ตอนที่ 9 : ภาค 1 ตอนที่ 8
8
ทีแรก ผมแค่จะดันลูกแก้วให้เขากลืนลงไปเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าปากเขานุ่มนิ่มได้ขนาดนั้น ไหนจะเสียงครางในลำคออย่างต่อต้านนั่นอีก ถึงแม้เขาจะกลืนลูกแก้วลงไปแล้ว ผมก็ยังไม่อยากจะหยุด ลิ้นอุ่นก็แสนนุ่มนิ่มไม่แพ้ปาก ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะหยุดจูบเลยจริงๆ ไคริจังหน้าแดงได้น่าฟัดเป็นที่สุด แต่ก็แค่แวปเดียว พอคัตสีโทชิถามเรื่องอาการ ความเขินของเขาก็หายไป มัวแต่ยิ้มหวานให้ไอ้ยักษ์นั่นอยู่ได้ แอบเห็นด้วยนะว่าจ้องมันจนตาค้างเลยในทีแรกอ่ะ ผมโคตรไม่เข้าใจ ไคริจังเป็นคนประเภทไหนกันแน่ เขาดูสนใจทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ในขณะเดียวกันก็ดูไม่สนใจอะไรเลย
“นี่ นายอยู่กับไคริจังตั้งแต่เด็กๆใช่ไหม” ผมนั่งจ้องหน้าเจ้าแมวดำท่าทางน่าหมันไส้ที่มีมิซากิกัปปะน้อยกำลังตั้งอกตั้งใจทายาให้อยู่ ยาเขาได้ผลดีมาก แผลที่ดูพุพองน่ากลัวเริ่มทุเลาแล้ว ขนาดเพิ่งทาไปตอนเช้าแค่ครั้งเดียว อ้อ ผมดอดหนีไคริจังที่กำลังงีบออกมาหาเพื่อนของเขา
“ก็ใช่ ตั้งแต่เกิดนั่นแหละ”
“เขาเป็นคนขี้ยั่วแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามออกไปโต้งๆ
“แค่ก นายว่าอะไรนะ?” เขาทำท่าเหมือนสำลักอะไรบางอย่าง แล้วมองหน้าผม ผมเดาะลิ้น เห็นมิซากิแอบเหลือบมองผมเหมือนจะสงสัยด้วย
“นายไม่เข้าใจหรือไง ก็ไอ้ที่เขาแก้ผ้าเดินมาหาแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไร โดนกอดก็ไม่ได้มีปฏิกิริยา โดนจูบก็เขินแปบเดียว ไหนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าพวกเราอีก ไม่เรียกว่าขี้ยั่วจะเรียกว่าอะไร อ้อ อีกอย่างนะ เที่ยวแจกยิ้มแล้วลูบชาวบ้านเขาไปเรื่อย มิซากิเองก็โดนจนเขินม้วนแทบหดเข้ากระดองเลยใช่ม่ะ” ผมหันไปหาแนวร่วม เจ้ากัปปะหน้าแดงขึ้นมาทันใด เขาขี้อายหน่ะใช่ แต่ไม่เคยเห็นเขาทำหน้าเขินสุดชีวิตเหมือนตอนที่ไคริอุ้มเขาขึ้นมาเลย
“เลิกพูดเรื่องจูบนั่นซะที นายจู่โจมเขาใช่ไหมหา อยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปี ยังไม่เคยจูบเลยนะเว้ย !” เจ้าแมวดูหัวเสีย โวยวายผมเสียงดัง
“ก็เขาเพื่อนนาย เพื่อนที่ไหนจูบกัน อะไร นายชอบเขา ?”
