ตอนที่ 61 : ภาค 3 ตอนที่ 7
7
( :: นาระ :: )
ผมรีบหลบออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าคัตสึโทชิเข้าไปช่วยเจ้าแมวนั่นเอาไว้ได้ทัน ผมกัดปากอย่างเจ็บใจที่แผนไม่สำเร็จ ที่สวนของคัตสึโทชินั้นกว้างใหญ่มากก็จริง แต่ไม่มากพอจะทำให้หลง
ผมใช้มนตร์พลางตาทำให้เจ้าแมวนั่นมองเห็นทุกอย่างเหมือนๆกันไปหมด แล้วผมก็ทำให้เขาตกใจด้วยการซัดเขาลงมาจากต้นไม้ เขาช่างอ่อนแอเหลือเกิน ยังไงแมวปีศาจก็เป็นแค่ปีศาจชั้นต่ำ มนตร์ไม่มีพลังมากเท่ายักษ์อย่างผม แม้ผมจะไม่เก่งเท่าคัตสึโทชิ แต่ผมก็ทำอะไรได้มากกว่าเจ้าแมวงี่เง่านี่ เขาไม่เห็นจะเหมาะสมกับคัตสึโทชิของผมตรงไหนเลย เก่งก็ไม่เก่ง คัตสึโทชิน่ะเป็นถึงยักษ์สามตาในตำนานเชียวนะ แม้แต่แม่ของผมที่อยู่มานานก็ยังไม่เคยเห็นยักษ์สามตาตนอื่นเลย พวกเขาแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้วเพราะการกวาดล้างของตระกูลชิมิซึ องเมียวจิตระกูลใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แต่ยักษ์สามตัวตัวเป็นๆยังอยู่นี่ เขาเก่งขนาดที่ว่าสร้างมนตร์ครอบทั้งสวนของตัวเองเอาไว้ได้ มนตร์ที่มีผลตลอดเวลาแม้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่สวน มันจะปกป้องคนข้างในจากปีศาจและมนุษย์อื่นๆที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป มันต้องใช้พลังมากในการควบคุม ปกติแล้วมันไม่เคยมีมนตร์นี้ แต่เขาสร้างมันขึ้นมาทันทีที่พาแมวดำเข้ามาอยู่ด้วย
เป็นห่วงเป็นใยเสียเหลือเกินนะ ผมใช้เวลานานมากกว่าจะเจาะมนตร์ของเขาได้เป็นช่องว่างเล็กๆ แต่กว้างพอที่ผมจะเข้าไปจัดการแมวดำนั่น
ผมต้องรีบหลอกล่อเขาไปจนถึงฝั่งต้องห้าม ฝั่งที่มีปีศาจน่ากลัวมากมาย ครั้งหนึ่งผมเคยหลงเข้าไป คนที่มาช่วยจะเป็นใครไปอีกถ้าไม่ใช่คัตสึโทชิ เขาต่อกรกับปีศาจเหล่านั้นอย่างง่ายดาย และเขาเท่มาก แทบไม่ต้องขยับตัวอะไรเลย แค่ร่ายมนตร์นิดหน่อย ป่าที่ดูน่ากลัวก็สงบ ผมรู้ว่าเขาแค่ทำให้พวกปีศาจนั้นหลับใหลชั่วคราว เขาไม่ลงมือฆ่าทั้งๆที่ทำได้ เขาเท่น่าดูเลยใช่ไหม
อ๊ะ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเจ้าแมวหรอก ผมแค่อยากให้เขาหวาดกลัวจนหนีไปจากที่นี่ ถ้าเห็นว่าเขากำลังจะตายผมก็ต้องเข้าไปช่วยแน่ๆ แต่ยังไม่ทันที่แมวดำจะถูกรังแกจนเสียสติ เขาก็มา คงเพราะเขาสัมผัสได้ว่ามนตร์ของเขาถูกทำลาย เขาถึงได้รีบกลับมาอย่างนี้ สีหน้าของเขาตอนที่วิ่งหาเจ้าแมวเป็นสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็น เขากังวลและเป็นห่วงแมวนั่นมาก ยิ่งผมเห็นเขารักเจ้าแมวมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเกลียดแมวปีศาจนี่มากขึ้นไปอีก ผมจะยอมถอยออกมาก่อนในคราวนี้ ผมกลับไปที่บ้านแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่นึกว่ากลางดึกคัตสึโทชิซังจะมาถึงที่บ้าน ผมได้ยินเสียงของเขาคุยอยู่กับแม่และพ่อ ผมเลยค่อยๆย่องไปแอบฟัง
“ไม่นะคะ เราก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ไม่ได้กลิ่นปีศาจร้ายที่ไหนด้วย” เสียงแม่ของผมตอบออกไป ผมใจเต้นแรง เขามาถามเรื่องวันนี้เหรอ?
