ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : หน้าต่างห้องนอน
          เช้าวันใหม่  เอ็มไพร์ลืมตาขึ้นมองเพดาลห้องอย่างประหลาดใจ แสงว่างส่องเข้ามาในหน้าต่าง
 
              “อะไรกันนี่ เราตื่นตอนกลางวัน......”
              “ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ใครน่ะ!”
            “เคทีย์เองค่ะ  คุณหนู” 
            “เข้ามาเลยครับ...ประตูไม่ได้ล็อค”
      ป้าเคทีย์เดินเข้ามาพร้อมกับนำเสื้อผ้าชุดใหม่ทาให้เอ็มไพร์เปลี่ยน
            “คุณหนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านี่ เสร็จแล้วก็ลงไปรับประทานอาหารกับนายท่านที่ห้องโถงนะค่ะ”
            “ขอบคุณมากครับป้า” เอ็ทไพร์กล่าวกับนางอย่างสุภาพ
            “คุณหนูคงเหนื่อยมากสินะคะ....เราทุกคนคิดถึงคุณหนูมาทีเดียว”
            “ผมก็คิดถึงทุกคนเหมือนกัน....”
            “มานี่สิ..มาให้ป้ากอดให้หายคิดถึงหน่อยสิ...” นางพูดพลางยื่นมือขึ้นมา
นางกอดเอ็มไพร์ซะแน่น...แล้วก็ปล่อยพลางปาดน้ำตาออกจากแก้ม
          “คุณหนูรีบเถอะค่ะ ทุกคนรอแย่แล้ว”
         
              เคทีย์เดินออกไปจากห้อง  เอ็มไพร์มองลอดหน้าต่างผ่านม่านบางๆออกไป มองเห็นทิวสนและท้องฟ้าครึ้ม อากาศเย็นสบาย เขาลุกจากเตียงอันอบอุ่นแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างกระปรี้กระเปร่า
       
            เอ็มไพร์เดินออกจากห้อง ไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดง ผ่านผนังไม้ที่สลักเสลาอย่างสวยงาม
เชิงเทียนทองเหลือง  และกรอบภาพสีน้ำมันที่มีชีวิตชีวา  เพดาลโค้งมน  นี่คือบ้านหรือนี่ เด็กชายรำพึงกับตัวเองถึงสิ่งที่ใฝ่หามาช้านาน
       
        เมื่อเขาเดินผ่าน        คนในบ้านต่างกล่าวต้อนรับ และทักทายอย่างเป็นมิตร คำว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ/ค่ะ คุณหนู” ลอยเข้ามาในหูตลอดทางเดินจนถึงหน้าบันไดใหญ่  เขามองเห็นโต๊ะอาหารที่จัดอย่างหรูหราราวกับงานเลี้ยงขนาดย่อมๆ  ท่านรอยด์  ท่านโรแนน และเรเซีย นั่งรออยู่ที่นั้นต่างเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา รวมทั้งป้าเคทีย์ที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะ
       
            “รีบลงมาสิเอ็มไพร์” ท่านรอยด์เรียก
     
            เก้าอี้ทางขวาของท่านรอย์ว่างอยู่  เขทรุดตัวลงนั่งตรงนั้น ข้างๆเรเซีย
     
            “เป็นไงเมื่อคืนหลับสบายดีไหม”  เรเซียกระซิบถาม
       
            “ก็ดีนะ”
       
            “เอาล่ะ  วันนี้เป็นวันของเจ้า เอ็มไพร์ ขอให้อร่อยกับอาหารชั้นเลิศ เอาให้สะใจเลยลูกข้า”
 
        อาหารชั้นเลิศ ถูกเสริฟจนเต็มโต๊ะ เลือดสีแดงบริสุทธ์ในแก้ว พร้อมน้ำเปล่า ทุกคนร่วมรับประทานอาหารอย่างสนุกสนาน และสนทนากันอย่างออกรสถึงการพจญภัยของเอ็มไพร์  และขณะที่คุยกันอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งใส่ชุดหนังสีดำเข้ามากระซิบที่หูของท่านรอยด์ ท่านรอยด์พยักหน้าให้ท่านโรแนนแล้วหันมาพูดกับเอ็มไพร์
     
