ตอนที่ 60 : ภาค 3 ตอนที่ 6
6
ผมค้นบ้านเขาทั้งวันที่เหลือ หาโน่นหานี่ แต่ก็ไม่เจอหลักฐานที่ว่าเขาตามสโตกเกอร์ผม ไม่มีรูปถ่ายแม้สักใบ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับผมเลย พี่ก้องมั่วรึเปล่า ผมก็เลิกหาแล้วไปนั่งดูโทรทัศน์ กดช่องโน้นช่องนี้ไปเรื่อยเปื่อย จนเที่ยงผมกะจะหาอะไรกิน ประตูหน้าบ้านก็เปิดออกพร้อมร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามา เขามาในชุดสุภาพของพนักงานกับถุงอะไรบางอย่าง พอเขาเดินมาหาผมก็เผลอถอยหน่อยนึง มองหน้าเขาอย่างระแวง กะว่าจะซักเขาให้ละเอียดเลยเรื่องที่ตามผมไปที่ไทย กับเรื่องลูกแก้วแอบดูผม แต่พอตัวจริงมายืนตรงหน้า ผมก็หาคำพูดตัวเองไม่เจอ
“กินอะไรหรือยัง” เขาพูดแต่ไม่ได้มองหน้าผม เดินเลยไปที่ครัวแทน
“ยังเลย ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ ไม่ทำงานเหรอ” ผมก็เดินตามเขาไปแบบห่างๆ
“พักกลางวัน” เขาตอบมาสั้นๆแค่นั้น แล้วเริ่มเอาของจากในถุงเข้าตู้เย็น เดินไปหุงข้าว เริ่มเปิดเตาตั้งกระทะ ผมยืนเอ๋อๆอยู่ไม่นานก็เข้าใจว่าเขามาทำอะไร มาทำข้าวกลางวันให้ผม? จู่ๆผมก็เขินขึ้นมา แค่เขามาทำกับข้าวแล้วทำไมผมต้องเขินด้วยเนี่ย ผมนี่ชักจะบ้าไปใหญ่แล้ว
“ไม่ต้องกลับมาก็ได้ ยูทำกับข้าวกินเองได้นะ” ผมพูดไปเสียงแผ่ว
“จะได้ไม่เหงา” เขาพูดขึ้นห้วนๆอีกครั้ง ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำอาหาร
จะได้ไม่เหงา? กลับมาหาผมเพราะกลัวผมจะเหงา? ตอนนี้แก้มผมร้อนกว่ากระทะซะอีกมั้ง ผมยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเอง ช่างเป็นผู้ชายที่ขยันทำให้เขินได้ทุกขณะเลยจริงๆ พอทำอะไรไม่ถูกผมก็เลยจู่โจมเขาโดยการกระโดดไปเกาะอยู่ข้างหลัง กอดเอวใหญ่ๆนั่นไว้แล้วแหงนหน้าไปมองเขา หวังว่าจะได้เห็นหน้าเขินๆสักหน่อยก็ยังดี แต่เขากลับมองลงมาดุๆ
“ไปรอข้างนอก เดี๋ยวน้ำมันกระเด็น”
“กอดก็ไม่ได้! ไหนว่าจะได้ไม่เหงาไง” ผมบ่น
เชอะ ผมปล่อยเอวเขาแล้วเดินสะบัดหน้าออกมา อ้อนหน่อยก็ไม่ได้ ผมเดินหน้าบูดไปทิ้งตัวลงบนโซฟา รอไม่นานเลยเขาก็ทำอาหารง่ายๆมาวางตรงหน้าผม พร้อมนั่งลงข้างๆ ผมกินไปมองหน้าเขาไป ยังคงสงสัยพฤติกรรมของเขา ถ้าเขามาตามดูผมจริงก็ต้องมีอะไรแอบแฝงสิ เอาไงดี ถามตรงๆก็ไม่กล้า ผมได้แต่คิดอะไรเพลินๆคนเดียวจนกินเสร็จ แล้วเขาก็คว้าจานจากมือผมไปล้างอีกตามเคย เขาจะทำให้ผมเป็นง่อยแล้ว กินๆนอนๆเนี่ย ผมวิ่งตามไปแย่งจานคืนมา
“รีบไปทำงานเถอะ เดี๋ยวทำความสะอาดเอง”
“ไม่เป็นไร”
“มาทำอย่างนี้คิดอะไรกับเค้ารึเปล่าเนี่ย ทำไมต้องมาตามใจด้วย”ผมบ่น เลิกยื้อแย่งจานกับเขาแล้ว ก็เขาแรงเยอะกว่าผม ต่อให้ยื้อนานกว่านี้ก็ไม่ชนะอยู่ดี เขาเหลือบตามองผมเล็กน้อยแล้วเริ่มล้างจาน ผมยืนฟึดฟัดอยู่ข้างๆ เขาก็ไม่เห็นจะสนใจเลย ไม่เอาล่ะ ผมไม่คิดฟุ้งซ่านแล้ว ผมเดินหนีออกไปที่เรือนกระจกด้านข้างไปนั่งเล่นกับบรรดาแมวฝูงใหญ่ แอบได้ยินเสียงเขาเหาะขึ้นฟ้าไปแล้ว ไม่แม้แต่จะมาบอกกันสักคำว่าจะไป ผมไม่น่าคิดไปเองเลยว่าเขาจะชอบผมหรืออะไรอย่างนั้น ผมเล่นกับแมวไม่นานก็เบื่อ เลยออกไปตามหาพี่ก้องอีกครั้ง เห็นเขาเดินเข้าไปในบ้านอีกหลังไกลจากบ้านของคัตสึโทชิมากอยู่ เป็นบ้านเล็กๆแต่ก็น่าอยู่ไม่น้อย
