ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : นอร์เรียเวสท์
                ห้องโถงขนาดใหญ่ประจักษ์ แก่สายตา  เสาหินอ่อนอันวิจิตรงดงามกว่าร้อยต้น เพดาลสูงทรงแหลมรายล้อมด้วยภาพสีน้ำมันอัน
มีชีวิตชีวาและจิตวิญญาณอันสูงส่ง แสงส่องสว่างอย่างนวลตา  กระจกสีสลับเรียงตัวกันอย่างสวยงามน่าพิศวง  ความอบอุ่นแทรกซึมเข้า
สู่ความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย  ความสวยงามนั้นทำให้ความคิดที่เคยพลุ้งพล่านกลับสงบเงียบสงบ... แท่นหินอ่อนอันวิจิตรอยู่ตรงปลายห้อง
โถงนั้น เขายื่นมือไปสัมผัสอย่างช้าๆ  ภาพนิมิตในความรู้สึกกระจ่างขึ้น หญิงสาวผู้หนึ่งหลับใหลอย่างสงบบนแท่นหินอ่อนนั้น กลีบกุหลาบ
โปรยปรายไปกับสายลมอย่างเศร้าสร้อย.....ต้องใบหน้านางอย่างนิ่มนวล........
 
  “เอ็มไพร์!” มีเสียงใครบางคนเรียกให้ตื่นจากความฝันนั้น....  เขาหันหลังกลับไปมอง น้ำตาก็กลับเอ่อล้นออกจากตา  บิดาของเขายืนจ้อง
มอง ด้วยความปลื้มปิติ  .....
      “ท่านรอย!”  เอ็มไพร์ร้องเรียกพลางวิ่งตรงเข้าสู่อ้อมกอดของบิดาที่จากมานานกว่า 200 ปี น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย...
        “เอ็มไพร์......เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา...  ข้านึกว่าจะไม่มีวันได้พบหน้าเจ้าอีกแล้ว” ท่านรอยด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื้นตัน
          “ข้าก็เช่นกัน..พ่อข้า...ท่านไม่รู้หรอกว่า..ข..ข้าคิดถึงท่านมากขนาดไหน”
          “ไม่เอาน่า เจ้าต้องเข้มแข็งสิ..ลูกข้า..  ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”
      “ท่านรอยด์!  ท่านรอยด์!”  มีชายคนหนึ่งวิ่งมาหาท่านรอยด์อย่างเร่งรีบ และต้องหยุดฉงักเมื่อเจอหน้าเอ็มไพร์
      “เอ็มไพร์! ”
    “ท่านโรแนน” เอ็มไพร์แสดงความยินดีที่ได้พบ
    “เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ฮะ” น้ำสียงยินดีไม่แพ้กัน
    “เรื่องมันยาว..ข้าเล่าไม่หมดแน่...”
