คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ล้ำลึก
“กาลเวลาผ่านไป กำชับเตือนใจให้เก็บความทรงจำดีๆระหว่างเรา”
“กลับบ้านแล้วออนไลน์ด้วยนะมิ้นท์” แพรพูดขึ้นระหว่างที่เธอและเพื่อนซี้เดินไปที่ลานจอดรถ
“ออน Skype หรือเอ็มหรอ?”
“ทั้งสองอย่างเลย” เธอตอบด้วยลักยิ้มบนใบหน้าที่สดใส
“ค่ะ คุณหนูวิดากมล” มนริสาแกล้งถอนสายบัวให้กับเพื่อนของเธอ
“ดิฉันขอลาคุณมนริสาแล้วกันนะคะ” แพรถอนสายบัวให้มิ้นท์แล้วเดินขึ้นรถคันหรูไป
มนริสายิ้มบางๆ ความจริงแล้ว เพื่อนซี้ที่สุดของเธอนั้นยังไม่รู้ชื่อจริงของเธอเลยด้วยซ้ำ เธอไม่รู้ว่าวงศ์ตระกูลของมนริสาเคยอยู่ในฐานะที่สำคัญมากต่อประเทศ ไม่รู้ว่าเมื่อก่อน “มิ้นท์” ไม่ใช่เป็นแค่บุคคลธรรมดาเหมือนที่เธอคิดว่าเพื่อนเธอเป็นเธอเคยออกงานสังคมกับชนชั้นสูง เคยมีฐานะที่ใครๆก็อยากมี แล้วทำไมเธอถึงต้องไม่มีนามในสังคมตอนนี้ล่ะ?
“คุณมนริสา รถมาแล้วครับ” คนขับรถส่วนตัวของมิ้นท์เดินเข้ามาหา รับกระเป๋าสีหวานจากมือแล้วเชิญเธอขึ้นรถ กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยบ่งบอกว่าเลขาฯส่วนตัวของเธอนั่งอยู่ในรถข้างเบาะที่ตนนั่งอยู่ ป่านยกมือไหว้มิ้นท์ด้วยความเคารพ เมื่อประตูรถคันหรูปิดสนิทแล้ว เลขาฯก็เริ่มบรรยายงานที่เธอต้องทำประจำวัน
“ท่านหญิงลัตศิตาคืนนี้มีงานฉลองวันเกิดที่โรงแรมค่ะ” เลขาฯของเธอกล่าว
“พี่ป่าน วันนี้วันเกิดของพริมนะ พริมรู้อยู่แล้วนิ” สาวน้อยพูดพลางหยิบไอโฟนและบีบีออกมาเพื่อตรวจกล่องข้อความและบีบีเอ็มหลังจากเพิ่งเปิดเครื่องมาไม่นาน
“ยังไม่จบค่ะ” ป่านบรรยายต่อ “ปีนี้ท่านหญิงจะมีเพื่อนร่วมงานวันเกิดด้วยค่ะ”
นิ้วมือบนแป้นพิมพ์โทรศัพท์หยุดกะทันหัน
“คือว่า ดิฉันได้เชิญบุคคลที่ท่านพระองค์หญิงได้ชี้แจงแล้ว ท่านพระองค์ชายได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณพสกร ก็เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ไม่น่าเลยนะเนี่ยท่านหญิง มีหนุ่มตามจีบตั้งแต่อนุบาล”
“พี่ป่าน!!!!!” ลัตศิตาก้มหน้า หุบรอยยิ้มไม่ลง เธอจะได้ฉลองวันเกิดกับเพื่อนยากที่ไม่ได้เจอกันมาหลายสิบปี ทั้งๆที่เจอกันแทบทุกวันที่โรงเรียน
ผ่านไป 10 นาที เสียงของป่านก็ทำลายความเงียบสงบในรถอีกครั้ง
“พี่นัดพี่ไก่มาทำผมให้แล้วนะ ชุดออกงานคืนนี้คุณแม่ของท่านหญิงเตรียมให้แล้ว ได้ยินมาว่าคุณแม่ของเพื่อนท่านหญิงเป็นคนเลือกเครื่องประดับกับเครื่องสำอางให้ ไหนยังจะมีครีมบำรุงอะไรก็ไม่รู้ เฮ้อ ทำไมชีวิตพี่นี่ไม่มีคนมาปรนนิบัติน้า” ป่านพูดแล้วแกล้งทำเป็นเศร้า
