ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เงากระจก ณ ปลายทาง (Shadows at the End)

    ลำดับตอนที่ #4 : ความจริง (ที่ไม่ได้เปิดเผย)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 53


    “ความลับ ห้ามเก็บเอาไว้ที่ไหน นอกจากในใจของตัวเอง”

    PaKnz748: หลับยัง?

    SunnyVanilla: ยังเลย แต่ว่าตอนนี้จะห้าทุ่มแล้วนะ เธอยังไม่นอนอีกหรอ?

    Paknz748: ที่เธอพูดไว้ก่อนที่เราไปกินข้าวน่ะ เธอรู้ล่วงหน้ารึเปล่า?

    SunnyVanilla: ไม่นิ

    Paknz748: แล้วเมื่อกี้อยู่บ้านตลอดเลยป่าวเนี่ย?

    SunnyVanilla: อืม ไม่ได้ไปไหนเลย

    Paknz748: เฮ้ยแก เราไปกินข้าวกับเพื่อนเก่าเรามาเว้ย รู้ได้ไงว่าเราเจอ “คนๆนั้น” น่ะ?

    SunnyVanilla: แล้วเป็นไง? เค้าจำเราได้รึเปล่า?

    Paknz748: จำน่ะคงจะได้ แต่ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากันเลย

                    ลัตศิตาเอะใจ เธอได้แสดงอาการออกมาอย่างนั้นหรอ?

     Paknz748: แต่ว่าสุดยอด สวยจนจำไม่ได้เลยว่ะ ไม่เคยคิดว่าเค้าโตขึ้นมาจะน่ารักเหมือนนางงามจักรยาน เอ้ย จักรวาลซะขนาดนี้

    SunnyVanilla: ไปว่าเค้าเป็นจักรยานอีก เดี๋ยวตัวเองก็ได้โดนเค้าตืบแน่

    Paknz748: ไม่เชื่อ เพื่อนเราคนนั้นเป็นนางฟ้าจากสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยแหละ ไม่มีทางที่จะมาทำร้ายเราได้

    SunnyVanilla: เออ ให้มันเป็นความจริงแล้วกัน เพราะว่าถ้าเป็นเรานะ คงจะถีบส่งไปออกนอกจักรวาลเลย

    Paknz748: แหม คุณมนริสา เชิญเลยขอรับ พรุ่งนี้จะรอให้คุณหนูเตะข้าพเจ้าออกจากโลกเลย

    SunnyVanilla: เฮ้อ ยังจะมากวนอีก ไปและ ขี้เกียจพิมพ์ จะนอนแล้ว เดี๋ยวอีกแป๊ปนึงก็ถึงบ้าน

    Paknz748: เดี๋ยว ไหนบอกว่าอยู่บ้านไม่ใช่หรอ?

                    เฮ้ย จริงนี่หว่า

    SunnyVanilla: เออน่า ฝันดีนะ

    SunnyVanilla is offline.

                    “คุยกับใครหรอลูก?” กัญชรถามเมื่อเห็นลูกสาวยิ้มเล็กยิ้มใหญ่กับโทรศัพท์ของตน รถที่โดยสารอยู่เตรียมเลี้ยวเข้าทางแยกข้างหน้าถึงคฤหาสน์ของตระกูลสุริยไพศาล

                    สาวน้อยสบตามารดา “เพื่อนคะ เค้าบอกว่าอนุญาตให้หนูถีบเค้าพรุ่งนี้น่ะ อู้ย อยากจริงเลย”

                    บิดาหันหลังกลับมาร่วม “ใครเนี่ย ถึงกล้าให้ลูกสาวฉันถีบ กังฟูพริมนี่ชั้นหนึ่งเลยนะ”

                    “ไม่ขนาดนั้นหรอกจ๊ะพ่อ เพื่อนคนนั้นเค้าเก่งจริงๆนะ”

                    “ใครล่ะ?” กัญชรถาม

                    เธอตอบเสียงเบาๆ “พสกรค่ะ”

                    “พ่อสัญญานะว่าถ้าเคสนี้จบเมื่อไร่ หนูจะได้กลับไปใช้ชีวิตเหมือนสิบปีก่อน จะได้ไม่ต้องแปลงร่างเป็นสองคน”

                    “แม่ก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน สงสารลูกเหลือเกิน ถ้าหนุ่มน้อยเค้ารู้ว่าหนูเป็นทั้งมินท์และพริม เขาคงจะตกใจแน่นอน”

