คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [1.4] Fantastic
1.4
Forth: Fantastic
Date: 28 April 200x
Time: 19:00:54
Country: Bangkok, Thailand
[Hime Side]
อืม... โอเค ฉันพอจะเข้าใจ (หลังจากอ่านมาหลายหน้า)
ฉันเข้าใจว่า...ไอ้นาฬิกาที่อยู่บนหัวของฉันนี้ มันก็คือนาฬิกานับเวลาว่าเหลืออีกกี่นาทีฉันถึงจะข้ามมิติไปที่ไหนสักแห่ง ถ้าให้เดา...ต้องไปที่โลกของรีบอร์นแน่นอน ไม่งั้นเขาจะเขียนไว้ที่หน้าปกหรอว่า ‘Vongola’ น่ะ =__=!
ฉันก็แค่รอเวลาถึงจุดตายเท่านั้น ถ้ามันมีจริงฉันก็อยากไปนะ ทำไมใครจะไม่อยากไปล่ะ ได้เจอกับ ‘Vongola Family’ เชียวนะ โดยเฉพาะ...ท่านฮิบาริ =.,=
อันที่จริงแล้วเป็นไปได้ฉันก็อยากจะใช้ชีวิตแบบเด็กธรรมด๊า ธรรมดาเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ว่าฉันหาทางทำให้มันเป็นแบบเดิมไม่ได้สักที ขนาดใช้ไม้กวาดมาปัดที่นาฬิกามันก็ผ่านวืดเข้าไปเหมือนวิญญาณเลยทีเดียวเชียว
หากเปรียบนาฬิกาเป็นความทุกข์ฉันใด
ฉันก็เปรียบเป็นดั่งคนรับความทุกข์ฉันนั้น
ฮึก...ขอฮาก่อนจะได้มั้ย ฉันอยากจะคุยกับเพื่อนของฉันที่มันทั้งฮาทั้งบ้า ฉันยังอยากหัวเราะ...!
ติ๊ด!!
เสียงอะไรซักอย่างมันดังข้างๆ ฉัน ทำให้ฉันมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่น่าจะเจออะไรนอกจาก...นาฬิกาที่อยู่บนหัวฉัน =O=;;
เพียงแค่ฉันแหงนหน้ามองข้างบน ฉันก็รู้เลยว่า...
’00:00:00’
เลขมันหยุดที่เวลานี้...ก็แสดงว่า...
เวลานั้นได้มาถึงแล้ว!!
แต่ขอโทษทีเถอะ...ฉันยังไม่ได้เตรียมกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเลย ขอเวลาอีกเพิ่มสิบนานาทีได้รึป่าวเนี่ย (._.)//
อ่า...แต่ถึงตอนนั้นก็คงไม่ทันแล้วล่ะ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้กันนะ...
โอ๊ย~! แสบ!!
ฉันรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็วพลางใช้มือทั้งสองข้างปิดตาด้วย โอ๊ย! แสบตาชะมัด แสงบ้าอะไรมันถึงได้ทั้งขาวทั้งสว่างเยอะแบบนี้อ่ะ เขาคงไม่ได้ใช้โอโม่ล้านกระสอบใช่มั้ย T^T
‘Ready’
เสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา หลังจากนั้นดูเหมือนว่าแสงสว่างนั้นจะบางลง ฉันค่อยๆ ลืมตาพลางมองไปยังหนังสือเล่มนั้น...
‘ขาวและสว่าง’
นั่นคือสิ่งที่ฉันมองเห็น ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากนั้น...
พอมองไปรอบๆ ตัวแล้วมันกลับขาว...ทั้งหมด...
และรู้สึกว่าตัวฉันจะเบาลง...เบาลง...ทุกที
เบา...จนง่วงนอน
มันสบาย...จนแทบอยากจะหลับลงซะอย่างนั้น
ฉันค่อยๆ ปล่อยตัวเองไปตามนั้น เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงเรื่อยๆ...และเรื่อยๆ
จนในที่...ฉันก็ไม่รู้สึกตัว
[Hibari Side]
ผลัวะ
“อ๊าก!”
ตุ้บ
“โอ๊ย!!”