“โห พี่ป่าน ถึงแม้ว่าพี่ไปออดิชั่นเป็นนางเอกนะ เค้าคงไม่รับหรอก พี่ป่านต้องไปเรียนการแสดงแล้วล่ะ” พริมยิ้มแล้วกล่าว “ถึงบ้านพอดี พริมขอตัวก่อนนะคะ”
เลขาส่วนตัวของเธออดยิ้มกับกิริยามารยาทอันอ่อนหวานของสาวน้อยคนนี้ไม่ได้ ตอนเด็กๆ พริมก็น่ารัก พอโตๆมา ก็สวยงดงามตามแบบฉบับของมารดาของพริม คนมีฐานะย่อมเด่นกว่าผู้ด้อยกว่าอยู่เสมอ
การที่จะเป็นคนที่มีฐานะ ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายอยู่เสมอไป ถ้าสมมุติว่า ครอบครัวของคุณไปอาศัยที่ประเทศอื่นเพราะชื่อเสียงของตนถูกแปดเปื้อนไปด้วยความใส่ร้ายจากสังคมที่นี่ แล้วอพยพหนีกลับมายังบ้านเกิดของตัวเองด้วยเหตุผลเดิม คุณจะทำอย่างไร? นี่ก็คือเหตุ ตั้งแต่ที่มิ้นท์ หรือพริม ลืมตามาดูโลกนี้ เธอไม่เคยให้ผู้ใดที่คุณพ่อของเธอไม่อนุญาตที่จะรู้จักนามจริงของเธอ ถ้ามีคนถามก็จะบอกนามสมมุติ เธอไม่เคยฝันที่จะแก้แค้นใครทำให้ตัวเธอและครอบครัวลำบาก อีกทั้งยังไม่อยากสร้างความชื่อเสียงในทางที่ไม่ดีอีกด้วย น้อยคนนักที่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของพ่อแม่เธอ แต่ชื่อของปูย่าตายายเธอนั้น คงไม่ต้องพูดถึง นามสกุล “สุริยไพศาล” นี้ถูกใส่ไว้ในรายชื่อต้องห้ามในการเข้าประเทศ แต่เมื่อชีวิตที่ไร้ชื่อเสียงทั้งบ้านเมืองของตนและประเทศพักพิงหลายแห่งตกอยู่ในภาวะอันตราย ครอบครัวเธอจึงต้องหอบความกล้าหาญกลับมา ปฏิบัติตัวให้เนียนที่สุดเหมือนคนอื่น ข้าวของราคาหกหลักขึ้นไปของพริมถูกเก็บเอาไว้ในห้องใต้ดินของบ้านทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สินสมบัติอื่นของทั้งวงศ์ตระกูลอีกด้วย เมื่อก้าวเท้าออกจากบ้านหลังนี้แล้ว เธอก็จะเป็น มิ้นท์ มนริสา ภัทรอารีวงศ์ นามสมมุติของ หม่อมเจ้าลัตศิตา สุริยไพศาล หรือ พริม อย่างที่เธอเคยเป็นเมื่อ 10 ปีก่อนนี้
“กลับมาแล้วค่ะ!“ เสียงใสๆของลัตศิตาดังลั่นไปทั่วบ้านให้ทุกคนในบ้านได้รับรู้กันไปถ้วนหน้า เธอมีความสุขเหลือเกิน หลังจากที่ได้รู้ว่า วันเกิดปีนี้จะมีเพื่อนที่เธออยากให้อยู่ด้วยมาร่วมงาน
“หนูพริม! ตะโกนอย่างนี้นี่จะประกาศอะไรรึเปล่าเนี่ย? พูดซะเสียงดังเชียว” เสียงของคุณกัญชร ดังขึ้นพร้อมกับปรากฏตัวอยู่ที่ห้องโถงทางเข้า “รองเท้ายังไม่ได้ถอดเลย หม่อมเจ้าลัตศิตา สุริยไพศาล ปฏิบัติตัวและสำรวมมารยาทให้ดีหน่อย”
คุณแม่ของเธอแสดงหน้าตาเรียบๆที่ไม่บ่งบอกถึงกิริยาใดๆ สาวน้อยรู้ทันทีว่าคุณแม่ของเธอเริ่มอารมณ์เสียแล้ว
“ขอโทษค่ะ” ลัตศิตากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“เดี๋ยวขึ้นห้องแล้วอาบน้ำเลย ไม่มีเวลาแตะคอมเด็ดขาด ไม่เว้นแต่ไอแพด ไอโฟน ไอทัตช์ หรือบีบีด้วย”
“แต่ว่าแพรเค้านัดไว้ว่าจะแชท “