            “กินกันต่อนะ เอ็มไพร์ เรเซีย  พ่อมีงานด่วนเข้ามา”
     
            “ครับ/ค่ะ” ทั้งคู่ตอบรับพร้อมกัน
  ท่านรอยด์และท่านโรแนนรีบร้อนมากอย่างเห็นได้ชัด
       
              “พวกเขาไปไหนกันเหรอ”  เอ็มไพร์ถามอย่างสงสัย
       
            “ก็อย่างนี้ทุกวันแหละ  ตอนอาหารเช้าน่ะ  คงเกี่ยวกับเรื่องของสมาพันธ์นั้นแหละ”
       
            “สมาพันธ์อะไร...”
       
            “เอาแบบที่ผู้ใหญ่เขาเรียกกันใช่ป่ะ”
       
            “อึม”
     
            “เขาเรียกกว่า  สมาพันธ์ เด็กไม่เกี่ยวไง...ก็เห็นพ่อข้าเขาพูดอย่างนี้ทุกทีเวลาที่ข้าถามอ่ะ......อิอิอิ”
     
            “รีบกินเข้าเถอะ  ข้ามีอะไรให้เจ้าดู แล้วเราจะไปเที่ยวกัน”
     
            “งั้นก็ดีเลย” “แก๊ง!” เอ็มไพร์รวบช้อนเข้าด้วยกัน “เราอิ่มแล้วล่ะ”
   
            “อึม......ถ้างั้นก็ตามสิ”
   
                ทั้งคู่ลุกจากเก้าอี้  เรเซียเดินนำไปที่เตาผิงขนาดยักษ์ที่มีไฟลุกโชนอยู่  ข้างๆเตผิงมีสายโซ่สองสายห้อยจากเพดาล เรเซียกระตุกเส้นที่อยู่ทางขวามือสุดสองครั้ง  ทันใดนั้น  เปลวไฟก็แหวกออกเป็นสองข้าง เผยให้เห็นบันใดวนยาวลงสู่เบื้องล่าง เราลงมาลึกพอสมควร  แล้วเราก็มาถึงห้องใต้ดิน มีประตูเหล็กที่ดูน่าเกรงขามและแข็งแรงอยู่เบื้องหน้า
       
          “ติ๊ก!” เรเซียกดปุ่มในกำแพงข้างประตู ที่มีปุ่มอยู่ 9 ปุ่ม เธอกดไปบนปุ่มหมายเลข 5  ก้อนอิฐก้อนหนึ่งข้างๆปุ่กดพลิกกลับด้าน กลายเป็น จอ LCD ที่มีภาพของชายหนุ่มงีบหลับปุ๋ยบนโต๊ะทำงาน....
       
            “พี่แฟรงค์.....ไอ้พี่แฟงค์....!”     
     
          “ฮ่ะๆๆๆ.......มีอะไรเหรอ..ฮาววววว” แฟรงค์สะดุ้งตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย
     
          “เปิดประตูสิคะ!”
     
            “เออ....จ้าๆๆ...” “แต๊ก!” เขาพูดอย่างเบื่อหน่ายพลางกดคีย์บอร์ที่อยู่ตรงหน้า แสงปลดล็อก “ครึก!” แล้วประตูก็เปิดออก เอ็มไพร์ก้าวสู่ห้องที่เขาคิดว่าต้องป็นห้องทดลองอะไรซักอย่างเหมือนในหนังวิทยาศาสตร์ที่เขาแอบดูบนต้นไม้ผ่านทางหน้าต่างชาวบ้านเมื่อซักประมาน6 ปีที่แล้ว
       
          “พี่แฟรงค์มีของเล่นใหม่ไหมอ่า..” เรเซียถาม
       
          “เออ...นี่เพิ่งได้มาเมื่อตอนเช้านี่เอง..”เขารีบลุกจากเก้าอี้ทันที ความง่วงเหงา หาวนอน หายไปในพริบตา ประมาณว่าอยากนำเสนอย่างยิ่งประมาณนั้น  เขาเดินไปที่ตู้กระจกที่ปิดสนิท เขากดรหัส 9 ตังลงบนเนื้อกระจกที่เรียบๆ อย่างชำนาน แล้วเขาก็หยิบมีดเล่มแลกๆออกมา มันเป็นมีดที่สวยงามมากโดยเฉพาะลวดลายบนด้ามจับ..
         
