ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตัวประกอบที่รัก-

    ลำดับตอนที่ #2 : เสวียนหลี

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 65


    เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็พบกับความมืดสลัว เบี่ยงหน้ามาทางซ่ายก็พบว่าไม่ไกลนักมีเทียนในครอบแก้ว ถูกจุดอยู่หนึ่งเล่ม อากาศในห้องเย็นสบายเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนอนต่อ..แต่เขานอนต่อไม่ได้แล้ว 

    ชายร่างอ้วนดีดตัวขึ้นลุกนั่งในแทบจะทันที เขาเริ่มมองสำรวจทุกอย่างด้วยความบ้าคลั่ง! มือของเขาหนาเตอะทั้งยังดำคล้ำราวกับคากิต้มพะโล้ สายตาคมกริบเหลือบไปเห็นถาดทองเหลืองที่รองชุดน้ำชา ด้วยความรีบร้อนคากิข้างนั้นก็คว้าสิ่งที่ต้องการมาโดยที่ไม่สนชุดน้ำชาสวนงามที่กระแทกลงบนพื้น..

    ..เสียงแตกร้าวของจอกชา ไม่ระคายหูเลยสักนิด ซ้ำยังมีเสียงกรุ้งกริ้งคล้ายระฆังแก้ว 

    ชายร่างอ้วนมองใบหน้าอัปลักษ์ของตนเองผ่านกระจก นึกสงสัยอยู่ในใจว่านี่คือผู้ใดกัน? และทันใดนั้นเองเขาก็นึกขึ้นมาได้..ก่อนหน้านี้เขาขอมาอยู่ในนิยาย..เพื่อช่วยเหลือตัวประกอบที่น่าสงสารนั่นมิใช่หรือ? ความทรงจำของเจ้าของร่างไหล่บ่าเข้าสูสมองด้วยความรวดเร็ว..

    ที่แท้เขาคือตัวร้ายแสนกระจอกในเรื่อง..เป็นเสวียนหลีนั่นเอง

    “ข้า..” ชายร่างอ้วนมองเงาร่างตัวเอง รูปร่างเขาอ้วนมากจนเกินคำว่าท้วมไปไกลลิบ หน้าท้องหนาเต็มไม่ด้วยไขมันทำให้นั่งหลังตรงแทบไม่ไหว 

    “คุณชาย! เป็นกระไรหรือเปล่าของรับข้าน้อยได้ยินเสียงของแตก” บ่าวรับใช้นามว่าฝู่เซิงวิ่งตาตื่นเข้ามาหา 

    “..ไม่มีกระไร มา..ช่วยข้าใส่รองเท้าหน่อย ข้าจะออกไปหอหยกสักหน่อย” เสวียนหลีอ้วนจนใส่รองเท้าเองไม่ได้ ต้องเรียกบ่าวรับใช้มาปรนนิบัติจนเคยชิน 

    “อีกไม่กี่ชั่วยามก็เช้าแล้ว..เหตุใดท่านจึงไม่นอนก่อนค่อยไปรุ่งขึ้นล่ะขอรับ” ฝู่เซิงถามด้วยความสงสัย แต่กระนั้นมือเขาก็ยังสวมรองเท้าให้อีกฝ่าย 

    “มีเรื่องที่ต้องไป มาๆประครองข้าลุกที” 

    หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จเสวนหลีก็เดินอุ้ยอ้ายออกจากเรือนนอน จนกระทั่งเดินมาจนถึงประตูใหญ่ ในจังหวะที่ก้าวออกมาเวรยามสองคนมีสีหน้ากระอักกระอวนแปลกๆชวนสงสัย 

    “มีกระไร” ทำหน้าเหมือนอยากจะปิดบังอะไรอย่างนั้น 

    “เอ่อนายท่าน..จะออกไปไหนหรือขอรับ..” ยามคนหนึ่งเอ่ยทักอย่างเอ่ยทักอย่างอึกอัก เมื่อสักครู่เพิ่งจะไล่คณิกาผู้นั้นออกไปได้แท้ๆ เกรงว่าเสียงดังโวยวายนั่นจะรบกวนการพักผ่อนของเจ้านาย

    “มีใครมาหาข้าหรือเปล่า..” มิรู้ทำไมปากเขาจึงเอ่ยถาม  

    “เอ่อ..เมื่อครู่มีคณิกาชายผู้หนึ่งมาหาท่าน..แต่ข้าน้อยไล่มันไปตามที่คุณชายสั่งแล้วขอรับ” 

    “อะไรนะ!!! ชิงหมิงมาหาข้า??! เหตุใดไม่รีบแจ้ง!” เสวียนหลีเอ่ยอย่างร้อนรน หัวใจของเขากระตุกวูบ..นึกอยู่แล้วเชียวว่าตนเองต้องโผล่มาในสถานการณ์คับขันเช่นนี้้ คืนนี้เป็นคืนที่ชิงหมิงตายอย่างโดดเดียว น่าสงสารที่สุด! 

    “คะ คุณชายสั่งว่า ‘ห้ามผู้ใด’รบกวนมิใช่หรือขอรับ?” 