“พี่ก้อง” ผมส่งเสียงไปดังๆ เขาที่กำลังจะเข้าไปเลยกลับออกมา
“คะ ครับ” เขาติดอ่างนิดหน่อย คงเพราะเมื่อเช้าผมไปขู่เอาความจริงจากเขา เขาเลยมีท่าทีไม่อยากคุยกับผมเท่าไหร่
“ยูเบื่ออ่ะ มีอะไรให้ทำไหม เลี้ยงสัตว์ รดน้ำต้นไม้อะไรอย่างนั้น” ผมยิ้มหวานให้เขา รู้สึกดีใจที่ได้เห็นพี่ชายข้างห้องอีกครั้งนะ พี่เขาน่ารักมาก เอาข้าวเอาขนมมาให้ผมกินทุกวันเลยผมจำได้ ตอนแรกก็คิดว่าพี่เขาจะจีบหรอก แต่เขาชอบเล่าเรื่องแฟนให้ฟังผมเลยสบายใจได้
“ไม่ดีมั้ง .. เดี๋ยวเกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา คุณคัตสึโทชิโกรธแย่เลย”
“โกรธ? เวลาเขาโกรธเป็นยังไงอ่ะ พี่ก้องเล่ามาเลย” ผมทำตาโต ตอนนี้ผมเห็นแต่หน้าดุๆของเขา กับหน้าตายแค่สองอย่าง ถ้าพี่ก้องพูดอย่างนั้นก็ต้องเคยเห็นตอนโกรธแหงๆ พี่ก้องมองหน้าผมแล้วถอนหายใจนิดหน่อย
“เล่าไม่ถูกหรอก แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นยักษ์ เวลาโกรธน่ากลัวน่าดู ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าดื้อกับเขานักเลย” พี่ก้องยิ้มเอ็นดูมาให้ แม้แต่พี่ก้องก็ยังทำเหมือนผมเป็นเด็ก มันก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อเจ้าก้อนหินอายุมากกว่าผมเป็นร้อยปี ส่วนพี่ก้องอายุมากกว่าผมเกือบยี่สิบปี แต่ผมชินเรียกเขาว่าพี่มาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ผมมองๆพี่เขาไม่นานก็ขยับเอาหัวไปไถพุงพี่ก้องอย่างอ้อนๆ พี่เขาหัวเราะหึหึแล้วลูบหัวให้ผม แหม ชอบจังเลยเวลามีคนลูบหัว
“เรานี่เป็นแมวจริงๆด้วย พี่ก็ว่าเมื่อก่อนเราดูแปลกๆ เห็นชอบไล่จับอะไรที่วิ่งๆได้” พี่ก้องขยี้หัวผมไปมา ผมเองก็หัวเราะเมื่อนึกขึ้นได้ ตอนเด็กๆผมควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้เหมือนตอนนี้ เวลาเห็นอะไรปัดๆผ่านหน้าผมจะกระโดดไปตะปบ ตอนนี้เริ่มควบคุมตัวเองได้บ้าง แต่บางทีก็เผลอๆเหมือนกัน
“เดี๋ยวพี่ไปรับลูกที่โรงเรียนก่อน กว่าจะไปถึงก็คงเลิกเรียนพอดี เราเองก็อยู่นี่ดีๆอย่าซนอะไรล่ะ” เขาปล่อยมือออกจากหัวผม
“มีอะไรที่ก้อนหิน เอ่อ คัตสึโทชิหวงมากๆบ้างไหม ที่แตะไม่ได้ ห้ามเล่น เดี๋ยวเขาจะโกรธน่ะ ผมจะได้ไม่ยุ่งไง” ผมถามขึ้น ทั้งๆที่ในใจแอบคิดไว้แล้วว่าอะไรที่เขาหวงมากๆ ผมจะพังยับเลย อยากเห็นเสียจริงเวลาโกรธๆเนี่ย