            “นี่..คือนวัตกรรมใหม่แห่งยุคเมลเลเนียม!” เขาบอกพลางยืนด้ามมีดให้เรเซียและเอ็มไพร์ดู พลางเลิกคิ้วถาม
         
            “แล้วไอ้หมอนี่ใคร...อ่ะ” เขาถามด้วยใบหน้างงๆ(ประมาณว่าไอ้หมอนี่เข้ามาได้ไง)
         
            “..นี่ล่ะเอ็มไพร์บุตรแห่งท่านรอยด์ไง!” เรเซียแนะนำ
         
            “อ๋อนี่เหรอ  เด็กชายผู้กลับมา” เขากล่าวพลางมองหน้าเอ็มไพร์ให้ชัดๆ
         
            “ข้าคือ แฟรงค์ แม็กคินเลน” เขาแนะนำตัวเอง “ข้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่นานมานี่เอง (20 ปีมาแล้ว)”
         
            “แล้วท่านมาทำอะไรที่นี่” เอ็มไพร์ถาม
         
            “ก็ข้าเป็นนักประดิษฐ์  ข้าวของอิเล็กทรอนิกส์ที่เจ้าเห็น ข้างหลังและก็เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆที่นี่ข้ก็เป็นคนประดิษฐ์มันขึ้น” เขาพูดอย่างภูมิใจ
       
            “แล้วไอ้เจ้านี่มันใช่งานยังไงฮะ?”
         
            “ก็...” แฟรงค์เดินไปที่ตู้เย็น  ยิบลูกแอปเปิลออกมาลูกหนึ่งแล้ววางไว้บนโต๊ะ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง กระดิกมือออกลีลานิดหน่อย แสงเลเซอร์สีแดงพุ่งไปยังผลแอปเปิล  และเมื่อลำแสงดับลง “ฟิ้ว!” มึดลุดออกจากมือด้วยความเร็วสูงพุ่งไปเสียบที่ลูกแอปเปิลลูกนั้นอย่าแม่นยำ
           
              “โอ้โห!” เอ็มไพร์ ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
           
              “ไม่ใช่แค่นี้นะ” เขาพูดอย่างอวดภูมิ และแบมือออกมา มีดก็หลุดจากลูกแอปเปิ้ลมาสู่มือเขาอีกครั้ง        แฟรงค์หมุนที่ท้ายด้ามจับ คลิก.. แสงเลเซอร์ทอดลำออกไปที่ลูกแอปเปิ้ล แล้วพุ่งเสียบลูกแอปเป้ลด้วยควมเร็วสูงอีกครั้ง มันเสียบอยูพักหนึ่ง แล้วก็มีแสงกระพิบ ปิบๆ มันผ่าแอปเปิ้ลออกเป็นแปดชิ้น..
           
              “ฮ่าๆๆๆ....” เขาหัวเราะอย่างภูมิใจ
           
            “อ่ะนี่..” แฟรงค์ โยนแอปเปิลชิ้นหนึ่งให้เอ็มไพร์  “เป็นไง?”
           
