้ร่างบางง้อตนเท่านั้น แต่ร่างบางไม่ยอมง้อตนต่อ ตนจึงไม่ยอมสอน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะแกล้งจนถึงขนาดให้ร่างบางไม่ได้กินข้าวหรอกนะ
สุดแท้แต่ร่างสูงยังคงวางมาดนิ่งต่อไป ทำเป็นไม่สนใจร่างบาง
'เจ้าผิดเองนะ ก็ถ้าเจ้าง้อข้าอีกรอบสองรอบ ข้าก็จะสอนเจ้า'
'ใจร้ายเสียจริง ข้าเผลอตีแรงไปนิดหน่อยเท่านั้น ก็ไม่ยอมสอนข้าเลย หิวจริงๆ ข้าหิวมากเลย~'
เม้นต์กันด้วยนะ เราขอวิงวอน 555 จบแล้วสำหรับตอนนี้ เม้นต์ ติชม ได้จ้า
ตอนต่อไปเริ่มเข้มข้นกว่าเดิมแล้วน๊าา 555
ติดตามด้วยนะคะ ^^
ความคิดเห็น