“พอเถอะครับ พวกผมยอมแล้ว TOT”
ชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อหนังสีดำหันมาก้มหัวขอขมาปลกๆ กับผม ผมเพียงแค่ปรายตามองผ่านๆ เหมือนอากาศ และเดินออกไปจากโรงงานร้างๆ ที่มีพวกสัตว์กินพืชนอนเกลื่อนก่าน...
หากเป็นคนขวัญอ่อนเดินเข้ามาล่ะก็...ได้สลบล้มพับแน่ๆ =__=^
ข้างทางโรงงานเป็นป่าทึบหนา หากไม่รู้จักทางดีมีหวังหลงทางกลางป่า สายหมอกที่ตั้งใจลงเหมือนมีใครจะแกล้ง โรงงานที่ตั้งกลางที่แบบนี้จะไม่ให้คิดได้อีกหรอ ถ้าใครไม่เชื่อแล้วล่ะก็ ลองเดินผ่านเข้ามาข้างในก็จะเจอเลือดสดๆ ที่สาดเต็มพื้นของโรงงานและเลือดตามพนังต่างๆ เจอไอ้พวกนี้ที่เหมือนตั้งใจนอนคว่ำหน้าตาเหลือกเหมือนตายจริงๆ
ไม่เชื่อก็บ้าแล้ว
ผมเดินออกมาและกำลังจะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ แต่หากผมก็รู้ตัวว่ากำลังมีคนยืนอยู่ข้างหลังของผม ถ้าให้ทาย...ก็ไอ้ตัวที่ก้มหัวขมาผมเมื่อกี้นี้ยังไงล่ะ
“แกทำลูกน้องฉันซะเละ...ตายซะ!!”
ผลัวะ! เพล้ง!
ผมใช้สันมือสับที่ที่ข้อมือของไอ้สัตว์กินพืชตัวนั้น และเหล็กท่อนก็หลุดออกจากมือของมัน มันใช้มืออีกข้างลูบป้อยๆ ที่ข้อมือของตัวเอง...
“อยากจะตายรึไง” ผมเอ่ยปากขึ้น
“ฉันไม่ตายหรอก แกนั่นแหละที่จะตาย!”
“หึ” ผมกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ก็ดี...ลูกน้องของแกจะได้มีคนหยอดข้าวต้มเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล”
“หน็อย แกนั่นแหละที่จะไปนรกเป็นคนแรก...เฮ้ย =[]=!”
ผมเบื่อที่จะต้องฟังไอ้เจ้าสัตว์กินพืชตัวนี้พูด จึงรีบวิ่งอย่างเร็วเพื่อที่จะใช้สันมือตีเข้าไปที่ท้ายทอยของมัน แต่ดูท่ามันจะรู้จึงใช้มือปิด...
พลั่ก
“อ๊ากกกก~!!”
ถึงจะใช้มือปิด...แต่ก็ยังพลาด
เฮอะ ไอ้พวกสัตว์กินพืชแสนงี่เง่าทั้งหลาย รู้อย่างนี้น่าจะฆ่าให้ตายไปซะ
ติ๊ดๆๆๆ
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ผมล้วงหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาพลางมองดูที่หน้าจอว่าผมเมมเรื่องอะไรเอาไว้
’19:30 ศาลเจ้านามิโมริ รับยัยตัวซวย’
อ้อ...เรื่องนี้นี่เองสินะ ก็ว่าลืมเรื่องอะไรซะอีก แต่ก็ใกล้เวลามากแล้ว ตอนนี้ก็ทุ่มสิบนาทีแล้วด้วย...รีบไปดีกว่าแฮะ เดี๋ยวจะไม่ทันเวลา
20 นาทีต่อมา...
ผมจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างๆ ศาลเจ้าที่ปิดเพราะเวลามันเกือบหนึ่งทุ่ม ผมหันไปมองทั้งซ้ายขวาแต่ก็ยังไม่เจออะไรที่ผิดปกตแม้แต่น้อย จนกระทั่ง...
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย~!”