            “สุดยอดเลย”  เอ็มไพร์กล่วอย่างชื่นชม
           
            “โอ้ย!เกือบลืม” แฟรงค์นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
           
            “ท่านรอยด์ฝากไอ้นี่ให้นายหนะ “ แฟรงค์ยื่นกุญแจให้เอ็มไพร์ มีเลขสามตัวสลักอยู่บนตัวกุญแจ เอ็มไพร์รับมาอย่าง งงๆ
           
            “หมายความว่าไงเหรอ?” เขาถามเรเซีย
           
            “ก็ตู้เก็บของ  ของเจ้าไง”
         
          “แล้วรหัสอะไรล่ะ” เรเซียถาม เอ็มไพร์ยื่นกุญแจที่มีเลข 010 ให้ดู
         
            “มาตามมาทางนี้” เรเซียนำเขาไปที่ประตูเล็กๆ มันเป็นลิฟต์ มันพาเขาลงไปอีกสองชั้น และเมื่อลิฟต์เปิดออก เปินทางเดินที่ทอดยาว มีตู้กระจกเรียงเป็นตับข้างๆฝา เขาเดิครงไปที่ตู้หมายเลข 010 มีรูกุญแจอยู่ตรงกลาง เมื่อเปิดออก ข้างมีชุดหนังมันขวับและอุปกรณ์ต่างๆมากมาย ดาบเงินอันสวยงามวางอยู่ในนั้น มีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่บนกระเป๋าสีดำ เขาจึงเปิดออกอ่าน
       
       
 
    เอ็มไพร์ลูกรัก...
          เมื่อเจ้าได้เปิดจดหมายฉบับนี้ ข้าคิดว่ากาลเวลาได้ขัดเกลาความคิด จิตใจ และ การกระทำของเจ้าให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล  และเรเซียก็เช่นกัน  ตลอดเวลา 200 ปี ที่ผ่านพ้น อาจจะดูไม่นานนัก แต่มันก็ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น  ข้าจึงขอมอบสิ่งนี้ให้เจ้า เพื่อเจ้าจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน
              กระเป๋าใบนี้ ได้เก็บสิ่งของที่จำเป็นต้องพกติดตัวตลอดเวลาเมื่ออยู่บนโลกภายนอก เจ้าจะทำอะไร
ขอให้เจ้าคิดตริตรองอยู่เสมอ  แล้วข้าจะคอยดูอยู่ห่างๆ ชีวิตอมตะ นี้เป็นของเจ้า  จงรักษามันให้ดี ยินดีต้อนรับกลับบ้าน..
   
                                                                                        รักและห่วงใยเสมอ
                                                                                                ROY
 
          กระเป๋าถูกเปิดออกด้วยมืออันสั่นเทาของเอ็มไพร์  ในกระเป๋านั้นมีสิ่งของมากมายทั้งปืนพร้อม กระสุนโลหะพิเศษ อุปกรณ์สื่อสาร มีกระปุกสีเงินขนาดใหญ่
       
          “นี่อะไรน่ะ” เอ็มไพร์ถาม
       
          “เออ..มันคือ ครีมกันแดดน่ะ”
       
            “อะไรนะ  ครีมกันแดด แสดงว่าเราออกไปเจอแสงแดดตอนกลางวันได้สิ..”
       
            “ก็น่าจะใช่นะ” เรเซียมองเอ็มไพร์ตาละห้อย
       
          “เป็นอะไรไปอ่ะ..เรเซีย” เอ็มไพร์ถามอย่างเป็นห่วง
     
          “ก็ฉันยังไม่ได้เล่นไอ้นั้นเลยอะ  เขาไม่อนุญาติให้ฉันได้ใช้มัน” เรเซียพูดอย่างคอตกและหันหลังให้ทันที
   
          “เดี๋ยว..นี่ของเธอ” เรเซียหันกลับมาเอ็มไพร์ยื่นกุญแจดอกหนึ่งให้ มันมีกระดาษชิ้นเล็กๆเขียยนว่า ฝากให้เรเซียด้วย.. 
 
  เรเซียฉวยกุญแจมาทันที แล้วเปิดตู้ถัดไปทันที มีเสื้อหนังพร้อมขันธนูลายครือไม้ และมีกระเป่าพร้อมกับจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เช่นกัน ทำเอาเรเซียน้ำตาคลอ แล้วกระโดดเข้ากอดอ็มไพร์ทันที
   
            “เราได้เข้าร่วมแล้ว!....เราได้เข้าร่วมแล้ว!...”
 
            “เข้าร่วมอะไร?”
 