                    “ยังไงก็ช่วยพ่อไปก่อนนะ ภูนัยกับอารยาเป็นคนที่ช่วยพวกเราได้มากที่สุดในตอนนี้”

                    “ค่ะ”

                    ไกรภพล้วงซิมการ์ดออกมาสองใบพร้อมกับบีบีและไอโฟนเครื่องใหม่ “พ่อเตรียมมือถือเบอร์ใหม่ให้หนูแล้วนะ”

                    “สองเครื่องเลยหรอคะ? ถ้างั้นหนูก็ต้องใช้โทรศัพท์สี่เครี่องน่ะสิ!”

                    “บีบีไว้แชทบีบีเอ็มอย่างเดียว ส่วนถ้าจะคุยโทรศัพท์กันใช้ไอโฟนกับพสกร”

                    “จะได้วิดีโอแชทด้วย” กัญชรเสริม

                    ประตูไฟฟ้าค่อยๆเป็นออก เข็มนาฬิกาแขวนอยู่บนฝาผนังห้องโถงชี้เลขสิบเอ็ด สาวน้อยลาพ่อแม่กลับห้องของตนก่อนที่จะอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัว ผิวหน้าผ่องใสของเธอกลับมาเป็นธรรมชาติอีกครั้งเมื่อชำระล้างเสร็จ

                    ลัตศิตาใส่ซิมการ์ดทั้งสองใบลงในโทรศัพท์เครื่องใหม่ เอาล่ะ เธอคิด โทรศัพท์สี่เครื่องนี่นะ ใครเค้าจะพกมากมายขนาดนั้น?

                    โชคดีที่กระเป๋าใบเล็กสำหรับใส่โทรศัพท์ของเธอใหญ่พอที่จะรองรับฝาแฝดคู่ใหม่เบอร์ใหม่ไว้ได้ ปลอกบีบีมีสีฟ้ากับสีชมพู ส่วนไอโฟนของเธอมีปลอกเป็นเพชรประดับสีทองกับสีเขียวอ่อนอีกอัน

                    สาวน้อยทิ้งตัวลงบนเตียง สายตากวาดไปมองโต๊ะเขียนหนังสือที่มีการบ้านกองอยู่เต็มโต๊ะ สุภาษิตคำว่า ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด คงจะกลายเป็น การบ้านท่วมหัว เอาตัวไม่รอด

                    เวลาดึกดื่นประมาณนี้ แพรคงนอนหลับไปแล้ว ลัตศิตาตัดสินใจที่จะปิดไฟนอน ปล่อยให้การบ้านนอนตากแอร์บนโต๊ะของเธอ คนที่เรียนเก่ง มีพรสวรรค์ มีความสามารถ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่รู้จักคำว่า เหนื่อย หรอกนะ

     

    PaKnz748: แกจำพริมได้เปล่าวะ? คนที่เล่นกับพวกเราตอนอนุบาล 2 น่ะ?

    N_Nz: ใครเค้าจะไปจำได้ ความจำเราสั้นโว้ย ไม่นั้นวันนี้คงไม่สอบได้แค่ 12 หรอก

    PaKnz748: ไม่ต้องตอกย้ำ ข้าได้ต่ำกว่าแก

    N_Nz: เออ พูดไปงั้นๆแหละ ไมหรอ? พริมคนที่เล่นกับผู้ชายเป็นอะไรหรอ?

    PaKnz748: วันนี้ข้าไปกินข้าวกับเค้าเว้ย

    N_Nz: แล้วมันเซอร์ไพรส์ตรงไหน?

    PaKnz748: อ่าว ก็เค้ากลับมาแล้วไง! วันนี้วันเกิดเค้า พ่อแม่เค้าชวนเราไป

    N_Nz: คร้าบ คุณชาย

    PaKnz748: พูดจริงนะ เค้าสวยมากเลยว่ะ สวยจนเราเกือบจะขอบีบีพินเมื่อแรกพบเล่า

    N_Nz: คนอื่นมีแต่ขอเบอร์กัน แกไปขอพินเค้าทำไม?

    PaKnz748: อ่าว พริมเค้าบีบีเอ็มกับเพื่อนของเค้าอยู่นิ ก็เลยกะจะขอ แต่ว่าเค้ากลับห้องทานข้าวก่อน

    N_Nz: แล้วตกลงแกขอมาได้รึเปล่า?

