คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๒ จิ๊กโก๋ขนส่ง
บทที่ ๒ จิ๊กโก๋ขนส่ง
ตอนสายตะวันโด่งในช่วงปิดภาคฤดูร้อน อากาศจึงร้อนแทบจะแผดเผาทุกอย่างบนพื้นดิน สถานีรถขนส่งประจำจังหวัดยังคงหนาแน่นไปด้วยผู้คน หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากนครหลวง ท่าทางทะมัดทะแม่ง แบกเป้อัดแน่นไปด้วยสิ่งของจำเป็นสำหรับการพักแรมในชนบทห่างไกลความเจริญ เป้สูงท่วมหัวและอ้วนพอๆ กับตัวคน และอาจจะหนักพอที่จะทำให้ล้มทรุดลงไปได้ ยกเว้นบรรดาหญิงสาวที่แบกเพียงเป้ส่วนตัวพอเหมาะ เธอคงใช้ความหวานออดอ้อนอย่างแยบยล ที่ผู้ชายหลายคนอาจจะไม่มีวันเข้าใจ จึงตกหลุมพรางด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ จำต้องแบกหลายสัมภาระพะรุงพะรัง พวกเขาออกเดินทางจากเมืองหลวงตั้งแต่ยังไม่เช้าดีนัก จึงส่งอาการหาว เกิดเป็นลูกโซ่ต่อเนื่อง...
"แวะร้านกาแฟกันก่อนดีไหม" อัต หนุ่มนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ ปี ๔ เอ่ยชักชวน เมื่อเห็นร้านกาแฟโบราณเจ้าหนึ่งน่าสนใจ
"เอาสิ จะได้เอาเป้ลงจากหลังเสียที" ตั้ม ตัวอ้วนดำ ดูล่ำสันกว่าใคร นักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ ปี ๔ เขาเป็นรุ่นพี่ที่สุดในทีม และน่าจะเป็นสุภาพบุรุษกว่าใคร วางของลงบนพื้น สีหน้าบ่งบอกไม่สู้ดีนัก
"พี่ตั้มท่าทางจะหมดว่ะ" เสียงแซวมาจากด้านหลัง เขามองกลับไปที่มาของเสียง
"เออ จริงด้วย คนแก่ก็งี้แหละ ไม่มีน้ำยา" เสียงใสๆ ล้อเล่นแรงๆ มาทางด้านข้าง เขามองตาม
"เออเออ พวกเมิง... จำไว้" เขาชี้หน้าเรียงตัว แต่ไม่มีใครสะทกสะท้าน กลับหัวเราะเสียงขรม
"ยัยเก๋ เอาเป้ของเอ็งคืนไป" เขาผลักเป้ขนาดใหญ่ที่วางบนพื้นไปให้รุ่นน้องที่เพิ่งจะกล่าวลบหลู่เมื่อสักครู่...
"เอ้ย... ใครเขาว่าพี่เล่า ก็แค่ล้อเล่น ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าพี่ตั้มเท่ห์ เก่ง แมน เป็นยอดคน" พร้อมรอยยิ้มกว้างที่สุดที่เขาเคยเห็น เธอลูบหลังรุ่นพี่ที่กำลังหน้านิ่ว แล้วจึงพยายามยกเป้ของเธอขึ้น
"อึ้บ! เก๋ช่วยพี่ตั้มแบกนิดหนึ่งก็ได้นะ" เธอยังส่งยิ้มให้เขา เก๋เป็นสาวหมวยรุ่นน้องพยาบาล ปี ๒ ท่าทางเก๋ไก๋ ขี้เล่น รักการทำให้แก้มเป็นสีชมพูอยู่เสมอ บางครั้งอาจจะเห็นสีสันที่ขอบตาไม่เหมือนใคร