 
  “เรเซีย! ....เรเซีย!......มาดูสินี่ใคร! เร็ว!”  โรแนนเรียกเรเซีย
สาวน้อย  ตาสีฟ้า  ผมดำยาววิ่งมาอย่างหน้าตาตื่น เธอหยุดยิ้มแล้วกระโดดโผเข้ากอดเอ็มไพร์ด้วยความคิดถึงทันที น้ำตาไหลอาบแก้มทั้ง
สองข้างแล้วพูดอะไรต่างๆนาๆรวดเร็วจนฟังไม่รู้เรื่อง
    “เรเซีย....กับเอ็มไพร์กลับไปก่อนนะ....พ่อมีเรื่องจะปรึกษากับท่านรอยด์สักพัก...” ท่านโรแนนพูดขึ้น
    “เจ้านี่ใจร้ายมากเลย.... จากข้าไปโดยไม่บอกลากันซักคำ...” เรเซียพูออย่างน้อยใจพลางจูงมือเอ็มไพร์เดินออกจากห้องโถงไปทั้งคู่ยืน
อยู่กลางระหว่างสองประตูที่อยู่ตรงข้ามกัน
  “หัวใจแห่งนอร์เรีย!” เรเซียเอ่ยรหัส เสียงก้องในห้อง ทันใดนั้นประตูทั้งสองก็หมุบรอบตัวเขาแล้วก็เลื่อนขึ้นไปข้างบน  ไม่ใช่สิ พื้นที่เยียบ
นั้นกำลังลดต่ำลงสู่เบื้องล่าง  เมื่อมันหยุดลง อุโมงค์ทรงโค้งที่ทอดยาว  ก็อยู่ตรงหน้ามีรถม้าสองคนจอดอยู่ที่นั้นเอ็มไพร์ขึ้นรถม้าอย่างง่าย
ดายโดยไม่เอ่ยปากพูดอะไรเลย
                  รถม้าแล่นออกไปอย่างช้าๆ อุโมงค์ทอดยาวลึกลงไปชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ปรับเป็นแนวระนาบ เรเซียนั้นหลับไปแล้ว แต่เอ็มไพร์
ไม่ยากหลับแม้แต่วินาทีเดียว  เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วเขารู้สึกว่าทางนั้นไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ แล้วอีกสิบนาทีต่อมาอุโมงค์ก็สิ้นสุดลง รถม้าวิ่งไป
ตามทางลูกรังที่ทอดไปตามป่าสนยามค่ำคืนที่มีแสงจันทร์นวลตาส่องสว่างอย่างสวยงาม เส้นทางคดเคี้ยวไปมาตามแนวไม้ที่เรียงรายอยู่ตาม
ทาง  พื้นดินก็ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา.. แล้วเขาก็มองเห็นประตูเมืองที่ตั้งตระง่านอย่างมั่นคง  วันนี้เป็นคืนวันเพ็ญ
กำแพงป้อมต่างๆสวยงามเมื่อกระทบกับแสงจันทร์  ประตูเปิดต้อนรับอย่างอบอุ่น  บ้านเรือนที่สร้างด้วยอิฐและไม้เรียงรายไปตามถนน  แสง
ไฟจากตะเกียงเล็ดลอดออกมาจาหน้าต่าง  ถนนที่เปียกแฉะ คบไฟตามถนนมันสวยงามอย่างสุดจะบรรยาย
  “เรเซียๆ” เอ็มไพร์ปลุกเรเซียให้ตื่น
  “อะไร..เหรอ...หา..ว”  เรเซียพูดอย่างงัวเงีย
  “ที่นี่ที่ไหนเหรอ...?”
  “อ๋อ.. ที่นี่เหรอ...เวสเทิลทาวด์ เราสร้างมันขึ้น ก็พ่อเจ้านั้นแหละพาเรามาอยู่ที่นี่ เราข้ามทะเลมานานหลายปีแล้วหลังจากที่พ่อเจ้าหมด
ความหวังที่จะตามหาเจ้าแล้ว นอร์เรียก็โดนยึดไปกลายเป็นกองบัญชาการของนักล่าแว็มไพร์  เราก็เลยย้ายมาอยู่กันที่นี่...มันซ่อนตัวอยู่ใน
หุบเขาลึกมีเราทำให้มีเมฆปกคลุมตลอดเวลา มีพวกคนของพ่อเจ้าและพ่อข้าช่วยกันสร้างที่นี่ขึ้น...พยายามให้คล้ายคลึงกับ นอร์เรียมากที่สุด
เท่าที่จะทำได้ เราจึงให้ชื่อที่นี่ว่า นอร์เรียเวสท์”
