ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Eerie Family ครอบครัวเรื่องประหลาด!

    ลำดับตอนที่ #3 : เรื่องเล่าประหลาดที่หนึ่ง เสียงเรียกของเด็กผู้หญิง 1

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.พ. 57


    สวัสดีครับ มาอัพต่อแล้ว

    แอบจะดีใจแฮะ มีคนสนใจอ่าน ^^

    เรื่องนี้อัพไม่ยาว แต่อัพถี่ ๆ ขนลุกกันวันละนิด!?

     

    เรื่องเล่าประหลาดที่หนึ่ง เสียงเรียกของเด็กผู้หญิง 1

                ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน...

                    มีนาๆ วันนี้เลิกเรียนเรากลับด้วยนะ รอเราด้วย แม่โทรมาบอกว่ากลับช้า เลยให้ไปรอที่บ้านของเธอ เสียงทุ้มอย่างเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น คณินวัย 15 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นปีที่ 3 ชะโงกใบหน้าออกมาจากห้องเรียนข้าง ๆ

                    เราสองคนเป็นเพื่อนบ้านกันและเรียนอยู่ที่เดียวกัน แต่คนละห้องเรียน

                    โอเค เดี๋ยวฉันจะรอนายนะ แต่ขากลับต้องแวะไปรับเมษาที่โรงเรียนประถมก่อน

                    เข้าใจแล้ว เลิกเรียนแล้วมาเจอกันหน้าห้อง เด็กหนุ่มขยิบตา คณินจัดว่าหน้าตาดีและรูปร่างสูงใหญ่สำหรับเด็กในวัยนี้พอสมควร เขาค่อนข้างมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อย

                    แล้วด้วยความสัมพันธ์นี้ของเรา ก็ทำให้ฉันปวดหัวอยู่เรื่อย

                    อิจฉาเธอจัง ได้กลับบ้านกับคณินด้วย เสียงค่อนแขวะของเด็กสาวร่วมห้องก็ทำฉันชินซะแล้วล่ะ เข้าใจความรู้สึกอยู่หรอก แต่ก็อยากให้ลองมองย้อนกลับบ้าง

                    ก็แค่เพื่อนบ้าน ไม่ต้องจินตนาการมากกว่านี้ล่ะ ฉันกลัว ฉันหันมาตอบกลับอย่างยิ้ม ๆ นิสัยของฉันค่อนข้างห้าวและมีเพื่อนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ถูกเกลียด เพราะด้วยความเป็นคนตรง ๆ แบบนี้ล่ะมั้ง

                ก็แค่เพื่อนบ้าน...จริงๆน่ะเหรอ

             เสียงแหลมของเด็กผู้หญิงพูดขึ้นเนิบ ๆ พร้อมกับสายลมที่พัดผ่านเบา ๆ พาให้ขนลุกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ฉันเอี้ยวหลังกลับมอง ทว่าพบกลับความว่างเปล่า เด็กผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้อยู่ตรงหน้าประตู แต่พวกเธอเดินอ้อมไปด้านหลังแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่ใครสักคนจะพูดโดยไม่แสดงอาการเหนื่อย

                    จากตรงนี้ ถ้าแกล้งกันนับว่าเก็บอาการหอบหายใจได้ดีมาก และฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่...พวกเธอหรอก

                    ใครกันนะ... นี่ฉันได้ยินอะไรประหลาด ๆ อีกแล้วใช่ไหม

                    ไม่เอาน่ะ แม่บอกว่าอย่าไปสนใจ ให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น อย่าขานตอบ อย่าแสดงท่าทีว่ารับรู้...