“ครับ ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร ระวังไว้ด้วยนะครับ ถ้าเห็นอะไรแปลกๆรีบมาแจ้งผมได้เลย ผมเกรงว่าถ้าไม่รีบมาบอก เกิดมีปีศาจร้ายขึ้นมาจริงๆ พวกเราแถวนี้อาจจะแย่กันไปหมด หรืออาจจะมีองเมียวมา ระวังตัวด้วยนะครับ แล้วนาระไม่ได้เห็นอะไรแปลกๆ หรือว่าได้แผลที่น่าสงสัยใช่ไหมครับ” พอเสียงของเขากล่าวถึงชื่อผม ผมก็ใจเต้นขึ้นมาอีก เขาเป็นห่วงผมรึเปล่า ผมแอบยิ้มกับตัวเอง
“ไม่ครับ แกปกติดี ขอบคุณที่มาเตือน” พ่อผมก็ตอบรับไป
ผมรีบกลับเข้าไปในห้องนอน เขาคงจับไม่ได้ใช่ไหม เขาไม่รู้หรอกว่าผมเป็นคนทำ คืนนั้นผมนอนแทบไม่หลับ ตื่นเช้ามาก็รีบมุ่งหน้าไปยังสวนของคัตสึโทชิ จนเห็นเด็กสาวชาวมนุษย์ที่นั่งซ้อนจักรยานพ่อเพื่อไปโรงเรียนแต่เช้าเหมือนทุกที ผมแอบเหาะตามไกลๆจนพ่อของเธอปั่นจักรยานกลับไป ผมจึงได้เข้าไปหา
“ไง” ผมทักเธอที่กำลังจะเดินเข้าโรงเรียน โดยแปลงร่างกลับเป็นมนุษย์ปกติเพื่อไม่ให้คนแถวนี้แตกตื่น
“มีอะไรกับฉันไม่ทราบ” เธอขมวดคิ้วใส่ผม เราไม่ค่อยถูกกันนัก จะเพราะอะไรซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่เพราะทั้งผมและเธอต่างก็ชอบคัตสึโทชิเช่นเดียวกัน เธอเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เกือบๆปี พร้อมกับพ่อของเธอ ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมพวกเขามาอยู่กับคัตสึโทชิ แต่คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้เขาแล้วจะไม่ตกหลุมรัก ยัยเด็กนี่ก็เหมือนกัน ตอนที่ผมไปเล่นที่สวนกับคัตสึโทชิ สายตาของเธอฟ้องหมดนั่นแหละว่าคิดอะไรอยู่ ผมไม่อยากจะเข้ามายุ่งกับเธอเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ติดว่าจะได้ผลประโยชน์ร่วมกันล่ะก็ ตอนนี้ต้องหาตัวช่วยใกล้ตัวไว้ก่อน
“รู้เรื่องที่คัตสึโทชิซังเอาแมวดำมาไว้ที่บ้านหรือยัง โคอิเคะ ยูน่ะ”
“รู้แล้วสิ! พ่อเล่าให้ฟังตลอดนั่นแหละ นายไม่รู้เหรอว่าเขาตามดูแมวนั่นมาตั้งหลายสิบปีแล้ว ฉันยังหงุดหงิดไม่หายเลย” เธอกระแทกเสียง เห็นหน้าใสๆแบบนี้ก็ร้ายเหมือนกันแหละ มองตาก็รู้แล้ว
“เรามีวิธีที่จะเอาเขาออกไปจากที่นี่ เอาไง จะร่วมมือกันไหม”
“ร่วมมือกับนายแล้วฉันจะได้อะไร นายก็ชอบเขาเหมือนกันนั่นแหละ” เธอกอดอกเชิดหน้าใส่ผม คิดว่าตัวเองสวยตายเลย ผมพูดตรงๆเลยว่า ต่อให้ผมเกลียดเจ้าแมวดำแค่ไหน แมวดำนั่นก็หน้าตาน่ารักกว่ายัยนี่
“อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่น่ากลัวที่สุด เพราะคัตสึโทชิชอบเขา ถ้าเรากำจัดเขาได้ เราก็เท่ากัน แฟร์ๆ จากนั้นก็ทางใครทางมัน อ่อยเขากันเอาเอง” ผมยักไหล่ ที่ต้องมาขอเนี่ยเพราะเธอรู้ตำแหน่งบ้านของคัตสึโทชิ จะให้เข้าไปในบ้านก็ไม่ลำบาก ส่วนผมไม่เคยเห็นบ้านเขาเลย เดาว่าเขาร่ายมนตร์เอาไว้ ไม่ให้คนอื่นเห็นบ้านเขาเพื่อความสงบส่วนตัว แต่เพราะพ่อของเขาคอยช่วยเหลือคัตสึโทชิซัง เขาเลยจำเป็นต้องให้สองพ่อลูกนี่เห็นตัวบ้าน
“น่าสน โอเค ฉันตกลงกับนาย” เธอแสยะยิ้ม แล้วก็เดินเข้าโรงเรียนไป ไอ้รอยยิ้มนั่นไม่น่าไว้ใจยังไงชอบกลแหะ
ผมเหาะกลับออกมาแล้วกลับไปที่บ้าน ผมไปช่วยพ่อทำไร่ก่อนจนตกเย็น ผมถึงได้หยิบเสื้อผ้ามีฮู้ดมาใส่แล้วแอบออกมานอกบ้าน เหาะไปยังฝั่งที่ใกล้กับป่าต้องห้าม ที่มีปีศาจชั่วร้ายอาศัยอยู่จำนวนมาก พวกเราเป็นปีศาจ แต่ก็มีกันหลายประเภท ในเผ่าพันธุ์เดียวกันอาจมีทั้งดีและเลว โดยในป่าต้องห้ามนี้มีปีศาจหลายเผ่าพันธุ์ที่ชั่วร้ายและมีพลังมากมารวมตัวกัน พวกเขาแลกเปลี่ยนของอันตราย ยาพิษ ยาเสน่ห์ อีกทั้งบางครั้งยังรวมกลุ่มเพื่อฆ่าองเมียวจิที่อาจรุกเข้ามาล่าพวกเขา ผมใส่ฮู้ดปกปิดใบหน้าส่วนใหญ่ไว้เพราะรู้ว่าใบหน้าของผมอาจมีปัญหา และอาจเรียกพวกเขามาทำร้ายได้ ผมเดินก้มหน้าไปตามทางเพื่อหาปีศาจที่เขาเล่าขานกัน นางแมงมุมผู้ทรงเสน่ห์และรู้เรื่องราวข่าวสารเกือบทั้งหมดบนโลกปีศาจ ผมเดินตามคำเล่ามาจนถึงที่อยู่ของเธอ เห็นใยแมงมุมบ้างประปราย ลึกเข้าไปมีบ้านท่าทางหลอนๆ ผมกลั้นใจ ค่อยๆเดินไปเคาะประตูบ้าน
“เข้ามาสิหนุ่มน้อย” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ผมสะดุ้งก่อนจะค่อยๆแง้มประตูเข้าไป เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยอยู่บนขาใหญ่ยักษ์แปดขาของแมงมุม เธอกวักมือเรียกผมไปนั่งที่เก้าอี้ในนั้น คงมีคนมาขอโน่นนี่จากเธอบ่อยๆ เพราะมีที่นั่งสำหรับแขกเป็นอย่างดี ข้างในค่อนข้างอุ่น ไม่น่ากลัวเหมือนด้านนอก
“ว่าไง หนุ่มรูปงามอย่างเธอยังต้องการอะไรให้ช่วยอีกอย่างนั้นเหรอ”
“ผมอยากได้ยาเสน่ห์ แบบแรงๆเลย” ผมพูดออกไปโดยไม่อ้อมค้อม
“โอ๊ะโอ มีรูปเป็นทรัพย์ขนาดนี้แล้ว ใครที่ไหนมันช่างตาบอดไม่เห็นความงามของเจ้ากันนะ ว่าแต่เจ้าจะแลกสิ่งมีค่าอะไรกับยาเสน่ห์ของข้าเหรอ” เธอชะโงกหน้าเข้ามาหาผม แม้ว่าเธอจะสวยหมดจด แต่ผมก็กลัวเธออยู่หน่อยๆ
“เลือดของผม คุณกินมันเท่าไหร่ก็ได้ ผมรู้ว่าคุณต้องการเลือดไม่ใช่เหรอ แล้วเลือดของยักษ์ก็มีคุณอย่างมากด้วย” ผมยื่นแขนไปให้เธอ ผมเป็นยักษ์ตาเดียว แม้ว่าจะไม่มีมนตร์หรือพลังเหมือนยักษ์สามตา แต่เลือดของผมมีคุณวิเศษ มันทำให้คนที่ดื่มกินมีพลังมากขึ้น ดวงตาของเธอวาบวับเมื่อผมยื่นข้อเสนอ ผมรู้ว่ามันอันตราย แต่ผมไม่มีทางอื่นแล้ว ผมรักเขา แล้วผมจะไม่ยกเขาให้ใครทั้งนั้น !