            “เราเป็นสมาชิกของสมาพันธ์แล้ว  ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เรเซียหัวเราะอย่างมีความสุข
      <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
 
              “อะไรกันนี่ เราตื่นตอนกลางวัน......”
              “ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ใครน่ะ!”
            “เคทีย์เองค่ะ  คุณหนู” 
            “เข้ามาเลยครับ...ประตูไม่ได้ล็อค”
      ป้าเคทีย์เดินเข้ามาพร้อมกับนำเสื้อผ้าชุดใหม่ทาให้เอ็มไพร์เปลี่ยน
            “คุณหนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านี่ เสร็จแล้วก็ลงไปรับประทานอาหารกับนายท่านที่ห้องโถงนะค่ะ”
            “ขอบคุณมากครับป้า” เอ็ทไพร์กล่าวกับนางอย่างสุภาพ
            “คุณหนูคงเหนื่อยมากสินะคะ....เราทุกคนคิดถึงคุณหนูมาทีเดียว”
            “ผมก็คิดถึงทุกคนเหมือนกัน....”
            “มานี่สิ..มาให้ป้ากอดให้หายคิดถึงหน่อยสิ...” นางพูดพลางยื่นมือขึ้นมา
นางกอดเอ็มไพร์ซะแน่น...แล้วก็ปล่อยพลางปาดน้ำตาออกจากแก้ม
          “คุณหนูรีบเถอะค่ะ ทุกคนรอแย่แล้ว”
         
              เคทีย์เดินออกไปจากห้อง  เอ็มไพร์มองลอดหน้าต่างผ่านม่านบางๆออกไป มองเห็นทิวสนและท้องฟ้าครึ้ม อากาศเย็นสบาย เขาลุกจากเตียงอันอบอุ่นแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างกระปรี้กระเปร่า
       
            เอ็มไพร์เดินออกจากห้อง ไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมสีแดง ผ่านผนังไม้ที่สลักเสลาอย่างสวยงาม
เชิงเทียนทองเหลือง  และกรอบภาพสีน้ำมันที่มีชีวิตชีวา  เพดาลโค้งมน  นี่คือบ้านหรือนี่ เด็กชายรำพึงกับตัวเองถึงสิ่งที่ใฝ่หามาช้านาน
       
        เมื่อเขาเดินผ่าน        คนในบ้านต่างกล่าวต้อนรับ และทักทายอย่างเป็นมิตร คำว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ/ค่ะ คุณหนู” ลอยเข้ามาในหูตลอดทางเดินจนถึงหน้าบันไดใหญ่  เขามองเห็นโต๊ะอาหารที่จัดอย่างหรูหราราวกับงานเลี้ยงขนาดย่อมๆ  ท่านรอยด์  ท่านโรแนน และเรเซีย นั่งรออยู่ที่นั้นต่างเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เขา รวมทั้งป้าเคทีย์ที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะ
       
            “รีบลงมาสิเอ็มไพร์” ท่านรอยด์เรียก
     
            เก้าอี้ทางขวาของท่านรอย์ว่างอยู่  เขทรุดตัวลงนั่งตรงนั้น ข้างๆเรเซีย
     
            “เป็นไงเมื่อคืนหลับสบายดีไหม”  เรเซียกระซิบถาม
       
            “ก็ดีนะ”
       
            “เอาล่ะ  วันนี้เป็นวันของเจ้า เอ็มไพร์ ขอให้อร่อยกับอาหารชั้นเลิศ เอาให้สะใจเลยลูกข้า”
 
        อาหารชั้นเลิศ ถูกเสริฟจนเต็มโต๊ะ เลือดสีแดงบริสุทธ์ในแก้ว พร้อมน้ำเปล่า ทุกคนร่วมรับประทานอาหารอย่างสนุกสนาน และสนทนากันอย่างออกรสถึงการพจญภัยของเอ็มไพร์  และขณะที่คุยกันอยู่นั้นก็มีชายคนหนึ่งใส่ชุดหนังสีดำเข้ามากระซิบที่หูของท่านรอยด์ ท่านรอยด์พยักหน้าให้ท่านโรแนนแล้วหันมาพูดกับเอ็มไพร์
     