    PaKnz748: ยังเลย แต่พ่อเค้าให้เบอร์บ้านมา

    N_Nz: ให้ไปเพื่อ?

    PaKnz748: ไปขอเบอร์เค้าทีหลัง

    N_Nz: โทรฯไปขอตอนนี้เลยไป คิดถึงพริมขนาดนั้นน่ะ

    PaKnz748: เฮ้ย ยังไม่ได้บอกคิดถุงคิดถึงเลย

    N_Nz: นี่ขนาดบีบีเอ็มอยู่นะเนี่ย ข้ายังรู้สึกได้เลยว่าแกติดใจพริม

    PaKnz748: ดูเวลาบ้างสิ จะเที่ยงคืนแล้วนะ โทรฯดึกขนาดนี้เสียมารยาท

    N_Nz: แล้วแต่แก ข้าไปนอนก่อนแล้ว ดีนะเนี่ย พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ ถ้าเป็นคืนวันอาทิตย์นะ คงยังต้องตื่นตาสว่างทำการบ้านจนถึงรุ่งเช้า อดนอนกันพอดี

    PaKnz748: อืม ไปนอนเลยไป ข้าก็จะนอนแล้ว

    PaKnz748 and N_Nz are offline.

     

                    “พสกรอิสอินเลิฟ เลิฟ เลิฟ กับพริม!!” เสียงนนท์ก้องไปทั่งห้องของเขา วันแรกของการเรียนอาทิตย์นี้เริ่มต้นได้อย่างไม่สบอารมณ์สำหรับหนุ่มใจกว้าง คนที่มีคติประจำใจ “เรื่องชาวบ้าน เป็นงานของเรา” เก็บกวาดข้อมูลที่หลุดอยู่เป็นเศษเป็นผงตามคำบอกเล่าของนนท์แล้วโกยใส่พสกรที่ไม่อยากตอบคำถามอะไรเลย

                    “อูย... บอกหน่อยสิว่าเจอพริมแล้วเป็นยังไง เธอชอบเค้าขนาดนั้นเลยหรอ?”

                    “ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน คงคิดถึงแย่เลยน่ะสิ ขอเบอร์เค้ารึยัง?”

                    “คิดถึงพริมจังเลย ไม่ได้เจอเค้ามาสิบปีแล้วเนี่ย!”

                    “แล้วพสกรบอกว่าเค้าสวยขึ้นใช่มั้ย? น่ารักกว่าเราหรือเปล่า?” แพมภูมิใจกับความงามของตนจนแพรต้องฉุดเธอออกจากความฝัน

                    “แพมเอ๊ย ถ้าเธอสวยน่ะ แมวบ้านเราคงเรียกว่านางฟ้าแล้วมั้ง?”

                    “แพรนิ ปากเสีย มาต่อเรื่องของพสกรกันเถอะ”

                    สองสาวแพมแพรสอบสวนหนุ่มใจกว้างในขณะที่มนริสาอ่านหนังสือทบทวนเศรษฐศาสตร์อยู่ นายและนนท์ก็ร่วมวงสนทนาด้วย แพมและแพร “ชวน” มิ้นท์ให้ไปเยี่ยมห้องเรียนของพสกร  คาบว่างประจำสัปดาห์นี้นักเรียนเกือบทุกห้องแทบจะมาค้างคืนค้างแรมเพื่อที่จะสืบให้ได้ว่าพริมที่หลายคนไม่เคยได้รู้จักเป็นคนแบบไหน ทำไมหนุ่มใจกว้างที่เป็นที่รักของทุกคนถึงได้ชอบพริมคนนี้

                    “โถ่ นึกว่าพสกรเค้าไม่ชอบใครซะอีก นิตาเกือบจะขอเค้าคบเป็นแฟนแล้วนะ”

                    “อย่าว่าแต่นิตาเลย ขิงก็แอบชอบพสกรเหมือนกัน เค้าใจดีมากเลยนะ สอนการบ้านให้ทุกครั้งที่ขอ เฮ้อ น่ารักจังเลย...” เสียงกระซุบกระซิบที่มุมหนึ่งของห้องทำให้ปากกาของสาวน้อยที่จดโน้ตอยู่หยุดลง เธอถอนหายใจ ขอให้ไม่มีใครสังเกตว่าเธอก็มีอาการ “อินเลิฟ” เหมือนเขาแล้วกัน

