คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คุณขนมหวานอาหย่อย
| ||||
| ||||
Name : ขนมหวานอาหย่อย< My.iD > [ IP : 58.9.185.207 ] |
ตรงที่ขอให้อ่านและติชมนั้น เป็นส่วนรับผิดชอบของรับสับและวิจารณ์นิยายค่ะ
ถ้าอยากให้อ่านและติชมนิยายให้ ขอให้เข้าไปที่บทความรับสับและวิจารณ์นิยายของทางHHค่ะ
ส่วนในเรื่องที่เธอถามมาเรื่องการบรรยายนั้น เราขอออกตัวก่อนนะว่าเราเองก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมาย ไม่ได้เป็นนักเขียนฝีมือระดับเทพ จึงขอใช้ประะสบการณ์ที่ผ่านมาในการตอบเธอนะ
สำหรับการบรรยาย มันจะมีทั้งบรรยายฉาก บรรยายตัวละคร และอื่นๆ ที่เธอถามมานั้น เราเข้าใจว่าคงหมายถึงการบรรยายตัวละคร
--------------------------------------------
คำแนะนำแรกของเราคือ อ่านเยอะๆ
อ่านเยอะๆ ในที่นี้หมายถึงอ่าน "หนังสือ" เยอะๆ หนังสือทั้งที่คนไทยเขียน และหนังสือที่แปลมาจากภาษาต่างประเทศ ซึ่งหนังสือพวกนี้จะมาบทบรรยายดีๆให้เราได้ลองชิมและศึกษาเยอะมาก ยิ่งเราได้อ่านเยอะเท่าไหร่ เราจะยิ่งซึมซับมาได้ว่า อืม...ตรงนี้สามารถใช้มุมมองแบบนี้ในการเขียนได้ และการได้เห็นการเขียนที่นักเขียนที่น่านับถือท่านเขียนกันนั้นจะเป็นการเปิดโลกทัศน์เกี่ยวกับการเขียนได้เยอะขึ้นค่ะ
ถ้าหากหาหนังสืออ่านไม่ค่อยได้ (ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้น่าจะไม่มีปัญหา ที่บ้านก็คงมีหนังสืออยู่บ้าง ถ้าขาดแคลนทุนทรัพย์ก็ลองไปที่ห้องสมุดของรร.เวลาเปิดเทอมดูนะ ^^) ก็ลองหานิยายดีๆ อ่านตามเวบไซต์ เดี๋ยวนี้เด็กๆแต่งนิยายเยอะ ลองใช้วิจารณาญาณหานิยายที่ภาษาดีๆอ่านเพื่อจะได้มีแบบอย่างที่ดีนะคะ
พออ่านแล้วก็พิจาณางานเขียนเหล่านั้นดูว่า ของเขาสามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้ยังไง และเราก็ลองทำตามนั้นดู
----------------------------------------------
คำแนะนำที่สองคือ เขียนออกมาให้ชัดๆ
ระหว่างที่เขียน ลองคิดดูให้ชัดๆ ว่าตัวละครกำลังรู้สึกยังไง แล้วก็ลองเขียนออกมาค่ะ เขียนออกมาตรงๆเลย
อย่างเช่นเวลาที่ตัวละครพูด
"ฉันไม่รู้ว่าทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้"
มีนาพูด
"ก็เพราะเธอนั่นแหละ เรื่องมันถึงได้วุ่นวายอย่างนี้"
คริสตอบกลับยิ้มๆ ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบแล้วพูดต่อ
"เธอจงรับกรรมที่ตัวเองก่อไปเถอะ มีนา"
++++
อืม...อ่านดูแล้วไม่ค่อยเข้าใจใช้ไหมคะ มีนารู้สึกยังไงกันแน่ โกรธ สับสน ผิดหวัง กลัว แปลกใจ?
แล้วทำไมคริสต้องยิ้ม เวลานี้มันควรจะยิ้มมั้ยเนี่ย คริสเมากาแฟรึเปล่า?