“ก็ใช่หน่ะสิ นที เอ้ย ไคริไม่ได้ยั่วอะไรนายทั้งนั้นแหละ เขาเห็นว่านายเป็นผู้ชายเหมือนกัน ถอดเสื้อผ้าต่อหน้าเพศเดียวกันก็ไม่ได้มีอะไรผิดแปลก เว้นแต่ว่านายเป็นเกย์โรคจิตที่จ้องจะงาบไคริอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ เรื่องจูบก็ไม่รู้หรอกว่าไคริคิดยังไง แต่ถ้าเขาไม่มีปฏิกิริยา ก็แสดงว่านาย ห่วย !” เจ้าแมวเชิดหน้าขึ้น เหมือนจะเยาะเย้ยผม ผมเลยเผลอตัวตวัดลมไปฟาดหน้าเขา เสียงดังเพี้ยะ เลือดอาบเป็นรอยยาวข้างแก้มเลย
“นายน้อย !!” มิซากิร้อง หันมาจ้องผมเหมือนจะตำหนิ
“โทษที ก็อยากพูดมากทำไมล่ะ ว่าแต่นายเองเถอะ เคยโดนไคริจังยั่วไม่รู้ตัวมาแล้วใช่ไหม” ผมยักไหล่ ขอโทษแบบส่งๆ เมื่อเจ้าแมวทำหูตั้ง หางฟูและแยกเขี้ยวใส่ผม กัปปะน้อยมองแผลอย่างหวั่นใจ
“ทำไมจะต้องบอกด้วย มันเจ็บนะเนี่ย นายอยากโดนใช่ไหม” เขาลุกพรวด ตั้งท่าจะกระโจนมาข่วนผม แต่ขอโทษที มนตร์ผมสูงกว่าเขาเยอะ ตวัดปลายนิ้วเล็กน้อยตัวเขาก็ลอยหวืออยู่ในอากาศ ได้แต่พยายามเอื้อมมือสั้นๆนั่นมาข่วนผม ตลกสิ้นดี ส่วนมิซากิเริ่มส่งน้ำจากมือไปที่หน้าของเจ้าแมวเพื่อหยุดเลือดที่ลงมาจากแก้ม นั่นไม่ใช่น้ำธรรมดา มันมีฤทธิ์รักษาบาดแผล กัปปะนี่ขี้โกงเนอะ
“ไม่บอกก็ไม่ต้อง ไปพิสูจน์เองก็ได้”
“เฮ้ยๆๆ หยุดอยู่ตรงนั้นเลย อย่าเข้าใกล้เขานะ เอาฉันลงด้วย จะเล่าให้ฟังก็ได้” เจ้าแมวร้องแง้วๆน่ารำคาญ ผมเลยเอาลมที่อุ้มตัวเขาออก เขาหล่นแอ้กลงมา ท่าจะเจ็บไม่น้อย แต่ผมสนซะที่ไหน หึ ผมไม่ใจอ่อนกับหน้าลูกแมวหงอยตอแหลๆนั่นหรอก ไคริคงเห็นว่าเขาน่ารักจะแย่ ผมเห็นแต่มารยาสาไถยของมันล้วนๆ
“โอย นายเป็นซาดิสต์หรือไงเนี่ย”
“หุบปากแล้วเล่ามาได้แล้ว กูไม่ได้ว่าง” ผมนั่งลงที่เดิม จ้องไปที่มัน แอบเห็นว่าสะดุ้งหน่อยๆ ตามสัญชาตญาณ กาเป็นสิ่งมีชีวิตที่กินสัตว์ตัวเล็กๆอย่างแมวต่อให้เขาอวดเก่งแค่ไหน ก็อดกลัวผมไม่ได้อยู่ดี
“ฮึ่ย เมื่อก่อน ก็ไม่ได้อยากแปลงเป็นผู้หญิงหรอก แต่เพราะว่าไคริไม่ค่อยระวังตัวเพราะคิดว่ากูเป็นผู้ชาย ช่วงมัธยม ยังลากไปอาบน้ำด้วยกันบ่อยๆ ชอบมานอนกอด ชอบใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวอยู่บ้านอีกต่างหาก ก็เลยทนไม่ไหว ต้องแปลงเป็นหญิง ถึงได้เกรงใจกันบ้าง” เขาเล่าแล้วยิ้ม เพราะรู้ว่าผมกำลังหงุดหงิด ใช่ๆ ถ้าเป็นเพื่อนผู้ชายมันก็ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก แต่ดูหน้าเจ้าแมวสิ ไอ้ที่บอกว่าทนไม่ไหวเพราะว่าชอบใช่ไหมล่ะ ! เพราะว่าคิดอะไรเกินเลยใช่ไหมล่ะห๊ะ
“จริงๆแล้วมีคนมาแกล้งไคริเยอะมาก ครึ่งหนึ่งนั่นแกล้งเพราะว่าชอบ แต่ไคริไม่รู้ กลับคิดว่าตัวเองเป็นเด็กที่น่ารังแกมาตลอดเลยล่ะ บางทีก็แกล้งแรงเกินไปเหมือนกัน” เจ้าแมวทำหน้าคิด แผลที่ผมทำหายสนิทแล้ว กัปปะน้อยตั้งอกตั้งใจทายามาก แม้ว่าเขาจะยุกยิกสุดๆ
“แรงยังไง” ผมพูดเสียงห้วน ฟังเรื่องพวกนี้ทีไรก็หงุดหงิด แค่คิดว่าก่อนหน้านี้มีคนเข้าหาไคริจังก่อนผมไปตั้งกี่คน มันรู้สึกหน่วงๆ เหมือนกับว่า … หึง ?