                    “ดูสิ ใครบางคนนี่ขยันจริงๆเลย ทบทวนได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น มิ้นท์ไม่เหนื่อยบ้างเลยหรอ? หัดพักผ่อนหน่อยสิ” หนุ่มร่างสูงโปร่งเดินมาทักก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ว่างตัวข้างๆ

                    “อยากเหนื่อยแต่ก็ต้องทบทวน” มุมปากเธอเฉียงขึ้นเล็กน้อยเป็นการยิ้มตอบก่อนที่เธอก้มหน้าจดโน้ตในสมุดต่อ

                    “ตอนที่พริมของพสกรอยู่โรงเรียนนี้ มิ้นท์อยู่รึเปล่า?”

                    พริมของพสกรหรอ?

    อยู่...

    แต่ตอนนี้ เธอไม่ได้ชื่อ “พริม”

                “อ๋อ...ไม่อยู่ ตอนนั้นเราเรียนอยู่ที่อื่นน่ะ เพิ่งเข้ามาเมื่อสองปีที่แล้วเอง”

                    “ใช่นิ ลืมไป”

                    “เรย์ไม่อยากรู้หรอว่าพริมคือใคร ถึงไม่ได้ไปร่วมวงกับพวกเขาน่ะ?”

                    เขากลอกตา “ไม่เป็นไรหรอก อยู่ๆไปด้วยกันคงจะรู้สักวัน” เรย์เหลือบมองหัวข้อที่เธอทบทวนอยู่ “เรื่องนี้เราเรียนแล้ว อยากให้เราช่วยทบทวนมั้ย?”

                    พสกรกวาดสายตามองหามนริสา ใจคอรู้สึกสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่มาอยู่กับแพรและแพมด้วยกัน เขาแปลกใจที่เห็นเพื่อนสนิทของเขาอีกคนคุยกับเธออย่างเพลิดเพลิน คิ้วหนาเริ่มขมวดกันเล็กน้อย

                    “พสกร แค่ถามว่าคุยเรื่องอะไรกับพริม ไม่ได้ถามเรื่องส่วนตัวซักหน่อย”

                    “หรือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ เอ... จะมีแบบว่า “พริมที่รัก ผมไม่ได้เจอคุณมานานแสนนาน ผมรักคุณมากที่สุด” แล้วก็กอดกันมั้ยน้า?” แพรแสดงดราม่าสดๆ เรียกเสียงแซวจากทั้งห้องกันยกใหญ่

                    เขาทำหน้าเสียก่อนที่จะหลบ “ไทยมุง” ของห้องมาหาเพื่อนคู่หูที่ทบทวนเศรษฐศาสตร์ด้วยกัน “หวัดดีเรย์ หวัดดีมิ้นท์”

                    “ดี” มนริสาตอบสั้นๆ “เรย์  ถ้าแฟกเตอร์ของโปรดักชั่นไม่ครบสี่อย่างก็ไม่สามารถที่จะร่างพื้นฐานของธุรกิจอย่างหนึ่งใช่มั้ย?”

                    หนุ่มใจกว้างเอะใจที่เธอแค่ทักเขาสั้นๆ “เราก็เรียนวิชาเดียวกัน ให้เราอธิบายก็ได้”

                    “ข้าอธิบายให้มิ้นท์ฟังอยู่ ไม่เห็นหรือไง” เรย์แทรก “ใช่ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้นทุนและเทคโนโลยี ตามด้วยทรัพยากรธรรมชาติ แรงงาน และนักธุรกิจเป็นลำดับสุดท้าย”

                    “เห็น แค่อยากถามเฉยๆ”

                    “มิ้นท์ว่าไปทบทวนที่ห้องตัวเองเถอะ จะได้มีสมาธิ” เธอเก็บกล่องดินสอ หนังสือเรียนและสมุดใส่กระเป๋า “ไปก่อนแล้วนะ”

                    ร่างสูงโปร่งรีบเสนอตัว “ที่ห้องมิ้นท์มีใครอยู่รึเปล่า? ทุกคนมารวมกันที่นี่หมดเลย เราไปเป็นเพื่อน จะได้ไม่ต้องเหงาไง”

                    พสกรมองเขาด้วยหางตา รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏอยู่บนหน้าเรย์

                    เราชอบพริมนิ แต่ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆชอบกลยังไงก็ไม่รู้เมื่อมิ้นท์อยู่กับคนนั้น... เขาส่ายหัวเบาๆให้ตัวเอง

     

                    ทำไมเธอถึงหนีหน้าเขา ในเมื่อเขาก็ไม่ได้สงสัยว่าเธอเป็นใครกันแน่?