“แล้วก็ ขอประวัติของโคอิเคะ ยูด้วย เอาแบบละเอียดที่สุดเลย”
“ตามคำขอเลยที่รัก อีกสามวันกลับมาใหม่ พร้อมเลือดสดๆของเจ้าด้วย ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยน” เธอยิ้มกว้างให้ผม ก่อนจะเปิดประตูให้ผมออกมา ผมรีบเอาฮู้ดขึ้นปิดหน้าเช่นเดิมแล้วเหาะหนีออกมาจากบริเวณนั้น
…………………………………………………
( :: ยู :: )
ผมเลยได้นั่งๆนอนๆของจริง ผมขยับตัวมากไม่ได้เพราะเจ็บแสบข้างในไปหมด แถมแผลจากการถูกบาดทั่วตัวก็ร้ายไม่ใช่เล่น ผมอาบน้ำไม่ได้เลย ต้องให้เจ้าก้อนหินมาเช็ดตัวให้ เขาเช็ดทุกซอกทุกมุมของผมโดยไม่มีท่าทีหื่นๆหรือลวนลามเลยแม้แต่น้อย อยู่กับเขามากๆผมเริ่มสูญเสียความมั่นใจแล้ว เริ่มรู้สึกว่าผมไม่มีอะไรน่ามองเขาถึงได้ใจแข็งแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงเลิกเช็ดตัวแล้วเข้ามาจับผมกดไปนานแล้ว แต่นี่อะไร แม้แต่ตอนทายาให้ก็ยังหน้าตาย แม้ว่าคิ้วจะขมวดจนแทบพันกันก็เถอะ เขาดูเครียดทุกทีที่ทายาข้างในให้ผม
“แล้วทำไมโทชิไม่ตัดต้นไม้ทิ้งไปเลยล่ะ ไว้อย่างนั้นอันตรายออก” ผมพึมพำ สะดุ้งพร้อมครางนิดหน่อยเมื่อนิ้วเขาควานอยู่ข้างใน
“ไม่ได้หรอก วิญญาณในนั้นมากกว่าร้อยตนอีก ถึงจะโค่นทิ้งไปพวกเขาก็ไปรวมตัวกันที่ต้นไม้อื่น อีกอย่างพวกเขาเป็นผู้ได้รับผลพวงจากสงคราม ไม่ใช่ผู้ร้ายอะไรหรอก เพียงแต่ความโกรธแค้นทำให้พวกเขาดูน่ากลัว ว่าจะพานาโอยูกิมาสวดให้ไปเกิด แต่ก็กลัวเขาจะได้รับอันตราย วิญญาณกว่าร้อยไม่ใช่ว่าจะรับมือง่ายๆ ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับพวกเขา มันก็พอแล้วล่ะ” คัตสึโทชิพูดมายาวเหยียดน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนอัดเทปเลยทีเดียว ผมครางออกมาอีกเมื่อความเสียวมันมากกว่าความแสบ แหม ก็เล่นขยับนิ้วแบบนี้จะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ
“อื้อ วันนี้ไม่จูบเหรอ” ผมทำปากจู๋ใส่เขา แล้วหลับตารอ
“ไม่เจ็บแล้วนี่” เขาพูดอย่างไร้เยื่อใย ผมเบ้หน้าใส่เขา ผมจูบไม่เก่งเหรอ เมื่อวานอุตส่าห์ให้รางวัลไปนะ เขาไม่เห็นอยากจูบผมอีกเลย
“อย่าคราง” เขาดุขึ้นมาอีกเมื่อผมแกล้งครางออกมาเมื่อเขาหมุนนิ้วไปรอบๆ อันที่จริงก็ไม่ต้องแกล้งหรอก ผมแค่เผลอจิ้นว่านิ้วเขาเป็นส่วนอื่นของเขาขึ้นมาแวบหนึ่งอ่ะ แวบเดียวจริงๆนะ พอเขาจะเอามือออกผมก็จับข้อมือเขาเอาไว้ เขาหันมาสบตากับผม อะไรกัน ยั่วขนาดนี้ไม่มีปฏิกิริยาเลย หรือว่าส่วนล่างของเขามันไม่ทำงานแล้วเพราะไม่ได้ออกกำลังกายมากว่าร้อยปี คิดดู แม้แต่จูบยังไม่เคย ไม่ต้องคิดเลยว่าเขาจะเคยมีอะไรกับใครหน้าไหนน่ะ