เสียงของผู้หญิงที่ดังมาจากด้านในของศาลเจ้า ผมรีบวิ่งไปดูและพบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผมสีดำสนิทซอยสไลด์สั้นประมาณเกือบถึงคาง อืม...ทำผมหน้าม้าด้วยสินะ ใบหน้ารูปไข่รับกับริมฝีปากบางและจมูกที่โด่งเล็กน้อย คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันเกือบเป็นปม ในมือของเธอถือกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเป็นสีขาวขนาดเล็ก
เมื่อผมสังเกตดีๆ แล้ว รอบๆ ตัวเธอเต็มไปด้วยต้นไม้ และเธอกำลังจ้องมองหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีสีแดง...หือ -*-?
หนังสือเล่มนั้นมัน...
ที่หน้าปกมีคำว่า ‘Vongola’
หรือว่า...
“อะไรเนี่ย! ทำภารกิจ 27 อย่างให้เสร็จแล้วจะได้กลับ...ให้ตายเถอะ ขอเวลาอีกสิบนาทีไว้แพ็คของและเก็บเสื้อผ้าก็ไม่ได้ ชิ~ ไอ้หนังสือขี้งกเอ๊ย!”
พอพูดจบยัยตัว (ที่ทำให้ผม) ซวยก็หยิบหนังสือนั้นขึ้นมาและลุกขึ้นยืน จากนั้นเปิดหนังสือเล่มนั้น และยัยนั่นก็ขมวดคิ้วแทบจะเป็นโบว์อีกรอบหนึ่งพลางถอนหายใจ
“ภารกิจแรก ‘เริ่มต้น’ งั้นเหรอ...” เธอครางในลำคอเบาๆ พลางนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้แถวนั้น และเธอก็ถอยหายใจอีกครั้งอย่างเบื่อหน่าย “ภารกิจที่ 1.1 พบฮิบาริ จะให้ฉันไปหาที่ไหนล่ะเนี่ย เอ๊ะ โรงเรียนนามิโมริไง! แต่นี่มันมืดแล้วนี่นา เอาไงดี...”
“ก็ฉันอยู่นี่แล้วไง” ผมโพล่งออกไปด้วยความรำคาญ
“ฮะ...ฮิบาริ ตะ ตัวเป็นๆ จริงๆ อ่ะ >O<!” ยัยนั่นทำท่ากระดี๊กระด๊าไปมาพลางลุกขึ้นและวิ่งมาหาผม “เย่! ในที่สุดก็เสร็จภารกิจย่อยที่ 1 ของตอนที่ 1!!”
หือ...
‘ภารกิจย่อยที่ 1 ของตอนที่ 1’ งั้นเหรอ
หมายความว่ายังไง?
“นี่ ขอดูหนังสือเล่มนั้นหน่อย”
พึ่บ!
ผมคว้ามันจากมือของยัยนี่โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองผมอย่างแค้นเคือง จากนั้นผมก็อ่านดูว่ามันคืออะไรกันแน่ ที่ยัยนี่พูดออกมาน่ะ
ภารกิจที่ 1 - เริ่มต้น
1.1 พบฮิบาริ
1.2 วองโกเล่รุ่นที่ 10
1.3 Vongola Family
1.4 Varia
1.5 แนะนำตัว
*หากทำภารกิจย่อยของภารกิจที่ 1 ครบหมดถือว่าผ่านภารกิจที่ 1 ใน 27 ภารกิจ*
“หึ...” สรุปแล้ว...ผมต้องพายัยนี่ไปหาสัตว์กินพืชซาวาดะงั้นเหรอ
แต่วันนี้ง่วงชะมัดเลยแฮะ...หือ -*-!
“เธอ...ไปค้างที่บ้านฉัน” ผมชี้นิ้วไปที่ยั่ยเอ๋อ...หือ จะถามว่าทำไมผมถึงเรียกยัยนี่หลายชื่องั้นเหรอ เพราะว่าผมลืมชื่อยัยนี่ไปแล้วยังไงล่ะ ทำไมต้องจำ
หลังจากนั้นยัยนั่นก็เหวอไป ผมจึงต้องชี้แจงให้สมองขี้เลื่อยของนั่นยัยโง่รับรู้ทัน “ไปค้างบ้านฉันซะ คุซาเบะจะได้โทร.ไปรายงานแม่ฉันว่าฉันพาผู้หญิงเข้าบ้าน”
End Chapter 1.4
To be continue
ความคิดเห็น