    “เอ่อ..ช่างเถอะ! เอารถม้ากับผ้านวมตามข้าไปที่ศาลเจ้าร้าง เร็วๆด้วย! ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว!” เสวียนหลีรีบวิ่งหายไปในเงามืดอย่างไม่เกรงกลัว ฝู่เซิงที่ตามหลังมาติดๆร่ำรี้ร่ำไรมิกล้าตามไป แต่ไหนแต่ไรนายท่านเป็นคนขี้ขลาดที่สุด เหตุใดเวลานี้จึงกล้าวิ่งฝ่าความมืดไปได้อย่างนั้น 

    “เอาโคมกระดาษมา!” 

    .

    .

    เสวียนหลีวิ่งอุ้ยอ้ายมาจนสุดตลาด ก็พบกับศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่งที่ขาดการดูแล เขาเคยอ่านนิยายเรื่องนี้มาได้หลายปีแล้ว รายละเอียดยิบย่อยก็ลืมสิ้นไปหมด แต่ทว่าตั้งแต่เข้ามาอยู่ร่างนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกเติมเต็มด้วยความทรงจำของเสวียนหลี เขาไม่ร่ำไรอีกต่อไปพลักประตูเก่าผุเข้าไปภายในทันที  

    เงาร่างอรชรอ้อนแอ้นนอนล้มอยู่ที่พื้นหินเย็นเยียบ เสวียนหลีรีบรุดเข้าช้อนตัวผู้เคราะร้าย ประคองคนตัวเล็กขึ้นมาเพ่งพิศ ใบหน้าขาวผ่องราวดวงจันทร์มีกลุ่มผมปอยหนึ่งนุ่มลื่นดุจเส้นไหมคลุมอยู่บางเบาที่นวลแก้ม เขารู้มาจากในหนังสือว่าชิงหมิงมีรูปร่างหน้าตางดงามยิ่งกว่าอิสตรี ผิวของเขาเนียนนุ่มราวกับองค์หญิงผู้มิเคยต้องแดดฝน กลิ่นกายหอมกรุ่นคล้ายดอกไป่เหอ แต่ทุกอย่างที่เคยจินตการไว้เทียบกลับความจริงตรงหน้ามิได้เลย 

    ชิงหมิงงดงามเปี่ยมเสน่ห์ ใบหน้าอยามหลับใหลดูแล้วชวนใจสงบ หัวใจของเสวียนหลีเต้นรัวสูบฉีด ไม่แปลกใจสักนิดเหตุใดโม่เฟยหลงจึงถูกใจตามติดอยู่ตั้งสองปี 

    โชคดีเหลือเกินที่น่างนี้ยังอุ่นอยู่

    “ชิงหมิง..ชิงหมิง” มืออ้วนหนาของแตะเบาๆที่แก้มใส สีผิวดำคล้ำกระดำกระด่างราวกับบ่าวไพร่ทำงานหนัก ตัดกับผิวนวลละอออมชมพู 

    มันอัปลักษณ์ถึงเพียงนี้..แต่ชิงหมิงก็ยังรักมันอย่างโง่งม 

    เห้อ..น่าสงสารแท้ 

    “อะ..อื้อ คะ คุณชายเสวียน!” ขนตาแพรหนาไหวกระพื่ม ก่อนแก้วตาดำขลับจะปรากฏ ชิงหมิงคณิการ่างเล็กลืมตาเบิกกว้าง โพเข้ากอดชายอัปลักษ์ กำปั้นน้อยทุบตีจนสุดแรงเพื่อระบายแค้น

    “ท่าน!! เหตุใดจึงมาช้า! เหตุใดจึงไม่รีบออกมา! ฮื่ออ..ข้านึกว่า ข้านึกว่า..” กำปั้นน้อยแม้ทุบสุดแรงก็ไม่แม้แต่จะสร้างความเจ็บปวด กลับกันเสวียนหลีกลับรู้สึกเหมือนนวมนิ่มต่อยเขามากกว่า

    “ข้า..เป็นข้าเองที่ผิดต่อเจ้า ชิงหมิง..ต่อไปนี้ข้าจะดูแลเจ้าเอง กลับจวนไปกับข้านะ” แววตาของเสวียหลีล้ำลึกหนักแน่นต่างจากก่อนหน้านัก ชิงหมิงคุ้ยเคยกับแววตาดอกท้อวาจาหวานเชื่อมของเสวียนหลีมามาก แต่ลักษณะเช่นนี้เขาเพิ่งเคยประสบพบเจอเป็นครั้งแรก หัวใจดวงน้อยไหวระริก..ใบหน้าขาวหยวกเริ่มเห่อแดง อากาศหนาวหนาวเหน็บสามารถฆ่าคนตายได้ พลันอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด

    “นายท่าน! นายท่าน! ข้าน้อยมาแล้วของรับ!” เสียงอาฝู่ดังแววมาจากข้างนอก เสวียนหลียิ้มออกมาอย่างคลายใจ เขาลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลประคองชิงหมิงแผ่วเบา 

    “มาเถิด เจ้าหนาวมากแล้ว ดูใบหน้าเจ้าแดงก่ำอย่างกับคนจับไข้” 

    “ข้ามิได้หนาว..” ชิงหมิงเอ่ยเสียงเบาหวิว เวลานี้เขารู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก รู้สึกอุ่นมากกว่าครั้งไหนๆในชีวิต

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×