ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Allริน(Free!) รวมฟิครินเคะ

    ลำดับตอนที่ #2 : Fic Free! (Makota x Rin) : Test the Braveness

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 57


    Title : Test the  Braveness

    Pairing : Makoto x Rin

    Rate : PG-13

    ฟิคเนื่องในวันฮาโลวีนที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับฮาโลวีนค่ะ (ฮา)



    **************************************************
       

           เวลาสองทุ่มกว่า ท้องฟ้าด้านบนมืดและเต็มไปด้วยดวงดาวดูสวยงามน่าดู ปกติเวลานี่พวกนักเรียนม.ปลายควรจะอยู่บ้านกันหมดแล้ว ที่นี่เป็นต่างจังหวัด ไม่มีที่ให้เที่ยวเล่นนอกบ้านเหมือนในเมืองกรุง อยู่ที่บ้านยังจะมีอะไรให้ทำมากกว่า แต่ที่หน้าอาคารซึ่งถูกปล่อยร้างแห่งหนึ่ง มีเด็กชายกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้า

                    “จะเข้าไปกันจริงๆหรอ...?” มาโคโตะถาม น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าเขากลัว เป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มแต่ดันขี้กลัวที่สุดในกลุ่มซะงั้น ตอนนี้เขายืนหลบอยู่ด้านหลังฮารุกะ

                    “แน่นอน เตรียมพร้อมไว้แล้วก็ต้องเข้าไปสิ” เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มหันตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง เขาเป็นคนต้นคิดการมาทดสอบความกล้าที่นี่

                    เด็กหนุ่มขี้กลัวมองอาคารร้างที่มีสองชั้นด้านหน้า ในหัวคิดไปมากมายว่าจะมีสิ่งลี้ลับอะไรโผล่ออกมาบ้างตอนเขาเข้าไป เขาไม่อยากมาที่นี่เลย แต่นางิสะกับเรย์จะมากัน ฮารุก็ถูกนางิสะกล่อมให้มาจนได้ เขาเลยต้องตามมาด้วย ก็รู้อยู่หรอกว่านางิสะเป็นพวกชอบคิกทำอะไรบ้าๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะชวนมาทดสอบความกล้ากันในวันฮาโลวีนแบบนี้ เด็กหนุ่มตัวเล็กหาอาคารร้างนี่เจอได้ยังไงก็ไม่รู้ และคนที่จัดการเตรียมของในอาคารร้างนั่นในตอนเย็นก็คือนางิสะ

                     “รุ่นพี่ฮารุกะ รินซังกับโมโมทาโร่คุงไปไหนหรอครับ?” เรย์ถามหานักเรียนโรงเรียนซาเมะสึกะสองคนที่บอกว่าจะมาเล่นเกมทดสอบความกล้าด้วยหลังจากที่นางิสะโทรไปชวน ทั้งสองคนบอกว่าจะมานอนค้างบ้านฮารุกะเพราะกลับไม่ทันรถไฟเที่ยวสุดท้ายแน่ๆ เรย์ก็นึกว่าพวกเขาจะมาถึงที่ที่นัดกันไว้พร้อมรุ่นพี่ฮารุกะ แต่ไม่ตอนนี้ยังไม่เห็นเลย

                   

                    หมับ

                    อยู่ดีๆก็มีมือมาวางบนไหล่ของมาโคโตะ

                    “แฮ่...” ตามด้วยเสียงนิ่งเรียบราวกับไร้ความรู้สึกจากด้านหลัง

                    “เหวอ!” มาโคโตะเด้งตัวหนีจากมีปริศนานั้นทันที ทุกคนหันมามองร่างสูงเป็นตาเดียว

                     “ถ้ากลัวขนาดนี้ก็ไม่ต้องมาก็ได้นะมาโคโตะ“ เด็กหนุ่มผมแดง เจ้าของมือที่จับไหล่ของคนขี้กลัวเมื่อครู่พูดอย่างเห็นใจปนสงสาร ใกล้ๆกันมีเด็กหนุ่มผมสีส้มแดงยืนกินขนมปังอยู่ด้วยท่าทางชิวๆ

                    “สวัสดีครับ” โมโมทาโร่ทักทายทุกคน

                     “ริน อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ” มาโคโตะพูด เมื่อกี้ใจหายหมดเลย

                    “นิดหน่อยเอง” ร่างเพรียวตอบด้วยรอยยิ้มทะเล้น

                    “รินซังไปไหนมาหรอครับ?” เรย์ถามคนที่เพิ่งมา

                    นัยน์ตาสีแดงมองไปที่รุ่นน้องข้างตัว เป็นการชี้ตัว “พาหมอนี่ไปหาซื้อของกินมาน่ะ” หลังจากนั้นก็หันไปหาเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม “มากันครบหมดแล้วใช่มั้ย?”