    “แล้ววิหารนั้น...ข้าว่ามันคุ้นๆนะ”
  “เจ้าจำวิหารแห่งนอร์เรียไม่ได้เหรอ  เราสร้างให้เหมือนกับที่อังกฤษเลยนะ” เรเซียถาม
  “ฮึๆ... ข้าจำเจ้าได้ก็บุญแล้ว...เรซียเอ๋ย”
  “อะไร..นี่เจ้า...เคยใกล้ตายบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”
  “เจ้าไม่รู้หรอก ว่า 200 ปีที่ผ่านมานี้มันยาวนานมากสำหรับข้า”
        การสนทนาสิ้นสุดลงทันที ความงามของเวสเทิลทาวสะกดสายตาของเอ็มไพร์ไว้ได้อย่างยาวนาน ก่อนที่เรเซียจะพูดขึ้นมาว่า
    “ขอต้อนรับกลับบ้าน  เอ็มไพร์ “
        สุดถนนโค้ง ไปทิวสนก็สิ้นสุดลง  สะพานทอดยาวข้ามแม่น้ำใหญ่ทอดยาวไป  ปราสาทขนาดมหึมาปรากฏชัดขึ้นในเมฆหมอกยาม
ราตรี ประตูเหล็กเปิดต้อนรับรถม้าวิงเข้าไปในเขตปราสาท แล้วจอด  เอ็มไพร์ก้าวลงจากรถม้าอย่างตื่นเต้นปนกลัว ประตูปราสาทเปิดต้อน
รับ    สาวใช้ที่กำลังตั้งใจกวาดพื้นห้องโถงทำไม้กวาดหลุดมือ  ใบหน้าเธออึ้งอยู่พักนึ่งแล้ววิ่งไปในห้องครัว  เอ็มไพร์ได้ยินเสียงแว่วๆมาจาก
ข้างในนั้น
    “คุณหนู..! คุณหนูกลับมาแล้ว!”  แล้วเสียงเอะอะโครมครามก็ดังขึ้นในห้อง  พร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งออกมาอ่างเร่งรีบ  ป้าเคทีย์นั้นเอง....
แม่บ้านของบ้านเรา..  เธอวิ่งเข้ามาสวมกอดเอ็มไพร์ น้ำตาไหลพร้อมกับร้องให้อย่างเงียบๆ ในขณะที่มือยังคงมีแป้งเค้กอยู่เต็มมือ
  “ป้าคิดว่าจะไม่เจอเธออีกแล้วสิ ....” เธอพูดในขณะที่อ้อมแขนนั้นรัดแน่นเข้าทุกที 
  “ผมก็คิดถึง...ป้า  .และก็ขนมของป้าทุกวันเลยคับ” เอ็มไพร์พูดแล้วพยามยามแงะตัวออกมาเนื่องจากหายใจไม่ออก
  “ป้าเคทีย์ ..ค่ะ”  “ตอนนี้ให้เอ็มไพร์ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ค่ะ” เรเซียแนะ
  “เออ..ใช่สินะ.. ป้าต้องไปทำขนมเพิ่ม..... พักผ่อนซะนะ แล้วตื่นมากินขนมของป้า..”
เธอพูดแล้วก็รีบวิ่งเข้าครัวไปทำขนมอย่างตั้งใจที่สุด เอ็มไพร์มองขึ้นไปรอบๆต้องโถงแล้วก็เดินตามเรเซียไป เธอพาเดินขึ้นบันได แล้วก็เดิน
ไปตามระเบียงทางเดินอันยาวเยียด แล้วหยุดที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง
    “นี่คือห้องของเจ้า..” เรเซีย เอ่ยพลางเปิดประตูห้อง แสงเทียนสว่างขึ้นในห้อง    เตียงสี่เสา ต้องแสงจันทร์ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง
  “ห้องนี้ ....ท่านรอยด์คิดว่ายังไงมันต้องเป็นของเจ้าสักวัน”  เรเซียพูดพลางยื่นกุญแจให้
  “ข้ารอโอกาสนี้ มา 200 ปีแล้ว”
“งั้นก็หลับฝันดีนะ”
“ดีใจที่ได้เจอเจ้าอีก”  เอ็มไพร์พูดขึ้น
“เจ้าเช่นกัน”  เรเซียตอบแล้วก็ปิดประตู
  เอ็มไพร์ล้มตัวลงนอนบนเตียง    แสงเทียนดับลง  การรอคอยสิ้นก็สุดลงเช่นกัน  ข้าอยู่ที่นี่  ข้ากลับบ้านแล้ว.................................