“ก็จับถอดเสื้อผ้า ลวนลาม อะไรพวกนั้น แต่เข้าไปช่วยทัน ไคริไม่เคยร้องไห้หรือแสดงทีท่าว่ากลัวเลย เขาบอกว่ามันก็แค่การกลั่นแกล้ง เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ดี ไม่มีอะไรต้องกังวล นั่นเพียงเพราะเขาไม่รู้ว่าพวกมันกำลังจะปล้ำเขาอยู่แล้ว ! ช่วงมัธยมเขาโดนบ่อยมาก พอมามหาลัยไม่ค่อยนะ ส่วนใหญ่จะโดนจีบ แล้วก็โดนแต๊ะอั๋ง บอกได้เลยว่าแค่กอด โอบ หรือจับโน่นจับนี่ ไคริไม่รู้สึกหรอกว่ากำลังโดนคุกคามอยู่ เหนื่อยกูตลอดแหละ ต้องทำแรดเข้าไปแย่งไอ้ผู้ชายพวกนั้นมา” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมกำหมัดแน่น มันกล้าดียังไงลวนลามไคริจังเนี่ย !
“นายจัดการหรือยัง” ผมถามเสียงเย็น เจ้าแมวมองหน้าผม
“กินเรียบเลยล่ะ และก็เอาให้ไคริจังกินตอนเขาไม่รู้ตัวด้วย หึ”
“เพิ่งรู้สึกว่ามึงทำดีก็คราวนี้” ผมเลิกคิ้ว เลิกพูดสุภาพใส่กันเรียบร้อย เจ้าแมวแสยะยิ้มกอดอก ทำหน้าภูมิใจสุดๆ
“มึงอายุเท่าไหร่ เท่าไคริ ?”
“หึ 30 อายุมากกว่าแกเยอะไอ้หนู” เขาหรี่ตามองผม ผมเองก็หรี่ตามองเขา ตัวกระเปี๊ยก แถมยังแสดงอารมณ์อย่างกับเด็กๆ ไม่น่าจะอายุเยอะขนาดนั้น จะว่าไปไคริจังเองก็หน้าเด็กมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเองก็เป็นปีศาจหรือเปล่า พวกเรามีความพิเศษอย่างหนึ่งคืออายุยืนยาว แต่รูปร่างและหน้าตาจะยังคงเป็นวัยรุ่นเสมอ และหน้าตาดีด้วย เพราะหน้าตามีไว้เพื่อล่อเหยื่อโดยเฉพาะ
“อ๊ะ ที่ไคริจังดึงดูดผู้ชาย ก็เพราะว่าเขาเป็นปีศาจใช่ไหม” ผมตบมือเสียงดัง เมื่อเริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ไคริจังดูบอบบางเหมือนลมพัดทีเดียวปลิวก็จริง แต่เขามีแรงดึงดูดที่สูงมาก แรงดึงดูดทางเพศหน่ะ …
“ก็อาจใช่ แต่นั่นอาจเป็นเพราะมึงเป็นเกย์โรคจิต อยากจะปล้ำไคริเฉยๆก็เป็นได้” เจ้าแมวยังด่าผมไม่เลิก ถึงจะอายุมากกว่าผมก็ไม่สนหรอกนะ
“ปากดี ทำจริงๆแล้วคนแถวนี้จะนอนร้องไห้หน่ะสิ ได้อยู่กับเขาทั้งชีวิต มีโอกาสก็ไม่ทำคะแนนเองช่วยไม่ได้ มัวแต่แรดหาเหยื่ออยู่นั่นแหละ” ผมได้ที ด่าเขากลับ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหนหาเหยื่อ ดูตอนอ้อนไคริก็พอจะรู้แล้ว
“ไอ้เด็กบ้า ! อยากตายใช่ไหม” เขาคำราม กลัวจังเลย ..
“ทำอะไรหน่ะ !” เสียงไคริจังดังขึ้นก่อนที่เล็บเจ้าแมวจะมาโดนหน้า
“เพื่อนนายอยากจะข่วนผม”
“มิ้น ! กลับไปนอนพักเลยนะ” เขาดุเพื่อนตัวเอง ผมเนียนกอดเขา ซุกหน้าลงกับคอเล็ก แอบดมกลิ่นอ่อนๆจากตัวเขา ไคริจังไม่ค่อยสนใจจริงๆด้วย แม้ว่าเขากำลังถูกผมซุกไซร้อยู่เนี่ย อืม จะว่าดีก็ดีนะ ผมแลบลิ้นน้อยๆลากผ่านคอเขาเบาๆ ไคริจังสะดุ้งแล้วผละออกจากตัวผม
“ทำอะไรเนี่ย” เขากุมคอตัวเองไว้ แก้มแดงน้อยๆ
“ชิม”
“อะไรของนาย !!” เขาโวยวายแล้วเดินหลบผมไปจัดแจงที่นอนให้เจ้าแมว