++++
งั้นถ้าแบบนี้ล่ะคะ เขียนความรู้สึกของมีนาออกมาตรงๆเลย และบรรยายรอยยิ้มและวิธีการพูดให้มากกว่านี้ว่าคริสเป็นยิ้มเพื่อจุดประสงค์อะไรกันแน่
++++
"ฉันไม่รู้ว่าทำไมเรื่องมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้"
มีนาพูดด้วยอารมณ์สับสน
"ก็เพราะเธอนั่นแหละ เรื่องมันถึงได้วุ่นวายอย่างนี้"
คริสตอบกลับด้วยรอยยิ้มเย็นชา ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นจิบแล้วพูดต่อด้วยเสียงราบเรียบว่า
"เธอจงรับกรรมที่ตัวเองก่อไปเถอะ มีนา"
++++
ความรู้สึกของตัวละครออกมาชัดเจนขึ้นไหมคะ
วิธีการบรรยายสามารถบรรยายออกมาได้หลายทางค่ะ
---ทางสีหน้า ตัวละครทำหน้าแบบไหนจณะที่กระทำกิริยาอย่างหนึ่งเช่น
สีหน้าของเขานั้นเต็มไปความหวาดกลัว หรือ ใบหน้าของเขาในยามนี้เคลือบไว้ด้วยความวิกลจริตที่แลดูน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก หรือ รอยยิ้มแห่งความสุขระบายเต็มใบหน้าของเด็กสาว เป็นดวงหน้าที่สวยงามกว่าที่เขาเคยเห็นในครั้งไหนๆ ฯลฯ
---ทางแววตา อันนี้เข้าใจได้ง่ายเลยค่ะ เช่น
ดวงตาสีฟ้าอมเขียวยามนี้ กลับคลอไปด้วยน้ำตาที่เขาไม่อยากเห็น หรือ แววตาที่ซ่อนไว้ใต้กรอบแว่นนั้นแลดูอันตรายอย่างบอกไม่ถูก หรือ เขายิ้ม... ยิ้มทั้งที่แววตาเศร้า เหงา... ฯลฯ
---บรรยายรอยยิ้มแบบต่างๆ ตัวละครยิ้มแบบไหนอยู่คะ ยิ้มเย็นชา ยิ้มดีใจ ยิ้มขอบคุณ ยิ้มเพื่อกลบความรู้สึกเศร้าเอาไว้ ยิ้มแบบเหยียดหยาม ยกมุมปากขึ้นอย่างเหยียดๆ ยิ้มกริ่ม ฯลฯ
---น้ำเสียงและวิธีการพูด เช่น น้ำเสียงนั้นแฝงร่องรอยของความโกรธเอาไว้ หรือ น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไว้ด้วยความห่างเหิน หรือ น้ำเสียงเจ็บปวด
---กิริยาท่าทาง เช่น กลัวจนตัวสั่น หรือ หัวเราะจนตัวโยน อันนี้จะบอกความรู้สึกของตัวละครออกมาโดยที่ผู้อ่านเห็นภาพได้ง่ายค่ะ
อีกนิดกับการใส่คำขยายลงในกิริยาท่าทาง
สิ่งที่สำคัญในการเขียนลงไปให้ชัดๆคือคำวิเศษณ์
ลองอ่านหนังสือเยอะๆ จดจำวิเศษณ์แบบต่างๆที่น่าสนใจและเอามาปรับใช้ในนิยายของเราในสถานการณ์ต่างๆ ยิ้ม ยิ้มแบบไหน หัวเราะ หัวเราะแบบไหน ร้องไห้ ร้องไห้แบบไหนตัวอย่างด้านบนนี้ก็มีคำวิเศษณ์ที่น่าสนใจอยู่แล้วส่วนหนึ่งค่ะ
ลองศึกษาเยอะๆดูนะคะ อย่าลืมข้อหนึ่ง อ่านเยอะๆค่ะ
----------------------------------------------
คำแนะนำสุดท้ายของเราคือ ฝึกเขียนให้มากๆ ยังมีอีกหลายมุมมองให้เขียนเพื่อบอกว่าตัวละครรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่แค่การเพิ่มวิเศษณ์ แต่ยังมี
---การเพิ่มประโยค วลี หรือแม้แต่ย่อหน้าลงไป จะยาวสั้นแค่ไหน แล้วแต่ว่าเนื้อหาในตอนนั้นอยู่ในอารมณ์ใด