“ทำอะไร” เขาจ้องมือผมที่จับมือเขาไว้
“ปะ เปล่า” ผมรีบปล่อยเมื่อการยั่วไม่เป็นผล จึงได้แต่ทำหน้าบูดแล้วทิ้งตัวลงนอน ไม่สนใจแล้ว เขาตายด้านชัดๆเลย ผมเผลอหลับไปไม่นานด้วยฤทธิ์ยา แล้วก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะมืออุ่นๆที่ลูบตรงหน้าผากและแก้ม
“เที่ยงแล้ว กินข้าวก่อน” เขากระซิบกับผม แล้วค่อยๆจับผมนั่ง
“ป้อนด้วย” ผมงอแง เขาก็ไม่ว่าอะไร นั่งลงข้างเตียงแล้วป้อนผมตามคำขอ ผมนั่งกินข้าวไปจ้องหน้าเขาไป คนอะไรหน้านิ่งได้หล่อแบบนี้ ผมละงง
“เดี๋ยวกลับไปทำงานเหรอ” ผมพูดขึ้น มองเขาที่กำลังเก็บจานและแก้ว
“ไม่ ไปลามาแล้ว ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่ ไม่รู้นายจะไปซนที่ไหนอีกรึเปล่า” เขามองหน้าผมเหมือนจะต่อว่า ผมแลบลิ้นใส่เขา ผมไม่ได้ซนสักหน่อย เฮ้ย! ว่าแต่เมื่อวานผมไม่ได้ไปทำงานนี่นา อย่างนี้เขาจะยังรับผมเข้าทำงานอยู่ไหมเนี่ย โทรศัพท์ผมก็ไม่มีด้วย ผมมองซ้ายมองขวาอย่างกระวนกระวาย คัตสึโทชิก็มองผมนิ่งๆ คงจะสงสัยแต่ไม่คิดเอ่ยปากถาม ผมถอนหายใจ รอให้หายก่อนค่อยออกไปคุยกับที่ร้านอีกทีก็แล้วกัน ตอนนี้ผมต้องตักตวงช่วงเวลาป่วยก่อน
“งั้นอยู่กับยูสิ กอดยูหน่อย” ผมกางแขนออกแล้วกระพริบตาใส่เขา
“นอนไป” เขาจับผมนอนราบกับเตียงแล้วห่มผ้าขึ้นมา ผมชักจะน้อยใจแล้วนะ ทำอะไรไปเขาก็ไม่ทำตอบเลยอ่ะ
“ทำไมถึงไม่อยากกอดยูล่ะ ทำไมถึงไม่อยากจูบล่ะ ไม่ชอบเหรอ ยูไม่ดีตรงไหนพูดมาให้เคลียร์ๆเลยดีกว่า” ผมไม่ยอมนอนดีๆ ลุกพรวดขึ้นมาตบเตียงอย่างไม่เข้าใจ เขาก็ดูมีใจให้ผมนี่นา ผมคิดไปเองเหรอ ผมเบ้หน้าเตรียมร้องไห้ใส่เขา แต่คัตสึโทชิยอมแพ้จนได้ เขาขยับมานั่งข้างๆผมแล้วดึงผมเข้าไปกอด ดึงเบาๆเหมือนกลัวผมจะเจ็บ ผมซุกหน้าเข้ากับอกเขาทันที ผมไม่แน่ใจว่าเขาแค่ตัดรำคาญรึเปล่า ผมเริ่มน้อยใจมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาเงียบสนิทไม่ตอบคำถามของผมเลย ผมหยิกเอวเขาแรงๆ เขาก็แค่สะดุ้งนิดหน่อยแล้วคว้ามือผมไปจับ
“นอนซะ จะได้หายไวๆ”
พูดได้แค่นี้เหรอ! ผมค่อนขอดในใจ แต่ก็หลับไปอีกรอบ หลับไปทั้งๆที่นั่งพิงอกเขานั่นแหละ ผมหลับๆตื่นๆอย่างนั้นจนเช้าอีกวันหนึ่ง รับรู้ได้แค่ว่าเขาอยู่ข้างๆผมตลอด วันนี้ดูเหมือนเขาจะหยุดงานอีก ผมเลยต้องออกปาก
“ไม่เป็นอะไรมากแล้ว ไปทำงานเถอะ”