“ตามมา วันนี้ต้องเคร่งครัดกับหนูเป็นพิเศษ”
ลัตศิตานึกว่าเธอต้องเสี่ยงกับการร่ายเกี่ยวกับเรื่องกิริยามารยาทของเธอ แต่เมื่อเห็นว่าคุณแม่สุดโหด (เป็นบางครั้ง) เดินเข้าห้องเธอหลังจากที่เดินขึ้นบันไดแทนห้องเขียนหนังสือโดยปกติ เธอหยุดอยู่หน้าบันไดด้วยความแปลกใจ
กัญชรคงมีตาทิพย์มองเห็นลัตศิตา เธอหันกลับมาพร้อมพูด “พริม มาเร็ว เดี๋ยวแต่งตัวไปงานไม่ทัน” มือบางของเธอถูกคกัญชรดึงเข้าไปในห้อง
“คุณแม่!” ลัตศิตาอึ้งกับสภาพห้องของเธอ ห้องใหญ่ๆโล่งๆที่มีเฟอร์นิเจอร์ประดับอยู่มากมาย เธอไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว มีถุงชอปปิ้งกับกล่องมากมายมหาศาลวางเรียงอยู่ เธอเป็นคนที่ชอบความเรียบง่าย สบายๆ แต่บัดนี้ ผู้เป็นเมารดาของเธอได้เนรมิตพื้นที่ส่วนตัวให้กลายเป็นห้องของคุณหนูไฮโซทั้งหลายเหมือนที่เพื่อนของเธอเป็น
“วันนี้พริมต้องเป็นคนที่สุดในโรงแรมเลยนะรู้มั้ย? ถ้ามีคนสวยกว่าหนู อย่าหวังเลยว่าเขาจะรอด ตายจริง แม่ภูมิใจมากที่ได้มีลูกทั้งสวย ทั้งฉลาด ทั้งน่ารักขนาดนี้” กัญชรชมสาวน้อยที่ยืนค้างอยู่ที่ประตู
“คุณแม่ขา ไม่ต้องถึงขนาดนี้หรอกค่ะ” เธอเอ่ยเบา พลางขยับถุงและกล่องกระดาษเพื่อที่จะทำทางให้ตัวเองเดินผ่าน ของพวกนี้ราคาไม่ใช่ย่อย เธอส่องดูถุงเกือบทุกใบแล้ว ไม่มีสักใบที่บรรจุสิ่งของที่ราคาต่ำกว่าเลข 4 หลัก
“มาเร็วๆ ไปที่ห้องน้ำก่อน เดี๋ยวแม่อธิบายให้ฟังว่าต้องใช้อะไรบ้าง”
ยังมีอีกหรอเนี่ย? พริมคิดในใจ เธอไม่อยากใช้ของพวกนี้เลย
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สาวน้อยที่ปกติแต่งตัวเรียบง่าย ถูกเนรมิตจนแทบไม่มีใครที่จะจำเธอได้แม้แต่คนในบ้าน ลัตศิตาไร้แว่นกรอบสีเงินนั้นก็ไม่มีใครจำได้อยู่แล้ว พอใส่ชุดคอกเทลล์สายเดี่ยวสีฟ้าอ่อนติดโบสีขาวรอบเอว ผมที่ถูกม้วนให้เป็นลอนเล็กๆ กระจายอยู่รอบไหล่นั้น สร้างภาพให้ลัตศิตาแลดูเป็นหญิงสาวมากกว่าสาวน้อย เปลือกตาสีฟ้าเข้ากับชุด ปัดแก้มสีชมพูลงไป เจ้าหญิงหลุดออกมาจากแฟนตาซีในเทพนิยายต้องเป็นที่รักใคร่ของทุกคนแน่นอน
“ท่านหญิง รองเท้าของหนูอยู่นี่นะ” ป่านถือกล่องรองเท้ามาแล้วเปิดออก
รองเท้าที่มีส้นนิดๆ เสริมรูปทรงของเท้าอันเรียวยาวของเธอให้สวยงามขึ้น ตัวรองเท้าสีขาวนวลประดับด้วยเพชรเม็ดหลายกะรัตและมีโบสีฟ้าเล็กๆบนปลายเท้านอนอยู่ในกล่องที่หุ้มด้วยผ้าซาตินเนื้อดีสีมรกต ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าราคารองเท้านั้นเท่าไร และลัตศิตาก็ไม่แปลกใจเมื่อเลขาฯของเธอบอกว่ารองเท้าคู่นี้สั่งทำจากบุพการีของสหายเก่าของเธอ