เช่นว่าเราต้องการสื่อว่าตัวละคร "สำนึกผิด" ถ้าเขียนแบบนี้
เขาสำนึกผิด
แหม รู้อยู่แล้วล่ะว่าไม่มีใครทำแบบนี้หรอก แค่เอามาให้เห็นกันชัดๆว่า เขียนโต้งๆไป กร่อยแน่... ลองเพิ่มการบรรยายเข้าไปอีกตามแต่อารมณ์ที่ต้องการสื่อออกไปในตอนนั้นสิคะ เช่น สำนึกผิดแล้วรู้สึกยังไง อยากทำอะไรต่อไป ฯลฯ ตัวอย่างนะคะ
++++
ชายหนุ่มนั่งลงตรงมุมหนึ่งของห้อง ยกมือขึ้นปิดหน้าอย่างสับสนและปวดใจยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้ ไม่เคยเข้าใจว่าอะไรคือความหมายของคำว่า "สำนึกผิด" จงถึงบัดนี้ เมื่อความรู้สึกดังกล่าวเข้ามาครอบงำในหัวใจ เขาจึงได้รู้ความหมายของมัน
ตอนนี้หัวของเขามันปวดร้าวเหมือนจะแยกออกจากกัน ร่างกายของเขามันหนักอึ้งไปหมด ส่วนหัวใจของเขารู้สึกถึงความผิดบาปของตน
ความำสนึกผิด มันทำให้เขาเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้เชียวรึ ความตระหนักในความผิดบาปนั้นดูราวกับเป็นความรู้สึกที่ควรได้รับการให้อภัย แต่ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ การสำนึกต่อบาปมันช่างดูราวกับการลงโทษจากพระผู้เป็นเจ้าเสียเหลือเกิน
ถ้าทำได้...เขาอยากย้อนเวลาไปแก้ไขมันอีกครั้ง แต่เขารู้ดีว่า
เวลา...ไม่เคยย้อนคืน
++++
---การบรรยายโดยไม่ต้องบอกตรงๆ
อะไรกัน เดี๋ยวบอกให้เขียนชัดๆ เดี๋ยวบอกไม่ต้องตรงๆ ใจร่มๆก่อนค่ะ คือ เราจะบอกว่าวิธีการบรรยายมันไม่ต้องใส่คำๆนั้นลงไปตรงๆก็ได้ค่ะ บางครั้งการใส่คำลงไปตรงๆอาจบรรยายอารมณ์ของตัวละครได้ไม่ "ถึง" พอ วิธีการแก้ไขก็คือการใส่คำเพิ่ม เติมประโยค แต่งเนื้อความอารมณ์ท่าทางเข้าไปอีกเพื่อให้เห็นความรู้สึกนั้นของตัวละครชัดเจนยิ่งขึ้น
เช่นว่า...
เรายังอยู่ในหัวข้อของการบรรยายให้ตัวละครสำนึกผิด แต่ในคราวนี้จะไม่เขียนคำว่า สำนึกผิด ลงไปตรงๆ
++++
เขานั่งลงตรงมุมหนึ่งของห้อง ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เป็นกลางฤดูร้อน ท้องฟ้าสดใส ตะวันส่องแสงจัดจ้าอยู่ข้างนอกนั่น แต่ในใจเขา มันทั้งหนาว...และมืดมิด
ก่อนหน้านี้ เขายังคงเป็นเด็กน้อย และไม่เคยรู้อะไรเลย
แต่ยามนี้...
เขารู้แล้วว่า "ความผิดพลาด" นั้น เมื่อกระทำลงไปแล้ว เราก็ไม่อาจแก้ไขมันได้...
เหมือนกับธนูที่ออกจากแล่งไป และจะไม่หวนกลับมา
ดวงตาของเขาไม่ได้มีน้ำตา...น้ำตามันเหือดแห้งไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่เขาผิดสัญญากับพ่อ
เรียวปากหนาได้รูปสั่นระริกขณะพึมพำ
"ผมอยากจะบอกพ่อว่า...ผมไม่ได้ตั้งใจ"
ดวงตาคมเข้มหลุบลงต่ำขณะเอื้อมมือไปหยิบล็อกเกตที่ห้อยคอของตนอยู่ขึ้นมาจับด้วยท่าทีทะนุถนอม
"ผมขอโทษครับ แต่ตอนนี้มันสายไปที่จะพูดแล้วใช่ไหมครับพ่อ..."
