คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : เรื่องราวในป่า
ในเขตป่าที่อุดมสมบูรณ์ของอาญาจักรแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก เป็นที่ตั้งของปราสาทสวยงามขนาดใหญ่ของพระราชาผู้ปกครองอาณาจักร ราชาองค์ก่อนและองค์ปัจจุบันปกครองอาณาจักรได้อย่างดีเยี่ยม อาณาจักรสงบสุขและเจริญรุ่งเริง แต่น่าเศร้าที่อายุของราชาและราชินีองค์ปัจจุบันไม่ยืนนาน พวกเขาสิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุตอนที่เจ้าชาย ลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขามีอายุเพียง10ขวบ
ปกติเจ้าชายเป็นเด็กที่ดื้อ ไม่ค่อยฟังใครนอกจากพ่อแม่ พอคนเป็นพ่อแม่ตายไปทั้งคู่ เจ้าชายจึงกลายเป็นเด็กหัวดื้อ ใจร้อน พวกผู้ใหญ่พูดอะไรก็ไม่ค่อยยอมฟัง มี ‘อาร์มิน’และ‘มิคาสะ’ ลูกของพวกคุณนางคนสนิทของพระราชาและราชินีที่เจ้าชายยอมรับฟัง และขุนนางบางคนที่เจ้าชายยอมฟังแค่บางเรื่องเท่านั้น
ในช่วงแรกที่พระราชาและราชินีสิ้นพระชนม์ ผู้คนในอาณาจักรต่างเศร้าเสียใจกันไปทั่ว พวกขุนนางคนสนิทของพระราชาทำหน้าที่ปกครองอาณาจักรแทนเพราะเจ้าชายยังไม่ถึงวัยที่จะขึ้นครองราชย์ พวกขุนนางคนสนิททำหน้าที่ดูแลอาณาจักรได้ดีไม่ต่างกับตอนที่พระราชายังมีชีวิตอยู่ พวกประชาชนดีใจที่การปกครองยังคงดีอยู่ ผู้คนอยู่ดีกินดีและอาณาจักรยังสงบสุขเหมือนเดิม พวกคนนอกวังไม่รู้เลยว่าภายในวังมีเรื่องที่น่ากังวลอยู่
เรื่องน่ากังวลคือเจ้าชายไม่ยอมเรียนรู้เรื่องการปกครองเมือง เอาแต่ฝึกการต่อสู้และเรื่องที่ดูหัวรุนแรง การเรียนด้านอื่นก็เรียนแค่ภาษาเท่านั้น จนพวกขุนนางต่างกลุ้มใจ เป็นแบบนี้แล้วจะขึ้นครองราชย์ได้ยังไง หลังจากกลุ้มใจกับปัญหานี่อยู่ซักพัก พวกขุนนางก็เจอทางออก โดยพวกเขาให้อาร์มินและมิคาสะพูดหว่านล้อมเจ้าชายจนเจ้าชายยอมเรียนเรื่องอื่นเพิ่มเติมนอกจากเรื่องที่สนใจบ้าง ถึงเจ้าชายจะไม่ตั้งใจเรียนทุกอย่างเหมือนที่คนรอบข้างหวังไว้ แต่พวกเขาที่คิดว่ามันก็ดีกว่าการที่ปล่อยไว้เฉยๆ
พวกขุนนางยังคงความกังวลเรื่องนิสัยของเจ้าชายอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ จนผ่านไป8ปี เจ้าชายโตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มที่มีนิสัยห้าวและใจร้อน เขาสูงประมาณ180 ร่างกายมีกล้ามแขนและกล้ามหน้าท้องสมกับที่ชอบทำเรื่องที่ใช้เรื่อง
เจ้าชายกำลังจะมีอายุครบ18ในอีกไม่กี่วัน ในวันที่เจ้าชายอายุครบ18ปีจะเป็นวันฉลองวันเกิดและวันขึ้นครองราชย์ในวันเดียวกัน พวกคนในวังยังคงกังวลอยู่ว่าเมื่อเจ้าชายหัวดื้อและเรียนการปกครองมาแค่นิดเดียวได้กลายเป็นพระราชา การปกครองจะเป็นยังไง
