ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราตรี The Night of Wild

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ ๑ อุบัติการณ์

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 49


                                                               ราตรี
                                                      The Night of Wild

                                                                                                                 โดย กอ-กุญช์

    บทที่ ๑ อุบัติการณ์

                      สงพระจันทร์แดงฉานดั่งอาบเลือด มวลหมู่เมฆดำลอยครอบคลุมผืนป่าบนหุบเขาใหญ่ เสียงเห่าหอนของฝูงหมาป่ากลบความเงียบสนิทเสียสิ้น คืนนี้ช่างเขย่าประสาทคนเบื้องล่างยิ่งกว่าคืนไหน ดั่งว่ามีพยาธินับหมื่นนับแสนชอนไชกระเพาะอาหาร ไปจนถึงปมประสาท และสมอง ให้ขนลุกเกรียว หนาวสั่น และพรั่นพรึงอย่างไม่รู้สาเหตุ บ้านหลังหนึ่งตั้งตระหง่านบนหุบเขาอย่างท้าทายแสงจันทร์ ดูน่าสะพรึงกลัวไม่แพ้กัน

                      "ทำไมคืนนี้หมาถึงได้หอนน่ากลัวอย่างนี้นะ" หญิงชราเหม่อมองผ่านช่องหน้าต่างชั้นใต้หลังคาอันเป็นชั้นที่สามของบ้าน เธอวางหนังสือลงโต๊ะเล็กๆ ข้างตัว ดึงผ้าผืนเล็กขึ้นคลุมไหล่ รู้สึกสะท้านกาย หวั่นไหวกับบางอย่างภายนอก และขยับลุกจากเก้าอี้เอกเขนก เดินอย่างเชื่องช้าในมุมสลัวด้วยเพียงแสงของโคมเพียงหนึ่ง เสียงฝีเท้าแม้เบากริบ แต่ก็เพียงพอที่คนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์จะได้ยิน

                      "คุณจะนอนแล้วเหรอคะ" เธอตื่นขึ้นจากอีกมุมหนึ่ง และขยับเข้าประคอง หญิงชราพยักหน้าแทนคำตอบ สายตาแฝงไปด้วยรอยกังวล...

                      "ช้าๆ นะคะ" เป็นคำพูดที่กล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกทุกๆ คืน เธอคอยปรนนิบัตินายจนกว่านายจะพร้อมเข้านอน แต่หญิงชรามีท่วงท่าที่คล่องแคล่วมากกว่าที่เธอจะกังวลใจ ก้าวเท้าจากห้องใต้หลังคาของลูกชายลงไปยังชั้นสองอย่างช้า ๆ และมั่นคง

                      "ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นในคืนนี้เลย" หญิงชราพึมพำ น้ำตาคลอเป็นประกาย หยดน้ำตาค่อยไหลรินอย่างมีความหมาย

                      "พรุ่งนี้คุณหนูจะกลับมาแล้วนะคะ" หญิงรับใช้กล่าวเหมือนหาเรื่องปลอบประโลมหญิงชราผู้เหงาเดียวดาย

                      "จะกลับมาทำไม อยู่ที่นั่นก็ดีแล้ว ฉันไปหาเธอเองได้" น้ำเสียงเธอเหมือนไม่พอใจนัก

                      "คุณหนูจากไปนานแล้วนะคะ เธอคงอยากจะกลับมาเยี่ยมบ้านบ้าง" เสียงหญิงชราถอนหายใจแทนคำตอบ...


                      สียงหมาป่าบนเขายังคงเห่าหอนระงมอยู่พักใหญ่ ก่อนเงียบหายไป แสงไฟในหมู่บ้านเบื้องล่างค่อยดับลงทีละหลัง ดังเป็นสัญญานเตือนภัย...

