คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เกริ่น
เอ่อ..คุณเคยมั้ยอ่านนิยายสักเรื่อง แล้วรู้สึกสงสารตัวประกอบขึ้นมา?
ผมเคยครับ..
แล้วคุณเคยมั้ยที่ ได้เข้าไปอยู่ในนิยายแล้วแก้ไขเรื่องราวทั้งหมด?
คงไม่เคยสินะ
ก่อนหน้าที่ผมจะเล่าเรื่องราวต่อไปนี้ให้คุณฟัง ขอแนะนำตัวก่อนก็แล้วกันะครับ ผมชื่อว่า 'อาทิตย์ เลิศหล้า'
ในยุคสมัยที่ผู้คนมีความลื่นไหลทางเพศ ผมก็ไม่แบ่งแยกว่าตัวเองจะต้องมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพศใดเพศหนึ่ง ผมมองความเซ็กซี่ของคนผ่านการกระทำ,บุคคลิกเฉพาะตัว มากกว่า..ทั้งๆที่ผมเป็นคนง่ายๆแต่ทว่ากลับไม่มีใครคบผมได้นานๆ บรรดาแฟนที่ผ่านมามักเลิกคบด้วยเหตุผลที่ว่า 'จังหวะชีวิตไม่ตรงกัน' เรียนคนละที่บ้าง, ทำงานคนละจังหวัด, นอนคนละเวลา ฯลฯ เหมือนฟ้าแกล้งอ่ะบางที
และด้วยเนื้องานที่ต้องเดินทางบ่อย..ทำให้ผมโสดจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ตอนนั้นผมกำลังนอนเคลิ้มอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนสุดหรู เพื่อนๆและละบรรดาญาติสนิทเพิ่งออกจากห้องไปไม่นาน มีพยาบาลชุดขาวหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเดินเข้ามาถามผมว่า
"อยากไปอยู่ในโลกนิยายมั้ยคะ? " เธอถามผมอย่างร่าเริง
" อยากครับ" ผมตอบไปตามความจริง ไม่นึกสงสัยเอะใจอะไรทั้งนั้น...คงเพราะวาระสุดท้ายของชีวิตได้มาถึงแล้ว การที่นางพยาบาลสาวเอ่ยถามเรื่องบ้าบอ คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่หมอฉีดให้ เธอจะเป็นภาพหลอน เป็นมายา ผมก็จะโอบรับด้วยความยินดี
"อยากไป เรื่องไหนหรอคะ? "
"..อาจารย์ของข้าเป็นแมวน้อย " ผมนิ่งคิดสักพักก่อนตอบกลับไป นิยายเรื่องนี้ผมเพิ่งอ่านจบ เรื่องราวสนุกดีระหว่างอาจารย์และศิษย์ผจญภัยไปด้วยกัน สังหารภูตผี ตอนจบของทั้งคู่สมบูรณ์พร้อมจนไม่ต้องมีอะไรให้แทรกแซง
ที่ผมอยากเข้าไปในนิยายเรื่องนั้นก็เป็นเพราะว่า ตัวประกอบคนหนึ่ง..เขาหลงผิดไป รักคนผิด ไว้ใจคนผิด เลยต้องตายอย่างน่าสงสาร เป็นแค่ตัวประกอบธรรมดาที่สร้างมาชูความเด่นของพระเอก
ผมสงสารเขา..ผมอยากช่วย อยากมอบความรักให้กับเขา อยากเป็นที่พึ่ง..ไม่อยากให้เขาต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป
" ถ้าเข้าไปแล้ว..ถ้าผมทำอะไรไป เนื้อเรื่องจะเปลี่ยนหรือเปล่า..พระเอกกับนายเอกจะยังได้รักกันอยู่มั้ย" ผมถามเพ้อเจ้อออกไป
"แน่นอนสิคะ" เธอคนนั้นอมยิ้มขบขัน ราวกับว่าสิ่งที่ผมเอ่ยถามมันช่างไร้สาระนัก
"ตกลงครับ..ผมพร้อมแล้ว" ผมเกร็งตัวเล็กน้อย เพื่อรอรับแรงกระแทกหรืออะไรบางอย่าง
" หลับให้สบายนะคะ คุณอาทิตย์.." เธอลูบอกผมเบาๆคล้ายกล่อมเด็กทารก ผมจึงคอยๆผ่อนคลายตาม หลับตาพริ้มเข้าสู่ห้วงฝันดี..