“อย่าคิดว่าพี่รู้ไม่ทันนะ พี่ไม่บอกหรอก กลับไปรอเขาที่บ้านดีๆล่ะ” เขายิ้มให้ผม แล้วก็เดินไปที่จักรยาน ผมต้องเดินออกมาจากบ้านเพื่อให้เขาปิดบ้านให้เรียบร้อย แล้วก็เลยเหลือแค่ผมคนเดียวเลย ผมเดินไปฝนเล็บกับต้นไม้เล่น มันน่าเบื่อจริงๆนะ ปกติผมต้องนึกตลอดว่าวันนี้ไคริจังกินอะไรรึยัง เขากินปีศาจครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อาการเขาเป็นยังไงบ้าง ไคริจังอย่างนั้น ไคริจังอย่างนี้ พอไม่มีธุระอะไรต้องทำให้เขา ผมก็รู้สึกว่ามันว่าง ว่างมากๆด้วย ผมปีนป่ายขึ้นไปบนต้นไม้แล้วมองไปรอบๆ สวนนี้มันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจริงๆ
ผมกระโดดลงจากต้นไม้แล้วเดินออกมาเรื่อย เล่นกับพวกกวาง กระต่าย กระรอก วิ่งไล่กับนกไปตามทางจนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ฟ้าเริ่มมืดลง ผมตัดสินใจจะกลับบ้านคัตสึโทชิ แต่แล้วพอหันไปมองรอบตัว ผมไม่เห็นอะไรเลยนอกจากต้นไม้ ต้นไม้ แล้วก็ต้นไม้ ผมเริ่มเครียดจึงปีนขึ้นไปยังต้นไม้ที่สูงที่สุดในละแวกนี้อีกครั้ง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็หาบ้านของคัตสึโทชิไม่เจอ ไม่เห็นวี่แววเลย ผมมองอยู่ดีๆก็โดนอะไรบางอย่างซัดจนปลิวตกลงมาจากยอดไม้ ผมรีบแปลงร่างกลับเป็นแมว แล้วยืนอยู่ด้านล่างได้อย่างสวยงาม ใจหายแวบเลยครับ
ผมวิ่งไปตามต้นไม้เพื่อหาทางกลับ แต่ยิ่งวิ่งก็เหมือนยิ่งหลง รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตามมา ผมวิ่งสุดชีวิตจนสะดุดรากไม้ใหญ่ๆ พุ่งเข้าไปในพุ่มไม้ที่มีแต่หนาม กิ่งเล็กพวกนั้นพันเข้ามาตามตัวผมเหมือนมีชีวิต ผมตกตะลึงได้ไม่นานก็ต้องตะกายตัวออกสุดความสามารถ รีบแปลงร่างกลับเป็นคนอีกครั้งเพื่อกระชากกิ่งไม้แหลมคมออกจากตัว เหมือนเห็นเงาดำอะไรบางอย่างพาดผ่านตัวไป
“พี่ก้อง! โทชิ! ใครก็ได้” ผมร้องเสียงดังเมื่อเริ่มเจ็บและกลัว หนามของมันบาดไปทั่วทุกบริเวณ รัดแน่นที่โคนขาไปจนถึงเท้า มันลากตัวผมไถลไปตามทาง ผมพยายามตั้งสติเพื่อจะได้รู้ว่ากำลังต่อกรกับอะไร ผมถูกลากมาจนหยุดอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ที่ดูเก่าแก่ กิ่งก้านใหญ่โตเหมือนจะบิดหันมาทางผม
“โอ๊ะโอ นี่อะไรกันเนี่ย ลูกแมวตัวน้อย ข้าไม่กินอาหารมานานมากแล้ว ขอหม่ำเจ้าเสียเลยก็แล้วกัน” มีใบหน้าของหญิงสาวโผล่ออกมาจากใจกลางของลำต้น แลบลิ้นเลียปากอย่างน่ากลัว ใบหน้าของเธอไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มันขาวโพลนไปหมด แม้กระทั่งดวงตาที่ปูดโปนออกมา ปากของเธอแดงเหมือนสีเลือด พร้อมทั้งแสยะยิ้มกว้างให้ผม
ถึงผมจะเป็นปีศาจ แต่ผมก็ไม่เคยเจอสิ่งนี้! แม่ผมเล่าเรื่องปีศาจให้ฟังมากมายก็จริง แต่ผมไม่เคยเห็นต้นไม้ที่มีชีวิต และตอนนี้หนามของมันแทงเข้ามาทั่วทั้งตัวของผม เลือดของผมไหลลงสู่พื้น เธอดึงตัวผมขึ้นในอากาศจนเข้าไปใกล้ใบหน้านั้น ก่อนจะแลบลิ้นเลียเลือดที่ไหลออกมาของผม ผมตัวสั่นอย่างหวาดผวา ก่อนจะกลั้นใจเอาเล็บจิกลงไปที่กึ่งกลางของต้นไม้ กะว่าจะดึงวิญญาณออกมาเหมือนที่เคยทำกับปีศาจตนอื่นๆ