“อ้อ ฮิโรโตะ ขอบใจมากนะที่ช่วยมาตลอด พรุ่งนี้ผมจะไปหานาโอยูกิ เขาเป็นองเมียวจิ และผมคิดว่าเขาคงจะพอสอนอะไรที่เป็นประโยชน์ได้บ้าง” เขาห่มผ้าให้เจ้าแมวเสร็จก็หันมาพูดกับผม ผมจ้องเขาเขม็ง นาโอยูกิไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก เพียงแต่เขายึดมั่นจะล้างผลาญพวกปีศาจอย่างแน่วแน่ มั่นคงในอาชีพสุดๆ ผมกลัวเขาจะพูดอะไรล้างสมองไคริจัง ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมนาโอยูกิถึงจงเกลียดจงชังพวกเราขนาดนั้น ผมก็ไม่เคยทำอะไรให้เขาสักหน่อย
“ดูทำหน้าเข้าสิ ต้องให้บอกอีกกี่ครั้ง ว่าผมไม่ทำอะไรฮิโรโตะแน่ๆ ไม่เชื่อใจกันบ้างเลยหรือไง” เขาเดินมาจิ้มกลางหน้าผากผมที่ขมวดคิ้วอยู่
“พูดอย่างกับแฟน ไม่เชื่อใจกันบ้างเลยหรือไง ?” ผมทำเสียงล้อเลียนกลับไป ไคริจังนิ่งแล้วถลึงตาใส่ผม เขาพึมพำๆกับตัวเอง ก็ไม่ได้อยากจะกวน แต่เขาชอบทำตัวแบบนี้ พูดหรือทำอะไรหน่ะไม่ค่อยจะคิดเลยว่าชาวบ้านเขาคิดไปทางอื่นแล้ว ผมคว้าตัวเขาแล้วดึงออกมาจากห้องเจ้าแมวที่ตะแง้วๆอยู่
“อันที่จริงแล้ว ผมไม่ต้องบอกนายก็ได้ มันก็สิทธิ์ของผม ที่จะไปไหนเมื่อไหร่ก็ได้” ไคริจ้องผม อะไร งอนเหรอ?
“โอ๋ๆ ไม่งอนนะ ล้อเล่นเฉยๆเอง ก็ไม่อยากให้ไปนี่นา เค้าเป็นห่วง”
“อย่ามาทำเสียงปัญญาอ่อน ขนลุก แล้วมากอดทำไมเนี่ย ออกไปเลย” เขาทำหน้าขยะแขยงผม มันเขี้ยวนัก ผมเลยกอดรัดเขาเข้ามาแล้วงับหูซะเลย ไคริสะดุ้งเฮือก ขนลุกซู่ ผมกอดเขาอยู่รู้สึกได้เลย ผมเลียใบหูนิ่มเบาๆ เขาย่นคอหนี หลับตาปี๋ เงียบสนิท ไม่โวยวายอีกเลย
“เอางี้ เดี๋ยวไปด้วย พรุ่งนี้เลิกเรียนใช่ไหม ?” ผมตัดสินใจแทนเขา แล้วชะโงกหน้าไปหอมแก้มแดงๆอย่างว่องไว ก่อนจะเผ่นหนี
“เฮ้ ไอ้กา ! ไอ้บิ๊กอาย ใครบอกให้นายไปด้วยหา” เขาโวยวายไล่หลังมา แทนที่จะโวยเรื่องผมหอมแก้ม กลับโวยเรื่องอื่นซะงั้น ผมหันหลังกลับไปมองเขา ก็เห็นไคริจังยืนกอดอกอยู่ ผมถอนหายใจ นี่ต้องรอให้ปล้ำก่อนไหมเขาถึงจะแสดงท่าทีอะไรให้ผมได้ชื่นใจสักหน่อย
“อะไร มองหน้าทำไม” เขายังส่งเสียงกวนๆมาให้ มันน่าจับจูบเสียให้หายซ่า ผมคิดได้ปุ๊บก็เดินตรงไปหา เหมือนไคริจะรู้สึกได้ถึงท่าทีของผมถึงได้ทำหน้าตกใจแล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องของเจ้าแมว
“รอดไปนะ” ผมตะโกนเข้าไปในห้อง แล้วเดินออกมาตามทาง ปล่อยไปก่อน มีโอกาสค่อยรวบยอด หึๆๆ
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยลูกเรา” แม่ผมทักเมื่อผมเดินผ่านห้องของเธอ
“คนกำลังมีความรักก็อย่างนี้ มองอะไรก็เป็นสีชมพู” พ่อผมพูดขึ้นมา ชักรู้สึกเกลียดพ่อตงิดๆ เวลาเขาใช้ตาโตๆจ้องมองผมแล้วทำสีหน้าเสมือนผมอินเลิฟเหลือเกิน ผมกางปีกแล้วตวัดใส่หน้าพ่อ
“ฮิโรโตะ !! ไอ้เด็กคนนี้นี่” พ่อผมขึ้นเสียงแล้วเป่าปาก ผมเหวอทันใด พ่อผมมีลูกกระจ๊อกซึ่งเป็นอีกาเป็นร้อย และพ่อกำลังเป่าปากเรียกมันมา
“จัดการเลย” พ่อชี้มาทางผม ผมกางปีกบินหนีเลยสิครับ กาบินตามมาเป็นฝูงแบบนั้น พ่อเล่นแรงกว่าผมอีก ผมหนีได้ไม่นานก็โดนรุมจิกแล้วหิ้วกลับมาที่บ้านเหมือนเดิม ก็ผมไม่กล้าทำร้ายพวกเขานี่นา เลยได้แต่โดนทำร้ายฝ่ายเดียวแบบนี้ ผมเดินหน้าบูดเข้าไปอ้อนแม่ทันใด