                    นาฬิกาบนผนังห้องเรียนเดินช้าลง ช้าลง จนมนริสานับหนึ่งถึงร้อยก่อนที่เข็มวินาทีจะเดินหนึ่งก้าว

                    “มิ้นท์ คำนี้สะกดด้วยตัวอักษร D ไม่ใช่ P” เพื่อนของเธอเธอเตือนเมื่อเห็นสาวน้อยเริ่มสะกดตัวหนังสือผิด ใจไม่ติดอยู่กับตัว

                    “อ๋อ โทษที” เธอขีดฆ่าทิ้ง “D ใช่มั้ย? โอเค ตัว D…”

                    “ไหนบอกว่ากลับห้องทบทวนแล้วจะมีสมาธิไง ไม่เห็นจะตั้งใจเลย”

                    “เปล่า มิ้นท์คิดไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”

                    คิดถึงไอกรมันน่ะสิ เรย์คิดอยู่ในใจ มันดีตรงไหน วันๆก็ได้แต่ปล่อยให้สาวหว่านเสน่ห์ใส่

                    “เราไปเอาของจากล็อกเกอร์ก่อนนะ เดี๋ยวกลับมา” พูดเสร็จ สาวน้อยปล่อยให้หนุ่มร่างสูงโปร่งนั่งคอยในห้อง

                    เขาหน้าเครียดขึ้นเมื่อเวลาระหว่างเขาและเธอจบลง สายตาของเขาเหลือบไปมองเห็นกระดาษโน้ตหัวใจแผ่นหนึ่งหนีบคั่นสมุดจดการบ้านของเธอ เรย์เปิดดูทันทีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ

                    ข้อความสั้นๆบนรูปหัวใจ ทำให้เขาเกือบฉีกให้มันไม่เหลือซาก แต่อย่างน้อยตอนนี้ เขาก็ได้แต้มมากกว่าอีกฝ่ายแล้ว

     

                    นักเรียนกว่าร้อยทยอยออกจากห้องเรียนของตนเมื่อกริ่งในทางเดินโรงเรียนดังขึ้น ต่างแยกย้ายไปที่ล็อกเกอร์ตนเองเพื่อเตรียมตัวเก็บของกลับบ้าน “02 2389238... ทำไมเบอร์มันคุ้นๆจังวะ...” นายฉวยโอกาสแย่งหมายเลขโทรศัพท์บ้านสาวน้อยในฝันของเพื่อนซี้เมื่อทั้งสองกำลังเก็บกระเป๋าจากล็อกเกอร์ด้วยกัน

                    “ข้าก็ว่างั้นแหละ แต่เมื่อวานไม่มีเวลาเช็ค ไม่รู้ว่าเหมือนของใคร”

                    “เดี๋ยว” เพื่อนของหนุ่มใจกว้างล้วงเอามือถือของตนจากกระเป๋ากางเกง “ศูนย์สอง สองสามแปดเก้า...”

                    นายมองหน้าพสกรทันทีด้วยความตกใจเมื่อเขาค้นเจอ “แก มิ้นท์มีเบอร์บ้านเบอร์เดียวกันเกือบเป๊ะเลยเว้ย!”

                    “เฮ้ย! พูดเล่นหน่า เอาจริงๆเถอะ เขาก้มลงเก็บกระเป๋าต่อ

                    “นี่” นายดึงเพื่อนของเขามาดูหมายเลขให้ชัดๆ “02 2382389 คือเบอร์บ้านของมิ้นท์ ส่วน 02 2389238 เป็นเบอร์ของพริม!”

                    “ต่างกันแค่ตำแหน่งของเลข 9...” หนุ่มใจกว้างครุ่นคิด “เป็นไปได้ไง?”

                    “ไปถามมิ้นท์ให้ชัดเลย หรือไม่ก็พ่อของพริมให้เบอร์ผิด”

                    “เป็นไปได้ไง ไปถามก็ได้” พสกรตอบ

     

                    สามสาวเพื่อนสนิทเดินออกไปที่ลานจอดรถด้วยกัน ก่อนที่เรย์เดินมาสมทบร่วมด้วย

                    “มิ้นท์ เธอไม่เคยมาเรียนโรงเรียนนี้ก่อนหรอ?”