"ไม่มีทาง ไม่แบกให้อีกแล้ว ไปให้ไอ้ป๊อกมันแบกให้นู้น" เขาโบ้ยไปให้นักศึกษาแพทย์ปี ๒ หน้าตาตี๋ สวมแว่นหนาเตอะ ท่าทางกวนไม่แพ้ใคร ที่เพิ่งจะเป็นคู่กรณี
"ไม่เอาแล้ว นี่ผมแบกให้เจ๊หมิวอยู่" ป๊อกเอ่ย แล้วแบกเป้เดินหนีทันที พร้อมด้วยคู่หูรุ่นพี่ที่เขาเพิ่งเอ่ยชื่อ ในฐานะเจ้าของเป้อีกใบ หมิวเป็นสาวทันตะ ปี ๔ รูปร่างสมส่วน ผิวขาวจัด ใบหน้าหมดจด จมูกสันคมเรียกว่างามหาใครเทียบได้ ท่าทางมาดมั่นกว่าใคร แฝงด้วยแววตาเจ้าชู้ไม่น้อย... เบื้องหลังกลับกลายเป็นเสียงทะเลาะกันของรุ่นพี่สาสุข กับน้องพยาบาล
พวกเขามาสำรวจและเตรียมค่ายอาสาพัฒนา ก่อนโครงการสุขภาพเชิงบูรณาการจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า นำทีมโดยราเชนท์ นักศึกษาแพทย์ปี ๔ เขาดูโดดเด่นด้วยรูปร่างสูงเกือบ ๑๘๐ เซนติเมตร สมส่วน ผิวพรรณและหน้าตาดี ผมสั้นดูสะอาดสะอ้าน ท่าทางมีความมาดมั่นและสุขุม กำลังพูดคุยกับคนในสถานี ก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ สักพักจึงวิ่งกลับมารวมกลุ่ม....
"ว่าไงเชน" อัตเอ่ยถาม หากจะเทียบอัตกับเชนแล้ว เขาไม่ได้ดูโดดเด่นในเรื่องหน้าตาและรูปร่างเท่า แต่ดวงตากลมโต รับกับใบหน้าที่คมคาย ผิวเข้มกว่าเล็กน้อย จึงทำให้มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน
"จะมีรถไปอำเภอตาลดงอีกประมาณครึ่งชั่วโมง" เขาตอบ
"อีกไกลไหมคะ" ลลิตา สาวตัวเล็กผิวสวยตาคมแบบชาวมอญ เพราะเธอมีเชื้อสายทางนั้น รุ่นน้องร่วมคณะเดียวกันกับอัต เอ่ยถามขึ้นบ้าง เชนหันไปมองพร้อมร่วมโต๊ะอีกคน
"พอสมควร พวกเราต้องไปลงปากทางที่จะเข้าหมู่บ้าน แล้วไปหารถกันที่นั่นอีก"
"โอว... ไม่ง่ายอย่างที่คิด" ใครบางคนอุทานมาจากอีกโต๊ะ ทุกคนหันไปตามเสียง เป็นตั้มที่เพิ่งหยุดทะเลาะกับเก๋ เพื่อนร่วมโต๊ะ
"เราน่าจะสั่งข้าวมากินรองท้องกันก่อนนะ" ชายหนุ่มนั่งข้างตั้มอีกคนเสนอ
"จริงด้วยพี่แม็ค ผมเห็นด้วย เนี่ยผมเริ่มหิวแล้ว" แขก คนที่นั่งข้างเขากล่าวสมทบ แล้วหันไปส่งยิ้มเชิญชวนคนอื่น
"เอาสิแม็ค เราก็เห็นด้วยกับนาย" เชนที่เป็นหัวหน้าทีม กล่าวเชิงอนุญาตเพราะเห็นว่าเวลายังพอมี แม็ค หนุ่มสัตวแพทย์หน้าตาดีอีกคน ยิ้มด้วยมุมปาก ท่าทางกะล่อนเจ้าชู้ไม่เบา
"เฮ้ย! แขก เอ็งสั่ง" เขาตบหลังรุ่นน้องเทคนิคการแพทย์ แขกยิ้ม
"เจ๊..." เจ้าของร้านติดกับร้านกาแฟ วัยกลางคน หันขวับมามองทันที
"ใครเป็นเจ๊นายไม่ทราบ" เธอตอบทันควัน เจ๊ใหญ่วางตะหลิว ค้ำสะเอว หันมามองลูกค้าตัวเล็กจิ๋วที่เรียกเมื่อสักครู่ ยิ่งทำให้ตัวเขาหดลงไปอีก
