ตอนที่ 72 : ในรอยร้าว 70 เจ็บเท่านี้ยังไม่พออีกหรือ...2
“จ๊ะ”
มุทิตาพาร่างที่มันทั้งชอกช้ำทั้งกายและใจมาเอนตัวลงที่เตียงเหล็กแคบในห้องคนใช้เล็กๆ มืออวบเอื้อมไปหยิบตุ๊กตาตัวโปรดเข้ามาโอบกอดไว้ด้วยความโหยหา น้ำตามันก็คลอปริ่มเธอคิดถึงมารดาอย่างจับใจ เธอยากจะหายออกไปจากโลกนี้เสียเหลือเกินไม่อยากจะต้องทนมองเห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ดั่งที่ว่าเขาทำให้เธอเจ็บแต่ทว่าเขาไม่เคยที่จะคิดปลอบประโลมหัวใจดวงนี้เลย ได้เพียงเเต่คอยกระทืบซ้ำๆให้มันช้ำอยู่ร่ำไป ทั้งสมองและหัวใจคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยจนดวงตามันเริ่มที่จะปิดลงเพราะความเหนื่อยล้าเสียแล้ว...จนสุดท้ายสิ่งที่เธอสามารถทำได้ดีที่สุดในยามนี้ก็คือปิดเปลือกตาที่แสนล้านี้ลงเถิด ขอไปปล่อยตัวปล่อยใจลงในภวังค์แห่งความฝันของตัวเองมันคงจะดีกว่า...
“ป้ามนมุทิตาไปไหนครับ” แอรอนเดินลงมาจากชั้นบนแล้วถามหามุทิตา เมื่อใช้สายตากวาดมองทั่วแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“ป้าให้เข้าไปนอนพักในห้องนู้นแหละค่ะ คุณแอรอนมีอะไรรึเปล่าค่ะ”
“ผมมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยน่ะครับ”
“ฝากป้าไว้ก็ได้นะคะหรือจะให้ป้าไปเรียกให้มั้ยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเอง” บอกจบก็เดินย่างก้าวมุ่งตรงไปที่ห้องของมุทิตาทันทีทิ้งแค่ความมึนงงไว้ให้ป้ามนเท่านั้น
“อะไรของเขา” นี่คือคำที่บ่นอุบอิบของป้ามนที่บางทีก็ไม่อาจจะเข้าใจในตัวของแอรอนได้นักแม้ว่าจะอยู่ด้วยกันมานานก็เถอะ
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!” มือหนาเคาะประตูบานเล็กเพื่อเป็นมารยาทแม้ว่ามันจะไม่ค่อยมีให้กับมุทิตาก็เถอะ
แต่ทว่าสิ่งที่ได้รับมันกลับมีเพียงแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น มุทิตาไม่ได้ยินในสิ่งที่แอรอนทำเลยสักนิดเพราะร่างนี้กำลังหลงเข้าไปในภวังค์แห่งความเหนื่อยล้าและความฝันที่พาเธอพุ่งทะยานไปหาบุคคลที่รักและโหยหาเป็นที่สุด
แอรอนรอบคอบคิดว่ามันคงต้องเป็นเช่นนี้ก็เลยเตรียมกุญแจห้องของมุทิตามากันไว้ แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะได้ใช้จริงๆ แอรอนไขประตูเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดายแถมมันยังแผ่วเบาจนคนที่หลับใหลหาได้ยินเสียงอะไรเลย