แต่ผมต้องผวาเมื่อสัมผัสได้ถึงวิญญาณที่มากมายนับไม่ถ้วนในนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนที่เข้ามาในโสตประสาททำให้ผมต้องผละมือออก รู้สึกได้ว่ากิ่งไม้แทรกเข้ามาในขาและกำลังดูดเลือดของผมออกไป ผมพยายามอย่างมากที่จะใช้มนตร์แรงๆ แต่เพราะผมไม่เคยฝึกมนต์อย่างจริงจังมาก่อน ปกติเมื่อผมต้องล่าวิญญาณปีศาจ ผมเพียงแค่ล่อหลอกด้วยร่างกายเสมอ ตอนนี้ผมเลยไม่อาจสู้กับต้นไม้ปีศาจที่กิ่งก้านของมันดึงแขนผมให้อยู่นิ่งๆได้ ผมจะทำยังไงดี ทำยังไงดี ผมดิ้นหนีจากหนามแหลมที่ระรานอยู่ทั่วตัว
“ใครก็ได้!! ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลยเหรอ” ผมร้องออกไปสุดเสียง และพยายามดึงกิ่งไม้ที่ดูดเลือดผมอยู่นี่ออกไปด้วย
“ยู!” เสียงที่ผมอยากได้ยินที่สุดในตอนนี้ดังอยู่ไกลๆ ผมใจเต้นแรงเมื่อรู้ว่าเขาอยู่แถวนี้ แต่พอจะส่งเสียงออกไปกิ่งไม้ก็พันขึ้นมาจนถึงหน้าของผม แทรกเข้ามาในปาก ความเจ็บปวดของหนามที่แหลมคมที่กระแทกเข้ามาในปากทำให้น้ำตาผมไหล ผมออกแรงสุดชีวิตในการตัดกิ่งไม้ออกไปจากตัวด้วยเล็บคมๆของผม
เสียงร้องโหยหวนยังคงดังชัดเจน ภาพของคนหนุ่มสาวมากมายกรีดร้องและหวาดกลัว ภาพที่เหมือนจริงวนเวียนอยู่ในหัวของผมจนไม่อาจลืมตาขึ้นมองสถานการณ์ตรงหน้าได้ มีคนมากมายวิ่งสวนกันไปมา เสียงระเบิด เลือด และการต่อสู้ ภาพตัดวนไปมารวดเร็วจนเวียนหัว ฉับพลันผมเห็นภาพทหารกลุ่มหนึ่ง พวกเขาตรงเข้ามาหาผมก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าออก แววตาพวกนั้นผมรู้จักดี ผมไม่รู้ว่าตอนนี้อะไรเป็นอะไร ผมอยู่ที่ไหน คนพวกนี้เป็นใคร ผมพยายามดิ้นหนีจากแรงมหาศาลที่ฉุดรั้งผมเอาไว้ พวกเขาคร่อมทับตัวของผมไว้แล้วเริ่มรุกรานเข้ามา ความรู้สึกเจ็บที่เหมือนจริงจนผมตัวสั่น ผมทำอะไรไม่ได้เลย
“อย่าเข้ามานะ อย่าทำผม” ผมพยายามผลักคนตรงหน้าออกไป มันเกิดอะไรขึ้น คนพวกนั้นมองหน้าผมแล้วแสยะยิ้มออกมา
“นายชอบไม่ใช่เหรอ ชอบให้คนสัมผัสนายอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ดูสิ แม้แต่เพื่อนของนายก็ชอบ” เสียงพวกเขาดังก้องไปมา เขาเอนตัวไปด้านหลังและผมเห็นไคริถูกพวกมันทำแบบเดียวอยู่ด้านหลัง ผมพยายามดิ้นหนีเพื่อไปช่วยเขา แต่ความเจ็บปวดที่แทรกเข้ามาด้านล่างทำให้ผมตาพร่า แม้จะพยายามหลับตาเท่าไหร่ก็ยังคงเห็นภาพพวกเขาที่อยู่เหนือตัวผม มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม มันต้องไม่ใช่ ผมพยายามตั้งสติ แม้ว่าสิ่งที่แทรกเข้ามาอย่างรุนแรงที่ช่องทางด้านล่างกับความเจ็บปวดเกินกว่าจะร้องออกไปได้มันเป็นของจริง
“อย่ายุ่งกับไครินะ อย่ายุ่งกับเขา” ผมพยายามดิ้นหนี ไคริของผมร้องไห้อยู่ตรงนั้น ผมช่วยเขาไม่ได้ และหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้าน ผมกำลังจะยอมแพ้ แต่จู่ๆภาพทั้งหมดตรงหน้าก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ภาพท้องฟ้ายาวราตรีกลับสู่สายตาผมอีกครั้ง กิ่งก้านของดอกไม้ด้านบน พร้อมกับดวงตาสามดวงตรงหน้า ดวงตาที่มันด้านชาอยู่เสมอมองตรงมาที่ผมด้วยความรู้สึกที่หลายหลาย ผมไม่เคยดีใจที่เห็นเขาเท่านี้มาก่อน ผมร้องไห้ออกมาทันที