“รอหายสนิทก่อน” เขาตอบกลับมาโดยไม่ต้องคิด แล้วก็ไม่ยอมให้ผมออกไปเล่นกับแมวหรือเดินไปไหนเกินสามก้าว แค่ลุกขึ้นเดินจะไปห้องน้ำเขาก็อุ้มผมกลับไปวางที่เดิม แผลผมมันหายเร็วและเริ่มจะเป็นปกติ ผมเลยเดินเองได้ แต่ดูเหมือนเขาจะกังวลมากเกินเหตุ เขาไม่ยอมไปไหนเลย จนกระทั่งตกเย็น เขาบอกว่าจะออกไปดูลาดเลาว่ามีใครน่าสงสัยผ่านมาแถวนี้ไหม แล้วก็จะไปสืบอาคมอะไรก็ไม่รู้ ผมก็เลยพยักหน้าอือออไป ระหว่างที่เขาออกไป ก็พาผมมาฝากไว้กับพี่ก้อง ผมก็ยิ้มร่าเลยสิ ได้มีคนคุยด้วยสักที เมื่อวันสองวันที่ผ่านมา คัตสึโทชิเอาแต่สั่งให้ผมนอน แม้ว่านั่นจะทำให้ผมหายเร็วจริงๆก็เถอะ
“พี่ก้อง นั่นลูกพี่เหรอ” ผมยิ้มหวานให้เขา แล้วก็เผื่อแผ่ไปให้คนข้างหลังด้วย เป็นเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนม.ต้นของญี่ปุ่น
“ใช่ น้องเกรซมาสวัสดีพี่ยูหน่อยเร็ว” เขาหันไปเรียกลูกสาวมา
“สวัสดีค่ะพี่ยู” เธอยกมือไหว้ผมอย่างนอบน้อม หน้าตาน่ารักสมวัยดีครับ ผมก็พยักหน้าตอบเธอไป เธอพูดภาษาไทยได้ชัดเป๊ะ แล้วก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีเหมือนกัน เมื่อผมได้ยินเธอเดินไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อน
“ลูกสาวพี่น่ารักนะ” ผมพูดไปตามความจริง พี่ก้องก็ยิ้มหน้าบานเลย
นี่ทำให้ผมมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นเมื่อน้องเกรซเป็นมิตรกับผมดี เธอเล่าโน่นเล่านี่ที่โรงเรียนให้ฟัง บอกว่าตอนย้ายมาใหม่ๆลำบากมากเพราะพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยแข็ง แถมยังชักชวนผมออกไปรดน้ำต้นไม้และเด็ดดอกไม้มาจัดใส่แจกันด้วยกัน เธอเป็นคนคุยสนุก ผมเลยคุยกับเธอยาวๆโดยที่พี่ก้องออกไปข้างนอก คงไปทำธุระโน่นนี่ของเขานั่นแหละ จนเกรซชวนผมขี่ม้า ผมจ้องไปยังม้าสีดำสนิทซึ่งสวยมากๆ แล้วก็ตัวใหญ่มากเลยด้วย กล้ามเนื้อของมันดูแข็งแรง
“ตัวนั้นเป็นของคุณคัตสึโทชิ”
“ว้าว เขาขี่ม้าด้วยเหรอ” ผมร้องอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วก็ค่อยๆกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ตอนแรกมันยังยืนนิ่ง แต่อยู่ดีๆมันก็ร้องแล้ววิ่งชนที่กั้นคอกอย่างแรงออกมา มันสะบัดจนตัวผมกระเด็นลงจากหลังม้า
“เล่นอะไรกันเนี่ย” พี่ก้องเข้ามารับผมไว้ได้ทัน ผมเลยไม่กระแทกพื้น เป็นจังหวะเดียวกับที่คัตสึโทชิเหาะกลับมา เขาพุ่งตัวมารับผมจากพี่ก้องทันที ก่อนจะหันไปเรียกม้าตัวเองเข้าคอก เจ้าม้าตัวใหญ่ร้องตอบคำสั่งแล้วก็เดินกลับเข้าคอกไปเอง ก่อนที่ตาดุๆจะหันมามองผม