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
มีชีวิตชีวาและจิตวิญญาณอันสูงส่ง แสงส่องสว่างอย่างนวลตา  กระจกสีสลับเรียงตัวกันอย่างสวยงามน่าพิศวง  ความอบอุ่นแทรกซึมเข้า
สู่ความรู้สึกได้อย่างง่ายดาย  ความสวยงามนั้นทำให้ความคิดที่เคยพลุ้งพล่านกลับสงบเงียบสงบ... แท่นหินอ่อนอันวิจิตรอยู่ตรงปลายห้อง
โถงนั้น เขายื่นมือไปสัมผัสอย่างช้าๆ  ภาพนิมิตในความรู้สึกกระจ่างขึ้น หญิงสาวผู้หนึ่งหลับใหลอย่างสงบบนแท่นหินอ่อนนั้น กลีบกุหลาบ
โปรยปรายไปกับสายลมอย่างเศร้าสร้อย.....ต้องใบหน้านางอย่างนิ่มนวล........
 
  “เอ็มไพร์!” มีเสียงใครบางคนเรียกให้ตื่นจากความฝันนั้น....  เขาหันหลังกลับไปมอง น้ำตาก็กลับเอ่อล้นออกจากตา  บิดาของเขายืนจ้อง
มอง ด้วยความปลื้มปิติ  .....
      “ท่านรอย!”  เอ็มไพร์ร้องเรียกพลางวิ่งตรงเข้าสู่อ้อมกอดของบิดาที่จากมานานกว่า 200 ปี น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย...
        “เอ็มไพร์......เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา...  ข้านึกว่าจะไม่มีวันได้พบหน้าเจ้าอีกแล้ว” ท่านรอยด์พูดด้วยน้ำเสียงที่ตื้นตัน
          “ข้าก็เช่นกัน..พ่อข้า...ท่านไม่รู้หรอกว่า..ข..ข้าคิดถึงท่านมากขนาดไหน”
          “ไม่เอาน่า เจ้าต้องเข้มแข็งสิ..ลูกข้า..  ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”
      “ท่านรอยด์!  ท่านรอยด์!”  มีชายคนหนึ่งวิ่งมาหาท่านรอยด์อย่างเร่งรีบ และต้องหยุดฉงักเมื่อเจอหน้าเอ็มไพร์
      “เอ็มไพร์! ”
    “ท่านโรแนน” เอ็มไพร์แสดงความยินดีที่ได้พบ
    “เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ฮะ” น้ำสียงยินดีไม่แพ้กัน
    “เรื่องมันยาว..ข้าเล่าไม่หมดแน่...”
 
  “เรเซีย! ....เรเซีย!......มาดูสินี่ใคร! เร็ว!”  โรแนนเรียกเรเซีย
สาวน้อย  ตาสีฟ้า  ผมดำยาววิ่งมาอย่างหน้าตาตื่น เธอหยุดยิ้มแล้วกระโดดโผเข้ากอดเอ็มไพร์ด้วยความคิดถึงทันที น้ำตาไหลอาบแก้มทั้ง
สองข้างแล้วพูดอะไรต่างๆนาๆรวดเร็วจนฟังไม่รู้เรื่อง
    “เรเซีย....กับเอ็มไพร์กลับไปก่อนนะ....พ่อมีเรื่องจะปรึกษากับท่านรอยด์สักพัก...” ท่านโรแนนพูดขึ้น
    “เจ้านี่ใจร้ายมากเลย.... จากข้าไปโดยไม่บอกลากันซักคำ...” เรเซียพูออย่างน้อยใจพลางจูงมือเอ็มไพร์เดินออกจากห้องโถงไปทั้งคู่ยืน
อยู่กลางระหว่างสองประตูที่อยู่ตรงข้ามกัน