            “กินกันต่อนะ เอ็มไพร์ เรเซีย  พ่อมีงานด่วนเข้ามา”
     
            “ครับ/ค่ะ” ทั้งคู่ตอบรับพร้อมกัน
  ท่านรอยด์และท่านโรแนนรีบร้อนมากอย่างเห็นได้ชัด
       
              “พวกเขาไปไหนกันเหรอ”  เอ็มไพร์ถามอย่างสงสัย
       
            “ก็อย่างนี้ทุกวันแหละ  ตอนอาหารเช้าน่ะ  คงเกี่ยวกับเรื่องของสมาพันธ์นั้นแหละ”
       
            “สมาพันธ์อะไร...”
       
            “เอาแบบที่ผู้ใหญ่เขาเรียกกันใช่ป่ะ”
       
            “อึม”
     
            “เขาเรียกกว่า  สมาพันธ์ เด็กไม่เกี่ยวไง...ก็เห็นพ่อข้าเขาพูดอย่างนี้ทุกทีเวลาที่ข้าถามอ่ะ......อิอิอิ”
     
            “รีบกินเข้าเถอะ  ข้ามีอะไรให้เจ้าดู แล้วเราจะไปเที่ยวกัน”
     
            “งั้นก็ดีเลย” “แก๊ง!” เอ็มไพร์รวบช้อนเข้าด้วยกัน “เราอิ่มแล้วล่ะ”
   
            “อึม......ถ้างั้นก็ตามสิ”
   
                ทั้งคู่ลุกจากเก้าอี้  เรเซียเดินนำไปที่เตาผิงขนาดยักษ์ที่มีไฟลุกโชนอยู่  ข้างๆเตผิงมีสายโซ่สองสายห้อยจากเพดาล เรเซียกระตุกเส้นที่อยู่ทางขวามือสุดสองครั้ง  ทันใดนั้น  เปลวไฟก็แหวกออกเป็นสองข้าง เผยให้เห็นบันใดวนยาวลงสู่เบื้องล่าง เราลงมาลึกพอสมควร  แล้วเราก็มาถึงห้องใต้ดิน มีประตูเหล็กที่ดูน่าเกรงขามและแข็งแรงอยู่เบื้องหน้า
       
          “ติ๊ก!” เรเซียกดปุ่มในกำแพงข้างประตู ที่มีปุ่มอยู่ 9 ปุ่ม เธอกดไปบนปุ่มหมายเลข 5  ก้อนอิฐก้อนหนึ่งข้างๆปุ่กดพลิกกลับด้าน กลายเป็น จอ LCD ที่มีภาพของชายหนุ่มงีบหลับปุ๋ยบนโต๊ะทำงาน....
       
            “พี่แฟรงค์.....ไอ้พี่แฟงค์....!”     
     
          “ฮ่ะๆๆๆ.......มีอะไรเหรอ..ฮาววววว” แฟรงค์สะดุ้งตื่นขึ้นอย่างงัวเงีย
     
          “เปิดประตูสิคะ!”
     
            “เออ....จ้าๆๆ...” “แต๊ก!” เขาพูดอย่างเบื่อหน่ายพลางกดคีย์บอร์ที่อยู่ตรงหน้า แสงปลดล็อก “ครึก!” แล้วประตูก็เปิดออก เอ็มไพร์ก้าวสู่ห้องที่เขาคิดว่าต้องป็นห้องทดลองอะไรซักอย่างเหมือนในหนังวิทยาศาสตร์ที่เขาแอบดูบนต้นไม้ผ่านทางหน้าต่างชาวบ้านเมื่อซักประมาน6 ปีที่แล้ว
       
          “พี่แฟรงค์มีของเล่นใหม่ไหมอ่า..” เรเซียถาม
       
          “เออ...นี่เพิ่งได้มาเมื่อตอนเช้านี่เอง..”เขารีบลุกจากเก้าอี้ทันที ความง่วงเหงา หาวนอน หายไปในพริบตา ประมาณว่าอยากนำเสนอย่างยิ่งประมาณนั้น  เขาเดินไปที่ตู้กระจกที่ปิดสนิท เขากดรหัส 9 ตังลงบนเนื้อกระจกที่เรียบๆ อย่างชำนาน แล้วเขาก็หยิบมีดเล่มแลกๆออกมา มันเป็นมีดที่สวยงามมากโดยเฉพาะลวดลายบนด้ามจับ..
         