.
.
ในนิยายเรื่อง อาจารย์ของข้าเป็นแมวน้อย มีตัวประอบอาภัพผู้หนึ่งมีนามว่า ชิงหมิง เขาคือคณิกาชายไร้แซ่ เป็นเพียงลูกหลานของคนอพยบเผ่าหู่ที่ขายเขา แลกกับเงินเพื่อเดินทาง ชิงหมิงเรียนรู้ที่จะรับแขกตั้งแต่อายุไม่กี่สิบหนาว ความฝันของเขาก็เหมือนคณิกาทั่วไปนั่นก็คือ การมีคนๆหนึ่งสามารถไถ่ตัวเขา รับเขาไปอยู่ด้วยในจวน และเสวียนหลีก็คือคนที่ทำให้เขาได้เข้าใกล้ความฝันนั้น เสวียนหลีเป็นบุตรชายพ่อค้าเกลือผู้มั่งคังที่สุดในเมืองฉางอาน เขาหลอกชิงหมิงว่าหากลวงเอาของสิ่งหนึ่งมาจากโม่เฟยหลง (พระเอกของเรื่อง)ได้ จะยอมไถ่ชิงหมิงและรับมาเลี้ยงดูอย่างดีที่จวน ของสิ่งหนึ่งที่ว่า..มันคือพลังปราณของโม่เฟยหลง เนื่องจากเขามิใช่บุรุษธรรมดา แต่เป็นถึงจอมมารในนรกมาเสวยชาติ พลังของเขาแกร่งกล้าสามารถ และผู้ที่สามารถซึมซับและส่งต่อพลังสูงค่าก็มีเพียงชิงหมิง
ชิงหมิงคอยขโมยพลังปราณให้เสวียนจิ่งอยู่นานเกือบสองปี จนกระทั่งวันหนึ่ง โม่เฟยหลงรู้เรื่องนี้เข้า..ด้วยความโมโหเขาจึงขโมยทรัพย์สินของชิงหมิงแล้วหนีไป ..คุณชายโม่ จอมมารผู้มาเสวยชาติเป็นมนุษย์ บารมีของเขามีมากมายทั้งเซียนบนฟ้าทั้งผีร้ายในนรกต่างยกย่องเขา คณิกาอย่างชิงหมิงจะไปทำอะไรได้? เขาจึงหนีออกจากหอนางโลมในวันนั้นเอง หนีไปพึ่งใบบุญของเสวียนหลี..ผู้ที่เคยบอกกับเขาว่า ‘สักวันหนึ่งข้าจะไถ่ตัวเจ้า’ แต่แล้วความจริงก็ตีแสกหน้า
เมื่อถึงหน้าประตูใหญ่หน้าคฤหาสน์ตระกูลเสวียน ยามร่างยักษ์สองคนไม่ยอมให้เขาเข้าพบ ซ้ำร้ายยังไล่เขาไม่ต่างจากหมูจากหมา ในวันที่หิมะโปรยชิงหมิงมิรู้ว่าจะเพิ่งใครได้ ร้องแรกแหกกระเชิงอยู่เกือบชั่วยาม คุณชายผู้ให้ความหวังนั้นก็ไม่ปรากฏตัว ชิงหมิงเดินอย่างท้อใจเพื่อไปอาศัยนอนในศาลเจ้าร้างที่อยู่ท้ายตลาด เขากลับหอนางโลมมิได้แล้ว สถานที่แห่งนั้นมีบทลงโทษที่รุ่นแรงนักสำหรับผู้ทรยศ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างเขาจะถูกแม่เล้าแล่เนื้อทีละชิ้นจนตาย ครั้นจะตามไปเอาเรื่องโม่เฟยหลงก็มิได้อีกเช่นกัน คุณชายโม่บุตรชายคนโตของเจ้าสำนักปราบปีศาจโม่ คนไม่มีวรยุทธ์อย่างเขาจะปีนบันไดสี่พันขั้นในฤดูหนาว เพื่อไปร้องทุกข์ได้อย่างไร?
ในคืนนั้นเองชิงหมิงนอนหนาวตายอย่างน่าอนาจ ศพถูกทิ้งให้เน่าเปื่อยเป็นอาหารสัตว์อย่างน่าสมเพช กว่าที่โม่เฟยหลงจะรู้ว่าชิงหมิงอดีตคณิกาคนโปรดตาย เวลาก็ผ่านเลยมานานถึงห้าปีแล้ว ชิงหมิงที่เป็นวิญญาณร้ายออกอาละวาดจนถูกพระ/นาย ของเรื่องปราบ วิญาณของเขาแตกสลายเป็นอนู กลายเป็นละอองวิญาณเล็กๆที่ไม่สู่วัฏสงสาร
.