“ยู .. ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” เขาอุ้มผมขึ้น ผมหลับตาแน่นแล้วกอดเขาเอาไว้ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมเจ็บไปหมดทั้งตัว รวมถึงด้านล่างนั่นด้วย
“อย่ามาแย่งเหยื่อของข้านะ เจ้ายักษ์!” เสียงกรีดร้องของต้นไม้นั่นดังจนผมสะดุ้ง ผมเกาะเกี่ยวคัตสึโทชิเอาไว้แน่น ไม่กล้าหันไปมองมันอีก อ้อมกอดที่ได้รับกลับมาทำให้ผมใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ว่าเขาอยู่กับผมตรงนี้จริงๆ
คัตสึโทชิไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป นอกจากท่องมนตร์ภาษายักษ์ เขาท่องอยู่ไม่นานทุกอย่างก็เงียบสนิท ผมค่อยๆเงยหน้าออกมา ต้นไม้ตรงหน้าก็เป็นเพียงต้นไม้ธรรมดาทั่วๆไป มันไม่เคลื่อนไหว คัตสึโทชิขยับมาดึงหนามแหลมและกิ่งไม้ที่พันอยู่รอบตัวผมออก มีกิ่งไม้หนึ่งที่พันตั้งแต่ข้อเท้าขึ้นมาถึงขาอ่อน และแทรกเข้ามาในตัวของผม มันยังอยู่ในตัวของผมแม้จะไม่ได้ขยับ แต่มันก็เจ็บจนผมไม่กล้าดึงออก และคัตสึโทชิเองก็นิ่งไปเมื่อเปิดยูคาตะออกแล้วเห็นว่ากิ่งไม้นั้นแทรกเข้ามาในตัวผม เขามองหน้าผม ก่อนจะค่อยๆเอามีดเล็กตัดกิ่งไม้จากด้านล่างออกไปก่อน
“เจ็บไหม” เขาพูดเสียงอ่อนโยน ผมเลยร้องไห้ออกมาอีกรอบด้วยความรู้สึกที่แสนสับสน ภาพของกลุ่มทหารเมื่อครู่ยังติดตรึงอยู่ในหัว
“ฮึก โทชิ เอามันออกไป ช่วยยูด้วย” ผมสะอื้นแล้วกอดเขาแน่น
“ไม่ต้องกลัว มันไม่ใช่เรื่องจริง ไม่มีอะไรนะ กลับบ้านกัน อยู่ตรงนี้มองอะไรไม่ถนัด” เขากระซิบแล้วลูบหัวปลอบผม แล้วค่อยๆกอดผมแนบตัว แล้วเหาะขึ้นไปในท้องฟ้า เขาเหาะอยู่ไม่นานก็กลับลงมาที่บ้าน พาผมไปนั่งบนเบาะ ไฟที่เปิดสว่างทำให้ผมเห็นว่าทั้งตัวผมเต็มไปด้วยบาดแผล
“ก้อง มีใครบุกรุกเข้ามาในสวนไหม ทำไมเขาไปโผล่ตรงนั้นได้” คัตสึโทชิหันไปพูดกับพี่ก้องที่ยืนทำหน้าตกใจอยู่นอกประตูบ้าน
“ไม่น่ามีนะครับ แต่ลำพังน้องไม่น่าเดินไปไกลจนถึงฝั่งต้องห้ามได้เลย ผมเลยไม่ได้บอกน้องไว้ว่าห้ามไปตรงนั้น พี่ขอโทษ เป็นอะไรไหมยู” พี่ก้องหันมาทำหน้าขอโทษขอโพยให้ผม ผมไม่รู้จะตอบอะไร ในเมื่อใจยังสั่นไม่หาย
“เอาเถอะ ไว้จะไปตรวจเอง นายไปพักซะ ดูรอบๆให้ดีด้วย เผื่อมีใครบุกรุกเข้ามา ฉันจะดูแผลให้ยูก่อนแล้วค่อยออกไปเคลียร์” คัตสึโทชิพูดโดยไม่ได้หันไปมอง พี่ก้องดูเป็นห่วงผมนิดหน่อยแต่ก็รับคำแล้วออกไปเงียบๆ ประตูหน้าบ้านปิดลงแล้วล็อคสนิทเองโดยที่คัตสึโทชิไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย เขาขมวดคิ้วแน่น แล้วค่อยดึงยูคาตะของผมออก ขยับขาผมออกจากกัน
“ขอโทษนะ แต่ฉันต้องดูมันให้นาย” เขามองขึ้นมาราวกับจะขออนุญาต ผมพยักหน้าทันที ตอนนี้ไม่เหลือความเขินอายอะไรนอกจากอยากให้มันออกไปจากตัวเร็วๆ กิ่งไม้ที่ยังคงคาอยู่ในช่องทางด้านล่างของผม และมันเจ็บมากจนผมต้องกัดปาก ยื่นมือออกไปจับมือใหญ่ๆของคัตสึโทชิเอาไว้มือหนึ่ง