                    “อือ มาจับฉลากเลือกคู่กันเถอะ” นางิสะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอก หยิบฉลากกระดาษแบบพับที่ทำไว้ทั้งหมดหกอันออกมาและยื่นมือไปด้านหน้า

                    คนที่เหลือสี่คนเดินไปยืนอยู่ใกล้ๆเด็กหนุ่มผู้แสนจะร่าเริงทั้งๆที่อยู่หน้าตึกร้างและยื่นมือไปหยิบกระดาษในมือนั้นคนละชิ้น

                    หลังจากทุกคนได้กระดาษกันครบทุกคนแล้ว นางิสะก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร่าเริง “เอาล่ะ ใครได้เลข 1 ยกมือขึ้น! ตอนที่พูดว่า ยกมือขึ้น เด็กหนุ่มยกมือตัวเองขึ้นด้วย อีกคนที่ยกมือขึ้นคือโมโมทาโร่คู่ที่ 2 คือ เรย์กับฮารุกะ คือที่3 รินกับมาโคโตะ

                    “กติกาคือ เข้าไปในตึกร้างนั่นแล้วไปเอาลูกปิงปองที่อยู่บนชั้นสองมา ก่อนเข้าไปเดี๋ยวฉันให้แผนที่กับไฟฉายคู่ละ 1 กระบอก คู่ไหนที่ทำไม่สำเร็จหรือใช้เวลาเยอะที่สุดถือว่าแพ้ พรุ่งนี้เราจะมาคิดเกมลงโทษกันที่บ้านของฮารุจัง” เด็กหนุ่มผมทองตัวเล็กอธิบายด้วยสีหน้าร่าเริงอย่างที่เขาเป็นอยู่ประจำ

                    รินหันมองคนตัวสูงข้างตัวด้วยความกังวลนิดหน่อย... รู้สึกว่าโอกาสแพ้ของคู่ตัวเองมีสูงมากกว่าคู่อื่นเลย

                    “คู่แรกคือฉันกับโมโมะจัง ฝากจับเวลาด้วยนะเรย์จัง”

                    “อือ”

                    “ผมจะพยายามให้เต็มที่เลยครับ” โมโมทาโร่พูดกับนางิสะท่าทางตั้งใจเต็มที่

                    รินมองรุ่นน้องของตัวเองเดินเข้าไปในตึกกับเพื่อนต่างโรงเรียน เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ตอนที่ทั้งสองคนออกมา รู้แค่ว่าทั้งสองคนออกมาเร็วกว่าที่คิดไว้ สีหน้าของพวกนางิสะตอนที่เดินออกมาจากอาคารร้างยังดูสดใสเป็นปกติอยู่เลย เหมือนไปทำสำรวจสถานที่มากกว่าทดสอบความกล้า ต่อมความกลัวของสองคนนี้มันอยู่ลึกจริงๆ

                    ต่อไปเป็นตาของคู่ฮารุกะกับเรย์ หลังจากทั้งสองคนเดินเข้าไปได้ซักพัก รินได้ยินเสียงรุ่นน้องต่างโรงเรียนแหกปาก นั่นทำให้มาโคโตะที่ยืนอยู่ข้างๆเขากลัว คิดว่าเรย์เจอผี แต่เด็กหนุ่มผมแดงกลับคิดว่าที่เรย์ร้องเพราะโดนฮารุคงพูดอะไรให้รุ่นน้องร่างสูงกลัว ทั้งสองคนไปหยิบลูกปิงปองออกมาได้สำเร็จ ใช้เวลาเยอะกว่าพวกนางิสะ เรย์เดินตามหลังฮารุกะที่ยังคงหน้านิ่งได้เสมอออกมา สีหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นน้องดูหวาดกลัวนิดหน่อย

                    “เรย์ ฉันได้ยินเสียงนายร้อง ข้างในมีอะไรหรอ?” มาโคโตะถามด้วยน้ำเสียงกลัวนิดๆ

                    “ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่รุ่นพี่ฮารุกะแต่งเรื่องผีเกี่ยวกับในบ้านนั้นให้ผมฟัง มันน่ากลัวจนผมเผลอร้องออกมาแค่นั้นเอง”