“แม่ดูพ่อทำสิ เป็นแผลหมดแล้วเนี่ย” ผมทำท่าทีน่าสงสาร แล้วซุกหาแม่
“พ่อก็ หน้าลูกเป็นแผลหมดแล้ว เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” แม่หันไปดุ แม้จะยังเสียงหวานจนไม่มีความน่ากลัวก็ตาม ผมยักคิ้วใส่พ่อตอนที่แม่ไม่เห็น
“ไอ้ลูกเวร ใครเลี้ยงให้แกโตมากวนตีนแบบนี้เนี่ย”
“พ่อไง โอ๊ย อย่าฟาด โอย แสบนะเนี่ย” ผมร้องลั่น เวลาพ่อฟาดผมไม่ใช่มือหรอกนะครับ ใช้ลมแบบเดียวกับที่ผมทำกับเจ้าแมวนั่นหละ ลมพัดแรงๆบาดผิวนี่แสบจนต้องอุทาน และแล้วพ่อก็หยุดพร้อมจ้องไปด้านหลังผม ผมรีบหันไปมองตาม เห็นไคริยืนมองผมอยู่ ทำหน้าแบบนั้นเป็นห่วงใช่ไหม ?
“พ่อหวังดีหรอก ทีนี้ก็ไปอ้อนเมียทำแผลให้ได้แล้ว”
“อ่า ผมไม่ใช่เมียเขานะ” ไคริจังรีบแก้ แต่ผมพุ่งตัวเข้าไปนัวเนียกับเขา
“ไม่ต้องอายนะที่รัก พ่อกับแม่ไม่ขัดขวางความรักของเราหรอก” ผมพูดเสียงดัง แม่ผมเองก็พยักหน้ารับ ยิ้มหวานให้ไคริจังที่ทำหน้าอึดอัดใจ มือเขาพยายามดันตัวผมออก แอบช็อตผมอีกต่างหาก อะไร เดี๋ยวเก่งใหญ่แล้วนะ ผมคว้าข้อมือเขาออกจากพุงผมที่เริ่มร้อน แล้วลากเขาลงมานั่งด้านหน้าพ่อกับแม่ เพิ่งคิดแผนใหม่ได้สดๆร้อนๆเลย
“พ่อครับ แม่ครับ ผมมีความจริงอะไรจะบอก” ผมกุมมือเล็กเอาไว้ด้วย เพราะผมทำหน้าตาจริงจัง ไคริถึงได้ยอมสงบแล้วทำหน้าอยากรู้อยากเห็นใส่
“ผมปล้ำเขาครับ เขาโกรธเลยไม่ยอมรับผมอยู่ ผมขอโทษที่ทำตัวไม่ดี แต่อย่าเกลียดไคริจังเลยนะครับ” ผมตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ทั้งพ่อและแม่ทำสีหน้าตื่นตะลึง ส่วนไคริอ้าปากค้างจ้องผมตาแทบถลนออกมา ผมกลั้นขำแทบแย่ เอาคนตัวเล็กมาไว้ในอ้อมกอด แอบจุ๊บบนหน้าผากไปหนึ่งทีตอนที่เขายังเอ๋ออยู่ พ่อกระแอมกระไอแล้วเหล่มองไคริด้วยสายตาที่แปลกไป เหมือนจะเห็นอกเห็นใจ และหันมามองผมด้วยสายตาตำหนิ
“ผมจะรับผิดชอบ ให้ไคริจังมาอยู่ที่บ้านเรานะ เขาไม่เหลือใครแล้ว เขาตัวคนเดียว” ผมอ้อนแม่กับพ่อทันที ไคริเริ่มรู้สึกตัวและต่อต้าน ผมเลยรัดเขาเอาไว้กับอกเลย ไม่รู้แหละ ผมจะเอาเขามาอยู่ที่นี่ ! จะได้มั่นใจว่าไม่มีใครแอบดอดเข้าไปลวนลาม หรือมีปีศาจที่ไหนแอบย่องไปกินเขากลางดึก
“แม่ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แต่ไคริจังหน่ะสิจ๊ะ จะอยากมาอยู่ที่นี่หรือเปล่า” แม่ผมยื่นมือมาแตะบ่าคนในอ้อมกอดผมเล็กน้อยด้วยสีหน้ากังวล
“ไคริจัง ผมขอโทษนะ แต่ว่าเราดีกันเถอะ ผมคงทนไม่ไหวแน่ถ้าไคริโกรธผม ..นะ” ผมจับแก้มเขาให้ขึ้นมาสบตาด้วย ไคริจังงุนงงมาก ดูเหมือนสติยังกลับมาไม่เต็มร้อย เวลาเขาทำหน้าเอ๋อๆแบบนี้น่ารักกว่าตอนตีหน้าขรึมไปสอนผมที่ห้องตั้งเยอะ ผมจ้องปากเล็กซีดที่เผยอเล็กน้อยเหมือนจะพูดอะไร อยู่ดีๆก็อยากจูบเขาขึ้นมา ตั้งแต่หลวมตัวจูบเขาคราวที่แล้ว ผมก็ชักจะเตลิด ใครใช้ให้ปากเขามันน่างับขนาดนี้กันเล่า !