เข้ามาได้ก็จ้องมองร่างอวบที่นอนหลับอุตุกอดหมีตัวหนึ่งอยู่ในอ้อมแขน สังเกตจากท่านอนก็ดูว่าจะระมัดระวังแผลตัวเองดีเหลือเกิน แอรอนสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ สมองคิดสนุกอยากจะแกล้งคนตรงหน้า เขาจึงค่อยๆเอื้อมมือไปดึงตุ๊กตาตัวเน่าๆของมุทิตาออกไปจากอ้อมแขนของสาวเจ้า คนที่โดนกวนก็ต้องนึกขัดใจเมื่อมีคนมาขัดเวลาความสุข เสียงพูดงัวเงียจึงถูกเอื้อนเอ่ยขึ้น
“อื้อออออ หนูจะนอน” สมองพลันคิดว่าในยามนี้มารดานั้นเป็นผู้ที่มาดึงเอาตุ๊กตาเน่าของเธอออกจึงงัวเงียเอ่ยบอกในสิ่งที่ต้องการจะทำต่อ
“ตื่นได้แล้ว”
“ขอห้านาทีนะแม่” พูดทั้งๆที่ดวงตาไม่ได้เปิดออกมามองเลยว่าคนที่กำลังพูดด้วยอยู่นี่คือใครหาใช่มารดาอย่างที่ใจคิด
“มันมากไป”
“อื้อ!” เริ่มที่จะงัวเงียมากกว่าเดิม มืออวบปัดสะบัดไปทั่วจนมันโดนเข้ากับแขนข้างที่เป็นแผล แอรอนที่มองเห็นมือที่อยู่ไม่สุขของมุทิตาก็นึกอยากจะเอามาตัดทิ้งเสีย ไม่รู้ว่าลืมหรืออย่างไรถึงได้ปัดมันแรงขนาดนั้นจนตัวเองต้องเจ็บตัว
“โอ๊ย!” เพราะความเจ็บที่มันพลุ่งพล่านเข้ามาทำให้ต้องจำใจลืมตาของตัวเองขึ้น ตื่นจากภวังค์แห่งความฝันแล้วพบพานกับโลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อตัดสินใจลืมตาตื่นขึ้น สมองมันก็คำนวณเรื่องราวเรียบเรียงอยู่นาน เพราะยังคงมึนๆอยู่กับคนตรงหน้า สรุปว่าคือใครกันแน่หาใช่มารดาดั่งที่ใจเธอนึกฝันหรอกหรือ
“จะมองอีกนานมั้ย” แอรอนปาตุ๊กตาที่อยู่ในมือไปที่ร่างของสาวอวบที่กำลังนอนมึนอยู่บนเตียงเล็กแคบ จนตุ๊กตาตัวนั้นมันกระทบเข้ากับแขนข้างที่เป็นแผลอย่างไม่ตั้งใจ แต่ทว่ามันก็ไม่ได้มีแรงอะไรมากนักจนทำให้เธอต้องรู้สึกเจ็บไปกว่าเดิม
“คะ...คุณแอรอน” ดวงตาแทบจะตื่นได้เต็มตาเมื่อคนที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้ามันคือผู้ชายใจร้ายที่ทำให้เธอต้องชอกช้ำได้แทบจะทุกครั้ง
“ใช่ฉันเอง ทำไมคิดว่าเป็นแม่เธอหรือไง”
“......”
“ทำไมไม่พูด”
“......”
”จะเล่นสงครามประสาทกับฉันหรอห๊ะ!” สาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วจับกระชากแขนข้างปกติของมุทิตาเข้ามาปะทะเข้าที่อกแกร่ง ส่วนสาวเจ้าแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บก็กัดฟันไว้อย่างเต็มกำลัง ไม่อยากจะแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกอะไรออกไปสักนิด ครั้งที่มาจากโรงพยาบาลเขาก็ไม่วายที่จะให้เธอได้เจ็บตัวแล้วในยามนี้ก็มาหาเรื่องถึงห้องทั้งๆที่เธอแทบจะไม่มีแรงหรือคำพูดอะไรมาต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายคนนี้แล้ว จะให้เธอได้อยู่อย่างสงบบ้างจะได้มั้ย?