                      "ไม่ได้เกิดมานานแค่ไหนแล้ว" ตาคำ คนเก่าแก่ของหมู่บ้านผาค้างคาวพึมพำ เดินไปดับไฟที่จุดไว้ที่ใต้ถุนเรือน วัวควายในคอก ส่งเสียงร้องอย่างน่าแปลกใจ

                      "เสร็จแล้วก็รีบๆ ขึ้นมาสิตา" ยายสำรวย ภรรยาคู่ใจตะโกนเรียกเสียงรัว เหมือนผู้ที่ลงไปแล้วช่างเชื่องช้าเกินกว่าใจนางต้องการ

                      "แล้วนี่นังจันมันกลับมาถึงเรือนหรือยัง" ตาคำตะโกนถามถึงหลานสาว

                      "อ้าว! มันไม่ได้อยู่บ้านหรอกรึ" เสียงนั้นดูตกใจและหวาดหวั่น นางรีบลุกพรวดพราดไปสำรวจที่ห้องของหลานสาว ร้องเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบแต่อย่างใด จึงพลิกมุ้งเข้าไปดู มองไปดูหน้าต่างห้องที่ปิดไม่สนิท

                      "ตา ตา" นางตะโกนเรียกอย่างกระวนกระวายใจ

                      "นังจันไม่อยู่" นางรีบเดินออกมาจากห้องอย่างร้อนรน "มันไปหาไอ้ชัยอีกแน่ๆ เลย" เธอพยายามหาที่มาที่ไป

                      "เออ ถ้ามันอยู่กับไอ้ชัยตอนนี้ก็ยังดี อย่าเพิ่งกลับมา มันจะนอนค้างกันเลยคืนนี้ก็ไม่ว่า" ตาส่ายหัวไปมา อดเอือมระอากับหลานสาวใจแตกติดหนุ่มที่ชื่อชัยที่ท้ายหมู่บ้านไม่ได้ แม้จะห้ามปรามเท่าไรก็ไม่เคยเชื่อ

                      "กลัวแต่ว่ามันจะกลับนะสิ" ยายบ่นอย่างไม่สบาย นางรู้ดีว่าหญิงสาวกลัวตาดุด่าแค่ไหน อย่างไรก็ต้องกลับ....

                      จันทรา หญิงสาวใบหน้าสวย หุ่นดีสมส่วนด้วยวัยสาวแตกสะพรั่ง เร่งฝีเท้าออกจากบ้านแฟนหนุ่ม ทั้งที่ยังไม่หมดเวลาเสน่หา เสียงเห่าหอนของหมาป่าบนเขาเร่งเร้าให้รีบเร่ง กึ่งวิ่งกึ่งเดินแทบจะต้องล้มลุกคลุกคลานไปด้วย เธอหวั่นกลัวตำนานสยองขวัญเมื่อสามปีก่อน...
                      "ไอ้ชัยเฮงซวย" เธอสบถปากสั่น ชัยแฟนหนุ่มก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะก้าวขาไปส่ง ทั้งเสียงเห่าหอน และตาของแฟนสาว

                       เฮือออ....
                       เสียงหอบระรัวดังอยู่ใกล้เธอ เธอหันไปมองข้างทางอย่างหวาดหวั่น มันเป็นป่าไม้พุ่มสองข้างทาง สลับกับต้นตาลโตนดสูงใหญ่ และทุ่งนาติดกับหุบเขาใหญ่เบื้องหลัง ติดต่อระหว่างท้ายหมู่บ้านไปยังบ้านของเธอที่อยู่ลึกเข้าไปในหมู่บ้าน เส้นทางในคืนนี้เหมือนทุกคืน แต่ความกลัวไม่มีคืนใดจะเหมือนคืนนี้... 

                      กลิ่นสาปสางเหม็นคละคลุ้ง ดั่งซากสัตว์เน่าเปื่อยที่เธอไม่เคยคุ้น เธอจดจำได้ดี ไม่มีคืนไหนที่เธอจะได้กลิ่นนี้ แม้กระทั่งตอนขาไปเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา....