คืนในวันที่ฝนตกหนัก เป็นคืนก่อนเช้าวันที่เจ้าชายจะจัดงานฉลองวันเกิดอายุ18ปีและอวยพรการขึ้นครองราชย์ของเจ้าชาย มีหญิงร่างสูงในชุดคลุมมีฮู้ดสีดำมาขอพักที่ปราสาท อาร์มินเด็กหนุ่มผมทองร่างสูงเป็นคนอนุญาตให้หญิงสาวแปลกหน้าเขามาพัก เธอกล่าวขอบคุณ แต่เมื่อเจ้าชายมาเห็น เขากลับไล่เธอออกไปอย่างเสียมารยาท ซึ่งมันทำให้หญิงสาวโกรธมาก
หญิงสาวแปลกหน้าแสดงตัวออกมาว่าเธอคือแม่มด เธอโกรธมากที่โดนไล่อย่างไร้มารยาท แม่มดร่างสูงสาปทหารและคนใช้ทุกคนในปราสาทให้เป็นนกหลากหลายชนิด และพวกนึกบินหนีออกจากปราสาทไปในป่าตามสัญชาตญาณ
แม่มดสาปให้พวกขุนนาง มิคาสะและอาร์มินเป็นสัตว์ป่าชนิดอื่นโดยคงความนึกคิดเหมือนคนไว้ให้ ส่วนเจ้าชายที่เป็นต้นเหตุทำให้เธอโกรธ เธอสาปให้เขาหลายเป็นอสูร มีขนสีดำยาวปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง มือใหญ่มีเล็บแหลม ท่อนล่างมีสภาพเหมือนขาหลังของสิงโตแต่สามารถยืนสองขาได้ ใบหน้าคล้ายสัตว์ดุร้ายมีเขาเหมือนแพะงอกขึ้นมาที่หัวสองข้าง สัตว์ร้ายสีดำยังคงมีความนึกคิดของมนุษย์อยู่ ที่เป็นแบบนั้นเพราะแม่มดต้องการให้เจ้าชายเจ็บปวดกับร่างอสูรที่แสนน่าเกลียดน่ากลัว
เจ้าชายในร่างอสูรสีดำคำรามอย่างบ้าคลั่งเมื่อรับรู้ว่าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไป แม่มดหัวเราะชอบใจเสียงดัง
“ถ้าแกมีคนที่แกรู้สึกรักจริงๆซักคน ตอนนั้นฉันจะมาหาแกแล้วบอกวิธีถอนคำสาปให้ แต่สภาพนี้คงมีหรอกนะ” แม่มดหัวเราะชอบใจหลังพูดจบ และหายตัวไป
ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ มีเส้นทางสะดวกสำหรับไปปราสาทแปรเปลี่ยนเป็นป่าที่มีต้นไม้ขึ้นทับเส้นทางเต็มไปหมด ไม่มีทางเดินที่เป็นที่เป็นทาง ป่าที่สวยงามกลายเป็นป่ารกทึบ รถม้าและเกวียนไม่สามารถผ่านเส้นทางในป่าได้ เสียงคำรามของอสูรดังก้องในป่าทึบ
ป่าที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนสภาพไปทำให้คนผู้ที่อาศัยอยู่รอบๆป่ารู้ว่าป่าโดนสาป ผู้คนส่วนใหญ่ต่างไม่อยากเข้าไปในป่า และตั้งแต่ป่าถูกสาปไม่เคยมีใครเห็นพวกคนในปราสาทอีกเลย ข่าวคราวก็ไม่มี จนผู้คนต่างคิดว่าเจ้าชายกับพวกขุนนางตายกันหมดแล้ว
ข่าวลือว่าเรื่องป่าถูกสาปและคนในปราสาทคงตายกันหมดแล้วแผ่กระจายไปทั่วอาณาจักรอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ป่าต้องสาป และเมื่อข่าวไปถึงอาณาจักรข้างๆว่าพวกขุนนางและเจ้าชายคงตายไปหมดแล้ว พระราชาของอาณาจักรใกล้เคียงจึงมายึดพื้นที่การปกครองของอาณาจักรแห่งนี้ แต่ประชาชนก็ไม่คัดค้านการปกครองหรือประท้วงกันเพราะการปกครองของอาณาจักรข้างเคียงไม่ได้สร้างผลเสียอะไรให้กับประชาชนมากนัก
นับจากวันที่เจ้าชายโดนสาป ไม่มีใครกล้าเข้าไปในป่ารกทึบ เรื่องที่เจ้าชายต้องมีคนรักจึงเพื่อถอนคำสาปจึงเป็นเหมือนกับเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้
วันเวลานับตั้งแต่เจ้าชายโดนสาป ผ่านไป1ปีกว่า...
ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่นอกเมืองหลวง มีบ้านของชายหัวล้านอายุเกือบ60ไว้หนวดจนยาวชื่อพิกซิส เขาทำอาชีพเป็นพ่อค้าผ้า ต้องเข้าออกเมือง ไปขายของที่ต่างเมืองบ่อยๆ เขามีลูกสาวและลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวเป็นลูกคนที่สองชื่อ‘เพ็ตโทร่า’ เธอมีผมสีน้ำตาลออกทอง เป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งแต่ก็มีความอ่อนโยนและเรียบร้อยในตัว ลูกชายซึ่งเป็นลูกคนแรก อายุห่างจากน้อง4ปีแต่ส่วนสูงห่างจากคนเป็นน้องแค่2เซนต์ เรื่องนี้ทำเอา‘รีไวล์’หงุดหงิดในบางครั้ง อายุของเขาก็ตั้ง30แล้ว คงสูงไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว คิดแล้วก็น่าหงุดหงิดเป็นผู้ชายแท้ๆแต่ดันสูงแค่160เซนต์
ทั้งรีไวล์และเพ็ตโทร่ายังไม่ได้แต่งงาน รีไวล์เคยมีแฟนมาหลายคนแต่ก็คบกันได้ไม่นานซักคน ส่วนเพ็ตโทร่า ตอนนี้กำลังมีคนที่ดูๆกันอยู่ ถึงจะเห็นทะเลาะกันบ่อยๆแต่ก็ดูท่าจะรักกันดี
วันหนึ่ง รีไวล์กับเพ็ตโทร่ากับรีไวล์อยู่บ้านกันสองคนเพราะพ่อไปค้าขายที่เมืองข้างๆเมื่อ4วันก่อน ซึ่งอีกซักพักก็จะได้เวลาที่กลับมาแล้ว เพ็ตโทร่าทำอาหารเที่ยงรอพ่อกลับมา ส่วนรีไวล์กำลังตากผ้าที่เพิ่งซักเสร็จ ปกติงานบ้านหลักๆของที่บ้านรีไวล์จะเป็นคนทำทั้งหมด อาจจะฟังดูแปลก แต่รีไวล์เป็นคนที่รักความสะอาดและชอบทำความสะอาดมากกว่าผู้หญิงปกติซะอีก
ซักพักพิกซิสก็กลับบ้านมา แต่ท่าทางดูตื่นตระหนกมากและกลับพร้อมกับม้าแค่ตัวเดียว ไม่มีเกวียนขนของ พิกซิสเดินกึ่งวิ่งมาดึงตัวรีไวล์เข้าไปในบ้านและเดินไปหาเพ็ตโทร่า พยายามตั้งสติและเล่าเรื่อง
เรื่องที่ออกมาจากปากชายวัยสูงอายุเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่เพราะท่าทางที่ตกใจมากของพิกซิสทำให้พวกรีไวล์คิดว่าคนเป็นพ่อไม่ได้โกหก
เรื่องราวที่พิกซิสเล่ามาคือ เขาเดินทางกลับจากเมืองข้างๆโดยใช้เส้นทางที่ใกล้กับป่าต้องสาป มีเรื่องเกิดขึ้นระหว่างทางทำให้เขาต้องทิ้งเกวียนขนของและขี่ม้าหนี แต่ม้ามันดันเตลิด วิ่งเข้าไปในป่าต้องห้าม ในป่า พิกซิสเจอกับอสูรตัวใหญ่ มันมีขนสีดำปกคลุมทั้งร่างกายและสวมผ้าคลุมสีเข้มผืนใหญ่
ในตอนแรกมันพยายามฆ่าเขา แต่เพราะพิกซิสเผื่อหลุดปากพูดออกไปว่ามีลูกสาว อสูรเลยบอกว่าจะปล่อยพิกซิสไปและให้ลูกสาวของเขามาที่บ้านเป็นการตอบแทน โดยให้ผูกผ้าที่อสูรให้มาแล้วจะเข้ามาในปราสาทได้อย่างปลอดภัย
ด้วยความตกใจในตอนนั้นทำให้ชายสูงอายุรับคำ ก่อนปล่อยตัวมันพูดทิ้งท้ายไว้ว่าถ้าไม่ส่งตัวลูกสาวมาภายใน3วันมันจะออกมาจากป่าเพื่อฆ่าเขากับลูกซะ แล้วหลังจากนั้นมันจึงปล่อยชายแก่ที่กำลังตกใจกลัวกลับมาที่บ้าน
เมื่อจากพิกซิสเล่าจบ ทั้งสามคนก็ไม่มีใครพูดอะไร เกิดความเงียบขึ้นในบ้าน จนซักพักหนึ่ง...
“ฉันจะไปแทนเอง” รีไวล์พูดขึ้น ทำลายความเงียบภายในบ้าน
ความคิดเห็น