                    “มาโคโตะ นายไหวแน่นะ ถ้านายไม่ไหวฉันเข้าไปคนเดียวก็ได้”  รินถาม

                     “ฉันไม่เป็นไรหรอก ถ้าปล่อยให้นายเข้าไปคนเดียวฉันคงรู้สึกกังวลมากกว่า”

                     “อือ... ฮารุขอไฟฉายกับแผนที่หน่อย” รินหันไปหาคนหน้านิ่งที่ยื่นอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้ของร่างเพรียวก็เดินเข้าไปในอาคารโดยร่างสูงเดินตามมาติดๆจนจะชิดแผ่นหลังของเขาอยู่แล้ว แน่นอนว่ารินเป็นคนถือทั้งไฟฉายและแผนที่ พอเดินเข้ามาด้านในได้ซักพักร่างเพรียวก็หยุดยืน ใช้ไฟฉายในมือส่องดูแผนที่ที่นางิสะเขียนขึ้นมาแบบหยาบๆ บอกแค่ว่าขึ้นชั้นสองไปแล้วเลี้ยวขวาตรงทางเดิน เข้าไปในห้องทางซ้าย มีกระป๋องใส่ลูกปิงปองวางอยู่

                    เด็กหนุ่มฉายไฟไปรอบๆ ที่นี่เป็นอาคารไม้ทั้งหลัง เพราะความเก่าของมันทำให้เวลาเดินมีเสียงพื้นไม้ดังตั้งแต่เดินเข้ามาข้างใน ดูจากสภาพแล้วที่นี่คงเคยเป็นหอพักมาก่อน เด็กหนุ่มส่องไฟหาบันไดขึ้นไปชั้นสอง เจอมันสุดทางเดิน ด้านขวาซึ่งห่างออกไปมากพอสมควร เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า

                     เอี๊ยด... เอี๊ยด...

                     เสียงพื้นไม้ดังก้องไปทั่ว  มาโคโตะเกาะไหล่รินแน่น นัยน์ตาสีเขียวมองไปรอบๆท่ามกลางความมืด บางห้องประตูและหน้าต่างเปิดอยู่ แสงจันทร์และดาวส่องผ่านหน้าเข้ามาทำให้เด็กหนุ่มตัวสูงพอเห็นด้านในว่ามันเก่าและรก  

                    แกร๊ง...

                    “เหวอ!” ร่างสูงร้องและรีบโผล่กอดเอวของคนตัวเล็กกว่าตรงหน้าทันที ทำเอารินเซไปข้างหน้านิดหน่อย มาโคโตะซุกหน้าไหล่ของริน

                    “ผีออกมาแล้ว...ฮือ...” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลอ่อนพูดเสียงกลัว

                     “มาโคโตะ...ฉันเผลอไปเตะกระป๋องน่ะ” รินพูดพลางตบแขนแกร่งที่กอดเอวเขาอยู่เบา

                     “ที่นี่น่ากลัวอะ ขอเดินไปทั้งแบบนี้ได้มั้ย?” เงยหน้าขึ้นมาพูด

                     “ไม่ได้ มันเดินไม่ถนัด เอามือออกเลย”

                     “โธ่...” ถึงไม่อยาก แต่มาโคโตะก็เอามือออกแต่โดยดี

                     รินหันหน้าไปจะเดินต่อ แต่มือหน้าของคนด้านหลังเอือมมาจับมือเขาไว้ซะก่อน รินหันไปมองเจ้าของมือที่ยืนเยี่ยงไปด้านหลัง

                    “งั้นขอเดินไปทั้งๆที่จับมือได้มั้ย?”

                    “...อือ” 

                    แสงจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้องทำให้รินเห็นว่ามาโคโตะยิ้มออกมาบางๆ

                    ทั้งสองคนเดินหน้าต่อไปโดยที่มาโคโตะเปลี่ยนมาเดินข้างๆริน ข้างในนี้น่ากลัวน้อยกว่าที่รินคิดไว้ ตอนเดินผ่านห้องห้องหนึ่งซึ่งประตูถูกเปิดไว้ เด็กหนุ่มผมแดงฉายไฟส่องเข้าไปในห้อง สิ่งที่เห็นมีแต่ห้องเปล่าที่รกและคงสกปรกน่าดู ตลอดเวลาที่เดินเสียงพื้นไม้ดัง มาโคโตะก้มหน้ามองมือของตัวเองที่จับอยู่กับร่างเพรียวข้างตัวตลอดจนเดินมาถึงบันได ทั้งสองก้าวขึ้นไปโดยมีแสงจากไปฉายส่องขั้นบันได ทุกอย่างดูปกติจนกระทั่งทั้งสองคนถึงขั้นที่ห้า