  “หัวใจแห่งนอร์เรีย!” เรเซียเอ่ยรหัส เสียงก้องในห้อง ทันใดนั้นประตูทั้งสองก็หมุบรอบตัวเขาแล้วก็เลื่อนขึ้นไปข้างบน  ไม่ใช่สิ พื้นที่เยียบ
นั้นกำลังลดต่ำลงสู่เบื้องล่าง  เมื่อมันหยุดลง อุโมงค์ทรงโค้งที่ทอดยาว  ก็อยู่ตรงหน้ามีรถม้าสองคนจอดอยู่ที่นั้นเอ็มไพร์ขึ้นรถม้าอย่างง่าย
ดายโดยไม่เอ่ยปากพูดอะไรเลย
                  รถม้าแล่นออกไปอย่างช้าๆ อุโมงค์ทอดยาวลึกลงไปชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ปรับเป็นแนวระนาบ เรเซียนั้นหลับไปแล้ว แต่เอ็มไพร์
ไม่ยากหลับแม้แต่วินาทีเดียว  เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วเขารู้สึกว่าทางนั้นไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ แล้วอีกสิบนาทีต่อมาอุโมงค์ก็สิ้นสุดลง รถม้าวิ่งไป
ตามทางลูกรังที่ทอดไปตามป่าสนยามค่ำคืนที่มีแสงจันทร์นวลตาส่องสว่างอย่างสวยงาม เส้นทางคดเคี้ยวไปมาตามแนวไม้ที่เรียงรายอยู่ตาม
ทาง  พื้นดินก็ชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา.. แล้วเขาก็มองเห็นประตูเมืองที่ตั้งตระง่านอย่างมั่นคง  วันนี้เป็นคืนวันเพ็ญ
กำแพงป้อมต่างๆสวยงามเมื่อกระทบกับแสงจันทร์  ประตูเปิดต้อนรับอย่างอบอุ่น  บ้านเรือนที่สร้างด้วยอิฐและไม้เรียงรายไปตามถนน  แสง
ไฟจากตะเกียงเล็ดลอดออกมาจาหน้าต่าง  ถนนที่เปียกแฉะ คบไฟตามถนนมันสวยงามอย่างสุดจะบรรยาย
  “เรเซียๆ” เอ็มไพร์ปลุกเรเซียให้ตื่น
  “อะไร..เหรอ...หา..ว”  เรเซียพูดอย่างงัวเงีย
  “ที่นี่ที่ไหนเหรอ...?”
  “อ๋อ.. ที่นี่เหรอ...เวสเทิลทาวด์ เราสร้างมันขึ้น ก็พ่อเจ้านั้นแหละพาเรามาอยู่ที่นี่ เราข้ามทะเลมานานหลายปีแล้วหลังจากที่พ่อเจ้าหมด
ความหวังที่จะตามหาเจ้าแล้ว นอร์เรียก็โดนยึดไปกลายเป็นกองบัญชาการของนักล่าแว็มไพร์  เราก็เลยย้ายมาอยู่กันที่นี่...มันซ่อนตัวอยู่ใน
หุบเขาลึกมีเราทำให้มีเมฆปกคลุมตลอดเวลา มีพวกคนของพ่อเจ้าและพ่อข้าช่วยกันสร้างที่นี่ขึ้น...พยายามให้คล้ายคลึงกับ นอร์เรียมากที่สุด
เท่าที่จะทำได้ เราจึงให้ชื่อที่นี่ว่า นอร์เรียเวสท์”
    “แล้ววิหารนั้น...ข้าว่ามันคุ้นๆนะ”
  “เจ้าจำวิหารแห่งนอร์เรียไม่ได้เหรอ  เราสร้างให้เหมือนกับที่อังกฤษเลยนะ” เรเซียถาม
  “ฮึๆ... ข้าจำเจ้าได้ก็บุญแล้ว...เรซียเอ๋ย”
  “อะไร..นี่เจ้า...เคยใกล้ตายบ่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”