“ฮิโรโตะ” เขาพึมพำ เริ่มขมวดคิ้ว มือก็แอบหยิกหลังผมด้วย
“เรื่องนี้ให้เขาตัดสินใจก็แล้วกัน พ่อกับแม่ขอไม่ยุ่ง เรื่องผัวๆเมียๆ แต่ยังไงก็เถอะ พ่อไม่ขัดขวาง ไคริ ถ้าโกรธมันมากก็ซัดได้เลยตามสบายนะ” พ่อผมให้ท้ายลูกสะใภ้เฉย ผมทำเป็นยิ้มกว้างซาบซึ้งกับคำพูดพ่อ
“ขอบคุณครับ” ผมก้มหัวขอบคุณ แล้วรีบชิ่งโดยพาไคริจังมาด้วย
“พูดบ้าอะไรของนาย ใครเมีย นายชักจะลามปามเกินไปแล้ว เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น” เขาโมโหใส่ผมทันทีที่พ้นสายตาของผู้ใหญ่มาแล้ว
“ไคริจัง จะบอกไว้ให้เลยนะว่าไม่ได้ล้อเล่น ถ้ายังอ่อยกันอยู่แบบนี้ ได้เป็นเมียจริงๆแน่ !” ผมก้มหน้าลงไปหา งับปากซะเลย ทนมองมานานแล้ว ผมจุ๊บเขาไปแค่นิดเดียว ก็ต้องร้องแล้วรีบถอยหนี เมื่อกระแสไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะจนเกิดประกายไฟตรงที่ไคริจังจับผม แค่นี้ต้องช็อตกันด้วย ?
“ไม่เคยอ่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว นายมันโรคจิตจริงๆด้วย อ๊ะๆ ถ้าเข้ามาอีกผมเผานายแน่” เขาขู่เมื่อผมตั้งท่าจะจู่โจมอีกครั้ง
“เหรอ ทำอะไรหน่ะรู้ตัวซะบ้าง มัวแต่ชมคนโน้นคนนี้น่ารัก ไม่เคยดูตัวเองเลยนะ ให้ตาย ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ไม่ทำอะไรแล้ว อยากไปไหนก็ไป” ผมโวยวาย หงุดหงิดมากจนเดินหนีเขามา มาทำคนอื่นแทบคลั่งแล้วบอกว่าไม่ได้อ่อย ผมจะทำยังไงกับเขาดีเนี่ย หือ ผมกางปีกแล้วบินหนีไปหาคนที่พอจะคลายความหงุดหงิดให้ได้ ..ไอ้ริวทาโร่
“เฮ้ๆ นายหยุดเรียนนี่ พอพาไปหาตัวไคริจังเจอ นายก็ไม่มาเรียน พร้อมๆกับที่เขาไม่มาสอน ฮันแน่ แอบไปตะลึงตึ่งโป๊ะกันมาทั้งคืนล่ะซิ” เจ้าหัวแดงยิ้มร่าแล้วแลบลิ้นเลียปากตัวเอง ผมดีดหน้าผากมันอย่างหมันไส้ วันนี้มันไม่ได้อยู่ในร่างแอ๊บแบ๊ว แต่อยู่ในร่างชายหนุ่มธรรมดาๆ
“ทั้งคืนบ้าอะไรล่ะ” ผมพูดแค่นั้นแล้วเอาหน้าวางลงบนโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก ผมเองก็สับสนไม่แพ้ไคริจังหรอกนะ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมผมเอาแต่วิ่งวนรอบตัวเขาแบบนี้
“เป็นอะไร” ริวทาโร่เลิกล้อเมื่อเห็นสีหน้าของผม
“ไม่รู้ สับสนไปหมดแล้ว” ผมพูดอย่างเหนื่อยอ่อน พักนี้หงุดหงิดง่าย แค่ไคริจังเที่ยวไปสนใจคนอื่นผมก็โมโห แล้วเขาก็สนใจอย่างอื่นมากกว่าผมอยู่เรื่อย
“ไอ้หนู ในฐานะที่อยู่มาเป็นร้อยปีก่อนหน้าที่แกจะผุดออกมา เดาได้เลยว่า แกกำลังสับสนเรื่องไคริจังงั้นใช่ม่ะ เห็นปกตินายไม่ค่อยเข้าหาใครขนาดนี้ นายก็แค่ชอบเขา จะไปคิดให้ยากทำไม” เขาลูบหัวผมเหมือนกำลังปลอบขวัญเด็กน้อย ถ้าเทียบอายุจริงเขากับผม ผมก็คงเด็กน้อยนั่นแหละ
“แต่ไคริจังไม่สนใจเลย” ผมพึมพำต่อ
“หึๆ จีบสิ ชอบก็จีบ”
“เฮ้อ ชอบใครมันเหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ” ผมบ่น พอหันไปสบตากับริวทาโร่ก็เห็นเขาอมยิ้ม แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างดัง
“ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่เคยคิดว่าแกจะน่าเอ็นดูได้เท่าวันนี้เลยนะ ความรักมันทำให้คนปัญญาอ่อนใช่ป่ะ ฮ่าๆๆๆ ทำหน้าเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นเลย” ริวทาโร่ปาดน้ำตา ยังคงหัวเราะแบบไม่มีเสียงเมื่อผมทำหน้าไม่สบอารมณ์
“ไม่น่ามาปรึกษาเลย รู้งี้ไปหาคัตสึโทชิดีกว่า”
“ไอ้ยักษ์นั่นคงจะบอกให้แกปล้ำไปเลย ไม่งั้นก็แดกแห้วไปซะ จะคาดหวังคำตอบอะไรจากมัน ปกติมันเคยสนใจอะไรที่ไหน อยู่แต่กระท่อมเล็กๆนั่นล่ะ ไม่รู้ทำอะไร น่าเบื่อจะตาย อยู่มาตั้งหลายร้อยปีล่ะ” ริวทาโร่เดาะลิ้น จะว่าไปที่เขาพูดก็ถูก คนที่รายล้อมผมมีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว คงเห็นปัญหาของผมเป็นเรื่องไร้สาระ ผมคิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่รู้เลยว่าผมชอบไคริจังตอนไหน ยังไง ทำไม
มารู้ชัดๆก็แค่ตอนที่เจ้าแมวเริ่มเข้ามาออเซาะไคริ ผมไม่พอใจเวลาเห็นคนอื่นเข้าใกล้เขา ผมคิดขึ้นมาแวบหนึ่งว่านั่นควรจะเป็นผม
“ป่านนี้เขาคงกลับห้องไปแล้ว เผลอไล่เขาไป” ผมยังคงพึมพำไม่เลิก
“กลับก็ตามไปเอากลับมาสิ ไคริจังหลอกง่ายจะตาย พาเขาทัวร์ชมปีศาจในบ้านนายวันล่ะตนเขาก็ไม่ไปไหนแล้ว เชื่อสิ” พอริวทาโร่พูดอย่างนั้น ผมก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ อาจเพราะเขาเป็นคนประหลาดแบบนี้ ผมถึงได้เผลอชอบเข้าให้ เวลาเขาตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ เขาเหมือนเด็กน้อย ซึ่งนั่นน่ารักเกินผมจะอดใจไหว
“งั้นกลับล่ะ ขอบใจ” ผมหันไปตบบ่ามังกรหัวแดงที่เปลี่ยนร่างอีกแล้ว ไม่รู้จะขยันเปลี่ยนไปไหน เขาเป็นปีศาจชั้นสูง แปลงร่างได้ตามใจชอบเลยล่ะ
ผมบินกลับมาที่บ้านตัวเองก่อน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ผมเดินไปที่ห้องของไคริเปิดออกเบาๆ ไม่มีวี่แววของเขา เขาคงจะกลับไปแล้ว ผมจ้องพื้นที่ว่างๆตรงที่เขาเคยนอนอยู่สักพัก จนมีนกน้อยบินมาเกาะที่ไหล่ผม ผมหันไปจ้องตาใสๆของเจ้านก เหมือนมันจะพูดอะไรบางอย่าง พลางบินนำผมไป ผมก็ค่อยๆเดินตาม มาจบที่ห้องของเจ้าแมว ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนประตูเปิด เห็นร่างผอมที่ผมตามหานอนอยู่กลางห้อง พร้อมกับแมวสีดำตัวน้อยในอ้อมกอด
“ไม่ได้หนีไปไหนนี่นา” ผมโล่งอก ก้มลงลูบหัวเล็กเบาๆ ไครินอนหลับสนิท เขายังดูผอมบางเกินไปเหมือนเคย แต่ราวกับเมื่อผมรู้สึกตัวว่าผมคิดอะไรกับเขา เขากลับดูน่ารักขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ น่ารักมากจนผมแค่นั่งมองเฉยๆก็ยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ได้ตั้งนานสองนาน จนเจ้าแมวน้อยกระพริบตาแล้วจ้องผม
“ดุเขาทำไม รู้ไหมว่าไคริสับสนแค่ไหนในตอนนี้” เจ้าแมวค่อยๆขยับตัวออกจากอ้อมกอดแล้วกระโดดมาบนตักผม เงยหน้าขึ้นจ้องอย่างไม่พอใจ