                    ฉันจะต้องทำให้ได้...เพื่อจะได้มีชีวิตเป็นปกติอย่างคนอื่นเขา

                   

                    เวลา 14.40 น. เสียงออดดังเตือนว่าเลิกเรียนแล้ว ฉันก้มตัวลงเก็บหนังสือเรียนลงใต้โต๊ะและเก็บการบ้านลงกระเป๋าหนังสือทันทีที่คุณครูบอกเลิกและทำความเคารพเสร็จ เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นตามประสาเด็ก ๆ เวลาเลิกเรียน บางคนก็ชวนกันออกไปทานไอศกรีมต่อบ้าง บ้างก็ไปเล่นเกมเซ็นเตอร์ ชีวิตมัธยมฯก็วนเวียนอยู่ไม่กี่อย่างเนี่ยล่ะ

                    ฉันก็อยากจะใช้ชีวิตแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าฉันดันไม่มีกลุ่มเพื่อนสนิทผู้หญิงกับเขาเลย

                    มีนาๆวันนี้เตะบอลไปเปล่า กลุ่มที่สนิทกันพอจะช่วยเหลือเกื้อกูลทำงานห้องหรือไปไหนมาไหนด้วยก็คงเป็นกลุ่มของชัช เด็กผู้ชายตัวสูงผอมบางผิวสีแทนซึ่งพอจะเป็นที่นิยมกับเขาบ้างเหมือนกัน ฉันฉีกยิ้มและโบกมือ

                    ไม่ล่ะแก ไปกันเหอะ เราต้องกลับบ้าน วันนี้คณินกลับด้วยว่ะ ฉันบอก ชัชทำหน้าล้อเลียนกลับ

                    อะไรวะ กลับกับไอ้คณินบ่อยจัง ถามจริงเป็นแฟนกันเปล่าเนี่ย

                    เฮ้ยไอ้บ้า ก็เคยบอกแล้วว่าเพื่อนบ้าน วันนี้พอดีแม่คณินกลับดึก เขาเลยฝากลูกชายมาอยู่บ้านเราก่อนก็เท่านั้นเอง ฉันตอบอย่างให้อารมณ์แก่เกินวัย ชัชหัวเราะก่อนจะยกมือยอมแพ้

                    โอเคๆ ยอมแล้ว งั้นกลับดีๆล่ะ เราไปเตะบอลละ ชัชโบกมือลาก่อนจะวิ่งตามกลุ่มเพื่อนที่เดินนำหน้าไป ฉันยกมือโบกกลับ

                    แค่เพื่อนบ้าน...จริงๆน่ะเหรอ

                    น้ำเสียงและประโยคเดิมทำเอาฉันขนลุก ในที่นี้ไม่มีใครพูดกับฉัน ฉันเผลอชักสีหน้าขึ้นมาเพราะตกใจ เกือบจะหลุดปากถามกลับไปแล้ว ทว่า...

                    มีนา!” เสียงเรียกของเด็กผู้ชายซึ่งฉันนัดเอาไว้ก่อนหน้าเดินเข้ามาทางประตูพร้อมกับส่งเสียงเรียก ฉันสะดุ้งตัวและเดินไปหาเขาทันที

                    เอ่อ...คณิน โทษที โอ้เอ้นิดหน่อย พอดีชัชมาชวนไปเตะบอลน่ะ แต่ฉันเพิ่งปฏิเสธไป ฉันเอ่ยอธิบาย คณิรพยักหน้ารับก่อนจะขยับตัวให้ไปเดินข้างกันกับฉันพลางชะโงกใบหน้าเข้ามาใกล้ ฉันถอยหลังเล็กน้อยเพราะตกใจ

                    มีอะไรเหรอ

             “เธอไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าซีดๆ

                    ไม่นี่ นายคิดไปเองหรือเปล่า ฉันเหลือกตาอย่างลนลาน

                อย่าอยู่ใกล้เขานะ!”

                แว่วเสียงของเด็กผู้หญิงซึ่งครั้งนี้ดูจะโกรธเกรี้ยวมาก ฉันผละตัวถอยห่างคณินทันทีพร้อมจ้องมองรอบข้างตัวอย่างลนลาน

                    เป็นอะไรมีนา ทำหน้าตื่นยังกับเจอผี คณินสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ทว่าฉันก็ยิ่งถอยหลังออกห่าง

                    ปะเปล่า...