.
กลางดึกอันเงียบสงัดชิงหมิงคณิกาชายเดินร่อแร่ท่ามกลางอากาศหนาวมาหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกลูเสวียน หนุ่มน้อยร่างบางพยามกระชับเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกสีด่างเอาไว้ต้านแรงลม หน้าประตูบานใหญ่ทาสีแดงมีเวรยามหน้าขึงขังสองคนยืนเฝ้าอยู่อบ่างแข็งขัน ชิงหมิงเอ่ยปากตะกุตะกักขอร้องให้ชายร่างใหญ่ตามนายน้อยเสวียนออกมาพบตน
“ถุ้ย!!! แค่โสเพณีผู้หนึ่ง กล้ากำเริบเสิบสานเรียกหานายน้อยเชียวหรือ! ” ชายร่างยักษ์ถ่มน้ำลายลงบนพื้น ตะโกนด่าเยาะเย้ยชิงหมิงอย่างดูถูก
“มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย!” ชายอีกคนตะโกนไล่
“ดะได้โปรด ขะข้าต้องการพบนายน้อยเสวียนจริงๆ” ชิงหมิงรู้สึกจนตรอก เหตุใดบ่าวสองคนนี้จึงไม่เข้าไปตามนายท่าน..หรือว่านายท่านไม่อยู่?
“ไสหัวไป! นายท่านมิได้สั่งไว้ ห้ามคนนอกเข้าพบ!”
นายท่านมิได้สั่ง..
“ข้าไม่เชื่อ!!! นายท่าน!! นายท่าน!! ชิงหมิงขอพบท่าน! นายท่านเสวียน! ได้โปรด!!” คณิกาชายตะโกนเรียกเสียงดัง เขาไม่เชื่อหรอกว่านายท่านเสวียนจะมิยอมให้เขาเข้าพบ เขาเคย..เขาเคยมาที่นี่สองครั้งแล้ว ยามสองคนนี้ก็จำหน้าเขาได้
“อ๊ะ!! ไอ้บ้านี่! บอกให้ไปก็ไปสิเว้ย!” ยามคนหนึ่งพลักชิงหมิงจนล้มกลิ้งอยู่ที่พื้น หากปล่อยให้โสเพณีผู้นี้ตะโกนต่อไปเกรงว่าพวกเขาทั้งสองอาจโดนหัวหน้าพ่อบ้านไล่ออก
ชิงหมิงล้มกลิ้งไปบนพื้นหิมะเฉอะแฉะ ใบหน้างดงามเริ่มเหเกขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่ง น้ำตาสายน้อยไหลเอ่อล้นจากขอบตา ..เขานี่มันโง่จริงๆ เชื่อชายผู้นั้นได้อย่างไร บุตรชายเศษฐีค้าเกลือจะรับเขาเป็นอนุในจวนได้อย่างไร.. เขาก็แค่โสเพณีต่ำต้อย
ชายร่างเล็กค่อยๆหยัดตัวยืนขึ้น.พยามเดินสะเปะสะปะไปยังศาลเจ้าเซียนท้อท้ายตลาด สถานที่ที่มารดาพาเขามากราบไหว้ก่อนจะขายเข้าหอโคมเขียว ..เวลาผ่านไปเกือบสิบปีนับจากครั้งล่าสุด เซียนท้อแต่เดิมก็ไม่ค่อยมาคนกราบไหว้ นานวันเข้าก็คนก็ลืมเลือนการมีอยู่ของที่แห่ง เขาพยามจุดไฟที่อ่างทองเหลืองโดยใช้กระดาษหนังสือสวดมนต์เก่าๆ แต่ทว่ามันคงจะชื้นเกินไป..ไม่ว่าพยามอย่างไรก็ไม่เป็นผล
ชิงหมิงทรุดตัวนั่งลงที่เบาะเก่าขาด คราวนี้เขาปล่อยน้ำตาร้องไห้โฮอย่างน่าสงสาร เป็นคณิกาชายก็น่าสมเพชพออยู่แล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีที่ไปอีก..เห็นทีเขาคงต้องหนาวตายที่นี่เป็นแน่
ความคิดเห็น