“กูเองก็สับสน” ผมตอบกลับไป
“มันคนล่ะเรื่องกันการาสุเทนกุ เขาสูญเสียแม่เมื่อไม่นานนี้ และหลังจากนั้นก็รับรู้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ รับรู้ว่าคนที่เลี้ยงดูมาตลอดไม่ใช่แม่ และเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่ผู้หญิง ไม่คิดเหรอว่าเขาเจอหนักแค่ไหน อย่ากดดันในสิ่งที่เขาไม่รู้ ว่าเขาผิดอะไร” เจ้าแมวหันไปมองคนที่ยังนอนหลับสบาย ผมจ้องตามเหมือนจะเห็นว่าขนตาของเขานั้นมีหยดน้ำเกาะอยู่ เขาร้องไห้อีกแล้วเหรอ ครั้งนี้เป็นเพราะผมใช่ไหม
“ไม่ทำแล้ว สัญญาเลย กูจะไม่ทำให้เขาร้องไห้อีก”
“สัญญากับตัวเองเถอะ” เจ้าแมวพูดแค่นั้น แล้วก็กระโดดกลับไปหาอ้อมกอดเดิม ไคริส่งเสียงนิดหน่อยก่อนจะคว้าเจ้าแมวเข้าหาตัว
“ไคริจัง ขอโทษนะ” ผมล้มลงนอนซ้อนที่ด้านหลังของเขา แล้วดึงเขามากอดอีกที เขาขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรือตามามองผม เขานิ่งอยู่นานเหมือนกำลังคิดว่าทำไมผมมานอนกอดเขาอย่างนี้ได้ ผมยิ้ม ยกมือขึ้นลูบแก้มเขาไปมา ดูเขาจะเหนื่อยมาก ลูบแค่นิดหน่อยก็เคลิ้มจะหลับอีกครั้ง
“ผมไม่รู้ว่านายโกรธอะไร ถ้าทำอะไรผิดก็บอกกันตรงๆ ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้หรอกนะ” ไคริพูดเสียงแผ่ว แม้ว่าตาเขาจะปรือปรอยเต็มที
“หึ ถ้าบอกว่าไคริจังน่ารักเกินไปจนผมตกหลุมรักแล้วล่ะ จะทำยังไง”
“!!!” เขาลืมตาโตจ้องหน้าผมทันที เจ้าแมวเองก็ยกหัวขึ้นมามองผมด้วย
“ฮิโรโตะ ?” เขาขมวดคิ้ว ครางชื่อผมออกมา
“จีบได้ไหม” ผมถามต่อทันทีด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ไม่สนใจสายตาอาฆาตแค้นของสิ่งมีชีวิตสีดำก้อนเล็กด้านหลัง ผมพลิกตัวไคริให้หันมาหาผมทั้งตัว
“พูดเรื่องอะไรเนี่ย”
“ไม่ถามแล้ว เอาเป็นว่า ผมจะจีบนะครับคุณครู นอนพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้จะได้ไม่หัวใจวายไปก่อน” ผมยิ้มกว้าง จูบหน้าผากเขาสามทีติดแล้วขยับลงมาหอมแก้มอีกสองที จุ๊บปากเร็วๆอีกครั้งแถมท้าย
เจ้าแมวบอกว่าเขาสับสนมากใช่ไหม ? ถ้าเขามีเรื่องให้เครียด ผมจะขอเป็นเรื่องที่เครียดที่สุดของเขาก็แล้วกัน ไคริจังจะได้ลืมเรื่องอื่นไปเลย
คิดถึงแค่ผมก็พอ….
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
อ๊ายยยยย บิ๊กอายคนบ้า กะให้เขาคิดถึงแต่เรื่องของตัวเองคนเดียวเลย
ไอ้นกเห็นแก่ตัว 55555 รู้ใจตัวเองแล้ว ก็มีแต่ลุ้นว่าเมื่อไหร่ไคริจังจะสนใจตัวเองมากกว่าอย่างอื่นได้ซะทีนะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไคริงงน่ารักกกกก
มาหวีดก่อนกลับไปทำงานต่อ ฮอลลลลลล น่ารักเกินปายยยย
รัวๆเลย
น้องแมวนี่ดูทุ่มสุดๆไปเลยนะกับไคริจัง แต่มีหวังคงอด ฮืออออ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็มีคนมาคอยดูแล(ถึงตอนนี้จะยังไม่เห็นวี่แววก็ตามที) 555