                    มนริสาหยุด “เอ่อ... ก็บอกไปแล้ว ว่าเราเพิ่งมาสองปีที่แล้ว”

                    “เรย์ถามอยู่ได้ แพมกับแพรเป็นบัดดี้ของมิ้นท์มาตั้งแต่เขาเริ่มเรียนที่นี่แล้ว อย่าสงสัยอะไรมากเลย”

                    ร่างสูงโปร่งแกล้งเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “เราเพิ่งมาเรียนเมื่อปีที่แล้ว ก็เลยไม่ค่อยรู้อะไรมาก อย่าถือสาเลยนะมิ้นท์” เขาแตะไหล่ของสาวน้อยอย่างเป็นมิตร

                    “ไม่เป็นไร มิ้นท์ไม่ถือสาหรอก”

                    “คุณมนริสาครับ รถมาแล้วครับ” คนขับรถของเธอเดินมาขัดจังหวะก่อนที่เรย์จะเริ่มถามสาวน้อยอีก

                    “ไปแล้วนะทุกคน กลับบ้านแล้วออนเอ็ม เดี๋ยวจะไปแชทด้วย” เธอส่งยิ้มแล้วเดินขึ้นรถคันใหญ่

                    “บายๆ” เพื่อนทั้งสามคนโบกลา สองหนุ่มที่เพิ่งเดินมาถามหาสาวน้อยเรื่องเบอร์บ้านของเธอกับแพร

                    “ไม่มาเร็วกว่านี้ล่ะ? เค้าขึ้นรถไปแล้วคุณนาย”

                    เพื่อนซี้ของหนุ่มใจกว้างไม่ชอบชื่อเล่นที่เพื่อนสาวคนนี้ตั้งให้

                    “เรียกเราว่าคุณนายหรอ?”

                    “ก็เธอชื่อนายไง จะให้เรียกว่าอะไร?”

                    “เรียกก็เรียกให้เต็ม ไม่นั้นก็เรียกว่า นาย เฉยๆ”

                    “ค่า คุณพัชวิน รุ่งอรุณ ณ ... บ้านนอก” พูดจบ เพื่อนอีกสองคนหัวเราะกันอย่างสนุนสนาน

                    “ณ อยุธยาโว้ย อ่านประวัติของฐานันดรศักดิ์ประเทศตัวเองบ้างรึเปล่าเนี่ย?”

                    “อ่านแล้วก็คงไม่เข้าสมองหรอก คุณนาย”

                    “ไอแพร... สักวันจะเป็นชื่อแกให้เป็นอย่างอื่นเลย คุณหนูพิสดารกมล”

                    “เฮ้ย เราไม่พิสดารนะ!”

                    “ไม่สน เจอกันพรุ่งนี้” นายขึ้นรถที่จอดสนิทพอดีกับที่ๆเขายืนอยู่

                    ทุกๆคนทยอยกันหารถแล้วกลับบ้านของตัวเองด้วยอารมณ์ต่างๆ ทั้งความสุขที่เหลือล้ำ เปรียบเป็นแก้วน้ำที่เต็มแล้วเปิดก๊อกเติมให้ล้นอีก  ความโกรธที่เป็นเหมือนพลุไฟ สลายหายไปทันทีที่ปลดปล่อย หรือความเป็นห่วงว่า จะมีใครคนหนึ่งค้นพบรหัสแล้วปลดล็อกประตูที่เปิดเผยฐานะจริงของตนอย่างมนริสา?

                                   

                    หนุ่มใจกว้างไม่รอช้าก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาเมื่อขึ้นรถกลับบ้าน นิ้วมือกดหมายเลขบ้านของลัตศิตา

    เมื่อคิดดูดีๆแล้ว รูปร่างหน้าตาของมนริสาคล้ายกับเพื่อนเก่าของเขา แม้ว่าวาจาคำพูดจาและน้ำเสียงไม่เหมือนกันสักเท่าไร่ แต่ทั้งสองคนชั่งเหมือนกันเหลือเกิน เมื่อสาวน้อยเพิ่งย้ายมาใหม่ๆ เธอไม่ค่อยเอ่ยปากพูด แต่ถ้าเริ่มแล้วจะยาวเป็นหน้าหนังสือ หรือไม่ก็สั้นเหมือนชื่อ นามสกุลปรากฏบนนามบัตร