                     “เหวอ!” ร่างสูงร้องเสียงดังเมื่อเห็นอะไรบางอย่างตัวเล็กๆวิ่งผ่านเท้าเขาลงไป มาโคโตะถอยไปเบียดกับริน ด้วยความตกใจคนถูกเบียดเผลอปล่อยและก้าวถอยหนีไปด้านหลังโดยลืมไปชั่วขณะว่ามันเป็นพื้นที่ต่างระดับ

                    “เฮ้ย!” รินเหยียบพลาด เขาเสียหลัก

                     โครม

                     เด็กหนุ่มผมแดงล้มลงไปกองอยู่ที่พื้นปลายบันได ไฟฉายกลิ้งอยู่ใกล้ตัว ดีที่มันไม่ตกลงมาแล้วดับ

                     “ริน!” มาโคโตะรีบเดินลงมาหาคนที่นั่งกองอยู่กับพื้น “เป็นอะไรมากมั้ย?” เขาคุกเข่าลงไปช่วยพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น

                     “ไม่เป็นไร...เจ็บ!” รินร้องออกมาเมื่อลุกชันเขาเข่าแล้วความเจ็บแปล๊บเกิดขึ้นที่ข้อเท้า มือเรียวจับอยู่เหนือบริเวณข้อเท้าที่เจ็บ สีหน้าของมาโคโตะเต็มไปด้วยความกังวลและห่วง

                     “ริน เราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ”

                     “ไม่” ร่างเพรียวตอบกลับทันที

                     “แต่นายเจ็บอยู่”

                     “ไหวน่า” เจ็บแค่นี้เอง เขาไม่ยอมกลับไปโดยที่ไม่ได้ลูกปิงปองกลับไปหรอก แพ้แบบนั้นมันน่าอาย “มาโคโตะ ขอขี่หลังหน่อย”

                     “เอ๋!?”

                     “อะไร ท่าทางแบบนั้นน่ะ จะบอกว่าแบกฉันไม่ไหวหรอ?” ดวงตาเรียว นัยน์ตาสีแดงหรี่มองคนตัวสูงกว่าในความมืด

                     “ไม่ใช่... แต่ฉันไม่กล้าเดินอยู่ข้างหน้าน่ะ...มันน่ากลัว...”

                    “นายเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้นะ รับผิดชอบด้วยสิ!” รินพูดเสียงหนักแน่นแล้วหยิบไฟฉายส่องหน้าคนตัวสูงกว่าที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้าง มาโคโตะหันหน้าหนีและยกแขนแขนขึ้นมาบังตา

                    “แต่ว่า...” ร่างสูงพยายามขัด

                     “มา-โค-โตะ” รินเน้นเสียงที่ละคำอย่างหนักแน่น เป็นอันรู้กันว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอม เขาก็จะไม่ฟังคำพูดของอีกฝ่ายเหมือนกัน ร่างสูงยอมแพ้กับความหัวดื้อของอีกฝ่าย ถ้าปล่อยให้รินที่ขาเจ็บขึ้นไปข้างบนคนเดียวมันอาจเกิดเรื่องน่ากลัวกว่า

                    “ก็ได้ ก็ได้...” มาโคโตะคุกเข่าหันหลังให้ริน ร่างเพรียวพยุงตัวไปใกล้ร่างสูงอย่างระวังไม่ให้ข้อเท้าเจ็บมาก เขาโน้มตัวเข้าหาแผ่นหลังของร่างที่ใหญ่กว่า แขนทั้งสองข้างโอบรอบคออีกฝ่ายไว้อย่างหลวมๆ มาโคโตะยกตัวรินขึ้นได้อย่างสบาย

                    รินคอยส่องไฟฉายนำทางให้ มาโคโตะเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆ เสียงไม่ดังเอี๊ยดอ๊าดยังคงได้ยินชัดเจนและก้องไปทั่ว ทำให้มาโคโตะรู้สึกกลัวมากกลัวเดิม แต่แล้วความกลัวนั้นก็ต้องถูกขัดเมื่อร่างเพรียวก้มหน้ามาใกล้เขาและหายใจรกต้นคือเขา         

                     “...”