“ตรงนั้นไม่ใช่สวนของฉัน มันเป็นป่าเก่าแก่ที่เคยเป็นสนามรบ ผู้คนมากมายล้มตายและถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมที่นั่น พวกเขาอาฆาตแค้นและเจ็บปวดจึงรวมกันเข้าไปสิงในต้นไม้ เป็นปีศาจเก่าแก่และอันตรายมาก ไม่มีใครย่างกรายเข้าไปบริเวณนั้นนานมากแล้ว ทำให้ตำนานถูกลืมเลือนไป พวกเขาแก้แค้นด้วยการกินเลือดของมนุษย์ที่ผ่านเข้าไปใกล้ สร้างภาพหลอนโดยดึงจากจิตสำนึกว่าคนคนนั้นหวาดกลัวอะไรมากที่สุด แล้วจะเล่นงานให้หวาดกลัวและเสียสติ ก่อนจะกินคนคนนั้นเข้าไป พวกเขาถูกเรียกว่า จูโบตโกะ” เสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนราวกับกำลังเล่านิทานทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นเพียงเล็กน้อย เมื่อมือของเขาค่อยๆดึงกิ่งไม้นั่นออก ผมก็ร้องออกมา มันเจ็บมากจนผมตัวสั่น
“อย่าเกร็ง ใจเย็นๆ เจ็บรวดเดียวนะ กลั้นใจนะยู” เขาพูดมีท่าทางเคร่งเครียดมากขึ้นเมื่อเห็นผมร้องไห้ เขาดึงมันออกไปรวดเดียว ผมร้องออกมาเสียงดัง แล้วเอนทั้งตัวไปหาเขา คัตสึโทชิโยนกิ่งไม้นั่นทิ้งแล้วเข้ามากอดผม
“ขอโทษ ฉันเข้าไปช่วยไม่ทัน”
“ฮึก นายรู้ไหมมันทำอะไรบ้าง ฮือ โทชิ ไม่เอาแล้ว มันเหมือนจริงมากเลย” ผมร้องไห้แล้วเริ่มเล่าออกไปจนหมดว่าผมเห็นอะไร เขาพยักหน้าและรับฟังทั้งหมดอย่างตั้งใจ กอดผมเอาไว้ทั้งตัว ความอบอุ่นของเขาทำให้ผมค่อยๆตั้งสติได้ มือของเขาคอยปาดน้ำตาออกให้ผมอย่างแผ่วเบา ความใจดีของเขากำลังทำให้ผมไขว้เขวอีกแล้ว ผมรู้สึกอยากให้เขาโอ๋อย่างนี้ไปเรื่อยๆเลย ผมชอบเวลาที่เขาทำท่าทีเหมือนแคร์ผมที่สุดในโลกอย่างนี้ มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ
“นายรักไคริมากเลยนะ ต้นไม้นั่นถึงได้ใช้ไคริในการจัดการนาย”
“อือ โทชิ เจ็บจังเลย เลือดไหลแล้ว” ผมพึมพำเมื่อรู้สึกว่าเลือดไหลอยู่ที่ด้านล่างของผม เขาตกใจแล้วก้มลงมอง สีหน้าของเขาดูเป็นกังวลและเครียดมาก จากที่ผมหวาดกลัวแทบสิ้นสติก็ค่อยๆกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง เขาอุ้มผมไปบนเตียงแล้วถอดเสื้อผ้าของผมออกหมด พอหายกลัวผมก็เขินนิดหน่อยเมื่อเขาเอายามาทาให้ผมทั่วทั้งตัว แถมยังเช็ดตัวให้ผมอย่างอ่อนโยน ก่อนที่เขาจะย้ายลงไปด้านล่าง ท่านี้มันทำให้ผมคิดลึกยังไงก็ไม่รู้ เมื่อเขานั่งอยู่ปลายเตียง มองผมที่เปลือยเปล่าทั้งตัว แถมตอนนี้เขายกสะโพกผมขึ้นเพื่อดูแผลชัดๆ ก่อนจะค่อยๆเอาผ้าชุบน้ำเช็ดให้ ผมรู้สึกแปลกเมื่อนิ้วเขามันมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น จึงได้แต่กลั้นหายใจอยู่นานจนเขาเช็ดเสร็จ
“ทายานะ” เขาส่งยามาให้ผม คงไม่กล้าจะทาเอง เมื่อเขาหันไปทางอื่น อันที่จริงเขาก็มีความรู้สึกเหมือนกันนี่
“ยูมองไม่เห็นหรอก ทาให้หน่อย”