           นังหมูสกปรก!”

                แกได้ยินฉันพูดรึเปล่า!!”

                    คำพูดของเธอยิ่งชัดเจนขึ้น มีแต่คำก่นด่า..

                    พูดบ้าๆ เจอผีกลางวันแสกๆ เพ้อเจ้อน่ะคณิน... ฉันต่อว่ากลับพลางหัวเราะกลบเกลื่อน ในใจนี่ร่วงหล่นลงไปยังตาตุ่มแล้ว ในนี้ไม่มีใครเลยนอกจากฉันและคณินที่ดูจะสนิทสนมพูดคุยกันได้...

            เธอเป็นใครกันนะ เกี่ยวข้องอะไรกับคณินไหม แต่ฉันมองไม่เห็นอย่างเมษานี่ ฉันเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ไหนละยังตามฉันอยู่หรือเปล่า

                    งั้นเหรอ คงงั้นแหละ รีบไปรับเมษากันดีกว่า โรงเรียนประถมใกล้จะเลิกเรียนแล้ว คณินยกมือขึ้นเกาศีรษะเมื่อเห็นว่าฉันดูจะไม่รับมุกเขา ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำหน้าไป โดยรักษาระยะห่างในการเดินกับเขา

                    ดี! ดี...อย่าเข้าใกล้เขา เพราะเขาเป็นของฉัน!”

                    ฉันยังคงได้ยินเสียงเธอเป็นระยะ ซึ่งสิ่งนั้นแสดงให้ฉันรู้ว่าเธอเดินตามพวกเรามาตลอด ฉันกลืนน้ำลายตัวเองเพื่อสะกดอารมณ์กลัว ต้องแสร้งทำไม่รู้ไม่ได้ยิน

                    บ้านของเรามีสิ่งที่ได้รับการส่งต่อทางสายเลือด ประสาทสัมผัสที่หก ซึ่งแม่เราเลือกที่จะทำงานด้านทำนายดวงและช่วยเหลือปัดเป่าเคราะห์ให้แก่ลูกค้าที่มีความเชื่อ จนฉันซึมซับและเริ่มรับรู้ถึงความผิดปกติของตัวเองที่บางครั้งจะได้ยินเสียงแปลกปลอมเข้าแทรกว่านั่นคือเสียงของคนตาย...

                    อย่าขานรับให้มันรู้ว่าลูกได้ยินมันพูด อย่าทำสนใจมัน

                    หากลูกพลาดกระทำเช่นนั้นลงไป ชีวิตลูกจะถูกตามติด! มันจะนำความอันตรายมาให้...

                    นั่นคือคำสั่งสอนของแม่ฉัน ฉันกลัว... เพราะครั้งหนึ่งตอนเด็ก ๆ ฉันเคยประสบเจอกับเรื่องทำนองนี้มาก่อน เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่มีเพื่อนเลย... เพราะใครก็ตามที่เข้าใกล้ฉัน คน ๆ นั้นก็จะได้รับอุบัติเหตุอะไรสักอย่าง จนบางคนเกือบถึงความตายได้

                    เฮ้มีนา! มีนา!” เสียงเรียกของคณินดังขึ้น ฉันสะดุ้งตัวและหันกลับมองเขาซึ่งชะโงกใบหน้าเข้ามาดู

                    บ้า!” ฉันผลักหน้าเขาออกห่าง เพราะท่วงท่าเราตอนนี้ชวนให้เข้าใจผิด คณินมีสีหน้างุนงงเล็กน้อยก่อนจะคิดได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปเขาก็เอ่ยปากขอโทษ           

                    อ่ะโทษที ฉันลืมตัวไปหน่อย เห็นเธอแปลกๆ เหม่อไม่ขานตอบ ก็เลยเข้าใกล้ไปนิด คณินยกมือขึ้นลูบศีรษะตนเอง

                    ตอแหล หน้าด้าน!”

    โปรดติดตามตอนต่อไป...


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×