                     เอี๊ยด... เอี๊ยด... 

                     มาโคโตะแบกรินมาถึงชั้นสอง เขาหยุดยืนอยู่ปลายบันได แสงจากด้านนอกทำให้เขาพอเห็นทางแค่นิดหน่อย รินส่องไฟฉายในมือสำรวจทั่ว ทางเดินข้างบนนี้มีทางแยกไปด้านขวาด้วย

                     “ริน ไปทางไหนต่อ?”

                    “แป๊บนะ” เสียงนั้นดังขึ้นใกล้หู

                     ตึก...

                     เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นมาผิดกาลเทศะแล้ว... เด็กหนุ่มร่างสูงแอบตำหนิตัวเอง

                     “มาโคโตะ”

                    เสียงนุ่มดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง ร่างสูงรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงมากกว่าเดิม

                     “เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา” คนบนหลังพูดพร้อมกับส่องไฟชี้ทาง

                     “อือ”

                      ตอนนี้ความรู้สึกของมาโคโตะตีกันไปมั่วไปหมด ใจหนึ่งก็กลัวจนอยากจะร้องออกมา อีกใจหนึ่งก็ตื่นเต้น รู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าปกติเพราะลมหายใจและน้ำเสียงนุ่มที่ดังขึ้นใกล้ตัวกว่าปกติ ทั้งรู้สึกแย่และรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน เขาทำตัวไม่ถูกเลย

                     “มาโคโตะ ห้องทางซ้าย” รินพูดพร้อมกับชี้ไปยังประตูห้องที่บอก

                     มาโคโตะหยุดชะงัก เสียงทุ่มนุ่มนั่นดังขึ้นมาใกล้หูอีกแล้ว ร่างสูงได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นดัง ถ้าที่นี่สว่างรินคงได้เห็นหน้าที่ขึ้นสีแดงแน่ๆ

                    “มาโคโตะ?”

                    “อือ ทางซ้ายสินะ” มาโคโตะพยายามคุมสติตัวเองไว้ เขาเดินไปในห้องตามที่รินส่องไฟนำทาง ประตูห้องถูกเปิดอ้าไว้

                    ภายในนั้นโล่ง มาของวางละเกะละกะอยู่ที่พื้นนิดหน่อย มาโคโตะเดินเข้าไปเกือบกลางห้อง รินส่องไฟหากระป๋องใส่ลูกปิงปอง เจอมันว่าอยู่ที่มุมห้อง

                     “มาโคโตะ กระป๋องอยู่นั่น นายเดินไปนั่งคุกเข่าตรงนั้น เดี๋ยวฉันเก็บเอง”

                    เสียงนุ่มดังขึ้นที่ข้างหูอีกแล้ว มาโคโตะยังคงใจเต้นรัว

                    “อือ” ร่างสูงตอบออกมาได้แค่นี้ เขาพยายามคุมสติตัวเองอยู่ ถ้ามันเตลิด เรียวแรงเขาคงหายไปหมด ไม่มีแรงพารินออกไปข้างนอกแน่ เด็กหนุ่มเดินไปที่มุมห้อง พวกเขาเก็บกระป๋องลูกปิงปองมาได้สำเร็จ ขากลับมาโคโตะรีบก้าวเท้าเดิน จะได้รีบออกจากที่ที่น่ากลัวนี่เร็วๆ

     

                    “อ๊ะ! รินจัง เกิดอะไรขึ้นหรอ?” นางิสะถามขึ้นเมื่อมาโคตักับรินออกมา

                     “ตกบันไดน่ะ ไม่เป็นไรมาก แค่เจ็บข้อเท้า ทายาแล้วเดี๋ยวก็คงหาย”

                     “ความผิดฉันเองแหละ” มาโคโตะพูดขึ้นเสียงเศร้า

                    “ช่างมันเถอะ” รินพูดก่อนจะหันไปหาโมโมทาโร่ที่ยืนอยู่ใกล้ “โมโมะ มาช่วยแบกฉันไปบ้านฮารุหน่อย”

                     “เอ๋!? รุ่นพี่รินท่าทางตัวหนักอะ ผมไม่ไหวหรอก” รุ่นน้องบ่น

                     “ไม่ลองก็ไม่รู้ มาโคโตะ ให้ฉันลง”   