            “นี่..คือนวัตกรรมใหม่แห่งยุคเมลเลเนียม!” เขาบอกพลางยืนด้ามมีดให้เรเซียและเอ็มไพร์ดู พลางเลิกคิ้วถาม
         
            “แล้วไอ้หมอนี่ใคร...อ่ะ” เขาถามด้วยใบหน้างงๆ(ประมาณว่าไอ้หมอนี่เข้ามาได้ไง)
         
            “..นี่ล่ะเอ็มไพร์บุตรแห่งท่านรอยด์ไง!” เรเซียแนะนำ
         
            “อ๋อนี่เหรอ  เด็กชายผู้กลับมา” เขากล่าวพลางมองหน้าเอ็มไพร์ให้ชัดๆ
         
            “ข้าคือ แฟรงค์ แม็กคินเลน” เขาแนะนำตัวเอง “ข้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่นานมานี่เอง (20 ปีมาแล้ว)”
         
            “แล้วท่านมาทำอะไรที่นี่” เอ็มไพร์ถาม
         
            “ก็ข้าเป็นนักประดิษฐ์  ข้าวของอิเล็กทรอนิกส์ที่เจ้าเห็น ข้างหลังและก็เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆที่นี่ข้ก็เป็นคนประดิษฐ์มันขึ้น” เขาพูดอย่างภูมิใจ
       
            “แล้วไอ้เจ้านี่มันใช่งานยังไงฮะ?”
         
            “ก็...” แฟรงค์เดินไปที่ตู้เย็น  ยิบลูกแอปเปิลออกมาลูกหนึ่งแล้ววางไว้บนโต๊ะ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง กระดิกมือออกลีลานิดหน่อย แสงเลเซอร์สีแดงพุ่งไปยังผลแอปเปิล  และเมื่อลำแสงดับลง “ฟิ้ว!” มึดลุดออกจากมือด้วยความเร็วสูงพุ่งไปเสียบที่ลูกแอปเปิลลูกนั้นอย่าแม่นยำ
           
              “โอ้โห!” เอ็มไพร์ ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
           
              “ไม่ใช่แค่นี้นะ” เขาพูดอย่างอวดภูมิ และแบมือออกมา มีดก็หลุดจากลูกแอปเปิ้ลมาสู่มือเขาอีกครั้ง        แฟรงค์หมุนที่ท้ายด้ามจับ คลิก.. แสงเลเซอร์ทอดลำออกไปที่ลูกแอปเปิ้ล แล้วพุ่งเสียบลูกแอปเป้ลด้วยควมเร็วสูงอีกครั้ง มันเสียบอยูพักหนึ่ง แล้วก็มีแสงกระพิบ ปิบๆ มันผ่าแอปเปิ้ลออกเป็นแปดชิ้น..
           
              “ฮ่าๆๆๆ....” เขาหัวเราะอย่างภูมิใจ
           
            “อ่ะนี่..” แฟรงค์ โยนแอปเปิลชิ้นหนึ่งให้เอ็มไพร์  “เป็นไง?”
           
            “สุดยอดเลย”  เอ็มไพร์กล่วอย่างชื่นชม
           
            “โอ้ย!เกือบลืม” แฟรงค์นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
           
            “ท่านรอยด์ฝากไอ้นี่ให้นายหนะ “ แฟรงค์ยื่นกุญแจให้เอ็มไพร์ มีเลขสามตัวสลักอยู่บนตัวกุญแจ เอ็มไพร์รับมาอย่าง งงๆ
           
            “หมายความว่าไงเหรอ?” เขาถามเรเซีย
           
            “ก็ตู้เก็บของ  ของเจ้าไง”
         