“มันต้องทาข้างในด้วย” เขาหันมาพูดอย่างจริงจัง ดูเหมือนหูเขาจะแดงหน่อยๆ ผมยิ้มออกมา แค่อาการเล็กน้อยของเขาก็ทำให้ความกลัวของผมมันถูกขจัดไปในชั่วพริบตา ผมส่งยาใส่มือของเขา คัตสึโทชิหูแดงอยู่แค่นิดเดียว ก่อนจะกลับเป็นปกติเมื่อมองลงมาที่แผลของผม เขากลับทำหน้าเครียดๆแทน
“ฉันร่ายมนตร์ล้อมรอบสวนเอาไว้แล้ว ไม่ให้นายหลุดออกไปเจอเรื่องอันตรายนั่น ต้องมีใครสักคนทำลายมัน และจงใจทำร้ายนาย ช่วงนี้ห้ามออกจากบ้านเด็ดขาด จนกว่าฉันจะเจอตัวคนทำ เข้าใจไหม” เขามองผมดุๆ แต่ตอนนี้ผมรับรู้ได้แล้วว่าเขาเป็นห่วงผม ผมเลยได้แต่ยิ้มตอบกลับไป พูดดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องดุกันเลย เขาเป็นพวกปากแข็งรึเปล่าเนี่ย เขาเลิกพูดแล้วค่อยๆบีบยาลงบนมือ ทาเบาที่ปากทางก่อนจะสอดนิ้วเข้ามาช้าๆ ผมสะดุ้งโหยงเมื่อยามันแสบมาจนเกือบยกเท้าถีบเขาเข้าให้ ผมยื่นมือไปจิกที่หลังเขาอย่างช่วยไม่ได้
“เจ็บอ่ะ” ผมร้องเบาๆ
“อดทนหน่อย เลือดจะได้หยุด” เขากัดฟันพูด ดูเหมือนจะเจ็บแทนผมเสียด้วยซ้ำเมื่อเขาทำหน้าเครียดเหมือนโลกจะแตก
“ฮึก โอ๊ยๆ โทชิ เอาออกก่อนได้ไหม เจ็บ ไม่ไหวแล้ว” ผมร้อง น้ำตาไหลแบบไม่ต้องบีบเมื่อความแสบและเจ็บภายในเล่นงานอย่างจัง เจ้ายักษ์ค่อยๆถอดนิ้วออกไปตามคำขอ เขาจ้องหน้าผมอย่างกังวล ผมนอนนิ่ง ไม่กล้าขยับไปไหนเลยเมื่อมันเจ็บแบบสุดๆ เดาว่าไอ้กิ่งไม้บ้านั่นมันมีหนามด้วย ผมถึงได้เจ็บขนาดนี้ คัตสึโทชิบีบยาใส่นิ้วอีก ผมค่อยๆยันตัวขึ้นนั่ง
“กอดหน่อย จะได้เจ็บน้อยลง ..นะ” ผมขอร้องเขา มันเจ็บมากจนผมคงทนไม่ไหว จึงต้องเรียกร้องให้เขาทำอย่างอื่นที่จะดึงความสนใจผมออกไปจากแผล คัตสึโทชิค่อยๆช้อนตัวผมไปนั่งตัก ก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วเข้ามาใหม่
“โทชิ ฮึก จูบ จูบหน่อยได้ไหม” ผมสะอื้นทันทีเมื่อความเจ็บเข้าเล่นงาน ผมจ้องตาเขาอย่างขอร้อง อยากให้เขาทำอะไรสักอย่าง ผมกัดปากตัวเองแน่นเมื่อเขาค่อยๆขยับนิ้วไปตามแผลข้างใน ผมตัวสั่นระริก น้ำตาหยดลงมาเต็มสองแก้ม เขามองหน้าผมไม่นานก่อนจะขยับเข้ามาใกล้
“ถ้างั้น ขออนุญาต” เขาพูดแค่นั้นก่อนจะจรดริมฝีปากลงมา ความตกใจที่มีทำให้ผมลืมเจ็บไปชั่วขณะ ผมไม่คิดว่าเขาจะทำจริงๆ เมื่อริมฝีปากเขางับเบาๆลงมาผมก็ใจสั่น ความเจ็บปวดข้างล่างไม่อาจทำอะไรผมได้อีกเมื่อผมใจเต้นรัว มองเห็นเพียงตาของเขาที่จ้องมา แววตาที่ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นว่ามันเย็นชา ตอนนี้กลับไม่ใช่ แววตาของเขาอ่อนโยน เช่นเดียวกับจูบของเขา
“ฮื้อ” ผมครางเบาๆเมื่อความเจ็บปวดแปรแปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
“อ๊ะ โทชิ เอาออกทำไม” ผมแหย่เขาเมื่อเขารีบเอานิ้วออกทันทีที่ได้ยินเสียงผมครางอย่างนั้น ยาดีจริงๆ ความเจ็บแสบมันค่อยๆหายไป ทิ้งไว้แต่อารมณ์อย่างอื่น แผลตามตัวของผมก็ค่อยๆจางลงเล็กน้อยแล้วด้วย
“..ว่าแต่เมื่อกี้จูบแรกของนายรึเปล่าโทชิจัง นายจูบไม่เป็น” ผมยิ้มออกมาเมื่อจับได้ว่าจูบของเขามันช่าง ..ไร้เดียงสา