“พี่ไม่มีปัญญาใส่รองเท้าคู่นี้หรอก แค่รู้ว่าพอลลิน คัสเร่ย์เป็นคนดีไซน์รองเท้าคู่นี้แถมยัง “เม๊ด อิน อิตาลี่” นะ พี่ก็จะเป็นลมแล้ว” พริมขำกับคำเปรียบเทียบที่ชินหูของป่าน
กระเป๋าถือของลัตศิตาสีฟ้าอ่อนที่เนื้อผ้าของกระเป๋าจับจีบให้เป็นคลื่นเล็กน้อยที่บุพการีมอบให้เข้ากับชุดคอกเทลล์ของเธอ ในนั้น สาวน้อยบรรจุทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอใส่เข้าไปได้ เวลาที่ใช้กระเป๋าพวกนี้น่ะ ใส่แค่โทรศัพท์กับเครื่องสำอางก็พอแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งของกัญชร เลยใส่ทั้งไอโฟน บีบี ไอพอด กล้องถ่ายรูป ลิปกลอส ทิชชู ปากกา และสมุด เนื่องจากว่ากระเป๋าถือประเภทนี้มีไว้ใส่ของจำนวนน้อยนิด สาวน้อยจึงใส่ได้แค่สิ่งที่มารดาเคยสอน
ประตูห้องสีหวานถูกเปิดออก ตามด้วยไกรภพที่แต่งชุดสูทสีเข้มเรียบร้อยแล้วเดินมาหาสาวน้อย “ลูกเราโตป่านนี้แล้ว รู้จักขอให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยหาแฟนให้แล้วด้วย” ผู้เป็นพ่อแอบแซวลูกสาวคนเดียวด้วยอารมณ์ขัน
“เปล่าจ๊ะพ่อ” ลัตศิตาตอบ “เค้าเป็นเพื่อนสนิทของพริมตอนเด็กๆ คุณพ่อบอกว่าพวกเราต้องเริ่มจากคนที่สนิทและไว้วางใจด้วยไม่ใช่หรอคะ? หนูจะต้องทำให้พ่อไม่เสียใจอีกค่ะ”
“รู้ว่าอยากช่วยนะ แต่ว่าให้พ่อจัดการเรื่องนี้ดีกว่า กลับมาครั้งนี้ก็ต้องระวังตัวหน่อยล่ะ” ไกรภพเตือนลูกสาว
กัญชรในชุดราตรียาวสีม่วงเข้มประดับด้วยสร้อยคอหลากเส้นและกำไลข้อมือเพชร ในมือมีกระเป๋าสตางค์ราคาหกหลักขึ้นไปเดินเข้ามาสมทบสามีของตน
“พริม แม่บอกแล้วว่าเรื่องนั้นไม่ต้องยุ่งด้วยก็ได้ ตอนนี้หนูตั้งใจเรียนดีๆ เอาตัวรอดไปก่อน ปล่อยให้พ่อกับแม่เท็คแคร์เรื่องนั้นไป หนูยังเด็กอยู่ ไว้โตขึ้นอีกนิดแล้วกันนะคะ” มารดากล่อมให้สาวน้อยหยุดคิดมาก
“แม่ขา หนูอายุจะสิบหกแล้ว อีกสองปีก็เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วนะ”
กัญชรยิ้ม “จ้า ถึงเวลาแล้วจะให้เคสทั้งชิ้นให้หนูเลย”
“ถ้าพ่อกับแม่ไม่ไขเคสนี้เสร็จทันก่อนนะ” ไกรภพพูดต่อ
“ท่านองค์ชาย ท่านองค์หญิง ท่านหญิงคะ รถสตาร์ทเครื่องพร้อมแล้วค่ะ” ป่านรายงานหลังจากที่เห็นบทสนทนาระหว่างพ่อแม่ลูกจบลง จะได้ไม่ขัดจังหวะของคุณท่านทั้งหลาย
“ไปกันเถอะ ผู้เชิญต้องถึงที่นัดก่อนแขกของตนและเวลานัดอย่างน้อยสามสิบนาที” มารดาไม่ลืมที่จะอบรมลูกสาวทุกๆครั้งที่มีโอกาส
รถยุโรปคันหรูจอดลงหน้าโรงแรมห้าดาว ตามด้วยพ่อแม่ลูกแลดูมีความสุขลงจากรถ ผู้เป็นแม่ควงแขนลูกสาวคนเดียวระหว่างที่ไกรภพคุยกับผู้อำนวยการของโรงแรมอยู่