          “แล้วรหัสอะไรล่ะ” เรเซียถาม เอ็มไพร์ยื่นกุญแจที่มีเลข 010 ให้ดู
         
            “มาตามมาทางนี้” เรเซียนำเขาไปที่ประตูเล็กๆ มันเป็นลิฟต์ มันพาเขาลงไปอีกสองชั้น และเมื่อลิฟต์เปิดออก เปินทางเดินที่ทอดยาว มีตู้กระจกเรียงเป็นตับข้างๆฝา เขาเดิครงไปที่ตู้หมายเลข 010 มีรูกุญแจอยู่ตรงกลาง เมื่อเปิดออก ข้างมีชุดหนังมันขวับและอุปกรณ์ต่างๆมากมาย ดาบเงินอันสวยงามวางอยู่ในนั้น มีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่บนกระเป๋าสีดำ เขาจึงเปิดออกอ่าน
       
       
 
    เอ็มไพร์ลูกรัก...
          เมื่อเจ้าได้เปิดจดหมายฉบับนี้ ข้าคิดว่ากาลเวลาได้ขัดเกลาความคิด จิตใจ และ การกระทำของเจ้าให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล  และเรเซียก็เช่นกัน  ตลอดเวลา 200 ปี ที่ผ่านพ้น อาจจะดูไม่นานนัก แต่มันก็ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น  ข้าจึงขอมอบสิ่งนี้ให้เจ้า เพื่อเจ้าจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน
              กระเป๋าใบนี้ ได้เก็บสิ่งของที่จำเป็นต้องพกติดตัวตลอดเวลาเมื่ออยู่บนโลกภายนอก เจ้าจะทำอะไร
ขอให้เจ้าคิดตริตรองอยู่เสมอ  แล้วข้าจะคอยดูอยู่ห่างๆ ชีวิตอมตะ นี้เป็นของเจ้า  จงรักษามันให้ดี ยินดีต้อนรับกลับบ้าน..
   
                                                                                        รักและห่วงใยเสมอ
                                                                                                ROY
 
          กระเป๋าถูกเปิดออกด้วยมืออันสั่นเทาของเอ็มไพร์  ในกระเป๋านั้นมีสิ่งของมากมายทั้งปืนพร้อม กระสุนโลหะพิเศษ อุปกรณ์สื่อสาร มีกระปุกสีเงินขนาดใหญ่
       
          “นี่อะไรน่ะ” เอ็มไพร์ถาม
       
          “เออ..มันคือ ครีมกันแดดน่ะ”
       
            “อะไรนะ  ครีมกันแดด แสดงว่าเราออกไปเจอแสงแดดตอนกลางวันได้สิ..”
       
            “ก็น่าจะใช่นะ” เรเซียมองเอ็มไพร์ตาละห้อย
       
          “เป็นอะไรไปอ่ะ..เรเซีย” เอ็มไพร์ถามอย่างเป็นห่วง
     
          “ก็ฉันยังไม่ได้เล่นไอ้นั้นเลยอะ  เขาไม่อนุญาติให้ฉันได้ใช้มัน” เรเซียพูดอย่างคอตกและหันหลังให้ทันที
   
          “เดี๋ยว..นี่ของเธอ” เรเซียหันกลับมาเอ็มไพร์ยื่นกุญแจดอกหนึ่งให้ มันมีกระดาษชิ้นเล็กๆเขียยนว่า ฝากให้เรเซียด้วย.. 
 
  เรเซียฉวยกุญแจมาทันที แล้วเปิดตู้ถัดไปทันที มีเสื้อหนังพร้อมขันธนูลายครือไม้ และมีกระเป่าพร้อมกับจดหมายหนึ่งฉบับวางอยู่เช่นกัน ทำเอาเรเซียน้ำตาคลอ แล้วกระโดดเข้ากอดอ็มไพร์ทันที
   
            “เราได้เข้าร่วมแล้ว!....เราได้เข้าร่วมแล้ว!...”
 
            “เข้าร่วมอะไร?”
 
            “เราเป็นสมาชิกของสมาพันธ์แล้ว  ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เรเซียหัวเราะอย่างมีความสุข
      <<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น