เขาเงียบกริบเลยแฮะ ไม่รู้ว่าเขินหรืออะไร ผมยิ้มอย่างดีใจเมื่อขโมยจูบแรกมาได้ ผมเลยยันตัวไปหอมแก้มเขาอีกครั้งนึง คัตสึโทชิทำตาโตใส่ผม แต่ก็ไม่ยอมขยับไปไหนเพราะผมนั่งตักเขาอยู่ เขาน่ารักจังเลย ผมเลยจูบเขาอีกทีเป็นรางวัล คราวนี้สอดลิ้นเข้าไปด้วยเป็นตัวอย่างให้พ่อยักษ์ที่อยู่มาร้อยปีแต่ไม่ยักจะเคยจูบ มือของเขาเลื่อนลงมาที่สะโพกผมโดยอัตโนมัติ ผมรู้น่าว่าผู้ชายมันเป็นเองโดยสัญชาตญาณเมื่อมือของเขามันขยับโดยที่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยมั้ง มือผมเลื่อนไปที่อกของเขา สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ภายใน
“ทีหลังเอาแบบนี้นะโทชิ” ผมยิ้มหวานให้เขาเมื่อผละออก
“เด็กแก่แดด” เขาบ่นผมออกมาในที่สุด แล้วจับผมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ผมได้แต่หัวเราะเบาๆกับปฏิกิริยาของเขา
“อะไร ผู้ใหญ่ไร้เดียงสา แก่แต่อายุเหรอ”
“เงียบๆ นอนไป” เขาจับผมห่มผ้า แล้วก็เดินออกไปนอกห้อง ผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว จนเขากลับมาพร้อมกับข้าวอ่อนๆ และนมอุ่นๆ
“จะลบความจำให้เอาไหม โอเครึเปล่ากับเรื่องเมื่อกี้” เขามองผมอย่างกังวล ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะจำเรื่องที่ต้นไม้นั่นทำกับผมหรอก แต่เพราะว่าเขาทำเรื่องน่ารักๆกับผม ผมก็เลยไม่อยากลืมว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะสิ ผมยิ้มให้เขาแล้วส่ายหัวไปมา ก่อนจะอ้าปากน้อยๆให้เขาป้อนข้าว คัตสึโทชิก็เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย เขาค่อยๆเป่าข้าวที่ร้อนอยู่ให้ผม แล้วก็ป้อนมา
โอย.. ทำไงดี ผมจะชักจะชอบเขาขึ้นมาแล้วสิ คนหน้าตายอย่างเขาทำไมดูน่ารักขึ้นมาแบบนี้ล่ะ เขาเป่าให้ผมก่อนป้อนด้วย ช่างใส่ใจในรายละเอียด
“นอนได้แล้ว พรุ่งนี้จะทายาให้ จะได้หายไวๆ”
“ไม่อยากหายเลย” ผมพึมพำ ชอบเวลาเขาทำแบบนี้ ไม่เคยมีใครดูแลผมแบบนี้มาก่อน แม้แต่แม่เองก็ต้องใช้เวลาให้ไคริ ผมดูแลตัวเองมาตลอด
คัตสึโทชิมองมาทางผม ดูเหมือนเขาได้ยินที่ผมพึมพำ
“หายไวๆ แล้วจะตามใจทุกอย่างเลย” เขาลูบหน้าผากผมเบาๆ ผมขยับหัวเข้าหามือนั่นอย่างเคลิ้มๆ พอเขาจะผละออกผมก็ทำหน้าบูด เขาเลยต้องขยับมานอนข้างๆแล้วลูบหัวให้ผม ผมทบทวนคำพูดของเขาระหว่างที่กำลังเคลิ้ม
ต้องตามใจทุกอย่างจริงๆนะ นายเสร็จฉันแน่ คัตสึโทชิ!
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
น่าจะพอเดากันได้ว่าเป็นฝีมือของใคร น้องแมวโดนทะลวงซะเจ็บแทนเลย ฮืออออ
แต่ข้อดีคือ ได้ขโมยจูบพี่ยักษ์ทื่อ ผู้หวงตัวมาเป็นเวลาร้อยปีค่ะ ฮ่าๆๆ
แมวน้อยขี้อ่อยอะไรขนาดนี้ พี่ยักษ์เองก็อดทนล้ำเลิศค่ะ
ตอนนี้แวบมาลงไวๆ แล้วจะมาตอบคอมเม้นตอนหน้าน้า ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รู้สึกยูจะเป็นนายเอกที่เปลื้องตัวมาก กว่าจะได้จูบพี่ยักษ์ 555 สงสารหรือฟินดี
ยัยยักษ์ข้างบ้านตัวแสบ ชั้นรู้นะว่าแกคลายมนต์ไป