“กัญชร หนูมินท์ นี่ธนาทร เพื่อนเก่าของพ่อที่เปิดโรงแรมนี้เอง” บิดาแนะนำคนในครอบครัวให้เจ้าของโรงแรมสกายไลน์ที่มีสาขาทั้งในและนอกประเทศ โรงแรมที่มีคุณภาพและบริการที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแถบเอเซียและได้รับรางวัลในหลายสาขาทุกปี
“สวัสดีครับคุณกัญชร วันนี้น้องมิ้นท์สวยมากเลยครับ” ธนาทรเอ่ยชมตามมารยาท “วันนี้วันเกิดของมิ้นท์ ไกรภพ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอยากได้อะไรพิเศษสั่งมาได้เลย ผมช่วยได้อยู่เสมอ”
“ไม่ต้องหรอกทร ผมกับครอบครัวจะฉลองกับเพื่อนเก่าของลูกเค้า ยังไงก็ขอบคุณด้วยที่ให้ห้องวีไอพี ยังไงก็จะได้ไม่ต้องเป็นที่สังเกต”
ธนาทรยิ้มให้กับไกรภพอย่างรู้ใจ “ถ้างั้นผมขอตัวก่อน พรุ่งนี้มีเจ้าเสด็จมาจากต่างประเทศอีก เดี๋ยวเลขาฯของผม ริน จะพาคุณขึ้นไปเอง” เขายกมือไหว้ก่อนที่จะโค้งคำนับอีกที
กัญชรกระซิบกับลัตษิตา “เพื่อนของพ่อคนนี้ไว้ใจได้นะ เขารู้ว่าเราเป็นใครและอยู่ฝ่ายเราเสมอ ถึงตอนไหนไม่มีที่ไปจริงๆ บอกอาเค้าเดี๋ยวก็จะมีที่อยู่เอง”
“เชิญทางนี้ค่ะ ห้องรับประทานอาหารวีไอพีของท่านอยู่ที่ชั้น 69 นะคะ เดี๋ยวแขกของคุณท่านจะมีพนักงานอีกคนพาขึ้นไป” รินเดินนำไปถึงลิฟต์แก้วพิเศษที่เปิดให้เห็นทิวทัศน์ค่ำคืนของกรุงเทพ “อันนี้สำหรับแขกพิเศษของคุณธนาทรค่ะ” เลขาฯไม่ลืมที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบก่อนที่จะเข้าไป
เสียงบีบีเอ็มของสาวน้อยดังขึ้น ก่อนที่เธอจะประหลาดใจกับบุคคลที่ส่งมา
PaKnz478: ดี
PaKnz478: วันนี้ต้องไปกินข้าวกับ “เพื่อน” ทื่พ่อแม่ไม่บอกชื่อเลย
SunnyVanilla: อ่าว แล้วไม่ลุ้นบ้างเลยหรอ? เผื่อจะเป็นเพื่อนเก่าก่อนได้นะ สาวน้อยใบ้ให้อย่างเต็มที่ ในเมื่อเขาไม่รู้ว่า เธอคือคนที่เขาจะเจอภายในครึ่งชั่วโมง
PaKnz478: ไม่อยาก อยากอยู่บ้านเล่นเกม
SunnyVanilla: ผู้ชายหนอผู้ชาย ยังไงเธอก็คงจะดีใจกับคนที่เธอจะไปกินข้าวสกายไลน์ด้วยแล้วล่ะ
PaKnz478: ไม่อยากไปจริงๆว่ะ เพื่อนเก่าก็เพื่อนเก่า ถ้าไม่ใช่คนนั้นแล้วจะขอแม่กลับบ้านก่อนเลย
SunnyVanilla: คนนั้น คนไหน?
PaKnz478: เรื่องอะไรจะบอก
SunnyVanilla: คืนนี้ เธอจะไปกินข้าวกับ “คนๆนั้น” ของเธอแน่นอน
PaKnz478: เธอรู้ด้วยหรอว่า “คนๆนั้น” ของเราคือใคร?
SunnyVanilla: เอ่อ... ลัตศิตาหยุดคิด เออน่า เจอแล้วก็จะรู้เอง
PaKnz478: แล้วเธอรู้ได้ไงว่าเราจะไปกินข้าวที่สกายไลน์?
SunnyVanilla: ไม่คุยด้วยแล้วโว้ย คนเค้าจะกินข้าวเหมือนกัน
SunnyVanilla is offline
แสงไฟจากเมืองกรุง บดบังดวงดาวเม็ดเล็กเม็ดน้อยบนท้องฟ้า บางครั้ง ถ้าสปอต์ไลต์มีแสงจ้าเกินไป แท่งไฟน้อยๆที่อยู่เคียงข้างก็จะไร้แสงสว่าง
ความคิดเห็น