"ป่าว.... ไม่มีใครว่าเจ๊สักหน่อย" แขกทำตัวซุกอยู่หลังแม็ค เรียกเสียงเฮจากคนอื่น แต่เจ๊ไม่มีท่าทีจะเล่นด้วย ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด
"คราวหน้าหัดดูหน้าก่อนเรียก เจ๊เจ๊อที่ไหน มันอะไรกันวะ หน้าตามันหมวยตรงไหน" เจ๊ใหญ่ที่ใครๆ เรียกยังคงบ่นพึมพำ
"เหอะน่าน้องหวาน ใครเขาจะเรียกไงก็ช่างเขาเถอะ" สามีที่คอยเตรียมผักอยู่ข้างๆ บ่นอย่างรำคาญ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภรรยาร่างอ้วน อดีตนางงามสงกรานต์ประจำหมู่บ้าน ซึ่งเคยขึ้นชื่อว่าหน้าตาสวยคมที่สุดในสมัยนั้น จะได้ยินคำเรียกนี้ อันเปรียบว่าเป็นคำดูถูก เพราะความเป็นหมวยสำหรับเธอเวลานี้ก็คงเฉกเช่นเดียวกับที่ใครๆ มองเห็นว่าเป็นหมู...
"ว่าไงไอ้หนู เมิงจะสั่งอาราย" สามีสักลายเสือเต็มต้นแขน เสื้อยืดปูนซีเมนต์บางยี่ห้อพันแขนเสื้อให้ทะมัดทะแมงเดินมารับออเดอร์ เขาพูดเสียงดัง ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวไปกันใหญ่
"ปะปะป่าวครับ ไม่มีอาราย" แขกตกใจ ยิ่งตัวหดเข้าไปใหญ่ ปากสั่นแบบเจอของจริงเข้าแล้ว
"อ้าว เมื่อกี้เรียกเจ๊ เอ๊ย..." เขาหุบปากในทันที "น้องหวานไม่ใช่เหรอ" เขาหันไปยิ้มแหยให้ภรรยาที่ทำตาขวาง เมื่อได้กล่าวคำที่ไม่เหมาะเสนาะหู ผงกหัวหงึกๆ เชิงขอโทษ ทำเอาคนในร้านอมยิ้ม แอบหัวเราะกันคิกคัก เสือเก่าจิ๊กโก๋รุ่นพี่จึงหันกลับมาวางมาดเช่นเดิม
"จะไม่มีอารายได้ยังงาย" เขาเอ่ยถามไปที่ไอ้หนูคนเดิม
"ผมไม่กล้ามีอะไรกับพี่หรอกครับ ผมแค่อยากจะกินข้าว" แขกมีท่าทางกลัวจริงๆ นั่งตัวแข็งทื่อ มือกุมที่ต้นขาสงบเสงี่ยม
"ก็นั่นแหละ คุณน้องจะสั่งอาราย" เขายังคงจ้องอยู่อย่างนั้น ไอ้หนูแขกก้มหน้า...
"กะเพราะไก่ไข่ดาวครับ"
"อืมม มีรสนิยมมั่กๆ" เขาจดลงในรายการ นั่นหมายถึงร้านของเขาทำขายเป็นประจำ
"คนอื่นรับอะไรครับท่าน" เขาส่ายหน้าไปมองคนอื่นบ้าง พอเจอสาวๆ ก็ส่งยิ้มหวาน พร้อมโค้งให้
"คะน้าหมูกรอบค่ะ" หมิวสั่ง ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คนรับออเดอร์ยังคงมองส่งตาหวานพักใหญ่ ก่อนจะหันไปรับออเดอร์กับคนอื่น ท่าทางดั่งกับตัวเอกเป็นพระเอกหนัง
"ไอ้อ้วนเมิงจะรับอะไร" เขาหันไปมองตั้ม ตั้มยิ้มแหยๆ แบบเจอจิ๊กโก๋เจ้าถิ่นเข้าเสียแล้ว จิ๊กโก๋มหา'ลัย ต้องยอม...