                      "พ่อแก้วแม่แก้วช่วยด้วย" เธอหวาดกลัวจนตัวสั่น ใบหน้าและมือเย็นเฉียบ หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ น้ำตาไหลคลอเบ้า พลันร้องไห้โฮ พลางวิ่งไม่คิดชีวิต...

                      เฮืออออ.... เฮืออออ....
                      เสียงนั้นติดตามเธอ ไม่ผิดแน่ กลิ่นเหม็นเน่านั้นก็เช่นเดียวกัน มันเป็นกลิ่นของอะไรกันแน่... เธอไม่อยากจะคาดเดา แต่เป็นกลิ่นสาปที่เธอไม่คุ้นเคย

                      "จันโว๊ย จัน" เสียงตะโกนก้องมาแต่ไกล

                      "ตา!" เธออุทานอย่างดีใจ เธอไม่กลัวคำดุด่า ที่แอบมาพลอดรักกับชายหนุ่ม เพราะเสียงนั้นคือเสียงที่เธอพึ่งพาไปได้ตลอดกาล

                      เฮือออ เฮือออ....
                      เสียงนั้นใกล้กว่าเสียงของตา เธอเหลือบไปดูหลังพุ่มไม้ข้างทาง... ดวงตาที่เธอไม่รู้จัก ส่องประกายสีส้มแดงอำมหิตดั่งเปลวเพลิงจ้องเธออย่างประสงค์ร้าย เธอตาลุกโพลงไปด้วยความหวาดกลัว ขาที่ก้าวไปข้างหน้าเหมือนจะหยุดชะงักและช้าลงทุกขณะ ร่างกายแข็งตึงดั่งความกลัวมันเข้ามาทดแทนระบบประสาท เธอพยายามขยับไปข้างหน้าให้ได้...

                       แคว๊ก แคว๊ก แคว๊ก....
                       ฝูงนกแสกบนต้นมะขามใหญ่แตกตื่น เมื่อมีบางสิ่งคุกคามเข้ามา เสียงมันกระชากหัวใจเธอไปด้วย เธอตกใจกลิ้งล้มคลุกฝุ่นทรายเบื้องล่าง พยามยามประคองตัวเองขึ้นมาใหม่ด้วยมือไม้สั่นเทา
                      "ตะตา" เสียงสะอื้นร่ำไห้ไม่ได้ศัพท์ เรี่ยวแรงหดหายไปหมดสิ้น

                      ชายชราวิ่งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย...ด้วยความเป็นห่วงหลาน
                      "นังจัน มึงอยู่ไหนกันวะ นังนี่" เสียงคนตะโกนดูร้อนรนใจไม่แพ้กัน

                     "กลับมากูจะตีมึงให้หลังลาย" สบถพร้อมน้ำตาคลอด้วยความหวาดระแวง เธอได้ยิน...

                      "ตะตะตา..." แต่เสียงนั้นไม่อาจจะเล็ดลอดออกมา เธอพยายามก้าวไปข้างหน้าด้วยแรงใจที่มีอยู่ พลันเธอก็หยุดชะงักตาลุกโพลง ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า แล้วล้มหงายหลังลงอีกครั้ง...


                     บื้องหน้าของเธอพลันมีเงาทะมึนใหญ่ขวางหน้าเอาไว้ ส่งเสียงครางในลำคอ ลมหายใจเหม็นกลิ่นสาปคาวเลือด มันพุ่งเข้าหาในทันที หญิงสาวร่างกระตุกภายในอ้อมกอดของมัน ตาเบิกโพลงอย่างหวาดกลัว

                      "นังจัน" เสียงนั้นร้องเรียกเข้ามาใกล้เต็มที และพลันร่างทะมึนก็หายลับเข้าพุ่มไม้ไปดั่งปีศาจ... ตาคำวิ่งมาจนถึง จนหยุดชะงักเมื่อแสงไฟจากตะเกียงเจ้าพายุส่องกระทบกับแววตาตกใจสุดขีดของหลานสาว และเลือดไหลโทรมกาย... หัวใจตาแก่สลายลงไปตรงนั้น

                      "นังจันนน....!"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×