“ทีหลังอยากขี่ม้าก็บอก ม้าตัวนั้นไม่คุ้นคนอื่นนอกจากพี่ ก้องฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้เด็กๆมายุ่งกับม้า” เขาหันไปดุพี่ก้องต่อทันที ว่าแต่เมื่อกี้แทนตัวเองว่าอะไรนะ? ผมยืนเขินจนไม่ได้สนใจที่เขาดุพี่ก้องเลย เขาแทนตัวเองว่าพี่อ่ะ ฟังแล้วเขินจนแทบบิดเป็นเกลียวแล้วเนี่ย พี่โทชิกับน้องยู โอ๊ย ผมเขิน
“ขอโทษค่ะ เกรซชวนออกมาเอง ไม่คิดว่าจะอันตราย” สาวน้อยพูดขึ้นมาพร้อมทำสีหน้าน่าสงสาร คัตสึโทชิจ้องไปหนึ่งทีเธอก็สะดุ้ง ตาดุอะไรอย่างนั้น
“อย่าเล่นอย่างนี้อีก ยู กลับได้แล้ว ถึงเวลากินข้าวกินยา”
“กลับไปกินข้าวด้วยกันเหรอคะ โรแมนติกจัง เกรซอยากลองกินข้าวฝีมือพี่ยูจังเลย ต้องอร่อยแน่ๆ คัตสึโทชิซังถึงได้รักได้หลงแบบนี้” เกรซส่งเสียงขึ้นและยิ้มหวานมาให้ผมเมื่อเรากำลังจะกลับเข้าไปในบ้าน
“ฮ่าๆ พี่ไม่ได้ทำหรอก เขาทำน่ะ อร่อยขั้นเทพเลย มื้อนี้ไปกินด้วยกันไหมล่ะ พี่ก้องด้วย” ผมเอาหัวโขกกับอกคัตสึโทชิหน่อยๆแล้วหันไปชวนทั้งสองคน พี่ก้องหันควับมามองหน้าผมแล้วรีบส่ายหน้ารัวทันที
“ไม่ดีหรอกครับ คัตสึโทชิซังไม่ชอบให้คนอื่นเข้าบ้าน” พี่ก้องรีบพูด
“จริงเหรอ” ผมหันไปสบตากับคัตสึโทชิ คนบ้าอะไรเนี่ยหวงบ้าน
“อือ” เขาพูดแค่นั้นแล้วก็หิ้วผมออกมา ไม่ได้อุ้มนะ หิ้วออกมาเลย ผมรีบขยับไปกอดคอเขาไว้จนเขาเปลี่ยนเป็นท่าอุ้มดีๆ
“บ้านมันมีอะไร ทำไมต้องไม่อยากให้คนอื่นเข้าด้วยล่ะ นายนี่ขี้งกจัง”
“มันเป็นที่ส่วนตัว” เขาพูดแล้วหันมาสบตากับผม แค่เสี้ยววินาที แต่ผมต้องกัดปากตัวเองอย่างระงับความเขินอีกรอบ อะไรอ่ะ สายตาเมื่อกี้คืออะไรกัน
“ละ แล้วทำไมให้ยูเข้าบ้าน” ผมถามออกไปแล้วก็อยากกัดลิ้นตายตรงนั้น เมื่อเขาไม่ตอบ แต่เลื่อนมืออีกข้างมาลูบเบาๆข้างแก้มผม ผมทนไม่ไหวต้องหลับตาลงเมื่อสายตาเขามัน .. โอ๊ย ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่พอคนหน้าตายอย่างเขามองผมด้วยสายตาที่อ่อนลงแบบนั้นมันทำให้ผมคิดอะไรไม่ออก สมองรวน หูอื้อ ใจเต้นแรงจนหายใจไม่ค่อยออก แก้มร้อนจี๋เลย
“ถามแล้วทำไมเขินเองล่ะ หืม”
“ทำไมพูดมากเนี่ย ไม่เอาแล้ว ไม่ถามแล้ว” ผมกระโดดลงจากแขนของเขาแล้ววิ่งหนีเข้าบ้าน เมื่อเสียงของเขาที่ก้มลงมาพูดกับผม มันอ่อนโยนจนในสั่น เขินจนทนไม่ไหว เสียงหืมในลำคอราวกับหยอกล้อผมนั่นไม่เคยหลุดออกมาจากปากเขาเลย มันฟังดูขี้เล่นและมีเสน่ห์ มันฟังดูเหมือนเขาเอ็นดูผมมากๆ มากจนผมไม่กล้าสู้หน้า ขอหนีมาตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน !
อยู่กันอย่างนี้ ผมได้หัวใจวายเข้าสักวันแน่ๆ
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
ที่ส่วนตัว ก็ต้องไว้ให้คนพิเศษอยู่ใช่ไหมพี่ยักษ์
ถึงจะพูดไม่เก่ง แต่แค่สายตาก็เล่นเอาน้องแมวเขินม้วนได้แล้วนะคะ ฮือออ
จริงๆแล้วน้องยักษ์นาระเป็นหนุ่มรูปงามนะเออ แต่จะงามแค่ไหนในใจโทชิก็มีแค่ยูแล้วนี่นา
ตอนนี้เปิดตัวลูกพี่ก้อง จะมาแทคทีมกับนาระได้ดีขนาดไหนกัน
ตอบคอมเม้นค่าา
pre nick , ganako >> พี่ยักษ์นี่ขยันทำให้เขินจริงๆนะคะ ฮา ไม่ต้องทำอะไรมาก เราก็พร้อมจะม้วนตัวกับพี่ท่านตลอดเวลา
alice's , CiNdErElLa&Me >> ตอนนี้เด็กข้างบ้านได้มีการรวมทีมกับชะนีในสวนแล้วด้วย!
อีกาสีขาว , Mhew_happy , S e L u O n l y >> น้องแมวจะต้องขุดมาอีกกี่กลยุกธ์ เล่นใจแข็งขนาดนี้ ตบะแก่กล้ามาก ฮืออ
NamKudos >> ยังไม่ทันได้ตามใจ น้องแมวก็จะเป็นโรคหัวใจแล้วค่ะ ฮ่าๆ
Ms.mouw >> เราก็อยากได้ ฮืออ พี่ยักษ์ช่างดีงามไปทุกสิ่ง
ศิริวรรณ สารสม >> รักแมวน้อยกับยักษ์ใหญ่เยอะๆนะคะ เย้
Yokai >> ต้นไม้นี้มีตำนานอยู่จริง แต่เรามีการดัดแปลงนิดหน่อย จนเหมือนต้นไม้หื่นเลย 555 ประวัติตามที่พี่ยักษ์เล่าในตอนที่แล้วเลยค่ะ ส่วนพี่ยักษ์หายใจเข้าก็เฮ้อเธอ หายใจออกก็เฮ้อเธอเลยค่ะ อาการหนักมาก 555
minmin >> ขอบคุณมากค่า ในเรื่องมีตัวละครเยอะเลยที่มีประวัติอยู่จริง แต่จะคลุมเครือและแต่ละแหล่งมีข้อมูลไม่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าไปเจอข้อมูลอื่นๆแล้วไม่ตรงก็ไม่ต้องแปลกใจนะคะ ยังไงปีศาจก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ข้อมูลเลยคลาดเคลื่อนได้เรื่อยๆ เราก็ดึงส่วนที่น่าสนใจเอามาพลิกแพลงต่อไปค่ะ > <
zujune2000 >> ถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆแล้วกันค่ะ น้องแมวได้อ้อนมากขึ้นด้วย หึหึ
เป็ดตอน >> พี่ยักษ์นี่ฟุ้งฟิ้ง แต่ดูน้องแมวจะมีออร่าหื่นๆนะคะ ฮาาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แล้วพวกเด็กอักสองคนนี่ก็ร้ายนักนะ ชิชะ
ปล.นี่รอใจจดใจจ่อตั้งแต่วันศุกร์จนวันนี้ และก้รอต่อไปเรื่อยๆ
เฮือกกกกกก ไม่ไหวแล้ว น้องยูจ๋า ยั่วอีก เจ๊ฟินนนนนนน
ปล. ยักษ์น้อยอย่ามโนลูก -.- ส่วนยัยเด็กนั่นต้องน่ากลัวแน่ๆ ท่าจะร้ายลึก แต่ไม่ต้องห่วงมียักษ์ สบายมาก(?) 55555
กรี้ด แม่ก็งงด้วยค่ะ
ปล. พี่ยักษ์น่ารัก อิอิ
พี่ยักษ์ของเราเริ่มบุกรุกพื้นที้หัวใจน้องแมวอย่างเป็นทางการแล้วค่ะ!!
ดีดดิ้นเตียงแทบพัง
ไม่เข้าใจว่าทำไมเราเขินกว่ายูจัง
(คืออิจนางมากบอกเลย)
ขอพี่ยักษ์ให้เราแทนได้มั๊ยค่ะไร
อยากได้อ่ะ*O*
จะเอาอะจะเอา