                    “ให้รินไปนอนบ้านฉันก็ได้นะ เดี๋ยวฉันแบกไปเอง”

                    “จะดีหรอ?” ร่างเพรียวมองใบหน้าด้านข้างของคนตัวใหญ่ที่หันมามองเขา

                     “อือ” มาโคโตะตอบพร้อมรอยยิ้มบาง มันถือเป็นการรับผิดชอบ

                    “งั้นก็ตามนี้ ฮารุ วันนี้ฉันไปนอนบ้านมาโคโตะนะ” รินหันไปบอกฮารุกับโมโมทาโร่ ฮารุส่งเสียงอือเป็นคำตอบ

                     “ฉันจะบอกผลการแข่งก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านนะ” เสียงร่าเริงของเด็กหนุ่มตัวเล็กดังขึ้น “ฉันกับโมโมะจังได้ที่หนึ่ง เรย์จังกับฮารุจังได้ที่สอง รินจังกับมาโกะจังแพ้ พรุ่งนี้ไปเจอกันที่บ้านฮารุจังและเตรียมเล่นเกมลงโทษนะ” นางิสะพูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

                     หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ระหว่างทางกลับบ้านของมาโคโตะ มีเพียงเสียงฝีเท้าที่รินและมาโคโตะได้ยิน ร่างเพรียววางคางของตัวเองไว้บนแขน ใบหน้าของคนทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของร่างสูงเต้นแรงจนเจ้าตัวกลัวคนตัวเล็กกว่าบนหลังจะได้ยิน มาโคโตะพยายามตั้งสติไว้... เขาอยากจะพูดสิ่งหนึ่งออกมา

                    “...”

    “...”

    “ริน...”

                    “หือ?” เด็กหนุ่มผมแดงหันมองใบหน้าของร่างสูงที่อยู่ใกล้จนแทบชิดกัน

                     “...ขอโทษนะที่ทำให้แพ้”

                     “...” รินมองหน้ามาโคโตะนิ่งอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่ใบหน้าสวยจะประดับด้วยรอยยิ้มบาง

                     “ไม่เป็นไรหรอกน่า นายทำได้ดีแล้วล่ะ”

                     มือเรียวขยี้ผมสีน้ำตาลคนตัวใหญ่เบาๆ

                    “...”

                    รอยยิ้มและท่าทางนั่นทำให้มาโคโตะใจเต้นหนักกว่าเดิม เขารู้สึกว่าแก้มของตัวเองเริ่มขึ้นสี เด็กหนุ่มละสายตาจากใบหน้าสวยและก้มหน้างุด ไม่อยากให้รินเห็นตัวเองตอนเขิน   

                    ที่บ้านของมาโคโตะ ครอบครัวของเด็กหนุ่มร่างสูงต้อนรับรินด้วยความยินดี รินอาบน้ำอีกครั้งแม้จะอาบก่อนออกมาจากบ้านฮารุกะแล้ว คืนนี้มาโคโตะยกเตียงของตัวเองให้เด็กหนุ่มผมแดง รินที่เปลี่ยนมาใส่เสื้อของมาโคโตะ ร่างเพรียวล้มตัวนอนบนเตียงนุ่มและหลับอย่างรวดเร็วในขณะที่เจ้าของห้องยังอาบน้ำอยู่

                    เอี๊ยด

                    ประตูถูกเปิดออก มาโคโตะที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จมองไปที่เตียงของตัวเองก่อนจะปิดประตูลงให้เบาที่สุด เขาเดินเข้าไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างนุ่มนวล ร่างสูงยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาสีเขียวจ้องมองใบหน้าสวยที่กำลังหลับอย่างสบายบนที่นอนนุ่ม หัวใจในอกด้านซ้ายของมาโคโตะเต้นเสียงดัง ในหัวของเขามีความต้องการผุดขึ้นมา และยังไม่ทันได้คิดว่าควรจะทำดีมั้ย ร่างกายเขาก็เริ่มลงมือทำแล้ว

     

                     “...”

     

                     ริมฝีปากได้รูปกดลงที่แก้มเนียนของรินอย่างอ่อนโยน มาโคโตะกดปากค้างไว้เพียงอึดใจก่อนจะถอยห่างออกมาจากแก้มนุ่ม เขามองดูใบหน้าสวยอีกครั้ง ริมฝีปากได้รูปของเด็กหนุ่มร่างสูงยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

                    “ราตรีสวัสดิ์ ริน”

                     น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น

                   

     

    END.

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×