++++
ประมาณนี้ค่ะ
เราแค่อยากชี้ให้เห็นว่า การบรรยายมันมีหลายทางเลือก เพิ่มคำ เพิ่มประโยค เพิ่มย่อหน้าลงไป หรือแม้แต่การใส่เพลงหรือกลอนก็ยังทำได้เจ้าค่ะ อันนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกลวิธีการบรรยายเท่านั้น ยังมีอะไรให้เธอได้ลองเขียนอีกเยอะ อย่างที่ว่า คำแนะนำแรกของเราคือ อ่านเยอะๆ ศึกษาแยะๆจ้ะ
----------------------------------------------------------------------------
แถมนิด อันนี้แค่อยากให้ลองพิจาณาดูเรื่องของการใส่ท่าทางลงไปให้เกิดความต่างขึ้นมาค่ะ เพราะว่าหนึ่งอารมณ์หนึ่งกิริยามันมีหลายมิติเกิดได้แล้วแต่จะบรรยายเจ้าค่ะ
ตัวอย่างเพื่อพิจารณาที่หนึ่ง
เธอหลุบใบหน้าลงต่ำก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ ท่ามกลางสายฝนที่ปรายโปรยลงมา เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างถึงที่สุด แต่น้ำตามันก็ไหลออกมาจนได้ พอเห็นดวงตาของเขาที่มองมาราวกับจะรู้สึกผิด หญิงสาวก็ทำเพียงแค่ยิ้มแล้วพูดว่า
"เธอก็รู้นี่ว่าตอนนี้ฝนตก ทำไมทำหน้าอย่างนั้นน่ะ มันดูเหมือนฉันร้องไห้มากเลยรึไง"
เขาขมวดคิ้วก่อนทำท่าเหมือนจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่หญิงสาวยกมือขึ้นห้ามไว้และพูดเสียงสั่นๆ ว่า
"อยากจะไปจากฉัน...ก็ไปซะตอนที่ฉันยังไม่ร้องไห้นี่เถอะน่า อัลเฟรด"
ชายหนุ่มก้มหน้าอย่างสำนึกผิดก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชาทว่าใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดว่า
"ฉันขอโทษ...เอสเธอร์"
ตัวอย่างเพื่อพิจารณาที่สอง
เอสเธอร์ทรุดตัวลงกลางสายฝนโดยไม่กลัวว่าเสื้อผ้าจะเลอะหรือเปียกปอน เธอร้องไห้จนตัวโยน ร้องออกมาเหมือนว่าวันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึง และถึงมันจะมาถึง มันก็จะเป็นวันที่เธอร้องไห้เหมือนไม่มีวันต่อไป เธอไม่สนใจที่จะซ่อนน้ำตาหรือความอ่อนแออีกต่อไป เพราะการจากไปของใครบางคน
"อย่าร้องไห้สิ"
เขาบอกเธออย่างเศร้าๆ
"นี่เธอกำลังจะทำให้ฉันร้องไปด้วยนะ"
หญิงสาวเงยหน้ามองคนพูดก่อนจะตอบพร้อมเสียงสะอื้นว่า
"ถ้าเธออยากไปก็จงไปซะตอนนี้ ก่อนที่เธอจะร้องไห้ให้ฉันเห็น"
หญิงสาวปาดน้ำตาให้ภาพเบลอๆ ที่เธอเห็นอยู่ตอนนี้คมชัดขึ้นก่อนกล่าวคำออกมาจากใจ
"ฉันไม่ต้องการเห็นน้ำตาของเธอ อัลเฟรด"
ทั้งสองเรื่อง เกิดขึ้นเพราะสาเหตุเดียวกัน คืออัลเฟรดกำลังจะจากไป
ทั้งสองเรื่อง เอสเธอร์กระทำกิริยาแบบเดียวกัน คือร้องไห้
ทั้งสองเรื่อง เอสเธอร์อยู่ในอารมณ์เศร้าเหมือนกัน
ทั้งสองเรื่อง เอสเธอร์ปล่อยให้อัลเฟรดไป
แต่ที่ต่าง เพราะกรณีแรก เอสเธอร์ไม่ได้อยากให้อัลเฟรดเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้ ไม่อยากให้เห็นว่าเธอเศร้าใจในการจากไปครั้งนี้
แต่กรณีที่สอง เอสเธอร์ร้องไห้ และปล่อยให้อัลเฟรดรู้ว่าเธอกำลังเสียใจ
เหตุการณ์เหมือนอารมณ์เหมือน บรรยายท่าทางไม่เหมือน คำพูดของตัวละครจะเปลี่ยนตามสถานการณ์ทันที และอารมณ์ก็จะเปลี่ยนเช่นกัน
(และความรู้สึกของอัลเฟรดต่อเอสเธอร์ในตอนต่อๆไปนั้น...ต่างกันอย่างแน่นอนค่ะ)
บรรยายเปลี่ยน ทำให้เรื่องเปลี่ยนไปได้เยอะมาก ยังไงก็ลองฝึกบรรยายดูแล้วกันนะ ฝึกฝนไปเรื่อยๆ ศึกษาไปเรื่อยๆเถอะ
เพราะทุกครั้งที่ลงมือฝึกและศึกษา เราจะเก่งขึ้นทุกทีแน่นอนจ้ะ
เป็นกำลังใจให้แต่งนิยายต่อไปนะคะ
แอดมินท่านอื่นๆใครมีทริคอะไร ก็เชิญมาเพิ่มเติมได้เลยนะคะ อัญมีวิทยายุทธแค่นี้ ถ่ายทอดทุกกระบวนท่าแล้วค่ะ
ความคิดเห็น