    เขาตัดสินใจที่จะไม่กดโทรออกเมื่อสาวน้อยที่เขาต้องการที่จะพูดด้วยออนไลน์

    Paknz478: มิ้นท์ไม่รักษาสัญญา วันนี้ไม่ได้มาถีบเราออกนอกจักรวาลเลย

    SunnyVanilla: พรุ่งนี้จะไปถีบนะ

    Paknz478: อย่าลืมเหมือนวันนี้ล่ะ อุตส่าห์ไปให้ถีบถึงที่ก็ไม่เอา

    SunnyVanilla: ก็ไม่รู้

    Paknz478: คราวหลังจะสอนการบ้านให้ แต่ว่ามิ้นท์ต้องถีบเราก่อน

    SunnyVanilla: คนบ้าอะไรอยากโดนถีบ...

    Paknz478: คนบ้าที่ชื่อพสกรไง

    SunnyVanilla: เราไม่ต้องมีคนสอนการบ้านให้ เราถามเรย์เพื่อความแน่ใจเฉยๆ

    Paknz478: อ๋อหรอ? แล้วไม่ถามเราล่ะ? เราก็เรียนเศรษฐศาสตร์นะ

    SunnyVanilla: เราไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ครูอาจจะสอนไม่เหมือนกัน

    Paknz478: อืม...

    SunnyVanilla: ว่างมากก็ไปสอนคนอื่นสิ เห็นนิตากับขิงเค้าเศร้ามากเลยที่เธอชอบคนอื่น

    Paknz478: แล้วมันเกี่ยวกับการบ้าน เกี่ยวกับเรายังไง

    SunnyVanilla: ปกติเธอสอนการบ้านพวกเค้าไม่ใช่หรอ? ทำไมวันนี้ถึงมาคุยกับเราล่ะ?

                    จริงด้วย... ธรรมดาแล้วตอนนี้เขาต้องออนเอ็มคุยกับนิตากับขิงเพื่อช่วยสอนการบ้าน...

                    SunnyVanilla: เห็นมั้ย? ไปสอนพวกเค้าเถอะ เราก็ไม่มีเวลาคุย บาย

                    Sunny Vanilla is offline.

                    “กลับมาแล้วค่ะ” เสียงกล่าวขานที่แผ่วเบาของสาวน้อย ไม่ได้ดังลั่นห้องโถงเหมือนเดิม ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอ เธอก็ไม่ได้ยินเสียงใคร

                    ลัตศิตาเดินขึ้นบันไดอย่างหมดแรง เมื่อสักครู่ที่เธอตอบพสกร น้ำเสียงของเธอ คนๆนั้นคงเป็นมนริสา ไม่ใช่ลัตศิตา ถ้าเธอเป็นพริม เธอคงดีใจมากที่เพื่อนเก่ายังคงชอบเธออยู่ แต่ถ้าเธอคือมิ้นท์ เธอคงเริ่มเกิดอาการน้อยใจขึ้นมาแล้วล่ะ

                    ชีวิตทุกคนเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะ? มีสองร่าง หน้าตาเหมือนกันไม่มีที่ติ แต่จิตใจสองดวงนั้นคิดไม่เหมือนกัน? เหมือนมีร่างหนึ่งคิดดี อีกร่างหนึ่งคิดร้าย?

                    แล้วถ้ามีแค่ร่างเดียว แต่ต้องกลายเป็นบุคคลสองคนในเวลาเดียวกัน มีหัวใจแค่ดวงเดียว แต่ต้องเหลือที่ว่างไว้แปดห้อง มิใช่สี่ห้อง ต้องหากระดานไม้มากั้นห้องเพิ่มอีกเท่าตัว และยังต้องแบ่งสมองสองซีก ให้เป็นสี่ซีกอีก แบ่งปันเซลล์ต่างๆ เพื่อที่จะให้อีกบุคคลหนึ่งมีทั้งความคิดและหัวใจที่สมบูรณ์

                    ถ้าเป็นคุณ...

                    ทำได้ไหมล่ะ?

                    โลกนี้ช่างพิศวงจริงๆ สำหรับสาวน้อยหม่อมเจ้าคนนี้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×