  “เจ้าไม่รู้หรอก ว่า 200 ปีที่ผ่านมานี้มันยาวนานมากสำหรับข้า”
        การสนทนาสิ้นสุดลงทันที ความงามของเวสเทิลทาวสะกดสายตาของเอ็มไพร์ไว้ได้อย่างยาวนาน ก่อนที่เรเซียจะพูดขึ้นมาว่า
    “ขอต้อนรับกลับบ้าน  เอ็มไพร์ “
        สุดถนนโค้ง ไปทิวสนก็สิ้นสุดลง  สะพานทอดยาวข้ามแม่น้ำใหญ่ทอดยาวไป  ปราสาทขนาดมหึมาปรากฏชัดขึ้นในเมฆหมอกยาม
ราตรี ประตูเหล็กเปิดต้อนรับรถม้าวิงเข้าไปในเขตปราสาท แล้วจอด  เอ็มไพร์ก้าวลงจากรถม้าอย่างตื่นเต้นปนกลัว ประตูปราสาทเปิดต้อน
รับ    สาวใช้ที่กำลังตั้งใจกวาดพื้นห้องโถงทำไม้กวาดหลุดมือ  ใบหน้าเธออึ้งอยู่พักนึ่งแล้ววิ่งไปในห้องครัว  เอ็มไพร์ได้ยินเสียงแว่วๆมาจาก
ข้างในนั้น
    “คุณหนู..! คุณหนูกลับมาแล้ว!”  แล้วเสียงเอะอะโครมครามก็ดังขึ้นในห้อง  พร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งออกมาอ่างเร่งรีบ  ป้าเคทีย์นั้นเอง....
แม่บ้านของบ้านเรา..  เธอวิ่งเข้ามาสวมกอดเอ็มไพร์ น้ำตาไหลพร้อมกับร้องให้อย่างเงียบๆ ในขณะที่มือยังคงมีแป้งเค้กอยู่เต็มมือ
  “ป้าคิดว่าจะไม่เจอเธออีกแล้วสิ ....” เธอพูดในขณะที่อ้อมแขนนั้นรัดแน่นเข้าทุกที 
  “ผมก็คิดถึง...ป้า  .และก็ขนมของป้าทุกวันเลยคับ” เอ็มไพร์พูดแล้วพยามยามแงะตัวออกมาเนื่องจากหายใจไม่ออก
  “ป้าเคทีย์ ..ค่ะ”  “ตอนนี้ให้เอ็มไพร์ไปพักผ่อนก่อนเถอะ ค่ะ” เรเซียแนะ
  “เออ..ใช่สินะ.. ป้าต้องไปทำขนมเพิ่ม..... พักผ่อนซะนะ แล้วตื่นมากินขนมของป้า..”
เธอพูดแล้วก็รีบวิ่งเข้าครัวไปทำขนมอย่างตั้งใจที่สุด เอ็มไพร์มองขึ้นไปรอบๆต้องโถงแล้วก็เดินตามเรเซียไป เธอพาเดินขึ้นบันได แล้วก็เดิน
ไปตามระเบียงทางเดินอันยาวเยียด แล้วหยุดที่หน้าประตูห้องห้องหนึ่ง
    “นี่คือห้องของเจ้า..” เรเซีย เอ่ยพลางเปิดประตูห้อง แสงเทียนสว่างขึ้นในห้อง    เตียงสี่เสา ต้องแสงจันทร์ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่าง
  “ห้องนี้ ....ท่านรอยด์คิดว่ายังไงมันต้องเป็นของเจ้าสักวัน”  เรเซียพูดพลางยื่นกุญแจให้
  “ข้ารอโอกาสนี้ มา 200 ปีแล้ว”
“งั้นก็หลับฝันดีนะ”
“ดีใจที่ได้เจอเจ้าอีก”  เอ็มไพร์พูดขึ้น
“เจ้าเช่นกัน”  เรเซียตอบแล้วก็ปิดประตู
  เอ็มไพร์ล้มตัวลงนอนบนเตียง    แสงเทียนดับลง  การรอคอยสิ้นก็สุดลงเช่นกัน  ข้าอยู่ที่นี่  ข้ากลับบ้านแล้ว.................................
<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น