"ไข่เค็มหมูสับครับเพ่"
"ไม่มี" เขาตอบทันควัน พร้อมมองหน้าคนสั่ง "อะไรที่มันสร้างสรรค์ ทำง่ายๆ ทำทีเดียวเยอะๆ น่ะ สั่งกันไม่เป็นรึไง" เหมือนเป็นการต่อว่า ช่างไม่มีหัวคิดกันเสียจริง... เขาส่ายหัวไปมา
"เอางี้พวกผู้ชายทุกคนรับกระเพราไก่ไข่ดาว ไม่พอใจก็ไปสั่งร้านอื่น" เขาก้มลงจดรายการดูเหมือนยุ่งยาก แต่แค่ขีดตัวเลขหนึ่งทิ้ง และเขียนตัวเลขใหม่... เงยหน้ามานับให้มั่นใจ
"อ้าหก" เขาเขียนมันลงไป "แล้วคุณผู้หญิงล่ะครับ" ท่าทางสุภาพขึ้นมาในทันที สมเป็นอดีตจิ๊กโก๋ปากหวานในอดีต
"เหมือนพี่หมิวค่ะ อีกสอง" ลลิตาเป็นคนตอบ
"อ่ะ ชื่อหมิวหรอกหรือครับ" เขาหันไปส่งยิ้มหวาน กล่าวด้วยคำพูดละเมียดละไม หมิวพลิกตัวเบือนหน้าหลบไปอ้วกลมข้างหลัง ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ คนอื่นทำปากขมุบขมิบ เหมือนคันปากอยากจะพูดอะไรสักอย่าง เขาจึงหันกลับไปหาภรรยาที่มีสีหน้าไม่พอใจนัก
"น้องหวานครับ คะน้าหมูกรอบสาม ส่วนกะเพราไก่ไข่ดาวหกจ้า คะน้ารีบหน่อย น้องเขาหิว.." กล่าวเสร็จหันกลับมาชำเลืองหมิว ส่งยิ้มหวานก่อนรีบเดินเข้าครัว...
"โอววว เจ้าชู้บ้านนอก" เก๋พึมพำข้างๆ หูของตั้มที่รู้สึกถูกลบเหลี่ยมไปหยกๆ
รถทัวร์คันล่าสุดเข้าเทียบท่า....
"เฮ้ย! ดูนั่นสิพี่แม็ค โคตะระจ๋วยเลย" แขกทำหน้าตาตื่น อย่างไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน ทำเอาแม็ค ตั้ม และเก๋ที่นั่งโต๊ะเดียวกันหันไปมองตามมือชี้
"โอวว สวยจริงๆ ใครว่ะเนี่ย" ตั้มอุทาน แต่แม็คสายตาเป็นประกายขยับลุกขึ้นยืน อ้ำอึ้งพูดไม่ออก บัดนี้ทั้งร้านแทบจะหันไปยังจุดหมายเดียวกัน...
หญิงสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับพวกเขา เพิ่งเดินลงมาจากรถทัวร์คันล่าสุด เพียงแค่ก้าวเท้าลงมา ก็เหมือนสะกดชายทุกคน ไม่ว่าเด็ก หนุ่ม หรือชรา ต่างหยุดมองเธอเป็นสายตาเดียวกัน ดั่งมีแสงสว่างส่องมาจากเธอเสียอย่างนั้น ผิวที่ขาวนวลตาผุดผ่องงดงาม เหมือนไม่เคยต้องแสงแดดสายลม ใบหน้าเรียวคม ตาหวานงามจับใจ ผมดับขลับยาวสลวย สยายตามสายลม ดุจนางแบบโฆษณายาสระผมยี่ห้อดัง กำลังก้าวเท้าลงมาจากแคทวอร์ค ให้ชาวดินได้ชื่นชม.....
"โอวว! แขก พี่อยากตาย" แม็คเผลออุทาน... ตาเลื่อนลอย มือกุมที่หัวใจ....
ความคิดเห็น