“มุทิตา!” เมื่ออารมณ์ที่แอรอนมีมันเริ่มจะฉายแววชัดออกมาให้เห็นเด่นอย่างน่ากลัวสุดท้ายเธอต้องจำใจโต้ตอบกับคำพูดนั้นไป
“มีอะไรค่ะ”
“พูดได้แล้วหรอ ฉันพูดด้วยแล้วทำไมไม่พูด”
“ไม่อยากพูด...เหนื่อย” นี่คือความจริงตอนนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะพูดอะไรเลยแล้วยิ่งกับผู้ชายคนนี้เอยิ่งอยากจะเอาเข็มมาเย็บปากตัวเองไว้ด้วยซ้ำจะได้ไม่ต้องคอยอ้าปากต่อเถียงกับเขา
“โดนยิงแค่นี้ทำเป็นเหนื่อย สำออย!”
“จะมาโดนเองมั้ยล่ะค่ะ” โต้กลับไปแบบไม่ทันคิดเพราะสมองมันสั่งให้พูดเช่นนั้นออกไปแบบไตร่ตรองได้ไม่ดีนัก สายตาของแอรอนก็ยิ่งคาดโทษเธอมากยิ่งขึ้นเมื่อทำปากเก่ง มือหนาก็บีบเน้นลงน้ำหนักไปที่แขนของมุทิตา จนมันเกิดเป็นรอยแดงจ้ำๆ
“ปะ...ปล่อย” กดฟันพูด เขาลงแรงมามากจนเธอแทบจะทนไม่ได้ จนต้องเอ่ยปากบอกให้ร่างหนานี้คลายมือหนาที่เป็นดั่งครีมเหล็กออกจากแขนเธอเถิด
“เธอไม่มีสิทธิ์มาร้องขอ”
“ฉันไม่ได้ร้องขอแค่บอกให้คุณปล่อย”
“มุทิตา!!!”
“โอ๊ย!”
แอรอนผลักปล่อยมุทิตาออกอย่างแรงจนหลงลืมไปว่าสาวเจ้ายังคงมีแผลอยู่ที่แขนอีกข้างเพราะในยามที่ล้มลงเสียหลักลงเตียง มุทิตาก็เผลอที่จะเอาแขนอีกข้างยันร่างไว้เหมือนกัน
“โอ๊ย! ฮึก!”
เสียงร้องออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอเจ็บราวกับร่างนี้มันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆมันทั้งเจ็บทั้งปวดและหน่วงไปหมดจนน้ำตามันต้องไหลเล็ดอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้างไม่อาจที่จะสั่งให้มันหยุดไหลได้ดั่งที่ต้องการ แอรอนเมื่อเห็นว่ามุทิตาล้มตัวลงไปอย่างแรงด้วยแรงของเขาแถมเอยังเอาแขนอีกข้างยันร่างของตัวเองไว้อย่างลืมตัวมันก็ทำให้สมองนี้มันสั่งการให้เขารีบรุจเข้าไปดูทันที
“เป็นไงบ้าง”
“.......” เชยหน้าเงยขึ้นมาเขาทั้งน้ำตาที่มันไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาของเธอกำลังไหววูบแดงก่ำด้วยความเจ็บระทม
“อย่ามาทำเป็นเงียบมุทิตา” ไม่ชอบใจนักยามเมื่อผู้หญิงคนนี้ทำกับเขาราวกับว่าไม่มีตัวตน มองไม่เห็นยามเมื่อเข้าใกล้ มือของแอรอนยื่นเข้าไปประคองร่างนั้นเข้ามาอยู่ในท่าที่เหมาะสมแต่ทว่าสิ่งที่ไดรับกลับมาเป็นมืออวบที่ปัดมือของทิ้งอย่างแรง!
“ไม่ต้องมายุ่ง!” นึกโกรธนักที่จะปล่อยก็ปล่อย ถ้าจะทำอะไรกับเธอก็ทำให้มันเบามือกว่านี้หน่อยจะไม่ได้หรือ การกระทำของเขามันแต่ละครั้งมีแต่เธอที่ต้องเจ็บทั้งนั้น
มาเเล้วจ้าา
เย้ๆๆๆ ไรท์มาแล้ว